ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เล่าหนัง..... "What's Your Number (2011) เธอจ๋า... มีแฟนกี่คนจ๊ะ

เริ่มโดย (จิ๋ว), มีนาคม 18, 2020, 09:49:00 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

(จิ๋ว)


อยากกลับมาเล่านิยายนะ  แต่ต่อมเล่าเรื่องอักเสบ  เขียนอะไรไม่ออก...เห้อ
ขอเริ่มจากเรื่องง่าย ๆ ก่อนละกัน เผื่อว่า จะเรียก ตัวของตัวเองกลับคืนมาได้

คือว่าชอบเรื่องนี้ มันเริ่มที่ได้ดูยูทูป มีคนเล่าสปอยเรื่องนี้ให้ฟัง แล้ว... อยากดู
แต่พอดูแล้ว อยากเขียนสปอย แบบ จิ๋วจิ๋ว ขึ้นมาซะงั้น ม่ะ มาลองอ่านดู

=========================================
What's Your Number (2011)
=====================
หนังเรื่องนี้เล่าถึงสาว ผมบรอนด์วัยทำงานนางนึงชื่อเอลลี่  เธอเป็นคนที่วิตกกังวล กับจำนวนคู่นอนของเธอ
เมื่อเธอพบว่า เธอมีคู่นอนในปริมาณที่ สูงกว่าคนปกติทั่วไป ตามที่คอลัมน์ในนิตยสารกล่าวอ้างถึง
ซึ่งบทความนั้นกล่าวไว้ว่า เฉลี่ยแล้ว ผู้หญิงจะมีจำนวนคู่นอนอยู่ที่ 10.5 คน (ไอ้ 0.5 นี่มันนับมาได้ยังไงนะ)
เธอเลยเริ่มต้น นึก และนับอย่างจริงจัง ซึ่งเธอนับได้ถึง 19 คน จนถึงตอนที่นับอ่ะนะ  สถานการณ์ของเอลลี่
ในตอนต้นนี้นับว่าแย่มาก เพราะเธอเพิ่งตกงาน ยังไม่มีแฟนเป็นตัวตน ซ้ำร้าย คือน้องสาวของเธอ (เดซี่)
ก็กำลังจะแต่งงาน  ในขณะที่เธอยังหาคนที่จะยอมไปร่วมงานแต่งงานน้องสาวด้วยไม่ได้ด้วยซ้ำ แล้วแม่ของเธอ
ก็ตามจิกเรื่องนี้ตลอดเวลา



เธอลองเล่นเกมส์ทายจำนวนคู่นอนกับเพื่อน ๆ ร่วมแก๊งในงานปาร์ตี้วันประกาศหมั้นของน้องสาว
นั่นก็ทำให้เธอรู้สึกแย่ลงไปอีก เพราะจำนวนสูงสุดในแก๊งค์ คือ 13 คน ซึ่งก็ยังห่างจากจำนวน
ผู้ชายของเธอ ซึ่งในหนังแสดงให้เห็นว่า เอลลี่เป็นพวกที่ ขี้วิตกกังวลกับความคิดเห็นของคนอื่นๆ
เธอจะคล้อยตาม และจะแสดงความกังวลไปกับทุกเรื่องที่เพื่อน ๆ พูด ความมองโลกในแง่ดี เฮฮา
สนุกสนานของเธอ ยิ่งทำให้เธอกลายเป็นพวก ไม่เอาไหน โลเล ขนาดประกาศกับเพื่อนๆว่า
จะไม่นอนกับใครอีกจนกว่าจะเจอตัวจริง แต่ปรากฎว่า คืนนั้นเธอก็ดันไปนอนกับเจ้านาย คนที่เพิ่งจะ
ไล่เธอออกจากงานไปหมาดๆอีก ทำให้แต้มเธอครบ 20 คน ซึ่งตามที่บทความบอกไว้ว่า "ถ้าสาวไหน
นอนกับผู้ชายเกิน 20 คน แปลว่า สาวนั้น มีโอกาสถึง 95% ที่จะต้องอยู่เป็นโสด ไปตลอดชีวิต" 
ซึ่งมันทำให้เธอหมกมุ่น และกังวลใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก เธอคุยกับน้องสาวจนได้ความคิดใหม่ขึ้นมาว่า
เธอจะไม่ยอมนอนกับใครเพิ่มอีก เพราะเธอคิดว่า ถ้าเธอมีคู่นอนเกิน 20 คน เธอจะไม่มีวันมีเจอตัวจริง
ของเธอ แล้วกลับไปตามหาบรรดาแฟนเก่าๆ ทั้งหลายของเธอ  เผื่อว่าจะมีใครในนั้นที่ใช่แล้วเธอมองข้ามไป
เหมือนกับที่เธอไปเจอ โดนัล อดีตแฟนที่ตอนคบกับเธอ อ้วนเป็นหมูตอน แต่พอมาเจอกันตอนนี้กลับผอมลง
หล่อขึ้น ดูดีขึ้น แถมกำลังจะแต่งงานด้วย (ในเรื่องหนังจะคอยใส่มุก ว่าเอลลี่ต้องเจอตานี่บ่อยมา โผล่มา
ทำลายความมั้่นใจของเอลลี่เป็นระยะ ๆ ตลอดทั้งเรื่อง)  มันเลยทำให้เธอคิดว่า ในบรรดาแฟนเก่าที่ผ่านมา
อาจจะมีคนที่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แล้วก็เป็นคนที่ใช่สำหรับเธอก็เป็นได้  ปฏิบัติการตามล่าหาแฟนเก่า
ก็เลยเริ่มต้นขึ้น



