ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ.ร้านคาราโอเกะ Part3 ตอนที่ 27 ( ประสบการณ์ตรงของนายโมโนโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, สิงหาคม 12, 2020, 11:48:33 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดีครับผม พอดีวันนี้มีเรื่องอะไรต้องทำหลายอย่าง

เลยเงียบจ้อยเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า จริงๆฉากบู๊ตอนที่แล้ว ถ้าเป็นไปได้

ผมก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นเลยครับ มันเสี่ยงมากๆเลยนะครับ

โชคดีของผมที่พวกนั้นไม่มีปัญญาซื้อปืนกัน อ่าส์สบายๆ

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณที่คอมเมนต์กันมาเยอะมาก

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมาก




..........................



ปล. นี่คือแม่เสือดาวของรีดเดอร์ครับ หุ่นใกล้เคียงมากๆ ดาวชอบใส่กางเกงยีนครับ






ปล.2 พี่เตย / เตยยอดนักสืบ /เตยนักวางยา







ปล.3 พี่หมิว -








ปล.4 ภาพเหล่านี้คือใกล้เคียงกับพวกๆเขาเมื่อ 9-10 ปีที่แล้วครับ ไม่ใช่ตัวจริงแต่อย่างใด





ปล.5 เผื่อรีดเดอร์ท่านใดสนใจอยากลองอ่านเรื่องนี้ ลองอ่านย้อนหลังได้เลยครับ เผื่อจะชอบ



Part 1


ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3

ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6


Part 2


ตอนที่ 7 ตอนที่ 8 ตอนที่ 9

ตอนที่ 10 ตอนที่ 11 ตอนที่ 12

ตอนที่ 13 ตอนที่ 14 ตอนที่ 15

ตอนที่ 16 ตอนที่ 17 ตอนที่ 18

ตอนที่ 19




Part 3


ตอนที่ 20 ตอนที่ 21 ตอนที่ 22

ตอนที่ 23 ตอนที่ 24 ตอนที่ 25

ตอนที่ 26





..............


ความเดิมตอนที่แล้ว


ผมรีบไปช่วยพี่หมิวครับ และทำมันได้สำเร็จ

ผมเจ็บตัวนิดหน่อยครับ แต่ไม่เป็นอะไรพี่สาวผมปลอดภัย

ผมหวังว่าความดีเล็กๆนี้จะทำให้เธอยอมเปิดโอกาสให้ผมได้พูดบ้าง

แต่ว่าไม่ใช่เลยครับ ทุกอย่างดูแย่ลง ผมเจ็บตัว เจ็บใจ เจ็บไปหมด

วันต่อมาผมก็ต้องกลับไปทำงานครับ แต่พี่เตยอาสาว่าจะไปส่ง

และก็เจอนายชาติหมาเข้ามาถามว่าพี่เตยกับผมเป็นอะไรกันเหรอ

และคำตอบที่นายชาติหมาได้กลับไปนั้นก็คือ.....




...........


ไดอารี่ของนายโทน ตอนที่27




เป็น.... เป็นเรื่องของเราน่ะค่ะ


[ ชาติหมา ]   :  . . . .  เอ่อะ เอ่อออ


ผมนี่หันมองคอแทบหัก หลังก็ลั่น ตัวก็ลั่น ยังจะให้สมองตูลั่นอีก พี่เตยตอบไอ้ชาติหมาไปแบบนั้น แล้วท่านผู้อ่านคิดดูดิ่ ลานจอดรถคนเยอะ แล้วทุกคนแบบหันมามองผมเป็นสายตาเดียวเลย


อย่าว่าแต่ผมเลยที่เหวอ ทุกคนก็ถึงกับเหวอกันไปหมด ผมนี่แบบกุมขมับเลย โอยย อะไรอีกเนี่ย คือตอนนี้ภาพลักษณ์สุภาพบุรุษ ผู้อ่อนโยน และเป็นมิตรกับอิสตรีที่ผมรักษาตลอด มันได้พังคลืน เพราะพี่เตยกับดาวไปเรียบร้อยแล้ว


แต่ช่างแม่งเหอะ ยังไงผมก็ตั้งในมาทำงานไม่ได้มาหาเมียเหมือนได้ชาติหมาซักหน่อย ผมเดินขยัก ขยัก ขยัก เล็กน้อยก่อนจะแข็งใจเดินตัวตรง แม่งเอ๊ยปวดทุกย่างก้าวจริงๆครับ


กล้ามเนื้อขา เอว แขน หลัง เจ็บไปหมด จนซักพักพี่เตยก็มาช่วยผยุงถามว่าไหวมั้ย ผมบอกว่าไหวๆๆ เจ๊กลับบ้านได้แล้ว ผมไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ และผมก็ถึงกับร้องโอ๊ยยย เพราะพี่เตยเอานิ้วมาจิ้มๆๆตรงขาที่ผมปวด


แล้วคือแม่งจี๊ดดดด เหมือนโดนเข็มแทงเลย พี่เตยถามว่านี่เหรอไม่ใช่เด็กๆ ไม่ไหวก็บอกไม่ไหวจะเก๊กทำไม ทำเก่งไปเถอะกลับบ้านเมื่อไรสวยแน่


นั่นไงบอมบ์ลูกที่สอง แล้วตอนนั้นผมอยู่บริเวณตอกบัตรด้วย คนยืนรอก็เยอะ คนยืนมองก็แยะ ผมได้แต่ยิ้มแหะๆๆ และคิดในใจว่าหมดกันชีวิตกู พอผมมองหน้าแบบเอาจริงเอาจัง พี่เตยก็บอกก็ได้ๆงั้นเจ๊กลับแล้วนะ เย็นนี้จะมารับนะ


พี่เตยบ๊ายบายและเดินออกไปเลยครับตอนนั้น ผมลากสังขารมาจนถึงที่ตอกบัตรจนได้ เกือบไม่ทันแล้วตู ตอนนั้นเหมียวก็เดินมาทักทายครับ ผมก็อื้มๆๆๆ สวัสดี ตอนนั้นสายตาคนทั้งบริษัทมองผมแบบ เหมือนผมเป็นตัวอะไรสักอย่างอ่ะ



คงมองผมเป็นนักเลง หรือ กุ๊ยข้างถนนแหละครับ ก็ยับขนาดนี้ แต่ตอนนั้นเหมียวก็พูดขึ้นมาว่า โอ้โห ไปแข่งคาราเต้มา โดนยับเลยเนอะโทน แบบนี้แหละอ่อนซ้อมๆ เหมียวจงใจพูดดังๆให้คนได้ยินครับ


และมันก็ได้ผลนะ สายตาของคนพวกนั้นเปลี่ยนไปเลยล่ะ ผมพูดขอบคุณนะเหมียวเบาๆ และเริ่มกระดึ๊บไปทำงานทันที พอถึงโต๊ะทำงานตัวเดิม เปิดคอม จัดเอกสาร พอเริ่มทำงานทุกอย่างเริ่มเงียบ ความคิดเดิมๆก็กลับมา



ผมเริ่มกังวลนะว่าผมจะโดนไอ้สี่ตัวนั้นตามมาเอาคืนไหม ทำไมผมทำอะไรไม่คิดแบบนั้นนะ แต่ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง พี่หมิวคงแย่แน่ๆแหละ



