ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

อาถรรพ์ปลัดขิก ภาค 2 ตอนที่ 3 เผชิญผีปอบ

เริ่มโดย Kamen Rider V-3, พฤษภาคม 11, 2020, 08:57:33 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Kamen Rider V-3

ก่อนอื่นขอย่อเรื่องราวตอนสุดท้ายของภาคแรก และภาค 2 ตอนที่ 1 และ 2 ให้เข้าใจตรงกัน เนื่องจากมีบางท่าน
ยังเข้าใจเนื้อเรื่องผิดอยู่

ความเดิมตอนที่ 20 ภาค 1
ป๊อดใช้กุญแจไขเข้าไปรอในห้องของแจง (นักวอลเล่ย์สาว) เพื่อคิดจะทำเซอร์ไพร์ส
แต่แล้วจ๋าน้องสาวของแจงดันกลับมาจากโรงเรียนแล้วจะขอนอนพักในห้องของพี่สาว ป๊อดจึงแอบซ่อนตัว
แต่ด้วยความหื่นก็อดไม่ได้ที่จะใช้มนต์ดำหลอกกินไข่แดงน้องจ๋าจนชื่นฉ่ำสบายใจ  แล้วจึงออกมาจากหอพัก
เพื่อจะกลับบ้าน  แต่มือปืนที่เสี่ยวิชัยจ้างไว้ได้สะกดรอยตามมาและรอคอยอย่างใจเย็น  พอเห็นป๊อดออกมา
จากหอพักก็ขับรถพุ่งเข้าชนจนป๊อดบาดเจ็บแล้วลงมายิงซ้ำ  จากนั้นก็แบกร่างของป๊อดใส่ท้ายรถ
(ในตอนนี้เองที่ปลัดขิกได้ตกลงมาจากกระเป่าเสื้อ)  แล้วขับรถนำร่างของป๊อดมาทิ้งไว้ที่กลางป่า  จบภาคแรก

ภาค 2 ตอนที่ 1 และ 2 
ป๊อดยังไม่ตายเพราะขณะโดนยิงมีปลัดขิกอยู่ในกระเป๋าเสื้อ  เขาตื่นฟื้นขึ้นกลางป่าในเวลาเย็นใกล้ค่ำ ทั้งยังมี
พายุฝนเทกระหน่ำลงมา  ป๊อดพยายามเดินออกจากป่าอย่างทุลักทุเลแล้วพลาดตกลงไปในเหวเพราะความมืด
แต่ไม่ตายเพราะหลวงปู่ช่วยไว้  หลวงปู่ได้สอนให้ป๊อดเข้าฌาณย้อนอดีตชาติจนรู้ว่าชาติก่อนตนเองชื่อเข้ม
ถูกพ่อนำมาฝากไว้กับขุนเรือง  แต่สมาธิของป๊อดยังไม่เข้มแข็งนักจึงถอยออกจากฌาณเสียก่อน  แต่เมื่อลืมตาขึ้น
ก็ไม่พบหลวงปู่เสียแล้ว เขาจึงเดินทางเพื่อหาทางออกจากป่าจนในที่สุดก็ได้พบกับหมู่บ้านลับแล

---------------------------------------------------



          ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว  ทั่วอาณาบริเวณของบ้านผู้ใหญ่ชุ่มมืดสนิท  ตะเกียงน้ำมันถูกจุด
เพื่อให้แสว่างแก่คนที่อาศัยอยู่ในบ้าน  ชื่น  ป๊อด  และช้อย นั่งล้อมวงกันพูดถึงการล้อมจับปอบในคืนนี้

"ชื่น  เขาจะล้อมจับปอบกันที่ไหนล่ะ"

"ก็ที่หน้าบ้านที่เราอยู่นี่แหละ   นั่นไงสงสัยมากันแล้ว"

ชื่นเดินออกมาส่องดูที่ระเบียงบ้าน ตามติดมาด้วยป๊อดและช้อย มองออกไปตามเสียงย่ำเท้าก็พบคนกลุ่มใหญ่
กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับแสงไฟวอมแวมจากคบไฟ  เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านก็พาล้อมวงอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ชุ่ม
ผู้ใหญ่ชุ่มยืนรอจนเห็นว่าลูกบ้านที่นัดหมายมาพร้อมหน้ากันแล้วก็เอ่ยขึ้น

"ไอ้ผาด  ไอ้พรม  เอ็งต้อนวัวควายกับฝูงไก่ไปซ่อนแล้วใช่ไหม"

"ใช่  ผู้ใหญ่  ฉันเอาไปฝากไว้ที่คอกบ้านไอ้วันที่ท้ายทุ่งโน่น  และกำชับมันให้เฝ้าไว้อย่างดี"

"ดี  ไอ้ฉิม  ไหนล่ะของล่อปอบที่ให้เอ็งไปเตรียมมา "

"นี่ไง   ไก่สี่ตัว พอไหมผู้ใหญ่"

