ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

หมู่บ้านเริงรมณ์ ตอนที่ 13

เริ่มโดย pekopon66, พฤษภาคม 20, 2020, 08:39:00 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

pekopon66

กิจกรรมเฉลิมฉลองการขึ้นอันดับ 1 ยอดนิยมในหมวดอีบุ๊คของ #หมู่บ้านเริงรมณ์ เล่มที่ 4 โดยมีกติกาไม่ยากดังต่อไปนี้
1.เข้าไปรีวิวในหมู่บ้านเริงรมณ์ เล่มที่ 4 แล้วกดหัวใจห้าดาว เพียง 20 คอมเม้นต์ ทุกท่านจะได้อ่านตอนพิเศษฟรีทันที 1 ตอน
2.หากยอดขายของหมู่บ้านเริงรมณ์ เล่มที่ 4 ถึง 280 เล่ม รับตอนพิเศษฟรีทันที 1 ตอน
3.หากกิจกรรม 1 และ 2 สำเร็จ จะได้ตอนพิเศษฟรีอีก 1 ตอน รวมทั้งสิ้น 3 ตอน

สามารถเข้าไปอุดหนุนกันได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้
เล่ม 1 : http://www.tunwalai.com/ebook/detail?ebookId=5154
เล่ม 2 : http://www.tunwalai.com/ebook/detail?ebookId=5910
เล่ม 3 : http://www.tunwalai.com/ebook/detail?ebookId=6468
เล่ม 4 : http://www.tunwalai.com/ebook/detail?ebookId=8484

หมดเขตร่วมกิจกรรม 30 พฤษภาคมนี้


-------------------------------------------------------------------------------------

*ตอนข้างล่างนี้เป็นส่วนหนึ่งของ หมู่บ้านเริงรมณ์ เล่ม 2 เท่านั้น


"หยุดนะคะ หนูเป็นแฟนเพื่อนพี่นะคะ"



พี่สัน ชายหน้าดุผมสีดอกเลา ผู้มีอาชีพคนขับรถเช่นเดียวกับลุงเฟื่อง แต่กริยามารยาทต่างกันเหลือเกิน เขาเหยียดหยามมิ้งค์โดยการใช้ปลายนิ้วที่สวมถุงเท้าอยู่ถูไถต้นขา ทั้งที่พูดว่าไป พี่สันยังยิ้มหัวเราะแถมขาก็ยังไม่หยุด



"หัวเราะอะไรไม่ทราบคะ" มิ้งค์ชักหงุดหงิด

"หัวเราะที่คุณหนูมิ้งค์ คิดแผนตื้นๆมาหลอกคนแก่อย่างพี่น่ะสิ"

"นี่พี่รู้..."

"รู้ตั้งแต่เดินเข้ามาล่ะ ไม่คิดว่าพี่จะเซิจหารูปเราบ้างรึไง เวลาที่ไอ้เฟื่องมันมายกยอปอปั้นชมอย่างงั้นอย่างงี้ มันเล่าซะสวยอย่างกับเป็นนางฟ้า ใครจะไม่ยากเห็น ซึ่งก็สมคำร่ำลือ"

"ถ้ารู้ก็ดีแล้ว มิ้งค์อยากให้ลุงสันเลิกพูดจาข่มเหงลุงเฟื่องเสียที" ถ้ารู้ความจริง มิ้งค์ก็ไม่จำเป็นต้องฝืนเรียกพี่อีกต่อไป

"หึหึ ไม่มีทาง ยิ่งคุณหนูทำแบบนี้ พี่สิจะยิ่งล้อมัน ไม่มีปัญญาหาเมียจนต้องขอความช่วยเหลือจากเจ้านาย ขี้แพ้จริงๆ"

"มันมากเกินไปหรือเปล่าคะ" มิ้งค์ชักมีอารมณ์โมโห

"ถ้าให้เดา คนที่ดื้อดึงอยากจะมาช่วยก็คงเป็นคุณหนูขาเนียนล่ะสิ แล้วที่ใส่ชุดนักศึกษาแบบนี้ คงจะแต่งไปงานปาร์ตี้อะไรสักงานสินะ" ลุงสันยิ้มขายังคงเขี่ยต้นขามิ้งค์ไม่หยุด

"ใช่ ลุงเฟื่องเขาเป็นคนดี เขายอมทนลุงพูดข่มมากี่ปี"

"แล้วยังไง เราก็ยังเป็นเพื่อนแท้ที่ดีต่อกัน มีปัญหาก็ช่วยเหลือกัน คนที่ผิด คนที่ทำให้เรื่องมันเลวร้ายก็คือ คุณหนูเองนั่นล่ะ!" 