แต่มันคุ้มกันไหมวะ ไปช่วยเขาแต่สิ่งที่ได้มาคือคำด่า ผมก็ไม่ได้กะไปช่วยฟรีๆหรอก ผมก็หวังบ้างว่าพี่เขาจะให้โอกาสผมได้พูด ได้อธิบาย แต่มันไม่ใช่เลย ไม่ให้โอกาสพอว่า นี่ด่าซ้ำว่าเสือก แถมยังตัดพี่ตัดน้องอีก



ช่างเถอะ อย่างน้อยพี่เขาก็ปลอดภัย คือมันเป็นอะไรที่มึนๆอึนๆจริงๆนะ ที่ต้องทำงานไปด้วย และต่อสู้กับความรู้สึกแย่ๆไปด้วย มันไม่เหมือนกับตอนที่เลิกกับแฟน ความรู้สึกแย่ตอนนี้มันหนักหนากว่าตอนนั้นมากๆเลยนะพูดตรงๆ



ตั้งแต่ตอกบัตรจนถึงพักเที่ยง ก็มีพี่ๆแวะเวียนมาถามมาไถ่นะ ซึ่งนอกจากพูดคุยกับพวกเขาแล้วผมเงียบไม่คุยกับใครเลย


มันพูดไม่ถูกจริงๆครับ จนกระทั่งพี่จักรมาเคาะโต๊ะเรียก ผมถึงได้หยุดทำงาน มารู้ตัวอีกทีเฮ้ย มันเลยเวลาพักมา 10 นาทีแล้ว


โอย เวลาพักอันแสนจะมีค่า แต่อื้ดดด อื้ดดดด โอยลุกยากแท้ๆ สักพักก็รู้สึกแสบๆคันๆตรงเอว อ่าวชิบหายละเลือดซิบๆ นี่ผมลืมแปะผ้าก๊อซมาเหรอวะ โอยควายแท้ๆผม วันนั้นผมเลยตัดสินใจไม่ลงไปกินข้าวครับ เพราะเสื้อสีขาวของผมมันโดนเลือดซึมใส่จนชัดเจนเลย


อีกอย่างเพราะเดินลำบากด้วยครับแต่โชคดีที่พี่จักรบอกจะซื้อมาให้เอาอะไรมั่ง แน่นอนครับเมนูประจำออฟฟิศต้องมาแล้วจังหวะนี้ กระเพราหมูชิ้น แต่ปัญหาคืออะไรรู้มั้ย นั่นคือหัวหน้าผมครับ


อยู่ดีๆหัวหน้าก็เดินมาและถามว่าผมไปทำอะไรมา นั่นไงล่ะชิบหายละพ่อมาเองเลย ตอนนั้นคิดในใจครับว่าจะเอายังไงดี จะพูดเรื่องจริงดีมั้ย หรือจะบอกว่าเล่นกีฬาเหมือนเดิม แต่อย่างที่รู้ครับ


เรื่องพวกนี้คนที่ผ่านโลกมาก่อน เขาจะรู้ดีโดยที่ไม่ต้องพูด ก่อนที่ผมจะได้อ้าปากตอบ หัวหน้าก็พูดดักผมไว้ก่อนเลยครับ


[ หัวหน้า ]  :  ตอนนี้พักเที่ยงแล้ว ไม่มีเจ้านายกับลูกน้อง กูจะพูดกับมึงในฐานะพี่น้องมหา'ลัยเดียว บอกกูมาตรงๆไปฟัดกับหมาที่ไหนมา


[ ผม ]  :  เอ่อ... เอ่อ...


[ หัวหน้า ]  :  พูดมาตรงๆ ถ้าฟังไม่ขึ้น มึงรอใบเหลืองได้เลย


นั่นไงล่ะ ไหนบอกว่าคุยแบบพี่น้องไงวะเฮ้ย แล้วใบเตือนมาได้ยังไง แต่สุดท้ายผมก็พูดความจริงไปครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมนี่นั่งเกร็งจนน้ำลายเหนียวเลยครับ


เพราะว่าถ้าได้ใบเตือน มันจะส่งผลต่อการประเมินปลายปี และถ้าผลประเมินของผมออกมาไม่ดีล่ะก็ จุกแน่ๆ อย่าหวังเลยว่าจะได้พิจารณาเลื่อนขั้น แม้แต่เงินเดือนก็อาจจะไม่เพิ่มก็ได้


แต่ผมก็ผ่านมันมาได้ครับ เพราะตั้งแต่เช้ายันพักเที่ยง หัวหน้าบอกว่ายังไม่ได้รับโทรศัพท์จากฝ่ายบุคคลว่ามีพนักงานคนใดก่อเรื่องทำให้เสื่อมเสียชื่อบริษัท ก็ถือว่าผมไม่ได้ทำผิดอะไร


[ หัวหน้า ]  :  โตเป็นควายแล้วหัดคิดหน่อย ถ้ามันมีปืนขึ้นมาจะทำไง สมัยนี้ปืนมันหาง่ายพอๆกับซิมโทรศัพท์ มึงคิดหน่อยเรียนมาก็สูง


หัวหน้าผมด่าแล้วก็เดินไปครับ มันก็ถูกตามที่เขาพูดแหละครับ ถ้าผมคำนวนผิด แล้วถ้าเกิดมันมีปืนล่ะจะทำไง โป้งเดียวจบเลยนะชีวิต


ผมก็ทำได้แค่ก้มหน้ารับคำด่าไปแหละครับ อีกซักพักพี่จักรก็เดินมาพร้อมกับกล่องข้าวครับ แต่อย่างว่าแหละครับ ผมคงนั่งกินบนโต๊ะทำงานไม่ได้ ไม่งั้นผมคงได้กลิ่นกระเพราไปจนเลิกงานแน่ๆ



โอยย จะลุกก็โอย จะเดินก็โอยย กล้ามเนื้อมันลั่นแปร๊ปปป แปร๊ปปปไปหมด ผมถือถุงพลาสติกไปนั่งกินในห้องพักเบรกครับ ตอนนั้นพี่จักรกับพี่ๆ อีก 3-4 คนก็ตามมา ถามว่าเป็นไรเปล่า เจ้านายด่าเละเลย


ผมก็บอกว่าไม่มีอะไรครับ และพี่ๆก็ถามว่าหน้าไปโดนอะไรมาเละเขียวขนาดนั้น แถมปากยังแตกอีก นี่แหละ นี่แหละที่ผมทรมาน


พอปากแตกเป็นแผล มันก็จะโดนน้ำลาย พอโดนน้ำลายมากๆ แผลแตกมันก็กลายจะเป็นร้อนใน พอเป็นร้อนในมันก็ทรมานกินของเผ็ดๆไม่ได้กินของที่ชอบไม่ได้


อย่าว่าแต่เป็นร้อนในเลยครับ แค่ตอนนี้ปากแตกผมก็แทบจะร้องไห้ กินผัดกระเพราไม่เป็นสุขเลย คือมันยังไม่ถึงขั้นแสบจี๊ดนะ


