ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

อาถรรพ์ปลัดขิก ภาค 2 ตอนที่ 2 หมู่บ้านลับแล

เริ่มโดย Kamen Rider V-3, พฤษภาคม 08, 2020, 04:17:20 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

moobin1978

ชอบตรงมีเนื้อหา ประกอบที่มีของมูล ทำให้เนื้อเรื่องชวนติดตาม

tarokub


Solderman

อาจารย์ก็หวงวิชามีอยู่คาถาเดียวแถมอาจาร์ยก็ไม่อยู่ด้วยรอดจากบอปไหมเนี้ย

coolkid2


kaipcx33 .

คาถานี้ถ้าใด้มีใว้ใช้บ้างก็คงดีนะเรียนกับ้อดได้ไหม



nowhereman

ไม่มีน้ำมันต์ แต่ท่องมนต์แก้ขัดกู้หน้าไปก่อนก็ได้วุ้ย  ว่าแต่ไอป๊อดเอ้ย เค้าให้ที่พักที่กิน ยังไม่วายจะไปล่อลูกสาวเค้าอีก

ประดิษฐ์ ธรรมเวช

อ้างจาก: Kamen Rider V-3 เมื่อ พฤษภาคม 08, 2020, 04:17:20 หลังเที่ยง
กลางลานดินกว้างหน้าเรือนไม้ยกสูงหลังหนึ่ง  ชายวัยราวๆห้าสิบเศษยืนอยู่เบื้องหน้ากลุ่มคนทั้งชายหญิงที่รายล้อมมองดูสิ่งที่วางอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ บางคนเมื่อเห็นสิ่งนั้นแล้วก็รีบหันหน้ากลับออกมาพร้อมกับทำหน้าสะอิดสะเอียน  บางคนก็จ้องมองดูแล้วกัดกรามแน่น ดวงตาฉายแววแข็งกร้าวแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความโกรธแค้น  ชายผู้นั้นเอามือลูบหนวดหนาที่ริมฝีปากแล้วกล่าวขึ้นด้วยเสียงอันก้องกังวานท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น


"เอาล่ะ....ทุกคน.......ฟังทางนี้"


สิ้นเสียงของชายคนนั้น  กลุ่มคนเหล่านั้นก็หยุดการพูดคุยลงทันทีหันมามองไปยังชายคนนั้นเป็นตาเดียว 
แต่แล้วชายหนุ่มวัยราว 20 ต้นๆ ก็เอ่ยขึ้นด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน


"ฉันทนไม่ไหวแล้วนะลุงผู้ใหญ่ มันเล่นฆ่าพวกเรารายวันอย่างนี้   ฉันว่าพวกเราต้องหันมาสู้กับมันแล้วล่ะ"


"ใช่.....ใช่.....ผู้ใหญ่....เราจะสู้กับมัน"

เสียงของกลุ่มคนเหล่านั้นดังขึ้นเป็นการสนับสนุน



ผู้ใหญ่ชุ่ม เหลือบตามองไปยังแคร่ไม่ไผ่ ที่มีศพถูกแหวะเอาอวัยวะภายในออกมากองข้างนอกนอนนิ่งสงบอยู่อย่างสลดใจก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมองไปยังชายหนุ่มคนนั้น แล้วไล่มองไปยังทุกคนที่มารุมล้อมอยู่

"เราจะต้องใช้สติให้มาก  อย่าใช้อารมณ์เป็นอันขาด ถ้าพวกเรามีความเห็นว่าจะสู้ฉันก็เห็นด้วย  แต่พวกเราต้องวางแผนกันให้ดีว่าจะสู้กับมันอย่างไร"


"ผู้ใหญ่มีแผนอย่างไร....ฉันเอาด้วยทุกอย่าง...ขอให้บอกมาเถอะผู้ใหญ่"


"ใช่....ใช่.......ฉันเอาด้วย.....ฉันก็เอาด้วย........"