"ม...ไม่จริงสักหน่อย มิ้งค์หวังดีต่อลุงเฟื่องเขาต่างหาก" คำพูดของลุงสันทำให้มิ้งค์ลังเล

"หวังดี แต่ผลลัพธ์มันตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด ขอถามอีกอย่างนะ คนเราคิดจะทำดี มันต้องโกหกคนอื่นด้วยเหรอ? มันจะต้องทำให้คนที่รักและเทิดทูนเดือดร้อนด้วยเหรอ อีกอย่างมันต้องดูถูกสติปัญญาคนอื่นเขาด้วยเหรอ? ดังนั้นต่อไปนี้พี่จะแสดงให้เห็นเอง ว่าความดื้อดึงของคุณหนูจะส่งผลร้ายยังไง"

"ค...คือ ...เอ่อ" มิ้งค์รู้สึกผิดจนพูดไม่ออก

"หากไอ้เฟื่องเสียใจ ก็รู้เอาไว้เลยไม่ใช่เพราะพี่ แต่เป็นเพราะคุณหนูเองนั่นล่ะ"

"ม...มิ้งค์ขอร้อง อย่าเอาคืนกันโดยการทำร้านลุงเฟื่องเลย เขาไม่ได้ผิดอะไร"

"ใช่ เฟื่องไม่ผิดอะไรเลย ดังนั้นถ้าไม่อยากให้ไอ้เฟื่องเสียใจ พี่จะต้องลงโทษคนผิดนิดนึง แล้วอย่าคิดจะหนีด้วยล่ะ"



ลุงสันยิ้มเยาะ ปลายนิ้วโป้งเท้าของแกค่อยๆเขยิบขึ้นมาจนเกือบถึงเป้า มิ้งค์นั่งเกร็งไม่กล้าเถิบหนี กลัวก็กลัว โกรธก็โกรธมาก ตาของเราสองคนจ้องมองเหมือนกินเลือดกินเนื้อกัน ลุงสันยิ้มยียวน มันยิ่งทำให้มิ้งค์อารมณ์ร้อน หมั่นไส้



ไม่นานลุงเฟื่องก็กลับมานั่ง พร้อมกับอาหารที่มาเสิร์ฟ ส่วนใหญ่เป็นของทานเล่น ทั้งสองเน้นพูดคุยกันมากกว่า แต่ที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเลยคือ วิธีการพูดของลุงสัน แกเลิกพูดจาดูถูก เพื่อแลกกับการใช้เท้าลูบไล้ต้นขามิ้งค์ บางครั้งปลายนิ้วโป้งแกก็แอบมาโดนเป้ามิ้งค์หลายครั้ง แต่จะแสดงออกก็ไม่ได้ ต้องทำหน้านิ่งไว้



"ถามจริงเหอะ แกกับอีหนูนี่ เคยได้กันรึยัง?" พูดเรื่องอื่นอยู่นาน สุดท้ายวนกลับมาโดนมิ้งค์อีก

"น้องเขายังเด็กอยู่เลย รอเรียนจบก่อนก็ได้"

"มีแต่คนคิดอย่างเอ็งนี่ล่ะ หลายคู่เขาถึงเลิกกัน น้องมันก็มีจิตใจ ไม่ใช่ตุ๊กตา จริงมั้ย?" ลุงสันไม่พูดเปล่า ใช้ปลายเท้าเขี่ยขาหนีบจนหนูสะดุ้ง

"ค..คงงั้นมั่งคะ" 

