ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เสน่ห์หาหมอผี(สาว) 9

เริ่มโดย twintower, กันยายน 08, 2020, 07:03:03 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

เป็นอีกตอนที่ไม่มีบทเสียวนะครับ

--------------------------------------------------------------------------------------------------------
วิญญาณทั้งหมด ต่างมองมาที่แม้นแต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ จนลินดากลับมาถึงห้อง เธอเข้าไปในห้องนอน แล้วนั่งบริกรรมหน้าเตียงเรียกวิญญาณที่เลี้ยงออกมาพบ เมื่อร่างทั้ง 7 มานั่งตรงหน้าเธอ ลินดายังไม่ได้สังเกตอะไรแต่พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ

"เป็นยังไงกัน เห็นหนุ่มหล่อมาไม่ได้เลยนะ"

แต่พอพูดจบเธอรู้สึกได้ทันที พอเห็นสีหน้าของบรรดาวิญญาณทั้งหมด จึงถามไปที่แม้น

"มีอะไรหรือพี่แม้น ทำไมหน้าตื่นกันแบบนี้"

แม้นหันไปมองบรรดาวิญญาณทั้งหลายก่อนจะตอบไปยังหญิงสาว

"นี่คือคุณอสนีที่ท่านพระภูมิแนะนำให้คุณหนูไปปรึกษาใช่ไหมเจ้าคะ"

"ก็ใช่นะสิ ทำไมหรือ"

"คืออย่างนี้นะเจ้าคะ ตอนที่ท่านผู้นั้นกับคุณหนูเข้ามาในอาคารพวกบ่าวทั้งหมดรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไม่เคยพบกันมาก่อน และพอคุณหนูพาท่านอัสนีเข้ามาในห้อง นอกจากเรื่องของพลังแล้วพวกบ่าวเห็นรัศมีที่เป็นประกายออกจากร่างท่านอสนีเจ้าคะ"

ลินดาพอได้ยินทำเอาเธอประหลาดใจมาก จนแทบจะลืมเรื่องที่เธอตั้งใจจะบอกไปยังบรรดาวิญญาณเหล่านี้

"อธิบายให้ฉันเข้าใจได้ไหมพี่แม้น"

แม้นส่ายหน้าก่อนจะตอบ

"บ่าวไม่รู้จะบอกยังไงเจ้าคะคุณหนู บ่าวเองก็ไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน ขนาดบรรดาเจ้าป่าเจ้าเขาที่บ่าวเคยเจอว่ามีบารมีมากแล้วแต่กับท่านผู้นี้เทียบกันไม่ติดเจ้าคะ สายทองเองก็ไม่เคยเจอ ยิ่งมีรัศมีที่เป็นลักษณะประหลาดออกจากตัวก็เป็นครั้งแรกที่บ่าวเห็นจากคนธรรมดาเจ้าคะ"

"หรือว่าเขามีวิชาอาคม แต่ฉันก็ไม่เคยสัมผัสได้นะ"

"ไม่น่าจะใช่เจ้าคะ ถึงคุณหนูจะมีวิชาอาคมแต่ก็ยังอยู่ในพวกมนุษย์ทั่วๆไปจึงไม่รู้และสัมผัสไม่ได้ แต่พวกบ่าวที่เป็นวิญญาณสามารถสัมผัสได้ แต่เป็นรัศมีและพลังที่ดีนะเจ้าคะ คนแบบนี้น่าจะอยู่ในพวกคนที่มีบุญญาธิการนะเจ้าคะ ตรงนี้บ่าวขอเดาไปก่อนเพราะเคยแต่ได้ยินเขาพูดๆกัน"

ลินดาถอนหายใจพร้อมนึกมีประเด็นใหม่ให้เธอคิดอีกแล้ว เธอนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะบอกไปยังบรรดาวิญญาณที่เธอเลี้ยง

"มันก็น่าคิด วันนี้ฉันก็พึ่งรู้ว่าเขาเคยโดนฟ้าผ่าจนเกือบตายมาแล้ว แต่ไม่ตายแถมไม่มีแผลหลงเหลือนอกจากตรงท้องแขน แต่เอาละเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้วกัน เรายังมีเวลาคิด ฉันมีเรื่องจะบอกพวกเธอ คือเรื่องแรก คัมภีร์อยู่ในที่ปลอดภัยแล้วฉันเชื่อว่า วิญญาณร้ายของหมอผีสุขคงไม่กล้าไปรบกวนแน่นอน เพราะหลวงตาที่คุณอัสแนะนำให้ไปปรึกษาท่านรับที่จะฝากไว้ ท่านเป็นอริยสงฆ์อย่างแท้จริง ฉันเชื่อว่าคัมภีร์ต้องปลอดภัยแน่นอน ส่วนอีกเรื่องฉันบอกว่าหลังจากที่ได้คุยกับหลวงตาท่านในหลายๆเรื่องบางเรื่องนั้นตรงกับที่คุณตาพระภูมิท่านเคยบอก มันทำให้ฉันคิดได้ ฉันคิดว่าฉันจะปลดปล่อยพวกเธอทั้งหมด"

