ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ.ร้านคาราโอเกะ Part4 ตอนที่ 35 ( ประสบการณ์ตรงของนายโมโนโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, ตุลาคม 14, 2020, 09:34:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดีทุกท่าน

เนื่องจากปรับตัวไม่ทันเลยทำให้ผมนอนป่วยไปหลายวัน

ต้องขอโทษด้วยครับที่ปิดร้านไปนาน วันนี้ร้านเปิดแล้วครับ

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา





ปล. นี่คือภาพที่ใกล้เคียงพี่หมิว ในตอนนั้นมากๆครับ





...........


ปล. 2 พี่เตยคนสวย ( โดนบังคับให้พิมพ์ )




........

ปล. 3  แม่เสือดาว






ปล.4 เจ้าหญิงน้ำแข็ง





....

ปล.5 แก้ม ยัยตัวแสบ




.....



ปล.6 E Book จะออกแล้ว เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ เก็บตังส์กันเล๊ยย หยอดปุก หยอดปุก



.....

ปล.7 Link รวมตอนเก่าๆของ ร้านคาราโอเกะครับ Link ชั่วคราว

คลิ๊กเลย !!!

........................


ความเดิมตอนที่แล้ว


ดาวมาหาผมที่ห้องครับ ซึ่งก็ต่อเนื่องมาจากเมื่อคืนที่ไปร้านเกะ

แล้วดาวบอกว่าจะมาหา ซึ่งพอมาเนี่ยก็มีเหตุวุ่นวายนิดหน่อย

ทำให้ผมต้องสัญญาว่าจะเลี้ยงข้าวบุ๊คมื้อนึง แต่ผมก็ชวนดาวไปด้วย

ซึ่งพอบุ๊คกลับไปแล้ว ผมกับดาวก็อยู่กับสองต่อสอง ซึ่ง เอ่อ ผมก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหวนั่นแหละ

ทุกอย่างก็เหมือนว่าจะปกตินะ มิ้นต์มา แก้มมาก็ไม่เป็นไร

แต่ปัญหาคือ คนที่กำลังไขประตูผมเข้ามาตอนนี้นี่สิ่ อ่ะเอื้ออออออ




...................


ไดอารี่ ของนายโทน Part4 ตอนที่ 35







[ ผม ]  :  จะ เจ๊หมิว

[ พี่หมิว ]  :  ก็ใช่ไง เจ๊เอง มีไรเปล่า

[ ผม ]  :   ป่ะ ป่ะ เปล่าครับ เจ๊หมิวมาไงเนี่ย ไปไหนมาครับแต่งตัวสวยเชียว


คือตอนนั้นพยายามขุดสกิลการตอแหล ออกมาเรื่อยๆครับ แต่เรื่องที่พูดออกมาเป็นเรื่องจริงนะ พี่หมิวแต่งตัวสวยมากเลย ทั้งสวย ทั้งเท่


[ พี่หมิว ]  :  เจ๊ไปประชุมบริษัทกับพี่แมนมา ก็เลยแวะมาหา

[ ผม ]  :  ขะ ครับ โทรหาผมก็ได้ผมจะได้ลงไปรับไงครับ

บอกเลยครับว่าโคตรลนลานตอนนั้น พี่หมิวก็ถามว่าแกเป็นไรเนี่ย หืม ผมก็เลยพูดไปว่า ก็ตกใจอยู่ดีๆประตูห้องเปิดเองได้ ผมก็ถามนะว่าลงไปข้างล่างกันมั้ยครับ แต่ว่าไม่ทันแล้ว


ใครมาเหรอพี่โทน พี่เตยเหรอ !!!


เสียงแก้มพูดดังขึ้นมาแล้วถึงกับชะงักเลยทันทีที่เห็นพี่หมิว โอยแล้ววันนั้นพี่หมิวมาแบบโคตรนางพญาจริงๆ ชุดแบบนักธุรกิจจ๋ามาเลยอ่ะครับ แบบสูทสีดำ เชิร์ทขาว กางเกงสแลคยาว รองเท้าส้นสูง



แล้วตอนนั้นดาว มิ้นต์ ก็ออกมาเหมือนกัน ผมแบบอึ้กอั้ก อึ้กอั้กไปหมดเลยตอนนี้ โอยยยย เอาไงต่อไปดีวะ พี่หมิวปิดประตูปึ้ง !!!  แล้วเดินเข้ามาแบบไม่สนใจใครเลย แต่ขอพูดหน่อยเหอะท่าทางเจ๊แก ดูสง่ามากจริงๆนะ


ทั้งบุคลิกภาพ การแต่งตัว ภาษากาย คือผมเห็นแว๊ปนึงคือพี่หมิวมองแก้ม แล้วแก้มหลบเลยอ่ะ เฮ้ยแก้มที่แบบแสบได้ตลอดเวลาหลบเลยอ่ะ มิ้นต์ก็เหมือนกันเงียบกริบเลย ก็คงมีแต่ดาวแหละครับที่ไม่ได้กลัวอะไรพี่หมิว


ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเพราะดาว ทำงานกับเจ๊บ่อยๆเลยรู้ว่าควรทำยังไงเวลาเจอคนแบบนี้ พี่หมิวนั่งตุ้บลงบนโซฟานั่งไขว่ห้างแบบไว้ท่าไว้ทางจริงๆแล้วพูดว่า


[ พี่หมิว ]  :  กินข้าวยัง !!!



ฮ๊ะ !!!  โอยกุลุ้นจนเยี่ยวเหนียวเลยพูดแค่นี้น่ะนะ เฮ้อโล่งอกเลยครับ ผมก็เดินไปหาพี่หมิวแล้วพูดว่า คร๊าบ คร๊าบกินแล้วคร๊าบ แต่ว่า.....


[ พี่หมิว ]  :  นั่งลง แล้วตอบดีๆ


เฮือก !!!  โอยสตั๊นเลยครับ คือพูดไปแล้วจะหาว่าเวอร์ แต่คุณเคยเจอจิตสังหารมั้ย คือแบบผมรู้เลยว่าคำพูดแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้คือพี่หมิวเอาจริงๆ ผมนั่งพรวดเลย แล้วนั่งลงคุกเข่าแบบคนญี่ปุ่นเลยนะ


แก้มกับมิ้นต์ก็นั่งตามเฉยแถมนั่งแบบเดียวกับผมด้วย แต่ดาวเธอยังไม่นั่งครับ ยังคงยืนกอด อกมองพี่หมิวอยู่ ผมนี่แบบนั่งเหมือนกำลังสำนึกบาปอยู่เลยครับ


พี่หมิวถามย้ำอีกครั้งว่ากินข้าวยัง ผมก็ตอบว่ากินแล้วครับ ทุกอย่างเงียบ เงียบ เงียบ จนกระทั่งดาวพูดถามว่า ใครเหรอคะพี่โทน ผมก็แบบหันไปหาดาวเลย ฮึ๊ อย่าไปถามแบบนั้น ผมแบบทำท่าจุ๊ปากให้ดาวเห็น แต่พี่หมิวก็หันมาพูดกับผมว่าอยู่เฉยๆ


ผมฮึ๊บเลยทันที พี่หมิวยืนขึ้นแล้วบอกว่า เป็นพี่สาวของผม เธอมองดาวอีกครั้ง คือไม่ได้มองจรดปลายตีนนะ คือจ้องแบบจ้องตรงๆ โอยอึดอัด โอยอึดอัด


แล้วดาวเปิดก่อนเลยครับว่า อ๋อพี่สาว พี่สาวที่ชื่อหมิวที่ทำให้พี่โทนเจ็บตัว แล้วร้องไห้วันนั้นน่ะเหรอค่ะ โอยยยยยย ผมแบบฮึ๊ ทำอะไรน่ะนั่น ม่ายน๊า พี่หมิวตอบกลับว่าใช่ ดาวถามกลับเลยครับว่าทำไมถึงทำแบบนั้น ไม่รู้เหรอพี่โทนต้องเจ็บแค่ไหน


