ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ.ร้านคาราโอเกะ Part3 ตอนที่ 21 ( ประสบการณ์ตรงของนายโมโนโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, กรกฎาคม 12, 2020, 12:32:49 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดีชาวร้านเกะ


อย่างที่บอกครับพอกลับมาจากเชียงใหม่ ก็เลยมีเวลาว่าง


ก็เลยจัดมาอีกตอนเลยหวังว่าจะไม่เบื่อกันก่อนนะครับ


เอาจริงๆนะ ผมโคตรชอบอ่านคอมเมนต์ของแต่ละคนเลย


บางอันก็แบบเฮ้ยแบบนั้นเลยๆ บางอันก็ฮาจนแบบขำไม่หยุด


ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณที่คอมเมนต์กันมาเยอะมาก

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมาก





ปล. ขออธิบายเรื่องพี่เตยกับพี่หมิวนะครับ พี่เตยกับพี่หมิวเป็นเลสเบี้ยน ไม่ใช่ทอมกับดี้นะครับ

กล่าวง่ายๆคือ ทั้งคู่แสดงออกว่าเป็นผู้หญิงอย่างชัดเจน ไม่ได้มีท่าทางห้าวๆเหมือนทอม

แต่รสนิยมคือ ชอบผู้หญิงด้วยกันเอง เรื่องของพี่หมิวกับพี่เตย ผมขอกับเจ้าตัวแล้วนะครับ

ถึงเอามาเขียนได้ มิได้มีเจตนาจะกล่าวอ้างถึงเลสเบี้ยนท่านอื่นๆในทางไม่ดีนะครับผม







.....



ปล.2 เรื่องสร้อยของพี่หมิวที่ผมเขียนเอาไว้เมื่อตอนที่แล้วที่สลัก T&M นั้น ในความเป็นจริงนั้น

สร้อยไม่ได้สลัก T&M นะครับ แต่สลักตัวอักษรย่อ ชื่อจริงๆของพี่เตยกับพี่หมิวไว้

และผมกับพี่เตยก็ชื่ออักษรตัวเดียวกันครับ


.....



ปล.3 รูปที่ผมหยิบมาใช้นั้น ไม่ใช่รูปตัวจริงนะครับ แค่หาที่ใกล้เคียงมาเท่านั้น เพื่อสื่อให้เห็นภาพจริงๆ



....



ปล.4 FC น้องแก้มสาวแว่น ชูป้ายไฟเร๊วววว






....



ปล.5 แล้ว FC ของเจ้าหญิงน้ำแข็งล่ะ








.....



ปล.6 พี่เตย







....



ปล.7 เผื่อ รีดเดอร์ท่านใดสนใจอยากลองอ่านเรื่องนี้ ลองอ่านย้อนหลังได้เลยครับ เผื่อจะชอบ


Part 1


ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3

ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6


Part 2


ตอนที่ 7 ตอนที่ 8 ตอนที่ 9

ตอนที่ 10 ตอนที่ 11 ตอนที่ 12

ตอนที่ 13 ตอนที่ 14 ตอนที่ 15

ตอนที่ 16 ตอนที่ 17 ตอนที่ 18 ตอนที่ 19




Part 3


ตอนที่ 20



ปล.8 ตอนนี้ 35,470 ตัวอักษร หวังว่าจะไม่ยาวเกินไปครับ



.....


ย้อนความกันสักหน่อย



ผมกลับไปอยู่บ้านครับ ก็นั่งรถไปๆกลับๆ นั่นแหละ จนวันนึง

ที่มหาวิทยาลัยมีจัดนิทรรศการ ผมกับเพื่อนๆเลยนัดกันไปเดินเล่น

ซึ่งหลังจากที่แยกย้ายกันไปหมดแล้ว ผมเองก็กำลังจะกลับบ้าน

แต่ว่าผมก็ได้เจอกับใครบางคน คุณก็รู้ว่าใคร



............



ไดอารี่ของนายโทน ตอนที่ 21






ผมมาเจอมิ้นต์ที่มหาวิทยาลัยพร้อมแก้มครับ อื้อหืมบัดซบจริงๆกู ผมลืมไปเลยว่ามันมีโอกาสที่จะได้เจอกัน เพราะเธอทั้งคู่เรียนที่นี้ ผมก็ยิ้มๆให้แหละครับ ถึงเกมส์จะจบไปแล้ว แต่ยังไงเราก็คุยกันเหมือนเดิมได้เนอะ ผมนี่เตรียมตัวจะออกด้านหลังมหาวิทยาลัย ตรงโซนท่าเรือเลยครับ


แต่ตอนนั้นมิ้นต์ก็คว้ามั่บที่มือเอาไว้ คราวนี้มิ้นต์พูดเลยว่าหายไปไหนมา ไปหาที่ห้องก็ไม่อยู่ ผมก็ ฮื๊อ !!!  อารมณ์ไหนเนี่ย ทำไมมิ้นต์ดูพูดเยอะกว่าปกตินะ ต่างกับแก้มที่เงียบกริบเลย

มิ้นต์สาวสวยผมสั้นในชุดนักศึกษาผมบอกเลยว่าใจไม่ดี คือมิ้นต์แต่งหน้าเบามากๆ แต่ดาเมจนั้นไม่เบาเลย แถมยังกระโปรงพีทอีก มันยิ่งทำให้ก้นงอนๆของเธอเด่นชัดมากกว่าเดิมอีก



ส่วนยัยนางมารตัวแสบวันนั้นใส่แว่นมาเรียนครับ มัดหัวทรงลูกชิ้นง่ายๆ ดูสบายๆๆ เสื้อก็ไม่ได้รักมาก แต่ทำไมมันดูมีสเน่ห์จัง กระโปรงทรงเอเรียบกริบที่แก้มใส่ ก็ยิ่งทำให้หุ่นของเธอชัดเจนขึ้นไปด้วย



ผมก็บอก เอ่อะ เอ้อ อืมมมม กลับบ้านน่ะ มิ้นต์บอกโกหก ถ้ากลับบ้านแล้วทำไมพี่เตยบอกไม่รู้ นั่นไงอีเจ๊เล่นกูละ เอาไว้ก่อนเถอะ ค่อยเช็คทีย้อนหลัง


แล้วตอนนั้นคือเด็กปี 3 ปี 4บางคนที่จำผมได้มันก็ยกมือไหว้นะ ผมก็ดีจ้า ดีจ้า แต่สองคนตรงหน้านี่ดิ่ยังไง มิ้นต์ก็แบบเกาะแขนแบบ พูดไงดี เหมือนอยากถาม อยากไถ่ แต่ไม่พูด ผมก็แบบเลิ่กลั่กเลยทีนี้


กลัวว่าคนจะมองกันแปลกๆ เอาจริงๆสมัยก่อนก็ไม่ได้กลัวอะไรมากนะ เพราะว่ากล้องถ่ายรูปก็ยังไม่ค่อยชัด app แต่งภาพก็ยังไม่มา ที่สำคัญยังไม่มีการไลฟ์สด แต่ว่าถ้าให้คนมองแบบนี้มันก็ดูไม่ดีจริงมะ