ผู้ใหญ่ชุ่มมองดูไก่เป็นๆในชะลอมอย่างพอใจ  แล้วเอ่ยขึ้น

"คืนนี้เราจะแบ่งคนเป็น 2 กลุ่ม  กลุ่มหนึ่งคอยซุ่มดูเล้าไก่ที่เราจะวางไว้เป็นเหยื่อล่อมัน  กลุ่มนี้มี ไอ้ผาด ไอ้พรม  แล้วก็ข้า 
พวกเราต้องดับคบไฟแล้วซุ่มดูอย่างเงียบที่สุด คอยจนกว่าข้าจะให้สัญญาณถึงยิงได้  อีกกลุ่มนึง ให้ไอ้ฉิม   ไอ้ก้าน  ไอ้เขียว
ไปดักรอที่ชายป่า  ถ้าเห็นคบไฟถูกจุดพวกเอ็งต้องเตรียมตัวให้ดี เผื่อมันจะหลุดลอดมาจากพวกข้า  เห็นมันเมื่อไหร่ก็ยิง
ได้ทันทีเข้าใจไหม"


"แล้วพวกฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเป็นมันล่ะผู้ใหญ่"

"ก็คืนนี้ข้าห้ามคนในหมู่บ้านเราออกมาข้างนอก  ข้าเองก็ไม่เคยเห็นว่ามันมีหน้าตาอย่างไร  แต่ถ้ามีอะไรเคลื่อนไหวไปทางเอ็ง
ก็ยิงได้เลย  เพราะต้องไม่ใช่คนในหมู่บ้านของเราแน่ๆ"

ฉิมพยักหน้าอย่างเข้าใจในคำสั่ง  จากนั้นก็พากันไปจัดแจงเหยื่อล่อและแอบซุ่มคอยจังหวะตามจุดที่ผู้ใหญ่ชุ่มได้สั่งเอาไว้

เวลาผ่านไปราวสองชั่วโมงทุกพื้นที่ในหมู่บ้านก็มืดและเงียบสนิท  กำลังคนที่ผู้ใหญ่ชุ่มจัดแบ่งไว้ยังคงเฝ้าจับตาดูความเคลื่อนไหว
อย่างระมัดระวัง   ป๊อดและชื่นสมัครใจที่จะนอนชั้นล่างริมหน้าต่างเพื่อจะได้เห็นเหตุการณ์ในคืนนี้ได้ถนัด  ส่วนช้อยก็หอบหมอน
และมุ้งลงมาสมทบด้วยโดยอ้างว่าไม่กล้านอนคนเดียว  เธอกางมุ้งให้ตัวเอง 1 หลัง และให้ชื่นกับป๊อดนอนด้วยกันอีก 1 หลัง
ในระยะไม่ห่างกันมากนัก

ย่างเข้าดึกสงัดก็ยิ่งเงียบและวังเวง  ไม่มีแม้แต่เสียงจั๊กจั่นหรือเสียงนกกลางคืนร้องให้ได้ยิน ราวกับพวกมันรู้ว่าจะมีเกิดอะไรขึ้น
กับหมู่บ้านในคืนนี้

ผาด พรม และผู้ใหญ่ชุ่ม ถือหน้าไม้อย่างระวังพร้อม  โดยเฉพาะผู้ใหญ่ชุ่มมุุ่งมั่นที่จะกำจัดปอบตัวนี้ให้พ้นไปจากหมู่บ้าน
ของเขาให้ได้ในคืนนี้  เพื่อคืนความสงบสุขมาสู่ลูกบ้านของเขา  แต่เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงไปมากแล้วก็ยังไม่เห็นวี่แววของปอบตนนั้น
ผู้ใหญ่ชุ่มจึงให้ ผาด และ พรม พักผ่อนเอาแรงไปก่อน แล้วจึงค่อยสับเวรกัน

ส่วนภายในบ้านของผู้ใหญ่ชุ่มในตอนนี้ก็มืดลงอย่างสนิทจนมองไม่เห็นสิ่งใด  เนื่องจากตะเกียงน้ำมันถูกดับลงและเป็นคืนข้างแรม
ชื่นนอนส่งเสียงกรนออกมาตั้งแต่หัวถึงหมอน  ทั้งที่เขานัดกับป๊อดเองว่าจะอยู่โต้รุ่งเพื่อคอยดูการล้อมจับปอบในคืนนี้ให้ได้  ผิดกับป๊อด
ที่ยังนอนตาค้างมองดูเพดานมุ้งที่เห็นเพียงสลัวๆพร้อมกับปลดปล่อยความคิดล่องลอยไปถึงบ้านที่เขาจากมา

เขาทั้งรักและเป็นห่วงทุกคนในบ้าน  เถ้าแก่เจียง  เนี้ยซิมลั้ง  หลิว  คุณวิไล และ หนิง  ไม่รู้ป่านนี้เสี่ยวิชัยจะวางแผนชั่ว
ทำร้ายคนที่เขารักเหล่านี้อยู่หรือไม่  ทั้งยังคิดถึง  แจน  พยาบาลนิสา  และน้องจ๋า จนปรากฏดวงหน้าของบุคคลเหล่านี้
ลอยเด่นออกมา  ยิ่งคิดก็ยิ่งเกิดความกลัดกลุ้มจึงคิดที่จะทดลองเข้าฌาณเพื่อสื่อจิตถึงโหงพรายดูอีกครั้ง