พอลินดาพูดจบบรรดาวิญญาณทั้งหมดต่างมีท่าทีที่ตกใจ แม้นนั้นถามมาทันทีด้วย

"คุณหนูทำไมละเจ้าคะ"

"พี่แม้น หลวงตาชี้ทางสว่างให้กับฉัน ความจริงพวกเธอน่าจะไปอยู่ที่ภพภูมิที่ดีกว่านี้ไม่ก็ไปเกิดใหม่แล้วแต่กรรมของแต่ละคน แต่พวกเธอไปไหนไม่ได้เพราะถูกฉันกักไว้ ถึงฉันจะไม่ใช่อาคมกักไว้ก็ตามที"

น้ำเสียงของเธอเริ่มสั่นเครือ  ก่อนจะพูดต่อไป

"ในเมื่อทั้งคุณตาพระภูมิกับหลวงตาพูดตรงกันทำให้ฉันคิดได้ ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับหมอผีสุข ที่เลี้ยงพวกเธอไว้สนองความใคร่ ก็จริงอย่างที่เขาว่าฉัน ในเมื่อฉันกักวิญญาณพวกเธอไว้ด้วยจุดประสงค์แบบนี้ มันก็บาปชนิดหนึ่ง โปรดเข้าใจฉันด้วย"

"แต่นายหญิงให้ความเมตากับพวกดิฉันมากนะคะ ตอนที่ดิฉันถูกไอ้หมอสุขกักมันทรมานมากเจ้าคะ อยู่กับนายหญิง  นายหญิงอุทิศส่วนกุศลให้ทุกวัน"

เสียงเกศราพูดขึ้นทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่าวันพรุ่งนี้มันจะครบ 1 ปี พอดีกับที่เธอพาวิญญาณของเกศรามาอยู่ด้วย

"มันก็จริง แต่ต่อไปมันจะไม่เป็นผลดีกับฉันและพวกเธอ"

ทุกคนต่างนิ่งเงียบจนแม้นพูดขึ้นมา

"ถ้าพวกบ่าวไม่อยู่ แล้วเกิดไอ้ผีร้ายนั่นยังวนเวียนอยู่ นายหญิงจะทำอย่างไรคะและนายหญิงอย่าลืมอีกเรื่องด้วยนะเจ้าคะมันสำคัญมาก"

ลินดาพยักหน้าเพราะรู้ดีว่าประโยคสุดท้ายที่แม้นบอกมาหมายถึงเรื่องอะไรแต่เธอบอกไปยังวิญญาณเหล่าต่อ

"หลวงตาท่านบอกกับฉันว่า ถ้าเกิดมีอะไรมารบกวนมันอาจจะมาจากเวรกรรมของฉันเองถ้าฉันไม่ปล่อยวาง ยังคิดที่จะต่อสู้สิ่งที่มารบกวนอาจจะจองเวรไม่เลิก แต่ถ้าฉันทำบุญอุทิศส่วนกุศลแผ่เมตตาไปให้ สิ่งนั้นก็จะหายไปเองเมื่อถึงเวลา อันควรจริงๆฉันมีรายละเอียดที่อยากจะเล่าให้พวกเธอฟัง แต่ไว้วันหลังแล้วกัน เพราะตอนนี้ฉันห่วงที่บ้าน เรายังไม่รู้ว่าไอ้ผีร้ายนั่นมันจะมาไม้ไหน ฉันต้องไปที่บ้านจะได้รับมือมันได้"

"งั้นบ่าวไปด้วยดีกว่าเจ้าคะคุณหนู จะได้ช่วยระวังระหว่างทางให้ด้วย"

"พี่แม้นอยู่ระวังทางนี้ดีกว่า ฉันว่ามันยังไม่กล้าฉันทำอะไร จนกว่ามันจะได้คัมภีร์ และมันก็คงไม่รู้ว่าคัมภีร์ไปอยู่ไหนแล้ว บาปกับบุญมันต่างชั้นกันเยอะพี่แม้น"

"แล้วเอ่อ นายหญิงกำหนดวันหรือยังเจ้าคะวันที่จะปลดปล่อยพวกบ่าวทั้งหมด"

ลินดายิ้มอย่างเศร้าๆพร้อมมีน้ำตาที่ไหลออกมา

"ฉันดูแล้ววันพระใหญ่ที่จะมาถึงนี้ เป็นวันที่ดีที่สุด"

"เจ้าคะ"