ผมเลยแบบจนปัญญาอ่ะเลยบอกว่า ไปคุยกันข้างนอกแล้วกัน เลิกเรียนแล้วใช่มั้ย


[ มิ้นต์ ]  :  อื้อๆๆๆ เลิกเรียนแล้ว


[ ผม ]  :  อื้ม แล้วแก้มล่ะ


คราวนี้แก้มเงียบเลยครับ ก้มหน้าเลย เฮ้ยสองคนนี้มันสลับตัวกันป่ะเนี่ย ทำไมดูแปลกๆไปหมดเลย แก้มเงียบเลยทีนี้ ผมก็บอกไปนะว่าถ้ามีเรียนก็เรียนเถอะ อย่าขาดเรียนถ้าไม่จำเป็น แต่มิ้นต์ก็บอกว่า

[ มิ้นต์ ]  :  ไม่มีแล้ว แก้มก็ไม่มีแล้ว

แน่นอนเลยมันสลับตัวกันแน่ๆ ผมเลยชวนทั้งสองคนไปนั่งเล่นตรงเมเจอร์ตรงข้ามท้องฟ้าจำลอง ผมก็บอกงั้นพี่ไปรอที่นั่นนะ เพราะผมรู้ว่ายังไง แก้มก็น่าจะขับรถมา แต่ตอนนั้นแก้มก็เข้ามาดึงแขนเว้ย แล้วบอกไปด้วยกันนะ


ผมก็เอ่อะ เอ่อ อื้มๆ ก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร ผมเดินตามพวกเธอไปที่ลานจอดรถครับ แล้วแบบพอเปิดประตูปั้ป สองคนนั้นไปนั่งหลังเฉ๊ย คือไม่ต้องสืบเลยตูต้องขับรถแน่ๆ


ผมก็แบบอ่ะตามใจ เพราะยังไงวันนี้ก็ไม่มีอะไรเร่งรีบกันแล้วนี่ แต่เชื่อไหมมันเหมือนกับเขียนบทมาเลยนะ พอขึ้นรถมาทุกอย่างเงียบหมด แต่มีเสียงโครกกกกก เสียงท้องร้องครับ มันดังออกมาเลย ผมเลยหันไปมอง แก้มก็แบบก้มหน้าเลย


อ่อน่าจะเป็นแก้มแล้วล่ะที่ท้องร้อง เฮ้อ ผมดูนาฬิกานี่มันก็จะ 4 โมงหน่อยๆ เอาวะน่าจะทันผมเลยถามว่า จะว่าอะไรมั้ยถ้าพี่จะขอเปลี่ยนที่หน่อย มิ้นต์มองหน้าแก้มครับแล้วบอกว่าไม่มีปัญหาค่ะ


เฮ้อ วันนี้มิ้นต์พูดเยอะมากๆเลยนะเนี่ย แตกต่างกับแก้มที่ได้แต่ก้มหน้าหลบอย่างเดียว แน่นอนครับผมพาไปร้านปลาบุรี ร้านที่เคยพาแก้มไปกินข้าวคราวก่อน ถึงมันจะดูไม่ดีที่พามิ้นต์มา


แต่มันก็ดีกว่าไปนั่งในห้างคนเยอะๆนะผมว่า ทันที่ตีรถเข้าช่องนนทรี ตัดเข้าสาธุประดิษฐ์ ผมก็ชำเรืองมองกระจกครับ แก้มยิ้มแล้วแฮะ แต่พอแปปเดียวก็บึ้งตึงเหมือนเดิม


พอจอดรถและลงมากัน มิ้นต์ก็แบบตื่นเต้นเลยถามว่าที่นี่เหรอที่เคยพาแก้มมา ผมแบบ หื๊อ !!!  ใครบอก พอผมหันไปเห็นแก้มก็แบบก้มหน้าหลบตาผมก็เลย อื้มคงเป็นแก้มแหละที่บอก แต่ปัญหาคือแก้มบอกตอนไหน



วันนั้นบรรยากาศก็เป็นใจอีกนะ มันดูเย็นๆ สบายๆ ผมพาสองสาวมานั่งกันตรงริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งห่างไม่ถึง 2 เมตร มาถึงมิ้นต์ก็สั่งๆๆๆเลยครับ แปลกนะผมว่าแปลกเลยล่ะที่มิ้นต์ทำแบบนี้


คือเรื่องจ่ายเงินน่ะไม่เท่าไรหรอก เพราะผมก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเลย แต่ไอ้การที่มิ้นต์สั่งๆๆๆนี่แหละที่ทำให้ผมแบบ อะไรหว่า แทนที่คนที่สดใสร่าเริงจะเป็นแก้ม แต่ตอนนี้แก้มกลับนิ่งและไม่พูดอะไรเลย


พออาหารที่สั่งมา มิ้นต์ก็รีบๆวางๆๆๆให้แก้มเลย แล้วบอกถ้ายังไม่กินอีกเค้าโกรธนะ หืม หืม ยังไม่กินอีก ตอนนั้นคือแบบผมคิดเลยนะ ยังไม่กินอีก งั้นแสดงว่ามื้อก่อนๆก็ไม่ได้กินน่ะสิ่



แก้มก็แบบอึกๆอักๆ ตอนนั้นผมคิดนะหรือว่าแก้มจะหนักใจที่ผมนั่งอยู่ด้วยหว่า ก็นะผมเองก็ไม่รู้นะว่ายังไงกันแน่ แต่เอาจริงๆตอนนั้นผมคิดแง่ลบมากไป ผมคิดว่าแก้มอาจจะลำบากใจที่ผมอยู่ด้วย ผมเลยบอกงั้นเดี๋ยวมานะขอเข้าห้องน้ำแปป


ผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำแหละ แต่จุดประสงค์คือแอบดู ทันทีที่ผมพ้นออกมาผมก็หามุมส่องเลย ภาพที่เห็นคือแก้มกำลังจ้วงๆ จ้วงๆ จ้วงๆ กินเหมือนแบบ คนไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน



ผมก็คิดในใจ เออว่ะ สงสัยเพราะกูอยู่ด้วยแก้มมันเลยลำบากใจ แต่ทำไม ใครแคร์ล่ะ ผมเองก็ต้องกินข้าวนะเฮ้ย ผมขี้เกียจมานั่งปวดท้องเพราะกินอาหารไม่ตรงเวลา



แต่ว่าผมก็แอบคิดอยู่ดีแหละว่า ทำไมพอจบเกมส์แล้วแก้มเป็นแบบนี้หรือ หรือว่าการเจอผมมันลำบากใจมากกันนะ ซึ่งผมก็สลัดความคิดนั้นและเดินกลับไปที่โต๊ะครับ ซึ่งเมื่อผมเดินมาถึง แก้มก็หม่ำไปเรียบร้อยครับข้าวหมดจาน