"เอ็งต้องเอาใจน้องเขาเยอะๆ ดูสินั่งห่างกันจะตาย ชิดๆโอบกันหน่อย เร็วเดี๋ยวถ่ายรูปให้"



ลุงเฟื่องหันมาทำตาละห้อย ดูแกอยากจะออกจากร้านแล้ว มิ้งค์ต้องขอโทษลุงเฟื่องที่ทำให้ลำบากใจ แต่ตอนนี้มันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว มิ้งค์ได้แต่ยิ้มแล้วก็พยักหน้า แต่ลุงเฟื่องก็ยังคงดื้อ



"อะไรวะ อย่าปอดดิเฮ้ย ไม่กล้าโอบแฟนตัวเองต่อหน้าเพื่อนรึไง?"

"โอบเถอะพี่เฟื่อง หนูไม่ถือ" 



ลุงเฟื่องถอนหายใจก่อนจะเขยิบเข้ามาใกล้แล้วโอบไหล่ มือของแกยังคงอบอุ่นและแข็งแกร่งเหมือนเดิม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลุงเฟื่องสัมผัสตัวมิ้งค์ ครั้งแรกสุดเกิดขึ้นตอนที่มิ้งค์อกหักจากแฟนคนแรกสมัยมัธยม ตอนนั้นมิ้งค์ร้อไห้หนักมาก พ่อกับแม่ก็ไปต่างประเทศ มีลุงเฟื่องนี่ล่ะมารับที่โรงเรียน 



ถึงจะไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่มันก็ทำให้มิ้งค์อุ่นใจขึ้น เช่นเดียวกับตอนนี้ ดนตรีเริ่มบรรเลงเพลงไพเราะ เสียงดังพอประมาณ มิ้งค์เอนคอลงไปพิงไหล่ของลุงเฟื่อง ปล่อยให้ลุงสันที่หยิบโทรศัพท์มือถือลุงเฟื่องไปกดชัตเตอร์รัว 



หลังจากถ่ายเสร็จลุงสันก็ยื่นขาออกมาลูบขาอ่อนมิ้งค์อีกครั้ง คราวนี้แกถอดถุงเท้าเรียบร้อย ก็ว่าเห็นนั่งยึกยักอยู่พักนึง มิ้งค์ต้องรีบเอากระเป๋ามาปิดช่วงล่างไว้ ไม่งั้นลุงเฟื่องที่เขยิบมานั่งข้างจะเห็นเข้า ถ้าแกรู้แกคงเสียใจ ลุงสันสั่งค็อกเทลสีสันสวยงามมาให้มิ้งค์ดื่ม พอจะลดความเครียดลงได้บ้าง แต่ไม่ลดความหมั่นไส้ลุงสันลงเลย อาจจะมากขึ้นด้วยซ้ำ



เวลามองตาที่ยียวนแล้วมันหงุดหงิดในใจอย่างบอกไม่ถูก มิ้งค์เลยคิดจะสั่งค๊อกเทลราคาแพงมาสูบตังแกเล่น



"น้องมิ้ง ดื่มมากๆระวังเมานะ" ลุงเฟื่องหันมาเป็นห่วง

"สบายค่ะ มิ้งค์คอแข็งกว่าที่คิดนะ"

"เอ้อ เอ็งนี่ ไปดูถูกน้องเขาได้ยังไง มาๆชนๆ ถือว่าเพื่อนพาแฟนมาเปิดตัวเว้ย"



เราสามคนชนแก้วกันดื่มอย่างสนุกสนาน ค็อกเทลมันเริ่มกระตุ้นให้เลือดในตัวสูบฉีด ผิวพรรณเริ่มแดงละมุล เช่นเดียวกับลุงเฟื่องที่กินเบียร์ไปเยอะ ตาแกเริ่มเยิ้ม มือที่โอบไหล่ตอนแรกใช้แค่ปลายนิ้วสัมผัส สักพักแกก็เริ่มบีบแน่น มิ้งค์ก็ยังคงซบไหล่แกตลอด แต่สายตาจ้องไปที่ลุงสันที่จ้องมิ้งค์กลับมาเหมือนกัน



"นี่อีหนู แกไม่รังเกียจไอ้เฟื่องมันจริงๆเหรอ"