โอยผมอยากจะบอกดาวว่าแผลวันนั้นหายแล้ว แต่แผลวันนี้นี่แหละกำลังจะเกิดขึ้นอีก พอผมจะพูดขึ้นมาพี่หมิวก็ยกนิ้วไว้ข้างนึงเบาๆ ผมก็แบบเฮือกเลยครับ พี่หมิวก็บอกว่าแล้วคิดว่าฉันไม่เสียใจหรือไง


แล้วดิฉันถามหน่อยก่อนหน้านั้น ใครคนไหนที่ไปพูดอะไรแล้วทำให้เจ้าโทนต้องไปออกกำลังหายบ้าๆ บอๆ จนเจ็บตัวไปทำงานทุกวัน มีแผลไปทำงานทุกวัน บอกหน่อยได้หรือเปล่า


แล้วใครอีก ( หันไปมองมิ้นต์กับแก้ม ) ที่มีส่วนที่ทำให้เจ้าโทนต้องกลับไปอยู่บ้านเกือบครึ่งเดือน นั่งรถเมล์ไปทำงาน กลับบ้านมาก็น็อคทุกวัน ร่างกายทรุดโทรม สุขภาพเสีย.... บอกฉันได้หรือเปล่า


เงียบกริ๊บครับ เงียบเลย แต่เฮ้ย เดี๋ยวนะแล้วพี่หมิวรู้เรื่องนั้นได้ไง เฮ้ยเดี๋ยวๆๆมันเกิดอะไรขึ้นวะนั่น ในความตึงเครียดนั้นผมก็พยายามกระดื๊บ กระดื๊บ ไปหาสองสาวนั่น เพื่อหวังจะพาไปหาบังเกอร์หลบภัย


[ ดาว ]  :  แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรที่ทำแบบนั้น ทำไมถึงทำให้พี่โทนต้องเจ็บปวด


[ พี่หมิว ]  :  ก็ไม่รู้สิ่นะว่ามีสิทธิ์อะไร แต่ถ้าวันนึงตื่นมาแล้วเห็นว่าตัวเองเปลือยแล้วนอนบนตัวน้องชาย คุณจะตกใจไหมล่ะ


นั่นไงล่ะ นั่นไง ระเบิดลูกใหญ่มาแล้ว พี่หมิวแกไม่คิดบ้างเหรอว่าพูดแบบนี้มา ผมนี่จะงานเข้า มิ้นต์แก้มมองผมตาขวางเลยทีนี้ ส่วนดาวก็เดินมาหาผมที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ เธอลูบใบหน้าของผมแล้วพูดว่า


[ ดาว ]  :  ขอบคุณนะคะที่เล่าให้ฟังแบบไม่โกหก


โอยดาวพอเถอะ อย่าจุดไฟให้มันหนักกว่าเดิมเลย เพราะถ้าเกิดพี่หมิวถามขึ้นมาว่าจะเลือกเจ๊หรือเลือกพวกนี้ ผมก็คงต้องกัดฟันแล้วผมเลือกเจ๊อยู่ดีนั่นแหละ อย่าทำให้ผมต้องเป็นแบบนั้นเลย เพราะพวกเธอเองก็ทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนกันนะ


แต่มันไม่ใช่แค่นั้นเว้ย พี่หมิวแกถามขึ้นมาว่าผมเล่าเรื่องเจ๊ให้ฟังเหรอ เชื่อมั้ยตอนนั้นคือหัวใจตกลงปลายตีนเลย คือเข้าใจผมมั้ยครับท่านผู้อ่าน การที่ผมเอาเรื่องพี่หมิวมาเล่า เหมือนผมพูดลับหลังเธออ่ะ แล้วแบบนี้พี่หมิวต้องโกรธมากแน่ๆ แต่ว่า....


[ พี่หมิว ]  :  อื้ม รู้ใจเจ๊ดีจังนะ ว่าถ้าเล่าไปแล้วเจ๊จะไม่โกรธ น่ารักจริงๆ


เอ้า คดีพลิกเลยแบบนี้ คือตอนนั้นในหัวผมมีแต่คำว่า อะไรวะ อะไรวะ อะไรวะ อะไรวะ เต็มไปหมดเชื่อป่ะ เดี๋ยวดาวตบผั๊วะ เดี๋ยวพี่หมิวตบกลับ โบ๊ะบ๊ะ โบ๊ะบ๊ะไปหมด คือแบบเหมือนผมอยู่ท่ามกลางงานโท้วาทีอ่ะ


แล้วพอพูดแบบนั้นแล้ว พี่หมิวก็พูดสวนดาวไปอีกว่า รู้สึกว่ามีครั้งนึงโทนจะไปบอกชอบสาวใช่มะ แล้วโดนบอกว่า อย่าเป็นมากกว่านี้เลย เป็นแบบนี้ดีแล้วใช่มะ ผมนี่แบบเฮ้ย !!!  อะไรนั่นรู้เรื่องนั้นได้ไงวะ


ผมกับดาวนี่แบบเหวอเลย แต่ผมไม่มองดาวนะ เพราะถ้าผมมองดาวล่ะก็ ตัวแสบทั้งสองรู้แน่ๆ ว่าผมเกือบเคยสารภาพว่าชอบดาว แล้วพี่หมิวก็พูดต่อว่า


[ พี่หมิว ]  : แย่เลยนะ กลับกลายเป็นว่าเจ้าโทนเนี่ย ต้องอกหัก ทั้งๆที่ยังไม่ได้เริ่มเลย อื้มนึกว่าจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที โสดมาก็เกือบจะสองปีแล้วเนอะ ใช่มั้ย มิ้นต์

[ มิ้นต์ ]  :  คะ ค่ะ

[ พี่หมิว ]  :  ใช่มั้ยแก้ม

[ แก้ม ]  : ค่ะ


แล้วพี่หมิวก็เดินไปหาดาวครับ เธอยืนจ้องหน้าดาวแล้วพูดว่า ใช่มั้ยคะ คุณดาว .... ดาวเงียบกริบเลยครับพูดอะไรไม่ออกเลย ผมกำลังอาศัยจังหวะที่พี่หมิวเผลอจะพามิ้นต์และแก้มอพยพอีกครั้ง แต่พี่หมิวก็เดินมาหยิกหูผม


ผมก็โอ๊ยย โอ๊ยยย เจ๊หมิวผมเจ็บ โอ๊ยย เจ๊หยิกผมทำไมครับ พี่หมิวลากผมทั้งๆที่หยิกหูแล้วไปนั่งบนโซฟา ผมนี่แบบเหมือนหมาเลย อายโคตรๆ

พี่หมิวก็บอกว่าเอาล่ะพวกเราคุยกันพอหอมปากหอมคอแล้ว ชั้นชื่อหมิวนะคะ เป็นพี่สาวของเจ้าโทน และไม่มีวันเป็นมากกว่านี้ พี่หมิวย้ำชัดเจนแล้วยังบิดหูผมอีก แต่เฮ้ย ทำไมมิ้นต์กับแก้มหัวเราะวะนั่นน่ะ


พี่หมิวก็ถามนะว่า พวกเธอสามคนมานานยัง มิ้นต์ก็บอกพึ่งมาค่ะ แก้มก็บอกพึ่งมาค่ะ ดาวไม่ตอบครับ พี่หมิวเลยยิ้มแล้วพูดว่า ส่วนคุณดาวคงจะมาเป็นคนแรกเลยใช่ไหมค่ะ


ดาวกำลังจะพูดครับ ผมเห็นดาวกำลังจะพูด แต่พี่หมิวก็พูดขึ้นมาว่า ที่ว่ามาคนแรก หมายความว่าเข้ามาในชีวิตเจ้าโทนคนแรกใช่ไหมคะ แล้วมิ้นต์ก็พูดขึ้นมาครับว่า มิ้นต์เข้ามาก่อนค่ะ ไม่ใช่พี่ดาว


