ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ.ร้านคาราโอเกะ Part3 ตอนที่ 29 ( ประสบการณ์ตรงของนายโมโนโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, สิงหาคม 27, 2020, 12:21:13 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดีช้าวร้านเกะทุกท่าน

ก่อนอื่นต้องขอโทษด้วยครับ ที่ตอนนี้ทิ้งช่วงไป 7วันเต็ม

ช่วงนี้งานกลับมาเยอะอีกแล้วต้องขออภัยครับ

วันนี้เลยจัดให้เลย 40,000 ตัวอักษรหวังว่าจะชอบกัน


ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณที่คอมเมนต์กันมาเยอะมาก

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมาก



......



ปล. อิมเมจของพี่หมิว






ปล.2 หุ่นของแม่เสือดาว






ปล.3 น้องมิ้นต์





ปล.4  นังมารตัวน้อย





ปล.5 เผื่อรีดเดอร์ท่านใดสนใจอยากลองอ่านเรื่องนี้ ลองอ่านย้อนหลังได้เลยครับ เผื่อจะชอบ



Part 1


ตอนที่ 1 ตอนที่ 2 ตอนที่ 3

ตอนที่ 4 ตอนที่ 5 ตอนที่ 6


Part 2


ตอนที่ 7 ตอนที่ 8 ตอนที่ 9

ตอนที่ 10 ตอนที่ 11 ตอนที่ 12

ตอนที่ 13 ตอนที่ 14 ตอนที่ 15

ตอนที่ 16 ตอนที่ 17 ตอนที่ 18

ตอนที่ 19




Part 3


ตอนที่ 20 ตอนที่ 21 ตอนที่ 22

ตอนที่ 23 ตอนที่ 24 ตอนที่ 25

ตอนที่ 26 ตอนที่ 27 ตอนที่ 28





ปล.6 ช่วงทะเลของเหมียว ผมจะทำแยกนะครับ ขอข้ามไปก่อน เพราะอยู่นั่นตั้ง 3 วัน คงกินพื้นที่ไปหลายตอน



......


ไดอารี่ของนายโทน ตอนที่ 29





หลังจากที่กลับมาจากงานสัมมนาที่ไม่มีวันลืม ผมกับเหมียวก็ทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งเหมียวก็ทำได้ดีมากนะ ก็อาจจะเพราะคำที่เธอพูดไว้ที่ทะเลนั้นก็ได้


กลับมาทำงานวันแรก พวกผมก็วุ่นกับการสรุปผลการสัมมนาครับ จนแทบไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเองก็วุ่นๆมึนๆเหมือนกันนะ ก็เอ่อหมดแรงไปกับเหมียวไม่รู้ตั้งกี่ที แต่ก็นะกลับมาทำงาน กลับมาทำงาน


พอกลับมาแล้วเหมียวก็ทำทุกอย่างเหมือนเดิมจริงๆ เหมือนเหมียวคนเดิมก่อนที่จะไปสัมมนา พูดคุยกับผมบ้างแค่ตอนทำงานเท่านั้น ตกเย็นเธอก็ไปกับเพื่อนของเธอตามปกติ


แต่แปลกที่ผมไม่รู้สึกหน่วง ไม่รู้สึกโหวงๆเหวงๆ ซึ่งอาจจะเพราะคำที่เธอพูดเอาไว้ก็ได้ เอ้อช่างมันเถอะ ตอนนั้นผมคิดนะว่ายังไงก็นะ ถือว่าผมได้สิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้จริงๆ อาจจะฟังแล้วดูไม่ดี


แต่ตอนนั้นผมคิดแบบนี้ คิดว่าดีแล้วที่ได้ เพราะยังไงคนที่เข้ามาหาก็คือเหมียวเอง อ่ะกลับมาทำงานต่อ เมื่อเหมียวไม่ได้มีท่าทีอะไรกับผมเป็นพิเศษเหมือนที่ผ่านมา ผมก็บอกตัวเองว่าให้เลิกคิดได้แล้ว


ผมต้องรีบสรุปผลงาน ซึ่งพอเหมียวไปกับเพื่อนผมก็เตรียมตัวกลับบ้านนะ หัวหน้าก็เดินมาถามผมนะ ว่าไปที่สัมมนามีอะไรผิดสังเกตมั้ย ผมก็บอกไปตามตรงว่าผมเห็นอะไรมาบ้าง เจออะไรมาบ้าง ( อ่านได้ในเรื่องของเหมียว )


[ หัวหน้า ]  :  อื้ม ไป กลับบ้านได้ละ

[ ผม ]  :  ครับ


หลังจากที่เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ผมก็เตรียมตัวกลับเลยครับวันนั้น เหนื่อยมากบอกตามตรง ซึ่งพอออกมาจากบริษัท ผมก็เช็ด BB เช็ดงาน แต่ก็พบกับข้อความที่ดาวส่งมาว่า

วันนี้จะไปหาที่ห้องนะ

ผมถามกลับไปว่าว่างเหรอจะมาเนี่ย ดาวบอกอื้มๆว่าง คิดถึงไม่ได้เจอหลายวันเลย ผมก็ตอบจ้าๆไปแค่นั้นครับ แล้วผมก็เตรียมโบกรถเมล์ขึ้นเลย เพราะต้องยอมรับว่าไปสัมมนาผมใช้เงินซื้อของเยอะแยะเลยล่ะ


ซึ่งมันเป็นเงินที่นอกเหนือจากเบี้ยเลี้ยง เอื้อออ กระเป๋าแบนเลยครับ ซึ่งตอนที่ผมกำลังจะกลับเนี่ยผมก็เจอเหมียวเดินมากับเพื่อนพอดีเลยครับ ผมก็ชั่งใจอยู่นะว่าจะทักดีมั้ย


แล้วเหมียวก็เดินมาดึงแขนเสื้อผมครับ ผมหันไปหืมอะไรเหรอ เหมียวถามว่าจะกลับบ้านแล้วเหรอ ผมบอกอื้มๆๆ จะกลับแล้ว


[ ผม ]  :  แล้วเหมียวล่ะจะไปไหนต่อ

[ เหมียว ]  :  เราจะไปหาอะไรกินกับเพื่อนน่ะ

[ ผม ]  :  อื้มๆ งั้นกินให้อร่อยนะ เรากลับก่อนนะ


เหมียวยังคงดึงแขนเสื้อผมอยู่ครับ ผมก็ถามนะว่าหืมอะไรเหรอ เหมียวบอกครับว่า เรื่องที่ทะเลอย่าบอกใครนะ ผมก็แกล้งๆหยิบแฟ้มงานออกมาครับ เพราะเพื่อนของเธอเริ่มมองมาแล้ว

เหมียวก็งงๆนะว่าผมทำอะไร ผมแกล้งยื่นแฟ้มให้เธอแล้วบอกว่า อย่าถามตรงนี้สิ่เหมียวเพื่อนเหมียวมองแล้วนะ เราสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องนี้นะ เหมียวสบายใจเถอะ



เหมียวก็รับแฟ้มงานนั้นไปแล้วตีเนียนคุยกับผมต่อแล้วเธอก็ยื่นแฟ้มของเธอมาให้ผมเช่นกัน เอาละไงกู ได้แฟ้มอะไรมาวะเนี่ย ผมก็รับมาทั้งๆที่งงนั่นแหละครับ


เหมียวรับแฟ้มไปแล้วยิ้มๆ  โบกมือบ๊ายบายแล้วเดินไปเลยครับ ละครที่เราแกล้งคุยกันเรื่องงานออกมาดีมากเลยล่ะ เพื่อนๆเธอไม่ได้ดูสงสัยหรืออะไร แถมยังยิ้มให้ผมอีก ผมก็โค้งหัวเบาๆและยิ้มให้เพื่อตอบรับไมตรีนั้น


เอาล่ะได้เวลากลับบ้าน ว่าแต่เหมียวให้แฟ้มอะไรมากว่า หวังว่าจะไม่ใช่แฟ้มงานนะ เพราะแฟ้มที่ผมให้ไปมีแต่เอกสารเปล่าๆ เท่านั้นแล้วเธอให้อะไรมาหว่า และพอเปิดมา โอ้โหงานเข้า



งานทั้งนั้นเลย แต่ว่าถ้าให้มาแบบนี้ก็แสดงว่าไม่ได้เป็นงานรีบ หรืองานบรี๊ฟอะไร อ่ะผมก็กลับหอพักครับ ซึ่งก็ใช้เวลาพอสมควรนะ พอมาถึงผมเดินเข้าเซเว่นก่อนเลยรีบหาอะไรกินเบาๆ


และกลับไปที่หอพัก พอมาถึงพี่เตยก็เดินมาถามว่างานเป็นไงมั่งล่ะ ผมก็บอกว่าไม่มีอะไรนี่ครับก็แค่งาน และตอนนั้นเองพี่เตยก็ ฟุดฟิด ฟุดฟิด ถามว่าผมไปทำอะไรมาทำไมมีกลิ่นน้ำหอมผู้หญิงล่ะ


