ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ทะเล ตอนที่ 1 ( เรื่องเล่าของนายโทนกับพี่เหมียว )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, กันยายน 25, 2020, 11:23:40 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

*.:。 ✿*゚'゚・✿.。.:* *.:。✿*゚'゚・✿.。.:* *.:。✿*゚¨゚✎・ ✿.。.:* *.:。✿*゚¨゚✎・✿.。.:*


สวัสดีครับ สวัสดีคร๊าบบบบ  เรื่องราวของเหมียวก็มาถึงตอนที่สองแล้ว

อืมพยายามอัดสองตอนไว้ในตอนเดียวกันครับ เพราะไม่อยากให้ฉากทะเลนั้นมาช้าเกินไป

หลายท่านคงอยากรู้แล้วใช่มะ ว่าทำไมผมกับเหมียวถึงไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น ทั้งๆที่มาก่อน 3 สาว

เชิญอ่านได้เลยครับ ยังไงก็ฝากชาวร้านเกะ ช่วยติดตามซีรีย์นี้ด้วยนะครับผม

กระทู้ผมฟรีสไตล์นะ ตอบอะไรก็ได้ แต่ถ้ากลับมา Edit อีกที พ้มจะดีใจมากมายเลยครับ

เพราะอยากรู้ว่าท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไรกับเนื้อหาช่วงหลังๆ

................


...................


ปล. อัดให้จุใจ 50,000 อักษรก่อนร้านเกะ Part4 จะเปิด



ปล.2 เหมียว





ปล.3 พี่หมิว





ปล.4 พี่เตย






........................



ความเดิมตอนที่แล้ว !!!


ผมเริ่มต้นชีวิตการทำงานออฟฟิศ ด้วยความบังเอิญและโชคดี

แต่ดูเหมือนว่าชีวิตผมมันจะไม่ง่ายเลย เพราะนั่นมีรุ่นพี่ที่โคตรป่วนอยู่ด้วย

แล้วไปๆมาๆ ทำไมเธอมีเบอร์ผมได้วะ งงแท้


......................



เฮ้อ ผมกลับบ้านพร้อมกับกองงานเบ้อเริ่ม ผมเริ่มคิดครับ ว่าถ้าผมไม่ไปช่วยคนอื่น และโฟกัสแต่งานของตัวเอง ผมคงจะไม่มีงานค้างแบบนี้


แต่ในทางกลับกัน ผมก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงน่ะสิ่ครับ ผมเป็นน้องใหม่ ผมต้องทำตัวให้พี่ๆเขาเอ็นดูเข้าไว้ ต้องจริงใจและอยู่ให้เป็น


สักพัก ตี๊ ดิ ดี ดี่ ตี๊ ดิ ดี ดี่ ตี๊ ดิ ดี ดี่ ดียยยยยย์ เรียงริงโทน original nokia ดังขึ้นครับ ผมที่พึ่อาบน้ำเสร็จก็รีบรับสายเลยทันที


นี่ นายโทนคนหน้าบึ้ง พรุ่งนี้อ่ะ นั่งรถเมล์สายบลาๆๆ มาลงตรงบลาๆ ก็ได้นะ ต่อเดียวถึงเลย 8 บาทเอง


เอ้า !!! เหมียวมะม่วงเปรี้ยวโทรมาอีกแล้ว ผมนี่แบบฮึ่มม โทรมาทำไมอีก ผมถามเหมียวนะว่าตกลงเอาเบอร์ผมมาได้ไง เอาดีๆ แต่คำตอบที่ได้คือ


[ เหมียว ]  :  เรากำลังกินมะม่วงเขียวเสวยอยู่ อร๊อยอร่อย กินมะ


อื้อหืม ผมนี่กำหมัดเลยครับ ผมบอกไม่กินแล้ว แค่นี้แหละจะแต่งตัว เหมียวก็บอกว๊ายย นายหน้าบึ้งโป๊เหรอเนี่ย ผมนี่แบบฮึ่ม !!! เริ่มจะหงุดหงิด


เหมียวหัวเราะเสร็จแล้วก็นอนวางไปเลยครับ แล้วเธอก็ส่งข้อความมาแบบนี้

•`* (") ''' (") (") " (")
**(") 'o ' , )(  'o '  ('')
*("' ) ,,,,("' )(,,("') ,,,("' )
* Good NighT *.*

คือหลายๆคนอาจจะไม่ทัน ไอ้ข้อความแนวๆนี้ก็ได้ เพราะเดี๋ยวแค่ส่งสติ๊กเกอร์ผ่านไลน์ หรือ emotical ก็ได้ง่ายๆแล้ว


แต่สมัยก่อน สมัยที่โทรศัพท์มีปุ่ม หน้าจอแค่ 2 นิ้วสีขาวดำ พวกผมส่งข้อความกันแบบนี้จริงๆครับ ไแ้รูปหมีสองตัวกอดคอนั้นบอกเลยโคตรคลาสสิค


เอ่อต้องขอโทษด้วยนะครับ จริงๆแล้วมันมัรายบะเอียดมากกว่านั้น แต่ผมจำไม่ได้แล้วจริงๆ อ่ะกลับมาต่อๆ ผมมองข้อความไอ้หมีกู๊ดไนท์แล้วคิดในใจ อะไรวะ


ซึ่งพอผมวางโทรศัพท์ไปและกำลังจะใส่เสื้อผ้า เหมียวก็โทรมาอีก ผมเริ่มหงุดหงิดนะ แต่ผมก็รับสายแหละ ( อะไรของผม )


มีอะไร !!!


ผมพูดด้วยเสียงที่แข็งขึ้นนิดนึง แต่เสียงที่ตอบกลับมานั้นไม่ใช่เหมียวครับ แต่เป็น


อะไรทำไม !!! เจ๊โทรหาแค่นี้ขึ้นเสียงเหรอ ไม่พอใจเหรอ



โอ้ว โฮลี่ ชิท เอ๊า !!!  ชิบหายละพี่น้อง เจ๊หมิวโทรมานี่หว่า แล้วสมัยก่อนมันไม่ได้มีรูปขึ้นตอนสายเข้าเหมือนปัจจุบันไง ตัวหนังสือก็เล็กชิบหาย  โอย  ซวยละกู ผมนี่แทบนะตั้งมือถือไว้แล้วก้มกราบ แบบแบมือเลยครับ ผมขอโต้ด ผมขอโต้ด ผมขอโต้ด  หลังจากอธิบายต่างๆนาๆไปหมดแล้วดูเหมือนว่าพี่หมิวจะใจเย็นขึ้นนะครับ


[ พี่หมิว ]  :   อื้ม แล้วทำงานเป็นไงบ้าง

[ ผม ]  :  ก็ยังไม่ค่อยรู้อะไรเลยครับ พยายามเรียนรู้อยู่

[ พี่หมิว ]  :  ไม่ได้ !!! แก ห้ามพูดว่าพยายามอยู่ แกต้องเรียนรู้ให้เร็วที่สุด


เอ้า !!! อิหยังวะ ตอนนั้นผมถามนะว่าอะไรอ่ะครับเจ๊หมิวหมายความว่าไง พี่หมิวก็บอกว่าจริงอยู่ที่ระยะทดลองงานคือ 3 เดือนแล้วจะประเมิน แต่ความเป็นจริงแล้ว เขาประเมินผมตั้งแต่วันแรกแล้วด้วยซ้ำ


[ พี่หมิว ]  :  แกจะมาทำเล่นๆแบบนี้ไม่ได้นะอีโทน ถ้าแกหลุดทดลองงานที่นี่ไป แกคิดดูสิ่ ว่าที่ใหม่เขาจะคิดยังไง ถ้าข้อมูลของแก คือไม่ผ่านการทดลองงาน


ผมได้ฟังนี่แบบเชี่ยแล้วไงล่ะ !!! แล้วคือทุกท่านเข้าใจไหมครับว่าปกติพี่หมิวจะไม่พูดเรื่องซีเรียสแบบนี้เลย อยู่ดีๆโทรมาพูดแบบนี้ผมก็ใจแป้วดิ่ครับ แต่ว่า......


ว่างายยยย อีโทนคิดถึงเจ๊คนสวยมั้ย !!!


นั่นไงเสียงเจ๊จ้าวปัญหามาอีกแล้ว โอ๊ย !!!  แปปครับท่านผู้อ่าน ผมโดนพี่เจ๊เตยหยิก เฮ้อ อ่ะกลับมาต่อครับ ผมได้ยินเสียงพี่เตยพูดแทรกออกมาด้วยครับ และเหมือนเขาจะเอามือถือไปครองแล้ว


[ พี่เตย ]  :  ว่างาย น้องโทนจ๋า

[ ผม ]  :  ไรเนี่ยเจ๊มีไร

[ พี่เตย ]  :  อะไรเนี่ยเสียงแข็งเชียวไม่รักเจ๊แล้วเหรอเนี่ย เจ๊เสียใจ ฮือออ


โอย กูล่ะปวดประสาท คนนึงมีสาระ อีกคนออกแนวไร้สาระ โอ๊ยยย แปปนะครับเขียนไม่เป็นสุขเลย คือตอนที่ผมเขียนเนี่ยพี่เตยนั่งอยู่ข้างๆครับ พอผมเขียนถึงเจ๊แกเสียๆหายๆ เป็นอันต้องลงมือตลอดเลย เฮ้อเซ็ง


อ่ะกลับมาต่อ พี่เตยพูดใส่มือถือทักทายมา อ่ะผมก็ตอบกลับไป พี่เตยบอกว่าให้ผมตั้งใจเหมือนกัน อย่าให้เสียชื่อเชียว หมิวอุสส่าห์ติวเรื่องการสัมภาษณ์งานด้วยตัวเองแบบนี้