ผมก็ยิ้มๆให้นะ มิ้นต์ถามผมว่าเป็นอะไรไปนานจัง ผมก็บอกไม่มีอะไรกินข้าวเถอะ มิ้นต์ก็จัดแจงหยิบช้อนให้ผมเลย ทำท่าจะตักให้ด้วย แต่ผมบอกไม่เป็นไร


ผมคิดในใจนะครับท่านผู้อ่าน ว่าตอนเล่นเกมส์กาม เล่นเกมส์ของสามสาวนั้น มิ้นต์เป็นคนที่ใส่ใจผมน้อยที่สุด แต่พอเกมส์จบ กลับกลายว่าเธอเป็นคนที่กล้าคุยกับผม และเอาใจใส่ผมมากกว่าแก้มเสียอีก



แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรแก้มนะ เพราะที่ผ่านมาถึงเธอจะทำเพราะเกมส์ แต่ผมกลับรู้สึกดีมากเลยล่ะ ผมไม่ได้หมายถึงเรื่อง Sex อย่างเดียวนะ ทั้งการอ้อน ทั้งการดูแลเอาใจใส่ บอกเลยว่าเธอทำให้ผมสุขใจจริงๆ


[ มิ้นต์ ]  :  วันนี้พี่โทนจะไปไหนต่อมั้ย


[ ผม ]  :  เดี๋ยวพี่ไปส่งเราสองคนก่อน แล้วจะกลับบ้านน่ะ


[ มิ้นต์ ]  :  บ้านไหน บ้านไหนพี่โทน


[ ผม ]  :  อ๋อ บ้านสวนผักน่ะ


อยู่ดีๆมิ้นต์ก็ถามขึ้นมาซึ่งผมก็ตอบไปตามนั้นแหละ ตอนแรกผมตั้งใจจะมีมหาวิทยาลัยเพื่อเจอเพื่อนๆ แล้วกลับบ้านเลย วันรุ่งขึ้นค่อยเตรียมตัวมาหาป๋าเพื่อคุยธุระ


แต่ว่าดันมาเจอพวกเธอเสียก่อนนี่แหละ และพอผมพูดไปแบบนั้นแก้มก็แบบ มีท่าทีเหมือนสะอึก ตอนแรกผมก็นึกว่าข้าวติดคอ แต่ไม่ใช่ว่ะ เพราะมิ้นต์ก็เป็นเหมือนกัน หรือว่ามันคืออุปทานหมู่วะครับ



แต่ถามว่าผมสนใจมั้ย..... ก็สนใจนะ 5555 ก็เป็นห่วงว่าพวกเธอเป็นอะไรหรือเปล่า แต่มันก็ไม่ได้มีความหมายมากกว่านั้นจริงๆ ผมก็บอกค่อยๆกินนะ ไม่ต้องรีบหรอก


พวกเธอสองคนก็ค่อยๆกินกันเหมือนเดิม และพอกินข้าวเสร็จผมก็เตรียมจ่ายเงินแหละครับ แต่มิ้นต์กับแก้มทำท่าเหมือนจะจ่ายด้วย ผมเลยบอกเอ้ยไม่เป็นไรพี่เลี้ยงเอง


[ มิ้นต์ ]  :  ไม่เอาพี่ กินด้วยกันสามคนก็แชร์ดิ่ ไม่เอา ไม่ต้องเลี้ยงเลยนะ


[ ผม ]  :  เอาน่าๆไม่เป็นไร


ผมพูด แต่ก็ไม่ได้มองหน้าพวกเธอนะ เพราะกำลังดูบิลล์และรายการอาหารอยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าสองสาวนั้น มีท่าทีหรือสีหน้ายังไงบ้าง


อ่ะพอจัดการเรื่องบิลล์เรียบ ผมก็ยังไม่กลับนะ ผมถามว่ามีอะไรกันเหรอหืม ทำไมดูอึดอัดกันแปลกๆ อ่ะอันที่จริงผมก็เดาได้แหละว่าที่แก้มดูอึกๆอักๆ อาจจะเป็นเพราะผม



ตอนนั้นผมคิดลบสุดๆเลยนะ ผมคิดว่าเพราะเกมส์มันจบแล้ว แก้มและดาวอาจจะลำบากใจที่ต้องเจอผมก็ได้ เพราะว่าตอนที่กำลังเล่นเกมส์สวาทนั้น ผมก็ใส่แก้มไปหลายทีเหมือนกัน


เธออาจจะกลัวว่าถ้าเจอผม ผมอาจจะทำแบบเมื่อก่อนก็ได้ เป็นไงความคิดผมตอนนั้นแม่งสุดติ่งจริงๆมะ มิ้นต์ก็ถามผมว่าจะไม่อยู่ที่นี่แล้วเหรอ


ผมก็บอกไปว่าคงงั้นแหละ อยู่บ้านก็ไม่ได้แย่อะไรนี่ แต่มิ้นต์กลับสวนผมขึ้นมาเลยครับว่า



[ มิ้นต์ ]  :  จะไม่เป็นไรได้ไง พี่ดูหน้าพี่ดิ่โทรมขนาดนี้ ไหนพี่เคยบอกไงว่าบ้านพี่ไกลจากที่ทำงาน นั่งรถไปกลับทุกวันมันจะไม่แย่ได้ไง



ผมนี่แบบหือ !!! นี่มิ้นต์ตัวจริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมมิ้นต์พูดตรงๆเลยอะ พูดตรงไม่อ้อมค้อมสักนิด แต่ว่าจะว่าไป สภาพผมก็แย่ล่ะครับ บางวันนอนไม่ถึง 5 ชั่วโมงเลยครับช่วงนั้น


แต่ผมก็เบรกมิ้นต์ไว้นะ ผมบอกว่าเอาน่าๆๆ ว่าแต่เราน่ะมีอะไรหรือเปล่า ดูอึกๆอักๆ พอผมพูดงี้แก้มลุกเลยครับ บอกจะไปห้องน้ำ แต่มิ้นต์ก็ดึงไว้และบอกให้นั่ง


คือด้วยน้ำเสียง และน้ำหนักที่ใช้ ผมกลัวว่าน่าจะมีเรื่องรุนแรงแน่ๆ ผมไม่ได้มีเนตรวงแหวนเอาไว้ดูเหตุการณ์ล่วงหน้านะ แต่ผมเดาเอาจากท่าทางแล้ว มันก็มีโอกาสเสี่ยงสูง


ผมเลยบอกว่าไม่เป็นไร ไว้ใจเย็นๆค่อยพูดก็ได้ กลับกันมั้ยเย็นแล้วนะ มิ้นต์ก็แบบดีนะเธอใจเย็นได้ทันทีเมื่อผมบอก ผมเลยบอกแก้มว่าไปเข้าห้องน้ำเถอะไม่เป็นไร แต่แก้มไม่ไปครับ แก้มนั่งลงเงียบกริบ