ชิบหายละ เชื่อไหมตอนนั้นผมรีบยกแขน ยกมือ ดมเลยล่ะ แล้วก็เฮ้ยใช่จริงๆมีกลิ่นด้วย แต่นี่มันกลิ่นเหมียวนี่นา เชื่อมั้ยตอนนั้นผมมองแฟ้มในมือเลย ชิบหายละไม่มั้ง น้ำหอมอะไรมันจะมาจากในแฟ้ม


โอโหชิบหายละครับในแฟ้มมีถุงน้ำหอมหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ นั่นไงเหมียวเล่นกูแล้ว ผมเลยฝากแฟ้มกับพี่เตยไว้ก่อนเลยครับ ผมโทรหาเหมียวครับ ผมถามว่าแฟ้มงานเปล่าเนี่ยที่เอามาให้


เหมียวบอกอื้มๆ แต่ก็ไม่ได้รีบนะ ตอนนั้นกลัวไม่เนียนเลยต้องยื่นแฟ้มให้อ่ะ ผมบอกว่ามีถุงน้ำหอมติดมาด้วยเนี่ย เหมียวตกใจจนร้องว้ายออกมาเลยครับ บอกขอโทษๆๆๆลืมว่าเอาใส่ไว้ในแฟ้ม


ผมนี่ปวดหัวกับเพื่อนร่วมงาน เอ๊ะหรือร่วมเตียง ช่างเถอะๆๆ ผมปวดหัวกับเธอเลยครับ และเหมียวก็ถามผมกลับมาว่า


[ เหมียว ]  :  เอามาให้เหมียวหน่อยได้มั้ย


ตอนนั้นผมคิดนะ เอ๊ะ อ่อยกูเปล่าวะ ไม่หรอกมั้ง เอ๊ะแต่ชวนแบบนี้นี่ยังไง อยากต่ออีกยกเหรอ ไม่หรอกๆ พอคิดไปคิดมา ผมไม่อยากที่จะวุ่นวายไปมากกว่านี้ ผมจึงบอกเธอไปว่า


ตอนนี้กำลังจะอาบน้ำแล้วอ่า พรุ่งนี้เอาไปให้ที่ออฟฟิศนะ เหมียวก็บอกอื้มๆได้ๆ จะได้แลกแฟ้มกันด้วย หลังจากที่คุยกันเสร็จผมก็วางสายครับ และฝากแฟ้มไว้กับพี่เตยเลย


ส่วนตัวผมก็กลับขึ้นห้องครับ แต่ว่าก่อนที่จะไปนั้นดาวก็เดินมาถึงพอดี และพอมาถึงเท่านั้นแหละ ดาวรีบดมกลิ่นเลยครับ แล้วถามว่ากลิ่นอะไรเนี่ยยยยยย


ผมก็เลยบอกว่าแฟ้มของเพื่อนน่ะมันมีถุงน้ำหอมอยู่ พอดีแลกกงานกัน แล้วถุงน้ำหอมมันติดมาด้วย ดาวมองผม มองที่แฟ้ม มองผม มองที่พี่เตย แล้วบอกว่าอื้อๆๆค่ะ ขึ้นห้องกัน


อูยยย อยู่ดีๆก็ชวนขึ้นห้องเหรอเนี่ย !!!  ดาวเหล่ๆๆมาที่ผมด้วยสายตากวนประสาทมากๆ แล้วบอกว่าวันนี้ไฟแดง อดนะจ๊ะ เฮ้ยเอาจริงๆผมก็ไม่ได้จะอึ๊บเธอนะ


ผมบอกไปว่าผมก็ไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น อยากมาหาก็มาได้ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรกันหรอก แต่ว่าก่อนที่จะได้พูดอะไรไปมากกว่านี้ผมก็เห็นใครบางคน สองคนเดินมาด้วย หืม แก้มกับมิ้นต์มาด้วยเหรอนิ


แก้มรีบเข้ามาเกาะแขนเลยครับ ถามว่ายังเจ็บมั้ย ยังเจ็บมั้ย ผมก็บอกจะเจ็บเพราะแก้มนี่แหละ โอย โอย แก้มก็ทำหน้ามุ่ยๆครับ แล้วถามว่าทำไมผมไม่บอกล่ะว่าเป็นอะไร



ผมก็นิ่งเลยทีนี้ไม่รู้จะพูดอะไรดี ผมบอกว่าขึ้นห้องกัน แต่ให้ดาวกับแก้มไปก่อน ซึ่งพวกเธอก็เดินไปนะ ที่ผมบอกให้ไปก่อนเพราะอยากรอมิ้นต์ครับ มิ้นต์ยืนกอดอกมองหน้าผมอยู่ด้วยแววตาที่เย็นชาเหมือนเดิม


เฮ้อ เจ้าหญิงน้ำแข็งของผมกลับมาแล้วสิ่นะ จะดีใจหรือเศร้าใจดีเนี่ย ผมถามมิ้นต์ว่าไม่ขึ้นไปเหรอ รู้มั้ยเธอตอบว่าไง

[ มิ้นต์ ]  :  ถ้าไม่ขึ้นไป จะมาทำไม

โอย จ้ะแม่ยอมแล้วจ้า วาจาเฉือดเฉือนปากคอเราะร้ายแท้ๆ  มิ้นต์ไม่พูดอะไรนะ แต่ยื่นมือมาเฉยเลย เอาจริงๆนะผมก็ไม่เข้าใจองค์หญิงน้ำแข็งคนนี้เหมือนกันว่าเธอคิดอะไรในใจกันแน่ แต่ผมก็จับมือเธอจะจูงมือเดินไปหาดาวกับแก้มนะ แล้วเป็นยังไงรู้มะ


พอดาวกับแก้มหันมา มิ้นต์ซบแขนผมเฉยเลยเว้ยท่านผู้อ่าน ดูดิ่โคตรจะแสบ แก้มนี่โวยวาย แว๊ดๆๆๆ วิ่งมาจิ้มๆๆที่แขนมิ้นต์และบ่นคนฉวยโอกาส คนฉวยโอกาส ส่วนดาวก็ยืนมองแล้วก็ส่ายหัวเดินไปที่ลิฟต์ก่อนเลย



พอมาถึงห้องสิ่งแรกที่ดาวทำคือจับผมแยกออกจากมิ้นต์และให้มานั่งที่เก้าอี้ มิ้นต์ก็ทำท่าเหมือนจะไม่พอใจนะ แต่ดาวบอกว่าล้างแผลก่อน ผมบอกว่าไม่เป็นอะไรแล้วผล มันแห้งแล้วล่ะ


อีกอย่างไปทะเลก็ไม่ได้ลงน้ำเลย เอ่อแต่ก็ตัวเปียกเหงื่ออยู่นะ ช่างเถอะๆ ดาวยังยืนยันครับว่าต้องดูให้ได้ ดูเหมือนแผลของผมจะยังไม่หายดีนะ เพราะอะไรวะเนี่ย


ดาวก็จับผมถอดเสื้อผ้าเลย แล้วก็จับทิงเจอร์มาปาด อูยเสียวว่าบ มิ้นต์เห็นก็รีบเข้ามาดู พอแก้มเห็นแก้มก็ตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทันทีที่เห็นว่าตัวผมยังมีจุดเขียวๆ ช้ำๆอยู่ แก้มก็หน้าเสียเลย


[ แก้ม ]  :  ไหนพี่บอกเป็นนิดเดียวไง ทำไมมันยังไม่หายช้ำอีกอ่ะ


[ มิ้นต์ ]  :  พี่ไม่ได้บอกอะไรอีกเปล่า ทำไมไม่เล่าให้หมด


ผมโดนสองสาวถามตรงๆเลย พอผมจะหันไปให้ดาวช่วยดาวก็ส่ายหัวและบอกว่าคราวนี้พี่ต้องพูดเองนะ แล้วผมจะเริ่มยังไงดีล่ะ แล้วเจ้าหญิงน้ำแข็งของทุกคนก็เหมือนจะรู้นะว่าผมจะเล่าแค่ตอนชกต่อย


เธอจึงพูดว่าต้องเล่ามาตั้งแต่แรกนะ ไม่งั้นมิ้นต์โกรธพี่จริงๆนะ ผมก็เลยไม่มีทางเลือกแหละครับ เพราะตอนนี้ทั้ง 2 คนกำลังกดดันผมอยู่ ส่วนเมื่อเสือดาวตัวดีก็นั่งอยู่เฉยๆไม่หือไม่อืออะไรเลย ผมเล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่วันนั้นเลยแหละครับ

[ ผม ]  :  ขอถามก่อนนะ ทั้ง 3 คนคิดว่าพี่เป็นคนฉวยโอกาส แบบแต๊ะอั๋ง หรือ ลักหลับมั้ย