กลุ่มคนประสานเสียงขึ้นจนเกือบจะเป็นพร้อมกัน  แววตาของคนเหล่านั้นบ่งบอกถึงความโกรธแค้นอย่างที่สุด

"เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ ให้เด็กและผู้หญิงอยู่แต่ในบ้านปิดประตูหน้าต่างให้แน่นหนาทุกบาน พร้อมกับเอาเป็ดไก่ วัวควายไปซ่อนเสียให้หมด เราจะใช้เหยื่อล่อมันออกมาไปยังที่ที่เราซุ่มอยู่ แล้วขอแรงพวกเราทีมีปืนซัก 2 คน คอยซุ่มดักยิงมัน ส่วนผู้ชายที่เหลือให้เตรียมอาวุธเท่าที่จะหาได้มาคอยซุ่มปิดทางหนีของมันไว้"


"โห....ดี...ผู้ใหญ่....แผนนี้แจ๋วไปเลย....คืนนี้พวกเราจะจับไอ้ปอบสารเลวตัวนี้ให้ได้"


ผู้ใหญ่ชุ่มยังคงมีร่องรอยของความกังวลปรากฏอยู่ที่ใบหน้า  แล้วเอ่ยขึ้นเป็นการเตือนสติต่อลูกบ้าน

"แต่ทุกคนอย่าลืมนะ  พวกเราก็ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับตัวมันเลย  ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าปืนจะหยุดมันได้หรือไม่  อย่างไรซะทุกคนก็จงอย่าได้ประมาทเป็นอันขาด"


ทุกคนในที่นั้นพอได้ยินคำพูดของผู้ใหญ่ชุ่ม  ต่างก็พากันคิดตามและเห็นด้วยกับคำพูดของผู้ใหญ่ชุ่ม  แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็พร้อมที่จะลองเสี่ยงดู และไม่ต้องการที่จะเป็นฝ่ายตั้งรับแต่เพียงอย่างเดียว


ในขณะนั้นเองผู้ใหญ่ชุ่มก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่ง  เดินยิ้มเข้ามายังกลุ่มของชาวบ้านที่กำลังชุมนุมกันอยู่ ผู้ใหญ่ชุ่มจ้องมองไปยังชายหนุ่มคนนั้นตาเขม็ง  เพราะในเวลานี้เขาเองไม่อาจไว้ใจใครได้เลยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนแปลกหน้า

"เฮ้ย....ไอ้หนุ่ม.....เอ็งเป็นใครวะ  และเข้ามาทำอะไรที่หมู่บ้านของข้า"


ทุกคนในที่นั้นหันมองกลับหลังไปตามสายตาของผู้ใหญ่ชุ่ม  ก็พบกับร่างของชายหนุ่มที่กำลังเดินใกล้เข้ามา  ก็พากันใช้สายตาสำรวจชายแปลกหน้าอย่างไม่เป็นมิตรนัก


ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้าไปประชิดกับกลุ่มลูกบ้านแล้วเอ่ยขึ้น

"ผมชื่อ ป๊อดครับ  ผมหลงป่ามา อยากจะขอความกรุณาอาหารและที่พักซักคืนจะได้หรือไม่ครับ"


ผู้ใหญ่ชุ่มยังคงเขม้นมองอย่างไม่เชื่อเท่าไหร่นัก

"ที่นี่กำลังมีเรื่องวุ่นวายอยู่   นี่เห็นไหม"


แล้วผู้ใหญ่ชุ่มก็ชี้มือไปยังศพที่ถูกแหวะท้องบนแคร่
ป๊อดมองตามไปยังนิ้วของผู้ใหญ่ จนพอเห็นชัดว่าเป็นศพของคนที่ถูกแหวะท้อง ก็ถึงกับสะดุ้งสุดตัว  ผงะก้าวถอยหลังออกไป พอผู้ใหญ่ชุ่มเห็นอาการตื่นกลัวต่อศพของป๊อด ก็คลายใจลง

"เฮ้ยไอ้หนุ่ม....ไหนเอ็งเล่าให้ละเอียดซิว่าไปไงมาไง เอ็งถึงได้มาถึงหมู่บ้านของข้าได้"


แล้วป๊อดก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ที่เขาถูกทำร้ายให้ฟัง จนต้องพลัดตกจากหน้าผาโดยข้ามตอนที่ได้ไปพบหลวงปู่เอาไว้ ผู้ใหญ่ชุ่มและลูกบ้านรับฟังเรื่องราวของป๊อดจนเข้าใจแล้ว  ผู้ใหญ่ชุ่มก็เอ่ยขึ้น