มันแปร๊ปๆ แปร๊ปๆ แต่คือมันหงุดหงิดไง กินอะไรก็ลำบาก พอพี่ๆเห็นผมเป็นแบบนั้นพวกเขาก็บอกงั้นตามสบายนะ พวกพี่ไปก่อน



พอพูดเสร็จพี่ๆเขาก็เดินออกไปเลยนะ ปล่อยให้ผมกินอยู่คนเดียว และเหมียวเธอก็เดินมาครับ คำๆแรกที่เธอถามคือเจ็บมั้ยโทน อื้มม มันเหมือนผมกำลังเลือดจะหมดหลอดแล้วมีนักเวทย์วิ่งมาฮีล


อ้าาาาาาส์ ฮีลลลล  มันก็รู้สึกดีระดับนึงนะครับที่สาวที่ผมเหล่ๆไว้มาถามมาห่วงแบบนี้ ผมก็เก๊กสิ่ครับ ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้เอง


แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผลนะ เพราะเหมียวตีที่แขนผมเบาๆผมก็โอ๊ยย ลั่นเลย เหมียวบอกผมนะว่าเจ็บก็บอกเจ็บ อย่าทำอวดเก่งสิ่


ผมก็แบบอ่าๆๆ เจ็บก็เจ็บ เหมียวถามผมครับว่าไปทำอะไรมา ทำไมหน้าช้ำแบบนั้น ตอนนั้นคิดในใจเลยนะว่ายังไงก็จะไม่บอกเหมียว แต่ตอนนั้นที่ผมเงียบไป เหมียวก็พูดขึ้นมาครับ


[ เหมียว ]  :  ตั้งแต่คบกับคุณดาวนี่เจ็บตัวบ่อยเนอะ


[ ผม ]  :  ดาวไม่เกี่ยวหรอก อย่าพูดแบบนั้นเลยเหมียว


เอ๊า !!!  ทำไมผมพูดแบบนั้นวะ ทำไมผมไม่ปฏิเสธไปวะว่าผมกับดาวไม่ได้เป็นอะไรกัน นี่เป็นโอกาสดีแล้วแท้ๆที่ได้อยู่กัน 2ต่อสองแบบนี้ ทำไมผมเลือกที่จะปกป้องดาววะไม่เข้าใจ


เหมียวทำหน้ามุ่ยๆผมมองเห็น จนสักพักเธอก็ถามว่ามีแผลตรงอื่นอีกมั้ย ผมบอกไม่มี แต่แผลเจ้ากรรมดันเลือดซิบๆออกมาครับ เหมียวเลยจับได้ ผมก็เลยบอกอืมๆ มีอีกนิดหน่อย


แล้วตอนนั้นเองเพื่อนเหมียวก็มาตามครับ และชวนไปข้างนอก ซึ่งแน่นอนว่าเหมียวก็ไปแหละครับ ผมคิดในใจนะ เออไปซะทีผมจะได้กินข้าว ผมก็เคี้ยวไปซื๊ดไป ไม่ได้เผ็ดนะแสบปาก


โอย ไอ้พวกการ์ดส้นตีนนั่นต่อยมาด๊าย กูพลเมืองดีแท้ๆ และตอนนั้นเองโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมาครับ ซึ่งนั่นเป็นเบอร์พี่แมน คำแรกที่ถามผมเลยคือเฮ้ยเป็นไรเปล่า ต้องหาหมอมั้ย


ผมบอกกลับไปครับว่าไม่เป็นอะไรหรอกพี่ ตอนนี้ผมอยู่ที่ทำงาน พี่แมนด่ากลับเลยครับ เฮ้ยทำไมไม่นอนพักสักวันวะค่อยไปทำงาน


ผมเลยบอกโอยพี่ครับ หยุดงานไม่ได้หรอก งานเพียบเลย แล้วอาทิตย์นี้ผมมีสัมมนาด้วย ต้องเตรียมงานหลายๆอย่าง



พี่แมนบอกเออๆ และเขาก็เริ่มเล่ารายละเอียดของเรื่องราวทั้งหมดครับ ผลการตรวจร่างกายของพี่หมิวปรากฎว่ามีสารบางอย่างเจอปนในกระแสเลือด ซึ่งไม่ใช่แอลกอฮอล์



เอ่อผมจำชื่อทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ต้องขออภัย แต่พี่แมนบอกว่า มันส่งผลให้เคลิ้มๆและควบคุมสติไม่ได้ระยะหนึ่ง


และมันเป็นสารประเภทเดียวกับที่พวกการ์ดค้นเจอในตัวของไอ้ป๊อป เท่านั้นและ JackPot สรุปว่ายาขวดเล็กๆที่ได้จากตัวไอ้ป๊อปนั้นมันเป็นยาที่เอามาใช้กับพี่หมิว เหยดเข้ไม่คิดว่าช่วงหนึ่งของชีวิตผมจะเหมือนหนังสืบสวนสอบสวนแบบนี้


อ่ะกลับมาต่อกันครับ ตอนนี้พี่แมนกำลังใช้เส้นสายเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด เพื่อดูว่าอีก 3 คนมีส่วนร่วมมั้ย ซึ่งพี่แมนบอกว่า ยังไงก็โดนแน่ๆ เพราะมันทั้ง 3 คนช่วยกันหิ้วปีกพี่หมิวออกไปขึ้นรถ


แต่สิ่งที่ผมกังวลมากๆคือแล้วข้อหาทำร้ายร่างกายที่ผมโดนล่ะจะทำยังไง พี่แมนบอกไม่ต้องกลัว เดี่ยวหาทางเคลียร์คดีนี้ให้ เพราะยังไงมันก็เป็นการสมัครใจวิวาททั้งสองฝ่าย แถม 1 ต่อ4 จะให้บอกว่าทำร้ายร่างกายมันก็ยังไงอยู่


พี่แมนบอกว่าถึงผมจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเพราะวิ่งไปไรเดอร์คิ๊กแบบนั้น แต่ด้านรูปคดีผมก็ได้เปรียบนิดหน่อย แต่ก็ตามที่พูดเมื่อวาน พี่แมนกำลังเจรจาให้ยอมความทั้งสองฝ่ายอยู่ ผมก็ต้องจำใจแหละครับ


ตอนนั้นผมถามพี่แมนว่า แล้วประวัติผมจะไม่เสียใช่มั้ย เพราะถ้าเรื่องรู้ถึงบอร์ดบริหาร หรือ ฝ่ายบุคคล ผมโดนใบแดงไล่ออกแน่ๆ พี่แมนเขาก็พูดขึ้นมาครับว่าถ้าโดนไล่ออก ก็มาทำงานกับพี่ดิ่



พอได้ยินแบบนั้นผมรีบปฏิเสธเลยครับ เพราะการเข้าไปโดยใช้เส้นสายมันไม่ได้สบายนะพูดตรงๆ คุณจะโดนสายตานับร้อยคู่มองด้วยความเหยียดหยาม



คุณจะโดนคนร้อยพ่อพันแม่ นินทาว่าไอ้เด็กเส้นๆๆๆ โอยแบบนั้นไม่ไหวหรอกครับ พอผมปฏิเสธไปพี่แมนก็หัวเราะ 5 5 5 แล้วบอกเออๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้