ทั้งสามคนมองหน้ากันครับ เหมือนไม่เข้าใจว่าผมจะถามทำไม ดาวถามผมนะว่าถามแบบนี้ทำไมเหรอ หรือผมไปปล้ำใครเข้า ผมเลยบอกตอบคำถามก่อน และนี่คือคำตอบในวันนั้นครับ


[ ดาว ]  :  ดาวก็ไม่รู้นะว่าพี่ฉวยโอกาสมั้ย แต่พอให้ทีพี่ก็ไม่หยุดเลยน่ะ เหนื่อยไปหมดเลย

ทั้ง มิ้นต์และแก้มหันมองหน้าควั่บเลยครับ ตอนนี้มิ้นต์มองตาขวางเลยล่ะ ส่วนแก้มเธอก็หันมาตอบผมว่า


[ แก้ม ]  :  ถ้าให้พูดจริงๆแก้มเชื่อใจพี่นะ ตั้งแต่โรงแรมแล้ว ถ้าพี่ปล้ำแก้ม แก้มก็ทำอะไรไม่ได้หรอกบอกตรงๆ แต่พี่เคยลักหลับแก้มป่ะไม่รู้ตัวเลยอ่ะ


[ ผม ]  :  ไอ้บ้า ไม่ได้ทำเว้ย ก็ทำกันตรงๆตลอดแหละ


[ แก้ม ]  :  ง่า  คุณแฟนเค้าเขินนะ


ยัง ยัง มันยังเรียกคุณแฟน พอเรียกเท่านั้นแหละงานมาเลยครับ มิ้นต์ตีผมดังเผี๊ยะ เผี๊ยะ ผมก็โอย โอ๊ยย มิ้นต์พี่เจ็บนะ มิ้นต์พูดสวนมาคำเดียว ไอ้มักมาก เอ๊า !!!  อะไรวะ


แล้วมิ้นต์ก็มานั่งแทรกกลางตัวผมเลยล่ะ แก้มเองก็ไม่ยอมนะ ขบัมานั่งข้างๆมีแต่ดาวนั่นแหละที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม เธอบอกว่าตอนนี้ ปจด เธอมา เธอกลัวพวกผมจะได้กลิ่น


สมัยก่อนเทคโนโลยีดับกลิ่นมันยังไม่ล้ำเหมือนสมัยนี้ครับ อ่ะกลับเข้ามาต่อ ดาวบอกว่าดาวเชื่อนะว่ะพี่ไม่ใช่คนแบบนั้นเล่ามาเลยว่าเกิดอะไรขึ้น


ผมก็เริ่มเล่าเรื่องล่ะครับ เริ่มเล่าตั้งแต่ไปรับพี่หมิว กลับมาเช็ดอ้วก ตอนนั้นลังเลว่าจะเล่าเรื่องถอดเสื้อผ้าฟังดีไหม มิ้นต์หยิกผมเลยครับ ผมก็โอ๊ยอะไรอีก


[ มิ้นต์ ]  :  พี่ห้ามโกหกนะ เวลาพี่โกหกพี่คิด และเวลาพี่คิดมือขวาพี่เกร็ง


ผมนี่แบบเฮ้ยรู้ได้ไง คือมันเป็นนิสัยที่ติดตัวจริงๆนะ ขอนอกเรื่องสักครู่ คือนิสัยนี้มันติดมาจากเล่นยูโดครับ เวลาแข่งมันเครียดนะ เวลาที่คิดว่าจะแย่งจับยังไง เวลาที่คิดคำนวณว่าเขาจะปัดขาหรือเปล่า


ผมจะชอบเกร็งมือขวาไว้เพื่อเตรียมพร้อมในการจับสาบเสื้อหรือแขน นั่นแหละครับมันเลยติดตัวมาเวลาเครียดมักเป็นแบบนั้นตลอด อ่ะกลับมาที่มิ้นต์ต่อ ผมแบบเฮ้ยรู้ได้ไงเนี่ย แก้มกับดาวนี่หันมองเลยครับ


[ แก้ม ]  :  มิ้นต์รู้ได้ไง เค้ายังไม่รู้เลย

[ มิ้นต์ ]  :  ก็ธรรมดานิ


โอ้โห ไม่พูดเปล่ายังทำท่ายิ้มโชว์เหนือด้วย แก้มนี่ทำหน้างอนๆแก้มป่องๆเลย ส่วนดาวก็พูดมาครับว่าพี่โทนต้องเล่าให้หมดนะ ผมก็คิดในใจนะว่าพี่หมิวผมขอเล่านะ แล้วผมก็เล่าเรื่องไปทั้งหมด


ผมเล่าตั้งแต่พี่หมิวอ้วกแตก ผมเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมอุ้มไปนอน ผมหลับ และตื่นมาโดยที่พี่หมิวนอนทับอยู่ และทุกอย่างก็เกิดขึ้นนั่นแหละ พอผมเล่าเสร็จทั้ง 3 คนก็เงียบๆนะ


ดาวพูดขึ้นมาก่อนว่า ดาวเชื่อพี่นะ แต่ดาวก็ไม่รู้จะบอก จะปลอบพี่ยังไงดี มันเป็นเรื่องของพี่น้องอ่ะ ผมมองไปที่ดาวครับดาวก็มองผมและยิ้มๆและเข้ามาจูจุ๊ปเข้าที่แก้มผมแล้วบอกว่าให้ผมยิ้มมั่งเถอะ


พอไม่ยิ้มแล้วไม่หล่อเลย มิ้นต์เห็นมิ้นต์ก็ไม่ยอมดิ่ครับ เธอก็จุ๊ปผมเลยทีนี้ ดาวก็บอกต๊าย ยอมไม่เป็นเลยนะ แล้วดาวก็หัวเราะครับและลุกไป ดาวบอกจะทำอะไรง่ายๆให้กินนะ เธอถามผมว่าหิวยัง


ผมบอกไม่เป็นไรเดี๋ยวไปหาอะไรกินข้างนอกก็ได้ เพราะผมก็ไม่ได้เตรียมอะไรไว้เลย ดาวบอกงั้นก็ได้ ขอเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เฮ้ยอีกแล้ว นี่พวกเธอเอาเสื้อผ้าไปซ่อนไว้ตรงไหนวะ

ทำไมผมไม่เคยเจอเลย นี่ห้องของผมจริงเปล่าวะเนี่ย พอดาวลุกเข้าไปที่ห้องแก้มก็ขยับตัวเข้ามาครับแก้มบอกผมว่า หนูเชื่อใจพี่นะ หนูเชื่อว่าพี่คงไม่ทำอะไรแบบนั้น ถึงพี่จะหื่นก็เถอะ


ผมนี่แบบเฮ้ย นี่ตกลงชมหรืออะไรเนี่ย


[ แก้ม ]  :  แก้มเชื่อพี่จริงๆนะพี่โทน  ขนาดเด็กไซด์ไลน์อย่างแก้มพี่ยังดีด้วยขนาดนี้เลย แล้วนั่นพี่สาวนะพี่จะทำแบบนั้นได้ไง


ผมหยิกที่แขนแก้มเลยครับ แก้มก็ร้องอ๊อยเจ็บนะ ผมเลยบอกเจ็บสิ่ดีจะได้จำ แก้มถามว่าผมทำเธอทำไม ผมบอกไปนะว่าห้ามพูดแบบนั้นอีก เข้าใจมั้ย แก้มพูดลอยๆว่าแก้มเป็นจริงๆนี่


ผมเลยบอกว่าถ้ายังพูดอีกพี่จะไม่ให้มาที่นี่อีกแล้ว แก้มโวยวาย งุ๊งงิ๊ง ๆๆ  จะไม่พูดแล้ว จะไม่พูดแล้ว มิ้นต์ช่วยเค้าหน่อยพี่โทนใจร้ายกับเค๊า มิ้นต์เงียบเลยครับ มิ้นต์บอกว่าถ้าแก้มยังพูดแบบนั้นอีก


มิ้นต์จะยึดผมไว้คนเดียว แก้มนี่แบบไม่เอาๆ ๆ ๆไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว เฮ้ยแล้วแก้มเหมือนจะร้องเลยล่ะ ผมเลยต้องปลอบเธอด้วยการดึงมากอดคอไว้ครับ ผมบอกแก้มว่าถ้าสัญญาว่าจะไม่พูดอีกก็มาได้ตลอดแหละ


แก้มก็กอดคอผมแน่นเลยครับ มิ้นต์ก็กอดแก้มไว้เหมือนกัน ซักพักเจ้าหญิงน้ำแข็งของผมถามว่าปากหายเจ็บยัง ผมก็ลองเอาลิ้นแตะๆตรงแผลดูนะว่ายังแสบมั้ย อื้มไม่แล้ว ผมเลยบอกว่าเกือบหายแล้ว