ป๊อดลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิ  เพ่งจิตเรียกนิมิตรแห่งกสิณไฟให้ปรากฏขึ้นที่ตรงหน้า เพียงครู่ก็ปรากฏนิมิตรไฟกสิณตามต้องการ
เขาเพ่งลึกเข้าไปยังกลางดวงนิมิตรนั้นจนมันพองโตสว่างจ้า ตั้งความปรารถนาที่จะพูดคุยกับโหงพราย  ทันใดนั้นเองก็ปรากฏเป็นภาพ
ของโหงพรายปรากฎขึ้นอยู่ตรงหน้า

"โหงพราย  แกอยู่ที่ไหน"

"นาย   นายหายไปไหนมา  ข้าตามหาไปทั่วเลย"

"ฉันโดนลอบทำร้าย  แล้วพวกมันก็เอาฉันมาทิ้งไว้ในป่า"

"ถ้าอย่างนั้น  ข้าจะตามไปหานาย"

"ยังไม่ต้อง ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว  ฉันต้องการให้แกคอยคุ้มครองความปลอดภัยคนในบ้าน  ถ้าเกิดอะไรขึ้นช่วยบอกฉันด้วย"

"ได้สินาย   ข้าจะทำตามที่นายสั่ง  นายอยู่กับท่านขิกข้าก็ไม่ห่วงแล้ว"

"ฉันไม่ได้อยู่กับน้าขิก   น้าขิกหายไปตอนที่ฉันถูกยิงที่หอพักของแจน แกช่วยฉันไปค้นหาหน่อยได้ไหม"

"ได้จ้ะนาย   ข้าจะออกตามหาเดี๋ยวนี้เลย"



ที่มุ้งถัดออกไป ช้อยก็เป็นอีกคนที่นอนไม่หลับเหมือนกัน  เหตุการณ์วาบหวามที่เกิดขึ้นในตอนเย็นมันยังติดตามอยู่ในความรู้สึก
จนเธอไม่สามารถข่มตาหลับ เธอไม่เข้าใจตนเองว่าทำไมถึงได้กล้าประพฤติตัวเช่นนั้นต่อชายแปลกหน้าที่พึ่งรู้จักในวันเดียว
แต่ความรัญจวนใจที่สาววัยยี่สิบอย่างเธอพึ่งจะได้เคยลิ้มรสนั้น  มันได้ปลุกเร้าธรรมชาติของหญิงวัยเจริญพันธุ์ให้ตื่นตัว
และร่ำร้องออกมาจากภายในทั้งที่มนต์เทพรัญจวนที่ป๊อดเป่าใส่ได้เสื่อมฤทธิ์ลงไปตั้งแต่ผู้ร่ายมนต์ไม่ได้อยู่ต่อหน้า 
(หากเป็นน้ำมันเทพรัญจวนที่ผ่านพิธีปลุกเสกจะคงอยู่ตลอดไป)  ทั้งยังเรื่องความกังวลเกี่ยวกับผีปอบอีก จึงทำให้เธอกระสับกระส่าย
อยู่ไปมาแล้วเหลียวมองไปยังมุ้งที่ป๊อดนอนอยู่เป็นระยะ  แต่แล้วเธอก็เห็นเป็นเงาตะครุ่มเหมือนคนนั่งอยู่ในมุ้ง  จึงลองส่งเสียง
ออกไปอย่างแผ่วเบา

"ป๊อด.....ป๊อดใช่ไหม......ป๊อด...."

เสียงของช้อยที่เรียกอยู่หลายครั้ง ทำให้ป๊อดถอยออกจากฌาณ  เปิดเปลือกตาขึ้น

"ผมเอง....ช้อย......มีอะไรเหรอ...."

"เอ่อ.........ฉัน........ฉันกลัว.......ป๊อด...."
เสียงของเธอ ขาดช่วงและเบาแผ่วแทบจะไม่ได้ยินแต่ป๊อดกลับรับรู้มันอย่างเข้าใจ เพราะตัวเขาเองก็กำลังต้องการที่จะ
ใกล้ชิดกับเธออยู่เหมือนกันหลังจากค้างคาที่ถูกชื่นขัดจังหวะ


เขาหันไปมองชื่นที่กำลังหลับสนิทส่งเสียงกรนคลออยู่ในลำคอ  แล้วเลิกมุ้งเคลื่อนตัวอย่างเบากริบไปยังมุ้งของช้อย   
ที่มองเห็นได้เพียงรางๆ