คือใจผมอ่ะไม่ได้โกรธ ไม่ได้อะไรกับพวกเธอนะ เพราะผมเองก็ไม่ได้เสียอะไรไปกับเกมส์ของพวกเธอ จริงอยู่ว่าวันแรกๆมันหน่วงนิดๆ


แต่พอคิดๆดูแล้ว ผมเองไม่ใช่เหรอที่เริ่มเต้นตามเกมส์ของพวกเธอเอง เธอไม่ได้หลอกเอาเงินหรือหลอกให้ผมเปย์นู่นนี่นั่นให้นี่หว่า แล้วอีกอย่าง



ความสุขใจที่ผมได้รับจากการกระทำของพวกเธอ มันก็เป็นของจริง ถึงไม่รู้ว่าพวกเธอจะทำมันออกมาจากใจหรือเปล่าก็เถอะ ผมมองสองสาวตรงหน้าที่ด้วยความรู้สึกที่ต่างออกไปนิดหน่อย


ตอนนี้ผมไม่กลัวว่าเธอจะหลอกหรือเล่นเกมส์อะไรนะ เพราะยังไงผมก็เป็นคนจบเกมส์นั้นไปแล้ว คือพูดไงดีล่ะ อาจจะดูโลกสวย


แต่ว่าผมสามารถคุยกับพวกเธอได้เหมือนเดิมนะ แต่อยู่ที่ว่าพวกเธอจะคุยกับผมหรือเปล่าแค่นั้นเอง ผมพามิ้นต์กับแก้มเดินมาที่รถ และตอนนั้นผมก็ถามนะว่าขับรถกลับเองได้ใช่มั้ย


พอมานั่งนึกๆดู ทำไมกูถามแบบนั้นวะ เฮ้อ ช่างเถอะครับกลับมาเข้าเรื่องต่อ ผมถามไปแบบนั้น แต่แก้มก็ไม่ตอบครับ มิ้นต์เลยบอกว่าพี่ขับไปส่งคอนโดหน่อยได้มั้ย


อ่ะผมก็คิดอยู่แปปนึงแล้วบอกอื้มไปสิ่ พี่ขับไปส่งเอง และแล้วความเงียบก็ปกคลุมเข้ามาอีกครั้งครับ ผมขับรถออกมาทางเส้นเดิมเลี้ยวขวาเข้าเส้นสาธุประดิษฐ์ ไม่นานมันก็ถึงโค้งต้นตาล คอนโดของแก้ม


เฮ้อ ผมกับคอนโดนี้มันก็มีความหลังหลายอย่างเลยนะ แต่ว่าตอนนี้มันจบละ ผมขับรถเข้ามายังที่จอดและลงจากรถทันที ทันทีที่สองสาวลงจากรถ ผมก็เดินมายื่นกุญแจให้แก้มทันที



แก้มมีท่าทีอึกๆอักๆครับ ส่วนมิ้นต์ก็ถามว่ากลับเลยเหรอ ผมก็ตอบไปว่าอื้มกลับเลย ผมก็เกือบแล้ว เกือบจะลูบหัวพวกเธอสองคน มือของผมที่กำลังจะยื่นไปลูบหัว ต้องชะงักลง เพราะสมองสั่งว่าอย่าทำ


และเปลี่ยนเป็นการโบกมือบ๊ายบายแทน ซึ่งตอนนั้นเองผมก็หยิบมือถือขึ้นมานั่นแหละ เพราะรู้สึกว่าพี่เตยจะโทรมาหลายรอบแล้ว ตั้งแต่ตอนกินข้าวแต่ผมไม่ได้รับ


ผมกดรับสายครับ และพี่เตยก็ถามว่าอยู่ไหน ทำไมในกลุ่ม BB มหาวิทยาลัยถึงมีรูปผมอยู่งานกิจกรรม ผมก็คิดในใจว่าลงกันไวชิบหายเลยวุ๊ย


ผมก็เลยบอกไปว่าอยู่พระรามสามนี่แหละเดี๋ยวจะกลับสวนผักแล้ว ตอนนั้นผมก็คุยไปเดินไปนะ และพี่เตยก็บอกว่าให้มาที่อพาร์ทเมนต์เลย เพราะว่าป๊าอยู่นี่แล้ว


ผมก็แบบเอ้อ ดีเหมือนกันคุยให้จบๆวันนี้เลย ผมก็เลยพูดกับพี่เตยไปว่าได้ครับ เจ๊เดี๋ยวผมเข้าไปนะ ผมเดินมาถึงตรงถนนพอดี และหันกลับไปบ๊ายบายมิ้นต์กับแก้มอีกที และวิ่งข้ามถนนมาโบก TAXI


ตอนนั้นก็ใกล้ๆจะหกโมงเย็นแล้วล่ะครับ ทันทีที่มาถึงหอพัก ผมก็เดินเข้าไปหาพี่เตยทันที เพราะคิดว่าจะเตี้ยมกันเรื่องไม่เช่าแล้ว แต่ว่าแผนล่มครับ เพราะป๋านั่งอยู่พอดี


พอป๋าเจอหน้าผมเท่านั้นแหละ กวักมือหยอยๆเลยทีเดียว เฮ้อ ผมก็ต้องเดินไปหาท่านแหละครับ ผมยกมือไหว้ ป๋าหวัดดีครับ มาเมื่อไรครับเนี่ย


ป๋าก็บอกมาถึงสักพักแล้ว ผมก็มองหน้าพี่เตยที่ตอนนี้แอบยิ้มอยู่ และป๋าก็ทักครับว่าผมดูผอมๆไปนะ แล้วหน้าก็ดูโทรมมากๆด้วย และพี่เตยนี่ก็โคตรรู้งานเลย รู้งานไม่ถูกเวลา


พี่เตยเดินไปหยิบยาจีนที่ป๋าเอามา และยื่นให้ผมกินเลย อื้อหืมสูตรนี้บอกเลยมีร้อง แต่ผมก็ต้องจำใจกินครับ เพราะคนต้มอยู่ก็ตรงหน้าด้วย และป๋าก็เริ่มคุยเรื่องสัญญาเช่าครับ


ผมก็ได้แต่นั่งฟังๆๆๆ ไอ้ครั้นจะพูดแทรกมันก็ไม่ใช่เรื่อง ผมจึงต้องนั่งฟังๆๆๆไปเรื่อยๆ โดยที่หวังว่าจะมีโอกาส พูด โอกาสอธิบายบ้าง แต่ว่า


[ ป๋า ]  :  ว่าไงโทน ตกลงต่อสัญญานะ เตยบอกป๊าแล้ว


ผมนี่แบบฮึ๊ !!! และหันควั่บมองหน้าพี่เตยเลย แล้วแบบพี่เตยแกทำหน้าเหมือนไม่รู้ไม่ชี้อ่ะ ผมแบบเอาแล้วเล่นกูแล้วพี่เตย