พูดได้เท่านั้นแหละครับมิ้นต์จูบเลย เฮ้ยเจ้าหญิงน้ำแข็งรุกผมว่ะท่านผู้อ่าน เธอจูบดูด ๆ ๆ แล้วพอผมเผยอปากเธอก็สอดลิ้นเข้ามาเลย แล้วผมเห็นนะว่าแก้มทำหน้าเหวอเลย เพราะไม่คิดว่ามิ้นต์จะทำแบบนี้


มิ้นต์ประคองหน้าผมไว้และดูดจนมีเสียงน่ะครับ แก้มก็เง้อๆๆ แล้วก็เข้ามางับที่ขอผมเฉ๊ย คือตอนนั้นแม่งแบบอะไร ยังไง ไปยังไงต่อดี ดาวยังอยู่ในห้องเลยนะ สักพักมิ้นต์ก็หยุดจูบครับ แล้วบอกผมว่าให้คำตอบไปแล้วว่าเชื่อผมหรือไม่เชื่อ


อื้อหือ หัวใจพองโตเลยกู สักพักแก้มก็ขึ้นมาครับผมจับแก้มจูบเลย คือตอนนี้น้ำลายเราสามคนผสมกันไปหมด แก้มก็จูบร้อนแรงแท้ๆ เอาซะผมขนลุกเลย มิ้นต์ก็งับๆที่ใบหูครับ โอยนัวไปหมด


ผมเองก็สุดจะทนแล้ว มือผมเริ่มล้วงลงไปครับไม่ได้มองเลยครับ จิ๋มใครเป็นจิ๋มใคร แต่สักพักมือผมก็โดนดึงไว้ครับ มิ้นต์บอกไม่ได้วันนี้ไม่ปลอดภัย อ้อตกลงที่ผมกำลังจะล้วงนั้นเป็นของมิ้นต์สิ่นะ


เรานัวกันอีกซักพัก จังหวะที่แก้มกำลังจะลงไปงับแท่งหรรษาของผมนั้น ปั้ง !!!  เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้นมาครับ ดาวพูดขึ้นมาเลยว่า หิวข้าวแล้ว !!!  ผมสะดุ้งเลยครับ


มิ้นต์นี่ทำหน้าไม่พอใจเลย ส่วนแก้มก็ทำท่าเหมือนนอนหนุนตักเฉยๆ ดาวบอกไม่ต้องเลยแก้มพี่เห็นจะกำลังจะทำอะไร แก้มก็แฮ่ ๆ ๆ ๆ แล้วก็ลุกขึ้นมาบอกหิวข้าวจังเล๊ยยยยย


แล้วก็ขยับเสื้อผ้า สางเส้นผมและเดินนำไปเลยครับ ดาวก็เดินตามไปครับแล้วบอกว่าห้ามทำอะไรกันนะหิวข้าวแล้ว มิ้นต์ก็หน้ามุ่ยๆนะแต่ก็ลุกขึ้นเดินไป ผมก็ลุกเดินตามไปนะ แล้วก็ชนเข้ากับมิ้นต์เต็มๆ


อ่าส์ ชนตูดเต็มๆเลยเป้าของผมมันชนเข้ากับก้นแน่นๆของมิ้นต์ซะงั้น ผมเองก็แบบอารมณ์ค้างน่ะ มือของผมนี่ก็ไปเลยจับเอวของมิ้นต์ประคองไว้และเอาเป้าถูๆ คลึงไปเรื่อยๆ มิ้นต์ก็ก้มเอามือเท้ากำแพงแล้วแอ่นแบบอูยไม่ไหวแล้วกู


ผมจับเอวเนิบๆๆๆ ตอนนั้นแบบอยากทำต่อบอกตรงๆ มือมารของผมเริ่มเลื้อยไปข้างหน้า อีกนิดจะถึงภูเขาสงวนแล้ว แต่มิ้นต์ก็ตีเผี๊ยะแล้วบอกว่า ไม่ได้ไงวันนี้ไม่ปลอดภัย


ผมนี่แบบตื่นเลยทีนี้ ผมขยับกางเกงสองสามทีให้ไอ้จ้อนมันเข้าทรงและช่วยมิ้นต์ขยับเสื้อผ้า และพากันเดินตามดาวไป วันนั้นเราไปกินข้าวต้มตรงแยกถนนจันทน์ครับ


พอกลับมาที่ห้อง ผมถามขึ้นมาว่าวันนี้จะนอนค้างมั้ย มิ้นต์รีบถอยกรูดเลยครับ มิ้นต์พูดว่าไอ้หื่นจะทำอะไร ผมบอกบ๊า !!!  จะทำอะไรได้ ถ้านอนจะได้เตรียมห้องนอนให้ เพราะยังไงผมก็ต้องนอนพื้นอยู่แล้ว


แก้มก็บอกนะว่า นอนข้างบนด้วยกันสิ่นอนสี่คน อุ่นๆ ๆ ๆ ๆ   ดาวถึงกับส่ายหัวเลยครับ ดาวแก้มสองคนอาสาที่จะจัดการที่นอนในห้อง ส่วนผมกับมิ้นต์ก็ออกมาข้างนอก


[ มิ้นต์ ]  : ไม่ชอบแบบนี้

[ ผม ]  : หืม อะไรเนี่ย พี่ทำอะไรให้ไม่พอใจเปล่า

[ มิ้นต์ ]  :  ไม่ชอบที่พี่เป็นแบบนี้


ผมถามว่าอะไรนิ ผมทำอะไรผิด มิ้นต์บอกนะว่าไม่ชอบที่ผมเป็นแบบนี้ ผมทำหน้าเหมือนอมทุกข์ตลอดเวลา ไม่เหมือนผมคนเดิมเลย ผมก็เลยบอกไปนะว่าก็เครียดงานนี่นา


มิ้นต์เดินมากอดเอวผมไว้ครับ เธอซบมาที่หน้าอกและพูดว่า อย่าโกหกมิ้นต์นะ มือพี่เกร็งอีกแล้ว ชิบหายละลืมตัวเลยผม ผมกอดเอวมิ้นต์ไว้นะ แล้วพูดมาว่าก็ยิ้มแล้วนี่ไง ฮี่ๆ ๆ ๆ



ผมฉีกยิ้มกว้างๆให้มิ้นต์เห็น มิ้นต์บอกผมนะว่าอย่าโกหก หน้าตาพี่เหมือนจะร้องไห้ตลอดเวลาเลย แล้วผมก็น้ำตาไหลแหมะๆ ๆ ๆ เลยครับ เฮ้อ ผู้ชายแบบผมร้องไห้ซะงั้น


มิ้นต์บอกผมนะว่าไม่ต้องขี้เก๊กตลอดเวลาหรอก อ่อนแอบ้างก็ได้เธออยากให้ผมพูดเรื่องจริง แต่ผมแบบไม่ได้อ่ะ ผมจะทำปวกเปียกไม่ได้อ่ะ ผมบอกว่าถ้าวันไหนผมไม่ไหว ผมจะร้องแงๆ ซบอกมิ้นต์เลย


มิ้นต์ตีผมและบอกว่า ให้แค่ร้องนะ อย่างอื่นไม่ให้ ซึ่งยังไม่ทันที่ผมจะได้ตอบอะไรประตูก็เปิดออกมาแล้ว มิ้นต์ก็ผละออกแล้วเดินเข้าไปในห้องเลยครับ ก็นั่นแหละคงเตรียมอาบน้ำมั้ง


นี่เอาเสื้อมาผ้ามาจากไหนก๊านนนนน  มิ้นต์เดินกลับไปแล้วครับ ส่วนดาวก็ยังนั่งโทรศัพท์อยู่ ผมได้ยินแว่วๆว่า ค่ะค่ะเจ๊ ก็คงคุยเรื่องงานแหละ ส่วนแก้มก็เดินมาหาครับ


แก้มถามว่าผมไหวมั้ย ผมบอกอื้มไหวๆ สบายๆ


[ แก้ม ]  :  เปล่าๆ แก้มถามว่า อดใจไหวมั้ย คืนนี้


โอยยยยยยยย  ยัยนังมารตัวแสบ ผมมองซ้ายมองขวาแล้วรวบแล้วขึ้นมาอุ้มเลยครับ แต่แปลกที่แก้มไม่โวยวายนะ แก้มทำหน้าตาแบบ โอย แบบ อ๊ากกก รู้เลยว่าอารมณ์กำลังมา แก้มถามผมว่าทำกันมั้ย


โอยมาแล้ว โอกาสตูมาแล้ว แต่พอผมจะบอกว่า ทำสิ่ แก้มดันแลบลิ้นออกมาครับว่าไม่ให้ทำหรอกแบร่ๆ แล้วก็วิ่งหนีไปเลย โอยยยย นังมารตัวร้ายยยย 


หลังจากที่ทั้งสามผลัดกันอาบน้ำจนเสร็จ ผมก็อาบน้ำต่อจากนั้นเราก็มานั่งดูรายการนู่นนี่นั่นและคุยกันอีกเยอะครับขอข้ามไปเลยนะ เพราะมันยาวมากๆ เราทั้ง 3 คนเขานอน ปิดไฟแป๊ก !!!