ตั้งแต่ต้น ๆ เรื่อง หนังก็จะเปิดตัวหนุ่มคนนึงเอาไว้  หนุ่มคนนี้เป็นเพื่อนบ้าน ห้องตรงข้ามของเอลลี่
เขาชื่อ โคลิน (เล่นโดยกัปตันอเมริกา) โคลินเป็นหนุ่ม เพลย์บอย เจ้าสำราญคนนึงที่มีนิสัยประหลาด
คือ เขาจะไม่ยอมไปนอนห้องสาว ๆ แต่จะให้สาว ๆ มานอนห้องตัวเอง แล้วก็หาทางไล่สาว ๆ พวกนี้ไป
ในตอนเช้า เช่น แกล้งบอกว่า ออกไปทำฟันแต่เช้า แต่หายไปเลย ซึ่งอันที่จริง แค่แอบหลบไปห้องเอลลี่
เพื่อรอให้สาว ๆ ออกจากห้องไปเอง เขาไม่เคยคบใครนานเกินหนึ่งคืน หรือจะบอกว่าไม่ได้คบแฟน
เป็นตัวเป็นตน แต่ก็หิ้วสาวมานอนด้วยไม่ซ้ำหน้า ด้วยความรูปหล่อล่ำบึ๊กมีเสน่ห์ของเขา ถึงแม้ว่าเขา
จะรูปหล่อ น่าหม่ำขนาดไหน แต่เอลลี่กลับมองเขาว่า เขาเป็นแค่ "นักดนตรีตกยาก" และเธอก็ไม่ยอม
นอนกับเขาเพียงแค่เพราะว่า เธอไม่อยากเก็บแต้มเพิ่มให้เกิน 20 คน

หนังทำออกมาให้เห็นว่า ทั้งคู่ต่างก็มีข้อบกพร่อง แต่จับผลัดจับผลู มีอันจะต้องให้ท้้งคู่  คือโคลินและเอลลี่่
มาช่วยกัน ออกตามหาบรรดาแฟนเก่าของเอลลี่ ซึ่งโคลินทำมันได้เป็นอย่างดี เพราะมีทักษะการเป็นนักสืบ
ที่ได้มาจากพ่อของเขาที่เป็นตำรวจ ในการออกตามหาแฟนเก่าหนังก็จะค่อย ๆ เฉลย ความเป็นตัวตน
ของทั้งสองคน ที่ต่าง คน ต่าง ก็ มีความบกพร่องเป็นของตัวเองแบบทีไม่ซ้ำใคร  กลายเป็นความสัมพันธ์
ระหว่าง ชายคนนึงที่ไม่กล้าปฏิเสธบอกเลิกผู้หญิงแต่ชอบมีเซ็กซ์  กับสาวคนนึงที่ไม่มีความเป็นตัวของตัวเอง
เธอมีเซ็กซ์ไปเรื่อย พยายามตามหาคนที่ใช่ ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่รู้ว่าที่จริงแล้ว ตัวเองชอบผู้ชายแบบไหน
เธอเปลี่ยนตัวเองไปเพื่อตามใจผู้ชายคนที่คบหรือนอนด้วยตลอดเวลา

ซึ่งในการตามหาแฟนเก่าเหล่านี้ ผู้ชายคนแรกที่เอลลี่อยากพบมากที่สุดคือ เจค อดัม ซึ่งเป็นคนดัง
ครอบครัวร่ำรวย แต่ตามหาตัวได้ยาก โคลินได้แค่ข่าวคราวว่า อยู่ที่ไหนอย่างไร แต่ยังไม่เจอตัว 
และในการตามหานี้ ทั้งคู่เรียนรู้กันและกัน แล้วโคลินก็เริ่มประทับใจเอลลี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนอยากจะให้
เอลลี่เลิกสนใจบรรดาแฟนเก่า แล้วใส่ชื่อตัวเองลงไปแทน เขาเริ่มทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เห็นรอยยิ้มของเอลลี่
ที่จริงแล้วในสายตาเขา เธอจะมีแฟนมากี่คนมันไม่สำคัญอะไรเลย ยิ่งได้รู้ว่าแฟนเก่า ๆ ในอดีตของเอลลี่
ไม่ได้เลิศเลอเพอร์เฟกอะไร แม้แต่ชายคนแรกที่เธอนอนด้วย คือเจอรี่ เพอรี่ หนุ่มนักเล่นละครหุ่นมือที่
แอบหลงรักเดซี่น้องสาวเธอ เอลลี่ก็นอนกับเขาเพราะสงสารเขา ซึ่งมุมมองนี้ มันทำให้เห็นว่า ตอนแรกโคนี่
อาจจะคิดว่าเอลลี่หยิ่งไม่สนใจนักดนตรีจน ๆ อย่างเขา แต่ที่จริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย เธอก็แค่
แคร์ความคิดเห็นคนอื่นมากเกินไป และเธอก็แค่ตามหาคนที่ใช่ คนที่เห็นค่าของเธอ ยอมรับเธอที่เป็น
แบบของเธอได้ เท่านั้นเอง



ส่วนเอลลี่เอง เธอก็เริ่มมองเห็นข้อดีของโคลิน ว่ามีความตั้งอกตั้งใจทำงาน ตามหาแฟนเก่าให้เธอ
ได้อย่างน่าประทับใจ และได้ผลดีด้วย ถึงแม้ว่าการตามหาแฟนเก่าจะสำเร็จ แต่การเข้าไปสานสัมพันธ์ของเธอ
กลับไม่ได้เรื่องเลยแม้แต่น้อย คนที่เป็นนักมายากลเมื่อ 9 ปีก่อน ก็ยังคงเป็นนักมายากล-เป็นบาร์เทนเดอร์
เหมือนเดิมใช้มุกเดิม ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง แค่เห็นเอลลี่ก็ไม่เข้าไปคุยด้วยแล้ว เธอไม่ได้ชอบคนแบบนี้ย่ำอยู่กับที่
หนุ่มอังกฤษที่หน้าตาดี มาดดี ท่าทางฉลาดหลักแหลม แต่เธอเครียดกับการวางตัว เครียดกับ "การพูด" มากเกินไป
เธอกลัวว่าตัวเองจะดูโง่ จนไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง และรู้สึกอึดอัดจนต้องจบความสัมพันธ์ลง หมอสูตินารีแพทย์
ที่จำหน้าเธอไม่ได้แต่จำช่องคลอดเธอได้ (ช่าย จำช่องคลอดได้นี่ มันช่างงงงง...เอิ่บ เป็นเราเจอ อย่างนี้ก็คง ...เห้ยยย
อะไรกันวะ) นักการเมืองผิวสีที่ คบเธอเพื่อจะให้เธอเป็นภรรยา เป็นส่วนหนึ่งของแผนในการไต่เต้าเป็น สว. หรือ
ประธานาธิบดี โดยอันที่จริงแล้วตัวเองเป็นเกย์  (ซึ่งเขารู้ตัวว่าเป็นเกย์ก็หลังจากที่เคยได้นอนกับเอลลี่นั่นแหละ)