"ป๊อด....เข้ามาทำไมเดี๋ยวชื่นตื่นมาเห็นเข้า"
เสียงเตือนของช้อยเบาแผ่ว 







ป๊อดไม่ตอบคำใดๆ  เลิกมุ้งของช้อยขึ้นแล้วสอดตัวเข้าไปนอนตะแคงเคียงข้างร่างของเธอ  มือข้างหนึ่งของเขาโอบรัด
ร่างของช้อยไว้ทันที

"ป๊อด....พ่ออยู่อยู่ข้างล่างนะ  เกิดแกเข้ามาจะทำยังไง  ออกไปก่อน"

"ก็ช้อยกลัวไม่ใช่เหรอ   ป๊อดเลยมานอนเป็นเพื่อนช้อย"

ลมหายใจอุ่นๆของป๊อดรวยรดอยู่ตามใบหูและซอกคอ  สร้างความวาบหวิวและความอบอุ่นใจให้เธอจนยากที่จะผลักไส
ร่างของป๊อดให้ห่างออกไป เมื่อเห็นว่าช้อยผ่อนแรงที่จะผลักไสลง  เขาก็ดอมดมซุกไซ้ไปตามต้นคอของช้อย
อย่างแผ่วเบา

"อึ๋ยยย.....ป๊อด.........เดี๋ยวชื่นตื่นมาเห็นเข้านะ"


"ช้อย ตัวหอมจัง   ขอป๊อดชื่นใจอีกหน่อยนะ"


ไม่เพียงแต่ริมฝีปากของเขาเท่านั้นที่ซุกซนลากเลียไปตามใบหูของช้อยจนเธอขนลุกเกลียว  ฝ่ามือข้างหนึ่งของเขายังล้วงลึก
เข้าไปยังชายเสื้อตะโบมคลึงเค้นเต้าเต่งตึงข้างหนึ่งของเธอไว้ แล้วใช้สองนิ้วบดบี้ปลายยอดงามไปมาอย่างแผ่วเบา


"อื้อออ.....ป๊อดดด.............ป๊อดรังแกช้อยอีกแล้วนะ............อืมมมม....."


ยิ่งโอบกอดลูบคลำ  ราคะจริตของป๊อดก็กำเริบและยิ่งย่ามใจ เขาบรรจงจูบเธออย่างดูดดื่ม  เคลื่อนขาข้างหนึ่งยกขึ้นทาบทับ
เรียวขาของช้อยไว้  มือที่ซุกชนและว่องไวปลดปมผ้านุ่งของช้อยออกจนหลวมแล้วล่วงล้ำเข้าไปยึดครองเนินเนื้อกลางหว่างขา
ของช้อยอย่างชำนาญ 


ฝ่ามือของป๊อดโอบกุมไปตามความโหนกนูนของเนินสาว  โดยมีนิ้วกลางวางทาบทับร่องสวาทแล้วทิ้งน้ำหนักลงที่ปลายนิ้ว
ทีละน้อยๆ  จนมันค่อยๆจมหายเข้าไปพร้อมกับควานวนหาจนเจอปุ่มปมน้อยอันไวต่อความรู้สึกแล้วทักทายมัน
ให้โอนเอนหมุนวนไปตามปลายนิ้วของเขา


"อื้มมม......ซี๊ดดดดดด..................ช้อยเสียว........อื้มมมมมม..........."



เสียงของช้อยสั่นพร่าและเบาแผ่ว   เรียวขาของเธอพยายามฝืนบีบเข้าหากันด้วยกลไกตามธรรมชาติแต่ก็ไม่สามารถทำได้
เพราะถูกขาข้างหนึ่งป๊อดทาบทับไว้  และเมื่อถูกจู่โจมที่ปมสวาทด้วยนิ้วมืออันพลิกพริ้ว เรียวขาของเธอก็เริ่มผ่อนคลายจน
กลายเป็นแบะออกอย่างเต็มที่ให้ป๊อดได้ล่วงล้ำอย่างสนุกมือ

ป๊อดถอนริมฝีปากออกจากการจูบแล้วเลื่อนต่ำลงมาคลอเคลียกับสองเต้างาม  ปลายยอดของมันกำลังชี้แข็งด้วยอารมณ์อันรัญจวน
เสียวสยิว  ปลายลิ้นของป๊อดตวัดโลมเลียไปตามเนินอกกลมกลึง แล้วค่อยๆไล่สูงวนขึ้นไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็บรรลุถึงปลายยอด แล้ว
หยอกล้อมันด้วยลิ้นอันระรัว

ช้อยถูกจู่โจมสองตำแหน่งพร้อมกัน ก็ถึงกับปล่อยตัวเคลิบเคลิ้มอย่างไม่ขัดขืน  ร่างของเธอส่ายเคลื่อนไปตามอารมณ์อันเสียวสยิว
ยิ่งเมื่อป๊อดงับยอดอกของเธอเข้าไว้ในปากอันอุ่นร้อนของเขา  พร้อมกับระรัวนิ้วไปยังปุ่มเสียวของเธอพร้อมกัน เธอก็ถึงกับ
ยักย้ายเรือนร่างหลับตาพริ้มอย่างดื่มด่ำ

"โอ้ววว........ป๊อดด.......อูยยยยยยยยยยย.........ซี๊ดดดดดดดดดดด..........อืมมมมมมมมม..........."