และแน่นอนครับ เจ้าของห้องแบบผมนอนพื้น อ่ะฮือออ พอตอนเช้ามา ผมก็ตื่นมาอาบน้ำก่อนเลย ผมปลุกทั้งสามให้ตื่นพร้อมกับบอกขอโทษ เพราะไม่มีเวลาทำมื้อเช้าไว้ให้


พวกเธอทั้งสามไม่ว่าอะไรนะ ดาวกับมิ้นต์ขอนอนต่อ ส่วนแก้มตื่นมา morning kiss และจะเดินลงมาสั่ง ผมนี่รีบห้ามเลย เพราะแก้มใส่เสื้อกล้ามบางเจี๊ยบ คือเห็นทั้งขอบเสื้อใน ทั้งหลายๆอย่างเลย กางเกงขาสั้นเสมอจิ๋ม ถ้าให้ลงไปล่ะก็หัวใจวายตายแน่ๆ คนข้างล่าง


ผมออกมาทำงานโดยปล่อยให้พวกเธอนอนกันต่อ วันนั้นรู้สึกพวกเธอจะกลับกันตอน 10 โมงมั้งนะถ้าจำไม่ผิด และผมก็เริ่มชีวิตประจำวันต่อไปเรื่อยๆ พวกเราโทรคุยกันบ้างแต่ไม่ได้มาเจอกันเลย เพราะต่างคนก็ต่างทำงานทั้งๆที่อยู่ห่างกันไม่ถึง 5 กิโลเมตร แปลกมะ

จนกระทั้งมันก็ผ่านมาถึงวันสุดท้ายของการทำงานยะฮู๊วววว  กูนี่ฮู๊วไม่ออกเลยงานแม่งเยอะมาก เหมือนมาเยอะส่งท้ายสุดสัปดาห์อ่ะ โอยงานเยอะแท้วะ หลังจากกลับมาจากสัมมนา ขอบอกตรงว่าเหยดเข้ทำไมงานมันเยอะแบบนี้นะ คือรู้สึกเลยครับว่างานมันเยอะมาก


ทั้งการเสนอ Project ทั้งการขายโฆษณา ทำไมมันดูวุ่นวายดีแท้ แต่ก็ต้องทำใจครับเพราะมันคืองาน และงานสร้างเงิน แต่โคตรกินพลังงานเลยล่ะ


แต่ถึงจะงานเยอะยังไงสำหรับเกมส์ R ผมก็ยังเข้าไปล่าบอสประจำนะ แค่ไม่ได้บอกไม่ได้เขียน ตอนนี้คือนอกจากล่าบอสกับวอร์แล้ว กิจกรรมอย่างอื่นผมไม่ได้เข้าไปเล่นเลย



จริงๆแล้วผมไม่อยากจะวอร์ด้วยซ้ำครับ แต่ก็กลัวว่าจะโดนคนเอาไปพูดลับหลังว่ากิจกรรมก็ไม่เข้ามาช่วย แต่เสือกเข้ามาล่าบอส


สังคมเกมส์มันก็แบบนี้แหละครับ พอหันหลังปั๊ปคำนินทามันก็จะมาเลย คือพวกระดับผู้บริหารกิลด์มันก็เข้าใจผมนะ เพราะพวกเราก็ต่างทำงานเหมือนกัน


แต่พวกน้องๆที่มันยังเรียนอยู่นี่สิ่ เขาอาจจะยังไม่เข้าใจว่าวันทำงาน แม่งเหนื่อยกว่าตอนอดหลับอดนอน ทำรายงาน ทำโปรเจคจบอีก


ตอนจบ ม.ปลายไอ้เราก็คิดว่ามหาวิทยาลัยคงสบายแล้ว เพราะหลายคนบอกว่าอิสระไม่ต้องเช็คชื่อก็ได้ แต่พอเอาจริงๆ ไหนวะอิสระ



ตอนแรกหลังจากทำโปรเจ็คจบเรียบร้อย ผมก็แบบ อ้าาาส์ อิสระโว้ย จบแล้วววว แต่ที่ไหนได้ ชีวิตจริงมันเริ่มหลังจากนั้นต่างหาก ตัดเรื่องที่ผมโดนทิ้งไปก่อนนะ



ชีวิตจริงมันลำบากกว่านั้น สิ่งที่รู้สึกเจ็ยอย่างแรกคือ สมัครงานที่มันตรงกับสายที่เรียนมาไม่ได้เลย หรือว่าผมไม่มีความสามารถพอวะ


พอเริ่มทำใจได้ก็เริ่มลองหางานที่มันใกล้เคียงกันและใช้ทักษะที่เรียนมาทำงานได้ โอ้โหคู่แข่งเพียบ และพอเขารับเข้าทำงานก็ใข่ว่าจะจบ


ผมต้องเจอโปร 3 เดือนนรกอีก แม่จ้าวบอกเลยหมีแพนด้า ขอบตาดำทุกวัน ไหนจะต้องทำงาน ไหนจะต้องล่าบอสหาเงินบอกเลยเหนื่อยโคตร


อ่ะ ออกทะเลไปหลายไมล์กลับมาต่อ ผมก็ล่าบอสอยู่แหละครับ แต่ไม่ได้เขียนเล่าแค่นั้นเอง งานแม่งก็เยอะเหลือเกิน เพื่อนร่วมงานอย่างไอ้ชาติหมาก็กวนส้นตีน



กลับมาจากสัมมนาแล้วดูห้าวเป็นพิเศษ คือพูดยังไงดี ทุกคนสีผิวเข้มหลายคนเลยล่ะ แต่ผมไม่ได้ลงทะเลเลย มันก็พูดว่าผมเอาแต่หลบแดด ไม่ทำงาน



ผมอยากจะตบหน้ามันจริงๆ มึงช่วยดูสภาพกูหน่อย แผลแบบนี้จะให้ไปลงทะเล พ่อมึงตาย แค่เหงื่อออกกับเหมียวก็แสบยิกๆๆแล้ว



[ หัวหน้า ]  :  เฮ้ย ไอ้โทน เดี๋ยวสรุปค่าใช้จ่ายมาให้พี่ด้วยนะ


[ ผม ]  :  อ้าว ก็ยอดค่าใช้จ่าย ผมสรุปให้พี่จักรแล้วนี่ครับ



[ หัวหน้า ]  :  พี่หมายถึงค่าใช้จ่ายที่พัก อุปกรณ์ที่ใช้จัดป้ายอะไรพวกนี้ ยอดที่พวกมันเอสไปตีหรี่ ไม่เอาเว้ย



ก็อย่างที่รู้ๆแหละครับ ว่าพวกพี่แกพากันออกไปตีหรี่ระยอง ดูจากคำพูดของหัวหน้า แสดงว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ไปกัน


ผมก็ครับๆ เดี๋ยวจัดการแจกแจงให้ ตอนนั้นเหมียวก็เดินมาพอดีครับ เรามองหน้ากันแปปนึงก่อนที่เธอจะรีบหลบตา และส่งเอกสารให้หัวหน้า


[ หัวหน้า ]  :  เอ้อ ไอ้โทน แล้วเรื่องงานของคุณจิระชาติล่ะว่าไง เขามอบหมายให้คุณประดับดาวติดต่อกับเอ็งใช่มั้ย


[ ผม ]  :  อ๋อใช่ครับพี่ พี่ต้องการเอกสารอะไรเพิ่มมั้ย


[ หัวหน้า ]  :  เปล่าๆพี่ถามเผื่อไว้ ยังไงก็ต้องได้ใช้แน่ๆ แต่บอกล่วงหน้าไว้ก่อนไง เผื่อต้องใช้เวลา


[ เหมียว ]  :  ไม่ต้องบอกล่วงหน้าหรอกค่ะพี่  สองคนเขาสนิทกัน แปปเดียวก็ได้ละ


หือ !!! ผมกับหัวหน้าหือขึ้นพร้อมกันเลยครับ แต่มันคนละความหมาย หัวหน้าหือเพราะคิดในใจว่าอะไรนะ ส่วนผมหือเพราะคิดในใจว่าอิหยังวะ


แล้วทำไมอยู่ดีๆเหมียวพูดแบบนั้นออกไปล่ะ หัวหน้าหันมามองหน้าผมเลยครับ แล้วยิ้มอย่างมีเลสนัย เขาทำท่าเหล่มองผมทันที



[ หัวหน้า ]  :  เฮ้อ ไอ้นี่ก็ว่าทำไม คุณจิระชาติเจาะจงเอ็งโดยเฉพาะ อย่าทำให้มันเสียการเสียงานนะเว้ย พี่เตือนไว้ก่อน