โอย !!!  ยอมๆกันหน่อยก็ไม่ได้เหรอ มิ้นต์ก๊าบ คราวนี้ดาวก็พูดครับว่า ก็จริงที่มิ้นต์เข้ามาก่อน แต่พี่กับพี่โทน..... ก่อนมิ้นต์นะ นั่นไงล่ะเว้นจังหวะให้คิดเองอีกแล้ว ยอมกันที่ไหนล่ะสองคนนั้น โอย ใครก็ได้พาผมออกไปจากสมรภูมินี้ที


ทำไมเวลาผู้หญิงคุยกัน มันน่ากลัวแบบนี้ แล้วพี่หมิวก็ดุผมขึ้นมาครับว่าทำอะไรไม่เกรงใจคนข้างห้องเลยล่ะ มาปาร์ตี้แบบนี้ข้างห้องเขาจะคิดยังไง ผมแบบฮึ๊อะไรเนี่ย


แล้วพี่หมิวก็หันมาทางมิ้นต์กับแก้มแล้วเรียกชื่อพวกเธอครับ เฮ้ยเดี๋ยวนะ รู้ได้ไงว่าใครเป็นใครอ่ะ พอพี่หมิวเรียก สองคนนั้นก็เดินมาเลยครับ พอสองคนนั้นเดินมาพี่หมิวก็ลุกขึ้นครับ แล้วลูบหัวของพวกเธอสองคนเบาๆ


แล้วบอกโห น่ารักกว่าที่เตยเล่าไว้ให้ฟังอีกนะเนี่ย แก้มก็ยิ้มออกครับ มิ้นต์ก็ยิ้มน่ารักเชียว แล้วพี่หมิวก็เดินไปหาดาวครับ ผมนี่แบบลุ้นเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่หมิวยื่นมือไปตรงหน้าครับ เหมือนจะจับมือ

ดาวก็นิ่งไปพักนึงและยื่นมือมาจับกันไว้เหมือนกับเป็นการทักทาย


[ พี่หมิว ]  :  ตัวจริงดูสวยกว่าที่ เตยเล่าให้ฟังอีกนะคะคุณดาว

[ ดาว ]  :  ขอบคุณค่ะ แต่คงสู้คุณหมิวไม่ได้ค่ะ

[ พี่หมิว ]  :  ชมเกินไปค่ะ จากนี้ฝากดูแลเจ้าโทนทางนี้ด้วยนะคะ


พูดเสร็จพี่หมิวก็ยิ้มเบาๆ และเดินมาหาผมแล้วบอกว่า เดี๋ยวลงไปคุยธุระกับเจ๊แปป พี่แมนฝากมา ผมก็แบบครับๆๆ เดี๋ยวผมตามลงไปนะ โอยย มหันตภัยเคลื่อนผ่านไปแล้ว โอยยย รอดตัวไปกู



หลังจากที่คุยกันเรียบร้อยแล้วพี่หมิวก็บอกว่าจะลงไปข้างล่าง แล้วบอกให้ผมตามลงไปด้วย ผมก็บอกว่าแปปนึงนะเจ๊เดี๋ยวลงไป พอประตูปิดปั้ง แก้มก็ถอนหายใจเฮ้ออออเลย

[ แก้ม ]  :  ใครอ่ะพี่โทน น่ากลัวจังเลย

[ ผม ]  :  ก็พี่สาวพี่นั่นแหละเขาก็แบบนี้แหละไม่มีอะไรหรอก

[ มิ้นต์ ]  :  น่ากลัว แต่สวยจังเลย


สองสาวก็บ่นๆ งุมๆงำๆไปครับ แต่ดาวนี่สิ่นิ่งเลย ผมถามดาวว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ดาวกำหมัดแน่นเลยครับแล้วบอกเจ็บใจ เถียงอะไรไม่ออกเลย ผมก็ยิ้มแล้วลูบหัวเธอนะ แล้วจุ๊ปไปทีต่อหน้าสองสาวเลย


แก้มนี่ร้องโง้ยขึ้นมาเลย ผมจูงมือดาวมานั่งที่โซฟาครับ ผมถามอีกครั้งว่าดาวเป็นอะไรหืม ดาวก็บอกผมนะว่าเจ็บใจที่เถียงอะไรไม่ออกเลย เจ็บใจชะมัด ผมก็ตอบย้ำไปอีกทีนะว่า อย่าว่าแต่ดาวเลย ตัวพี่เอง หรือ พี่เตยก็เถียงพี่หมิวไม่ได้เหมือนกัน

ดาวชะงักเลยครับแล้วหันกลับมาถามว่าทำไมล่ะ ผมก็บอกไปว่าพี่รู้ว่าดาวน่ะเป็นคนเก่งนะ ดาวสามารถจัดการยัยตัวแสบสองคนนี้ได้ง่ายๆ ( ผมลูบหัวสองคนนั้น ) แต่สำหรับพี่หมิวน่ะต่างกันออกไป


เลือดนักสู้ของพี่เขาแรงมาก ดาวถามว่ายังไงเหรอคะ มิ้นต์แก้มก็เข้ามานั่งข้างๆผมนะ อบอุ่นจัง โซฟาตัวเดียวไม่มีเตาผิงไฟ ทำไมอบอุ่นจังนะ ผมเล่าให้ฟังว่าเพราะว่าเกิดมาในบ้านที่รวยถึงต้องทันคนไง


แก้มก็พูดขึ้นมานะ ว่าเอ้า !!!  เกิดมารวยดีจะตาย ไม่ดีตรงไหน ผมก็บอกว่าเพราะรวยนั่นแหละถึงลำบาก เงินมันมักจะดึงดูดคนที่หวังผลประโยชน์เข้ามาหา พ่อพี่หมิวถึงปลูกฝังให้พี่แมนกับพี่หมิวสู้คนมาตั้งแต่เด็กๆ


ยิ่งพี่หมิวเป็นคนสวย ผู้ชายก็เข้ามาหามากหน้าหลายตา พี่หมิวต้องเรียนรู้และสู้ในหมู่พวกจิ้งจอกสังคม ที่ไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหนยังไงล่ะ แล้วผมก็หันไปหาดาวครับ แล้วถามว่าเพราะงั้นอย่าคิดว่าเถียงสู้ไม่ได้แล้วเจ็บใจเลยนะ


ดาวก็เก่งไม่ใช่ดาวไม่เก่ง ดาวสามารถรับมือกับลูกค้าขี้เมาคนที่หวังจะแต๊ะอั๋ง แถมยังคุมยัยสองตัวแสบนี้ได้อยู่หมัดเลย ผมยื่นมือไปลูบหัวแก้มอีกครั้ง แก้มก็บ่นโง้ย ผมหนูเสียทรงหมดแล้ว ไม่อยากหนีบแล้วนะ


ส่วนมิ้นต์นั้นปัดมือผมทิ้งเลย แล้วบอกว่าพึ่งสระผมมา เดี๋ยวหัวเหม็น โอยย แต่ละคนน้อแต่ละคน  แต่ดาวก็บอกผมว่าเจ็บใจ เจ็บใจ ผมเริ่มคิ้วขมวดละเพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอจะสื่อนั้นหมายความว่าไง


เพราะยังไงถ้าเกิดเถียงทะเลาะกันขึ้นมาผมก็ต้องชั่งน้ำหนักแล้วดูว่าใครถูก และถ้าดาวมีเหตุผลไม่เพียงพอผมก็พร้อมที่จะเข้าข้างพี่หมิวทันที


[ ดาว ]  :  ไม่เคยเสียหน้าแบบนี้เลย โอ๊ยเซ็ง

ผมก็หัวเราะ 5 5 5 5 แล้วก็บอกดาวว่า แต่พี่หมิวก็ไม่ได้ไม่ชอบดาวนี่นา ก็ยังคุยกันปกตินี่นา แถมยังบอกให้ดาวดูแลพี่ด้วยนะ แล้วแก้มก็บอกว่า หนูก็ดูแลได้เหอะไม่เห็นต้องให้พี่ดาวคนเดียวเลย


แล้วมิ้นต์ก็บอกไม่อยากดูแลหรอก เฮ้อแต่ละคนน้อ แต่ละคน แล้วผมก็มองดูนาฬิกาแล้วก็พูดว่า งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปคุยธุระก่อนนะ ถ้าพี่หมิวบอกว่าพี่แมนฝากมาก็น่าจะเรื่องสำคัญแหละ


