ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ.ร้านคาราโอเกะ Part4 ตอนที่ 37 ( ประสบการณ์ตรงของนายโมโนโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, ตุลาคม 30, 2020, 10:27:27 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ สวัสดีชาวร้านเกะทุกท่าน ร้านเกะตอนใหม่มาแล้วครับ

หวังว่าจะยังได้รับการสนับสนุนแบบนี้ต่อไปครับผม

ดีใจที่ทะเลของเหมียวได้รับการตอบรับดีมากๆเลย ยังไงก็ฝากติดตามด้วยครับ


ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณที่คอมเมนต์กันมาเยอะมาก

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



.....................




ปล. Link รวมตอนเก่าๆของ ร้านคาราโอเกะครับ


คลิ๊กเลย !!!



................



ปล.2 ถ้าจะให้พูดถึงหุ่นของพี่เตยนั้น.... อื้ม แบบนี้ครับ ถึงจะโก๊ะ เอ๋อๆ แต่พี่เตยหุ่นดีไม่แพ้พี่หมิวเลย






......


ปล.3 เจนในตอนนั้น อืม ผมว่าเธอเป็นสาว k pop ของแท้เลยนะ แปลมะ เรียนญี่ปุ่น แต่ชอบ K pop
มันเลยทำให้สไตล์การแต่งตัวในยุคนั้นของเธอ ตามเทรนด์นักร้อง k pop มาก ที่สำคัญสาวแว่นด้วย
แต่พอโตมาก็ใส่ คอนแทคเลนส์แหละครับ






.......



ความเดิมตอนที่แล้ว



ผมใช้เวลากับสามสาวจนหมดวันและก็แยกย้ายตามทางที่ต้องไปทำงานกัน

เธอไปทำงานของพวกเธอ ผมก็กลับมาทำงานของผม มันก็เหมือนจะดีนะ

แต่พอคิดเรื่องเก็บเงินไปเที่ยวก็ปวดหัว จนกระทั่งผ่านมากลางสัปดาห์

เจนก็นัดให้ไปเอาเอกสารสำคัญเรื่องการรวมรุ่น

มันก็เรียบง่ายดี นัดเจอรับของ แยกย้ายกลับ

แต่มันไม่เรียบง่ายอ่ะดิ่ เพราะตอนที่กำลังคุยกับเจนอยู่

พี่เตยก็โผล่มา แล้วยังบอกอีกว่า เป็นแฟนผม


..................




ผมนี่หันควั่บเลยครับ เฮ้ย !!! เจ๊พูดไรวะน่ะ เจนก็แบบเหวอเลยครับท่านผู้อ่าน  แล้วพี่เตยก็ยิ้มเหมือนไม่มีพิษมีภัยนะ โอยนี่มันหายนะชัดๆเลย แล้วพี่เตยก็ถามนะว่า นี่ก็ 6 โมงเย็นแล้ว เจนทานข้าวด้วยกันไหมคะ



โอ้โห ช่วยผมด้วยครับพี่น้อง เชื่อมั้ยว่า วันนั้น เวลานั้น วินาที ผมนี่แบบล่กเลยนะ คือแบบอยู่ดีๆก็หวั่นใจ ผมกลัวว่าถ้าเจนเกิดพูดออกมาว่า วันนั้นคนที่มากับโทนชื่อเจ๊หมิวไม่ใช่เหรอ



ถ้าเจนพูดมาแบบนี้นี่ชิบหายเลยนะ ผมบอกเลยว่าพี่เตยน่ะ sense แรงมาก อย่าได้มีอะไรสักนิด เศษเสี้ยวข้อมูลแค่นิดเดียว เขาก็ตามต่อจนรู้เรื่องจนได้ ผมเลยรีบพูดเลยว่า เดี๋ยวเจนต้องไปธุระแล้วเจ๊ อย่าไปรบกวนเลย



แต่เจนก็พูดขึ้นมาว่า ค่ะได้ค่ะ เจนก็กำลังหิวเลย เหี้ย แล้ว เหี้ยแล้วไงพี่น้องรีดเดอร์ เหี้ยเกาะขาไอ้โทนแล้วไง พี่เตยก็บอก


[ พี่เตย ]  :  อื้มค่ะ ดีเลย ทานหลายๆคนสนุกดีคุยไปทานไป อร่อยจะตายเนอะตัว



[ ผม ]  : .... ????



หืม ตัว ตัวไหนวะ พี่เตยเตยซื้อหมามาเหรอถึงบอกตัว แล้วพี่เตยก็ดึงแขนเสื้อผมยิกๆ ผมหันไปหา พี่เตยก็พูดอีกนะว่า ตัวเหม่อเหรอ แกล้งเค้าอ่ะ หื๊ม !!! ชิบหายละ


นี่ตกลงพี่เตยเรียกผมนะ แล้วแบบคือผมไม่รู้เลยศัพท์สมัยนั้น ทั้งตัว ทั้งเตง ทั้งจุบุ เชี่ยไรเนี่ย โอยตามไม่ทัน ผมก็หือ แล้วก็ตามน้ำ อ่ะครับๆ ไม่ได้แกล้ง แล้วพี่เตยก็ยืนถุงกระดาษหลายใบมาให้ผมถือ อ่ะผมก็ถือไปครับ


พี่เตยบอกป่ะค่ะเจน ไปทานที่เซ็นจูรี่เนอะ ตรงนี้ร้อนมากๆเลย คนก็เลิกงานเยอะเต็มไปหมด แล้วพี่เตยก็มาคล้องแขนผมนะ แล้วบอกป่ะค่ะตัว ไปกันเค้าหิวแล้ว