แม้นรับคำพร้อมเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเช่นเดียวกัน ก่อนที่ลินดาจะออกจากสมาธิ เธอเช็ดน้ำตาที่ไหลมาแล้วนั่งสงบสติอารมณ์ชั่วขณะแล้วเตรียมตัวเดินทางไปที่บ้าน ทางนี้เธอคงเบาใจได้ยังไงไอ้ผีร้ายคงไม่กล้าบุกเข้ามา เมื่อมันรู้ว่ามันไม่ได้คัมภีร์แต่เธอห่วงที่บ้าน ถึงจะมีพระภูมิคอยปกป้องอยู่ แต่มันอาจหาวิธีอื่นเพื่อวัตถุประสงค์อันร้ายกาจของมัน มันคงจะโกรธน่าดูที่มันไม่ได้คัมภีร์และยิ่งคืนนี้อาคมของมันจะมีพลังมากขึ้น จนเธอไปถึงบ้านช่วงหัวค่ำระหว่างทานอาหารมื้อเย็น แม่ของเธอได้ทักขึ้นว่าหน้าตาเธอดูสดใสขึ้น ไม่เหมือนช่วงหลายๆที่ผ่านมาที่ดูเธอเคร่งเครียด  หญิงสาวเพียงแต่ยิ้มรับไม่ได้ตอบในเรื่องนี้ก่อนจะชวนคุยในเรื่องอื่น จนก่อนจะเข้านอนเธอเดินไปไหว้ที่ศาลพระภูมิ ก่อนจะขึ้นมาไหว้พระที่ห้องพระและเข้าห้องนอน ภายในห้องนอนเธอเข้าสมาธิทำดวงจิตให้ว่างและเริ่มบริกรรมคาถาเพื่อตรวจดูว่ารอบๆบ้านมี วิญญาณร้ายของหมอผีสุขมาวนเวียนอยู่หรือไม่ แต่เธอตรวจไม่พบอะไร ก่อนที่ดวงจิตของเธอจะได้ยินเสียงของท่านพระภูมิเจ้าที่แว่วมา

"นังหนูดาเอ๊ยพักผ่อนเถอะ คืนนี้ไม่มีอะไรแล้ว"

"เจ้าคะคุณตา"

กระแสจิตเธอตอบกลับไปก่อนที่เธอจะออกจากสมาธิแล้วขึ้นเตียงนอน เธอสวดมนต์ไว้พระอีกครั้งก่อนจะนอนหลับด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่งขึ้น

ฝ่ายอสนีหลังจากที่กลับจากคอนโดของลินดา จนถึงตอนนี้ จากที่ตั้งใจจะเข้านอนแต่มีเรื่องที่อสนีต้องเก็บมาคิดเกี่ยวกับตัวหญิงสาวผู้นี้ ทั้งๆที่ตั้งใจจะปล่อยวาง เธอดูนั้นผิดแปลกจากคนทั่วๆไป ตั้งแต่ที่พบกันครั้งแรกอสนีสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างในตัวเธอ ที่อสนีบอกไม่ถูกว่าคืออะไร ยิ่งตาพิเศษของอสนีเห็นว่ารอบตัวของเธอนั้นมีลักษณะเหมือนเงาสีเทา ที่อยู่รอบๆตัวเธอ เงานี้บางครั้งจะเป็นสีดำแต่ส่วนมากจะเป็นสีเทา อสนีนั้นเดาว่าเธอคงพกเครื่องรางที่เป็นของที่ทำจากมนต์ดำจึงทำให้เธอมีเงาที่เป็นแบบนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาอสนีรู้ดีหญิงสาวให้ความสนใจกับตนเอง แต่สิ่งที่อสนีสัมผัสได้มันสร้างความแคลงใจมาตลอด อัสนีจึงทำเฉยๆจนมีเรื่องเกิดขึ้นกับเธอที่มีคนสติไมดีมาทุบรถและทำร้ายเธอ ซึ่งอสนีคิดว่ามันดูแปลกประหลาดเพราะก่อนหน้านั้นก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแต่คนขับถูกคนเสียสติที่วิ่งตัดหน้าแล้วใช้ไม้ตีจนตาย มันน่าจะเกี่ยวข้องกันแน่นอนต้องไม่ใช่ความบังเอิญ

จนเธอมาขอคำปรึกษาเรื่องคัมภีร์ยิ่งทำให้อสนียิ่งเพิ่มความสงสัยในตัวเธอมากขึ้นแถมวันนั้นเงาของเธอดูดำมากกว่าทุกครั้ง แต่ระหว่างที่เธอเอ่ยถึงเรื่องที่ขอคำแนะนำ ในดวงจิตของอสนีได้ยินเสียงของท่านนักพรตกัสปะว่าให้นำคัมภีร์เล่มนั้นไปหาหลวงตา อสนีทำตามและในเช้าวันนี้เงาของเธอนั้นเป็นสีเทา แต่ระหว่างที่เธอคุยกับหลวงตาเงาของเธอกลับกลายเป็นสีขาว รวมถึงเรื่องที่เธอชวนคุยระหว่างที่กลับถึงอสนีจะเก็บอาการเพราะความสงสัยในตัวเธอมากขึ้น จนมาถึงห้องพักสุดหรูของเธอ ตอนแรกอสนีอยากจะปฏิเสธเธอแต่ทนอ้อนวอนไม่ได้และดูเธอหวังดีจริงๆ ยิ่งอยู่ในลิฟท์อสนีลองใช้มือวิเศษไปสัมผัสบนตัวเธอเพียงชั่วขณะเพราะไม่อยากให้เธอสงสัย แต่อสนีไม่พบอะไร ลินดานั้นหวังดีจริงๆที่ต้องการจะให้อสนีได้พักให้หายเหนื่อยจากการขับรถ  แต่พอเข้าไปห้อง ยิ่งทำให้อสนีสงสัยมากขึ้นเมื่อเจอวิญญาณผู้หญิงถึง 7 ดวงอยู่ในห้องและดวงวิญญาณเหล่านั้นไม่มีลักษณะคุมคามอสนี ดูจะกลัวเสียด้วย