ป๊อดรู้สึกว่านิ้วมือของเขาฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำเสียวของช้อย และรู้ดีว่ามันถึงเวลาแล้วที่เขาจะครอบครองตัวเธอให้เป็นของเขา
เขาพลิกร่างขึ้นคร่อมทับร่างของเธอ  โดยเคลื่อนตัวให้ตำแหน่งลำเอ็นอันตั้งแข็งของเขาวางทาบทับที่ปากทางเข้าถ้ำของช้อยอย่างพอดี
แล้วผลักดันบั้นเอวกดลงจนแนบแน่นกับเนินสาวของช้อยพร้อมกับคลึงวนไปมา   

ถึงตอนนี้แม้ช้อยจะรู้ดีว่ามันไม่สมควร  แต่เธอก็ถูกอำนาจแห่งโลกีย์ครอบงำเสียแล้ว สองแขนของเธอโอบรัดร่างของป๊อด
ไว้แล้วหลับตาพริ้มปล่อยให้ป๊อดเชยชมเรือนร่างของเธออย่างเต็มใจ

ป๊อดสอดมือข้างหนึ่งเข้าไปจับท่อนเอ็นหัวบานของเขาถูไถที่ร่องสวาทไปมาอยู่สองสามครั้งเพื่อเบิกทาง  เตรียมที่จะกดมัน
ให้จมหายเข้าไปในถ้าอันฉ่ำชื้น


ทันใดนั้นเสียงโหวกเหวกก็ดังขึ้นจากที่ที่ไกลออกไป   แล้วตามติดมาด้วยเสียงร้องถามกันอย่างสับสนของคนที่ซุ่มดักจับปอบ
คบไฟหลายอันถูกจุดจนพื้นที่ในบริเวณนั้นสว่างไปทั่ว

ป๊อดสะดุ้งตกใจรีบถอนร่างออกจากการทาบทับเรือนร่างของช้อยแล้วใส่เสื้อผ้าอย่างเร่งรีบ โดยช้อยก็ปฏิบัติตามอย่างว่องไว
แล้วทั้งสองก็เผ่นออกจากมุ้งไปยืนดูที่ระเบียงบ้านโดยมีชื่นซึ่งตื่นทีหลังตามออกมาสมทบ


แล้วเสียงผู้ใหญ่ชุ่มก็ดังขึ้น

"ข้าเห็นแสงสว่างกลมโตดวงหนึ่ง ลอยวิบวับอยู่ที่ท้ายทุ่ง  แล้วก็ได้ยินเสียงคนส่งเสียงร้องโหวกเหวก  สงสัยจะเป็นไอ้วันที่เฝ้า
ไก่กับวัวควายอยู่  ข้าว่าปอบมันคงเข้าเล่นงานไอ้วันแล้วหล่ะ     ไป....พวกเรา...รีบตามไปช่วยไอ้วันที่ท้ายทุ่งกัน"

แล้วทุกคนก็พากันเดินไปเป็นกลุ่มท่ามกลางความมืด มุ่งหน้าไปยังท้ายทุ่งอันเป็นที่เก็บซ่อนวัวควายของชาวบ้าน  โดยมีป๊อด กับ ชื่น
ลอบเดินติดตามไปด้วยเช่นกันโดยที่ผู้ใหญ่ชื่นไม่ได้ทันสังเกต

ผู้ใหญ่ชุ่มถือคบไฟชูนำทางฝ่าความมืดไปอย่างระมัดระวัง  ติดตามมาด้วยกลุ่มลูกบ้านกลุ่มใหญ่ที่ตามออกมาสมทบ เดินล้อม
ป๊อด ชื่นและช้อยตามไปติดๆ สายตาทุกคู่สอดส่ายอย่างระแวดระวังจนกระทั่งเดินฝ่ามาทุ่งมาจนถึงบ้านไอ้วัน  ผู้ใหญ่ชุ่ม
เดินอยู่ดีๆก็หยุดรีรอและส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบเสียงลง เพราะเขาได้ยินเสียงแปลกๆดังออกมาจากคอก

ผู้ใหญ่ชุ่มย่องเข้าไปที่คอกอย่างแผ่วเบาแล้วยื่นคบไฟส่องดูพื้นที่ภายในคอก  แสงจากคบไฟสาดกระทบเงาหลังของคนคนหนึ่ง
ซึ่งกำลังนั่งยองๆล้วงควักสิ่งหนึ่งใส่ปากตัวเองเสียงดัง จั้บ ๆ ๆ

"เฮ้ย.....ใครวะน้่น   ทำอะไรอยู่"