ผมนี่แบบ เอ่อะ เอ่ออ โอย อิหยังวะชีวิต แต่เดินได้ 2-3 ก้าวพี่เตยก็ปล่อยแขนครับ เพราะตรงนั้นคนเยอะมากๆ อีกอย่าง ของที่ผมต้องถือให้มันก็มีหลายถุง ถ้าจับมือกันเดิน คงเกะกะแน่ๆ


แล้ววันนั้นด้วยความที่เป็นต้นเดือน คนเต็มห้างเลย แน่นอนว่า ร้านสุกี้ ชาบู นู่นนี่นั่นเต็มแน่นอน ต้นเดือนเขารีบใช้เงินกัน ซึ่งเมื่อก่อนผมก็แบบนี้แหละ ต้นเดือนนี่แบบหื้ม !!!


รายรับเน้นๆ สมัยนั้นยังไม่มีภาระไงครับ จะมีก็แค่เช่าห้องก็ต้องจ่าย ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าโทรศัพท์ที่ไม่รู้ว่าจะแพงไปไหน ผมใช้มาตั้งแต่ Orange จนมาเป็น True Move ก็ยังไม่มีลดเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


สมัยก่อนขนาดไม่มีบริการ internet ยังแพงอิ๊บอ๋าย สมัยก่อนนี่ถ้าเดือนไหนผมช็อต แล้วมีเรื่องต้องใช้จ่ายต้นเดือน ผมจะไม่ไปจ่ายค่าโทรศัพท์นะดองไว้เก็บเล็กเก็บน้อยระหว่างเดือนเอาแล้วค่อยจ่ายเบิ้ลบิล


ฟังแล้วอาจจะดูไม่ดีนะ แต่เพื่อความอยู่รอดตอนนั้นก็ต้องทำ เพราะพูดตรงๆตอนนั้นผมยังไม่ค่อยมีเงินเก็บ ยังไม่มีปัญญาให้เงินพ่อเงินแม่เลยครับ แล้วเวลาเงินช็อตผมจะไปขอเขาได้ยังไง ก็ต้องกัดฟันเอาแหละครับ


ใครเคยผ่านช่วงเริ่มทำงาน 3 เดือนแรกจะเข้าใจดีว่ามันลำบากเลยล่ะ ยิ่งถ้าใครที่เข้ามาทำงานงานที่ต้องไกลบ้าน ค่าใช่จ่ายนี่รออยู่แน่นอน อะไรที่ทำให้เราเอาตัวรอดไปได้ตอนนั้นก็ต้องทำ ( ยกเว้นเรื่องผิดกฎหมาย )



แต่เป็นสมัยนี้นี่ดิ่ เฮ้อ ค่าโทรศัพท์จ่ายเป๊ะๆๆๆทุกเดือน ถ้าโดนตัด internet แล้วใจจะขาด  ช่างเถอะ พูดไปก็ไลฟ์บอย


[ พี่เตย ]  :  กิน MK กันเนอะ


[ ผม ]  :  เฮือก !!!



วันนั้นพี่เตยบอกอยากกิน mk ครับ ซึ่งเจนก็บอกได้ค่ะ แต่แต่ แต่ !!! แต่ถามผมไหมว่าผมอยากกินเปล่า ผมต้องเก็บเงินพาสามสาวไปเที่ยวนะเว้ย !!!!


แล้วค่า mk มื้อนึงหารสามยังคิดหนักเลยบอกตรงๆ แล้วชั้นเลิกอะไรได้ไหม ??? ก็ไม่ได้ไง เจนถามโทนไม่กินเหรอ แล้วพี่เตยก็พูดขึ้นมาว่า


พึ่งต้นเดือนเองนะ ผมนี่แบบอื้อหืม หยาม หยามกันชัดๆแบบนี้ แล้วผมก็แบบเสียเงินไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ เพราะมีเจนมาด้วยนั่นแหละครับ



[ ผม ]  :  อื้ม ตามใจ


[ พี่เตย ]  :   อิอิ ตัวน่ารักจัง



ทำไมไม่ค่อยรู้สึกว่าคำชมนี้ได้ฟังแล้วชื่นใจ พอผ่านไปไม่ถึงนาที ผมแม่งคิดละ เชี่ยจะกี่บาทวะ เชี่ยเอ๊ย ไม่น่าปากดีเลยกู


ตอนนั้นผมแม่งภาวนาเลยนะ คนเต็ม คนเต็ม คนเต็ม คิวยาว คิวยาว คิวยาว เหมือนซากุระงิ ที่มันแช่งให้โนบุนากะชู๊ตลูกโทษไม่ลง


โอยแล้วเหมือนว่าฟ้าจะเข้าข้างผม เพราะวันนั้น MK คนเต็มร้านแน่นร้านครับ ผมก็แบบเชี่ยดีใจมากมาย แต่พี่เตยก็บอกอยากกินจริงๆ รอนะ นะนะตัว เค้าอยากกิน



ผมก็ได้แต่ยอมครับ เฮ้ออออ ก็นะเจ๊ทั้งคนนี่นา ตามใจหน่อยก็คงไม่เป็นไร ผมก็บอกอื้มครับตามใจ แต่เราก็รอได้แค่แปปเดียวแค่นั้นแหละ เจนก็พูดขึ้นว่า โทนหิวข้าวเหรอ ท่าทางไม่ดี เอ่อเอาจริงๆผมก็หิวนะ ทำงานทั้งวันกินข้าวไปนี๊ดนึง