และผมก็หยิบโทรศัพท์กับเป๋าตังส์ลงไปครับ และพอลงมาก็เจอพี่หมิวยืนรออยู่หน้าลิฟต์ชั้น 1


[ พี่หมิว ]  :  ตามเจ๊มานี่

อูย ทำไมมันเสียวสันหลังอีกแล้ววะเนี่ย พี่หมิวเดินนำผมไปโซนพักของพี่เตยกับป๋า ซึ่งเป็นส่วนหย่อมเล็กๆข้างๆ อพาร์ตเมนต์ที่ต้องใช้คีย์การ์ดเข้า ก็ อ่ะแหะๆ ผมก็เข้าไปได้แหละครับพี่เตยทำคีย์การ์ดไว้ให้


พี่หมิวบอกเปิด ผมก็แตะคีย์การ์ดไป ตี๊ดๆๆ แล้วเดินเข้าไป ขลุกๆๆๆ ทันทีที่เข้าไปและประตูปิดพี่หมิวก็ดึงผมเข้าไปข้างในอีก แล้วยืนตัวติดผมเลย ผมก็แบบเอ่อะ เอ่อ เจ๊มีอะไรเหรอครับ


[ พี่หมิว ]  :  เดี๋ยวนี้หัด ควงผู้หญิงทีละ 3 คนเหรอ

[ ผม ]  :  ปะ เปล่าครับเจ๊

[ พี่หมิว ]  :  เปล่ายังไง ก็เห็นอยู่ในห้อง 3 คนเลยไม่ใช่ไง

คือก่อนที่เจ๊จะถามผมไปมากกว่านี้ ผมก็เลยถามพี่หมิวไปว่า แล้วทำไมเจ๊รู้จักสามคนนั้นหมดเลย พี่หมิวตอบกลับมาคำนึงว่า เจ๊ต้องกรองคนที่เข้ามายุ่งกับน้องชายเจ๊นะ อย่าลืมสิ่

พอพูดเสร็จพี่หมิวก็ดันผมจนไปติดกำแพงครับ แล้วก็ถามขึ้นมาว่า ได้บอกเรื่องคืนนั้นให้พวกนั้นฟังเปล่า ผมก็ถามว่าคืนไหนครับ พี่หมิวบอกแล้วคืนไหนที่แกอึ๊บเจ๊ล่ะ โอยยย ผมแบบ วี๊ดดดด หัวแทบเดือด


ผมก็โอยไม่ได้พูดเลยครับ รูดซิบปากกริ๊บเลยครับ พี่หมิวยังถามผมอีกนะว่า สามคนนั้นได้ขอเงินหรืออะไรมั่งเปล่า ผมก็บอกเปล่าครับไม่ได้ขออะไรเลย พี่หมิวก็บอกนะว่าเป็นห่วงกลัวจะโดนหลอก


ผมก็บอกนะว่าเรื่องจากเลี้ยงข้าว ก็ไม่ได้ออกเงินอะไรให้เลยครับ พี่หมิวก็บอกว่าดีมาก เธอจับคางผมแล้วเหมือนดันขึ้นเบาๆแล้วพูดว่า ต่อจากนี้ห้ามแล้วนะ ห้าวมีสาวๆเพิ่มแล้วนะ


3 คนนี้เจ๊พอรับได้ แต่กับคนชื่อเจนอะไรนั่นห้ามนะ เจ๊อุสส่าห์เขี่ยออกไปแล้ว ผมก็ถามเลย โห้เจ๊นึกขึ้นได้พอดีเลย เจ๊จะไปทำแบบนั้นทำไมอ่ะครับ พี่หมิวเลยถามสวนมาเลยว่า ทำไมไม่พอใจเหรอที่เจนรู้ว่ามีอะไรกับเจ๊

ผมก็นิ่งเลยทีนี้ คือเถียงไม่ออกอ่ะ คือใดๆผมภูมิใจนะที่ได้มีอะไรกับพี่หมิวน่ะ เรียกว่าเป็นบุญหำของโทนก็ว่าได้ครับ พี่หมิวเชิดคางของผมแล้วพูดขึ้นว่า ถ้าเข้าใจก็ดีแล้ว อย่าลืมนะว่าโทนเป็นของเจ๊


เฮือก !!! ผมนิ่งพูดอะไรไม่ออกเลยเชื่อมะ โทนเป็นน้องชายเจ๊น่ะผมเข้าใจ แต่บอกว่าโทนเป็นของเจ๊นี่มันยังไงวะ แต่สิ่งที่ผมมั่นใจแน่ๆ คือพี่หมิวไม่ได้คิดกับผมเกินน้องชายแน่ๆ แม้จะเคยก้าวข้ามเส้นไปแล้วก็ตาม


โอยหัวใจเต้นไม่หยุดเลยทีนี้ แล้วแบบพี่หมิวเขาจ้องหน้าจนผมนี่ไปไม่เป็นเลย พี่หมิวยังบอกอีกว่า ก็จริงที่ไม่ได้ห้ามว่าให้ใครมาหาที่ห้อง แต่ไม่ได้บอกนี่ว่าจะไม่พูดอะไร

จบเลย จบเลยโทนเอ๊ยยย  ผมยืนนิ่งได้แปปนึงพี่เตยก็เดินมาครับ แล้วมาตอนที่พี่หมิวยังจับคางของผมเอาไว้ด้วย พี่เตยถามว่าทำอะไรกันล่ะน่ะ โดยไม่มีท่าทีที่ตกใจเลย นี่แหละครับนี่น่ากลัว


[ พี่หมิว ]  :  กำลังสั่งสอนคนนิดหน่อยน่ะ

[ พี่เตย ]  :  เอาเลย เอาให้หนักเลย เดี๋ยวนี้ดื้อมากอ่ะ

[ พี่หมิว ]  :  จริงเหรอโทน !!!


นั่นไงหางานให้ผมอีกละพี่เตย ผมก็ตีหน้าซื่อบอกว่าไม่รู้ครับ เท่านั้นแหละพี่เตยเดินมาคว้ามั่บเข้าที่แก้มอีกคนเลย โอย ผมบอกเลยนะว่าไม่ใช่เรื่องน่าอิจฉาเลยเจ็บชิบหาย นี่มือหรือคีมล็อคว่ะเจ็บชิบ


พี่เตยบอกอีโทนเดี๋ยวนี้หัดโกหกเหรอ โอยทำไมภาพในฝันมันไม่ได้สวยหรูแบบนี้ ผมเคยคิดนะว่าแบบมีสาวๆสองคนห้อมล้อมแบบ อ่าส์ ราชาฮาเล็ม เอาองุ่นมาป้อนให้ เฮ้ยทำไมชีวิตจริงมันเจ็บตัวแบบนี้ล่ะ โอ้ววววว


[ พี่เตย ]  :  หมิว ตัวหายโกรธอีโทนแล้วเหรอ


[ พี่หมิว ]  :  อื้ม สงสาร เห็นทำหน้าเป็นลูกหมาพึ่งหย่านม ก็เลย.......... ยกโทษให้


นั่นไง นั่นๆๆๆ มีเว้นช่วงเสียงให้ผมใจหายว่าบๆๆด้วย โอยอิหยังวะน่ะ ผมนึกว่าเจ๊จะพูดว่าสงสารเลยให้กินนมซะแล้ว แล้วพี่หมิวก็หยุดเชิดคางผมแล้วบอกว่าวันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน


แล้วเขาก็เดินกลับเข้าไปในออฟฟิศของป๋า ส่วนพี่เตยน่ะเหรอยัง ยัง ยังไม่ปล่อยอีก ผมก็แบบ อ๋อย เอ๊ อ่อย อ๋ม ( อ๋อยเจ๊ปล่อยผม )  พี่เตยก็ยังไม่ปล่อยนะ แล้วยังมองหน้าผมอีกแล้วยังถามย้ำว่า


[ พี่เตย ]  :  ตกลง อาทิตย์หน้าจะว่างมั้ย !!!