"ไอ้หนุ่ม  ที่นี่มันอันตราย  เดี๋ยวข้าให้ไอ้ชื่นลูกชายของข้าหาข้าวให้กิน  แล้วคืนนี้เอ็งก็นอนกับมันที่บ้านของข้าก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ แล้วพอมืดอย่าออกมาเป็นอันขาดล่ะ  เข้าใจไหม"


ป๊อดมองหน้าผู้ใหญ่ชุ่มอย่างงงๆ  แต่ก็พยักหน้ารับ  แล้วก็ถูกชื่นหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันฉุดมือให้เดินตามมันไป

"ไป......เอ็งไปกับข้า....ไอ้ป๊อด"


ชื่นเดินนำป๊อดจนมาถึงบ้านยกพื้นสูงขนาดใหญ่หลังหนึ่ง  ที่ชานหน้าบ้านมีหญิงสาววัยราว 20ปี  กำลังนั่งเย็บผ้าอยู่  ชื่นเดินนำป๊อดเข้าไปหาเธอแล้วแนะนำให้รู้จัก

"ป๊อด....นี่พี่ช้อย  พี่สาวข้าเอง"


"พี่ช้อย....นี่ป๊อด  พ่อให้มาค้างที่บ้านเราคืนนึง  พี่ช่วยไปเตรียมที่นอนและหาข้าวให้มันกินหน่อย"


ซ้อยเงยหน้าขึ้นจากผ้าในมือที่กำลังเย็บอยู่  มองตาขวางไปยังน้องชายแล้วเหลือบไปยังป๊อดอย่างไม่เป็นมิตรนัก

"จะมากไปแล้วไอ้ชื่น  เอ็งพามาเอ็งก็ไปทำให้มันสิวะ   เอ็งเห็นไม๊เนี่ยว่าข้าทำอะไรอยู่"


ป๊อดเห็นว่าทั้งสองพี่น้องกำลังเกี่ยงกันเรื่องของตนเองอยู่  จึงพูดขึ้นด้วยความเกรงใจ

"ไม่เป็นไรครับ  ผมขอค้างแค่คืนเดียว  นอนตรงไหนก็ได้ไม่ต้องรบกวนจัดที่นอนหรอกครับ"


ช้อยได้ฟังคำพูดสุภาพของป๊อดก็รู้สึกขัดหู   ชำเลืองมองด้วยหางตา แล้ววางผ้าในมือลงกับพื้นพร้อมกับเอ่ยขึ้น

"อย่างนั้นฉันให้นอนมันตรงชานหน้าบ้านนี่เลยดีไหม หึ..........เอ้าตามมา"


แล้วช้อยก็เดินนำเข้าไปในบ้าน   ชื่นเห็นดังนั้นก็ผลักหลังป๊อดให้เดินไปแล้วเอ่ยขึ้น

"พี่ช้อยเค้าปากร้าย แต่ใจดีแบบนี้แหละ  เอ็งรีบตามไปเร็ว"


ป๊อดเร่งเดินติดตามไปพร้อมกับมองดูเรือนร่างของช้อยจากทางเบื้องหลัง  ช้อยเป็นผู้หญิงที่มีเรือนร่างสมสัดส่วน  ผ้าซิ่นยาวเสมอเข่าที่เธอนุ่งแม้ไม่ได้รัดรึงส่วนสัดของเธอให้เด่นชัดออกมา แต่ก็ไม่สามารถปกปิดสะโพกกลมกลึงโด่งงอน  เวลาเธอเดินเยื้องย่างมันช่างชวนมองจนป๊อดแทบไม่อยากละสายตา  ผิวของเธอแม้จะไม่ขาวผ่องเหมืองหญิงสาวในเมือง แต่ก็เกลี้ยงเกลานวลเนียนดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ  เธอพาเขาเดินเข้าไปยังห้องเล็กๆห้องหนึ่งซึ่งใช้เป็นที่เก็บของ แล้วนำสิ่งของบางอย่างออกมาจากห้องไปเก็บไว้ที่ใต้ถุนบ้าน จนทำให้ห้องพอจะมีที่เหลือให้ป๊อดนอนได้อย่างสบาย