มาถึงตรงนี้สถานการณ์ของเธอแย่ลงเรื่อย ๆ เธอหมดเงินก้อนสุดท้ายที่ได้จากการออกจากงาน และหมดเวลา
ไปกับการตามหาคนห่วย ๆ ที่เคยทิ้งเธอไปหนนึงแล้ว แถมยังสร้างหนี้ โดยเอาเครดิตไปซื้อเสื้อผ้า เพื่อจะใส่
ไปตามหาหนุ่ม ๆ อีก เธอเริ่มไม่แน่ใจว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ แถมน้องสาวเธอก็ยังโมโหเธอที่ เธอไม่สนใจที่จะ
ช่วยงานแต่งของเธอ แต่กลับเอาแต่วิ่งตามหาผู้ชาย เพราะน้องสาวกำลังลำบากใจเรื่องที่พ่อกับแม่หย่ากัน
แล้วแม่จะไม่ยอมมางานแต่ง ถ้าพ่อเธอมางานแต่งด้วย โคลินพยายามทำให้เอลลี่รู้สึกดีขึ้น ด้วยการนำหุ่นปั้น
ซึ่งเป็นงานอดิเรกของเอลลี่ ออกมาตบแต่งด้วยแสงไฟให้สวย พยายามให้เธอเห็นคุณค่าของตัวเอง เห็นค่าใน
สิ่งที่เธอทำได้ โคลินบอกว่ารูปปั้นพวกนี้สวยมาก น่าจะลองทำให้เป็นอาชีพดู มันอาจจะดีก็ได้ แต่เอลลี่ ไม่กล้า
เธอกลัว...ถ้าให้เดาจากหนังแล้วคิดว่า  เธอกลัวว่าคนอื่นจะมองเธอยังไง เป็นนักปั้นหุ่นน่าเกลียดน่ะเหรอ
ผู้ชายจะชอบเธอที่เป็นแบบนี้เหรอ  แต่เธอก็รู้ว่าเธอเป็นอย่างอื่นไม่ได้ งานที่เพิ่งถูกไล่ออก เป็นงานด้านการตลาด
ซึ่งเธอก็ไม่ได้ชอบมันจริงจัง แล้วโคลินก็พาเอลลี่ไปที่สนามบาสเกตบอล  ฉากนี้น่าดูมาก มันน่ารัก
แล้วก็ชวนจิ้นดี  โคลินพาเอลลี่มาเล่นบาสในสนามบาสเกตบอลตอนกลางดึก ประมาณแข่งกันชู้ตบาส
ใครแพ้ ก็แก้ผ้า ถอดกันไปทีละชิ้น ซึ่งจำนวนชื้นเสื้อผ้าที่โคลินใส่เยอะกว่าเอลลี่มาก เอลลี่ใส่ชุดเดรส
กับชุดชั้นในเท่านั้น  แต่โคลินกลับเล่นแพ้จนต้องถอดเหลือแต่ กางเกงใน  จิ๋ว ชอบฉากที่เหลือแต่ชุดขั้นใน
เล่นบาสแข่งกัน ใกล้ชิดขนาดนั้น ได้อารมณ์ดีเหลือเกิน แต่ก็โดนขัดจังหวะจนได้ เพราะยามเฝ้าสนาม
เดินมาตรวจพอดี เอลลี่เลยทิ้งชุดเดรสสีแดงไว้คาแป้นบาส แล้วใส่เสื้อเชิ้ตของโคลินออกไปแทน



เล่ามาถึงตอนนี้ ขออนุญาต  อินกับฉากนี้หน่อยนะคะ คือสำหรับจิ๋วแล้ว ฉากตรงนี้ที่อยู่ต่อจากการเล่นบาส
มันเป็นจุดพีคสุด ๆ ในใจจิ่วเลย  คุณลองจินตนาการถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่ สับสน ผิดหวัง ในชีวิต ตัดสินใจผิด ๆ
มาตลอด แคร์แต่ความเห็นคนอื่นตลอด แต่สุดท้ายแล้วไม่มีใครแคร์ความรู้สึกของเธอเลย  เธออยู่ในช่วงเวลาที่
ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ชีวิตจะยังไง แล้วมีผู้ชายแปลก ๆ บ้า ๆ บอ ๆ คนนึง อยู่ข้าง ๆ คนที่ทำให้ยิ้มออก คนที่ชวนเล่น
คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ อยู่ด้วยแล้วได้เป็นตัวของตัวเอง แบบเพิ่งรู้ตัวด้วย ว่าตัวเองเป็นยังไง  (ช่าย  โดยเฉพาะ
ที่ทำให้รู้ว่านางเอกเล่นบาสเก่งมาก) ตาคนบ้าคนนี้ คนที่ไม่ได้มีดีอะไรเลย ชวนคุณกระโดดลง แม่น้ำตอนกลางดึก
ที่โคตรจะหนาวเหน็บ  มันไม่ใช่เรื่องที่น่าทำเลยสักนิด แล้วจะทำ ไปทำไม ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย
แต่เขาก็กลับกึ่งชวน กึ่งท้า กึ่งบังคับ ให้ลองทำ ทั้งคู่ กำลังอยู่ในอารมณ์ สนุก อารมณ์ที่สบาย ๆ เมานิด ๆ
จะยังไงก็ได้ ท้ากันก็ได้ คึกคักก็ว่าได้ ทั้งคู่ตัดสินใจ แก้ผ้าออกทุกชิ้น จับมือกัน แล้วโดดลงแม่น้ำ
เพื่อที่จะว่ายน้ำเล่น  เพื่อที่จะทำในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนด้วยกัน