"อื้อ ทำไมล่ะคะ พี่เฟื่องออกจะเป็นคนน่ารัก" กินไปหลายแก้วคอชักลื่น ตอบออกไปไวโดยไม่ได้

"พอดีเชื่อคนยาก ช่วยหอมแก้มให้ดูหน่อยสิ"



ลุงเฟื่องถึงกับสะดุ้งหันมามองหน้า แกคงไม่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ แต่เพื่อไม่ให้ลุงเฟื่องโดนข่มเหงแค่นี้สบายมาก มิ้งค์ส่งสายตาบอกแกว่าไม่เป็นไร ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไป ลุงเฟื่องแกมีอาการเกร็งอยู่บ้าง แต่ด้วยแอลกอฮอล์ทำให้แกมีความกล้าขึ้นนิดหน่อย



มิ้งค์หอมแก้มลุงเฟื่องไปฟอดใหญ่ หน้าที่แดงจากแอลกอฮอล์ยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ รอยลิปสติกติดแก้มลุงแกชัดมาก เราสามคนหัวเราะเฮฮากันใหญ่ มือที่ลุงเฟื่องโอบก็บีบแน่นขึ้น บางครั้งก็มีลูบ



"ยอมเหรอวะไอ้เฟื่อง เอาคืนเลย"



ลุงสันก็ยุส่ง ด้านลุงเฟื่องหันมามองมิ้งค์ด้วยสายตาหยาดเยิ้มแกคงเมาได้ที่ แกยื่นหน้ามาข้างหูมิ้งค์แล้วกระซิบขอโทษ ก่อนจะหอมคืน ไม่รู้ว่าเพลงดังจนทำให้หูอื้อหรืออย่างไร แต่มิ้งค๋ได้ยินเสียงหัวใจเต้นชัดเจน 



ยิ่งเวลาผ่านไป บทสนทนาในวงเหล้าก็ยิ่งรุนแรงขึ้น ลุงสันเริ่มบ่นถึงปัญหาครอบครัว เมียไม่ยอมทำการบ้าน อาหารบนโต๊ะก็เริ่มร่อยหรอ มีเพียงขวดเบียร์ และแก้วค็อกเทลที่เพิ่มขึ้น ทุกอย่างดูสนุกสนาน หอมหวานไปหมด



"อีหนู พี่ถามจริง เอ็งทำนมมารึเปล่าวะ ทำไมมันใหญ่โตขนาดนั้น" ลุงสันจ้องมองอกที่ดันเสื้อนักศึกษาออกมา แถมขาก็ยังเขี่ยตลอด ทำเอาน้ำเริ่มซึมออกมาเหมือนกัน

"คิดว่าไงล่ะคะ?" มิ้งค์ท้าทาย

"เขาว่าถ้าบีบแล้วนุ่มนิ่ม มีเด้งสู้มือนิดๆ หรือไม่ก็เหลวไปเลยนั่นล่ะของจริง แต่ถ้าปลอมมันจะเป็นทรงเป้ะ บีบแล้วแข็งกว่าจริงมะ?" 

"ไม่รู้สิ พี่เฟื่องว่าไง" มิ้งค์หันไปแกล้งลุงเฟื่อง แกหน้าแดงรีบกระดกเบียร์หมดแก้ว

"พี่ขอพิสูจน์ได้มะ ฮ่าๆ" ลุงสันพูดจาลวนลาม

"เดี๋ยวจะโดน พูดงี้ได้ไงฟะ" 



ลุงเฟื่องทำหน้าขึงขัง ความซื่อสัตย์ยังคงอยู่ในใจแกเสมอ ก่อนที่แกจะทำหน้าเหมือนจะอ๊วก มิ้งค์ต้องรีบพยุงแกไปเข้าห้องน้ำที่อยู่หลังร้าน โชคดีที่คนไม่เยอะ ไม่งั้นแกได้อ๊วกบนพื้นไปแล้ว ลุงเฟื่องผะอืดผะอมพึมพำขอโทษมิ้งค์ตลอดเวลา เห็นแล้งก็สงสาร มิ้งค์เลยตัดสินใจว่าจะพาแกกลับบ้าน



หลังจากระบายออกจนเสร็จ มิ้งค์ก็พยุงร่างที่เกือบหมดสติของแกกลับเข้ามาในร้าน



"เดี๋ยวขอพาพี่เฟื่องกลับบ้านก่อนนะคะ"

"อ่อ ว่าแต่รู้ใช่มั้ยว่าบ้านมันอยู่ที่ไหน?"