ผมก็บอกอื้อรู้แล้วน่า แล้วพี่เตยก็ยื่นโทรศัพท์คืนให้พี่หมิวมั้ง เพราะเสียงมันครึ่กๆ ๆ ๆ  จนพี่หมิวก็พูดขึ้นมาอีก

[ พี่หมิว ]  :   โทนจำที่เจ๊เคยบอกได้มั้ย

[ ผม ]  :  เจ๊บอกเรี่องไหนอ่ะครับ หลายเรื่องเลย

[ พี่หมิว ]  :  เอ๊ะ !!!  เดี๋ยวนี้กวนประสาทเจ๊เหรอ ต้องให้ลงไม้ลงมืออีกป่ะ


ผมก็แบบโอ๊ยยยย อะไรเนี่ยเจ๊ ก็เจ๊พูดไว้หลายเรื่องนี่หว่า ผมจำไม่ได้หรอก พี่หมิวก็บอกจำที่เจ๊พูดได้มั้ยว่า แกต้องทำตัวให้ดีเพื่อที่จะคู่ควรและไม่อายใครถ้าจะกลับไปง้อแฟน พอพูดแบบนั้นผมแม่งไฟลุกเลยครับ


ใช่ผมต้องดีกว่านี้ ผมต้องโตกว่านี้ถึงจะไปง้อแฟนได้ แล้วพี่หมิวก็บอกว่าแค่นี้ก่อน เจ๊จะไปเที่ยวแล้ว ผมก็บอกอื้อ อย่ากินเยอะนะเจ๊ พอพูดเสร็จพี่หมิวก็เงียบครับ เชี่ยละ ผมนี่แบบไม่นะ ไม่ อย่าถามนะเจ๊


[ พี่หมิว ]  :  ลืมไรเปล่า หา ???

เอาแล้วไงนี่แหละประเด็นผมนี่แบบ อึ้กอั้ก อึ้กอั้ก ก่อนที่จะพูดไปว่า

[ ผม ]  :  คร๊าบ รักเจ๊คร๊าบบบ

พี่หมิวก็พูดกลับมาว่าอื้มดีมาก แล้วพี่เตยก็แย่งมือถือไปครับ แล้วถามขึ้นมาว่า เจ๊ล่ะ ๆ ๆ   ผมก็ตอบไปอีกว่ารักเจ๊เหมือนกันครับ เฮ้ออ มันเขินนะบอกตรงๆให้มาบอกรักกันตลอดแบบนี้ ถึงจะเป็นพี่น้องกันก็เหอะ


หลังจากที่วางสายไปแล้ว หลังจากที่ตระเตรียมนู่นนี่นั่นเสร็จแล้ว ผมก็นอนครับเพราะพรุ่งนี้ผมต้องทำงาน เช้าวันต่อมาผมก็แบบหนักใจเลยครับหนักใจ ลืมไปเลยครับว่าเงิน M ยังขายไม่ได้เลย

ซึ่งก็หมายความว่าผมมีเงินสดติดตัวไม่ถึง 300 บาท คือแบบถามว่าพอมั้ยในการใช้วันนึง คือมันก็พอแหละครับ เพราะนั่งรถไปกลับก็ 50 บาท เรื่องการกินประหยัดเอาก็ได้ แต่คือแบบมันไม่อุ่นใจนะเอาตรงๆ


เพราะผมก็ไม่รู้ว่าต้องจ่ายอะไรมั่งในแต่ละวัน ผมก็แบบ เอ่อ เอ่ออ พ่อขอยืมตังส์หน่อย สิ้นเดือนคืน คือแบบตอนนั้นผมก็คิดแหละครับว่า เฮ้ย นี่เหรอวะชีวิตหลังเรียนจบ ทำไมเป็นแบบนี้หว่า


ทำไมมันไม่ได้อิสระแบบที่คิดไว้เลยวะ พ่อผมก็ไม่พูดอะไรนะ เดินไปหยิบตังส์มาให้ 3พัน แล้วบอกว่าบริหารเอาเองนะ เชื่อป่ะว่ารับมาทั้งน้ำตาเลย เพราะพ่อผมบอกว่าคิดดอกร้อยละ 20 ฮืออ น้ำตาจะไหล เกือบจะซึ้งแล้วแท้ๆ


ตอนนั้นผมเริ่มคิดนะว่าอยากอยู่หอพักใกล้ๆจัง มันคงจะดีกว่านี้ ผมคงมีเวลาพักมากขึ้น และงานวันนั้นก็เริ่มขึ้นเหมือนเดิม เพราะคำพูดของพี่หมิวเมื่อวานมันทำให้ผมอยู่นิ่งๆไม่ได้ พองานเสร็จผมก็ถามหางานอื่นๆต่อ


ผมพยายามทำผลงาน พยายามช่วยคนอื่นๆให้เยอะๆเข้าไว้เพื่อที่พวกเขาจะเมตตาและเอ็นดู แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่ครับ หลายครั้งที่ผมโดนเขม่น หลายครั้งที่ผมถูกบอกว่าให้เบาๆงานลงหน่อย


พูดง่ายๆเลยคือพวกเขาพยายามจะสื่อว่าผมอย่าทำอะไรข้ามหน้าข้ามตาพวกเขาให้มากนัก เพราะมีหลายครั้งที่ผมพยายามพูดคุยกับพี่จักร รองหัวหน้าแผนก


ผมก็งงนะ เอ้าผมต้องทำงาน แล้วผมไม่รู้เรื่องผมอยากเรียนรู้งาน พวกเขาก็ไม่สอนผม แล้วผมจะต้องทำไง ผมรู้จักแค่พี่จักรคนเดียวนี่หว่า ผมก็ต้องถามเขาดิ่ กลับกลายเป็นว่าผมเข้าหารองหัวหน้าเฉย เชี่ยไรเนี่ย


งานก็ต้องทำ เรียนรู้ก็ต้องเรียนรู้ คิดถึง ( อดีต ) แฟนก็คิดถึง ปวดใจก็ปวด โอยอะไรของผมเนี่ย แต่ว่าตอนนั้นแหละครับที่ผมกำลังทำงานหน้าอึนๆอยู่ มีคนเคาะโต๊ะ ก๊อกๆๆๆ


[ เหมียว ]  :  นี่ นายหน้าบึ้ง พักเที่ยงแล้วนะ


ผมนี่แบบมองตาขวางเลยครับ กูจะทำงาน !!! อันนี้คิดในใจนะครับ แต่พอยิ่งมองตาขวางแล้ว เหมียวก็ยิ่งกวนตีนผมอีก เธอตอบกลับมาว่า โหย หน้าบูดบึ้งแบบนี้ สงสัยอยากได้มะม่วงเนอะ พักเที่ยงได้แล้วม๊างงง


ผมก็แบบมองนาฬิกาครับ เออเที่ยงแล้วว่ะ เอาเหอะกินข้าวก่อน ผมก็ลงไปกินข้าวนะ ก็พอจำได้แล้วว่าตรงไหนมีร้านบ้าง อ่ะผมก็เดินไป แต่ปัญหาคือเหมียวตามมาทำไม ผมก็ถามว่าตามมาทำไม เหมียวก็บอกอะไรอ่า เข้าข้างตัวเองเปล่านายหน้าบึ้ง


เราก็จะไปกินร้านนั้นนะ ผมก็แบบเฮ้อเถียงไม่ออกเอาเถอะ ผมเดินไปกินร้านข้าวแกงแถวๆนั้นครับ อ่าส์ไม่เจอเหมียวละ สบายใจละผม คือไม่ใช่อะไรหรอกครับท่านผู้อ่าน ผมขี้เกียจเจอสายตาของเพื่อนแก๊งค์เหมียวอ่ะ


สายตานี่แบบอื้อหืมเหยียดคนกินข้าวกล่องอ่ะ ทำไมวะผมไปกินบนหัวพวกเขาหรือไงกัน อ่ะช่างเถอะกลับมาต่อ พอผมกินข้าวเสร็จ แน่นอนต้องต่อด้วยเครื่องดื่มยอดฮิตในยุคนั้น ชาเขียวโออิชิ ใครไม่กินนี่โคตรเชย


ทำไมวะเดินถือขวดชาเขียวมันดูไม่คูลล์เหรอยังไงก็ไม่รู้ เพราะเพื่อนของเหมียวกลุ่มเดิมแหละครับ เดินหน้าสลอนมาเลย แล้วแบบในมือนี่ถือกาแฟยี่ห้อดาวแมลงมาด้วย แหม่ถือแล้วทำเชิดด้วยน่ะ


คือเฮ้ยเอาจริงๆนะ ผมไม่ได้อยากยุ่งกับรสนิยมหรือความชอบอะไรหรอก เพราะมันเป็นเงินของคุณ มันเป็นความชอบของคุณ แต่แบบทำไมต้องมองผมด้วยสายตาแบบนั้นวะไม่เข้าใจ ผมไม่ได้มีเจตนาจะพาดพิงใครนะ


เพราะคนนิสัยดีๆที่ชอบดื่มกาแฟแบรนด์นี้ก็เยอะ แต่ทำไมผมต้องเจอไอ้พวกถือแก้วแล้วมองเหยียดด้วยไม่เข้าใจเล๊ยพับผ่าสิ่ ผมก็แบบเฮ้อเอาวะเรื่องของมึงไปอยู่คนละฝ่ายคนละแผนกกัน


แต่ตอนนั้นเองครับ เหมียวก็ทักขึ้นมาพอหันไปผมก็เห็นเธอกำลังถือของกินมาเต็มเลย ผมก็เดินหนีเลยครับ เหมียวก็บอกหยู๊ดดดด หยุดก่อนสิ่ หยุดก่อน หนักง่ะช่วยถือหน่อย