[ ผม ]  :  พี่แมน แล้วพวกมัน 4 คนจะมาเอาคืนผมมั้ยเนี่ยพี่ ถ้ามาตอนซึ่งๆหน้า ผมไม่กลัวหรอกนะ แต่ถ้ามาทีเผลอ ผมแย่นะพี่


[ พี่แมน ]  :  ไม่หรอก พวกมันไม่มีปัญญาทำอะไรหรอก ครอบครัวของมันก็แค่คนพอมีอันจะกินที่ส่งลูกเรียน ป.โทได้ พ่อแม่ของพวกมันไม่ค่อยมีเส้นมีสายเท่าไร



ผมแม่งเริ่มกลัวพี่แมนแล้วเชื่อมั้ย ผมถามไปว่าพี่สืบมาเมื่อไรเนี่ย คำตอบก็คือเมื่อคืนทันทีที่มีเรื่อง เหยดเข้ นี่มันยิ่งกว่าโคนันอีกนะ ผมรู้สึกโชคดีจริงๆครับที่รู้จักคนมีเส้นมีสาย


ซึ่งตอนนี้พวกมันสี่คนก็กำลังถูกเชิญตัวไปให้ปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัยเรียบร้อยแล้ว ผมนี่หันมองนาฬิกา หื้ม !!!  ตอนนั้นเที่ยงหน่อยๆ อื้มหืม นี่ยังไม่ถึง 48 ชั่วโมงเลย เรื่องเดินโคตรไว


ก็คงมีการให้แบ็คไปคุยกันล่ะครับ ไม่งั้นคงไม่เร็วปานนี้ แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปครับตอนนั้น แล้วพี่แมนก็ถามผมกลับมาว่า


[ แมน ]  :  แล้วมึงเถอะมีปัญหาอะไรกับไอ้หมิววะ เพื่อนไอ้หมิวบอกว่ามึงโดนไอ้หมิวด่ายับเลยนี่


เชื่อป่ะว่าอยู่ดีๆขนผมลุกซู่ว ถ้าผมเล่าไป ผมจะโดนแบบไอ้4 คนนั้นเปล่าวะ แต่เอาเถอะถ้าโกหกไปก็มีแต่จะแย่ ผมเลยตัดสินใจว่าเอาวะ โดนเป็นโดน


ถ้าจะโดนกระทืบเพราะเรื่องที่ตัวเองไม่ได้ทำก็ให้รู้ไป แต่ว่าก่อนที่ผมจะเล่าทั้งหมด ผมได้ถามคำถามย้ำกับพี่แมนอีกครั้งว่า


[ ผม ]  :  ผมเล่าได้แน่นะพี่ แล้วแบบ เอ่อ ถ้าถึงขั้นที่ว่าเกือบแก้ผ้าล่ะ


[ พี่แมน ]  :  มันก็อยู่ที่ว่ามึงเจตนาหรือเปล่า เล่ามาซะ


อูยย ขนลุกซู่วเลยครับ และผมก็เล่าทุกๆอย่างให้พี่แมนฟัง ตั้งแต่ตนผมเล่าหมดจริงๆนะ รวมถึงตอนที่พี่หมิวคว้ามือผมไปบีบนมตัวแกเองด้วย ผมก็กลัวพี่เอกจะเคืองนะที่ผมบีบนมน้องสาวแก แต่แกก็ฟังไปเรื่อยๆนะครับ จนกระทั่ง


[ พี่แมน ]  :  ไอ้หมิวมันก็ไม่ใช่เด็กละนะ แต่ไม่คิดว่าจะจับมือมึงไปบีบนมตัวเองนี่ดิ่


[ ผม ]  :  ขอโทษที่ต้องเล่านะพี่แมน แต่ผมอยากให้พี่รู้ทั้งหมดจริงๆ ผมไม่อยากโดนพี่โมโหหรือโดนเกลียดทั้งๆที่ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลย


[ พี่แมน ]  :  เฮ้ย มันก็เป็นธรรมดาเปล่าวะที่พี่จะโมโหแทนไอ้หมิว นั้นมันน้องสาวพี่นะเว้ย เฮ้ย เดี๋ยวก่อนนะ มึงบอกคราวก่อน พวกไอ้ป๊อปนั่นมันก็ไปด้วยเหรอ ก่อนมีเรื่องที่บ้านมึงน่ะ


พี่แมนถามผมกลับไปถึงวันนั้น วันที่พี่หมิวโทรตามให้ผมไปรับครับ ผมก็ตอบพี่แมนไปว่าใช่ครับพี่ วันนั้นพวกไอ้เชี่ยป๊อปมันก็ไป แล้วตอนนั้นมันก็อาสาจะไปส่งพี่หมิวเอง แต่ผมดันตัดหน้ามารับไปซะก่อน



ผมก็พูดไปนะว่าปกติแล้ว พี่หมิวไม่เคยกินเมาขนาดนั้นนะพี่ อย่างมากก็แค่กึ่มๆ ไม่ถึงขั้นที่ทำอะไรแบบนั้น พี่แมนเลยพูดขึ้นมาครับว่า หรือว่ามันวางยาตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ววะ


ผมพูดขึ้นมาว่า ผมก็ไม่รู้หรอกพี่แมน แต่ที่ผมแน่ใจคือพี่หมิวผิดปกติอ่ะครับ ตอนนั้นผมก็คิดอะไรปัญญาอ่อนไปนะ ผมถามว่าแบบนี้ตรวจย้อนหลังได้มั้ยพี่ พี่แมนด่ากลับมาเลยครับว่า


มึงจะบ้าเหรอไอ้โทน ป่านนี้ไอ้ยาหรือไอ้สารพวกนั้นกลายเป็นเยี่ยวไปหมดแล้วมั้ง ไอ้ห่าคิดอะไรเป็นเด็กไปได้ โอยโดนด่าเลยกู ผมก็แบบขอโทษครับพี่ ขอโทษครับพี่ และระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น


[ พี่แมน ]  :  แล้วมึงกับไอ้หมิวนี่ยังไง จะไม่คุยกันจริงๆเหรอวะ


เชื่อมั้ยครับท่านผู้อ่าน พอพี่แมนถามคำถามนี้มา ผมจุก ผมอึดอัด ผมพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนที่พี่หมิวพูดว่ามันไม่ใช่น้องกู มันยังดังก้องในหัวผมอยู่เลย


ผมเสียใจยอมรับเลย ผมเสียใจที่พี่หมิวไม่คิดจะฟังอะไรผมสักคำแล้วพูดออกมาแบบนั้น ผมเงียบและพูดทั้งน้ำตาว่า ก็คงไม่แล้วอ่ะพี่ ผมเหนื่อยแล้ว ผมพูดไปเสียงก็อ้อมแอ้มๆติดในลำคอ


ใจอ่ะอยากคุย อยากพูดเล่นกันกับพี่สาวคนนี้มาก แต่ด้วยสถานการณ์ที่เจอมันก็ต้องยอมรับว่าเป็นไปไม่ได้ วันนั้นผมรู้เลยว่าสุภาษิตที่กล่าวว่าพูดได้ไม่เต็มปากมันเป็นยังไง