"เอ้า...นอนห้องนี้แหละนะ  เดี๋ยวฉันจะไปหาฟูกกับมุ้งมาให้"


ช้อยยกที่นอนหมอนมุ้งมากองไว้อย่างคล่องแคล่ว  พร้อมกับลงมือจัดที่นอนให้โดยมีป๊อดคอยช่วยอยู่อย่างงกๆเงิ่นๆ  ในระหว่างจัดที่นอนอยู่นั้นสายตาซุกซนของป๊อดก็มองไปยังคอเสื้อที่ทิ้งตัวลงมาในขณะที่ช้อยก้มตัวลงจัดที่นอน  เขารู้สึกแปลกใจที่ช้อยกลับใช้ผ้าคาดอกแทนที่จะใส่ยกทรงเหมือนหญิงสาวทั่วไป  ยิ่งเห็นอย่างนั้นความใคร่รู้ของเขาก็เพิ่มมากขึ้น  ป๊อดจึงก้มลงช่วยสอดชายผ้าเหน็บเข้ากับที่นอน ส่วนตาก็สอดส่ายเพ่งลงไปที่แถบผ้าคาดอกของช้อยที่ที่เผยอพองออกมาจนเห็นเนินอกขาวเนียน และเนินจุกสีแดงระเรื่อที่แพลมออกมาตามจังหวะการขยับแขนของเธอ  ยิ่งเพ่งมองป๊อดก็ยิ่งทำให้อยากจะเห็นเพิ่มขึ้น  จนมันก่อเป็นอารมณ์ใคร่   เขาสูญเสียการระงับอารมณ์ไปตั้งแต่เริ่มฝึกกสิณสายดำกับภูติแห่งปลัดขิก  แต่เขาก็พยายามฝืนตัวเองแล้วหันมองไปทางอื่นอย่างยากเย็น 


แต่ยิ่งหลบเลี่ยงก็เหมือนกับช้อยจะยิ่งยั่วยุ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ด้วยความที่เธออยู่บ้านนี้กับพ่อและน้องชายเท่านั้น แม่ของเธอได้ตายไปตั้งแต่เธอยังเด็กจึงไม่มีใครคอยสั่งสอนให้เธอเคลื่อนไหวร่างกายอย่างระมัดระวังให้สมกับความเป็นหญิง  ช้อยหันตัวไปอีกด้านโดยหันก้นกลมกลึงและโด่งงอนมาทางป๊อด ในระยะเกือบจะประชิดกับใบหน้าของเขา  โดยเธอไม่รู้ตัวเลยว่าชายผ้าซิ่นของเธอมันพับค้างอยู่ตั้งแต่ตอนที่เธอนั่ง  พอเธอก้มลงคลานมันก็ยิ่งร่นขึ้น จนเห็นผิวขาวนวลเนียนของเรียวขาเธออย่างชัดถนัดตา  ป๊อดประจักษ์ชัดในตอนนี้แล้วว่า  ผิวเนื้อภายในร่มผ้าของช้อยมันไม่ได้คล้ำกร้านแดดลมเหมือนกับผิวพรรณภายนอกอย่างที่เขาเห็นอยู่  ยิ่งเพ่งมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในระยะประชิด เขาก็ยิ่งใจเต้นถี่และอดใจไม่ได้ที่จะแกล้งก้มตัวต่ำลงเพื่อจะลอบมองดูสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในผ้าซิ่นให้มากกว่านี้ 


แล้วป๊อดก็ต้องถึงกับตาเบิกกว้าง ใจเต้นแรงถี่ขึ้นกว่าเดิม เพราะสิ่งที่เขาเห็นก็คือเนินเนื้อแห่งความเป็นหญิงสองพูกำลังเบียดเสียดอยู่ระหว่างเรียวขาทั้งสองของเธอ  มันทั้งใกล้และชัดเจนจนแทบจะได้กลิ่น  เขาถึงกับตะลึงค้างจ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างไม่รู้ตัว  ความคิดของป๊อดในตอนนี้มันจินตนาการไปว่าเขาได้เอาใบหน้าซุกเข้าไปตรงเนินเนื้อสองกลีบที่ปลิ้นเป็นพูออกมา  แล้วดูดเลียให้สมใจอยาก เป้ากางเกงของป๊อดในตอนนี้มันได้แข็งตัวเป็นลำคับตึงไปหมดทั้งเป้า   
แต่แล้วช้อยก็หันมา  เขาจึงแกล้งนอนลงไปทันที