เสียงผู้ใหญ่ดังขึ้นทำลายความเงียบ  บรรดาลูกบ้านที่เดินตามมาติดๆก็ยื่นหน้าเข้าไปดูด้วยความอยากรู้  แต่แล้วทุกคนในที่นั้น
ก็ต้องสะดุ้งสุดตัวร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ  เมื่อร่างนั้นหันหน้ามาพร้อมกับแยกเขี้ยวออกมาอย่างน่ากลัว
รอบปากของมันเต็มไปด้วยคราบเลือดสีแดงสดที่ยังใหม่ๆอยู่

"เฮ้ยยยย...............ไอ้วัน"

กลุ่มลูกบ้านที่ติดตามมาแตกฮือวิ่งหนีภาพอันน่าสยดสยองด้วยความตกใจ  มีเพียงผู้ใหญ่ที่ถอยออกมาแล้วดึงหน้าไม้ออกจากมือของพรม
เดินกลับไปยังคอกนั้นอย่างรีบเร่ง 


"ไอ้วัน....มึงออกมาเดี๋ยวนี้นะ  ไม่งั้นกูยิง .....เฮ้ยพวกเราเอาคบมาส่องแล้วล้อมมันไว้อย่าให้มันหนีไปได้...เร็ว"


ผาดกับพรม พอได้ยินคำสั่งของผู้ใหญ่ก็ได้สติ  ถือคบไฟและอาวุธในมือเดินนำเข้ามาในคอก ลูกบ้านราวสี่ห้าคนก็ติดตามมาช่วยกันล้อม
คอกวัวเอาไว้  ทุกคนจ้องมองดูร่างไอ้วันที่กำลังดึงเครื่องในวัวใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่สนใจกลุ่มคนที่รายล้อมมันอยู่เลยแม้แต่น้อย
เสียงคนเริ่มวิพากวิจารณ์กันอื้ออึงไปต่างๆนาๆ


"ไม่น่าเชื่อเลย....ว่าไอ้วันมันจะเป็นปอบ  เมื่อคืนก่อนข้ากับมันยังออกหาปลาด้วยกันอยู่เลย"

"ข้าว่าไอ้วันไม่ใช่ปอบหรอก"
เสียงผู้ใหญ่ชุ่มขัดขึ้น


"ทำไมถึงจะไม่ใช่ล่ะผู้ใหญ่ ก็เห็นอยู่จะๆนี่ไง"


"ก็ก่อนที่จะเกิดเรื่องข้าเห็นดวงไฟประหลาดลอยวนเวียนอยู่ที่ท้ายทุ่งบ้านไอ้วันนี่แหละ  จากนั้นก็ได้ยินเสียงมัน
ร้องโวยวายขึ้น  ข้าเลยชวนพวกเอ็งมานี่ไง  ข้าคิดว่า ไอ้วันคงโดนปอบเข้าสิง"


ทุกคนในที่นั้นร้องฮือฮาขึ้น  แต่แล้วผาดก็ถามขึ้น

"แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีผู้ใหญ่  ดูมันสิยังนั่งกินหน้าตาเฉยไม่กลัวพวกเราเลยซักนิด  ยิงมันซะเลยดีไหม ผู้ใหญ่"


"เฮ้ยไม่ได้  เดี๋ยวไอ้วันมันตาย  ล้อมจับมันมามัดไว้ก่อน"


ทุกคนในที่นั้นต่างมองหน้ากันไปมาคล้ายจะเกี่ยงกัน  จนผู้ใหญ่ชุ่มต้องออกคำสั่งเลือกคนร่างกำยำราว 4 คน
ให้ไปทำหน้าที่  แล้วทั้ง 4 คนก็เดินเข้าไปในคอกพร้อมกันอย่างกล้าๆกลัว

จากนั้นผู้ใหญ่ชุ่มก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดัง
"ไอ้ปอบ  ยอมให้พวกกูจับเสียดีๆ หากต่อสู้กูจะยิงมึงซะเดี๋ยวนี้"


ผาดและพรมเดินเข้าไปในคอกและอ้อมไปทางซ้ายและขวาตรงจุดที่ปอบตนนั้นกำลังกินเครื่องในวัวอยู่อย่างไม่สนใจคนทั้งสอง 
ทั้งคู่มองหน้ากันแล้วให้สัญญาณ ก่อนที่จะกระโจนเข้าไปหาปอบตนนั้นโดยพร้อมเพรียงกันทันที 


"ฮึบบ.!...ยอมให้กูจับเสียดีๆ  ไอ้ปอบระยำ....ไอ้พรมมึงรวบแขนซ้ายมันเอาไว้  เอ้าไอัพันมึงยืนทำอะไรอยู่วะ เข้ามาช่วยจับมันหน่อย"