พี่แมนฟังและเงียบไปสักพักแล้วพูดมาครับว่า เฮ้อ เออยังไงมึงก็น้องพี่คนนึงอย่าคิดมากล่ะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดว่ะ ลูกผู้ชายเว้ย อย่าคิดมาก


มันเป็นคำพูดง่ายๆ ที่โคตรจะเรียบง่ายแต่ผมโคตรรู้สึกอบอุ่น เราคุยกันอีกสักแปปก็วางสายไปเพราะพี่แมนบอกจะไปเดินเรื่องต่อ ถ้าเขาไม่ออกตัวเองงานมันคงเดินช้า ผมคิดในใจเลยนะ ลาก่อนไอ้ป๊อป


ผมเงยหน้ามามองที่นาฬิกา ตายห่าอีก 3 นาทีหมดเวลาพัก ผมต้องกระเสือกกระสนเอากล่องข้าวไปทิ้งและรีบเดินไปตอกบัตรทำงานช่วงบ่ายต่อ โอยทำไมหนทางมันไกลแบบนี้วะ แค่ไม่ถึง 10 เมตรแท้ๆ



และวิบากรรมของผมมันก็ยังไม่หมดนะ เพราะเลือดที่มึนซึมๆออกมาจากแผล ที่ผมดันควายลืมแปะผ้าก๊อซนั้นมันก็ทำให้คนในแผนกแตกตื่นกันเลย ผมเลยบอกโอยไม่มีอะไร ไม่มีอะไร เอายาหม่องทาก็หาย


แล้วแน่นอนครับว่าต้องมีคนเสือกแน่ๆ ก็คนที่คุณก็รู้ว่าใครนั่นแหละครับ ไอ้ชาติหมาไง ไม่รู้ว่าแม่งว่างงานหรือว่าอะไรนะครับ ปกติแล้วหลังจากพักกลางวันเนี่ย ทุกคนจะรีบมาเคลียร์งานให้เสร็จเรียบร้อย


แต่ไอ้เชี่ยเนี่ย แม่งเป็นโรคส้นตีนอะไรไม่รู้ต้องเดินแขวะคนอื่นก่อน มันก็เดินมาพูดแหละครับ ว่าโอ๊วพี่โทนคนเก่งไปทำอะไรมาล่ะนั่น ผมก็พยายามไม่พูดนะ แม่งก็ไม่หยุด มันก็พร่ำเพ้อไปเรื่อยๆนะ จนมาเรื่องดาว


มันถามผมว่าผมไปทำยังไงถึงได้ดาวเป็นแฟนเหรอ แล้วพูดแบบไม่เกรงใจใครเลยนะ ตอนนั้นคือทั้งเจ็บแผลทั้งหงุดหงิดเลยครับเลยเผลอตอบไปว่า


มึงลองถามกับหมัดกูมั้ยล่ะ หรือเอาส้นตีนสักข้างดี


ผมพูดเสร็จก็เดินใส่เลย ลามปามไปบางทีและหงุดหงิดเพราะกินข้าวไม่อิ่มด้วย ผมบอกแล้วครับว่าจริงๆแล้วผมน่ะเป็นคนปากเสีย อารมณ์ร้อน เอาจริงๆเพราะเกมส์ R เลยนะ ผมเลยได้สกิล ปากหมา ปากไว ปากตลาด โอ้ย ไม่งั้นผมเถียงพวกในเกมส์ไม่ได้หรอกครับ


แต่พอโตขึ้นผมก็พยายามสงบปากไว้ เพราะผมไม่รู้นะว่าไอ้คนที่ผมด่าๆไปน่ะ สักวันมันจะกลับมาเป็นลูกค้าในชีวิตจริงของผมหรือเปล่า เพราะเอาจริงๆคนเล่นเกมส์ออนไลน์บางคน ย้ำนะว่าบางคน เขามีหน้าที่การงานที่คาดไม่ถึงเลยล่ะ



มองใกล้ๆตัวเลยไอ้เชี่ยพี่ติมเนี่ย ใครจะรู้ว่าบ้ากามหน้าม่อล่อทุกคนแบบนั้น จะเป็นถึงรองกรรมการบริหาร เหยดเข้รวยชิบหาย เพราะฉะนั้นตั้งแต่ช่วงฝึกงานจนมาถึงปัจจุบัน ณ ตอนนั้น


ผมจึงพยายามสงบปากสงบคำเลยครับ แต่พอมาเจอแบบนี้ผมก็เหลือ อด เหลือทนจริงๆ แล้วตอนนั้นหัวหน้าก็เดินมาพอดี เชี่ยเอ๊ยมันจะพล็อตซิทคอมอะไรขนาดนั้น เขาจ้องมาที่ผมแล้วบอกว่า


[ หัวหน้า ]  :  มึงไปทำแผลก่อนไอ้โทน หรือมึงอยากไป ท.บ.1



บริษัทผมจะมีกฎครับคือถ้าทำผิดจะโดนตักเตือนด้วยใบเหลือง ถ้าทำผิดซ้ำอีกก็ไล่ออกเลย แต่ถ้ากระทำความผิดร้ายแรงอย่างเช่นสร้างความเสื่อมเสียให้บริษัทและองค์กร นั่นคือเรียบร้อยครับใบแดงไล่ออก


หัวหน้าขู่ผมเลยว่าถ้าผมก่อเรื่องอีกผมโดนใบแดงแน่ๆ ผมเลยขยับหัวไหล่กึ้กๆกั้กๆ สองที ( ทำเพื่ออะไรวะผมยัง งงตัวเอง ) แล้วเดินไป แล้วเดินแบบย่องเบาอ่ะ โอยกุเจ็บกล้ามเนื้อ


คือเชื่อไหมครับว่าคนแบบไอ้ชาตินี่มันมีทุกออฟฟิศจริงๆ เคยดูแต่ในละครไม่คิดว่าจะมีจริงๆ โอ้ชีวิตนายโทน พอผมถอดเสื้อออกเท่านั้นแหละ เชี่ยแผลอักเสบงานงอกแล้วผม มีดผีเสื้อของไอ้เวนนั่นมันสกปรกแท้


ผมเลยโดนทั้งทิงเจอร์ ทั้งเบตาดีน ซึ่งแสบชิบหาย อยากจะร้องไห้จริงๆกรู หลังจากที่ทำแผลเสร็จแล้วก็กลับมาทำงานต่อครับ ไม่ได้พักเลยวุ๊ย แต่ก็ทำไงได้ล่ะครับ มันเป็นหน้าที่รับผิดชอบเฮ้อ โคตรลำบาก


วันนั้นผมมีประชุมครับ เรื่องการแบ่งงานเรื่องงานสัมมนา แล้วก็สรุปกันว่าผมต้องเดินทางไปก่อนเพื่อเตรียมสถานที่ ผมโคตรดีใจที่ไอ้ชาติบอกว่ามีงานอื่นทำ ไม่ว่างมาช่วย ผมนี่แบบโอ้วพระสงฆ์ ดีแล้วที่มันไม่มาช่วย


ไม่งั้นงานเจ๊งแน่ๆ ทีมผมมี 6 คนซึ่งรวมเหมียวด้วย ก็แน่นอนครับว่าผมไม่ใช่หัวหน้าทีม แต่ก็ถือว่าเป็นหัวแรงหลักๆนะ เพราะอย่างที่บอกช่วงเรียนมหาวิทยาลัย ผมนี่เด็กกิจกรรมตัวยงเลยล่ะ