"เอ้า.....จะนอนเลยรึ   ข้าวปลาไม่กินเหรอไง"



ป๊อดนึกตอบเธออยู่ในใจ

"ไม่กินข้าว....แต่อยากกินช้อยเหลือเกิน"



"เอ้า ...เสร็จแล้ว...วันนี้เธอนอนที่นี่แหละนะ  ไป..เย็นแล้วออกไปกินข้าวกัน"


ป๊อดขานรับแต่ทำท่าทางอิดเอื้อน เนื่องจากเจ้าน้องชายของเขายังคงแข็งผงาดอยู่  ช้อยเห็นดังนั้น  ก็คิดว่าป๊อดเกรงใจจึงก้มลงดึงแขนเขาขึ้นมา  ป๊อดจำใจลุกขึ้นตามแรงฉุดแต่พอมองลงไปที่เป้าของตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อย  ก็เห็นว่าเป้าของเขายังคงตุงเด่ออกมาจนน่าเกลียด  ป๊อดจึงตัดสินใจฝืนตัวลงนั่งลงทันที

"ช้อย  ไปก่อนเถอะครับ   เดี๋ยวผมตามไป....."


"โอ๊ะ........อ๊ายยยย........"


แต่เมื่อเขาฝืนตัวดึงกลับอย่างนั้นก็ทำให้ช้อยเสียหลักล้มลง  ร่างของเธอคว่ำพังพาบอยู่บนร่างของป๊อดอย่างเต็มตัว  ใบหน้าใกล้ชิดใบหน้า  หน้าอกเต่งตึงบดบี้อยู่กับอกของเขา และที่สำคัญหว่างขาของเธอก็ทาบทับลงบนท่อนเอ็นที่กำลังแข็งตัวของเขาอย่างพอดี
ช้อยจ้องมองป๊อดในระยะประชิด  ตาของเธอประสานกับตาของเขา  ลมหายใจอุ่นๆของป๊อดรวยรดผ่านใบหน้าของเธออย่างแผ่วเบา มันสร้างความรู้สึกประหลาดให้กับเธออย่างไม่เคยเป็นมาก่อน  ช้อยรู้สึกอุ่นร้อนไปทั้งร่างและไม่สามารถต่อสายตากับป๊อดได้อีก  ที่สำคัญเธอพึ่งจะรู้สึกว่าของสงวนของเธอได้ทาบทับอยู่กับสิ่งหนึ่งที่เป็นท่อนแข็งกลางหว่างขาของเขา  เธอรีบผลักตัวเองให้หลุดพ้นจากการการทาบทับร่างของเขาแล้วเดินหายออกไปในทันที


ที่กลางลานบ้านของผู้ใหญ่ชุ่ม สำรับอาหารง่ายๆที่ช้อยเป็นผู้ปรุงก็ถูกนำออกมาจัดวาง โดยมี ชื่น และ ป๊อด นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งสองคนนั่งมองอาหารมื้อเย็นที่ช้อยนำมาจัดวางอย่างนึกชมในความน่ากิน แล้วเธอก็นั่งลงร่วมวงพร้อมกับตักข้าวใส่จานแจกจ่ายให้
ป๊อดยังคงมีภาพอันชวนสยิวของช้อยติดตาอยู่   เขาจ้องมองดูวงหน้าของเธอ มองอากัปกิริยาของเธออย่างพิจารณาก็เห็นว่าเธอเป็นหญิงสาวที่มีเสน่ห์  วงหน้าของเธอเป็นรูปไข่ หน้าผากกว้าง ตากลมโต แววตาบ่งบอกถึงดื้อรั้น เข้มแข็ง ไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ  ยิ่งมองเขาก็ยิ่งเห็นถึงความสวยน่ารักของช้อยมากขึ้นไปทุกที