"เธอมีอาคมจริงๆหรือนี่ แล้วตอนนี้เธอต้องมีปัญหาอะไรกับคัมภีร์แน่นอน ต้องเกี่ยวกับไอ้สิ่งที่เธอบอกว่ามารังควาน"

ยิ่งคิดอัสนี ยิ่งมีความสงสัยทั้งๆที่ตนเองอยากจะปล่อยวางไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่ดูแล้วมันเป็นเรื่องที่ชวนสงสัยจริงๆ ระหว่างที่ยังสองจิตสองใจอยู่นั้น ในดวงจิตของอสนีได้ยินเสียงของหลวงตาดังขึ้นมา

"ไปเถอะเจ้าอัส เจ้าจะได้ทำบุญครั้งใหญ่อีกครั้งในชีวิตของเจ้า"

เมื่อได้ยินเสียงของหลวงตาที่ส่งกระแสจิตมา อัสนีนั้นจึงเปลี่ยนไปนั่งสมาธิหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ก่อนจะหลับตาทำดวงจิตให้ว่าง ไม่นานนักกายทิพย์ของอสนีได้ออกจากร่างไปอยู่ที่หน้าประตูทางเข้าคอนโดที่ลินดาพักอยู่ อสนียืนสำรวมมองไปที่ศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่ที่ริมรั้วก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แสดงความเคารพ

"ท่านพระภูมิครับ ถ้าท่านสื่อสารกับผมได้ ขอเชิญออกมาพบด้วยครับ"

ทันทีที่สิ้นเสียง ร่างของชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสีขาวได้มายืนแสดงกิริยาสำรวมหน้าอสนี

"ท่านผู้เจริญ ท่านเรียกเรามามีอะไรให้เรารับใช้"

อสนียิ้มให้ร่างที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะถามไปว่า

"ก่อนอื่นท่านคงเห็นการมาของผมเมื่อตอนเย็นวันนี้"

"เราเห็นการมาของท่านแล้ว"

"ผมอยากสอบถามท่านครับ ผมเห็นวิญญาณผู้หญิง 7 ดวง อยู่ในห้องพักของคอนโดนี้ ดวงวิญญาณเหล่านั้นเป็นบริวารของท่านหรือเปล่าครับ"

"หามิได้ท่านผู้เจริญ ดวงวิญญาณเหล่านั้นอยู่ในการดูแลของสตรีที่ชื่อลินดา"

คำตอบของท่านพระภูมิทำให้ข้อสงสัยของอสนีเริ่มกระจ่างขึ้นมาบ้าง  อสนีจึงบอกไปยังพระภูมิเจ้าที่ต่อ

"ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่ผมจะรบกวนท่านคือ ขอให้ท่านช่วยเปิดทางให้ผมได้พบกับดวงวิญญาณพวกนี้ด้วยครับ"

พระภูมิยิ้มให้ ทั้งๆที่รู้ว่าพลังและบารมีของอสนีนั้นสามารถเรียกวิญญาณเหล่านั้นออกมาพบได้เองโดยไม่ต้องบอกกล่าวกับตนก็ทำได้อย่างง่ายดายก่อนที่พระภูมิจะบอกยังอสนี

"เชิญท่านตามสะดวก"

"แต่ผมขอให้ท่านอยู่ด้วยนะครับ"

ร่างของพระภูมิเคลื่อนมาอยู่ด้านข้างโดยหันหน้ามาทางกายทิพย์ของชายหนุ่ม อสนีมองไปที่คอนโดก่อนจะประกาศขึ้นมา

"วิญญาณทั้ง 7ดวงที่เราได้พบกันตอนเย็น ผมขอเชิญมาพบผมด้วยครับ"

สิ้นเสียง ร่างของวิญญาณสาวทั้ง 7 ดวง ยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมมองมาที่อสนีด้วยสายตาที่หวั่นๆ แต่ก่อนที่อสนีจะพูดอะไร แม้นนั้นนั่งพับเพียบลงไปกับพื้นพร้อมพนมมือขึ้น ทำให้ดวงวิญญาณที่เหลือต่างทำตามทันที

"ท่านผู้มีบุญเจ้าคะโปรดช่วยคุณหนูของอิฉันด้วยคะ"

เสียงที่ละล่ำละลั่กออกจากปากของแม้น ทำให้อสนีนั้นสงสัยจึงถามออกไป

"เดี๋ยวก่อนครับ คุณชื่ออะไรครับ"