แล้วอีกอย่าง อย่างที่ท่านทั้งหลายรู้ว่าผมมีโอกาสเป็นกรดไหลย้อนมากกว่าชาวบ้านเขา ผมก็เลยกังวลจนมันออกสีหน้าล่ะมั้งนะ เจ๊เตยก็รีบเดินมาถามเลยว่าตัวหิวเหรอ ผมก็แบบไม่เป็นไรรอได้ครับ อีกแปปเดียวเอง



แล้วพอดูคิวของเรา อ่า 10 คิว ตายแหน่ พี่เตยก็เลยบอกงั้นลองไปดูร้านอื่นก่อนมั้ย ซึ่งผมก็ยังไม่ทันตอบอะไรนะ พี่เตยก็หันไปถามเจนว่า เป็นฮาจิบังได้ไหมคะ เจนก็รีบบอกเลยว่าได้ค่ะ




ผมคิดในใจ แล้วจะถามตูทำไมเนี่ย อ่ะกลับมาๆ หลังจากที่เจนบอกว่าได้ค่ะ พี่เตยก็เลยบอกโอเคงั้นไปกัน คือตอนนั้นก็โล่งใจขึ้นมาเลยครับเพราะ ฮาจิบังตอนนั้นหมูชาชูราเมนมัน 55 -60 บาทมั้งนะ เอ้อ เอา ได้อยู่ราคาพอๆกับกินข้าวหมูแดงพิเศษหมูกรอบเลย



เราสามคนเดินหาร้านบะหมี่หมายเลข 8 กันอีกแปป เอ้าโชคเข้าค้างวุ๊ย ร้านว่างพอดี 4 ที่นั่ง พวกผมก็เข้าไปกันเลยนะ พี่เตยเขาก็เข้ามาพูดใกล้ๆผมนะ ว่านั่งไหนดีน๊า ??? อยากให้เจ๊นั่งฝั่งไหน นั่นไงชิบหายละคำถามวัดใจ



เหมือนเจ๊แกแบบมาเหนืออ่ะ แล้วคำถามแบบนี้ผมก็คงตอบคำตอบอื่นไมได้นอกจากว่า " ตามใจเจ๊สิ่ "  ซึ่งพอเข้าไปแล้วพี่เตยก็ทำหน้าแบบเจ้าเล่ห์ครับ


คือเขารอให้ผมกับเจนนั่งก่อนครับ ซึ่งก็แน่นอนแหละเรานั่งคนละฝั่งกัน แต่พี่เตยนี่สิ่ ทำเป็นหยิบนู่นวางนี่แล้ว แล้ว เชี่ยเอ๊ย เอาละไง เขาจะนั่งไหนวะเนี่ย และเขาก็ไปนั่งฝั่งเจนครับ


เจนเขาก็มองหน้าผมนะ แล้วเจนก็คิดผิดมหันต์ที่ไปถามพี่เตย


" พี่เตย ไม่นั่งกับโทน เหรอคะ "


นั่นไงล่ะนี่แหละที่ผมบอกว่าเจนไม่น่าเลย พอพูดแบบนี้ผมหยิบเมนูขึ้นมาและก้มหน้าลงไปเลย ผมพูดในใจ งามใส้ละไง แล้วก็งามใส้จริงๆครับ พี่เตยพูดตอบเจนไปว่า



" ถ้านั่งด้วยกัน ก็มองหน้ากันไม่ได้น่ะสิ่คะ "



เพล๊ง !!!  เสี่ยวสัด บอกเลยเสี่ยวสัดๆ ถุยชีวิต ทำไมโทนต้องมารับรู้ความเสี่ยวๆอะไรแบบนี้ด้วย เจนก็อ่อค่ะๆ ผมก็แบบโอยย อิหยังน๊อ แล้วผมก็มองเมนูไปงั้นๆแหละครับ เพราะความตั้งใจคือ ราเมนหมูชาชู


ซึ่งผมยอมรับเลยว่า ผมเข้าร้านฮาจิบังไม่บ่อย เพราะอย่างที่รู้ๆกันครับ ผมเข้าแต่ร้านยาโยอิ กับ คัสสึโทจิ เมนูประจำตัว นั่นเลยทำให้ผมไม่ค่อยเชี่ยวชาญด้านราเมนมากนัก


เมนูเดียวที่จำได้และถูกสุดคือ หมูชาชูราคา 55 บาท มีหมูแผ่น 5 ชิ้นวางบนเส้นเราเมน และแปะหน้าด้วยลูกชิ้นนารูโตะบางๆอีกอัน แต่ตอนนั้นผมก็เหลือบไปเห็นอีกเมนูนึง ซึ่งเชี่ยแบบเฮ้ยมีผักมีหมูด้วยอ่ะ 


ซึ่งไอ้การที่บ้านผมอยู่ในสวนแล้วเด็ดผักข้างๆบ้าน ข้างๆรัวมากินได้ตามใจที่อยากจะหยิบ มันเลยทำให้ทุกๆมื้อตอนอยู่บ้าน จะมีผักเป็นเครื่องเคียงเป็นกาละมังเลยครับ