ฉากนี้มันเหมือนกับการเปรียบเทียบเรื่องนี้กับชีวิตจริง ๆ ว่า
"คุณไม่มีวันรู้หรอกว่า สิ่งที่ตัดสินใจจะทำมันจะดีหรือไม่ดี
จะมีผลตามมาอย่างไร  แต่ถ้าคุณไม่ลองทำดูด้วยตัวเองแล้ว
คุณก็ไม่มีวันรู้หรอกว่ามันดี หรือไม่ดีอย่างไร
สิ่งที่ต้องการในชีวิต อาจจะไม่ใช่การตัดสินใจจะทำหรือไม่ทำ
แต่เป็นการได้ทำอะไรสักอย่าง ร่วมกับใครสักคนที่กล้าจับมือคุณ
กล้าโดดดิ่งลงน้ำไปกับคุณ กล้าทำกิจกรรมต่าง ๆ กับคุณ ใช้ชีวิตกับคุณ
นั่นต่างหากคือสิ่งที่คุณตามหา คนที่กล้าจะทำไปพร้อมๆ กับคุณ
ไม่ใช่คนที่ตัดสินคุณจากการกระทำของคุณ"


จิ๋วขอลึกซึ้งกับฉากนี้มาก ๆ  มันเข้าถึงอารมณ์ของคนที่
มองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง ใช่ ไม่มีใครรู้อนาคตกันหรอกนะ
มันมีแต่ความมืด มันจะไปทางไหนได้หล่ะ จะถูกไม๊ จะผิดไม๊
ขอมีแค่มือ มือนึง ที่จับมือกันไว้ เพื่อที่จะเดินต่อไป ทำบางสิ่งบางอย่างด้วยกัน
โดยที่ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะมือข้างนั้น
จะไม่ปล่อยคุณไว้คนเดียว จะอยู่ข้างกันตลอดไป มือที่เชื่อใจได้
มือที่ไว้ใจได้ มือที่จะไม่มีวันโกหกหรือหักหลังคุณ




หลังจากที่ขึ้นจากน้ำแล้วกลับไปยังห้องพัก โคลินก็บ่นกับเอลลี่ว่า พวกผู้หญิงชอบขโมยเสื้อของเขาไป
แต่เอลลี่บอกว่า เธอเหล่านั้นไม่ได้ขโมย แค่ยืม คุณน่ะ ไม่โทรไปเอง พวกเธอคืนให้อยู่แล้ว แค่คุณโทรไป
(ซึ่งโคลินไม่เคยทำ เพราะเขากลัวที่จะต้องเป็นฝ่ายบอกเลิก หรือกลัวว่าจะกลายเป็นคนที่ทำให้อีกฝ่ายช้ำใจ
เขารู้ตัวดีว่า เขาเจ้าชู้มากแค่ไหน และเขาก็ไม่ได้อยากให้ใครมาเจ็บปวดกับความเป็นเขา เขาจึงไม่กล้า
คบใครนานจนถึงขั้นเป็นแฟน ประมาณว่าเอาแค่ผ่าน ๆ พอ ไม่ยอมลึกซึ้งกับใคร คล้ายๆ จะคิดว่า ตัวเอง
ไม่ได้ดีพอสำหรับใคร เขายังไม่เจอคนที่ใช่ เขายังไม่เจอใครที่ทำให้เขาเปลี่ยนพฤติกรรมได้)
มันทำให้โคลิน คิดว่า ถ้าเขาเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนวิธีคิด เขาจะมีเสื้อเยอะขึ้นใช่ไหม  ฉากตรงนี้มา
ถึงขั้นพีคเช่นกัน เพราะเขากำลังจะถอดเสื้อของเขาคืนจากเอลลี่ ตอนแรกก็ดูเหมือนเอลลี่จะยอม
แต่เอลลี่ ขอไว้อีก ทั้ง ๆที่อารมณ์พลุ่งพล่าน เต็มไปด้วยความอยากทั้งคู่ แต่เธอกลับไม่อยากรีบและ
ขอให้เขาหยุด แม้ว่าโคลินจะอ้อนวอนเอลลี่ ได้น่ารักขนาดไหน แต่เอลลี่ ก็ขอโคลินได้สำเร็จ
ตอนนี้โคลินยอมเอลลี่ทุกอย่างจริง ๆ แม้ว่ามันจะขัดกับพฤติกรรมเดิม ๆ ของเขาก็ตาม

เรื่องหลังจากนั้น น่าสงสารโคลินมาก เพราะตื่นเช้ามา โคลินวางแผนจะคลุกอยู่กับเอลลี่ทั้งวัน
แต่เอลลี่ต้องออกไปหาเดซี่ เพื่อช่วยเลือกการ์ดจัดงานแต่งต่อ  แต่จากการเม้าส์มอยกับแก๊งค์เพื่อนๆ
ทำให้เอลลี่กลับไปเป็นคนเดิมอีก (คนที่แคร์ความคิดเห็นคนอื่น มากกว่าความรู้สึกแท้จริงของตัวเอง)
เมื่อเธอบอกกับเพื่อน ๆ ว่า เธอจะไปงานแต่งของน้องสาวกับโคลิน เพื่อน ๆ ต่าง ก็บอกว่า โคลินไม่ดีพอสำหรับเอลลี่
โคลินแย่อย่างนั้นอย่างนี้  แม้ว่าเอลลี่จะเถียงว่า ที่จริงแล้วเขาก็เป็นคนดีก็ตาม แต่ทุกคนกลับลงความเห็นว่า
โคลินแย่และไม่ใช่คนที่เอลลี่ควรจะอยู่ด้วย ทุกคนตัดสินเขา จากภายนอกที่รู้จักผิวเผินทั้งนั้น (เอลลี่เองก็
ขาดความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป) เอลลี่ก็กลับห้องไปมึนตึงกับโคลิน และอีกเหตุผลที่ทำให้เอลลี่โกรธคือ
โคลินโกหกเรื่อง เจค อดัม หนุ่มที่เอลลี่อยากเจอ (เธอคงผิดหวังที่เขาโกหก คงคิดว่า นี่ไง เขาก็ไม่ได้เป็นคนดี
เหมือนกับที่เพื่อน ๆ บอก จริง ๆ นั่นแหละ) โคลินเจอตัวเจค และติดต่อได้แล้วแต่ไม่ยอมบอกเบอร์กับเอลลี่ 
เอลลี่รู้เรื่องนี้ เพราะเมื่อเช้าเธอหยิบมือถือสลับผิดไป ทั้งคู่ทะเลาะกัน ต่างก็พูดถึงข้อเสียของกันและกัน
จนเหมือนจะลืมความรู้สึกดี ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไปจนหมด แล้วโคลินก็ออกจากห้องเอลลี่ไป