วิญญาณของแม้นนั้นรีบบอกชื่อของตนก่อนจะบอกชื่อวิญญาณดวงอื่นให้อสนีรู้

"เอาละคุณแม้น เรื่องที่คุณจะบอกผมนั้นคือเรื่องอะไรครับ"

แม้นมองไปที่พระภูมิอย่างหวาดๆ ก่อนจะเล่าเรื่องของวิญญาณร้ายหมอผีสุขที่มารังควาน รวมถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้น จนกลายเป็นความพยาบาท แม้นเล่าจนถึงเรื่องที่ลินดาจะปลดปล่อยพวกเธอ แต่ไม่เล่าเรื่องที่ลินดาเลี้ยงพวกเธอไว้เพื่อมีสัมพันธ์สวาท อสนีฟังจนจบ ทุกอย่างที่เคยสงสัยมันกระจ่างออกมาหมดแล้ว ลินดานั้นมีเวทมนต์ชั้นสูงที่สามารถเลี้ยงวิญญาณได้ และต่อกรกับวิญญาณร้ายได้อย่างสบายๆ

"เอาละเรื่องที่คุณกลัวคือคุณลินดาไม่อยากทำอะไรโต้ตอบวิญญาณนั้น เพราะกลัวบาปกรรม และหลังจากคุณลินดาปลดปล่อยพวกคุณไปแล้ว คุณก็กลัวว่าจะไม่มีอะไรที่ช่วยคุ้มครองคุณลินดา"

"เจ้าคะ อิฉันเห็นว่าท่านมีบุญบารมีมากเลยขอร้องให้ท่านช่วยคุณหนูของอิฉันแล้ว ไหนๆท่านก็ช่วยเรื่องคัมภีร์แล้วก็อยากให้ช่วยตลอดรอดฝั่งด้วยเจ้าคะ"

"เรื่องนี้ผมช่วยอะไรไม่ได้หรอกครับคุณแม้น บาปกรรมจะตกมาอยู่กับผมเปล่าๆแถมจะเป็นเรื่องการล้ำเส้นจักรวาลไปอีก ผมมาพบพวกคุณนี่ก็ไม่รู้ว่าล้ำมาขนาดไหน แถมเป็นเรื่องการทำลายพรหมลิขิตไปอีก และอีกอย่างที่สำคัญมากคือ ผมกับนายสุขนั่นไม่มีเวรกรรมอะไรต่อกันเลย ถ้าผมทำอะไรนายสุขมันก็จะเป็นเวรกรรมต่อกันไม่สิ้นสุด เรื่องนี้คุณลินดาเรียนผูกแล้วต้องเรียนแก้เองครับ ผมไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เลย"

สีหน้าที่ผิดหวังปรากฏบนใบหน้าของแม้นและเหล่าวิญญาณ

"ท่านช่วยอะไรไม่ได้เลยหรือเจ้าคะ"

"คุณคงจะเข้าใจดีนะคุณแม้นในเรื่องนี้ ต่อให้ยิ่งใหญ่ขนาดไหนก็ไม่สามารถล้ำเส้นของจักรวาลได้ แต่ผมว่าคุณไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ เพราะวันนี้ตอนที่คุณลินดาได้คุยกับหลวงตา ท่านได้บอกคุณลินดาไปหลายๆเรื่องครับ ถ้าคุณลินดาคิดได้และนำไปปฏิบัติคงจะช่วยได้ครับ  แต่เอาละสิ่งที่ผมสงสัยมาหลายเดือนได้คำตอบหมดแล้ว และอีกไม่กี่วันพวกคุณก็จะได้รับการปลดปล่อยแล้ว ในวันที่พวกคุณได้รับการปลดปล่อยผมขออุทิศส่วนกุศลที่ผมทำมาให้กับพวกคุณทุกคนครับ"

แม้จะยังไม่ได้รับบุญกุศลที่ถูกอุทิศให้ แต่ดวงวิญญาณทุกดวงนั้นรู้สึกเหมือนมีน้ำทิพย์มาประพรม รวมทั้งความอบอุ่นที่แผ่ไปทั่วร่าง ทั้งหมดต่างตื้นตันและก้มลงกราบอสนีโดยไม่ได้นัดหมาย เช่นเดียวกับพระภูมิที่มองไปยังอสนีด้วยความชื่นชมพร้อมกับคำสรรเสริญภายในใจ

"นับเป็นบุญของดวงวิญญาณเหล่านี้จริงๆที่ได้รับการอุทิศส่วนกุศลและการชี้ทางสว่างจากใต้ฝ่าละอองพระบาท ข้าพระพุทธเจ้าขอถวายพระพร ขอพระราชโอรสทรงพระเจริญพระเจ้าข้า"

แต่อสนีนั้นได้พูดต่อ

"แต่ผมมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะบอกพวกคุณคือเรื่องที่เราได้พบกันคืนนี้ขอให้เก็บเป็นความลับอย่าไปบอกคุณลินดาโดยเด็ดขาดไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาตามมาไม่หมด เพราะผมไม่สามารถที่จะอธิบายเรื่องนี้ให้คุณลินดาได้ครับ เอาละครับพวกคุณไปได้แล้ว ขอให้โชคดีครับ"