มิ้งค์ใช้สมองที่วิงเวียนนึก แต่ลืมเสียสนิทว่ามิ้งค์ไม่เคยถามที่อยู่ของแกเลย ปกติเจอกันทีแกก็โผล่มาอยู่หน้าบ้านแล้ว มิ้งค์ส่ายหัว เพียงเท่านั้นมิ้งค์ก็เห็นลุงสันยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ทำเอามิ้งค์เสียวสันหลังวาบ แต่ความเมาก็แอบปลุกความอยากรู้อยากเห็นในใจนิดๆ



"มา เดี๋ยวพี่ขับไปส่งให้"

"อ้าว ไม่ได้เอารถมาเหรอคะ?"

"ใช่ มันเป็นงี้ทุกครั้งอยู่แล้ว เฟื่องมันก็เมาปล่อยให้พี่ที่คอแข็งกว่าขับไปส่ง"



มิ้งค์จำใจทำตามเพราะขับรถไม่เป็น โดยดันของที่ซื้อทั้งหมดชิดมุมแล้วจับลุงเฟื่องนั่งกันอย่างทุลักทุเล ส่วนมิ้งค์ก็มานั่งเบาะข้างคนขับข้างลุงสันที่มองสำรวจหุ่นไม่หยุด



รถขับออกไปด้วยความเงียบ มิ้งค์เองก็ไม่เต็มร้อยนัก ลุงสันไม่พูดอะไร แต่ขับไปสักพักก็เริ่มออกลาย มือแกค่อยๆเอื้อมมาใช้หลังมือสัมผัสถูไถต้นขาของมิ้งค์ ก่อนจะคว้าหมับเข้าเต็มมือ



"อ..อย่านะคะลุงสัน ลุงเฟื่องหลับอยู่ข้างหลัง" มิ้งค์พยายามกระซิบพูดให้เบาที่สุด กลัวลุงเฟื่องได้ยิน

"ก็ตื่นเต้นดีออกไม่ใช่เหรอ?"

"ต..ตื่นเต้นที่ไหนล่ะ อย่ามามั่ว"

"มั่วเหรอ แล้วนี่คืออะไร?"



จู่ๆลุงสันก็เลื่อนมือล้วงเข้ามาตรงเป้า มิ้งค์หุบขาหนีบไม่ทัน นิ้วของแกมาโดนกลางเป้าเต็มๆ ลุงสันยิ้มพลางเอามือลูบกางเกงในที่เปียกแฉะจากคราบน้ำหล่อลื่น มิ้งค์พยายามจะดึงมือออกแต่ตัวเองไม่มีแรงเหลืออยู่เลย แล้วยิ่งเจอแกกดเข้าไปตรงจุดยุทธศาสตร์ มันทำให้มิ้งค์สะดุ้งเผลอร้องออกมา



"อ๊าา" 

"มีอารมณ์ก็บอกมาตรงๆครับคุณหนู"

"ใครจะมาบอกกันเรื่องพวกนี้ล่ะ อ..เอามือออกไป"

"คุณหนูก็โตแล้วนะ น่าจะมีความคิดแบบผู้ใหญ่สิ"

"ความคิดแบบผู้ใหญ่?" มิ้งค์ไม่เข้าใจที่แกจะสื่อ

"คนเรามันก็มีนอกลู่กันบ้าง ขอแค่ไม่ให้มีใครรู้ และไม่ล้ำเส้นจนเกินไป มันก็ไม่ถือว่าผิด ไม่มีใครเสียหายจริงมั้ย? คุณหนูต้องเคยแอบทำอะไรแบบที่บ้านไม่รู้ชัวร์ ซึ่งคุณหนูก็ไม่ได้ผิด แต่แค่เลือกที่จะไม่ให้ใครรู้"