หัวหน้าพูดและถือเอกสารที่เหมียวเอามาให้เดินกลับไปที่ห้องครับ ส่วนผมนี่ก็แบบงง งงครับงง ทำไมเหมียวพูดแบบนั้น แล้วได้ที่บอกว่าเดี๋ยวก็ได้ นี่คือ ได้อะไร


ผมพูดเสียงเบาๆกับเหมียวว่าพูดอะไรออกไปนั่น เหมียวไม่ตอบครับ แต่เหยียบเท้าผมเฉยเลย พูดตรงๆก็คือเหยียบตีนนั่นแหละ


ผมก็ อ๊อยซ์ อ๊อยซ์ ทำไรเนี่ยเหมียว เมื่อก่อนไม่เห็นจะตีหรือทำอะไรกับผมแบบนี้เลย รู้มั้ยครับเหมียวตอบว่าไง


[ เหมียว ]  :  แค่หมั่นใส้ มีไรป่ะ



เอ๊า !!! ยังไงเนี่ย คือน้ำเสียงไม่ได้แสดงว่าโกรธหรืออะไรนะ ส่วนเรื่องหึงหวงตัดออกไปได้เลย เพราะตัวเธอบอกเองว่าอย่าบอกใครนะ เรื่องที่ระยอง



หรืออาจจะเพราะหลังจากที่เรามีอะไรกัน มันเลยทำให้เหมียวกล้าพูดกล้าเล่นกับผมมากกว่าเดิมหว่า เอาและชิบหายละ ตอนนี้ผมควรจะห่วงเรื่องอะไรดีวะครับท่านผู้อ่าน



ตอนนี้ผมเริ่มกังวลและว่าเหมียวจะมำอะไรกันแน่ แต่ช่างเถอะมันคงไม่มีอะไรหรอก เพราะปกติเราก็ดีลงานกันประจำอยู่ ต่อให้ทีท่าทีที่สนิทกันมากกว่าเดิม


เดี๋ยวผมก็คงหาจ้ออ้างได้เองแหละ ว่ากิจกรรมตอนสัมมนามันช่วยปลดล็อคความคิดอะไรหลายๆอย่าง ปลดล็อคเสื้อผ้าด้วย ถุ้ย !!! ไม่ใช่ๆ


[ ไอ้ชาติหมา ]  :   แหม่คุณ ( ชื่อจริงผม ) ครับ พอกลับมาจากสัมมนาแล้วงานเยอะเชียวนะ



นั่นไงไอ้ชาติหมามาอีกละ งานแม่งไม่มีทำหรือไงวะ มันก็มาเหน็บนั่น เหน็บนู่น เหน็บนี่อีกแหละครับ ผมเลยสวยมันไปว่า



[ ผม ]  :  คุณชาติครับ ไม่ทราบว่า แบบประเมินที่หัวหน้าสั่งให้รวบรวมและทำเป็น กราฟ เสร็จหรือยังครับ


[ ชาติหมา ]  :  สบายๆครับ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วง อีกไม่ถึง 30% ก็เรียบร้อย


ผมถอนหายใจดังเฮ้อก่อนที่จะลุกขึ้น กระแทกเอกสารให้เข้ากัน ปึ้งๆและบอกมันว่า งั้นก็กีืเพราะอีก 20 นาทีหัวหน้าจะเรียกเก็บทั้งหมด


เท่านั้นแหละครับ จากชาติหมากลายเป็นไก่เลยครับ ไม่ฝช่ไก่ธรรมดา ไก่ต้มเลย หน้าแม่งซีดเป็นไก่ต้มเลย  ผมรู้ว่ามันตอแหล


น้ำหน้าอย่างมัน คงทำได้แค่ครึ่งเดียวแหละครับ พอมันได้ยินแบบนั้น มันก็เดินกลับไปทำงานเลยล่ะ เฮ้อ รับมันเข้ามาทำงานได้ไงวะเนี่ย ฝ่ายบุคคล


ผมไม่ได้โกหหนะ ผมพูดเรื่องจริงที่อีก 20 นาทีหัวหน้สจะเรียกรวมเอกสาร ไม่งั้นผมไม่ปั่นงานขนาดนี้หรอก แล้วตอนนั้นบ่าย 2 ครับ อยู่ดีๆพี่ยามชั้น 1


ก็เดินขึ้นมาข้างบนเขาถามหา ( ชื่อจริงของผม )  ผมก็งงว่าเอ๊ะมีอะไรวะ หรือผมไปจอดรถขวางทาง จะบ้าเหรอผมมีรถที่ไหน ผมเดินไปหาเขาครับและพี่ยามก็ยืนถุงแฮมเบอร์เกอร์มาให้



[ พี่ยาม ]  :  นี่ครับคุณโทน มีคนฝากมาให้


[ ผม ]  :  หือ ใครฝากเหรอครับ



ตอนนั้นตื้อเลยครับ ใครวะ ใครส่งมา ใครเอาอะไรมาให้ตูกิน ผมพยายามถามพี่ยามแล้ว เขาก็บอกว่าไม่รู้จักแต่สวยมากๆ


ชิบหายละท่านผู้อ่าน พอบอกว่าสวยมากๆ คนในแผนกแม่งหันมามองควั่บเลย ผมรับรู้ได้ถึงรังสีความอยากรู้อยากเห็นแผ่กระจายออกมา รู้สึกว่าหลังเย็นว่าบๆๆ


[ พี่ผู้ชาย ]  :  ดีจังเว้ยยย มีคนเอามื้อบ่ายมาให้ คุณประดับดาวสิ่นะ


[ พี่ผู้ชาย2 ]  :  เฮ้อ สงสัยพี่ต้องมีแผลมั่งแล้วล่ะ เผื่อจะมีคนซื้อของมาให้กินมั้ง


ผมนี่หันควั่บเลยมแซวกูจริ๊ง ไอ้พวกพี่พวกนี้ ตอนไปตีหรี่ผมยังไม่พูดเลยนะ วันนั้นจำได้ดีเลยครับ ข้างในมันเป็น ฟิชเบอร์เกอร์ ซึ่งบอกเลยว่าไม่ชอบ



ผมเป็นพวกชอบขอฝหนักๆ อย่างเบอร์เกอร์หมูหรือเนื้อมากกว่า สงสัยจะเป็นดาวนั่นแหละมั้ง เพราะดาวเป็นคนเดียวในสามสาวที่รู้จักที่ทำงานผม



เอาไว้ตอนเย็นๆดีกว่าเนอะค่อยโทรไปขอบคุณ และผมก็เข้าสู้ช่วงบ่าย 2 ของการทำงานบอกเลยว่า ปกติถ้าไมาได้กินกาแฟ หน้าของผมคงลงไปวัดกับขอบโต๊ะแล้วล่ะ


แต่วันนั้นโชคดีได้ของกินตอนบ่าย 2 แถมยังมีกาแฟจากร้านข้างล่างด้วย สบายเลย กินจนลืมว่าเป็นกรดไหลย้อน จนเวลาผ่านไปถึง 5 โมง



คือตอนนี้โคตรลุ้นเลยนะว่าจะมีเรื่องอะไรอีกมั้ย เพราะแม่งชอบมีเรื่องตอนใกล้เลิกงานทู๊กที อ่าส์ สรุปวันนั้นไม่มีอะไรครับ ทางสะดวกสบายเลย


เพราะวันนี้ผมตั้งใจจะกลับบ้านที่สวนผักด้วยแหละ เพราะพ่อแม่จะหาป้าที่ชัยภูมิ กลัวจะไม่มีคนอยู่บ้าน ตอนแรกผมก็บอกนะว่า แค่ไอ้มูชูหมาบางแก้มที่เลี้ยงไว้ ก็น่าจะพอแล้ว  ( ผมตั้งชื่อหมาว่า มูชู ครับ ผมชอบการ์ตูนเรื่องมู่หลานมากๆบอกเลย )



แต่แม่ก็ยังยืนยันครับว่าไปเฝ้าบ้านหน่อย ผมก็เลยอื้ม ขัดไม่ได้ ผมเก็บกระเป๋าฟั่บ ฟั่บ ฟั่บอย่างไว พอ 5 โมงครึ่งป๊าปป ผมเดินไปตอกบัตร และเซย์บ๊ายบายทุกคน เจอกันอีกทีวันจันทร์



ตอนลงมาก็เจอเหมียวที่ลิฟต์ครับ ผมก็มองๆและยิ้มให้เหมือนปกติทุกทีแหละครับ เหมียวก็ทำแบบเดียวกัน เราไม่พูดอะไรกันทั้งนั้น


เราเดินเข้าลิฟต์มาและไม่นานคนๆอื่นๆก็โถมตามมา โอย มึงจะไปทอดผ้าป่ากันที่หนายย เบียดอะไรขนาดนี้ ผมกับเหมียวโดนเบียดเข้าไปจนสุดในลิฟต์เลยครับ



อย่างว่าแหละครับวันศุกร์ คนก็อยากกลับบ้าน คนก็อยากรีบไปสังสรรค์ ตอนนี้ผมกับเหมียวนี่ยืนนิ่งเลย ลิฟต์ก็แน่นชิบ แล้วพวกผมทำอะไรรู้มั้ย ???? 