ผมก็แบบฮึ่ย !!! ทนไว้ ทนไว้ รอผ่านโปรก่อน ทนไว้ ผมก็เดินไปช่วยถือของกินครับ สุดท้ายเหมียวก็หยิบของทั้งหมดใส่มือผมครับ ผมก็แบบเฮ้ยไหนบอกให้ช่วยถือไง นี่มันโยนภาระเลยไม่ใช่เหรอ


[ เหมียว ]  :  ก็ใช่ไง ช่วยถือหมดเลยไง เฮ้อสบายจัง


แล้วเหมียวก็เดินดูดน้ำในถุง ซึ่งเดาว่าเป็นน้ำแดงมะนาว เธอเดินดูดและเดินนำไป ผมก็แบบโอยอะไรวะเนี่ย ทำอะไรไม่ได้เลยครับนอกจากเดินไป เพราะยังไงผมก็ทำงานแผนกเดียวกับเธอ โคตรเป็นรุ่นพี่ที่น่าปวดหัวเลย


ผมบอกว่าทำไมซื้อเองไม่ถือเองล่ะครับพี่เหมียว เหมียวก็บ่นอีก โห้ย !!!  นายหน้าบึ้งขี้บ่นอ่ะก็หนักนินา ถือให้หน่อยสิ่ ชิร์  ผมนี่แบบฮึ๊ อะไรวะ แบบนี้ได้เหรอวะ


พอมาถึงที่โต๊ะเหมียวก็หยิบถุงต่างๆนาๆไว้กับตัวแล้วก็บอก อื้ม ก็ไม่หนักนี่เนอะ รู้งี้ถือเองดีกว่า แล้วเขาก็เดินหายไป ผมนี่แบบอะไรวะเนี่ย คนเรามันเป็นได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอ หรือว่าเขาทำงานหนักไปวะ


วันนั้นคือหลังจากที่งานทั้งหมดประดังประเด โอเยชะลาล่าเข้ามาไม่หยุด เชี่ยเอ๊ยบอกเลยครับว่าหัวหมุน คืองานที่ทำเนี่ยมันไม่ได้ตรงสายเลยครับ แต่ทำยังไงได้มันมีงานแล้วอ่ะ ผมมีโอกาสที่ดีกว่าคนอื่นๆ


ผมเลยต้องพยายามมากกว่าปกติตามที่พี่หมิวบอก โอยเหนื่อยชิบหายคือ แบบจะทำอย่างนี้ อยากทำเต็มที่ก็ไม่ได้กลัวจะไปข้ามหัวพวกรุ่นพี่ ทำน้อยเกินไปก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าไม่จริงจังกับงาน


ทำไมลำบากแท้น้อชีวิตพนักงานเฮ้อ แต่ก็เอาเถอะนี่มันแค่ก้าวแรกแหละครับ ผมต้องอยู่ในสังคมแบบนี้ให้ได้ แต่สิ่งที่น่าปวดหัวคือ แกร่บบบ  ถุงพลาสติกถูกวางลงตรงหน้าผม มันคือฝรั่งแช่บ๊วย


ผลไม้ดัดแปลงที่ฮิตโคตรๆในช่วงเวลานั้น เอาจริงๆผมชอบสีของมันนะ จากเปลือกฝรั่งแข็งๆกลายเป็นเปลือกสีเขียวนวลๆ กึ่งสะท้อนแสง.... แต่มันใช่เวลาไหมเนี่ยผมต้องทำงานเฮ้ย !!!


[ เหมียว ]  :  กินมั้ย นายหน้าบึ้ง จะบ่ายสองแล้วนะ


ผมนี่แบบมองหน้าเลยทีนี้ เออก็จะบ่าย2 ไง แล้วนี่เอาเวลาไหนลงไปซื้อของมากินวะเนี่ย ผมก็พิมพ์งานแกร่กๆๆๆ ด้วยความเร็วสูงเลยครับ แต่พอยิ่งรีบไม่รู้ทำไมงานยิ่งแย่ พิมพ์ผิดเยอะมากๆเลย


จนเหมียวก็บอกว่า นี่นายคนใหม่หยุดเลย ทำงานมั่วซั่วสะเปะสะปะไปหมดแล้ว มานี่เลย แล้วเหมียวก็ลากผมไปเลยครับ ลากมาที่ห้องๆหนึ่งที่ผมไม่รู้จัก หืม ทำงานมาหลายอาทิตย์แล้วถึงไม่เคยเห็นเลยนะ


มันมีกระสอบทรายด้วยเว้ยเฮ้ย นี่มันห้องอะไรกันวะ !!! เหมียวเดินไปและตีกระสอบทรายแปะๆๆ แล้วบอกว่าอ้ะลองเตะดู ผมก็งงว่าอยู่ดีๆให้ผมทำอะไร ผมก็บอกเหมียวว่าไม่ว่างเล่นนะต้องทำงาน


ผมจะเดินออกแต่เหมียวก็ดึงๆไว้แล้วบอกว่านี่รุ่นพี่พูดอยู่นะฟังมั่งสิ่ ไม่น่ารักเลยนะ ผมนี่แบบฮึ่มกำหมัดเลยครับ เหมียวก็บอกว่าอ้ะๆๆลองเตะดูซักสอง สามที เผื่อจะได้มีสมาธิทำงาน


ผมก็แบบ อิหยังวะ แล้วมองไปที่เหมียวที่ตอนนี้เหมือนแบบกำลังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ ผมก็แบบฮึ้ย !!!  เอาก็เอา ผมถอนหายใจฟู่ว และถอดรองเท้า ถอดถุงเท้าออก ผมขยับๆ ดึงเอวกางเกงขึ้นสูงมานิดนึง


เพราะกางเกงสแลคที่ผมใส่ให้มันพอดีตัวเพื่อให้ดูสวยงาม และ เป็นไปตามที่พี่หมิวบอก ผมสูดหายใจ ซื๊ดดด ปล่อยออก ฮ่อววว และ ปั้ง ปั้ง ปั้ง !!!


ผมหวดกระสอบทรายในห้องนั้นเสียงดังสนั่นจนเหมียวต้องเอามือมาปิดหู เอาล่ะพอได้เหงื่อ ผมใส่ถุงเท้ารองเท้าจัดระเบียบเสื้อผ้าและออกมาเลย ปล่อยให้เหมียวยืนอยู่แบบนั้นไป


พอกลับเข้ามา พี่จักรเดินหน้าตาตื่นมาเลยครับถามว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงดังถึงห้องหัวหน้าเลย ผมก็บอกไปตามตรงว่าเหมียวบอกให้เตะกระสอบทราย ผมก็เลยเตะครับ


พี่จักรก็แบบ เอ่อะ เอ้ออ  สงสัยทำงานกดดันสิ่นะเหมียวเลยพาไปห้องนั้น ผมก็แบบครับ พี่จักรก็บอกอื้มๆ งั้นทำงานต่อเลยก็ได้ มีอะไรไม่เข้าใจเดินมาถามพี่ล่ะ ผมก็บอกครับๆ และเดินไปทำงาน


ผมก็สงสัยนะว่าผมเตะแรงขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะห้องของหัวหน้าแผนกนั้นเป็นห้องกระจกมันจะดังขนาดนั้นเชียวแต่ช่างเถอะ ผมก็กลับมานั่งทำงานต่อ ดูเหมือนว่าพี่ๆหลายคนก็เดินมาถามนะว่างานเป็นไงมั่ง อะไร นู่นนี่นั่น


ผมก็งงนะ ว่าอะไรวะอยู่ดีๆก็มีเมตตาเฉยเลย ผมก็ตอบไปว่าครับไม่เข้าใจหลายที่เลยครับ อย่างที่บอกไปครับ อาจจะเพราะตอนนั้นผมพึ่งเลิกกับแฟน หน้าตาของผมมันเลยไม่ค่อยรับแขก ปฏิสัมพันธ์กับคนในแผนกก็ไม่ค่อยดีนัก


มันเลยไม่แปลกที่พี่ๆเขาจะไม่เข้ามาคุยด้วย แต่แปลกแฮะทำไมอยู่ดีๆพี่เขา เข้ามาถามมาคุยแบบนี้ แต่ผมก็ไม่มีเวลาคิดอะไรหรอกนะ เพราะงานมันรออยู่ ซึ่งผมจำไม่ได้ว่าพี่คนไหนพูดกับผม


เขาบอกผมว่า work hard มันก็ดีนะ แต่ต้องให้ Smart ด้วย ( ผมเอาคำนี้ไปใส่ในเทพวายุด้วย ) ผมได้ฟังก็รู้สึกผ่อนคลายมากเลยเชื่อมั้ย จากนั้นผมก็นั่งทำงานไปเรื่อยๆครับ


จนกระทั่งตอนเย็น โอยเมื่อยชิบ คือทั้งเมื่อยตัว ทั้งเมื่อยสมองเลยครับ ที่จริงแล้วงานผมเสร็จตั้งแต่ 5 โมงเย็นนะ เก็บของเสร็จก็ตั้งแต่ 5 โมง 15 นาที แต่ผมต้องนั่งรอให้หมดเวลา


และต้องรอให้พี่ๆในห้องเดินออกกันไปซักส่วนหนึ่งก่อน แล้วค่อยเดินออกมา ผมนี่แบบเหนื่อยมากเลย ทำงานว่าเหนื่อยแล้ว แต่กลับบ้านเหนื่อยกว่าอีก โอยกูน็อคแน่ๆ


แล้วพอมันมีเวลาว่างพอมันได้อยู่คนเดียว ผมก็คิดถึงแฟนเก่าอีกแล้วครับ ทำไมนะ ทำไมเราไม่ได้รักกัน อยากต่อว่าฟ้าดินที่ให้เราพบเจอ แต่ทำไมไม่ให้เราอยู่ด้วยกันนานกว่านี้