ลุงสันพูดจี้ใจดำ มิ้งค์เคยทำตามที่เขาพูดจริง เพราะคิดว่าเราไม่ผิด และไม่ได้ทำอะไรเสียหาย แต่หลายครั้งที่บ้านจะชอบห้าม เช่นการกินเหล้า กินไวน์กับเพื่อน หรือแม้แต่กับพี่อาทิตย์เอง ห้ามแต่งตัวโป๊แม้กระทั่งตอนไปทะเล ซึ่งมิ้งค์เองก็แอบทำอยู่



"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับร...เรื่องนี้ล่ะ อ๊าา พ..พอ" นิ้วของลุงสันกดถูกจุดเหลือเกิน ทำตัวมิ้งค์บิดไปหลายรอบ แกคงยิ่งได้ใจ

"เกี่ยวสิ ถ้าเราสองคนไม่บอกใคร ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน มันจะผิดตรงไหน จริงมั้ยคุณหนู? ปล่อยตัวให้สบาย เดี๋ยวผมช่วยเอง" 



ถึงมือทั้งสองข้างจะกุมมือของเขาอยู่ แต่ก็กลับลดแรงต่อต้านลง ความเมาบวกความสับสนทำให้มิ้งค์หัวอ่อนหลงเชื่อคำหว่านล้อมของลุงสัน เมื่อมิ้งค์อ้าขาออกนิดๆ แกก็ใช้ปลายนิ้วชี้กับนิ้วกลางสัมผัสจุดคริตอริสอย่างแม่นยำ มิ้งค์เหลือบมองไปทางกระจกหลังก็เห็นลุงเฟื่องนั่งคอตกหลับสนิท



"มือว่างๆก็มาช่วยกันบ้างสิอีหนู"



ลุงสันคว้ามือมิ้งไปสัมผัสของลับของแก ขนาดที่แข็งนอนพาดอยู่นั่นใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว ตอนนั้นอารมณ์มันมาเหนือเหตุผล มิ้งค์ลืมทุกอย่างไปเกือบหมด มือที่ลูบไล้เป้าอีกฝ่ายก็แค่หมั่นไส้ปนหมั่นเขี้ยวเท่านั้น เราสองคนเหลือบมองตากันหลายครั้ง ถึงในรถจะมืดก็รู้สึกถึงกันได้



ลุงสันขับรถมาที่ถนนตัดใหม่ข้างสนามบิน มันเป็นถนนโล่งยาวทุ่งหญ้ากว้างสองข้างทาง มิ้งค์เองก็เพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก เคยได้ยินว่าเขาจอดรถดูเครื่องบินขึ้นลงกัน แต่คราวนี้ลุงสันหักพวงมาลัยจอดคงไม่ได้อยากจะดูเครื่องบิน 



"มา ต่างคนต่างช่วยกัน จะได้เสร็จๆ"



แกรูดซิบควักของลับออกมาโชว์ ขนาดของมันใหญ่กำลังได้รูปพอดี สมส่วนอย่างกับของปลอม มีขนรุงรัง แกจับมือมิ้งค์ไปกำท่อนเอ็นที่ร้อนฉ่าแล้วรูดขึ้นลงตามจังหวะที่แกต้องการ ส่วนมือของแกก็สอดเข้ามาตรงเป้าเหมือนเดิม แต่คราวนี้แกพยายามแหวกกางเกงในด้วย



"โกนขนมาซะด้วย สุดยอดจริงๆ"



ลุงสันจุ๊ปากชอบอกชอบใจ แกค่อยๆกดนิ้วกลางเข้ามา มิ้งค์ก็ดันนิสัยไม่ดีแอ่นรับให้แกสอดเข้ามาในตัวง่ายๆ เราสองคนต่างใช้มือช่วยกันอย่างถึงพริกถึงขิง แต่ก็ต้องเก็บเสียงให้เงียบที่สุดด้วย เพื่อไม่ให้ลุงเฟื่องได้ยิน