เอลลี่โทรหา เจค อดัม ด้วยตัวเอง เพื่อนัดพบกับเขา และเธอก็ได้พบหนุ่มในฝัน คนที่คู่ควรจริง ๆ กับเธอ
เขาดีพร้อมทุกอย่าง หน้าตาดี หุ่นดี ฐานะดี น่ารัก ไม่ขี้เก๊ก แถมตัวยังหอมอีกต่างหาก และเขายังคงรัก
และเห็นคุณค่าในตัวเธอ เขายอมรับได้ ที่เธอตกงาน ที่เธอชอบปั้นหุ่น จากเรื่องราว ตรงนี้มันก็น่าจะ
จบลงด้วยดี ระหว่าเอลลี่ กับ เจค อดัม  แต่ในความเป็นจริงก็คือ ถึงแม้ว่าสุดท้ายเขาจะพบคนที่ดีคู่ควรกับเธอ
แต่เธอกลับรู้สึกว่า ตัวองไม่ดีพอ ไม่คู่ควรกับเขาเสียเอง

แล้วเรื่องนี้จบยังไงเหรอ..... อืม  อดทนอ่านต่ออีกนิดนะ
::JubuJubu:: ::JubuJubu::


หลังจากที่เอลลี่ เริ่มออกเดท คบหาดูใจไปไหนมาไหน ออกงานสังคมกับ เจค อดัม บ่อย ๆ
เดซี่ก็เริ่มมีปัญหา เครียดกับงานแต่งงานมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเธอชวนพ่อมางาน แล้วพ่อก็จะพา
แม่ใหม่มางานด้วย ในขณะที่แม่ของเธอก็ยังไม่ยอมมางานถ้าพ่อมางาน  เธอน่าจะอ้วนขึ้น จนทำให้
ใส่ชุดเจ้าสาวที่เคยลองไว้ตอนต้นไม่ได้ จนต้องมาเปลี่ยนชุดเจ้าสาว แล้วเดซี่ก็โวยวายเครียดใส่เอลลี่
เอลลี่เริ่มรู้สึกว่า น้องเครียดจนผิดปกติ และปลอบน้อง รับปากว่าจะช่วยเดซี่ไปคุยกับแม่เรื่องให้มางานแต่งงาน
แต่พอทั้งคู่ไปหาแม่ที่บ้าน ก็ปรากฎว่า แม่เธอกำลังจะโวยวายเรื่องที่เอลลี่คบกับเจค โดยไม่บอกแม่ก่อน
เอลลี่ ตกใจ แต่ก็ประหลาดใจ ที่แม่โวย ไม่ใช่ไม่ชอบ  แต่แม่ปลื้มเจค อดัม มาก และดีใจที่เอลลี่
คบหากับคนที่คู่ควรสักที และยอมไปงานแต่งโดยไม่สนใจว่าพ่อจะไปด้วยหรือไม่ ซึ่งทำให้ทั้งสองโล่งใจ
ขึ้นเยอะเลย

พอถึงวันงานแต่ง เอลลี่ได้เจอ โคลินในตอนเช้าที่กำลังจะออกจากบ้านไปงานแต่งทั้งคู่
ดูเหมือนโคลินไม่อยากจะคุยกับเอลลี่เท่าไหร่ คงยังเซ็ง ยังเคือง ๆ เอลลี่อยู่  ก็แค่ทักทาย
แค่ทำให้เอลลี่รู้ว่า โคลินเองก็กำลังจะไปงานแต่งเหมือนกัน แต่ไปทำไม งานใคร ที่ไหน
ยังไง ไม่รู้เลย