ผมเลยติดการกินผักมา แล้วแบบพอเจอเมนูนี้มันมีผักด้วยผมก็แบบ อูยยย อยากกินราคาก็ 75 บาท เอาวะอยากลองกินดู แล้วมีหมูมีนู่นนี่นั้น เหมือนทอปปิ้ง



มันคือเมนู ทันตัมเมน เอ่อ ขอทันตันเมน ที่นึงครับ และพอได้กินแล้วแบบโอ้ว !!! พึ่งรู้ว่ามีราเมนแบบนี้ด้วยหรือนี่ !!! ก็อร่อยดีครับ แต่ยังไงหัวใจก็มีที่ให้แค่คัสสึโทจิ เท่านั้น


พอรับรู้รสชาติความอร่อย ผมก็เริ่มเกร็งเลยเพราะอยู่ดีๆ พลอตในหนังก็มา ใครเอาขามาเขี่ยตีนตูวะ ผมก็แบบถ้าจะก้มไปเลยมันก็ดูแปลกๆ ผมก็แบบเอาไงดีวะ แล้วก็คิดได้หยิบทิชชู่มาแล้วแกล้ง ฮัชเช่ย


แล้วก็ก้มลงไป อื้มหืมพี่เตยนั่นไงล่ะ ผมก็ก้มนานพอควรนะ จนเจนถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ผมก็เด้งขึ้นมาเลยบอกว่าไม่เป็นอะไร เราใส่น้ำมันพริกเผากับพริกเยอะไปนี๊ดด


[ เจน ]  :  โอ่ยย ซุ่มซ่ามไม่เปลี่ยนเลย ตั้งแต่ ม.5 แล้วนะ


หื๊ม !!!  เอาว่ะ ม.5 ก็มาว่ะ ผมก็พยายามระลึกชาตินะว่า ม.5 ตอนนั้นผมทำอะไรอยู่วะ เอ๊อเยอะว่ะ จำไม่ได้จริงๆ ผมก็แกล้งเอ๋อไปซักพัก เจนก็บอกว่าก็ตอนนั้นไงที่ซ้อมยูโดตอนเช้า แล้ววิ่งไปเกือบชนคน ที่กำลังมาเข้าแถวน่ะ


โอ้โห ภาพแม่งแฟลชแบ็คเลยครับ คือตอนนั้นมันเป็นตอนเช้าครับ เป็นช่วงที่ใกล้จะแข่งยูโด แล้วจำได้เลยเป็นแมทช์แข่ง ที่เดอะมอลล์งามวงวานจัดขึ้น แอร์เย็นเจี๊ยบ นั่งนานไม่ได้เส้นยึดต้องเดินตลอดเวลาอ่ะกลับเข้าเรื่องต่อ


เป็นธรรมดาแหละครับที่พอใกล้แข่งแล้วเวลากระชั้นชิด ตอนเช้าอาจารย์ก็จะให้มาซ้อมกันเบาๆ-ปานกลาง อย่างเช่นการเข้าท่าทุ่มสปีด


ฝึกดึง อุจิกุมิ


ฝึกแย่งจับ หาจังหวะเข้า


ก็ราวๆนี้แหละครับ ซ้อมหนักมากไม่ได้ เดี๋ยวหลับคาคาบเรียน แล้วตอนนั้นมัน 7 โมงครึ่งแล้วครับ สัญญาณเข้าแถวดังแล้ว นักเรียนคนอื่นๆก็เตรียมตัวมาเข้าแถวเคารพธงชาติ



ตอนนั้นผมนี่ก็แบบกำลังวิ่งแตะสลับ เซ็ทสุดท้ายเลยครับ วางกรวย 3 จุดแล้ววิ่งแตะจับเวลา  แล้วเวลาห้ามต่ำกว่าที่กำหนดด้วย ไม่งั้นซ่อมยาวๆ บอกเลยว่าเหนื่อยเหี้ยๆ



แล้วผมก็แบบเป็นโรคแพ้ไม่เป็นไงครับช่วงนั้น คนก็มองเต็มเลยด้วย ผมงี้ก้มหน้าสับตีนแตกเลยนะตอนนั้น พอเงยขึ้นไปมอง ชิบหายละมีนักเรียนเดินผ่าน เอาไงดีไอ้โทนมีสองทางเลือกตอนนั้น เบรคกับกระโดดหลบ 



เบรคนี้แม่งตัด ทิ้งไปได้เลย ถ้าวิ่งมาเร็วขนาดนั้นแล้วเบรคกระทันหัน ข้อเท้าผมไปแน่ๆ หรือไม่ก็หนังตีนเปิดชัวร์ ( ผมถอดรองเท้าวิ่ง พื้นสนามที่วิ่งเป็นปูน )


ส่วนกระโดดหลบนั้น ให้ตายเถอะ ผมไม่ใช้ฮันมะ บากิ นะครับ ที่จะกระโดดข้ามหัวคนที่สูงประมาณ 160 ได้  เสี้ยววินาทีนั้นเลยตัดสินใจแถออกข้างไปเลย


แล้วก็พุ่งม้วนหน้า " นางลอย " เข้าพุ่มดอกเข็ม ข้างๆ คนนี่แม่งมองกันเต็ม เจ็บก็เจ็บ อายก็อาย แต่ก็ยังดีกว่าวิ่งชนครับ เพราะผมคงรับผิดชอบไม่ไหวแน่ๆ


วันนั้นคือเดินก้มหน้าเลยครับ เพื่อนๆแม่งก็แซวเหยดเข้จรวดทางตรง เยดเข้หลบอย่างเท่ส์ เหยดเข้ต้นเข็มเป็นอะไรไหมวะ โอยโคตรอายเลยครับ