คุณเคยตกกระไดพลอยโจนไหมครับ แบบต้องเออ ออ ห่อหมก เพราะความเกรงใจ ตรงหน้าผมคือป๋าผู้มีพระคุณอย่างมาก เพราะท่านเมตตาให้เช่าอพาร์ทเมนต์ที่ห้องโคตรกว้าง ในราคาโคตรถูก



จริงๆป๋าก็ดีกับทุกคนแหละ ลูกบ้านทุกคนรักป๋าด้วยใจจริง แต่กับผมอาจจะพิเศษนิดหน่อยด้วยเพราะ เป็นคนที่ลูกสาวบอกว่าสนิท



ผมว่าพี่เตยโชคดีนะ เพราะตอนนั้นสมัยนั้น คนจีนจะให้ความสำคัญกับลูกชายเป็นอันดับแรกเลบ ซึ่งมันสะท้อนออกมาผ่านละครหลังข่าวในหลายๆเรื่อง


แต่กับครอบครัวนี้ ผมว่าป๋ากับแม่ รักพี่เตยไม่ต่างกับพี่ชายคนโตเลย เอ่อ พี่ชายของพี่เตย ช่วยป๋าดูแลกิจการครอบครัวที่ชลบุรีครับ ถือว่ามีฐานะเลยล่ะ


ป๋าให้อิสระกับพี่เตยมากๆเลยผมว่านะ อ่ะกลับมาที่เรื่องของผมต่อ ตอนนี้สัญญาเช่าฉบับใหม่ถูกวางลงตรงหน้าผม ซึ่งอย่างที่บอกครับ จากตอนแรกที่ตั้งใจจะไม่ต่อสัญญา


แต่ตอนนี้ผมเซ็นแกร่กๆ ไปซะแล้ว เอาจริงๆแล้วการกลับไปบ้านมันก็ดีนะ แต่ดีไม่หมด มันได้อย่างเสียงอย่าง ผมรู้สึกสงบใจ ผมรู้สึกว่าสดชื่นทุกวันตอนเช้าที่ตื่นนอน


แต่ข้อเสียก็คือผมเหนื่อยมากเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าสบายๆนะเรื่องการนั่งรถไปทำงาน เพราะตอนเรียน ปี1 ผมไม่ได้นอนหอพัก ผมนั่งรถไปกลับบ้านและมหาวิทยาลัย วันนึงไปกลับนับรวมได้เกือบ 3 ชั่วโมง


มันเลยทำให้ผมคิดว่าสบายๆ ถ้ากลับมาอยู่บ้านและนั่งรถไปทำงาน แต่พอเอาจริงๆแล้ว มันไม่ไหวนะ มันเหนื่อย มันเพลียไปหมด ใครที่เคยอยู่ในสถานะแบบผมคงเข้าใจ


ว่าการนั่งรถไกลๆมันไมาได้สนุกเลย มันเลยเป็นข้ออ้างและกิเลสที่ทำให้ผมตัดสินใจต่อสัญญาเช่านี่แหละครับ เพราะต่อให้งานหนักแค่ไหน อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้นอนพักสะดวกๆเถอะ


[ ป๋า ]  :  อื้ม เรียบร้อยนะโทน สัญญาก็ 2 ปีนะ ถ้าย้ายออก ป๊าต้องปรับเงินโทนนะ


ผมนี่แบบ ฮึ๊ !!! อะไรนะสัญญามันปีต่อปีไม่ใช่เหรอ เอาอีกแล้วกู ทำไมเลินเล่อแบบนี้ล่ะ อย่าเอาอย่างผมนะรีดเดอร์ จะเซ็นสัญญาอะไรอ่านให้ละเอียดๆนะ


ผมมองสัญญาเช่าอีกครั้ง อื้อหืม !!! 2 ปีจริงๆด้วย ผมนี่แบบจะพูดก็ไม่ทันแล้ว เซ็นไปแล้ว คือผมเชื่อใจป๋านะ ว่าป๋าคงไม่ได้โกงอะไร แต่ได้พี่สาวตัวแสบที่ยืนข้างไปนี่ดิ่ ผมไม่ไว้ใจ

ตอนนี้มันก็เย็นมากแล้ว แถมยังเป็นวันศุกร์อีกบอกเลยว่า งานหยาบ รถแม่งติดแน่ๆ แค่จะผ่านช่องนนทรีก็ไม่รู้กี่นาทีแล้ว ผมเลยตัดสินใจว่าจะนอนที่ห้องซะเลย ไหนๆก็ต่อสัญญาแล้ว

ผมไหว้ป๋าและเดินออกมาทั้งๆที่มึนๆอึนๆ พี่เตยก็ตามออกมานะ แต่มีลูกบ้านอีกคนมาแจ้งเรื่องซ่อมบำรุงพอดี พี่เตยเลยต้องพาเข้าออฟฟิศเพื่อไปเขียนคำร้อง ส่วนผมก็กลับเข้าห้องครับ



สิ่งที่แปลกใจคือ ทำไมห้องดูสะอาดจัง ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ตั้งครึ่งเดือนแล้วที่นี่ก็ไม่ได้มีแม่บ้าน ที่จะเข้ามาทำความสะอาดของของลูกบ้านด้วย ส่วนมากจะดูแลแค่ตามทางเดิน และสวนหย่อม



และที่สำคัญ ไอ้เจลปรับอากาศกลิ่นโอเชี่ยน นี่อีก ซึ่งไม่ใช่ของผมแน่ ห้องผมจะใช้แค่ก้อนถ่านดูดกลิ่นวางไว้ตามจุดต่างๆแค่นั้น จะไม่มีหรอกไอ้เจลพวกนี้น่ะ แต่ตอนนั้นเองเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา


[ พี่เตย ]  :  จ่ายตังส์มาด้วย ค่ากวาดห้อง อาทิตย์ละครั้ง เจ๊คิด ครั้งละ 500 พอ


นั่นไงกูว่าแล้ว เจ๊เตยนี่เอง และผมก็สะเพร่าอีกนะ ไม่ยอมปิดประตู จนพี่แกเดินเข้ามาง่ายๆเลย พี่เตยก็เดินเข้ามาอ่ะ แล้วพี่เตยทำอะไรรู้มะ


พี่เตยบอกให้ผมเดินตามเข้าไปในห้องนอน แน่นอนว่าผมก็เดินตามไปนั่นแหละ  พี่เตยเดินไปตรงที่นอนและเปิดลิ้นชักตรงหัวนอนผม แม่เจ้าเข่าทรุดเลยกู เพราะในนั้นมันมีถุงยางที่ผมซื้อมายังไงล่ะครับ