"สิ่งที่ท่านอุทิศให้นั้นถือเป็นความกรุณาของท่านมากเจ้าคะ"


แม้นนั้นพูดขึ้นมาพร้อมกับดวงวิญญาณดวงอื่นที่กล่าวขอบคุณ และเป็นอีกครั้งที่บรรดาดวงวิญญาณเหล่านั้นก้มลงกราบอสนีก่อนจะสลายร่างออกไป อสนีหันหน้ามาทางท่านพระภูมิก่อนจะบอก

"ผมขอบคุณท่านมากครับที่ช่วยเปิดทางให้"

"ท่านผู้เจริญท่านทำโดยชอบแล้ว เราขอสรรเสริญในการกระทำของท่าน"

"ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนท่านแล้วครับ ต้องขอบคุณท่านอีกครั้ง"

ร่างของพระภูมินั้นสลายไปส่วนกายทิพย์ของอสนีนั้นกลับเข้าร่างเช่นกัน ก่อนที่จะออกจากสมาธิ เสียงของท่านกัสปะนั้นส่งมาถึงดวงจิตของอัสนี

"เจ้าทำถูกแล้วอสนี"

อสนีออกจากสมาธิพร้อมหายใจยาวๆก่อนจะพนมมือมาที่อกพร้อมส่งจิตคาราวะไปยังหลวงตากับท่านกัสปะ

"ช่วยได้เท่าที่จะช่วยนะแม่หมอคนสวย"

นี่คือสิ่งที่อสนีคิดก่อนจะเข้านอน ส่วนบรรดาวิญญาณทั้ง 7นั้นต่างจับกลุ่มคุยกันอยู่โดยแม้นนั้นเหมือนจะเป็นคนที่คลี่คลายความสงสัยได้มากที่สุด

"พี่แม้น ท่านอสนีต้องไม่ธรรมดาแน่นอนแสดงว่าตอนเย็นท่านต้องเห็นพวกเราแน่นอน"

ดุจเดือนนั้นถามขึ้น แม้นพยักหน้าแต่ยังไม่ตอบอะไร และวีณานั้นพูดต่อ

"ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะเรียกพวกเราออกไปพบได้ทั้งๆที่พวกเราจะอยู่ได้แต่ในห้องนี้ตามที่นายหญิงกำหนด พวกเราออกไปไหนไม่ได้ยกเว้นพี่แม้น"

ทุกคนต่างเห็นด้วยกับวีณา แต่ก่อนที่ใครจะถามอะไรต่อแม้นนั้นพูดขึ้นมา

"เดี๋ยวก่อนท่านพระภูมิเรียกข้า"

ร่างของแม้นหายไปและมานั่งพับเพียบพนมมืออยู่หน้าศาลพระภูมิที่ท่านพระภูมินั้นยืนมองมาด้วยสีหน้าที่สงบ

"แม้นปกติเจ้ากับข้า เราก็ต่างคนต่างอยู่ไม่เคยได้พูดจากัน แต่ที่ข้าเรียกเจ้ามาก็อยากจะกำชับเจ้าอีกครั้งในเรื่องที่ท่านผู้เจริญได้บอกไว้คือเรื่องที่อย่าไปบอกเจ้านายเจ้าโดยเด็ดขาดที่กายทิพย์ของท่านมาพบพวกเจ้า"

"เจ้าคะอิฉันรู้ดี ยังไงอิฉันก็ไม่ปริปากอยู่แล้ว"

"ข้ารู้ดี แต่บรรดาพวกลูกน้องเจ้าข้ากลัวว่ามันจะเผลอพูดไปข้าจึงเรียกเจ้ามากำชับอีกครั้ง"

"เจ้าคะแล้วอิฉันจะไปบอกพวกนั้นอีกครั้ง แต่ท่านเจ้าคะท่านพอจะบอกอิฉันได้หรือไม่ว่า ท่านอสนีคือใคร"

"แม้นข้าบอกเจ้าไม่ได้ มันเป็นเรื่องที่เจ้าไม่ควรรู้ แต่ก็นั่นแหละเจ้าเองสมัยเป็นคนและมาเป็นนางตะเคียนก็มีวิชาความรู้อยู่พอสมควร เจ้าลองไปไตร่ตรองให้ดีแล้วกัน แต่ต่อให้เจ้าพอจะรู้เจ้าก็บอกใครไม่ได้ เจ้าไปได้แล้วแม้น"

"เจ้าคะ"

แม้นก้มลงกราบก่อนจะกลับมาที่ห้อง และพบว่าบรรดาวิญญาณทั้งหลายยังไม่กลับเข้าในขวดแก้ว

"พี่แม้นฉันกับพี่สายทองคิดเหมือนกันว่าท่านอสนีต้องเป็นคนมีบุญแบบเทวดามาจุติแน่นอน ถึงได้มีฤทธิ์ขนาดนี้"