เฮ้อ แล้วตอนนั้นเองก็มีใครบางคนกระตุกๆๆกระเป๋าสะพาย Out Door ของผม แล้วเสียงที่ตามมาคือ นี่นายหน้าบึ้งกลับแล้วเหรอ ผมนี่แบบโอย ตามรังควาญจริงๆเลย

แล้วเหมียวก็เดินมาดักหน้าครับแล้วบอกหิวข้าวจังเลย ผมก็เงียบ คราวนี้เหมียวก็บอกอีกว่า สุภาพสตรีบ่นว่าหิวข้าวแล้วเนี่ย ผมก็เลยบอกว่าตามสบายครับคุณสุภาพสตรี แล้วผมก็จะเดินหนี แต่เหมียวก็ดึงไว้อีก


แล้วบอกโอ๊ยไม่เข้าใจเลยเนี่ย แบบนี้จะมีแฟนได้ไงไม่เข้าใจผู้หญิงเลย อื้อหืม ตอกย้ำกูอีกแล้ว ผมปัดมือทิ้งเลยเชื่อป่ะ แล้วพูดสวนไปว่าอย่ามายุ่ง เฮ้ยเอาจริงๆ คือเข้าใจคนอารมณ์กำลังดิ่งป่ะ บอกเลยว่าไม่ควรมากวนตีน


แต่ว่าพอผ่านไป 5 วินาที ผมถึงกับคิดในใจ ชิบหายแล้วนี่กูกำลังแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวกับรุ่นพี่เหรอเนี่ย เหี้ยแล้ว เหี้ยแล้วไง ผมจะตกประเมินไหมวะ ผมหันไปมองตอนนี้เหมียวก็ดูหน้าเสียนิดนึงนะ ผมก็เลยบอกขอโทษไม่ได้ตั้งใจ


แต่เหมียวก็บอกว่าไม่เป็นไร พี่จักรบอกแล้วว่าผมมีเรื่องไม่สบายใจอยู่ อ้ออ ผมก็เลยรู้ว่าที่เธอเข้ามาคุยแบบนี้ คงเพราะพี่จักรขอให้ช่วยล่ะมั้ง ผมก็เลยบอกว่าขอบคุณที่เข้ามาช่วยเหลือ แต่ไม่เป็นไรแล้ว


วันนั้นผมกลับบ้านเลยครับ รถเมล์มาผมก็ขึ้น แต่เหมียวก็ขึ้นมาด้วย ซึ่งก็พอเข้าใจว่าเป็นทางเดียวกัน เราสองคนยืนโหนรถเมล์ด้วยที่ไม่พูดอะไร แต่ว่าเหมียวโหนไม่ถึงครับไม่ใช่ว่าตัวเตี้ยหรอกนะ


แต่เพราะด้วยความที่คนมันเยอะ คนมันเบียดเลยทำให้เหมียวจับไม่ถนัด เธอเลยจับที่สายสะพายกระเป๋าของผมแทน ผมก็แบบไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะเมื่อกี้ผมเองก็ทำไม่ดีกับเธอด้วย


เอี๊ยดดด ผมมองๆๆๆแล้วก็ดูว่าถึงป้ายที่เธอต้องลงแล้ว ผมก็บอกเธอว่าถึงแล้ว เธอก็อื้อๆแล้วก็เดินลงไป แต่ปัญหาคือเธอดึงสายสะพายกระเป๋าผมไปด้วย ผมก็แบบเฮ้ย !!!  ทำไรเนี่ย แล้วมันเหมือนโดนบังคับในตัวอ่ะเพราะถามว่าผมฝืนได้มั้ย


ได้แน่นอนผมเชื่อว่าผมแรงเยอะกว่าแน่ๆ แต่ไอ้สายตาเป็นสิบๆคู่ที่จ้องอยู่ล่ะ ถ้าผมยื้อๆยุดๆจะเกิดอะไรขึ้น คนลงก็ไม่ได้ลง คนจะขึ้นก็ไม่ได้ขึ้น ผมต้องโดนด่าพ่อแน่ๆ


ผมต้องลงตามเหมียวไปครับ พอลงมาผก็ถามว่าทำไรเนี่ย เหมียวก็บอกหิวข้าว กินข้าวก่อน ผมก็แบบโอย กูอยากกลับบ้าน อยากกลับไปกินข้าวบ้าน อยากประหยัดเงินไว้ใช้ยามจำเป็นโว้ย


แต่เหมียวก็ยังยืนยันว่าหิวแล้ว หิวมาก หิวใส้จะขาด ผมก็เลยแบบเออๆตามใจ จนเหมียวก็ลาก ต้องใช้คำว่าลากนะ ไปกินข้าวร้านแถวๆนั้น ซึ่งมันเป็นร้านขายข้าวแกงธรรมดาๆ โอเครับได้อยู่


ซึ่งตอนกินนั้นเหมียวก็ชวนคุยหลายๆอย่างนะ นี่นายโทน นายชอบกินพะแนงหมูเหรอ ผมก็ตอบอื้มๆ แล้วก็กินต่อ ซึ่งหลังจากที่กินเสร็จแล้วเหมียวก็ชวนผมเดินเล่นครับ


เราเดินผ่านหลายที่มากเลยนะ จนผ่านร้านผับกึ่งบาร์ร้านหนึ่ง บรรยากาศดีนะผมมองแล้วชอบเลย เหมียวก็พูดขึ้นมาว่าเธอเองก็ชอบมานั่งร้านนี้เวลาไม่สบายใจนะ ผมก็เลยถามไปว่าแบบพี่เหมียวน่ะเหรอไม่สบายใจ


กวนประสาทคนอื่นได้ตลอดเวลา เหมียวก็แบบโห้ย !!!  นายหน้าบึ้งกล้าว่าแบบนี้เลยเหรอ แล้วเธอก็วิ่งไล่ทุบผมเลย ผมก็แบบโอ๊ยๆ ๆ ๆ ๆ เฮ้อคนอะไรพลังงานเยอะชิบหาย


วันนั้นเดินได้อีกแปปเดียวเราก็แยกกันกลับครับ และอีกวันต่อๆมา พี่หมิวก็โทรมาหาผม เขาบอกว่าวันนี้มาหาเจ๊ที่บริษัท บลาๆ หน่อยสิ่ ผมก็แบบเอ่อที่ทำงานแฟนเก่าผมนี่หว่า ผมก็อึ้กๆ อั้กๆ


พี่หมิวก็ดุเลยทีนี้ บอกว่าให้ผมมาหาด้วย วันนี้ไปส่งเจ๊ที่บ้านหน่อย ผมก็แบบครับๆ เฮ้อ วันศุกร์ทั้งที นึกว่าจะได้กลับบ้านไวๆ ผมออกจากบริษัทแล้วก็ตรงไปหาพี่หมิวเลยครับ


แต่พอไปถึงมันก็เกิดสิ่งที่ผมไม่อยากจะเห็นมากที่สุดในชีวิตเลย ผมเห็นแฟนเก่าผมกับแฟนใหม่ของเธอกำลังจูบกันพอดี ผมดีแบบ.... นิ่งทำอะไรไม่ถูกเลยครับ เคยมั้ยครับอยู่ดีๆใจก็เต้น ขอพูดหยาบๆเลยนะ ใจเต้นแต่ผมไม่รู้สึกดีใจเหี้ยอะไรเลย ใจผมดิ่งลงมากตอนนั่น


เรียกว่าใจสั่นเหอะ แล้วแม่งจูบกันตรงหน้าผมเนี่ย เหี้ยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ผมนี่แบบนิ่งตัวสั่น มือสั่นไปหมดเลยครับ แล้วแบบแฟนผมมันก็หันมาหาผมเว้ย แล้วทำท่าเหมือนยิ้มเยาะ แต่ว่าเธอยิ้มได้ไม่นานหน้าก็ดูถอดสีไปเลย


และตอนนั้นเองมือของใครบางคนก็วางแหมะตรงหัวไหล่ของผม ซึ่งพอมองไปเนี่ยก็เป็นพี่หมิวครับ พี่หมิวมาทำอะไรแถวนี้วะ แล้วทำไมใส่ชุดทำงานล่ะ พี่หมิวคือใส่เสื้อแบบนี้เลยครับ



ชุดก็คือชุดออฟฟิศเลย เธอวางมือแปะบนหัวไหล่ผม ซึ่งตอนนั้นแฟนเก่าผมหน้าถอดสีไปแล้ว แถมไอ้แฟนใหม่ก็มองพี่หมิวจนตะลึงไปเลย


[ พี่หมิว ]  :  คนที่กระจอกน่ะ คงไม่ใช่ทางนี้หรอก จริงมะ


แล้วพี่หมิวเธอก็ทำอะไรบางอย่างครับ เธอใช้นิ้วเรียวๆลูบที่ใบหน้าผมเบาๆ และจุ๊ปลงที่แก้มจนสิปสติกสีแดงติดหน้าผมเลย แฟนผมเองก็ถือว่าเป็นคนสวยนะ น่ารักเลยล่ะ แต่ถ้าให้เทียบกับพี่หมิวก็ต้องขอพูดตรงๆว่าห่างกันลิบ


พี่หมิวนี่ทั้งทรวดทรงองเอว ทั้งผิวพรรณ จริตจะก้าน พูดตรงๆคือ SEX appeal สูงมาก คือแบบแค่เขาเดินผ่านก็ดึงดูดสายตาคนได้แล้วล่ะครับ หมิวถามผมอีกครั้งว่ากลับกันยังหืม ผมก็แบบอื้มกลับกันเลย