สงสัยกันมั้ยครับว่าทำไมเจนรู้ ก็เจนนั่นแหละที่ผมจะชน เฮ้อออ อ่ะกลับมาปัจจุบัน ภาพแม่งแว๊ปขึ้นมา พี่เตยก็ถามว่า เห.... ( ลากเสียงยาว ) นี่สองคนรู้จักกันมาตั้งแต่ ม.5 เลยเหรอคะ


[ เจน ]  :  จริงๆรู้จักตั้งแต่ ม.1 ค่ะ เรียนปรับพื้นฐานห้องเดียวกัน


ผมนี่แบบฮึ๊ !!!  ใช่เหรอวะ ผมจำไม่ได้จริงๆนะบอกตรงๆ แต่ตอนนั้นนี่คือแบบพี่เตยเลิกเขี่ยขาผมแล้วครับ พี่เตยพูดต่ออีกนะ อืมก็ถามกันตั้งหลายครั้งแล้ว ไม่เห็นตัวเคยเล่าให้ฟังเลย


[ ผม ]  :  เล่าอะไรครับ ???


[ พี่เตย ]  :  ก็ที่เค้าถามไง ว่าเพื่อนๆตัว มีใครมั่ง


แล้วพี่เตยก็ทำท่าเขกหัวผมครับ ซึ่งก็เขกจริงๆแหละ แล้วเขาพูดว่า ทำไมเรื่องแค่นี้จำไม่ได้หืม นี่ตัวจำคุณเจนไม่ได้เหรอ นั่นไงล่ะ มันเป็นการแย๊ปเบาๆก่อนปล่อยขวาตรงครับแบบนี้



คือรู้เลยว่าพี่เตยตั้งใจจะบอกว่าผมจำเจนไม่ได้ เจนไม่สำคัญเลยไม่จำ ผมแบบหืมนี่ทำอะไรกัน คือเอาตรงๆนะครับท่านผู้อ่าน พี่เตยก็ไม่จำเป็นต้องทำกับเจนแบบนี้หรอก เพราะยังไงผมกับเจนก็เพื่อนกันอยู่แล้ว.... มั้ง



แล้วที่สำคัญผมกับเจ๊ก็เป็นแค่พี่น้องกัน ผมไม่กล้าคิดอะไรกับเจ๊ไปมากกว่านี้แน่ เพราะแค่นี้ผมก็รู้สึกจะแย่อยู่แล้ว ที่ตีท้ายครัวพี่เตย ด้วยการไปกินตับกับพี่หมิว



แล้วเชื่อป่ะพอพี่เตยพูดแบบนั้นไป เจนเงียบเลยครับ เหมือนพี่เตยแกเชือดนิ่มๆอ่ะ แล้วตอนนั้นพี่เตยสั่งทาโกะยากิมา พี่เตยบอกว่า ทาโกะยากิที่นี่อร่อยมากนะตัว ตัวลองกินมะ


ผมก็แบบเอ่อ อื้มครับ แล้วมาสองจานว่ะ พี่เตยก็ชวนเจนกินนะ คือพอหลังจากที่เชือดนิ่มๆไปแล้วพี่เตยก็มีท่าทีที่เป็นมิตรขึ้นมาทันที ผมนี่ก็มิด มิดซี่ลี่เลยสัดเอ๊ย ( ภาษาอีสาน แปลว่า เงียบกริ๊บ เงียบสนิท )


ผมนั่งเงียบเลยตอนนั้น เพราะไม่รู้ว่าพี่เตยจะโยนอะไรมาอีก แล้วพี่เตยก็เรียกผมขึ้นมาดังพอสมควร ผมก็ตกใจครับ ตอบกลับไป จ๋าๆๆๆ มีอะไรเหรอ พี่เตยนี่ยิ้มเลยครับ


เจนก็แบบเงียบๆเลยครับ ซึ่งผมก็ไม่อยากให้มันเงียบไปนะ ผมก็คุยกับเจนเรื่องงานเลี้ยงรุ่น ว่าจะเป็นรูปแบบไหน อะไรยังไง เจนก็บอกนะว่า ธีมงานคือ ชมพูขาว เราก็คุยกันไปเรื่อยนะ



แต่ว่าสิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือตอนนี้พี่เตยเธอวางเท้าไว้บนเท้าผมอีกครับ ก็อื้มคงนึกภาพออกกันเนอะ ผมเหยียดขาวางเท้าไว้ใต้โต๊ะและและพี่เตยก็วางเท้าและเหยียบซ้อนขึ้นมาอีกที


ก็เป็นปกติครับตอนนั้นที่เราเป็นกิ๊กกัน เวลากินข้าวเราก็ชอบวางเท้ากันแบบนี้ ผมก็ยอมให้พี่เตยวางไว้แบบนั้นแหละเพราะไม่ได้มีอะไรเสียหายนิ เรานั่งกิน นั่งคุยกันจนอิ่ม


อ่าส์เบ็ดเสร็จ100 หน่อยๆ โอเค๊ไม่เป็นไร แล้วพี่เตยก็บอกปวดฉี่ครับ เราเลยลงไปชั้นล่างกัน ผมกับเจนยืนรอพี่เตยอยู่ตรงนั้น แล้วเรื่องก็เกิดตอนที่พี่เตยเข้าห้องน้ำนั่นแหละครับ เจนพูดขึ้นมาว่า