"ข้าก็พอจะเดาออกอุษา แต่ก็อย่างที่ท่านบอกและท่านพระภูมิก็เรียกข้าไปกำชับในเรื่องของท่านอสนีว่าพวกเอ็งอย่าหลุดปากให้คุณหนูรู้เด็ดขาดไม่อย่างนั้นปัญหาจะตามมา"

"พวกเราเข้าใจพี่แม้น แต่สิ่งที่ฉันยังคาใจอยู่ต่อให้เป็นเทวดามีฤทธิ์ขนาดไหน ถ้ามาจุติบนโลกก็น่าจะเป็นคนธรรมดาไม่น่าจะมีฤทธิ์ขนาดนี้ ถึงกับถอดกายทิพย์ออกมาได้ นายหญิงว่าเก่งในเวทมนต์แล้วยังสู้ไม่ได้"

สายทองเป็นคนตั้งข้อสังเกตขึ้นมา

"เวทมนต์ของคุณหนูนะเป็นมนต์ดำต่อให้คุณหนูทำตัวดีแค่ไหนไม่ทำบาป ก็ยังเป็นมนต์ดำอยู่ดี แต่การถอดกายทิพย์นี่ต้องผู้มีบุญบารมี หรือพวกที่บรรลุแล้วถึงจะทำได้ คุณหนูถึงไม่สามารถสัมผัสพลังของท่านอสนีได้เลย แต่ก็นับว่าเป็นบุญของพวกเราที่ท่านอุทิศส่วนกุศลมาให้ ข้ารู้ดีทุกคนรู้สึกเหมือนข้าตอนที่ท่านบอก ถึงเราจะยังไม่ได้รับก็ตาม"

"แต่ฉันไม่เข้าใจนะพี่แม้นทำไมท่านไม่ให้พวกเราเลย"

อินทิราเป็นคนถามด้วยความสงสัย

"ถ้าท่านให้ทันที คุณหนูจะต้องรู้สิเพราะยังไงคุณหนูก็สัมผัสพลังของพวกเราได้ และจะมีคำถามตามมาที่พวกเราบอกไม่ได้ ขนาดยังไม่ได้เรายังรู้สึกดีขนาดนี้ แต่ก็เอาละข้าว่าอย่าไปสงสัยอะไรมาก เพราะเรื่องพวกนี้อยู่สูงเกินกว่าที่เราจะรู้ได้ ทุกอย่างมันมีลำดับชั้น ท่านมาโปรดก็เป็นบุญขนาดไหนแล้ว ส่วนเรื่องไอ้ผีร้ายนั่นข้าคิดว่าคงจะไม่สร้างปัญหาให้พวกเราแล้ว ถ้าคุณหนูทำตามคำชี้แนะ พรุ่งนี้เราคงรู้รายละเอียดจากคุณหนู แต่ก็อย่าประมาทเราไว้ใจไม่ได้ เอาละแยกย้าย"

พอแม้นพูดจบวิญญาณทั้งหมดต่างแยกย้ายกลับไปอยู่ในขวดแก้ว  แต่แม้นยังครุ่นคิดอยู่ แม้นนั้นคาใจตั้งแต่ตอนเย็นแล้ว ตอนที่อสนีกลับ แม้นได้ตามไปดูและเห็นท่านพระภูมิที่ปกติไม่ค่อยจะปรากฏกายเท่าไหร่นัก ได้มานั่งพับเพียบหน้าศาลและตอนที่รถของอสนีขับผ่าน ท่านพระภูมิได้ก้มลงกราบ เหตุการณ์แบบนี้ช่างเหมือนกับตอนที่แม้นเป็นนางข้าหลวงที่เวลาเจ้านายชั้นผู้ใหญ่หรือพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จมา บรรดานางข้าหลวง นางในจะก้มลงกราบแบบนี้ พร้อมกับสิ่งที่ตนเองได้เจอเมื่อสักครู่นี้ พอรับรู้ว่าถูกอสนีเรียกไปพบถึงจะเป็นคำเชิญไม่ใช่การเรียกไปด้วยมนต์ตราดวงวิญญาณทั้งหมดต้องไปพบ แถมเป็นร่างที่เป็นกายทิพย์นั้นมีรัศมีสีทองอร่ามกว่าเมื่อตอนเย็น ทำให้แม้นรู้ทันทีว่าว่าเจอคนดีที่เพียบพร้อมไปด้วยบารมีจึงรีบขอความช่วยเหลือทันที ยิ่งพระภูมิเรียกไปกำชับว่าห้ามปริปากโดยเด็ดขาด และจริงอย่างที่ท่านพระภูมิบอกเรื่องที่แม้นมีวิชาความรู้และจากความคิดของสายทองกับอุษา ทำให้แม้นนั้นพอจะรวบรวมเรื่องได้ พอแม้นคิดได้ แม้นถึงกับยกมือพนมขึ้นเหนือหัวแล้วกล่าวออกมา