ช้อยพยายามไม่มองหน้าป๊อด  เมื่อบ่ายที่เธอล้มทับร่างของป๊อดเธอรู้ดีว่าเจ้าท่อนแข็งๆที่ส่วนนั้นของเธอทับอยู่นั้นคืออะไร  มันทำให้เธอทั้งอาย  ทั้งเจ็บใจเหมือนถูกล่วงเกินโดยไม่เต็มใจ  แต่อีกความรู้สึกหนึ่งก็รู้สึกหวิวๆอย่างประหลาดเมื่อได้สัมผัสกับเจ้าสิ่งนั้น  มันทำให้เธอประหม่าจนทำอะไรไม่ถูกมาจนถึงเดี๋ยวนี้ เธอก็ยังไม่กล้าสบตากับป๊อดตรงๆ   แต่เมื่อความรู้สึกของเธอมันบอกว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกำลังจ้องมองเธออย่างไม่เกรงใจ  ช้อยก็รู้สึกโกรธขึ้นในทันที เธอหันกลับมามองป๊อดด้วยแววตาจะเอาเรื่องพร้อมกับพูดขึ้น


"มองอะไรป๊อด.....จ้องอยู่ได้  ไม่เคยเห็นคนหรือไง  จะกินไหมข้าวอ่ะ"


ป๊อดตกใจรู้ตัวในทันทีว่าได้จ้องมองเธออย่างย่ามใจเกินไป  จึงรีบกลบเกลื่อนในทันที

"อ๋อ...ปะ...ป่าวครับ.....โทษที  ผมคิดอะไรเพลินไปหน่อย  ไม่ได้ตั้งใจ"



"แหม...พี่ช้อยนี่ก็ดุอย่างกับหมา  มองก็ไม่ได้  ตัวเองก็ไม่ได้สวยอะไรซะหน่อย เนอะป๊อดเนอะ"


"เดี่ยวเถอะไอ้ชื่น...เดี๋ยวจะถูกตบปาก  จะกินไหมข้าว  อย่าให้โมโหนะเว้ย"


แล้วทั้งสามคนก็เงียบเสียงลงร่วมกันกินข้าววงเดียวกันจนอิ่ม   


หลังจากพักให้ข้าวเรียงเม็ดดีแล้วชื่นก็ชวนป๊อดไปอาบน้ำเพราะเย็นมากแล้ว  ทั้งสองชวนกันไปที่ลำคลองเล็กๆที่ห่างจากหลังบ้านผู้ใหญ่ชมไปไม่มากนัก และเมื่ออาบเสร็จป๊อดกับชื่นก็พากันเดินกลับมาพร้อมกัน  แต่ป๊อดพึ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองนุ่งแต่ผ้าขาวม้ากลับมา ไม่ได้หยิบเสื้อผ้าเก่าที่สวมอยู่ติดมาด้วย  จึงวกกลับไปเอาเสื้อผ้าของเขาแต่เพียงลำพัง 


ในระหว่างที่เดินกลับไปได้ระยะหนึ่งเขากลับจำทางเดินเดิมไม่ได้  จึงเดินวกวนไปมาอยู่หลายครั้ง ก็ยังหาจุดที่เขาวางเสื้อผ้าไม่เจอจนเขารู้สึกหงุดหงิด
แต่แล้วในขณะที่เขากำลังเดินงมหาทางอยู่นั้น  เขาก็ได้ยินเสียงน้ำดังตกกระทบพื้นเป็นจังหวะอยู่ห่างไปไม่ไกลนัก  ป๊อดจึงเดินตามเสียงนั้นไป  ยังไม่ทันที่จะโผล่พ้นไปยังแหล่งกำเนิดเสียงสายตาของเขาก็มองลอดพุ่มไม้ไปพบกับร่างอันคุ้นตา   ร่างนั้นก็คือช้อยนั่นเอง  เธอนั่งอยู่ที่ท่าน้ำสวมผ้าถุงกระโจมอกที่เปียกน้ำจนชุ่มฉ่ำไปทั้งผืน 


ป๊อดรีบหลบก้มต่ำลงกับพุ่มไม้ทันที  เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอช้อยในลักษณะเช่นนี้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะตัดใจละโอกาสดีๆอย่างนี้ไปได้  ภาพของช้อยเมื่อบ่ายนี้มันยังคงติดตาและรบกวนอารมณ์ของเขาให้คุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา 