[ เจน ]  :  โห้ !!! เจอกันตอนวันไหว้ครูยังดู หงิมๆอยู่เลย ไม่เจอกันแปปเดียว นี่หัดคบซ้อนเหรอเนี่ย แล้วพี่คนที่เซ็นปิ่นล่ะ สเน่ห์แรงไปป่ะโทน


ผมนี่ก็เอ๋อแดรกเลยครับ จะแกล้งตายก็ไม่น่าทัน ผมก็เลยบอกเจนไปว่าก็พี่เขาบอกว่าเป็นกิ๊กไม่ใช่เหรอ เจนก็ได้ยินไม่ใช่เหรอ แล้วเจนตอบว่าไงรู้มะครับ



[ เจน ]  :  จำได้ดิ่ พี่เขาบอกว่ากำลังทดลองอยู่ด้วยกัน ทดลองอะไรน๊าเสียงดังเชียว


เจนมันก็พูดออกมาเหมือนจะแซวผมครับ ผมก็แบบ อึ้ก !!!  แล้วบอกเอ่ออ เอาน่าๆ เจนก็บอกนะว่าไม่เจอกันแปปเดียวจีบสาวเก่งสุดๆอ่ะ เทพเลย ดูดิ่สาวสวยตั้งสองคน แล้วแบบนี้น้องๆแฟนคลับพี่โทนจะเป็นไงเนี่ย



ผมเลยบอกโอ๊ยไม่มีหรอก แล้วตอนนั้นพี่เตยก็เดินมาพอดีครับ แล้วเราก็เดินออกกันมาข้างนอกครับ เจนบอกว่าจะนั่ง TAXI ก็หลังจากที่ผมกับพี่เตย เดินมาส่งเจนแล้ว พี่เตยก็สอบสวนผมทันที


[ พี่เตย ]  :  โห้ !!! นี่จะหาสาวเพิ่มอีกเหรอ อีโทน


[ ผม ]  :  บ้า !!! ผมนัดมารับเอกสารเฉยๆเหอะ เจ๊นั่นแหละไปหาเรื่องกัด เจนเฉยเลย


[ พี่เตย ]  :  กัดอะไร นี่แก หาว่าเจ๊เป็นกระต่ายเหรอ นี่ชมใช่มะ


หื้ม !!! ผมนี่กำหมัดเลยครับ ผมบอกพี่เตยว่าไม่เห็นต้องพูดอะไรแบบนั้นเลย นั่นก็แค่เพื่อนนะ คือผมไม่เข้าใจจริงๆนะว่าพี่เตยเป็นอะไรของแก



แล้วพี่แกก็หันมาเหยียบตีนเลยครับ แล้วบอกว่าไม่รู้แต่ ดูไม่น่าไว้ใจ ทำไม ?? โกรธเหรอที่เรียกว่าแฟน เอาซี้ว่าเจ๊เลย ดุเจ๊เลย เจ๊มันไม่สำคัญกับแกนี่



ถุยชีวิต อิหยังวะน่ะ ผมก็บอกเจ๊สำคัญกับผมคร๊าบ สำคัญม๊ากกก ตอนนั้นผมคิดว่าคงง้อยาวๆแน่ๆ แต่พี่เตยก็บอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า โอเครู้เรื่อง



ฮึ๊ !!! อะไรวะ ยืนคุยกันอีกแปป เราสองคนก็หาทางกลับครับ โอ้โหรถติด ผมคิดในใจเลยนะตอนนั้นโชคดีนะเจน รถติดขนาดนี้มีหลักร้อยแน่ๆ ค่า Taxi


ผมถามพี่เตยว่ากลับกันยังไงดี bts มั้ย พี่เตยก็อื้มๆเอาสิ่ มีคนถือของให้แล้ว เจ๊ไม่ซีเรียส  อื้ม !!! จ้ะไม่ซีเรียส คนเครียดนี่ผมอ่ะดิ่


เหมือนไอ้บ้าหอบฟาง ยังไงก็ไม่รู้ครับตอนนั้น จริงๆแล้วเสื้อผ้าก็ไม่ได้หนักมากนะ แต่ลำบากก็ตอนที่ต้องเปลี่ยนสายนี่แหละครับ พอลงสยามก็ต้องเปลี่ยนมาเป็นสายที่ไปศาลาแดง


แล้วสถานีสยามคนนี่เป้นร้อยเป็นพัน พี่เตยก็ดูสนุกสนานดี แต่ผมนี่ดิ่จะหมดแรง ระหว่างยืนรอรถผมก็ถามนะว่าเจ๊ครับ ธุระ อาทิตย์นี้ที่จะให้ผมไปเป็นเพื่อนเนี่ย มันอะไรเหรอ


พี่เตยก็บอกว่า กลับบ้านก่อนจะบอก นั่นไงมีเลสนัยละ พอรถมารับก็ขึ้นครับ แล้วก็ไปลงสถานีสุรศักดิ์ต่อ Taxi กลับบ้าน ใช่ครับ นั่นคือแผนที่ผมคิดไว้ แต่อย่าลืมสิ่ว่าผม มากับใคร


สถานีต่อไป " ศาลาแดง " ท่านผู้โดยสารสามารถ บลาๆๆๆๆ


เสียงคุณรัดเกล้า อามระดิษ ดังออกมาเป็นการแจ้งเตือนว่าจะถึงสถานีศาลาแดง ( ช่องนนทรี ) แล้ว อ่ะ เผื่อท่านใดยังไม่รู้