และอยู่ดีๆผมก็รู้สึกเพลียๆครับสงสัยจะมีไข้ก็นะ น่วมไปทั้งตัวนี่หว่า แล้วลืมอะไรกันไปหรือเปล่าครับ วันนั้นพี่เตยบอกว่าจะมารับกลับบ้านเพราะผมยังไม่หายดี และมีอาการปวดกล้ามเนื้อ


ผมลงมานั่งรอพี่เตยที่ชั้น 1 ตรงหน้าร้านกาแฟครับ ซึ่งเหมียวก็ขอมานั่งด้วยอ่ะผมก็ไม่ได้ว่าอะไรมันเป็นสิทธิ์ของเธอ เราพูดคุยกันไปหลายๆอย่างทั้งเรื่องานแล้ว เรื่องส่วนตัวครับ


เหมียวก็พูดขึ้นมาว่า ต้องนอนห้องรวมจริงๆเหรอเนี่ย ผมก็เลยบอกไปนะว่า ถ้าไม่สะดวกเดี๋ยวทำเรื่องแยกห้องให้เอามั้ย ซึ่งอย่างที่ผมเขียนไว้ตอนตัวอย่างเรื่องของเหมียวว่าบ้านพักของพวกเราที่อมรพันธ์วิลล่านั้น


เป็นบ้านหลังใหญ่ และประกอบไปด้วย 5 ห้องย่อย นั่นจึงทำให้พวกเราทั้ง 6 คนต้องนอนห้องเดียวกัน แต่ว่าเหมียวก็ยังกังวลอยู่มั้งที่ต้องนอนรวมกับผู้ชาย ผมเลยบอกว่าก็มีพี่ผู้หญิงอีกคนไปด้วยนิ


แต่ถ้าไม่สบายใจก็เดี่ยวทำเรื่องแยกห้องให้ เหมียวก็งืมๆนะครับ ผมบอกงั้นพรุ่งนี้จะจัดการให้ แล้วเธอก็ถามผมอีกว่าแบบนี้จะเล่นทะเลได้เหรอ ผมเลยบอกครับว่า เอาจริงๆผมไม่ได้ชอบเล่นน้ำทะเลนะ ผมชอบบรรยากาศของทะเลมากกว่า


ผมชอบนั่งมึนๆและมองไปที่ทะเลที่มันกว้างๆ ฟังไปอาจจะดูเวอร์นะครับท่านผู้อ่าน ผมชอบนั่งมองสุดขอบเลตัดกับเส้นขอบฟ้าอ่ะ มันสวยจริงๆนะ ผมก็บอกเหมียวไปแบบนั้นเหมียวก็บอกแหวะ ไปทะเลทั้งที่ต้องลงเล่นสิ่


[ เหมียว ]  :  ว่าจะใส่บิกินีลงแหละ อุสส่าห์ลดหุ่นมา


อื้มหืม สะอึกเลยผม คือเข้าใจไหมครับว่า แบบ อูยยย เหมียวในชุดบิกินี กระตุกเบาๆก็หลุด เฮ้ยๆๆๆ กลับมาก่อนครับกับมาก่อน ผมก็ตีหน้าขรึมและถามไปครับว่า เดี๋ยวคนก็หัวใจวายตายพอดี


เหมียวตอบกลับมาครับว่า โอยเหมียวจะมีอะไรให้มอง นมก็ไม่มีตัวก็เตี้ย อื้อหืมแทบลำสักเลยครับตอนนั้น ตัวเตี้ยนี่แหละอุ้มง่าย ถุ้ยยย ไม่ใช่ๆๆๆ ผมบอกเหมียวครับว่าคิดมากน่าคนเราก็มีดีของตัวเองแหละ แล้วรู้มั้ยเหมียวถามผมว่าอะไร


[ เหมียว ]  :  หรอๆๆ อื้ม งั้นคุณดาวเธอเป็นคนแบบไหนเหรอโทน เราไม่เคยเห็นโทนจีบใครเลยอ่ะ ไหงอยู่ดีๆมีแฟนเฉยเลย


ผมนี่เงียบกริบเลยครับตอนนั้น ผมก็ทำหน้ามึนเหมือนกำลังนึกคิดอะไรบางอย่างอยู่นะ แต่ความจริงแล้วผมกำลังคิดในใจว่าผมจะตอบเธอยังไงดี เพราะตามความจริงแล้วผมกับดาวไม่ได้ถึงขั้นจีบอะไรกันเลยนะ


พอผมเงียบๆ ขรึมๆ เหมียวก็รีบบอกขึ้นมาว่าไม่ถามแล้วก็ได้เชอะ ผมก็ยิ้มๆให้ครับ ไม่รู้จะพูดอะไร เหมียวถามอีกนะว่าแล้วพวกเราจะไปกันยังไงอ่ะ ระยองอ่ะ


โอ้โหกูละงึ่ด คือผมว่าเมื่อกี้ตอนประชุมผมอธิบายไปชัดเจนแล้วนะครับว่า พวกทีมงาน 6 คนจะเหมารถตู้ไปซึ่งเป็นเงินบริษัท นี่เหมียวมันฟังไหมวะเนี่ย ผมเลยเผลอถอนหายใจเฮือกใหญ่ไป จนเหมียวตกใจหน้าเสียเลยครับ



แล้วผมไม่พูดหรือทำอะไรให้เธอดีขึ้นด้วยนะ คือพูดตรงๆอายุงานเธอมากกว่าผม ซึ่งความรับผิดชอบและความใส่ใจมันควรมีมากกว่านี้จริงๆ แต่พอเหมียวทำหน้าจ๋อยๆผมก็อดสงสารไม่ได้แหละครับ


ผมเลยบอกไปว่าคราวหน้าจำแล้วจดด้วยก็ดีนะเหมียว เวลาไม่เข้าใจน่ะถามเรา น่ะถามได้ แต่ถ้าเกิดเป็นงานสำคัญขึ้นมาล่ะจะทำไง พวกผู้หลักผู้ใหญ่น่ะเข้มงวดมากนะ ถ้าถามบ่อยก็จะกลายเป็นเราทำงานไม่เป็นนะ



ค่อยยังชั่วครับที่เหมียวยิ้มได้นิดหน่อยแล้ว ตอนนั้นเหมียวชวนไปกินข้าวครับ ซึ่งมันก็น่าดีใจแหละ แต่ผมมีนัดกับพี่เตยแล้วด้วยสิ่ ผมเลยบอกว่าเป็นมื้อหน้านะเดี๋ยวจะเลี้ยงเอง


เหมียวพูดกลับมาว่างั้นโทนต้องเป็นเจ้ามือนะ ผมบอกอื้มๆเราเลี้ยงเอง จากนั้นเหมียวก็เดินออกไปครับ เธอก็คงขึ้นรถไฟฟ้ากลับบ้านแหละ ส่วนผมก็นั่งรอพี่เตยต่อ จนผ่านไปเป็นชั่วโมงพี่เตยก็ไม่มา