"ถึงข้าพระพุทธเจ้าจะไม่ทราบว่าใต้ฝ่าละอองพระบาทคือเทพองค์ไหน แต่สิ่งที่ใต้ฝ่าละอองพระบาท ตั้งพระราชประสงค์ก่อนจะมาจุติยังโลกมนุษย์นี้ ขอให้พระราชประสงค์ที่ตั้งพระทัยไว้สำเร็จด้วยเพคะ"

ถึงจะไม่ได้คำตอบแต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นและที่แม้นเห็นทำให้พอจะเข้าใจได้อสนีคือเทพชั้นสูงที่ลงมาจุติบนโลกนี้พร้อมทั้งมีพลังและบารมีอันแรงกล้าไม่ใช่เทพหรือเทวดาทั่วๆไปที่ลงมาจุติ ซึ่งพอที่จะทำให้แม้นเห็นทางที่จะช่วยเหลือเจ้านายได้บ้างแล้ว

"แบบนี้คุณหนูมีทางรอดพ้นจากไอ้ผีร้ายแล้ว"

แม้นคิดด้วยความดีใจอย่างยิ่ง

ซึ่งก่อนหน้าที่ในช่วงหัวค่ำ ที่กุฏิของหลวงตา หลังจากที่ท่านปิดประตูกุฏิเรียบร้อย หลวงตาได้นำคัมภีร์โบราณไปวางที่บนโต๊ะบูชาที่มีพระพุทธรูปที่หล่อด้วยโลหะอยู่องค์เดียว หลวงตาจุดธูปบูชาพระก่อนจะเริ่มสวดมนต์ จนจบเรียบร้อยหลวงตานำธูปไปปัก และมองไปที่คัมภีร์ ก่อนจะยิ้มออกมา เพราะตอนนี้ไม่มีใครนอกจากหลวงตาที่จะได้เห็นคัมภีร์เล่มนี้อีกแล้ว คัมภีร์จะถูกวางอยู่หน้าพระพุทธรูปอย่างนี้ตลอดไปจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม แต่ในดวงจิตของหลวงได้ยินเสียงคนมาเรียกที่หน้ากุฏิอย่างสุภาพ หลวงตาจึงหมุนตัวนั่งหันหน้าไปทางประตูก่อนจะพูดออกมา

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

sultant

ท่านอสนีเราไม่ธรรมดาจริงๆ แบบนี้แม่หมอเราจะได้รับใช้ท่านมั้ยเนี่ย บารมีสูงขนาดนั้น อยากให้มีข้อยกเว้นสักหน่อยครับท่านผู้เขียน อยากอ่านฉากกุ๊กกิ๊กของแม่หมอดากับท่านอสนีจังเลย

bronzehead

เป็นเนื้อเรื่องที่น่าติดตามมาก แฝงแง่คิดในการกระทำด้วย เขียนได้ดีจริงๆ

Thooo


soidao

ชอบมากเลยครับแนวนี้ มีลุ้นให้ติดตามตลอด เขียนออกมายาวๆเลยนะครับ

nagatobimaru

#5
ท่าทางจะจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งแล้วสินะครับ ว่าแต่หมอผีสุขจะมาไม้ไหนต่อกันนะ

———————————————

อกนิฏฐสุทธาวาสพรหมภูมินี้ เป็นพรหมภูมิที่มีศีลคุณ สมาธิคุณ ปัญญาคุณ อย่างประเสริฐล้ำเลิศยิ่งกว่าพรหมโลกชั้นอื่นๆ ทั้งหมด : สนุกครับ ถึงขั้นต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น

suksan1


noker

แม้ไม่บทเสียว แต่เนื้อเรื่องสนุก น่าติดตามตลอด

n_neng

เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้น  ใครจะไปรบกวนหลวงตา เพื่อคัมภีร์   ไม่น่ารอด

dwarf

ขอบคุณครับ... น่าอ่าน​ น่าติดตามครับ.. สำหรับผม... ผมไม่คิดที่จะเสพเรื่องเสียวแต่เพียงอย่างเดียว... แนวเนื้อเรื่องลักษณะนี้น่าติดตามครับ.. ผผูกเรื่องได้น่าสนใจครับ

polka2012

ถึงเนื้อหาช่วงนี้จะไม่มีฉากเสียวๆแต่เนื้อหาอ่านแล้วสนุกเพลิดเพลินน่าติดตามมากครับ ขอบคุณมากสำหรับการแบ่งปัน ::Thankyou::

mawinxxx102


Sak2563

วิณญาณจะได้รับการปลดปล่อยแล้ว แล้วจะมีใครมาช่วยปลดปล่อยลินดา

633sqd

#13
เหมือนเรื่องจะใกล้จบนะ ทุกอย่างเริ่มคลี่คลาย ท่านกัสปะคงจะได้ลูกศิษย์เพิ่มอีกคน หรืออีก8

งานนี้หมอสุขจะรอดรึ กลับตัวเป็นคนดีได้ก็ดีนะ

khonsyd

สนุกครับเดี๋ยวคงต้องหาโอกาสไปอ่านตั้งแต่ตอนแรก ::Waiting::