ตอนนั้นยุคนั้น คุณรัดเกล้าเป็นคนให้เสียงแจ้งเตือนบนรถไฟฟ้านะครับ อ่ะกลับมาต่อ ผมก็เตรียมจะลงเพราะอีกสถานีนึงก็จะถึงสุรศักดิ์


แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเว้ย เจ๊เตยดึงๆๆผมแล้วบอกป่ะลงกัน ผมบอกยังเจ๊ อีกสถานีนึง พี่เตยก็บอกลงกันๆๆ นั่นไงผิดแผน



ผมก็ต้องตามไปครับเลี่ยงไม่ได้เลย พอลงมาผมก็ถามลงสถานีนี้ ทำไมอ่ะเจ๊ พี่เตยบอกว่าก็อยากลงอ่ะทำไมเหรอ หรือตัวโกรธเค้า


ยังๆๆ ยังจะเล่นอีก พี่เตยก็บอกไม่ได้เล่นนี่ ตัวโตบ่นเค้าเหรอ ฮึ่ม !!! หงุดหงิดเลยตู เอาเรื่องเก่ามาพูดอีกละ อ่ะขออธิบายย้อนหลังนิดนึงครับ


ตอนที่กิ๊กกัน ผมเรียกพี่เตยว่าตัวเล็ก  ส่วนพี่เตยจะเรียกผมตัวโตมั่ง ตัวอ้วนมั่ง ซึ่งผมก็งงว่า ตูอ้วนตรงไหนวะ เอาจริงๆนะพอมานั่งนึกไปถึงตอนนั้น


ผมถามตัวเองเลยว่า ตูทำอะไรลงไป อ่ะกลับมาต่อ พี่เตยเขาบอกว่าอยากเดินเล่น ผมก็แบบโอเค๊ตามใจ เราเดินไปตามทาง จนเดินของสถานีศาลาแดง จนมาโผล่แยกช่องนนทรีฯครับ


ตอนนั้นสะพานยังสร้างไม่เสร็จดีนะ เลยไม่มีไฟ เราก็เลยไม่ได้นั่งคุยกัน ผมจะเลี้ยวซ้ายไปลงตรงหน้าร้านอาหาร รอสาย77 กลับหอพัก


แต่พี่เตยลากไปอีกทางครับ บอกว่าเดินไปโรงพยาบาลเซนหลุยซ์กัน ผมแบบฮึ๊ !!! เพื่อไรเนี่ยแล้วพี่เตยหันมามองตาขวางเลย แล้วบอกว่าจะเดิน มีไรมั้ย แบบนี้มันมากเกินไป๊คนเรา ผมพูดสวนขึ้นมาเลยว่า


" ตามใจครับไปก็ได้  "


เฮ้อ เอาเถอะยังพอมีแรงอยู่แล้วพี่เตยก็เดินมาจับมือนะ เหมือนที่เคยทำกัน ผมก็ถามนะว่าเจ๊ไปเจอผมได้ไงอ่ะ เจ๊ถามหืมตรงไหน


ผมก็บอกอีก ว่าก็ที่สาวรีย์ไง หาผมเจอได้ไง รู้ได้ไงผมอยุ่ตรงนั้น พี่เตยก็บอกว่า ก็ตอนที่คุยกัน ผมบอกว่ามารอเพื่อน แล้วถ้าสร็จธุระก็จะหาอะไรกิน


พี่เตยบอกว่า ที่ที่คนนัดเจอกันก็น่าจะเป็น victory point แล้วตรงนั้นก็มีร้านขายข้าวมันไก่พอดีด้วย ผมนี่แบบเฮ้ยขนาดนั้นเชียว


[ ผม ]  :  เฮ้ย เจ๊ นี่เจ๊เป็น เดวิด คอปเปอร์ฟิล เปล่าเนี่ยรู้ได้ไงว่า ยืนตรงไหน กินข้าวตรงไหน



[ พี่เตย ]  :  เจ๊ไม่ได้เป็นนักมายากล เจ๊เป็นคนที่รู้ใจต่างหาก


เอื้อ โดนหยอด พอผมนิ่งพี่เตยก็ยิ่งได้ใจ พูด กิ๊วๆๆ หน้าแดงเลย 5555 ผมก็แบบฮึ่ยย เถียงไม่ออก พอเราเดินมาซักพักผ่านบริษัทใหญ่ๆ โตๆ


พี่เตยก็ทวงรางวัล ผมก็ถามว่าเอ้า รางวัลไรอ่ะ พี่เตยก็บอกไม่รู้แหละ หันหลังมาเจ๊จะขี่หลัง ผมก็บอก เห้ย บ้าแล้วเจ๊คนเยอะ อายเขา


[ พี่เตย ]  :  ตัวโตใจร้าย ฮือออ


[ ผม ]  :  ไม่เอาพี่เตย คนเยอะ ค่อยขอรางวัลทีหลัง


เท่านั้นแหละพี่เตยหัวเราะเลย 555 โอเค เวนละกูเสียเหลี่ยม  เราก็เดินคุยไปไปซักพักจนผม เริ่มถามพี่เตยว่า ทำไมเราต้องเดินล่ะ


เราโบก  taxi สิ่ พี่เตยก็บอกเอ๊า !!! เหรอเนี่ย เคๆๆๆ งั้นโบกเลย แล้วพี่เตยก็วิ่งดุ๊กดิ๊กๆๆ ไปโบก taxi ริมฟุตบาท ผมนี่แบบโอย อิหยังวะชีวิต