[ ผม ]  :  ว่างครับ สำหรับเจ๊คนสวย ว่างเสมอครับ

เจ๊ก็บอกอื้ม น่ารักที่สุดเลยโทนของเจ๊ ซึ่งพอเจ๊ปล่อยผมเนี่ย ผมก็ถามนะว่าเจ๊ เอ่อ.... เจ๊เอาถุงยางไว้ที่ไหน เจ๊เอาไปซ่อนหรือเปล่า ซึ่งยังไม่ทันจะพูดจบเลยพี่เตยก็บีบจมูกผมและเดินกลับไป


ผมก็เดินตามไปนะ เราสองคนเดินเข้าไปในออฟฟิศของอพาร์ทเมนต์ ซึ่งพี่หมิวเองก็นั่งอยู่ในนั้น ผมก็มองซ้าย ขวา ซ้าย ขวา เลิ่กลั่กเลยทีนี้จะไปยังไงต่อดีล่ะกู


พูดตรงๆพอเงียบๆแบบนี้ผมก็ทำตัวไม่ถูกนะ ผมพึ่งจะทำเรื่องที่ไม่ควรทำกับพี่หมิวลงไป ถึวแม้พี่หมิวจะยินยอม พร้อมใจก็เถอะ แต่พอถึงเวลาจริงๆผมแม่งก็น้ำท่วมปาก ไม่รู้จะทำยังไงดี


[ พี่เตย ]  :  อีโทน เป็นไรเนี่ย หืม

[ พี่หมิว ]  :  อื้ม เป็นไรมั้ย


เข้ากันจริงๆวุ๊ยสองคนนี้ ผมก็แบบเปล่าครับไม่มีอะไร ผมก็ถามนะว่าพี่หมิวจะไปไหนต่อหรือเปล่า พี่หมิวก็บอกอื้มว่าจะไปกินเลี้ยงน่ะ ผมนี่แบบยังจะไปอีกเหรอเนี่ย ผมก็คงทำอะไรไม่ได้หรอกครับแบบนั้น


ผมตอบครับ เดินทางดีๆนะครับ แล้วก็จะกลับขึ้นห้องไป ผมเดินมาหยุดตรงหน้าลิฟต์แล้วโทรขึ้นไปถามสามสาว ว่าอยากกินอะไรกันมั้ย ดาวบอกดาวอิ่มแล้ว แต่มิ้นต์กับแก้ม บอกว่าอยากได้น้ำเต้าหู้อุ่นๆ


ผมก็เดินมาตรงหน้าประตูอพาร์ทเมนต์ละชะเง้อๆๆ มองครับ เพราะปกติแล้วจะมีรถเข็นขายน้ำเต้าหู้ น้ำขิง เต้าฮวย ขายอยู่อีก 2 ซอยถัดไป คือสมัยนั้นร้านมันยังไม่เยอะครับ เลยมองได้ถนัดตา


ร้านอยู่ริมฟุตบาท เปิดไฟเลยมองเห็นได้ง่าย เอ้อเปิดอยู่นี่หว่า ผมก็พูดกลับไปว่า อื้มๆร้านเปิด เดี๋ยวพี่เดินไปซื้อให้ แล้วก็วางสายไปครับ ซึ่งตอนที่ผมกำลังจะเดินไปนั่นแหละ พี่หมิวก็เดินมาหาผมอีกที


[ พี่หมิว ]  :  เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมทำหน้าแบบนั้น

[ ผม ]  :  เปล่าครับ ผมไปซื้อน้ำเต้าหู้ก่อนนะครับ


พอผมจะเดินไป พี่หมิวก็ดึงแขนไว้อีก แล้วพูดว่าไม่พอใจที่เจ๊บอกว่าจะไปกินเลี้ยงต่อเหรอ ผมนี่แบบฮึ๊ก !!!  รู้ได้ไงวะ แม่หมอเปล่านี่ ผมก็ยังตีหน้านิ่งแล้วบอกว่าเปล่าครับไม่ได้ไม่พอใจ แล้วรู้มั้ยพี่หมิวตอบกลับมาว่าไง


ดีแล้วที่คิดแบบนั้น ผมก็แบบมึนเลยครับทีนี้ว่าเจ๊จะสื่ออะไร พี่หมิวพูดกับผมครับว่า อย่าลืมที่เราพูดกันไว้ ว่าความสัมพันธ์ทางกายของเราสองคนต้องจบแค่วันนั้น โทนต้องเป็นคนเดิม ต้องรักเจ๊เหมือนพี่สาวเหมือนเดิม


อย่าคิดอะไรที่มันเกินเลยมากกว่านั้น อย่าทำให้เจ๊ลำบากใจ โอยผมนี่แบบกึ้ก !!! เลยตอนนั้น ก็คือรู้แหละว่าต้องทำตัวยังไง แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ห่วงนะเว้ย เพราะเจ๊ก็พึ่งเจอเหตุการณ์แบบนั้นมาเพราะไปกินเหล้าน่ะ


แล้ว โอ้ย นึกถึงตอนนั้นแล้วอยากจะตบหัวตัวเอง เพราะผมพูดกับไปว่า รู้แล้วเจ๊ว่าผมควรอยู่ตรงไหน เฮ้อ อยากตบหัวตัวเองที่พูดออกไปแบบนั้น พี่หมิวก็หยิกหูผมเลยทีนี้ ผมก็โอ๊ยย เจ๊ทำไรเนี่ย โอ๊ยเจ๊บบ


พี่หมิวก็พูดมาว่า อย่ามาทำงอนนะโทน หรือโทนไม่รักเจ๊แล้วหืม หรือได้เจ๊แล้วจะไม่ห่วงเจ๊ ผมก็แบบโอ๊ยยย รักครับ รักเหมือนเดิมครับ พี่หมิวบอกดีมาก เป็นโทนคนเดิมดีแล้ว


ผมก็แบบค๊าบ รู้ค๊าบบ โอยย แล้วพี่หมิวก็ปล่อยผมครับ ผมเจ็บจนแทบน้ำตาเล็ดเลยก็ว่าได้ แต่ความเจ็บมันก็ช่วยให้ผมดึงสติกลับมาได้นะ ผมก็เลยบอกเจ๊ไปว่า จะไปเมาก็ไปเลย แต่ผมไม่ไปรับแล้วนะ


และพี่หมิวก็ตอบกลับมาว่า วันนี้ไปกับเตยเหอะไม่ต้องมารับหรอก ผมก็ค๊าบ ค๊าบ แล้วเจ๊ก็หยิกมั่บ เข้าที่แก้มอีกทีแล้วบอกว่า แต่วันหลังถ้าเจ๊เรียกให้มา โทนต้องมาเข้าใจมั้ย ผมก็โอ๊ยยไปคร๊าบ ไปคร๊าบบบ

พี่หมิวปล่อยมือครับ เขายืนมองหน้าผมแล้วพูดมาประโยคะนึงว่า

[ พี่หมิว ]  :  เจ๊ ไม่ทำเรื่องเดิมๆหรอก เพราะมันทำให้น้องชายที่เจ๊รักเจ็บตัว


โอ๊ว ฟังแล้วแทบจะร้อง ฟังแล้วแทบลอย แต่ในขณะที่ผมกำลังจะโบยบิน มิ้นต์ก็เดินมาพอดี มิ้นต์ก็มองแบบประหม่ามาที่ผมกับพี่หมิว ผมก็งงนะว่ามิ้นต์ลงมาทำไม ก็บอกไปแล้วว่าจะซื้อให้


พี่หมิวมองไปที่มิ้นต์แล้วถามขึ้นมาครับว่า คนนี่ใช่มะ ที่โทรมาตอนที่อยู่สวน ( วันที่ผมวิ่งไปหาพี่หมิว ) ผมก็ตอบครับ มิ้นต์โทรไปครับ แล้วพี่หมิวก็เดินไปหามิ้นต์ครับ มิ้นต์ก็ประหม่าหนักเลยทีนี้