ผมจะโทรหาก็เวนแบตหมด เอาเถอะรออีกหน่อยก็ได้ ผมนั่งอ่านนู่นอ่านนี่ จนได้เวลาอาคารต้องปิดพี่เตยก็ยังไม่มา ผมก็ถอนใจเฮ้อ แล้วก็คิดว่ากลับเองดีกว่า แต่แค่ลุกก็แย่แล้วครับตอนนั้น อูยยย ต้องรีบกลับไปซักผ้าอีก


แต่แล้วผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าไม่มีเสื้อผ้าใส่แล้ว ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ในเมื่อพี่เตยไม่มารับผมก็กลับบ้านเลยดีกว่า เอาจริงๆนะช่วงนั้นพอคิดจะทำอะไรผมก็ทำเลยจริงๆครับ ไม่คิดหน้าคิดหลังเลย ผมเปลี่ยนจากที่ควรจะนั่งรถไฟฟ้าไปลงช่องนนทรี


เตรียมหา Taxi กลับบ้าน บอกตรงๆนะว่ามันแพงกว่ากันหลาย10 เท่าไรแต่ว่าสถานการณ์กับร่างกายมันบังคับครับ ว่าให้ผมต้องนั่ง Taxi กลับบ้าน ผมนั่ง Taxi ก็โดนไปร้อยกว่าบาทแหละครับวันนั้น



พอผมกลับไปถึงก็เกือบๆจะ 2 ทุ่มแล้วมั้ง เห็นพ่อกำลังนั่งอ่านหนังสืออะไรอยู่ก็ไม่รู้ และทันทีที่พอผมเห็นสภาพคำๆแรกที่พ่อถามคือ


[ พ่อ ]  :  โอ้โห้ เละเป็นลูกหมาตกถังขี้เลย สารภาพมาซะดีๆว่าเอ็งไปทำอะไรมา



เฮือก !!! ผมนี่สะดุ้งเตรียมตั้งการ์ดเลย จะโดนพ่อเตะมั้ยเนี่ย ผมเองในตอนนั้นอึดอัดใจมากเลยนะ ไม่อยากเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อฟัง ก็ได้แต่บอกไปว่าผมไม่ได้หาเรื่องเขาก่อน


พ่อก็เงียบแล้วไม่พูดอะไรนะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าพ่อจะเชื่อผมมั้ย จนพอบอกอาบน้ำ หาอะไรกิน แล้วขึ้นไปนอนเลย อย่าให้แม่เห็นล่ะ ไม่งั้นซวยกันหมดบ้านแน่ๆ ผมก้มหน้าและรีบเดินขึ้นมาบนห้องเลยครับ


ไม่ว่าจะผ่านมาแค่ไหน ไม่ว่าผมจะโตขึ้นสักเท่าไร ในสายตาพ่อ ผมก็ยังเป็นเด็กอยู่ดีนั่นแหละ พอมาดูหน้าตาตัวเองในกระจก โอ้โหยับว่ะ


มันเริ่มอักเสบแล้วล่ะดีนะไม่บวมมาก อ้อผมพึ่งนึกได้ว่าที่ชาร์จ N72 ของผมมันอยู่ที่อพาร์ทเมนต์นี่หว่าจบกัน คือใครที่ทันยุคโนเกียร์ครองโลก ท่านจะรู้เลยล่ะว่าแบต100% มันอยู่ได้เกือบ 2 วัน


เพราะงั้นพอชาร์จเสร็จผมเลยไม่ได้พกมาด้วย ไม่เหมือนสมัยนี้แม่มต้องพกทั้งสายชาร์ท ทั้ง Power Bank อ่ะกลับมาเรื่องวันนั้นต่อ อย่างที่ท่านอ่านกันมาครับ วันอังคารผมหยุดงานเพื่อไปเดินเรื่องคดีความ ทำให้ไม่ได้ชาร์จแบต

อีกทั้งวันพุธผมก็เจ็บไปทั้งตัว กว่าจะลุกจากที่นอนได้มันหลายนาที นั่นเลยทำให้ผมรีบออกมาจนไม่ได้สังเกตว่าแบตเตอร์รี่เหลือเท่าไร ก็ตามนั้นแหละครับ ตอนนี้ตัวมีแค่ BB ของบริษัทเท่านั้นที่ใช้ได้ N72 ตายสนิท



ผมเปิด MSN ขึ้นมา อื้อหือ ทักมากันเพียบ 1 ในนั้นคือพี่เตย พี่เตยทักว่า

เจ๊ ขอโทษ
เจ๊ ขอโทษ
เจ๊ ขอโทษ
เจ๊ ขอโทษ
เจ๊ ขอโทษ
เจ๊ ขอโทษ
เจ๊ ขอโทษ
เจ๊ ขอโทษ
เจ๊ ขอโทษ


คือผมก็ไม่ได้โกรธอะไรนะ เพราะรู้ว่าเจ๊อาจจะงานยุ่ง ผมก็พิมตอบไปสั้นๆว่า ไม่เป็นไรครับ แล้วกด Busy เลย ผมไม่ได้โกรธนะ ไม่ได้โกรธ แต่กูกด Busy เลย แต่มันก็มียัง MSN คนนึงเด้งมาครับ ก็น้องหมวยนั่นแหละทักมาครับว่า

ดี งิ

งิพ่อง ผมคิดในใจเลยนะว่า ดีคร่า ดีค่ะ ดีจ้า ก็ว่ากันไป มึงจะมา งิ ทำไม งิพ่อง คือต้องบอกก่อนนะครับว่าสมัยนั้นเกมส์ R มันสอนอะไรผมหลายๆอย่างเลย ทั้งศัพท์ที่ผมพึ่งรู้จักครั้งแรกในชีวิต อย่างเช่นคำว่า " เตง "


พ่องกินระนาดเข้าไปเหรอ เตง เตง เตง ทั้งวัน หรือไอ้คำว่า " งิ " นี่แหละ มันเป็นคำไม่มีความหมาย แต่มักจะเอามาเติมท้าย อย่างเช่น ใช่งิ   ไปเลยงิ หรือ อยู่ดีๆมึงก็พิมพ์ " งิ " มาดื้อๆ


ผมคิดในใจพ่องตาย งิอะไรวะ ผมกดออฟไลน์เลยครับ ขี้เกียจคุย หลังจากผมอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยจะลงมากินข้าว แต่ว่า !!! ซะ ซะ ซวยแล้วลืมไปเลยว่าแม่อยู่ และพอแม่ผมเห็นเท่านั้นแหละครับ


วี๊ดดดดด ตู้มมมม ระเบิดลง พ่อผมตักข้าวได้ก็เดินหนีไปเลย ผมต้องนั่งฟังนั่งอธิบายต่างๆนา คือมันยากมากเลยนะครับ ที่ต้องอธิบายเรื่องราวทั้งหมดโดยที่ไม่พูดถึงพี่หมิว แล้วก็ต้องไม่โกหกแม่ด้วย


ผมก็อึกอักๆ อยู่นาน ก็ทำได้แค่ยอมโดนด่าแหละครับ เพราะผมก็ทำอะไรไปโดยไม่คิดเหมือนกัน แต่ว่าวันนั้นผมก็กินข้าวไม่ได้ครับ เพราะแม่ทำแต่แกงใต้เผ็ดๆไว้ทั้งนั้น ผมกินไม่ได้อยู่แล้วแสบปาก อย่าว่าแต่กินเลยครับ