ซึ่งก่อนกลับพี่หมิวก็พูดนะครับว่า เวลาทำงานน่ะขอให้ตั้งใจเหมือนตอนถากถางคนอื่นหน่อยนะ ผมก็งงนะว่าอะไรหว่า แล้วเชี่ยเอ๊ยพูดแล้วขนลุกเลย พ่อแก้วแม่แก้วเอ๊ยไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอฉากแบบนี้ในชีวิตจริงๆ


หลังจากที่พี่หมิวพูดเสร็จแล้ว ตอนแรกผมงง แต่พอคำพูดที่ออกมาจากปากไอ้ผู้ชายคนนั้นมันพูดขึ้นมาผมนี่ถึงกับอึ้งเลย

ครับ คุณหมิว


ผมนี่แบบฮึ๊ !!!  อะไรนะ อิหยังนะ อะไรซิ๊ !!!  ไอ้คนๆนั้นพูดว่าคุณหมิวเหรอ อย่าบอกนะว่า !!!  แล้วพี่หมิวก็คว้ามั่บที่แขนผมครับแล้วถามว่ากินไรดีหืม พูดเสร็จก็ออกแรงบีบอีกผมนี่สะดุ้งโหยงเลยครับ ต้องตามน้ำสิ่นะแบบนี้


[ ผม ]  :  อื้ม ตามใจสิ่ครับ อยากกินอะไรล่ะ

พี่หมิวก็ไม่พูดครับ แต่ยื่นกุญแจรถให้แล้วบอกว่า ขับรถด้วยเลย ประชุมเมื่อยจะแย่ๆ เฮ้ออ แล้วด้วยความเคยชินไง พอรับกระเป๋ามา ผมก็ยกมือขึ้นเพื่อขอกระเป๋าพี่หมิว ก็คือปกติผมก็ถือให้ประจำอ่ะครับ พี่หมิวก็ยิ้มและยื่นให้และจูงมือผมเดินไปทันที


พอมาที่รถพี่หมิว ผมร้องไห้เลยเชื่อมั้ยคือแบบทุกอย่างแม่งถาโถมเข้ามาจนทำอะไรไม่ถูก งั้นผมจะทำทั้งหมดไปเพื่ออะไรล่ะครับ ถ้าเขาไม่กลับมา ผมร่องฮึ้ก ฮึ้ก ฮึ้ก เลย ตอนนั้นน่ะไม่ได้คิดอะไรเลยครับ


ผมรู้แค่ผมเสียใจมาก ผมเห็นภาพตรงนั้นแล้วใจผมหายวั๊บไปเลย ผู้ชายคนนี้กำลังหมดแรงจริงๆครับ


เฮ้อ พอมานั่งคิดตอนนี้แล้วโคตรอายเลย โอยทุกวันนี้มองหน้าพี่หมิวแล้วนึกถึงวันนั้นที่ร้องไห้ให้พี่เขาเห็นทีไร ผมนี่แบบอูยยย กูทำไรลงไปวันนั้น



แต่ตอนนั้นผมอ่อนแอมากจริงๆนะ ผมพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง ตัดผมให้สั้น พยายามเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวให้ดีขึ้น


เพราะถ้าวันนึงเรากลับมาคบกัน เธอคนนั้นจะได้ไม่อายใครที่มีผมเดินข้างๆ ผมร้องหนักเลย ร้องเหมือนแบบอัดอั้นมานาน



พี่หมิวเขาก็ตบไหล่ผมเบาๆนะแล้วถามผมว่าอยากกอดเจ๊มั้ย ผมก็บอกนะว่าไม่เป็นอะไรครับ ผมเช็ดๆๆๆแล้วก็ขับรถไปส่งพี่หมิวที่บ้าน


วันนั้นผมเจอพี่แมนครับ เอาจริงๆผมกลัวพี่แมนนะพูดตรงๆ คือเคยแบบว่าเผชิญหน้ากับใครสักคนแบเวรู้สึกว่าเราตัวเล็กกระจ้อยร่อยไหมครับ


ผมเป็นแบบนั้นเลย จริงอยู่ว่าพี่แมนเขาไม่ถือตัว แต่เพราะยิ่งไม่ถือตัวนั่นแหละยิ่งต้องเกรงใจ ยิ่งน่าเกรงขาม เอ้า !!! มาส่งไอ้หมิวเหรอ


ผมตอบครับสั้นๆคำเดียว คือไม่รู้จะเรียกอะไรอ่ะเรียกคุณแมน มันก็อืมแปลกๆ จะเรียกพี่แมนก็ดูตีสนิทเกินไป จนพี่แมนเดินมาถามว่าเป็นไรเนี่ยตาแดงๆ


หรือไอ้หมิวรังแก พี่หมิวก็โวยวายขึ้นมาว่า โหยพี่แมนเห็นน้องเป็นคนยังไงเนี่ย พี่แมนเลยพูดขึ้นมาก็เพราะรู้ไงว่าแกเป็นคนยังไงไอ้หมิว พี่ถึงถามเนี่ย 555


แล้วพี่แมนก็หันมาถามผมครับว่าไงเอ็ง เลิกกับแฟนมาใช่มะ ผมนี่แบบหันไปหาพี่หมิวเลย พี่หมิวรีบโบกมือเลยครับ บอกเจ๊เปล่านะเจ๊ไม่ได้บอก


พี่แมนเขาเดินมาหาผมครับแล้วบอกว่า มันมีไม่กี่เหตุผลหรอกที่ทำให้ลูกผู้ชายน้ำตาไหลได้น่ะ ร้องไห้ให้พอเถอะเอ็ง เมื่อวันไหนที่ตัวเอ็งน่ะดีพอแล้วโลกมันจะเหวี่ยงคนที่ใช่มาให้เอง


อื้มหืมจำฝังใจเลยคำนี้ ทำไมคำพูดของคนๆนี้มันหล่อจังเลยวะ แล้วพี่แมนก็ตบไหล่ผมครับ ว่ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกพี่ได้นะ


ผมนกมือไหว้ขอบคุณพี่แมน ซึ่งเขาก็ยิ้มๆให้ก็ขึ้นรถขับออกไป พอพี่แมนไปแล้ว พี่หมิวก็เกอนมาหาผมครับ ลากผมไปนั่งคุยในสวนหลังบ้าน


พี่หมิวถามผมนะว่าอยากร้องไห้มั้ย โอโห เท่านั้นแหละร้องไห้เลยครับ คือช่วงนั้นมันจะมีวลีติดปากวัยรุ่นคือ ร้องไห้เป็นตุ๊ด ( ขออนุญาต หยิบมาเล่า )



ผมนี่แบบร้องไห้เป็นตุ๊ดเลยตอนนั้น ร้องโฮเลยครับ ผมถามพี่หมิวว่าแล้วที่ผมทำมามันจะมีความหมายอะไรครับ ฮือออ ฮึ้กก ฮึ้กก โอยเล่าแล้วอนาจใตตัวเอง


แล้วพี่หมิวเขาก็จับหน้าผม ประคองขึ้นมาแล้วถามผมว่า เมื่อเช้าใครแต่งตัวให้ เอ้า !!! อะไรเจ๊ ผมก็งงนะ นี่กูเสียใจอยู่นะเนี่ย


พี่หมิวถามซ้ำอีกว่าใครเลือกเสื้อผ้าให้ ผมบอกเลือกเอง พีาเขาถามอีกว่าใคร set ทรงผมให้ ผมก็บอกว่าทำเอง พี่หมิวก็ยิ้มแล้วบอกว่าเห็นมั้ย ที่ทำมาทั้งหมดมันมีความหมายแล้ว


ผมงง บอกเลยตอนนั้นงง แล้วพี่เขาคงเห็นผมทำหน้าอึนมั้งครับ พี่หมิวเลยพูดต่อว่า แกเปลี่ยนแปลงตัวเองมากเลยนะอีโทน พี่หมิวเอามือแตะที่หลังของผมแล้วบอกว่า



นี่ไง ทั้งๆที่เจ๊ไม่ได้บ่นแต่ก็แกนั่งหลังตรงเชียว ใช่ครับผมนั่งหลังค่อมๆ เหตุผลคือสบาย พี่หมิวแตะๆที่ทรงผมครับแล้วบอกว่านี่ไง แก ใส่ใจเรื่องทรงผมมากกว่าแต่ก่อนเยอะเลย แกตัดสั้นทุกเดือน โดนที่เจ๊ไม่ต้องบ่นแล้ว


ใช่ครับ เมื่อก่อนชอบไว้ผมยาว คือบอกเลยว่าตอนผมเรียนมหาวิทยาลัย คนที่มีอิทธิพลต่อทรงผมของผมคือพี่ปั้ป โปเตโต้ ผมเคยคิดว่าผมจะไม่ตัดผมสั้นแน่ๆ เพราะผมชอบแบบนี้ อีกอย่างคือผมอยากไว้ผมแบบนี้


แต่ตอนนี้ผมตัดแทบทุกเดือนเพราะต้องรักษาบุคลิกภาพเอาไว้ ผมนิ่ง ผมเงียบ พูดอะไรไม่ออกจนพี่หมิวได้พูดอะไรออกมา


[ พี่หมิว ]  :  ฟังเจ๊นะ เจ๊รู้มาตั้งนานแล้วว่าแฟนแก มันคบซ้อน แต่เจ๊ไม่อยากจะบอกแกตรงๆ

ผมนี่แบบหันหน้ามองเลย คือแบบคำถามมากมายแม่งถาโถมเข้ามาตุ้บๆๆๆ ทำไม ทำไมพี่หมิวไม่บอกผมล่ะครับ ทำไมกัน พี่หมิวเขาบอกว่า เจ๊อยากให้แกเห็นด้วยตาของตัวเอง