แต่พี่หมิวก็ลูบหัวมิ้นต์แล้วพูดว่า " ขอบใจนะน้อง "  แล้วก็เดินไปเลย มิ้นต์ก็ยืนงงว่าเกิดอะไรขึ้น เราสองคนหัวไปมองพี่หมิวที่กำลังเดินไปครับ ในความคิดผมนะเอาตรงๆ ไม่ได้อวย


ด้วยอายุแค่ 20 ต้นๆ แต่ทำไมพี่หมิวถึงได้ดู Smart ดูดีไปหมดแบบนั้นน้อ ชุดสูทที่เธอใส่ก็โคตรเข้ากับเธอเลย ท่าทางการเดินก็โคตรเท่ส์ ผมเดินมาถามมิ้นต์ว่าลงมาทำไมละนิ ก็บอกว่าจะไปซื้อให้

[ มิ้นต์ ]  :  จะไปด้วย มีไรเปล่า

[ ผม ]  :  ก็พี่จะไปซื้อให้นี่ไง

[ มิ้นต์ ]  :  จะไปด้วยมีไรมั้ย


เนี่ย มันก็เป็นซะอย่างเงี้ยคนเรา เฮ้อออ แล้วผมก็กำลังจะเดินไปมิ้นต์ก็ยื่นมือมา อ๋อรู้และเธอต้องการอะไร ผมยื่นมือไปจับ เชคแฮนด์และกล่าวสวัสดีครับยินดีที่ได้รู้จัก


เท่านั้นแหละมิ้นต์ฟาดเผี๊ยะเข้าที่แขนเลย แล้วทำหน้างอนๆ โอยโคตรน่ารัก ผมก็บอกโอ๋ๆๆล้อเล่น จะเอาตังส์ใช่มะ อ่ะๆๆ  มิ้นต์พูดขึ้นเสียงเข้มเลย

[ มิ้นต์ ]  :  ไม่ตลกนะ

ผมก็แบบโอ๋ๆๆ ล้อเล่น แล้วก็คว้ามั่บเข้าที่มือเรียวๆเล็กๆของมิ้นต์เลย แล้วผมก็จูงมือมิ้นต์เดินไปนั่นแหละ ตอนแรกผมก็เดินนำนะ สักพักมิ้นต์ก็เร่งฝีเท้าเดินตามมา ผมก็งงว่าอะไรละนิ

[ มิ้นต์ ]  :  ไม่ชอบเดินตามหลัง


อ่ะโอเค๊ตามใจ ผมก็ปล่อยให้เธอเดินนำเลยครับ มิ้นต์หันกลับมาจ้องอีกแล้วบอกไม่ชอบให้เดินตามหลัง ผมก็เอ๊า!!! จะเอาไงนิ แล้วมิ้นต์ก็พูดขึ้นมาว่า ก็เดินไปด้วยกันไม่ได้เหรอ


อูยย ไงล่ะครับ FC เจ้าหญิงน้ำแข็งของพวกท่านเปิดอัลติเบาๆนะเนี่ย ผมก็ยิ้มๆแล้วบอกว่าได้สิ่ เราก็เดินไปด้วยกันนะ ซึ่งพอไปถึงร้านเนี่ย เจ้าของร้านก็ทักว่าเอ้า ไม่เจอหน้าหลายวัน


ผมก็บอกว่างานเยอะน่ะครับเลยไม่ได้แวะมา และก็มองๆว่าจะซื้ออะไรบ้าง

[ มิ้นต์ ]  : น้ำเต้าหู้ไม่เครื่องสอง เครื่องหนึ่ง น้ำตาลนิดเดียวค่ะ ( สมัยก่อนยังไม่มีคำว่า หวานน้อย )


ผมนี่แบบกำหมัดเลยกำลังจะสั่งเองแท้ๆ ดันมาตัดหน้ากันได้ แล้วมิ้นต์ก็สั่งน้ำขิงอีก เฮ้อผมมองแล้วก็ได้แต่สงสัย ตกลงไอ้ขาวๆนั่นมันคืออะไร เต้าหู้ใช่มั้ย แล้วทำไมพอใส่ในน้ำขิงถึงเรียกเต้าฮวย ทำไมไม่เรียกน้ำขิงใส่เต้าหู้


ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดทำไมปาท่องโก๋จิ๋วมันแข็งจังวะไม่เข้าใจ ผมยืนมอง อาแปะเจ้าของร้านตักนู่นนี่นั่นอย่างคล่องแคล่ว ตอนนั้นไม่ค่อยมีลูกค้า ผมก็เลยถามแปะว่า ทำไมมันเรียกว่าน้ำเต้าฮวยล่ะแปะ


ทำไมไม่เรียกน้ำขิงใส่เต้าหู้ แปะก็มองหน้าแล้วบอก ไอ้นี่ไม่ได้เรียกเต้าหู้ มันคือเต้าฮวย เอ๊า !!!  ไอ้ขาวๆนั่นคือเต้าฮวยเหรอ ผมก็ถามว่าเอ๊า !!! แล้วไหนล่ะน้ำเต้าฮวย มีแต่เต้าฮวยแห้งๆ


แล้วไหงเอาเต้าฮวยไปใส่น้ำขิงถึงกลายเป็นน้ำเต้าฮวยแหละ แปะนี่ถึงกับส่ายหัวเลย แล้วบอกว่าผมนี่ เรื่องยากๆนี่รู้ไปหมด แต่เรื่องง่ายๆแค่นี้ทำไมไม่รู้ มิ้นต์หัวเราะลั่นเลยแล้วบอกว่า


ใช่ค่ะ ซื่อบื้อมาก ผมนี่หันแล้วแบบ เฮ้ยไหงทำกันแบบนี้ละเบบี๋ ผมมองตาขวางเลยทีนี้ มิ้นต์ก็พูดอีกนะว่าซื่อบื้อ อื้อหือออ ขึ้นเลยตู แปะก็บอกฟื้นน่ารักดีนะโทน วันก่อนไม่ใช่คนนี้นิ่


ฮึ๊ !!!  แปะพูดไรวะ มิ้นต์ถามเลยว่านอกจากพวกเธอสามคนแล้ว มีคนอื่นอีกเหรอ เอาแล้วไงคำถามวัดใจ จะตอบยังไงดี ก็ผมมีอะไรกับพี่หมิวแล้วนี่ แต่ว่าพี่หมิวก็บอกแล้วนิว่าให้กลับไปเป็นเหมือนกันเก่านี่หว่า


ผมก็รีบตอบไปเลยว่าไม่มีจ้า ไม่มีสาบานต่อหน้าหลอดไฟเลย ผมพูดแล้วก็หยิบเงินจ่ายแปะไปเลยครับตอนนั้น ผมก็ถือถุงน้ำเต้าหู้ น้ำขิง ไปนะ แล้วก็นั่นแหละจูงมือเจ้าหญิงน้ำแข็งไปด้วย


มิ้นต์ก็พูดนะว่าจะแย่งจ่ายทำไม แค่ไม่กี่บาทเธอจ่ายก็ได้ นี่ก็ซื้อไปกินกันเองของพวกเธอ ผมก็บอกไม่เป็นไรแค่นี้เอง มิ้นต์ก็บอกกลับมาว่า ทีหลังให้มิ้นต์จ่ายนะ


ผมก็ถามว่าหืมทีหลังนี่หมายความว่าไง จะมาอีกเหรอ เท่านั้นแหละครับมิ้นต์บีบมือเลย คือมันก็ไม่ได้เจ็บนะ แต่ก็โอ๊ะตามสัญชาตญาณเวลาโดนบีบ ผมก็มองไปที่แม่สาวน้ำแข็งของพวกท่านหลายๆคน


มิ้นต์ถามกลับมานะว่า ทำไม !!!  จะมาอีกมีปัญหาหรือเปล่า ผมก็บอกเปล่าจ้าไม่ได้มีปัญหาอะไร ก็บอกแล้วไงว่ามาได้ตลอด ไม่ต้องขอก็มาได้ มิ้นต์ก็บอกนะว่าให้จริงเหอะ ไม่ใช่ว่ามาแล้วไม่ให้ขึ้นไปนะ


ผมก็ถามกลับนะว่าถ้าห้ามแล้วจะฟังเหรอ คำตอบเดียวที่มิ้นต์ตอบกลับมาคือ ไม่   เฮ้อคนอะไรใช้คำว่าน่ารักได้เปลืองแท้ๆ


[ มิ้นต์ ]  :  อยากไปเที่ยว

[ ผม ]  :  หื๊ม ?