แค่เห็นสีแกง เห็นสีเครื่องเทศน์ ก็สยองแล้วครับ ผมเลยต้องเดินไปเซเว่นเพื่อซื้อเยลลี่เจเล่ที่เป็นถุงๆมีจุกดูดอ่ะ นั่นแหละผมซื้อมา หลายอันอยู่นะ เพราะคิดว่าคงได้กินอีกหลายวันแน่ๆ


แย่เลยแฮะแบบนี้ไปทะเลก็อดกินของดีๆ แซ่บๆดิ่ เฮ้อไม่น่าเลยผม ผมเดินกลับมาบ้านพร้อมเจเล่ในมือ เอาจริงๆนะผมก็เคยเห็นเพื่อนๆมันกินตอนลดน้ำหนักแข่งยูโดนะ


พวกมันบอกว่าแคลลอรี่ต่ำ กินแล้วอิ่ม แต่พอมากินเองแล้วเกิดคำถามในใจ มันอิ่มตรงไหนวะ แต่ก็เอาเถอะก็แค่กินให้เยอะหน่อยก็ได้มั้ง พอผมกลับมาบ้านก็เริ่มเก็บเสื้อผ้าแหละครับ


พวกชุดทำงาน กางเกง แล้วก็ของที่ขนกลับมา แล้วก็ต้องเก็บพวกเสื้อผ้าที่จะไปสัมมนาด้วย แม่ก็ขึ้นมาครับ เขาถามว่าเก็บเสื้อผ้าอะไรมากมาย ผมก็เลยบอกว่าอาทิตย์นี้มีสัมมนา ไปค้างระยองวันสองวัน ซึ่งตอนที่เก็บของนั้นเองครับ


และแม่ก็ถามขึ้นมาว่าแล้วหมิวไปไหนเนี่ย ไม่มาหลายวันแล้วโอยยย แม่ แม่ แม่ปิดประตูให้หน่อยแม่ แม่ครับแม่จะถามทำไม ลูกชายของแม่เจ็บแปล๊บเลย แม่ยังพูดไปอีกว่าปกติจะมาบ่อยๆ แต่หายไปเป็นอาทิตย์แล้ว ผมไม่พูดอะไรนะเงียบเป็นเป่าสากเลยตอนนั้น


และแม่ถามนะว่าจะกินอะไรมั้ยแม่จะทำให้ ผมเลยบอกไม่เอามีเจเล่แล้ว แม่ก็ถามว่าไอ้ปีโป้ใส่ถุงแบบนั้นจะอิ่มเหรอ ผมก็บอกไปตรงๆแหละว่าไม่อิ่มหรอก ค่อยหากินนมเอา ตอนนี้เจ็บปากกินไม่ได้


ซักพักแม่ก็ลงไปครับ ส่วนผมเองก็ดูว่าอะไรควรเอาไปมั่งแล้วก็เก็บๆ โอยเจ็บปาก แล้วตอนนั้นแม่ก็เอายาป้ายปากมาให้ครับ มันเป็นขี้ผึ้ง ครีมๆ เนื้อหยาบ อะไรสักอย่างนี่แหละ


แต่พอป้ายที่แผลข้างในปากมันก็ดีขึ้นนะ มันจะเคลือบแผลเลยล่ะ แม่ก็ถามผมนะว่ามีอะไรจะบอกอีกมั้ย ปกติผมไม่เคยจะมีเรื่องกับใครก่อน ทำไมคราวนี้ถึงยับมาขนาดนี้ล่ะ


ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง ก็เลยบอกไปว่าก็เป็นไปตามที่เล่าให้ฟังทั้งหมดแหละแม่ พอผมยืนยันไปแบบนั้นแม่ผมก็บอก ตามใจเอ็งแล้วกัน แล้วแม่ก็เดินออกไป


ผมก็อยากจะบอกแม่ตรงๆนะ แต่กลัวว่าพูดไปแล้วมันจะแย่ แม่อาจจะดุด่าผมที่ผมไปทำแบบนั้นกับพี่หมิว หรืออาจจะโกรธพี่หมิวก็ด่าผมแบบนั้น แต่ก็ช่างเถอะแบบนี้แหละดีแล้ว ให้มันจบแบบนี้ก็ดี


ผมเก็บเสื้อผ้าไป และก็ฝืนดูดเจเล่ไป แต่บอกตรงๆว่าเจเล่มันไม่อิ่มหว่ะครับรีดเดอร์ มันทรมานแท้ๆว่ะ แล้วแบบนี้ผมจะได้กินอร่อยๆที่ทะเลมั้ยเนี่ย แล้วอมรพันธ์วิลล่าอาหารอร่อยทุกอย่างซะด้วยสิ่


ซักพักผมได้ยินเสียงแม่เดินมาอีกครับ  ผมก็เก็บของไปเรื่อยๆนะ แต่แปลกแฮะ ทำไมแม่ไม่ลงไปสักทีน้อ ผมก็เลยถามว่ามีไรอ่าแม่ ไม่ลงไปกินข้าวล่ะ


แม่ไม่ตอบครับ ผมก็ก้มหน้าเก็บเสื้อผ้าไป ซื๊ดปากไป พอไอ้ขี้ผึ้งที่มันเคลือบแผลละลายหมด แผลก็กลับมาเจ็บอีกครั้ง แล้วด้วยความสงสัยว่าทำไมแม่ยังไม่ลงไปกินข้าว


ผมก็จะหันไปบอกแหละครับว่าลงไปกินข้าวได้แล้ว แต่พอหันไปเท่านั้นแหละครับ ผมถึงกับนิ่งทำอะไรไม่ถูกเลย เพราะนั่นไม่ใช่แม่ผมแต่เป็น


" พี่หมิว "






 















เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

nookerclub

ขอแปะก่อนอ่านครับ

>> โอ้ยยย เป็นผมก็คงเล่นบทพระเอกนะครับ ก็อยากนะ แต่ไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว 5555


nagatobimaru

มารอดูครับ จะง้อพี่หมิวยังไง แล้วทำอีท่าไหน พี่หมิวอายหน้าแดงเนี่ย

---------------------------------------------------------

คำถามวัดใจมาอีกแล้ว จะได้นอนไหมเนี่ย นายโทน
แล้วตกลงตอนที่ 28 นี่ใครจะหน้าแดงกันแน่นะ เจ๊หมิว หรือ เจ๊เตย น่าจะเป็นเจ๊เตยมากกว่า

ปล. คิดถึงน้องแก้มครับ FCน้องแก้ม

Nu metal



waddafux




sanboston

ตอนนี้ท่าจะดราม่าทั้งตอนนะครับ คาดว่าคงต้องง้อเจ้แรงๆถึงจะหาย





102030

สภาพร่างตอนนี้น่าจะได้คืนดีกะพี่หมิวแล้วสินะ แต่ก็คงไม่ได้เกินเลยอะไรเพราะสภาพร่างตอนนี้เช่นกัน หรือจะได้ ? 5555
ขอบคุณครับ