ส่วนงานแต่งของเดซี่  แม้ว่าจะมีเรื่องวุ่นวายต่างๆ นาๆ ตามประสาการจัดงานใหญ่ แต่มันก็ผ่านพ้นไปได้
ด้วยดีตลอดงาน ช่วงที่ผู้ทำพิธี ประกาศให้ทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน คำพูดที่เป็นการให้คำสัตย์สัญญา
สาบานว่าจะรัก และดูแลกันและกัน ตลอดไปนั้น เต็มไปด้วยความอบอุ่น และทราบซึ้งใจ
มันไม่ใช่คำพูดที่ใช้พูดกันอย่างเป็นทางการ มันเป็นคำพูดบ้านๆ ธรรมดาๆ ที่แสดงให้เห็นว่า
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทั้งสองคน จะรักกัน ดูแลกัน ยอมลดฐิทิ และยอมให้อภัยซึ่งกันและกัน ตลอดไป 
(ซึ่งจิ๋วว่า มันก็เป็นบทที่ฟังแล้วรู้สึกดี โรแมนติก และมีความหนักแน่น กว่าการกล่าวคำสาบาน
แบบเป็นทางการเยอะเลย เพราะมันมีเอกลักษณ์ เป็นตัวของตัวเอง ทุกคู่ มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใคร 
แล้วทำไมต้องสาบานรัก ด้วยคำเดียวกัน ประโยคเดียวกันด้วยหล่ะ ^ ^ จริงมะ)
ตรงจุดนี้แหละที่ทำให้เอลลี่ เริ่มคิด เริ่มตระหนักรู้  พอถึงตอนเต้นรำ เอลลี่เต้นรำกับพ่อ ในเพลงเร็ว
พ่อพูดถึงแม่ว่า หัวเราะได้อร่อยเสมอ  ซึ่งแม่เธอกำลังหัวเราะปลื้มปริ่มกับว่าที่ลูกเขย ที่ถูกใจตัวเองยิ่งนัก
และเอลลี่ก็ดีใจที่แม่มีความสุข  พ่อก็ถามว่าแล้วลูกหล่ะเอลลี่ ลูกมีความสุขไหม ลูกอาจจหน้าเหมือนแม่
แต่ลูกไม่เหมือนแม่ ลูกมีจังหวะของตัวเอง อาจจะคร่อมจังหวะไปบ้าง แต่ก็เป็นตัวเอง การที่แม่คิดว่า
สิ่งที่แม่เห็นว่าดี มันอาจจะดีสำหรับแม่คนเดียวก็ได้ และการที่แม่ชอบเจ้ากี้เจ้าการกับลูก ก็คงเพราะ
มองเห็นความเป็นตัวตนของพ่ออยู่ในตัวลูก  เอลลี่ได้ฟังก็เริ่มคิดหนักอีก พอดีกันกับจังหวะเหมาะกับที่
เจคเข้ามาขอเอลลี่เต้นรำเพลงช้าด้วย เจคพูดชื่นชมเอลลี่ แม้มันจะฟังดูดีมาก แต่เธอกลับรู้สึกแย่
ไม่เป็นตัวของตัวเองอีก มันเหมือนเขายกย่องเธอ เห็นว่าเธอดีจนเกินไป เธอไม่ได้รู้สึกว่าเธอดีขนาดนั้น
และทำให้เธอพูดถึงจำนวนคนที่นอนด้วยขึ้นมา ซึ่งเจค บอกว่าเคยมีแฟนแค่คนสองคน ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
แต่พอเลลี่บอกว่า มันน่าจะสองคูณสิบคน เจคฟังแล้วหัวเราะขำๆเก้อๆร้องแหวะ (แต่นั่นเป็นการกระทำที่
มันบั่นทอนความรู้สึกของเอลลี่เอามากๆ) และเจคคงคิดว่าเอลลี่พูดเล่นๆ เท่านั้น แต่เขาก็บอกกับเอลลี่ว่า
ถึงเขาจะไม่ใช่คนแรก ขอแค่เขาเป็นคนสุดท้ายก็พอ พร้อมกับชวนเอลลี่ไปต่างประเทศ เพื่อใช้ชีวิตอยู่กับเจค
แล้วทั้งสองก็จูบกัน การจูบกันครั้งนี้ ทำให้เอลลี่มีความรู้สึกที่เปลี่ยนไป จากเดิมโดยสิ้นเชิง เธอรู้แล้วว่าตัวเธอ
ใจเธอ ต้องการใคร เธอดีพอสำหรับใคร

แล้วงานแต่งก็มาถึงช่วงที่เอลลี่ผู้เป็นพี่สาวต้องกล่าวอวยพรให้กับเดซี่ ตอนนี้ก็เป็นคำพูดที่น่ารักมากๆเช่นกัน
และมันทำให้รู้ว่า ความกลัว ที่เอลลี่กลัวและกังวลมาตลอดทั้งเรื่องคือ เธอกลัววว่า ถ้าน้องแต่งงานไปแล้ว
ทั้งสองจะไม่สนิทกันเหมือนเดิม เพราะเดซี่ก็ต้องมีครอบครัวของตัวเอง เธอจะต้องโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว เพราะเธอไม่มีใคร
พ่อกับแม่ก็หย่ากัน แม่ก็ชอบหาเรื่องว่าเธอ พ่อก็ไปมีแม่ใหม่ เธอไม่เหลือใครอีกแล้ว ถึงได้พยายามตามหา
ผู้ชายของตนเองขึ้นมา แต่เธอก็รู้แล้วว่า มันไม่เป็นอย่างนั้น ยังไง น้องก็ยังรักเธอ และทั้งสองคนก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม
แล้วเธอก็สรุปสั้นๆ ว่าที่ผ่านมาในฐานะพี่สาวเธอสอนน้องมาหลายๆ อย่างเช่น วิธีโกหกพ่อแม่ วิธีจูบ แต่เธอ
นึกไปไม่ถึงว่าวันนี้น้องสาวเธอก็ได้สอนเธอเช่นกัน เธอขอบใจน้องสาวที่สอนให้รู้ว่า
"การมีความรักหมายถึง การเป็นตัวของตัวเอง" แล้วทุกคนก็ฉลองกันต่อ  เอลลี่พาเจคมาคุยกันสองต่อสอง
เพื่อบอกให้รู้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ  เอลลี่บอกว่า เจคเพอร์เฟค สมบูรณ์แบบ แต่เธอไม่คู่ควรกับเขา
และถ้าเธอรู้ตัวเร็วกว่านี้คงไม่ลากเจคมางานแต่งครั้งนี้ เธอขอโทษ ซึ่งมันทำให้เจคโกรธมากที่จู่ ๆ ก็ถูกบอกเลิก 
เขาจึงขอตัวกลับไปก่อนงานจะเลิก ทำเอาแม่ของเอลลี่ตกใจ และกำลังจะต่อว่าเอลลี่ แต่เดซี่เข้ามาเบี่ยงเบน
ความสนใจของแม่ให้ โดยการบอกข่าวดีว่า ที่เธอเปลี่ยนชุดเจ้าสาวเพราะเธอกำลังท้องสี่เดือน (ที่ตอนแรกคิดว่า
อ้วนขึ้น นั่นแหละ เดซี่ก็คงกลัวแม่จะว่า ที่เธอดันท้องก่อนแต่ง) ส่วนเอลลี่ก็แสดงความยินดีกับเดซี่ แล้วใช้จังหวะ
ชุลมุนนั้น วิ่งไปไปหาคนจัดงานแต่งเพื่อที่จะขอรายชื่อ สถานที่งานแต่งทั้งหมดที่จัดขึ้นในวันนี้
แล้วเธอก็ออกไปตามหาโคลิน ทั้งๆ ที่ใส่ชุดเพื่อนเจ้าสาวที่มันเทอะทะขนาดนั้น บ่นกับตัวเองด้วยซ้ำว่า
จะมาวิ่งตามหาทำไม  ทำไมไม่ไปรอเขาที่ห้อง เธอไปหลายแห่ง หลายงานจนเย็นแล้ว ก็ไม่พบสักที (อ้อ มีไปโผล่
ที่งานแต่งของโดนัลด้วย มุกน่ะ) สถานที่สุดท้ายที่เธอไป เธอจะถอดใจแล้ว แต่ก็ได้ยินเสียงนักร้อง เธอจำได้ว่าเป็น
โคลิน จึงแอบย่องหาทางปีนเข้างานเพราะเธอไม่มีบัตรเชิญ และหลังจากหมดเรื่องวุ่นๆ ในที่สุดทั้งสองก็ได้ปรับความ
เข้าใจกัน เอลลี่กล่าวขอโทษ และบอกว่าตัวเองมีความสุขที่สุด ได้เป็นตัวของตัวเองมากที่สุดตอนที่ได้อยู่กับโคลิน
โคลินก็ขอโทษที่โกหกและไม่ได้ให้เบอร์เจค กับเอลลี่ตอนนั้น เพราะเขากลัวว่าตัวเองจะสู้เจคไม่ได้
ทั้งสองบอกรักกัน และเข้าใจกัน โคลินได้เป็นคนที่ยี่สิบเอ็ด ส่วนเอลลี่เป็นคนที่สามร้อยกว่า ๆ กว่าเท่าไหร่ก็ไม่รู้  5555
พอดีเอลลี่ปิดปากโคลินไปซะก่อน ก็ใครจะไปอยากรู้ละเนอะ ^ ^ ตัวเลขมันไม่สำคัญนิ