คิดไปไหนกันเนี่ย ผมมองที่หน้าปัดลิฟต์ครับว่าถึงชั้นอะไรแล้ว เฮ้อออ ปกติผมก็อยุ่ใกล้ๆเหมียวบ่อยๆนะ แต่ตอนนี้ไม่รู้สิ่ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ



เรือนร่างภายใต้เสื้อผ้าของเธอผมจำได้ดี สัมผัสที่เรียบเนียนผมก็จำได้ไม่ลืม รสจูบที่เราต่างป้อนให้กันและกัน บทรักบทสวาทที่เราต่างผลัดกันทำ ผลัดกันรับ ผมก็ยังเสียวไม่ลืม



โอยแล้วแบบนี้จะให้ผมมองเหมียวแบบเดิมได้ยังไง เพราะเธอร้อนแรงเหมือนไฟซะขนาดนั้น ผมแอบมองเหมียวเลยครับตอนนี้ และเหมือนเธอจะรู้นะว่าผมแอบมอง


เธอแอบหยิกที่ฝ่ามือผมทันทีเลยครับ ผมก็อึ๊กก เจ็บแต่ต้องเก็บอาการ พอลิฟต์ ติ๊ง !!! ลงมาถึงชั้น 1 ทุกคนก็ทยอยออกทันที โอยเจ็บชิบหาย



ผมเดินออกมาไม่ได้มองเหมียวเลยตอนนั้น และคุณเธอก็เดินมาตีที่แขนผมครับ ผมถามว่ามีอะไรเหมียวหยิกเราทำไมเนี่ย


[ เหมียว ]  :  รู้นะว่าคิดอะไร ลามกๆ อยู่


นี่คือคำตอบของเหมียวครับ เหมียวพูดจบก็เดินไปที่ร้านกาแฟเลย ไอ้ผมก็เดินตามไปครับ คือใจแม่งเต้นเป็นจังหวะแซมบ้าเลย


เฮ้ยเหมียวกล้าพูดแบบนี้ แสดงว่าผมมีโอกาสรีแมตช์ดิ่ ผมถามเหมียวว่ารอเพื่อนเหรอ เหมียวตอบว่าอื้ม ผมก็ถามนะว่าให้เป็นเพื่อนมั้ย


[ เหมียว ]  :  เดี๋ยวเพื่อนมาแล้ว


เอี๊ยดดดดด  หน้าแห้งเลยครับ เหมียวจ๊ะบ้านขายเบรคเหรอ ถึงเบรคเก่งแบบนี้ ผมนี่สะดุ้งเลยครับ ผมแบบ อ๋อๆ อื้มๆไปก่อนนะ



โอ้โห จี๊ดเลยว่ะรีดเดอร์ทั้งหลาย เหมือนแบบเหินฟ้าไปสกายเปียร์ แล้วโดนเอเนลูสั่งสายฟ้าฟาดมาเปรี้ยง ร่วงสู่ทะเลสีน้ำเงินเลย ไหม้เลยกู หน้าไหม้เลยทีเดียว



ผมสะพายกระเป๋าเดินออกมาทันทีครับ ไม่รู้ว่าเหมียวพูดอะไรตามมา แต่กูอายบอกเลยโคตรอาย วันนี้วันศุกร์แถมพึ่งกลับจากสัมมนา ผมปิด BB เลย ไม่รับงาน กูจะนอน


ผมขึ้นรถไฟฟ้ามาลงอนุสาวรีย์ชัย และตั้งใจจะนั่ง 515 กลับบ้าน เฮ้อ 6 โมง เอาละงานหยาบแน่ๆ รถติดตรงเขาดินแน่ๆ นู่นติดยันไฟแดงสวนสุนันทา ไฟแดง 10 นาที ไฟเขียว 10 วินาที โอยจะร้องไห้


และตอนนั้นเองผมกำลังยืนรอรถเมล์ตรงฝั่งโรงพยาบาลราชวิถีครับ หงุดหงิดชิหาย มาสองคันแล้วไม่ได้ขึ้นเลย เจอไอ้พวกกั๊กวิ่งดักรถเลย ฟ๊าก ยูว จังหวะนี้บอกเลยถ้าไม่ได้นั่งผมไม่กลับหรอก ได้ยืนขาลากแน่ๆกว่าจะถึงปิ่นเกล้า



ตรื๊ดดดด ตรื๊ดดดด ตอนนั้นโทรศัพท์ดังครับ ผมก็หยิบมาดูแหละว่าใคร อ๋อเบอร์ของพี่ที่อยู่กลุ่มพี่หมิว โทรมามีอะไรหว่า ผมรับสายครับ เสียงที่ฮัลโหลกลับมา มันเป็นเสียงของคนที่กำลังตื่นตระหนกขวัญเสีย



[ เพื่อนพี่หมิว ]  :  โท๊นน โทน !!! อยู่ไหน


[ ผม ]  :  ผมอยู่ สาวรีย์อ่ะพี่ เป็นอะไรรึเปล่าครับ


[ เพื่อนพี่หมิว ]  :  ไอ้หมิว !!! ไอ้หมิวอยู่สวนสันติภาพ ทำไงดี


ตอนนั้นร่างกายผม มันไวกว่าสมองเชื่อมั้ยครับ ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงแบบนั้น ผมคิดเลยว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่ แล้วพอบอกว่าอยู่สวนสันติภาพ ผมก็ออกตัววิ่งทันที


ผมสับตีนแตกวิ่งขึ้นสะพานลอย ทีละ 2 ขั้น 2 ขั้น ผมวิ่งสุดแรงไปบนสกายวอล์ค ตั้งใจจะลงตรง victory point แต่คนข้างล่างแม่งยืนรอรถตู้เป็น 100 ผมวิ่งตัดไม่ได้แน่


ผมต้องจำใจวิ่งไปบน สกายวอล์ค อ้อมไปตรงเซ็นเตอร์วันและลงตรงนั้น จอโทษครับ ขอโทษครับ ขอโทษครับ นี่คือคำที่ผมพูดได้แค่นั้นจริงๆ ผมวิ่งเบียดคนหลายคนเลยล่ะ



พวกขายของบนทางเท้าแม่งก็เยอะชิบหาย โคตรโชคดีที่ตอนนั้นไฟแดง ผมตัดสินใจวิ่งบนถนนแม่งเลย เสี่ยงตายชิบหาย แต่เชื่อมั้ยว่าตอนนั้นไม่เหนื่อยเลย นี่แหละมั้งที่เขาบอกถ้ามีเป้าหมาย วิ่งไปก็ไม่เหนื่อย ผมห่วงพี่หมิวมากๆตอนนั้น


แต่ปัญหาคือ ไอ้กระเป๋าสะพายข้างเหี้ยเนี่ยแม่งก็สะบัดเหลือเกินตอนแกว่งแขนวิ่ง ผมทำไงรู้มััยครับรีดเดอร์ ผมคว้ามั่บมากอดไว้ตรงหน้าอกเลย กูนี่สวมวิญญาณ อายชีลด์21



เลยตอนนั้น ผมกอดกระเป๋าแนบอกเหมือน โคบายาคาวะ เซนะ ที่กำลังวิ่งทำทัชดาวน์ ผมคิดแต่ว่าต้องรีบไปให้ไวที่สุดโดยลืมนึกไปเลยว่าพี่หมิวอยู่ตรงไหนของสวน



แม่มเอ๊ยเมื่อไรจะถึง End Zone วะ ผมกอดกระเป๋า และสับเกียร์หมาเลย พอมาถึงหน้าทางเข้าคนก็เยอะร้านค้าก็แยะ ผมนี่เดวิล แบ๊ทโกสต์เลย เสี่ยงวิ่งหลบ ซิ๊กแซ๊กเอาเพราะถ้าผมหยุดบอกเลยผมวิ่งต่อไม่ไหว



แต่ผมก็เฉี่ยวไปหลายคน ผมพูดโทษครับ โทษครับ และกดตัวต่ำและวิ่งเข้าไปในสวนทันที อยู่ไหน พี่หมิวอยู่ตรงไหน ผมวิ่งและมองหาพี่หมิวตลอด ไม่เจอ ผมไม่เจอพี่หมิวเลยครับรีดเดอร์



ตอนนี้มันเริ่มเหนื่อย เหนื่อยจนแทบก้าวขาไม่ออกเลย ปอดผมจะพังอยู่แล้ว ผมอยากพัก แต่ผมทำไม่ได้ ผมตัดสินใจวิ่งไปตามทางเพื่อมองหาพี่หมิว ผมเข้ามาลึกมากๆปกติแค่นั่งรถผ่านๆไม่เคยเข้ามาลึกขนาดนี้เลย