ช้อยยังคงใช้ขันตักน้ำจากคลองราดรดตัวเองอย่างสบายใจ  แล้วขัดถูทำความสะอาดส่วนต่างๆของเธออย่างเพลิดเพลิน  มือของเธอลูบไล้ไปตามเนินอกอวบอิ่มที่ถูกผ้าถุงคาดปิดไว้ไล่ไปตามไหล่และแขนทั้งสองข้าง จากนั้นก็เลื่อนไหลลงสู่ฝ่าเท้าและน่อง   เธอหันหน้ามองไปมารอบหนึ่งแล้วหันร่างหลบมาในทิศทางเดียวกันกับที่ป๊อดกำลังซุ่มดูอยู่  แล้วจึงถกชายผ้าถุงขึ้นลูบไล้ไปตามเรียวขาทั้งสอง







ป๊อดไม่คาดว่าตนเองจะโชคดีขนาดนี้  เขาเพ่งมองเรียวขาขาวผ่องและไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะขาวได้ขนาดนี้   ชายผ้าถุงถูกถกสูงขึ้นทีละน้อย มือของเธอก็ถูไล่สูงขึ้นไปโดยเธอเองก็ไม่ระวังตัว และไม่รู้ตัวว่ามีคนกำลังแอบมองเธออยู่  ขาทั้งสองของเธออ้าออกทีละน้อยๆอย่างไม่ตั้งใจ ในขณะที่ชายผ้าถุงหนักน้ำก็ทิ้งตัวลงล่างจนเกิดช่องว่างที่ทำให้ป๊อดต้องตาเบิกโพลงขึ้นอีกครั้ง


เนินสาวที่ปกคลุมด้วยเส้นขนสีดำลู่ไหลไปกองอยู่จุดเดียวจนเปิดเผยความอวบอูมของกลีบทั้งสอง จังหวะที่เธอสลับขาเหยียดเข้าออก ร่องสวาทของเธอก็แย้มเปิด หุบเข้าเป็นอย่างนี้หลายครั้ง จนป๊อดแทบจะกระโจนออกจากที่ซ่อน แล้วเชยชมเธอให้สมกับความต้องการที่กำลังประทุอยู่ในตอนนี้  มันทำให้เขาคิดถึงน้าขิก  คิดถึงน้ำมันเทพรัญจวน หากมีสิ่งใดสิ่งในตอนนี้เขาก็คงได้สมหวังกับช้อยอย่างไม่ยากนัก 


ในระหว่างที่ป๊อดแอบดูช้อยด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านทำให้ขาดความระวัง  ทำให้ช้อยสังเกตเห็นชายผ้าขาวม้าที่ป๊อดนุ่งอยู่ขยับไปมา   สีของมันไม่กลมกลืนกับพุ่มไม้เท่าไหร่นัก  ยิ่งเธอเพ่งมองก็ยิ่งมั่นใจว่าหลังพุ่มไม้นั้นมีคนซ่อนตัวอยู่แน่ๆ   เธอจึงรีบลุกขึ้นขมวดกระโจมอกจนแน่นหนาแล้วฉวยท่อนไม้แห้งขึ้นมาถือไว้ในมือทันที


"ใครอยู่หลังพุ่มไม้   ออกมาเดี๋ยวนี้นะ  ไม่งั้นแม่จะเข้าไปเพ่นกระบาลจริงๆด้วย  ออกมา..บอกให้ออกมา"


ป๊อดตกใจจนทำอะไรไม่ถูก   หันซ้ายแลขวาคิดจะวิ่งหลบหนีแต่ก็ช้าไปเสียแล้ว  ช้อยได้ปราดเข้ามาถึงตัวเขาอย่างรวดเร็วแล้วฟาดลงตรงกลางหลังอย่างเต็มแรง

"โอ๊ยย........ยอมแล้ว    อย่าตีนะช้อย    ผมเอง"



ช้อยได้ยินเสียงก็จำได้ทันที  เธอไม่คาดคิดว่าป๊อดที่ดูเป็นคนสุภาพเรียบร้อยจะกล้าถึงกับมาแอบดูเธออาบน้ำ