บังเกิดความชุลมุนในคอกวัวอย่างปั่นป่วน ผาดและพรมรวบแขนทั้งสองของปอบตนนั้นไว้คนละข้างในขณะที่มันก็พยายาม
สลัดออกอย่างสุดกำลังพร้อมกับแยกเขี้ยวส่งเสียงคำรามอย่างน่ากลัว  จากนั้นลูกบ้านที่เหลืออีกสองคนก็กรูเข้าช่วยพรมกับผาดอีกแรง
แต่ปอบตนนี้มีกำลังมหาศาล  มันสบัดตัวเหวี่ยงแขนของมันอย่างรุนแรง จนผาดและลูกบ้านอีกคนกระเด็นกลิ้งหลุนๆไกลออกไป 
แล้วหันกลับมาแยกเขี้ยวทำท่าจะทำร้ายพรมและลูกบ้านอีกคนจนคนทั้งสองต้องปล่อยมือ  จากนั้นมันก็หิ้วพวงเครื่องในวัวทั้งพวง
วิ่งออกมาจากคอกแล้วกระโจนลอยตัวขึ้นไปนั่งกินต่อบนกิ่งสะเดาได้อย่างน่าอัศจรรย์

ป๊อดเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยตลอด  เกิดมาก็ครั้งนี้แหละที่เขาได้เห็นปอบตัวเป็นๆแบบนี้ เขาเองก็อยากจะหาทางช่วยแต่จนใจ
ที่ในตอนนี้เขาไม่มีน้าขิกเป็นที่พึ่งอีกแล้ว   

และแล้วผู้ใหญ่ชุ่มก็เดินเข้าไปเล็งหน้าไม้ไปยังปอบตนนั้นแล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันดัง

"ไอ้ปอบ ถ้ามึงไม่ลงมาดีๆ  กูก็จะยิงมึงล่ะนะ"


ปอบตนนั้นโยนพวงเครื่องในลงมา จ้องมองดูผู้ใหญ่ชุ่มด้วยดวงตาอันแดงจ้า แล้วส่งเสียงพูดกร้าวออกมาอย่างน่ากลัว
จนได้ยินกันทั่ว

"มึงจะยิงก็ยิงเลย  ยังไงไอ้นี่มันก็ต้องตายอยู่ดี  เพราะเดี๋ยวกูจะกินตับกินไส้ของมันด้วยเหมือนกัน  ฮ่าๆๆๆๆๆ "


ผู้ใหญ่ชุ่มได้ยินอย่างนั้นก็ตกตะลึง   ทำอะไรไม่ถูก   ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตัดสินใจยกหน้าไม้ขึ้นเล็งอีกครั้งโดยตัดสินใจ
ที่จะเสียสละชีวิตไอ้วันเพื่อความสงบสุขของลูกบ้าน

ป๊อดเห็นอย่างนั้นก็รู้ว่าผู้ใหญ่ชมคงตัดสินใจที่จะยิงร่างของวันจริงๆ   จึงถลันเข้าไปร้องห้ามทันที

"อย่า......อย่ายิง  น้าผู้ใหญ่ ......"


ผู้ใหญ่ชุ่มลดหน้าไม้ลง แล้วมองไปที่ป๊อดอย่างขัดเคืองพร้อมกับกระแทกเสียงเอ่ยกร้าวขึ้น

"นี่ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง   ถอยออกไป"


"น้าผู้ใหญ่  ผมมีวิธีจับมันโดยไม่ต้องยิงคน  เชื่อผมสิ   ขอผมลองเถอะนะ"


ผู้ใหญ่ชุ่มได้ยินอย่างนั้นแม้จะไม่เชื่อนักว่าเด็กในวัยอย่างป๊อดจะมีปัญญาอะไรมาจับปอบ  แต่ในตอนนี้เขาเองก็จนหนทาง
และไม่อยากยิงไอ้วันอยู่เหมือนกัน  จึงคิดจะทดลองฟังวิธีของป๊อดดู  เขาลดหน้าไม้ลงอีกครั้งแล้วเอ่ยขึ้น

"อ้าว.....ไหนลองบอกวิธีของเอ็งมาซิ"


ป๊อดไม่ได้เอ่ยตอบอะไร  เขาพึ่งได้ความคิดนี้มาเมื่อซักครู่หลังจากที่เหลือบไปเห็นขดเชือกที่ชาวบ้านคนหนึ่งเตรียมมา  พร้อมกับคิดถึงวันที่
น้าขิกสอนเขาเสกหุ่นพยนต์โดยใช้กสิณดิน  เขาจึงคิดจะนำมาปรับเปลี่ยนตามสถานะการณ์  แม้จะยังใช้กสิณดินไม่ชำนาญนักก็ตาม

ป๊อดเดินไปขอเชือกจากชาวบ้านคนนั้นแล้วนำมาวางไว้กลางลานดิน จากนั้นก็นั่งคุกเข่าพนมมือแล้วหลับตาส่งจิตระลึกถึงคุณ
แห่งฤาษีตาไฟ และ ฤาษีตาวัว แล้วยกมือขึ้นจรดหัวคิ้วก่อนที่จะนำมาลูบศีรษะตนเอง  จากนั้นจึงลงนั่งขัดสมาธิโดยกอบดินขึ้นมากำหนึ่ง
แล้วปิดตาลงเข้าฌาณโดยภาวนากสิณดิน  ตามคำสอนที่ภูติแห่งปลัดขิกเคยสอนไว้ให้ภาวนาเหมือนกสิณไฟทุกอย่าง แต่เปลี่ยนคำว่าเตโช
มาเป็นคำว่า ปัฐวี  แล้วเพ่งก้อนดินเป็นนิมิตรแทนเปลวไฟ


"ปัฐวี......ปัฐวี......ปัฐวี.................ปัฐวี.........................ปัฐวี..............................ปัฐวี....."