ฉากสุดท้ายในห้องของเอลลี่ ที่โคลินกำลังขลุกอยู่กับเอลลี่อย่างมีความสุข  ก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามา
แล้วฝากข้อความไว้ว่า เขาไม่เคยมีอะไรกันกับเอลลี่ เอลลี่เมาแล้วทำตัวแปลกๆ ในวันนั้น เขาก็เลย
ไม่ได้มีอะไรกัน ทำให้จำนวนคนที่เอลลี่นับไว้คลาดเคลื่อนไปหนึ่ง กลายเป็นว่าโคลินเป็นคนที่ยี่สิบ
ของเอลลี่ ซึ่งทำให้เธอกระโดดโลดเต้นดีใจมากที่ยังไม่เกินยี่สิบคน อิอิ... แล้วก็จบ

========================
จิ๋วว่า เรื่องนี้เป็นหนังที่น่าดูเรื่องนึง แม้ว่ามันจะเป็น 
comady romantic love story ทั่วๆไป
มุกก็ไม่ค่อยฮาเท่าไหร่ หนังน่าจะทำมาเน้นเอามันส์
เน้นตัวโคลินที่อยู่ในสภาพเปลือยทั้งตัวโชว์หุ่นล่ำบึกบ่อยๆ
เอาใจสาวๆ ชาวอเมริกาละม้าง ที่คงอยากเห็นหุ่นเต็มๆ
ของกัปตันอเมริกาในมุมมองคนธรรมดาๆ ที่ไม่ใช่
ซุปเปอร์ฮีโร่ที่สูงส่งเกินไขว่ขว้า ให้มาเล่นบทหนุ่มนักดนตรีมากเสน่ห์
ร้องเพลง เล่นกีต้าแบบเท่ห์ ๆ ให้น่าจิ้นตาม น่าหลงใหล
จนนอนจิกหมอน ฝันถึงกันอยู่ไม่ใช่น้อย แต่บทหนังเรื่องนี้มันก็
แฝงอะไรที่น่ารัก ลึกซึ้งไว้มากมาย ถ้าเป็นไปได้ ลองไปหาดูกันนะคะ

หากมีข้อมูลที่เล่ามีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
หวังว่าจะสนุกสนานกัน
จิ๋ว


========== ( ^-^ ) ติดตามผลงานย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ ( ^-^ ) ==========
>>>>> รวมเรื่องเล่าของ จิ๋ว // พัดลมจิ๋ว <<<<<<<<    
====== ( ^-^ ) ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่มาให้กำลังใจค่ะ ( ^-^ ) ======

(อาจอย่า-ออดอ้อน.อาจอยู่-อย่างอยาก.อาจอย่าง-เอื้อนเอ่ย.อาจอยาก-แอบอิง.อาจแอบ-อำอดีต.อาจอ่าน-อ้างอวด.อาจอิอิ-อำอีก)
...ปริศนาอักษรจิ๋ว...


pongsan

#1
อูยยย! ::Sweat::  ......ยาวนะเนี่ยะ (ขนาดต่อมฯอักเสบ!)  สงสัย?....เราจะจัดอยู่ในมาตรฐานคนไทย  อ่านหนังสือได้แค่แป๊บบบเดียว  ::Me?::    แต่เดี๋ยวต่อมอยากอ่าน...resetใหม่ รับปากจะกลับมาตาม ความต๊องของ เอลลี่เธอต่อน้าาาา! ::Fighto::



   
::Shy::  เอ่อ แบบว่า จิ๋วหมายถึง เล่าเรื่องบนเตียงน่ะ  อันนี้เล่าธรรมดามันก็นะ
ก็กลับมาหัดว่าจะเล่าได้ไหมอ่ะ  แต่ดีใจนะคะที่เห็นท่าน pongsan มาตอบไว้
อย่างน้อย จิ๋วก็ยิ้มออกอ่ะ ^ ^



***************************************************
😋😋😋😋😋😋😋😋😋😋😎😎😎😎😎😎😎😎

Phoowadol

ถือได้ว่าเป็น ข่าวดี ที่ได้เห็น บทความ ของคุณจิ๋ว ได้ออนบอร์ดอีกครั้ง. ถึงแม้จะไม่ใช่นิยายก็ตามเถอะ. นี่เหมือนเรานั่งดูหนังหนึ่งเรื่องเลยนะเนี๊ย ::DookDig:: 
   แอลลุ้นอยู่นะว่าเมื่อไหร่ เดลี่จะรู้ใจตัวเองซักที อิอิ จบแบบนี้แฮปปี้. น่ารักอะ ::Cheeky::   แอบหวังไว้ในใจ ว่า ไม่นานนี้ เราจะได้อ่านนิยายเรื่องใหม่ ของ ไรท์ พัดลมจิ๋ว. อีกครั้ง ::WooWoo::   ::WooWoo::  น๊ะๆๆ

(จิ๋ว)