"ป๊อด....มาซุ่มทำอะไรที่นี่   ฉันไม่คิดเลยนะว่าแกจะเป็นคนแบบนี้"


"เดี๋ยวช้อย  ฟังก่อน   ผมมาเอาเสื้อผ้าของผม  แต่เดินมาแล้วเห็นช้อยกำลังอาบน้ำก็กลัวช้อยจะเข้าใจผิด เลยซุ่มรอจนกว่าช้อยจะอาบเสร็จ"



"โกหก  ฉันไม่เชื่อ  ไหนล่ะเสื้อผ้าที่ว่า"



"โน่นไง  แขวนอยู่ตรงกิ่งไม้โน่น"


ด้วยข้ออ้างนี้ทำให้ช้อยเกิดความเชื่อขึ้นมาบ้าง

"อ้าวงั้นนั่งอยู่ทำไมล่ะ  รีบไปมาเอามาสิ ฉันจะได้อาบน้ำต่อ"


ป๊อดรีบลุกขึ้นอย่างรีบเร่ง  โดยลืมไปว่าอาวุธของตัวเองยังแข็งตั้งเด่เป็นกระโดงเรืออยู่  พอลุกขึ้นยืนมันก็เผยตัวตุงออกมาจากผ้าขาวม้าอย่างเห็นได้ชัด  เขาจึงรีบตะปบกดมันลงอย่างเร่งรีบและด้วยความรีบนั้นเองทำให้ปมขมวดของผ้าขาวม้าคลายตัวออกมา  ป๊อดก็ยิ่งลนลานจะตะปบขึ้นมาปิดบังส่วนนั้นของตัวเองไว้ แต่ไม่ทันการเสียแล้ว  ช้อยเหลือบลงมาเห็นเจ้าท่อนเอ็นที่กำลังผงาดชี้ออกมาพอดี  เธอจ้องมองตะลึงค้างอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ส่งเสียงร้องอย่างสุดเสียงทันที


"ช่วยด้วย.....ช่วยด้วย....."


ป๊อดใจหล่นไปที่ตาตุ่ม  เขาได้นำพาตัวเองเข้ามาในจุดคับขันเสียแล้ว  หากชื่นหรือใครได้ยินเสียงร้องของช้อยและเห็นเขาในสภาพนี้ก็ยากนะที่จะแก้ตัวได้หลุด  เขาพะว้าพะวังมองซ้ายมองขวาทำอะไรไม่ถูก 
แต่แล้วด้วยเหตุที่เขาได้นึกถึงน้ำมันเทพรัญจวนเมื่อสักครู่  ทำให้เขานึกถึงคาถาเทพรัญจวนผุดขึ้นมาในความคิด  ยามฉุกละหุกเช่นนี้ไม่มีหนทางอื่นเขาจึงทดลองภาวนาคาถาออกไปทันที


"โอม..รำจวนรำพึง รำจวนสิเหน่หา พระพายพัดพานป่วนจิตสะท้านพระทัย
มะ เมตตัง อะอุ สิเน่หา สัพพัตถะ ปูชิตา สัพพะกามา สัพพะตัญหา ราคะสัพเพ
มะอยู่มิได้ ปิติ ปิโย กามา กาเม  อิธะเจตะโส ทัฬหัง คัณหาหิ.....เพี้ยง..."

ป๊อดภาวนาเสร็จก็เป่าพรวดไปที่ใบหน้าของช้อยทันที   


จะรอดไหมนี่

phenix


review1972

ป๊อดภาคหื่นเต็มพิกัดปะฉะดะ สาวๆคนไหนเจอได้เสียวจนเพลียแน่นอน555

po3026

ป็อดได้ใช้วิชาแล้วโดยที่ไม่มีน้าขิกคอยช่วยเหลือ ดูสิว่าจะเก่งและแน่แค่ไหน

ตะวัน123

คนมีคาถาก็แบบนี้ล่ะพอคับขันก็ต้องใช้มนที่เรียนมา

babimild215

อยากมีแบบนี้มั่ง ไปไหนจะมีเมียที่นั่นเลย

samanlo ba