ผมนี่แบบแทบจะเอาขามาก่ายหน้าผาก คือเข้าใจวันนั้นเลยครับว่าอัตราเงินเฟ้อคืออะไร คือถุงยางผมซื้อตอนที่มิ้นต์มาเนี่ย บอกเลยไม่ต่ำกว่า 7 กล่องแล้วผมได้ใช้ไปเท่าไร !!! ใช้ไปไม่ถึงกล่อง


โอ๊วแม่จ้าว เฟ้อเลยทีนี้ ถุงยางกูเฟ้อเลย แล้วปัญหาคือพี่เตยดันเข้ามากวาดห้องแล้วเจออีก โอย แล้วพี่เตยมองผมแบบ เมิ๊ดคำสิ่เว่า คือมันคนละความรู้สึกกับโดยเมียจับได้นะว่าซื้อถุงยางมาใช้กับใคร


มันคนละความรู้สึก แต่มันรู้สึกยังไง ผมก็อธิบายไม่ถูก คือมันแบบมึนๆนะ ถ้าให้อธิบายง่ายๆคงแบบกำลัง Shark WoW แล้วพี่สาวเปิดเข้ามาจ๊ะเอ๋ พอดี แถมยังปรี๊ดใส่หน้าล่ะมั้ง



คือเข้าใจเนอะความรู้สึกผมตอนนั้นท่านผู้อ่าน พี่เตยเขา ถามว่าอะไรจะบ้ากามขนาดนี้อีโทน ซื้อมาตุนไว้กะไม่ออกไปไหนเลยหรือไง ผมก็บอกก็ซื้อไว้เฉยๆ แต่จะทิ้งแล้ว


แต่พี่เตยก็หยิบไปและเขย่าเล่น เสียงถุงยางกระแทกกล่องดัง กร่อกๆๆๆ นี่มันแบบฮึ่ยยย แทบปรี๊ดแตก ผมนึกถึงตอนที่ดาวเขย่าๆแบบนี้และแกออกมา แล้วใช้ปากใส่ให้ผมจริงๆ


เฮ้ย !!! นี่พี่สาวนะไอ้โทน ถึงจะไม่ใช่พี่แท้ๆก็เหอะ หยุดเลย หยุดคิดเลยนะมึง ผมก็แบบเดินไปหาเจ๊แล้วบอกเก็บเลยๆ ก็ยื้อแย่งๆกันแหละครับ เจ๊ก็ไม่ให้ๆผมก็จะเอาๆๆ


เฮ้ยหมายถึงเอาถุงยางคืนนะครับ เจ๊ก็ดื้แจังเลยมก็เป็นธรรมดาแหละที่จะโดนเนื้อต้องตัวกัน ผมก็แบบกอดเอวพี่เตยไว้และบอกเอาคืนมาเลยเจ๊


พี่เตยก็ไม่ยอมนะ เฮ้อ ซนชิบหัย แต่ผมก็แย่งกลับมาได้นะ ผมล็อคเลยทีนี้ ล็อคลิ้นชักครับคิดอะไรกัน ผมเอากล่องถุงยางใส่ไว้ที่เดิมและล็อคกุญแจเลย พี่เตยก็แบบ


[ พี่เตย ]  :  เด่อเอ๊ย ทำเป็นอาย


[ ผม ]  :  พอเลยเจ๊ เล่นไรเนี่ย ถ้าป๋ามาเห็นเดี๋ยวก็เข้าใจผมผิดอีก


ผมนั่งลงบนที่นอนบ่นๆๆ เจ๊ไปเรื่อยๆ แล้วเจ๊ก็กระโดดขึ้นเตียงมากอดมั่บและเอาคางมาเกยไหล่ผมไว้


แล้วแบบเชี่ยขนลุก พี่เตยทำอะไรเนี่ย แต่ผมก็แบบพยายามทำตัวนิ่งๆ และสะกดจิตตัวเองว่านี่พี่สาว พี่สาว พี่สาว


พี่เตยสมัยคุย MSN ( ตัวอย่างที่ใกล้เคียง )





ถึงแม้ช่วงหนึ่งจะเคยเป็นกิ๊กกันก็เถอะ ตอนกิ๊กกันเราก็มีจับมือกันบ้าง หอมแก้มกันบ้าง คือจริงจังแค่ไหนคิดเอาแล้วกัน ว่าผมมีบัตรกิ๊กอ่ะ


ขำตัวเองชิบหาย ทำไมตอนนั้นผมทำอะไรเลอะเทอะแบบนั้นวะ แต่พอมารู้ว่าพี่เตยมีแฟนแล้วก็ตามที่บอกล่ะครับ ผมบอกเจ๊ว่าเราลดสถานะกันดีกว่าว่ะ ไม่อยากรู้สึกผิด


แล้วก็แปลกนะที่ผมสามารถตัดใจและพูดแบบนั้นออกมาได้ ทั้งๆที่ตอนนั้น " หวังเย " เจ๊เตยแบบสุดๆอ่ะ ตอนแรกก็รู้สึกเสียดายเวลาที่คุย เสียดายที่ต้องเลิกคุยกันแบบนั้น



แต่พอผ่านไป อาทิตย์กว่าๆผมก็เริ่มชาๆและคิกว่าแบบนั้นแหละดีแล้ว ฮ่า โทษทีที่เล่าซ้พ กลับมาที่เตียงของผมต่อ พี่เตยนั่งเอาคางมาเกยไหล่บนงึมๆงำๆ


ไอ้ผมที่พยายามสงบใจอยู่ก็ถามว่าเป็นไรเนี่ยเจ๊ พี่เตยก็บอกเหนื่อยอยากนอน ผมก็ไล่ดิ่ กลับไปนอนห้องไป๊ แล้วเจ๊แกทำไงรู้มะ เจ๊แกทิ้งตัวนอนเฉ๊ย ลำบากเจ้าของห้องแบบผมต้องเดินไปเปิดแอร์ให้



ผมก็ถามว่าเจ๊ไม่ไปเฝ้าออฟฟิศเหรอ เจ๊ก็บอกวันนี้ป๊ามาดูให้แล้ว อ่ะผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แปลกใจมะที่ผมไม่รู้สึกเขิน ก็อย่างว่าล่ะครับกิ๊กเก่านี่เนอะ เลยไม่ค่อยเขินหรืออายเท่าไร



แค่ต้องเว้นระยะห่างไว้เท่านั้นเอง ผมเดินเก็ยนั่นเก็บนี่ไปเรื่อยอยู่ 10 นาที พี่เตยก็ลุกขึ้นมาบอกไม่ง่วงแล้ว ผมก็เอ๊า !!! อิหยังวะ อ่ะไม่ง่วงก็ไม่ง่วง



พอพี่เตยตื่นผมก็ไปนอนต่อเลย อยากเอนหลังบ้าง แต่พอนอนปั้ปพี่เตยมันก็กระเถิบเจ้ามาตรงที่ผมนั่งและล็อคคอผมเลย ผมแบบเฮ้ยจะลอบสังหารกันเหรอ