[ มิ้นต์ ]  :  อยากไปเที่ยว ไหนบอกจะหาที่เที่ยวไง

ผมก็บอกมิ้นต์ไปครับว่า เดี๋ยวกลับไปก็ไปหาในคอมด้วยกันก็ได้ คือต้องบอกท่านผู้อ่านทุกท่านก่อนนะครับ ว่าเมื่อในยุคนั้น FaceBook ยังไม่ค่อยบูมมากเท่าไรนัก

เพจรีวิว นำเที่ยว ต่างๆก็ยังมีไม่มากหรือแทบจะไม่มีเลย การจะไปไหนไกลๆหรือสถานที่เที่ยวที่สวยๆเนี่ยต้องใช้เวลาเตรียมตัวเยอะเลย ผมก็บอกมิ้นต์นะว่าถ้าจะไปต้องหาข้อมูลก่อน


จะได้ไม่หลงเวลาไปไง ( ตอนนั้นยังไม่มี GPS และ SIRI หรืออาจจะมีแล้วแต่ผมไม่รู้ ) พอพูดไปผมก็อึกอักไปว่าจะพูดดีมั้ย คือเกร็งไปหมดเลยครับตอนนั้น

[ มิ้นต์ ]  :  เอาอีกแล้ว เครียดอะไรอีกเนี่ย เกร็งมือไปหมดแล้วเนี่ย


เชี่ยละ ผมเผลอเกร็งมือว่ะทุกท่านแล้วมิ้นต์ก็จับได้อีก ผมบอกไม่มีอะไร ไม่มีอะไร มิ้นต์ก็ดุผมเลยทีนี้ ถามว่าไม่บอกเหรอ ปิดบังเหรอ ผมก็แบบเฮ้อไม่มีทางเลือก ผมก็บอกมิ้นต์ว่า


ผมต้องเก็บเงินด้วยน่ะ การจะไปเที่ยวถ้าเงินไม่ถึงมันเที่ยวลำบากนะบอกตรงๆ คือผมไม่ได้เป็นคนติดหรูอะไรนะ แต่ผมคิดมาตลอดว่าถ้าไปเที่ยวเนี่ย มันก็ต้องเต็มที่ โอเคว่าที่พักเนี่ยอาจจะไม่ต้องหรูหราก็ได้


แต่เงินที่ใช้กิน เงินที่ใช้เดินทาง มันต้องไม่ขาดมือ มันต้องจ่ายได้ทันทีไม่ต้องคิดว่าเงินจะพอมั้ย โอยย ถ้าแค่เงินค่ารถยังเครียด แล้วเวลาไปเที่ยวมันจะสนุกอะไรจริงไหมครับ

มิ้นต์ก็ถามว่านานมั้ย ผมก็บอกว่านานนิดนึงแหละ เชี่ยเอ๊ยผมคิดในใจ จะไม่นานได้ไงล่ะ ก็บอกว่าจะพาไปเที่ยวทั้งสามคน ปากนะปาก นี่ผมทำอะไรลงไปวะตอนนั้น


นี่แหละครับโทษฐานของคนทำใจป๋าน้ำตาจะไหล เฮ้อ มิ้นต์พูดขึ้นมาว่าไม่ต้องออกเงินให้มิ้นต์นะ ผมมองหน้าเลยนะตอนนั้น คือใจนึงมันก็ดีใจแหละที่ได้ยิน แต่ใจนึงก็คิดว่าจะดีเหรอ


[ มิ้นต์ ]  : มิ้นต์ทำงานแปปเดียวเองก็ได้เงินละ


เอ้า !!! ตกหลุมอากาศเลยกู จากที่กำลังใจชื้นนิดๆ สับสนหน่อยๆ กลายเป็นว่าสตั๊นเลย มิ้นต์บอกทำงานแปปเดียว หมายความว่าอะไรกันนะ นั่งกับลูกค้าเหรอ ผมนิ่งเลยตอนนั้น


คือไม่ได้ดาวน์หรืออะไรนะ แต่คิดไงว่าหมายความว่าไงหว่า แล้วพอเห็นผมนิ่งเนี่ยมิ้นต์ก็คงใจเสียมั้ง รีบดึงแขนผมเลยว่า เป็นอะไรพี่ เป็นอะไร ผมก็แบบ หะ หะ เออะ เอ้อ ไม่มีอะไร


แล้วคราวนี้มิ้นต์ก็จูงมือผมเดินไปเลยครับ ผมก็งงว่าทำไมรีบเดินล่ะทีนี้ ผมคิดว่าเริ่มไม่ปกติละ ผมก็เลยออกแรงดึงนิดนึง จนมิ้นต์ต้องชะงัก พอหันมาเท่านั้นแหละชิบหายแล้วร้องไห้


เฮ้ย ทำไมมิ้นต์ร้องไห้ล่ะ ผมทำไรให้วะ ไม่ได้ละ ต้องเคลียร์ละ ผมจูงมือมิ้นต์เดินเข้ามุมมืดเลยทีนี้ มันเป็นซอยย่อยก่อนถึง หน้าอพาร์ตเมนท์ ไม่ได้ละแบบนี้ผมต้องเคลียร์เลย


ผมจูงมือมิ้นต์เดินเข้าไปข้างใน ยืนข้างกำแพง ผมถามเลยว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมอยู่ดีๆร้องไห้ มิ้นต์เงียบครับ เงียบเหมือนทุกครั้ง แต่ผมก็ต้องถามนะว่าเป็นอะไรกันแน่


คือเอาตรงๆนะมันหงุดหงิดนะจริงๆ อยู่ดีๆเป็นไรร้องไห้อีกล่ะเนี่ย แต่ก็นะผมคงหงุดหงิดอะไรใส่ไม่ได้เลย อย่างน้อยเธอก็เป็นผู้หญิงที่ผมมีอะไรด้วย และเธอก็ไม่เคยทำอะไรให้ผมไม่สบายใจ แต่หนักไปทางกวนประสาทซะมากกกว่า

[ มิ้นต์ ]  :  ไม่ได้ตั้งใจพูด

มิ้นต์พูดออกมาเบาๆครับ ผมถามว่าพูดอะไรนะไม่ได้ยิน คราวนี้มิ้นต์ก็บอกอีกว่าเมื่อกี้ไม่ได้ตั้งใจพูด ว่าทำงานแปปเดียวก็ได้เงิน  ผมก็........ ก็พูดอะไรไม่ออกดิ่ครับ


แต่ถ้าตอนนั้นผมยิ่งนอยด์มิ้นต์ก็คงร้องอีก ผมก็ต้องยิ้มแหละครับ ผมบอกคิดมากน่าไม่เป็นไร คราวนี้มิ้นต์กอดมั่บเลย ผมก็ทำไรได้ล่ะทีนี้นอกจากกอดคืน ผมจำใจจริงๆนะก๊าบ


ผมกอดมิ้นต์ด้วนแขนเดียว เพราะอีกมือนึงมีถุงเต้าหู้ เต้าฮวยอยู่ มันร้อนนะบอกตรงๆ มิ้นต์กอดแล้วก้มหน้าชน อกผมเลย มิ้นต์บอกว่าไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ ผมก็บอกว่าไม่เป็นอะไร แล้วทำไมต้องร้องไห้ล่ะ


มิ้นต์ก็บอกไม่เอาแล้ว ไม่อยากโดนพูดว่าโสดต่อหน้าเหมือนวันนั้นอีก ภาพ Flash Back ไปตอนที่ 19 เลย วันที่ผมบอกต่อหน้าพวกเธอทุกคนว่าผมโสด มิ้นต์พูดอีกว่ากลัวผมหายไปเป็นครึ่งเดือนอีก