เจ๊รู้ว่ามันเจ็บนะ แต่แกต้องเข้มแข็งและผ่านมันไปให้ได้นะ คือแบบตอนนั้นพอมันรู้ความจริงแล้วอารมณ์มันแบบเจ็บปวด แม่งเหมือนตอนที่รู้ว่า มวยปล้ำ wwe มันเป็นแค่การแสดงไม่ใช่การตี การต่อยจริงๆ เชี่ยนี่กูโดนหลอก โถ่ ฮาร์ดี้บอย โถ่ สแวนเทิ้ลบอมบ์ การแสดงเหรอวะ ขอนอกเรื่องนิดนึงตอนนั้นตูดริต้าสวยมาก แค่นั่นแหละ


อ่ะกลับมาต่อ พี่หมิวยังพูดกับผมอีกนะว่า เธอรู้ว่าผมก็มีเผื่อๆใจไว้บ้างแล้วใช่มั้ย ว่าจะไม่ได้แฟนคืน ผมนิ่ง นิ่งๆ จนพี่หมิวต้องหยิกแก้มผมสองข้างและดึงออกจนผมเจ็บไปหมด


ผมบอกอ๋อย เอ่บ เอ่บ อั๊บ พอพี่หมิวปล่อยผมก็บอกเธอไปว่า อือผมเผื่อใจไว้บ้างแล้ว แต่ผมแค่เสียใจ แล้วแบบนี้ผมจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเพื่อใครอ่ะเจ๊ พี่หมิวเธอนั่งข้างๆมองหน้าผม แล้วบอกว่า


งั้นแกก็ลองเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อตัวแกเองสิ่ ผมมองพี่หมิวเลยครับตอนนั้น อะไรของเขาวะ พี่หมิวบอกว่า แกต้องดูแลตัวเองนะอีโทน แกเรียนจบแล้ว ตอนนี้แกต้องทำให้ตัวเองเติบโตนะ


พี่หมิวบอกผมแบบนั้นและกุมมือผมไว้แน่นเลย ตอนนั้นผมก็ยังเจ็บอยู่นะที่รู้แล้วว่ายังไงก็ไม่มีทางได้แฟนคนเดิมกลับมา สิ่งที่ผมทำได้คือทำใจแล้วก้าวต่อไปสิ่นะ


ผมกลับบ้านมาทั้งน้ำตา ผมถามตัวเองว่าผมจะทำได้มั้ยผมจะไหวหรือเปล่า ช่วงวันเสาร์ อาทิตย์มันเป็นนรกของคนอกหักจริงๆนะ แล้วแบบผมแทบอยู่ไม่ได้เลย ผมไม่กล้าโทรหาใคร ผมทำได้แค่ออกไปวิ่ง วิ่ง วิ่ง


วิ่งให้มันเหนื่อยจนน็อคนั่นคือสิ่งที่ผมทำได้ เพื่อที่จะผ่านช่วงเวลานั้นไป ซึ่งอย่างที่บอกจริงอยู่ว่าพี่หมิวกับพี่เตยเขาคอยดูแลผมนะ แต่พี่เขาก็มีสังคมของเขา เขาก็อยากมีเวลาส่วนตัว ผมคงจะขอให้เขามาอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้


ส่วนเรื่องออกไปกินเหล้าสังสรรค์นั้นผมทำไม่ได้เลยครับ เพราะเงินที่มีในกระเป๋า มันทำให้ผมอยู่ได้แค่ถึงสิ้นเดือน มันคงแย่อ่ะถ้าต้องไปขอเงินพ่อกับแม่อีก ทั้งๆที่พึ่งขอยืมมา 3 พัน ใครที่อกหักคงรู้ดีวาความรู้สึกของผมตอนนี้เป็นยังไง



วันจันทร์ ณ ที่ทำงาน

ผมเดินทางมาทำงานตามปกติที่เคยทำ นี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้วที่ผมใช้ชีวิตการทำงาน ผมเหนื่อยจังครับ ต้องตื่นเช้ามาทำงานแบบนี้ คือมันก็ต้องยอมรับแหละว่านี่คือชีวิต แต่ผมก็อยากมีเวลาพัก มีเวลานอนมากกว่านี้นี่นา


[ เหมียว ]  :  โห้ !!!  นายหน้าบึ้ง ทำไมวันนี้บึ้งแต่วันเลยล่ะ

ผมก็ไม่ได้สนใจนะ ผมเดินไปตี๊ดบัตรทำงานก่อนเลยครับตอนนั้น พอเดินเข้ามาในห้องทำงาน แผนกผมมันจะมีช่วงเวลา 15นาที ก่อนทำงาน มันคือ RELAX TIME ใครอยากทำอะไรก็ทำได้เต็มที่


ผมก็นั่งหน้าเอ๋อเลยครับ ผมคิดว่าจะทำยังไงต่อไปดี เพราะต้องทำใจแล้วว่าผมคงไม่ได้คืนดีกับแฟนแล้วแน่ๆ แล้วตอนนั้นเอง ปึ้ง !!!  เหมียวก็มาทุบโต๊ะครับ ผมหันมองแล้วหยิบผ้ามาเช็ดๆถูๆตรงที่เธอทุบทันที


[ เหมียว ]  :  โห้ !!!  นี่ต้องเช็ดเลยเหรอ


ผมเดินหนีเลย ผมขี้เกียจทะเลาะครับ ผมเดินไปไหนรู้มั้ย ผมเดินนอนในห้องน้ำครับ ใช่ครับท่านฟังไม่ผิดผมเข้าไปนอนในห้องน้ำ ผมถือสมุดมาเล่มนึง ปิดฝานั่งและแนบฝานั่งนั่นแหละครับ


ผมตั้งนาฬิกาไว้นะ 10 นาทีแล้วตื่นมาเลย แล้วอะไรรู้มะ เหมียวยืนกอด.อก รออยู่ที่โต๊ะครับ เขาถามว่าผมไปไหน ผมที่ด้วยความที่พึ่งตื่นและงัวเงียก็เลยไม่ได้พูดอะไร


จนพอถึงเวลาทำงานพวกเราก็แยกกันทำงานครับ ผมก็ต้องพึ่งตัวช่วยซึ่งมันคือไอ้เชี่ยนี่



อื้มหืม พอเข้าปากเท่านั้นแหละ จากที่ไม่มีแรงแม้แต่จะแกะ แม่งดีดยิ่งกว่าม้าบอกเลย แล้วผมก็ทำงานไปเรื่อยครับ พักกลางวันก็ลงมากินข้าว ผมไม่อยากให้ใครเห็นนะตอนผมซึมๆ ผมหนีไปกินข้าวไกลๆนิดนึง


ตอนกลับมาเหมียวก็มาหาแล้วบอกว่าไปไหนมาเนี่ยนายหน้าบึ้ง ผมก็แบบกินข้าว เหมียวก็ถามว่าเป็นไรเนี่ย หน้าบึ้งอีกแล้ว ผมก็เลยพูดออกไปว่าจะอะไรนักหนาเนี่ย


เหมียวก็พูดออกมาว่า โห้ !!!  รุ่นพี่อุสส่าห์เป็นห่วงนะหยิ่งจัง ผมเลยบอกว่างั้นจะให้กราบเท้าเลยมั้ย เหมียวเธอก็พูดขำๆนะเอาสิ่ๆ ผมก้มลงกราบเลยเชื่อมั้ยครับ ผมคิดในใจคือจะเหี้ยอะไรนักหนา


ผมไม่รู้หรอกว่าคนเห็นเยอะมั้ย พอกราบเสร็จผมเดินไปหาพี่จักรเลยแล้วบอกว่า พี่จักร พี่ไม่ต้องให้คนมาประกบผมก็ได้ ผมมีปัญหาส่วนตัวก็จริงแต่ผมจะพยายามปรับปรุงตัวเองไม่ให้กระทบงาน ผมขอบคุณที่พี่เป็นห่วง แต่ตอนนี้ผมไม่มีเวลาส่วนตัวเลย


ผมพูดกับพี่จักรแค่นั้นแล้วก็กลับมาทำงานเลย ตอนนี้ผมบอกเลยว่า ทุกคนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ผมเลย หน้าผมมันไม่รับแขกเอามากๆ เหมียวก็เข้ามาคุยนะหยิบนั่นหยิบนี่มาให้ แต่ผมก็ปล่อยมันไว้แบบนั้น


เธอซื้อชาเขียวมาให้ผมก็ปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น ที่เดิม ไม่ขยับใดทั้งสิ้น เช้ามาแม่บ้านก็เก็บทิ้ง แต่ใครที่มาคุยเรื่องงานผมก็คุยกับเขาดีๆนะ เพราะผมต้องสำเหนียกอยู่เสมอว่าผมเด็กที่สุดในทีนี้


รุ่นพี่คนไหนมาคุยผมก็ยกมือไหว้สวัสดี พอเขาคุยเสร็จผมก็ยกมือขอบคุณครับ จนผ่านไปอาทิตย์กว่าๆ คนเขาก็เริ่มรู้ว่าผมพึ่งอกหัก อารมณ์เลยไม่คงที่ แต่เพราะงานมันออกมาดีพวกเขาเลยไม่ว่าอะไร


แล้ววันนั้นก็มาถึงวันที่ผมไม่ได้ลงไปกินข้าวกลางวัน เพราะลืมหยิบเงินมา ผมนี่แบบเหี้ยละเอาไงดีวะ ผมมองนาฬิกาก่อนเลย เที่ยงแล้ว อีก 5 ชั่วโมงเลิกงาน ผมจะทนหิวไหวไหมวะ แล้วต้องกินน้ำอีกกี่แก้ว กี่ขวด

เฮ้ย !!!  โคตรโชคดี ผมมีวอยซ์ รสสตอเบอร์รี่เก็บไว้นี่หว่า เฮ้อคิดแล้วก็เสียดาย ที่ตอนนี้ผมหาวอย์ รสสตอร์เบอร์รี่กินไม่ได้แล้ว แล้วตอนนั้นเหมียวก็เดินมาครับ หน้ามุ่ยมาเลย ผมก็มองแล้วคิดในใจว่ามาไม้ไหนอีกวะ