แต่พี่เตยก็ดึงๆๆให้ผมไปนอนหนุนตัก ผมก็คิดว่าไม่เป็นไรมั้งแค่นอนหนุนตัก อ่ะผมไปนอนพี่เตยก็สางเส้นผมของผมเบาๆ


[ พี่เตย ]  :  ผมเริ่มยาวแล้วเนี่ย ตัดบ้างเหอะ


[ ผม ]  : รู้แล้วน่าเจ๊ พรุ่งนี้ค่อยตัดก็ได้น่า


ผมพูดแล้วก็หลับตาครับ คือบอกตรงๆ ถ้าให้จ้องหน้าพี่เคย ที่ตอนนี้กำลังก้มมามอง ผมแม่งเขินแน่ๆ เลยแกล้งเป็นหลับตาและนอนตะแคงเลย


ไอ้ที่นอนตะแคงไม่ใช่ไรหรอก กลัวหำมันตุงแล้วพี่เตยเห็น แล้วอยู่ดีๆเจ๊ก็ถามผมนะว่า


[ พี่เตย ]  :  โทน เจ๊ถามไรหน่อย


[ ผม ]  :  ว่า ?


[ พี่เตย ]  :  ตอนนั้นโกรธเจ๊ป่ะ ที่บอกว่าโสดอ่ะ


นั่นไง คำถามที่ผมไม่อยากฟัง พอๆกับเลขท้าย 3 ตัว มาจนได้ คือพี่เตยเคยถามนะ ถามแบบนี้เลย แต่ตอนนั้นคุยกันผ่าน  MSN ไง  ผมเลยแบบก็ไม่รู้สึกอะไรมาก


ถามว่าความรู้สึกเฟลมั้ย มันก็นิดหน่อย แต่ที่มันเฟลเพราะไม่ได้เยไง แต่พอนานไปนานไป พอเริ่มรู้จักกันจริงๆ ผมก็โกรธเจ๊ไม่ลงนะ


แต่นั่นมันตอนแชทเฟ้ย แล้วตอนนี้อยู่ดีๆมาถามแบบนี้ทำไม พี่เตยวางมือแหมะ ไว้บนแขนผม เสมือนบ่งบอกผมว่าถ้าไม่ตอบ มีเคือง


ผมก็แบบเอาไงดี เอาไงดี เอาไงดี ปละก็ตัดสินใจบอกไปด้วยคำตอบเดิม


[ ผม ]  :  หึ จะถามทำไมเจ๊เตย เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว โอ๊ยยยย




นั่นไงกูว่าแล้ว เฮ้อเจ็บตัวตลอด พี่เตยดึงหูผมเฉ๊ย ผมก็โอ๊ยๆๆ พี่เตยก็อ๊อก ๆ ๆ  เฮ้ยไม่ใช่ พี่เตยดึงไปแล้วพูดไปว่าทำไมไม่ตอบให้มันดีๆ



ผมก็บอกว่านี่ดี จะเอาอะไรอี๊กกก แล้วตอนนั้นที่กำลังหาทางเอาตัวรอดโทรศัพท์พี่เตยก็ดังขึ้นมาครับ ป๋าโทรมา พี่เตยก็ยังดึงหูผมไว้นะแต่ก็รับสายและคุย


ใจความสำคัญคือ ป๋าโทรตามให้ลงไปข้างล่าง จะพาไปกินข้าว ผมก็แบบเย่ซกูรอดแล้ว เพราะพี่เตยคงไม่ดื้อกับป๋าแน่ๆ


[ พี่เตย ]  :  ค่ะป๊า เตยมาเก็บห้องอีโทนอยู่ค่ะ ค่ะๆๆๆ


พูดเสร็จพี่เตยก็วางสายฉับ และกลับมาเล่นงานผมต่อ ผมก็อบบโอ๊ยเจ๊ ผมเจ๊บบบบบ เจ๊เคยก็ไม่หยุด จนผมต้องออกแรงนิดหน่อย ไม่งั้นหูผมห้อยแน่ๆ


ผมงัดแขนกับพี่เตยจนพี่แกร้องโอ๊ย ผมก็รีบปล่อยเลย ผมถามเจ๊เป็นไง เจ๊ก็บอกเจ็บ เอาล่ะซวยละกู จากที่เป็นผู้ถูกกระทำ ตอนนี้กลายเป็นจำเลยไปแล้ว


ผมก็แบบโอ๋น๊า โอ๋น๊า ไปกินข้าวน๊า ป๋าตามแล้ว ผมบีบๆนวดๆแขนพี่เตยเพื่แสดงออกเป็นนัยๆว่าขอโทษน๊าาาา  พี่เตยก็แบบเชิดใส่อ่ะ


[ พี่เตย ]  :  เชอะ ใจร้าย


[ ผม ]  :  เอ๊า !!! ยังไงเนี่ยเจ๊เตย ขอโทษแล้วอ่ะ


[ พี่เตย ]  :  ไม่หาย โอ๊ยย เจ็บ โอ๊ยย


เอ๊า !!! อะไรวะ พี่เตยก็ร้องโอดร้องโอยใหญ่เลย ผมก็แบบขิบหายคดีพลิกของแท้แล้วเอาไงดีวะ ผมก็ได้แต่เจ๊จ๋า เจ๊จ๋า ผมขอโต้ดดด


แต่เจ๊ก็ยังไม่หาย ผมเลยแบบเอาซะ ไม่อยากจะใช้วิธีนี้ แต่มันก็ไม่มีทางเลือก ผมเลยจับมือพี่เตยแล้วบอกว่า


[ ผม ]  :  ขอโทษน๊า ตัวเล็กไม่โกรธเลยอะ


[ พี่เตย ]  :  เชอะ ก็ด้ะ ( ก็ได้ )


อูยย ได้ผล คือหลายคนอาจจะงงว่าทำไมผมเรียกพี่เตยว่าตัวเล็ก ทั้งไปที่สูงไล่เลี่ยกัน ก็ตอนแรกที่คุยกันใน MSN พี่เตยบอกตัวจริงของเขา สูงแค่ 160



ผมก็แบบสะเหล่อไง อยากจะเรียกอะไรที่มันดูเหมือนใกล้ชิดกันเหมือนกิ๊กคู่อื่นๆ แต่ถ้าจะเรียกว่า เตง เตง เตง ก็เกรงว่าจะมีคนถามว่าพ่อมึงตีระนาดเหรอ



ผมเลยเรียกพี่เตยว่าตัวเล็กครับ แล้วพี่เตยก็ชอบนะ เพราะเหตุนี้คอนที่กิ๊กกันผมเลยเรียกพี่เตยว่า " ตัวเล็ก " นั่นเอง และพอผมมาเรียกแบบนี้อีกครั้ง


หลังจากไม่ได้เรียกมานาน พี่เตยคงแบบแอบพอใจล่ะมั้ง เพราะตอนนี้พี่เตยสาวเลส ยิ้มไม่หุบเลย ผมก็บอกว่า ไปได้แล้วป๋าเรียกแล้วพี่เตย