เฮ้ย !!! พี่หมิว ผมมองเห็นผู้หญิงคนนึงในชุดนักศึกษาเธอนั่งอยู่ตรงนั้น ห่างไปไม่ถึง 100 เมตร ผมไม่รู้ว้่ใช่พี่หมิวมั้ย เพราะตอนนั้นบรรยากาศเริ่มมืด มีแค่ไฟสีส้มๆจากหลอดเท่านั้น ผมวิ่งไปทั้งๆที่เหนื่อย วิ่งไปทั้งๆที่ความเร็วตกไปมาก


ตอนนั้นบอกตัวเองว่าทนอีกหน่อย ทนอีกนิด และนั่นก็ใช่พี่หมิวจริงๆครับ พี่หมิวนั่งอยู่ตรงนั้น พอผมวิ่งเข้าไปพี่หมิวก็ยืนขึ้นเลย  ผมมองซ้าย ขวา พวกมันอยู่ไหน ไอ้พวกนั้นมันอยู่ไหน


แล้วผมจะมีแรงสู้มันเหรอคราวก่อนยังแทบตาย คราวนี้ผมได้ตายแน่ๆ แต่ภาพตรงหน้ามันคือรอยยิ้มของพี่หมิวครับ คำถามแรกที่พี่หมิวถามเลยคือ เหนื่อยเปล่า ?



ห๊ะ !!! อะไรนะพี่ ผมคิดในใจว่าทำไม พี่หมิวไม่ได้มีสีหน้าที่ดูตกใจหรือกลัวเลย ตอนนั้นคำตอบเดียวที่ผมคิดออกเลยคือ " กูโดนหลอก "


ใช่ครับ ผมโดนหลอกเป็นห่วง ผมโดนหลอกให้วิ่งมาเกือบ 2 กิโลเมตร ( ถึงมั้ยไม่รู้ แต่กูเหนื่อย ) และตอนนั้นครับคือ พอหยุดวิ่ง ระบบหายใจผิดเพี้ยน ผมเหนื่อยเลย เชื่อมั้ยคือเหนื่อยจนแทบช็อค


ผมเซไปที่ม้านั่ง หายใน ฮื๊อออ ฮื๊อออ ฮื๊อออ เหมือนคนจะตายให้ได้ ตอนนั้นคือแบบเหนื่อย เหนื่อยมาก เหมือนตอนไปเก็บตัวซ้อมยูโดที่ค่ายทหารเลย เหนื่อยจนแบบแทบไม่ไหว


ผมคือตอนนั้นแบบโลกแม่งหมุนติ้วๆ เสียงหายใจผมดังกว่าเสียงเครื่องตัดหญ้าแถวๆนั้นอ่ะบอกตรงๆ ผมหายใจฮื้ดดด ฮื้ดดด อยู่เกือบ 5 นาที พี่หมิวก็นั่งข้างๆนะ นั่งเฉยๆด้วย โอยพัดให้หน่อยก็ไม่ได้


พอผมจะลุกแล้วพี่หมิวก็ดึงกระเป๋าผมไว้ครับ ตอนนี้วิญญาณอายชีลด์ 21 ออกไปแล้วครับ วิ่งไม่ไหวแล้ว ผมนั่งขาสั่นพั่บๆๆๆๆ เหมือนกันดั้มเอ็กเซีย ที่ใช้ทรานซั่มเร่งความเร็ว พอหยุดใช้ปั๊ปเครื่องน็อคดาวน์เลย


ผมก็อยากจะลุกนะ แต่บอกเลยลุกไม่ไหว โอยกูโดนหลอกอีกแล้วสิ่นะ พี่หมิวเอียงคอมาหาผมครับแล้วถามขึ้นมาว่า


[ พี่หมิว ]  :  จะคุยกับพี่ได้ยังหืม พี่มาง้อแล้วเนี่ย แล้วเบอร์เกอร์ตอนกลางวันได้กินมั้ย


เอ้าตกลงฟิชเบอร์เกอร์นั่นพี่หมิวซื้อให้เหรอ ผมแบบโอยย อย่ามาคุยตอนนี้ขอ Oxygen หน่อย พี่หมิวชะเง้อมองหน้าผมตรงๆเลยคือตอนนั้นพยายามไม่มองนะ แต่ก็รู้ว่าพี่เขามองอยู่นั่นแหละเฮ้ออ เอาไงดี คือมันเขินนะบอกตรงๆ พอผมเงียบพี่หมิวก็ยิ่งถามไม่หยุด ว่าจะให้เจ๊ทำยังไงโทนถึงยอมพูดด้วย


ผมก็บอกไปนะว่าไม่เป็นอะไรครับพี่หมิว พี่หมิวก็ตีผมเลย แล้วบอกกับผมว่าห้ามเรียกว่าพี่อีกนะ ทำไมไม่เรียกเจ๊เหมือนเดิมล่ะ โอยเอาไงวะเนี่ย ตอนนั้นก็บอกไม่ใช่น้องกู


แต่ตอนนี้คุณเธอกลับมาบอกให้ผมเรียกว่าเจ๊เหมือนเดิม ตอนนั้นนั่นเองครับ มีเบอร์ใครโทรมาก็ไม่รู้ ผมรีบรับสายเลยทั้งๆที่ปกติแล้วไม่รับเบอร์แปลก


ฮัลโหล มิ้นต์เอง


เฮ้ยมิ้นต์ มิ้นต์โทรมาพอดี ผมรีบพูดเลยว่ามิ้นต์ทำอะไรอยู่คือในใจอ่ะคืออยากให้มิ้นต์มาหาที่ห้องมากเลยตอนนี้ ผมจะได้มีข้ออ้างชิ่งจากตรงนี้ได้


ผมภาวนา พุทโธ ธรรมโม สงโฆ ขอให้มิ้นต์ถามว่าอยู่ไหน  แต่ว่ามิ้นต์ไม่ได้พูดแบบที่ผมภาวนา มิ้นต์ถามว่ามีอะไรจะบอกมิ้นต์มั้ย  ผมถามว่าอะไรเหรอด้วยความงงครับบอกตรงๆ


มิ้นต์บอกผมครับว่า พี่เตยเล่าเรื่องทั้งหมด ย้ำนะว่าทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่ผมไม่ได้เล่าให้ฟังไปด้วย ผมแบบนิ่งเลยทีนี้ มิ้นต์จะอาละวาดอีกหรือเปล่านะ แต่ไม่เลยครับวันนั้นมิ้นต์นิ่งมาก ก็นะไม่นิ่งสิ่แปลก


มิ้นต์บอกผมว่า อยากให้ผมไปคุยกับพี่สาวให้เรียบร้อย คุยกันให้เข้าใจนะ เธอไม่อยากเห็นผมทำหน้าแบบนั้นเวลาอยู่ด้วยกัน โอย อีเจ๊ก็ขยับมาใกล้เหลือเกินจนนมจะชนแขนแล้วเนี่ย และมิ้นต์ก็พูดทิ้งท้ายไว้ครับ


[ มิ้นต์ ]  :  ถ้าเจอกันครั้งหน้าแล้วยังไม่ยิ้มล่ะก็ จะไม่ให้กอดแล้วนะ


แล้วมิ้นต์ก็วางไปครับ เฮ้อเอาไงดีวะกู ใจนึงก็อยากจะคุย แต่มันไม่รู้จะเริ่มยังไงนะ แต่ตอนนั้นพี่หมิวก็ดึงแขนผมครับ ผมหันไปหาเจ๊ และนี่คือคำที่พี่หมิวพูดขึ้นมา


[ พี่หมิว ]  :  โทน ไม่รักเจ๊แล้วเหรอ



 
















เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Chere Mat



golfnapong

เดี๋ยวนะ ผมพลาดอะไรไป เรื่องของเหมี๋ยว เอ๊ะ ยังไง ทำไมเหมือนหายไป 1 ตอน omg!!

tummaba


ตะวันแดง

โฮะ ๆ มาสักทีสินะ นับวันรอเลยครับท่าน
.
.
.
เอาแล้วไง เจ๊สายโหดเลย แล้วท่านโทนจะอดใจไหวไหมนี่ พี่น้อง ๆ ....



zaaar65



boom00




usman1963

ผมว่า ตอนนั้นคุณโทนก็ด่วนสรุปเกินไปนะ น่าจะถามตรงๆตอนไม่เมาอีกรอบ หรือเคลียให้มันจบๆเลย ไม่ใช่หลบเขาแบบนี้

xtazy

เจ้าหญิงเดินเกมได้สวย ที่เหลือก็คงให้พี่น้องปรับความเข้าใจกันนะ แต่ตอนต่อไปมิ้นทวงค่าตอบแทนจนตัวซีดแน่ๆ

เจ๊เล่นแรงนะ ลุ้นต่อว่าลองใจหรือเอาจริง