แล้วอยู่ดีๆเหมียวก็ก้มลงไปกราบเลย ผมนี่แบบเชี่ยไรเนี่ย แล้วแบบผมรีบยกขาขึ้นมาบนเก้าอี้เลย อย่ามากราบกู อย่ามากราบกู ผมถามทำอะไรเนี่ย เหมียวก็นั่งพับเพียบแบบนั้นแหละ แล้วบอกว่าขอโทษ ยกโทษให้ได้มั้ย


ผมนี่แบบเฮ้ยอะไรวะ คือตอนนั้นโดดไปนั่งไปเก้าอี้เลย ผมบอกทำไรเนี่ยลุกเหอะ มากราบทำไม เหมียวก็บอกให้ผมพูดก่อนว่าหายโกรธแล้วถึงจะยอมลุก


เอ่อ ดูหนังจีนมากไปเปล่าวะ ถ้าท่านไม่ยอมรับข้าเป็นศิษย์ข้าจะไม่ลุก แบบนี้เหรอวะ ผมก็บอกให้ลุกๆเหมียวก็ไม่ลุก จนมีคนเดินขลุกๆๆเข้ามา ผมแบบเชี่ยละถ้ามีคนมาเห็นเหมียวกราบผมแบบนี้ ผมได้โดนประณามแน่ๆ


เออๆๆ หายโกรธแล้วลุกเถอะๆๆๆ  แล้วเหมียวก็กระโดดดึ๋งขึ้นมาเลย แล้วเข้ามาถามทำไรอยู่เหรอ ไม่ลงไปกินข้าวเหรอ ทำไรอ่ะ ผมนี่แบบฮึ่ม !!!  กูคิดถูกคิดผิดเนี่ยที่ไปบอกว่ายกโทษให้วุ่นวายแท้ๆ


[ เหมียว ]  :  อ่ะ ซื้อมาให้

แล้วเหมียวก็ยื่นถุงเซเว่นให้ครับ ผมจะไม่รับก็ไม่ได้หน้าตาพี่แกเอาเรื่องเลย  ซึ่งพอรับมาและเปิดดูมันเป็นข้าวไก่เกาหลีเว้ย เหมียวบอกว่าเคยเห็นผมกินตอนที่มาทำงานช่วงแรก เลยคิดว่าผมคงกินได้แหละ


ผมก็มองถุง มองเหมียว มองสลับไปมา บอกเลยว่าหิวครับ แต่ด้วยความที่แบบเฮ้ยไม่ได้ดิ่ ผมก็มีศักด์ศรีนะ ไม่ผมไม่กิน แต่เหมียวก็ดึงถุงไปและกะพลาสติกออกทันทีและยื่นมาให้ผมแล้วบอกว่า


[ เหมียว ]  :  อย่าขี้เก๊กดิ่ กินเหอะน่า ค่อยเลี้ยงเราคืนก็ได้


และนั่นก็คือครั้งแรกที่ผมเริ่มรู้สึกดีกับเหมียว แค่ข้าวกล่อง กล่องเดียวเท่านั้นแหละครับ ผมเชื่อนะว่าบางครั้งความรู้สึกดี มันไม่ต้องมีเหตุผลสวยหรูหรอก ก็แค่รู้สึกดีอ่ะ ทำไมต้องมีเหตุผล


หลังจากวันนั้นผมก็เริ่มคุยกับเหมียวมากขึ้นครับ ผมก็บอกเหมียวไปนะว่าไปทำงานเถอะ ตอนนี้ผมไม่เป็นอะไรแล้ว พี่จักรให้มาช่วยดูแลใช่มะ ขอบคุณมาก แต่เหมียวกลับบอกว่าที่มาคุยเพราะอยากคุย


ทำไมชอบไล่จัง ไม่ชอบให้เราอยู่ใกล้เหรอ แต่เราชอบอยู่ใกล้นายนะ นายหน้าบึ้ง อื้อหืออ คำนี้ทำไมหัวใจมันเต้นผิดจังหวะเลยวุ้ย เคยเป็นแบบผมมั้ยครับ อยู่ดีๆก็รู้สึกใจบ่าดีแบบนี้


พอยิ่งนานๆไปนานไป เราก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น มากขึ้นครับ จนผมผ่านประเมินเดือนที่ 2ไปแล้ว เหมียวก็ชวนผมไปกินข้าวที่อนุสาวรีย์ชัย เอ้า !!!  ไปดิ่ครับรออะไร  ผมว่าตอนนั้นผมชอบเหมียวเขาให้แล้วว่ะ


เอาจริงๆผมก็รู้สึกชอบเธอมานานแล้วนะ แต่ผมไม่อยากให้ตัวเองซ้ำรอยเดิม ก็ได้แต่พยายามบอกตัวเองว่าอย่า ไอ้ชายอย่า อย่าเชียวนะ แต่ถึงจะบอกตัวเองยังไง ทั้งความน่ารัก ความใจดี ที่มีให้


รวมถึงความใส่ใจเล็กๆน้อยๆมันก็ทำให้ผมอดที่จะชอบเธอไม่ได้ อย่างเช่นถ้าไปกินข้าวด้วยกัน เธอจะหยิบช้อนให้ผมก่อนเลย หรือตอนที่เทน้ำใส่แก้ว เธอก็จะเทให้ผมก่อน เนี่ยแบบนี้ใครจะไปทนต่อความน่ารักได้


ตลอดเวลาผมนั้นรู้สึกดีนะที่เหมียวเข้ามาคุยแบบนี้ แต่ในใจผมก็กลัว กลัวว่าจะเป็นเหมือนแฟนเก่า ผมคิดนะว่าที่เธอเข้ามาคุยแบบนี้ เป็นเพราะเธอมีใจ หรืออัธยาศัยดีกันแน่

เธอทำดีกับผมมากขึ้นๆ จนผมเริ่มคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอมีใจ.... แต่ว่า... คุณเคยฟังเพลงขัดใจไหมครับ


แต่แล้ววววว ฝันนั้นก็สลายไปไหนพริบตา


ใช่ครับ ทุกอย่างมันไม่ได้ดีอย่างที่คิด เพราะอยู่ดีๆวันนึง ก็มีผู้ชายคนนึงเดินเข้ามาในออฟฟิศ ทุกคนทักทายเป็นเสียงเดียวกันว่าเอ้า !!! ไปดูงานกลับมาแล้วเหรอ ผมจำได้ดีเลยครับคำพูดของเขาวันนั้น


ครับผม พอดีคิดถึงเหมียวเลยรีบมาหาน่ะครับ


ผมแบบฮึ๊ !!!  อะไรนะคิดถึงเหมียว ใช่เหมียวเดียวกับเหมียวกูไหมวะ แล้วตอนนั้นพอเหมียวเดินมาพอดี เธอก็บอกเอ้า !!! นัท ( ชื่อสมมติ ) กลับมาแล้วเหรอ แล้วเหมียวก็รีบเดินมาหาเลยครับ


ผมนี่แบบฮึ๊ เหี้ยไรวะ !!!  คือแบบตอนนั้นคำถามนี่คือตู้มต้าม ตู้มต้าม เลยครับเกิดอะไรขึ้นวะ และพอคนชื่อนัทพูดมาเท่านั้นแหละผมนี่แบบหน้าสั่นเลย


ใช่จ้ากลับมาแล้ว เลยรีบมาหาแฟนนี่ไง


แฟน !!! แฟนเหมียวเหรอ แล้วพอพูดเสร็จเหมียวนี่แบบยิ้มจนแก้มแทบแตก ผมนี่แบบใจหล่นตุ้บเลย ตกลงว่าเหมียวมีแฟนแล้วเหรอเนี่ย !!! ผมนี่แบบทำอะไรไม่ถูกเลยครับ แผลเก่ายังไม่ทันหาย แผลใหม่แม่งมาอีกแล้ว



ผมนี่แบบตุ้บๆๆๆๆ หัวใจเต้นไวกว่าปกติมาก คือมันใจหาย ใจหวิว ใจหล่น ใจเหี้ยอะไรไม่รู้พูดไม่ถูกไอ้ซั้ส ผมก็ทำงานทั้งๆที่หัวใจแม่งหน่วงๆแบบนั้นแหละไปทั้งวัน


ซึ่งปกติพอเลิกงานแล้วเหมียวจะมาคุยเล่นนะ แต่วันนี้เหมียวรีบเดินออกไปเลย ออกไปก่อนเวลาด้วย ผมก็ทำตามวิสัยปกติครับ ทำงานให้เสร็จเก็บของ รอเวลาแล้วออกไป


ตอนนั้นผมเดินลงมาครับ ผมเจอพวกเหมียวกำลังนั่งเล่นกันอยู่ที่ร้านกาแฟแล้วมีนัทแฟนเหมียวอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย พวกเขากำลังชวนกันไปกินเลี้ยงต้อนรับนัทกลับมาครับแต่ว่า.....


[ นัท ]  :  อืมม วันนี้ขอตัวนะ นัทอยากพาเหมียวไปเลี้ยงข้าวน่ะ

[ เพื่อนเหมียว ]  :  แหมๆๆๆ  จะพากันไปฉลองสองคนเหรอ ไม่ได้เจอกันหลายเดือน สงสัยฉลองกันหนักแน่เลยเนี่ย

[ เหมียว ]  :  บ้า !!!