มิ้งค์เอามือข้างที่ว่างอุดปากตัวเองเอาไว้ ส่วนอีกมือก็โชว์ลีลาควงขยี้ตามแบบฉบับหนังผู้ใหญ่ที่พี่อาทิตย์ชอบเปิดบิ้วท์อารมณ์ มิ้งค์แอบครูพักลักจำมา โดยการใช้นิ้วโป้งถูควงที่ปากกระบอก ส่วนมือก็กำรูดขึ้นลงไม่ต้องมาก เสียงครางไม่ค่อยหลุด แต่เสียงเสื้อผ้าเสียดสีกันนี่ชัดพอสมควร 



"ท...ทำไมมาจอดตรงนี้ล่ะ"



ลุงเฟื่องสลึมสลือตื่นขึ้นมา ทันใดนั้นลุงสันก็ดันเสร็จขึ้นมาเพราะความตกใจ น้ำพุ่งกระจายโดนพวงมาลัยเลอะเทอะไปหมด ยังดีที่มิ้งค์ชักมือกลับได้ทัน แต่น่าเสียดายที่มิ้งค์ยังไม่เสร็จ ลุงสันจิ๊กปากเสียดายก่อนจะหันไปแซวกึ่งบ่น



"นอนก็เป็นปัญหา ตื่นก็เป็นปัญหานะเอ็งเนี่ย"

"พ..พูดอะไร ไม่เข้าใจ" ลุงเฟื่องสะอึก แกคงยังเมาไม่สร่าง

"เออ ช่างเหอะ กำลังไปส่ง"



ลุงสันกระทืบคันเร่งออกไปอย่างอารมณ์เสีย ถนนตอนกลางคืนรถไม่เยอะ ใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่พักของลุงเฟื่อง มิ้งค์ก็เพิ่งรู้ว่าบ้านของแกเป็นทาวน์เฮ้าน์เก่าๆ พอที่จะเอารถเข้าคันเดียว เห็นถึงความต่างระหว่างชนชั้นอย่างชัดเจน มิ้งค์อดเวทนาแกไม่ได้



มิ้งค์กับลุงสันช่วยกันพยุงลุงเฟื่องเข้าไปนอนบนเตียงในห้องชั้นสอง พอวางลุงเฟื่องลงได้ ลุงสันก็หันมากอดมิ้งค์จากด้านหลังทันที!



"ท...ทำอะไรน่ะคะ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!" มิ้งค์พยายามดิ้นแต่ลุงสันแรงเยอะเหลือเกิน

"แหม่ เราน่าจะมาทำต่อจากบนรถกันนะ ที่นี่มีที่กว้างมากมาย จะเล่นท่าไหนก็ได้"



จริงอยู่ว่ามิ้งค์มีอารมณ์จากการปลุกเร้าของแก ต้องบอกว่ามีอารมณ์มากด้วย แต่พอเว้นระยะพักเดียวมันก็ทำให้มิ้งค์ไม่อยากโดนอีก แต่แรงแกมากเหลือเกิน ลุงสันจับมิ้งค์เหวี่ยงลงบนพื้นหน้าห้องนอนลุงเฟื่อง แล้วแกก็ขึ้นคร่อมกดแขนทั้งสองข้างของมิ้งค์เอาไว้  
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Nick24


animaru17


prajuab masorn


knight2000


phantompain

ชงมาขนาดนี้ เสร็จลุงสันเถอะครัชชชชช

game smith


Ting Shiro


chon101


tansatan1

ไม่น่ารอดแล้ว หรือจะมีใครมาช่วยรึเปล่าน้า


teerawatc

มิงค์โดนใครมาบ้างครับก่อนแต่งงาน  มีอะไรให้ลุ้นตลอดเลย   ถึงว่าเข้ามาในหมู่บ้านแล้ว โดนกันเกือบทั้งหมู่บ้าน

boranman01


Khuna

ท่าทางจะไม่รอดมือลุง เล่เหลี่ยมแพรวพราวมาก

KonMol2

ขอให้ลุงเฟื่องฟื้นขึ้นมาซัดเพื่อนตัวเองแล้วได้แทนนะ