ป๊อดยึดเอาดินในกำมือเป็นอารมณ์แล้วภาวนาจนบังเกิดภาพของดินเป็นดวงกสิณปรากฏขึ้นในมโนทวาร  และสามารถบังคับก้อนดินในนิมิตร
ให้ขยายใหญ่ขึ้นและเล็กลงได้ตามใจต้องการ จนมั่นใจแล้วว่าตนเองทรงกำลังฌาณด้วยกสิณดินดีแล้ว  จึงลืมตาขึ้นเพ่งมองไปที่ขดเชือก
แล้วร่ายมนต์เสกหุ่นพยนต์ที่ภูติแห่งปลัดขิกได้สอนไว้  แต่เปลี่ยนจากคำว่าหุ่นพยนต์เป็นเชือกพยนต์แทน


" โอม...โสสะอะนิ  สะอะนิโส  อะนิโสสะ  นิโสสะอะ
ปลุกมหาปลุก กูจะปลุกเชือกพยนต์นี้  ด้วยอะหังทุกัง นะมะพะทะ.......เพี้ยง"


สิ้นการร่ายมนต์ป๊อดก็จับขดเชือกโยนออกไปในอากาศทันที


แล้วทุกคนในที่นั้นก็ตื่นตะลึงอ้าปากค้างไปตามๆกัน  เมื่อเห็นขดเชือกที่ป๊อดโยนออกไปกลับคลี่คลายตัวออกมา เลื้อยล่องลอย
ไปมาในอากาศประดุจสิ่งมีชีวิต  ป๊อดเพ่งมองเชือกนั้นแล้วชี้นิ้วสั่งออกไปทันที


"เจ้าเชือกพยนต์  จงพันรัดเจ้าปอบตนนั้นอย่าให้มันหนีไปได้"


สิ้นคำสั่งของป๊อดเชือกพยนต์นั้นก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว  ตรงไปยังร่างของปอบที่กำลังนั่งอยู่บนกิ่งไม้   ปอบตนนั้นเห็นเชือกพยนต์
กำลังพุ่งตรงเข้ามาหามัน ก็กระโดดจากกิ่งสะเดาลอยไปยังหลังคาบ้าน  เชือกนั้้นก็พุ่งตามติดไปอย่างกระชั้นชิด แล้วตรงเข้าจะรัดตัวมันไว้ 

แต่ปอบก็ใช้มือปัดป้องแล้วกำเชือกพยนต์ไว้พร้อมกับเหวี่ยงออกไปให้พ้นตัว  ก่อนที่จะกระโดดแผล็วลงมาจากหลังคาบ้านสู่พื้นดินแล้ววิ่ง
ตรงออกไปจะเข้าแนวป่า  แต่เชือกพยนต์ก็มีความรวดเร็วยิ่งนักพุ่งติดตามมันไปอย่างกระชั้นชิด   แล้วปลายเชือกทั้งสองข้างต่างก็ทำหน้าที่หมุนวน
ไปรอบๆร่างของปอบตนนั้นแล้วขมวดรัดร่างมันไว้อย่างแน่นหนาจนมันล้มลงอยู่ ณ ที่นั้น

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
งานเก่าๆของผมเชิญได้ที่ ลิงค์ด้านล่าง

https://xonly8.com/index.php?topic=164918.msg651695#msg651695

ขอบคุณท่าน Kaithai ที่กรุณาจัดทำลิงค์นะครับ

พงค์ พันธ์


boom00

ต้องมีของมาเซ่นไหว้แล้วแบบนี้ช่วยปราบปี

knotmild





ผู้เฒ่าเซราะกราว

ถึงไม่มีน้าขิก แต่วิชาที่น้าขิกให้ก็ช่วยให้ป๊อดนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับชาวบ้านได้....

jomza537

ป๊อด มีความสามารถเป็นของตัวเองแล้วแฮะ กล้ามาจับปอบแล้ว

ones26421

ทำความดีแบบนี้ สงสัยจะได้รางวัลเป็นลูกเขยผู้ใหญ่บ้านซะมั้ง

Darkreader

พระเอกโชว์ฟอร์มแล้ว สาวไม่หลงแย่เหรอ มีตบรางวัลมั้ยเนี่ย

Tom525218

ป็ได้เป็นพระเอกอีกแล้วครั้งนี้ แต่ตะมีผลเสียอะไรตามมารึป่าว เล่นใช้พลังแบบนี้

Matsudaira777

เอาแล้วไง สงสัยได้เปลี่ยนอาชีพเป็นหมอผีจริงๆซะแล้ว

neung_cm


lit260499