ผมก็แบบเฮ้อเอาอีกแล้ว ผมบอกมิ้นต์ว่าไม่ไปแล้ว มิ้นต์ถามว่าจริงนะ พูดจริงๆนะ คือผมมองไม่ค่อยเห็นนะ เพราะตรงนั้นมันมืดเลยถึงจะติดปากซอย แต่ผมรู้สึกได้ว่ามิ้นต์คงต้องมองผมด้วยสายตาที่แบ๊วๆน่ารักแน่ๆ เฮ้อเสียดายชิบ


ผมบอกว่าอื้มจริงๆ ด้วยความที่ผมกับเธอตัวสูงไล่เลี่ยกัน ห่างกันไม่น่าเกิน 10 ซ.ม. ทำให้จังหวะที่ผมก้มหน้าลงไป และเธอเงยหน้าขึ้นมา มันทำให้ปากของเราทั้งสอง ห่างกันนิดเดียวเอง


ผมรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเธอที่พวยพุ่งออกมาและคิดว่าเธอเองก็รู้สึกเหมือนกัน แล้วแบบเคยป่ะแบบคิดว่าจะไปทำ คิดว่าจะไม่ทำ แต่รู้ตัวอีกทีคือวาร์ปไปแล้ว ช่ายครับผมก้มลงไปจูจุ๊ปมิ้นต์เลยล่ะ


ซึ่งตัวมิ้นต์เองก็เหมือนจะตกใจนิดๆ แต่ไม่นานมือที่เธอกอดเอวผมไว้ ก็เปลี่ยนมาคล้องคอแล้ว ริมฝีปากของเราบดเข้าหากันอย่างรู้งาน ไม่นานปากของเราก็เผยอออก ลิ้นของเราเข้ามาทักทายกัน แต่ไม่นานนักเราก็หยุดบทจูบเอาไว้แค่นั้น


เพราะแทนที่จะได้ความโรแมนติก เรากลับได้รสชาติของโอเด้งแทน เฮ้อ อารมณ์เสียเฮียเซ็ง มิ้นต์ก็แบบงืม ลืมแปรงฟัน ผมก็หัวเราะเบาๆ และพูดว่าไม่ร้องแล้วนะ มิ้นต์บอกอื้มๆ

จากนั้นเราสองคนก็เดินออกไปจากมุมนั้นครับ พอเดินเข้ามาถึงออฟฟิศ พี่เตยกับพี่หมิวก็กำลังเตรียมตัวออกไปสังสรรค์ตามสไตล์ครับ พี่หมิวไม่พูดอะไร เธอมองมาที่ผมกับมิ้นต์และกวาดสายตาลงมามองที่ถุงเต้าหู้

[ พี่หมิว ]  :  ไปสังสรรค์ที่ร้านร้านอาหารไม่ได้ไปผับ โอเค๊

พี่หมิวพูดแค่นั้นแล้วก็เดินไป ผมก็คิดตามคำที่พี่หมิวพูดออกมา เธอคงจะบอกผมว่าไม่ต้องเป็นห่วงล่ะมั้ง แล้วพอพี่หมิวเดินไป พี่เตยก็เดินตามมา พี่เตยเปลี่ยนชุดแล้ว เป็นชุดเสื้อสายเดี่ยวกางเกสดิสโก้ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่ามันคือกางเกงอะไร

ผมก็บอกโหเจ๊แต่งชุดไรเนี่ย เบาๆหน่อยเหอะ พี่เตยก็บอกโห้ เจ๊ว่าสวยออก ผมมองแปปนึงแล้วแบบเชี่ย ทำไมเจ๊เตยหุ่นดีแบบนี้วะ กางเกงดิสโก้นี่ถ้าใครหุ่นไม่ดีจริงใส่ไปนี่นึกว่างูเหลือมพึ่งเกินเหยื่อจริงๆ





อารมณ์ประมาณว่าเสื้อลายสกอตแขนยาวนั่นแหละ ใครหล่อก็รอดไป ใครไม่หล่อนี่กลายเป็นคนตัดอ้อยทันที ผมนี่แบบไม่กล้าเข้าใกล้เสื้อลายสกอตเลยครับ ถ้าผมใส่คงได้กลายเป็นคนตัดอ้อยแน่ๆ


อ่ะกลับมาต่อๆ พี่เตยก็เดินมาหาผมแล้วบอกว่า เอาน่าๆ เจ๊ไปร้านอาหารจริงๆไม่ได้ไปเที่ยวผับ เจ๊ก็อยากสวยมั่งไม่ได้หรา ผมก็บอกเปล๊า !!!  แล้วลากเสียงยาว ยาววววว จนเจ๊เตยตีเผี๊ยะที่แขนมาทีนึง


[ พี่เตย ]  :  มิ้นต์ได้กินไรยังเนี่ย

[ มิ้นต์ ]  :  เรียบร้อยแล้วค่ะพี่เตย

[ พี่เตย ]  :  โอเค๊ เจ๊ไปละ

พี่เตยพูดแล้วก็ลูบหัวมิ้นต์เบาๆ แล้วหันมาพูดกับผมว่า เจ๊ไปก่อนนะ " จุบุ "   ผมคิดในใจเลย จุบุ จุบุคืออะไรวะ คือพอจะได้ยิน พอจะได้เห็นมามั่งนะครับ ไอ้คำว่าจุบุ เนี่ย เห็นในเกมส์นี่แหละ


แต่เพราะช่วงนั้นงานเยอะมากๆ ทำให้ล่าบอสเสร็จก็ออกเลย ไม่ได้ตามข่าวอะไร ผมก็งง อะไรคือจุบุวะ ผมก็หันไปถามมิ้นต์ ว่ารู้มั้ยคำว่า จุบุ มันแปลว่าอะไร มิ้นต์ก็มองหน้าผมแล้วพูดกับผมว่า จะรู้เหรอ ประสาทเปล่าเนี่ยพี่โทน






 







เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

wut tong

หายป่วยแล้วก็ระวังบ้างอย่าให้โดนฝนอีกเดี๋ยวไข้กลับมาอีก

AWN

ดูแลสุขภาพด้วยนะครับฝนตกอากาศเปลี่ยนแปลง  ผมนี่เข้ามาดูทุกวันเลยเมื่อไรจะมา  ::Thankyou:: ::Thankyou::

chapter11

ดูแลสุขภาพด้วยครับ ผมนี่เปิดมารออ่านทุกวันเลย
อ่านแล้วแอบเสียวหลังวาบๆเลยครับ ตอนเจ๊หมิวปะทะกับดาว ถ้าเป็นผมนี่คงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกันนะฮะ


puretank

แม่สามีเจอลูกสะใภ้ละ เจอที 3 คนเลย

เนี่ยเห็นไหม...นางเอกของเรื่อง ยังไงมันก็นางเอก บทส่งขนาดนี้

Slave

หูย​ ลุ้นมากอ่ะ​  แม่เสือ4คนมาเจอกัน.. นึกว่างานจะเข้าแระ...โดยเฉพาะแม่เสือดาวกะเจ๊หมิว.....ขอบคุณ​มาก​ครับ​

teeieie123




timshel

อ่านแล้วขนหัวลุกเลยครับ คิดไม่ออกจริงๆ ว่าเจอแบบโทนจะทำตัวยังไง

คิดอีกที ทำไมผมรู้สึกว่า เจ๊หมิว กะ เจ๊ดาว มีอะไรคล้ายๆกัน แกร่ง ในแบบฉบับของตน

ตอนนี้ เป็นตอนที่ผมอ่านแล้ว มีความสุขมากครับ ความฝันที่ชีวิตจริงทำไม่ได้ บรรดาเมียๆสมัครสมาน สามัคคีกันดี ญาติผู้ใหญ่(สองเจ๊) เข้าใจ




xonly-1786

ขอบคุณมากครับ โทนจะรับศึกครั้งนี้ไหวมัยครับ มากันครบเลย สู้ๆนะโทน