#3
อ้างจาก: Phoowadol เมื่อ มีนาคม 19, 2020, 11:21:04 หลังเที่ยง
ถือได้ว่าเป็น ข่าวดี ที่ได้เห็น บทความ ของคุณจิ๋ว ได้ออนบอร์ดอีกครั้ง. ถึงแม้จะไม่ใช่นิยายก็ตามเถอะ. นี่เหมือนเรานั่งดูหนังหนึ่งเรื่องเลยนะเนี๊ย ::DookDig:: 
   แอลลุ้นอยู่นะว่าเมื่อไหร่ เดลี่จะรู้ใจตัวเองซักที อิอิ จบแบบนี้แฮปปี้. น่ารักอะ ::Cheeky::   แอบหวังไว้ในใจ ว่า ไม่นานนี้ เราจะได้อ่านนิยายเรื่องใหม่ ของ ไรท์ พัดลมจิ๋ว. อีกครั้ง ::WooWoo::   ::WooWoo::  น๊ะๆๆ



   
ท่านพูห์ต้องลองหาหนังดูค่ะ สนุกกว่าที่จิ๋วเล่าอีก  นางเอกน่ารัก โก๊ะ ๆ หน่อย น่ารักดี
บางฉากก็ดูซื่อเกิ้น บางฉากก็ นะ หล่อนแถไปด้ายยยยย

//อ้าว  กดผิด เลยกลายเป็น quote ไปเลย

ส่วนเรื่องนิยาย   ::Crying::  ไม่รู้จะเชื่อไหม  เวลาตั้งใจจะเขียน งานเข้าทุกที
::Sweat::

========== ( ^-^ ) ติดตามผลงานย้อนหลังได้ที่นี่ค่ะ ( ^-^ ) ==========
>>>>> รวมเรื่องเล่าของ จิ๋ว // พัดลมจิ๋ว <<<<<<<<    
====== ( ^-^ ) ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่มาให้กำลังใจค่ะ ( ^-^ ) ======

(อาจอย่า-ออดอ้อน.อาจอยู่-อย่างอยาก.อาจอย่าง-เอื้อนเอ่ย.อาจอยาก-แอบอิง.อาจแอบ-อำอดีต.อาจอ่าน-อ้างอวด.อาจอิอิ-อำอีก)
...ปริศนาอักษรจิ๋ว...


xonly289482

#4
หนังที่ดี ไม่ใช่ หนังที่คนอื่นบอกว่าสนุก
แต่มักจะเป็นหนังที่สามารถถ่ายความคิด(ส่วนนึง)ของผู้ชม อย่างเรา ๆ ไปว่า เฮ้ย ไอ้ที่เห็นในหนังเนี่ยตัวเนี้ยโคตรเหมือนตัวชั้นเลย แล้วความสนุกก็จะอยู่ จะเป็นยังไง ถ้า.... ไอ้ตรงนี้แหละ ที่ผมว่า พีคขนาดไหน
ส่วนตัวพึ่งดู ฝ่า7นรก จบ ทั้งสองภาค
ซึ่งเนื้อหา มันเล่นประเด็นที่โดนมากในภาค 2(สำหรับผม) คือ จะเป็นยังไง เมื่อคุณ มีโอกาสสักครั้ง ที่จะช่วยคนที่มีปัญหาเหมือน ๆ กับตัวเอง
::Hmmm::



อ่านจากที่คุณตอบ ก็แปลว่าเราคิดเหมือนกัน

ประเด็นที่ตอบ มีความหมายไปในทางเดียวกันกับที่จิ๋วบอกว่าอินกับหนังเรื่องนี้ตรงไหน
(ที่จิ๋วว่าหนังสนุก เพราะมันสื่อถึงสิ่งที่โดนใจจิ๋วออกมาเช่นกัน เหมือนกับที่คุณบอก)

ความสนุกของเรามันไม่เท่ากันทุกคนได้หรอกค่ะ ส่วนเรื่องชอบไม่ชอบก็อีกเรื่องเช่นกัน

แต่ถ้าเราสามารถทำให้คนที่อ่านงานเรา แล้วรู้สึกไปถึง หรือคิดไปถึงสิ่งเดียวกันได้
จิ๋วก็ถือว่า จิ๋วยืนอยู่ข้างๆ ความจริงที่ว่า จิ๋วคงพอจะทำให้ท่านผู้อ่านเห็นประเด็นเดียวกันกับเราได้

ขอบคุณที่อ่านและออกความเห็นค่ะ ^ ^


a-ha

#5
แบบนี้ไม่ใช่รีวิวนิดหน่อยแล้วววว ละเอียดมากก



ขอบคุณ ท่าน a-ha ที่แวะเข้ามาคุยกัน ^ ^

แบบว่า ตั้งใจเล่าจริง ๆ ค่ะ ไม่ใช่รีวิว เพราะเป็นหนังเก่าแล้ว ดูแล้วประทับใจ เลยอยากเล่าต่อน่ะค่ะ
แต่อาจจะเป็นความประทับใจของเราคนเดียว  มีบางส่วนบางตอนที่มันคล้ายกันกับที่จิ๋วเคยรู้สึก
เวลาที่รู้สึกโดดเดี่ยว เวลาที่ไม่มีใคร เวลาที่มันกลัวและร้อนรนอยู่ในใจว่าฉันจะต้องอยู่คนเดียวตลอดไป
จริงๆ เหรอ ถึงภายนอกจะดูเหมือนไม่เดือดร้อน แต่ความเหงาความสับสนความกลัวมันอยู่ข้างใน
แล้วพอได้พบคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ได้เป็นตัวของตัวเองที่มันไม่ได้เพอร์เฟก(ใช่เรารู้ตัวจริง ๆ ว่ามันไม่ได้เพอร์เฟก
ก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆ คนนึงเท่านั้น) โดยที่ต่างก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ความสัมพันธ์มันจะนาน ยาว ไกล แค่ไหน
แต่รู้ว่า มือที่ยื่นมาให้จับนั้นจะไม่ปล่อยกันไปง่าย ๆ เชื่อถือได้ มั่นใจได้ และอบอุ่นใจได้อย่างน่าประหลาด
ก็เลยคิดจะมาแบ่งปันความรู้สึกประทับใจเหล่านี้ให้ผ่านสายตากันน่ะค่ะ
::Shy::