เฮ้อ โทนเอ๊ยโทน นี่แหละผลของคำว่าเผลอใจ เอาอีกแล้วกู ปวดใจอีกแล้ว ผมเดินผ่านพวกนั้นโดยที่ไม่สนใจอะไรเลยครับ จริงอยู่ว่ามันจี๊ดๆใจ แต่มันก็ยังเทียบกับเรื่องแฟนเก่าไม่ได้เลย


มันก็แค่เผลอใจไปชอบเท่านั้น ผมกลับบ้านเคลียร์งานแล้วก็นอน โดยที่พยายามไม่คิดอะไร วันต่อมาเหมียวหยุดทำงานครับ ใจผมที่แม่งนึกว่าจะไม่คิดอะไร แม่งเสือกคิดเฉยเลย


ไปฉลองกันแล้ววันต่อมาหยุดแบบนี้ สงสัยหนักกันไปหน่อยล่ะมั้งท่าทาง ผมก็แบบตุ้บๆๆๆทั้งวันเลยครับหัวใจ ผมบอกตัวเองว่าไม่ได้ชอบ ไม่ได้ชอบ ไม่ได้ชอบเหมือนสะกดจิตตัวเอง


พยายามหาข้ออ้างต่างๆมาบอกตัวเองว่าไม่ชอบเหมียว เช่นเขามีแฟนแล้ว เช่นเขาไม่ใช่สเปคเรา  สเปกเราต้องหุ่นดีๆ นมบึ้มๆ แต่เชื่อมั้ยไม่ว่าจะหาเหตุผลอะไรมา มันก็ทำให้ผมหยุดคิดไม่ได้เลยจริงๆ

หลายวันผ่านไป เหมียวก็ไม่ได้มาคุยกับผมเลย จนผมก็ชินนะ เพราะยังไงซะผมก็ตั้งใจมาทำงาน ไม่ได้มาหาเมียอยู่แล้ว ผมสลัดความคิดออกไปและทำงานเลยครับ


แล้วผมก็ได้ยินพวกคนในออฟฟิศคุยกันว่าเหมียวเลิกกับนัทแล้ว ผมนี่แบบต่อมเสือกทำงานเลยครับ ผมทำท่าถ่ายเอกสายไปแล้วก็เอี้ยวหูฟัง โดยใจความสรุปคือเหมียวจับได้ว่านัทไปมีหญิงใหม่ที่ไปดูงานนั่นแหละ


ก็เลยเลิกกันทันที เพราะนัทมันก็ทำแบบนี้หลายรอบแล้ว คือทำไมวะผมเสือกยิ้มที่รู้ว่าเขาเลิกกัน ในความคิดผมไม่มีเลยทีแบบเฮ้ยเหมียวจะเป็นยังไงบ้าง ไม่ ไม่ ผมไม่ใช่พ่อพระแบบนั้น


แต่พอผ่านไป วันก็แล้วสองวันก็แล้ว เหมียวยังไม่มาทำงาน ความเป็นห่วงเริ่มมาครับ แบบคนที่ใจดี ยิ้มเก่งแบบนั้น อยู่ดีๆก็หายไปเลยเหรอ ซึ่งผมเข้าใจดีว่ามันรู้สึกยังไงตอนที่เฮิร์ท แล้วผมจะทำยังไงดีวะเนี่ย


ผมคิดๆ คิดๆ คิดๆ แล้วก็คิดว่าทำยังไงดี เพราะไม่รู้จักบ้านเหมียว ไม่รู้จักอะไรเลย เฮ้ย !!!  มันมีอยู่ที่นึงนี่หว่า ตอนนั้นที่ไปกินข้าวกันเหมียวบอกว่าเวลาไม่สบายใจชอบมาที่นี่


คือไม่รู้ว่าอยู่มั้ยนะ แต่ผมก็ต้องไปนั่นแหละ พอเลิกงาน ผมไหว้พี่ๆ บอกขออนุญาตกลับนะครับ แล้วผมก็สับตีนแตกลงมาหน้าบริษัทและโบกมอเตอร์ไซค์วินไปเลย


ผมแบบภาวนาในใจขอให้เจอ ขอให้เจอ ขอให้เจอ ผมลงมอเตอร์ไซค์วินและวิ่งเข้าไปในร้านเลยครับ เชี่ยๆๆลืมจ่ายเงิน ผมวิ่งกลับมา ก็เจอพี่เดินตามมาพอดี ผมรีบยกมือไหว้เลยแล้วบอกพี่ๆๆๆ ผมขอโทษผมรีบไปหน่อย นี่ครับไม่ต้องทอน ผมยื่นแบงค์ 100 ไปให้เลย และรีบวิ่งเข้าไปในร้านทันที



ตอนนี้คือเปิดโหมดเซียนเลยครับ พยายามมองหา หา หา หา จนสุดท้ายผมก็เจอเหมียว ผมรีบวิ่งเข้าไปเลย อื้มหืม น้ำตานองอาบสองแก้ม เหมียวนั่งร้องไห้


ผมเดินเข้าไปหา ยืนมอง จนเธอหันมามอง เธอบอกอืออ กินไม่ได้เยอะนี่นา ทำไมเห็นเป็นนายหน้าบึ้งล่ะ ผมรีบนั่งลงชันเข่าเลย คือแบบเห็นแล้วอดสงสารไม่ได้จริงๆ ผมบอกกับเหมียวว่า ก็นายหน้าบึ้งไง ทำไมไม่ไปทำงานล่ะ


รอให้สอนงานแล้วเนี่ย แล้วเหมียวก็กอดผมเลยครับ กอดแล้วก็ร้องไห้เลย ผมปล่อยให้เหมียวร้องไห้สักพัก ก็ลุกขึ้นไปนั่งกับเธอ เหมียวเอนพิงไหล่ผม ผมก็จับมือเหมียวไว้นะตอนนั้น


ผมบอกว่ามีอะไรก็บอกกันสิ่พี่เหมียว ไม่ใช่หายไปงี้ แล้วใครจะรังควาญผมล่ะ เหมียวบอกแค่ว่าอยากทำใจให้ได้ก่อนกลับไปทำงาน กลัวคนรู้ กลัวคนนินทา


ผมก็บอกไปแหละครับว่าไม่เกี่ยวหรอก รู้ก็รู้ไปสิ่ กลัวทำไม ผมพูดกับเหมียวหลายอย่างเลยนะ จากที่แค่จับมือกันธรรมดา ตอนนี้เหมียวสอดนิ้วเข้ามาและกุมมือแน่นเลย ผมคิดในใจแบบว่าเฮ้ย จับมือแบบนี้ต้องแฟนกันแล้วล่ะจังหวะนี้


ผมถือวิสาสะใช้นิ้วสางผม เอามาทัดหูให้เหมียว ผมบอกว่าเดี๋ยวก็เหนียวหรอก น้ำมูกน้ำตาไหลโดนหมดแล้ว เหมียวก็บอกนะครับว่าผมนี่ดีจังดูแลเธอหลายอย่างเลย เธอดีใจที่ผมอยู่ข้างๆ


ผมนี่แบบคิดในใจเลยนะว่า เอ้าเว้ย ประตูเปิดแล้วหลังจากวันนี้แหละผมจะทำคะแนนเพิ่ม แต่ว่าเหมียวก็พูดอะไรบางอย่างออกมา


ดีใจจังที่โทนเข้ามาทำงาน เราคุยกับโทนแล้วสบายใจมากเลยนะ โทนเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเลย..........












เอ๊า !!!  ผมโดน Friend Zone เหรอเนี่ย






 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

7878

ตอนนี้ มีแต่คนอกหัก มาปรับทุกข์กันเอง
ส่วนใหญ่จะเมา แล้าเอากันต่อนะ ฮา ๆ

เจอสตันท์ บรรทัดสุดท้ายต้องมาแก้ไขซะหน่อย
อย่าใจง่ายนะเว้ย อีโทน
ใจแข็งหน่อย




puretank

 ::Beggar:: อ่านแล้วสงสาร...สงสารเจ้เตย  บทน้อยทั้งภาคหลัก ทั้งไซด์สตอรี่  ยังกะตัวประกอบExtra ::DookDig::

Ke2l3e2oS

เจ็บจึ๊กก กับคำว่า เพื่อนนนนน

ตอนหน้า เพื่อนจะแทงกันแล้ววววววว

mewzira

สรุปข้ามไปเลยไหม เหมียวดีไหมนะ

เดี๋ยวๆ ทำไมตอนพิมพ์ตอนนี้ พี่เตย อยู่ด้วย หยิกแก้มอีก หรือปัจจุบัน จะลงเอยกับพี่เตย เป็นเมียแล้วนิ เห็นแพลมๆ มาจาก ร้านเกะ จะพี่เคย แล้วพี่หมิวล่ะ วางยาชัดๆ 555

cd13579

ผมว่า เฮียโทนตัวจริงท่าจะหน้านิ่งไปมั้งครับ
ผู้หญิงไม่ชอบอะไรให้ท่าต้องขนาดนี้ พี่เก๊กหรือพี่โง่อะ ถามจริง



................


ช่วงนั้น นิ่งยันขาบอกเลยครับ


#โทน
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

peddo

ว่าจะนอนละ แต่มาเจอแมวเหมียวกำลังแกะกะเทียมโทน เลยต้องดูซะหน่อยว่า จะเผ็ด น้ำหูน้ำตาจะเล็ดขนาดไหน
ขอบคุณครับ
ยาวจริงจังจนต้องตื่นมาอ่านตอนเช้า เฟรนด์โซนนี่อึดอัดจริง แต่ก็ช่วยระบายความอึดอัดด้วยเฟรนด์ฟัคได้นะครัย อิอิ

Nobita Nobituta

มาลุ้นจะได้กะเหมียวอีกไหม ได้มาหลายคนงามทั้งนั้น อิจฉาเลย

momoyoyo

เจ๊หมิวน่ารักมากๆ มิน่าคะแนนพุ่งน่าดูเลย ส่วนเหมียวนี่คือเพื่อนร่วมงานในฝันเลยครับ


mot404