พี่เตยก็อื้มๆๆๆๆ แล้วยอมออกไปแต่โดยดี อื้อหืมตอนเดินออกไป ก้นแน่นๆบิดซ้ายทีขวาทีน่าตีชะมัด เฮ้ย !!! ไอ้โทนนั่นพี่สาว ใจเย็นไว้ ใจเย็น 


พอพี่เตยเดินลงไปได้ 10 นาที ไอ้ผมก็แบบเริ่มหิวแล้วอ่ะ แปลกมะพึ่งไปกินข้าวกับแก้มมิ้นต์มาแท้ๆ หลังจากที่ป๋าพาพี่เตยออกไปกินข้าวแล้ว


ผมก็แต่งตัวลงมาหาอะไรกิน แต่พอไม่มีอะไรที่น่ากินโดนใจสุดท้ายก็ต้องพึ่งมาม่ากระป๋อง ถามว่าแพงมั้ย ก็แพง แต่ผมขี้เกียจล้างจานไง เลย เฮ้อ มาม่ากระป๋องแล้วกัน


ก็เหมือนเดิมครับชีวิต กำลังเดินซู๊ดมาม่าอยู่แล้ว มีคนมาสะกิดหลังยิกๆๆๆ ไอ้ผมก็นึกว่าคนรู้จักเลยหันไปหา เปรี้ยง !!! ฟ้าผ่าในใจอ้ายเลย เพราะคนสะกิดนั้นคือมิ้นต์และแก้ม



เฮ้ย !!! มาทำไมเนี่ย ผมคิดในใจนะ แล้วมิ้นต์ก็บอกว่าดีใจจัง ลุ้นแทบตายว่าจะเจอพี่มั้ย ส่วนแก้มก็ยังคงเงียบเหมือนเดิมครับ ปัญหาคือทำไมมิ้นต์ถึงรู้ว่าผมอยู่นี่


มิ้นต์บอกว่าได้ยินผมพูดว่า เจ๊เตย กับ อื้มเดี๋ยวไป เธอเลยเดาว่าผมต้องอยู่ที่อพาร์ทเมนต์แน่ๆ ผมนี่คิดในใจบางทีหูก็ดีไปนะ หรือเพราะยืนอยู่ข้างถนนเสียงรถมันดัง ผมเลยพูดดังเกินไปจนเธอได้ยินวะ



แต่ผมก็ตีเนียนไปนะ ผมถามเอ้า มาทำไมเนี่ยก็บอกว่าให้นอนพักไง มิ้นต์ส่ายหัวยุกๆๆๆ บอกไม่เอาอยากมาหา ผมก็อิหยังวะ อ่ะมองในแง่ดีมิ้นต์อยากมาหาโอเค อันนี้รู้แหละและพอจะทำใจเชื่อได้


แต่แก้มนี่ แก้มตอนนี้เหมือนสวมบทเป็นมิ้นต์อ่ะ แต่ที่แย่กว่าคือ แก้มไม่พูดเลย ได้แต่เงียบ คือถ้าลำบากใจแบบนี้จะมาทำไม หรือมาเพราะกลัวผมปล้ำเพื่อของเขาหว่า


[ มิ้นต์ ]  :  ไหนพี่บอกว่า หมอ ห้ามกินเค็มไง พี่รู้มั้ยว่ามาม่า มันมีโซเดียมเท่าไร แล้วไหนจะกระป๋องพลาสติกอีก พอมันร้อน มันละลาย ก็เหมือนพี่กินพลาสติกลงไปด้วย


เฮ้ย !!! อะไรเนี่ย !!! นี่ผมกำลังเรียนสุขศึกษาอยู่งั้นเหรอ ไม่เจอกันครึ่งเดือนทำไมมิ้นต์กล้าพูดกับผม กล้าบ่นผมมากขนาดนี้หว่า


ผมก็แบบอึน อึนเชี่ยๆเลย แล้วพอจะกินต่อเพราะเสียดายของ มิ้นต์ก็บ่นอีก จนผมต้องทิ้งไปโดยปริยายครับ


[ ผม ]  :  แล้วจะไปไหนกันเหรอสองคน


ผมมองรอบๆตัวเห็นกระเป๋าใบเล็กๆที่สะพายมา ผมก็ถามว่าจะไปไหนกัน รู้มั้ยมิ้นต์ตอบว่าไง


[ มิ้นต์ ]  :  มาหาพี่แหละ มิ้นต์ขอนอนค้างด้วยนะ




 














เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

lindor

ลุ้นให้ได้จัดพี่เตยไวๆ เฮ้อ อ่านแล้วคิดถึงสมัยเด็ก ๆ ทำไมช่วงนั้นถึงขี้เกียจ เลือกอยู่บ้านหว่า ถ้าเลือกไปอยู่หอคงมีอะไรสนุกๆ อีกเยอะ แก่แล้วหมดโอกาศเลย

ขอบคุณสำหรับเรื่องดี ๆ ครับ ติดตามกันยาวๆ  ::Glad::



evilbenz

แก้มเป็นไรหว่า เงียบเชียว แต่ว่าเรื่องเจ๊หมิว จะเป็นไงต่อเนี่ยครับ รายนั้นก็เงียบติดต่อไม่ได้เลย หรือว่าทำใจไม่ได้คิดว่าน้องที่สนิทมาแอบเย


Edit : ตอนนี้ขอสั้นๆเลยครับว่า ฉิบหายแล้วกูค้างอีกแล้วววววว   ขอเดาล่วงหน้าเลยว่าแก้มกับมิ้นต์ ออกมาแสดงตัวแน่ๆเลยครับ

namona

ชักสับสนวุ่นวายเพราะความคิดตัวเองคนเดียวเลยนะเนี่ย ^^
ขอบคุณครับ

utsumaki


Slave


only1A

รออยู่เลย เดี๋ยวมาอีดิต อ่านก่อน


ชักงง สองสาว กับพี่เตย จะยังไง

nagatobimaru

มาตรงเวลามากเลย ขอบคุณครับ
แล้วที่บอกว่า FC แก้มจะเสียใจ จะทำอะไรครับ ห้ามทำแก้มร้องไห้น้า

—————————————

ทำแก้มร้องไห้จริงๆ ด้วย คราวหน้าถ้าไม่ทำให้แก้มยิ้มนะท่านโทน ต้องมียามาอะราชิ กันบ้างแล้ว

phu_nun


parameter

กำลังหิวมีแซนวิชมาให้กิน ฉลองต่อสัญญา

อดกินแซนวิช ได้กิน มาม่าชามโตแทน

artherox


elelle

ที่งงคืองงพระเอกนั่นแหละ มัวแต่คิดว่าเป็นเกมส์ของสาวๆอยู่ได้


..........

ตอนนั้นผมยัง เด๊กกกกกกกกกกกกกกกก


#โทน

momoyoyo