เราสองคนขึ้น Taxi กลับมาที่หอพักครับ ซึ่งพอมาถึงเนี่ย ผมก็ต้องแบกของไปส่งที่ออฟฟิศต่อ เปิดหน่อยก๊าบ เปิดหน่อยก๊าบบบ


พนักงานก็ถาม โหน้องเตยซื้ออะไรมาเยอะแยะคะเนี่ย ตอนนั้นผมก็จะวางของไว้ให้นะ เพราะหมดแรงกับความซนความแสบของพี่เตยครับ


นางมารตัวน้อยซนแค่ไหน พี่เตยคูณไปอีก 5 เท่า ผมวางของวางๆๆ แล้วก็ชะแว๊ปแฮ๊ปเลยทีนี้ อ้าาาาาาส์   เชื่อมั้ย พอปิดประตูห้องผมนี่ทิ้งตัวลงนอนเลยครับ


นอนลงกับพื้นหน้าโซฟานั่นแหละ แอร์แม่งไม่ทันใจ เปิดพัดลมก่อน เชี่ยลืมๆๆๆ ต้องเปิดแอร์แค่เวลานอน ประหยัดไฟ ประหยัดเงิน


พอมานึกๆแล้ว ผมก็รู้สึกว่าตัวเองพลาดว่ะ ที่ไปรับปากว่าจะพาสามคนไปเที่ยว ไม่ได้เจียมตัวเล๊ย ทำอย่างกับตัวเองเงินเดือนแสนแปด


เฮ้อ เครียดแท้ๆ แน่นอนแหละครับว่าต้องเข้าไปล่าบอส ไล่หวดบอส หาของมาขาย ต้องเล่นให้น้อยลงเพื่อประหยัดไฟ แต่ก็ต้องได้ประสิทธิภาพที่เท่าเดิมหรือมากขึ้น เฮ้อออออ


ตื๊อดื่อดือดึง  ตื๊อดื่อดือดึง ตื๊อดื่อดือ ดือ ดึงงง

ตื๊อดื่อดือดึง  ตื๊อดื่อดือดึง ตื๊อดื่อดือ ดือ ดึงงง


อ่าส์เสียง intro ในตำนาน ผมรีบรับโดยที่ไม่ได้มองว่าใครโทรมา ฮัลโหลครับ ใครครับ


ผมพูดด้วยเสียงที่เหนื่อยสุดๆเลยครับตอนนั้น และก็มีเสียงพูดตอบกลับมาว่า


ชื่อก็มี ทำไมไม่อ่าน


เฮ้อ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร เจ้าหญิงน้ำแข็งเองจ้า ผมก็บอกอื้อๆ โทษครับ มิ้นต์ถามต่อนะว่าเป็นอะไร


ผมบอกเปล่าาาา มิ้นต์พูดกลับมาว่าโกหกเหรอ โกหกใช่มะ ผมก็แบบ โอยงานจะเข้า ผมก็ต้องสารภาพบาปมาว่า แบกของให้พี่เตยมา เลยเหนื่อย


[ มิ้นต์ ]  :  อื้ม ฝันดี


ฮึ๊ !!! อะไรนะ เอ๊ะหูฝาดมั้ง  ผมถามหืมอะไรนะ คำตอบที่ได้คือ บอกครั้งเดียวพอ ไม่ตั้งใจฟังเอง


ผมก็ยอกเอ๊า !!! บอก่อนๆ น๊าๆๆ บอกหน่อย เจ้าหญิงน้ำแข็งใจร้ายแท้ๆครับ ท่านผู้อ่าน มิ้นต์บอกว่า ครั้งเดียวพอแล้ว พี่ไม่ตั้งใจฟังเอง



ผมก็แบบจ้าๆ ฝันดีนะ มิ้นต์บอกกลับมาว่ายังไม่นอน ต้องทำงาน ผมก็เงียบเลยสิ่ ลืมไปเลยว่ามิ้นต์บังต้องทำงานนั้นอยู่


มันเป็นความจริงที่ผมต้องรับให้ได้นะ ถ้าผมยังอยากจะมีพวกเธออยู่ใกล้ๆแบบนี้ พอผมเงียบๆมิ้นต์ก็พูดขึ้นมาว่า


ไม่ได้กินเหล้า  ดูแลตัวเองได้ แค่นี้แหละ


แล้วก็วางไปเลย ฮึ่มม เจอคราวหน้าพอจะปล้ำให้ดู พอวางสายมิ้นต์ ผมก็อาบน้ำครับเตรียมนอนแล้ว ซึ่งก่อนจะนอนเนี้ย ก็เชค BB ดูว่ามีงานไหม


และก็เจอข้อความของดาวส่งมาบอกว่า


ฝันดีนะพี่โทน  ผมก็ส่งกลับไปอื้มๆ นอนตอนไหนทักมาบอกด้วยนะ พอจะวาง BB ก็เสียงก็เด้งมาอีก


[ ข้อความจากดาว ]  :อื้อรู้แล้ว ฝันดีอึ๊บๆ 


นั่นไงล่ะเสือดาวของแท้แหละครับ ผมก็ส่งกลับไป อื้มๆ อึ๊บด้วย  และดาวก็พิมพ์กลับมาถามครับว่า


จะอึ๊บจริงอ่ะ ไหวหรออออ  ผมพิมพ์กลับไปเลยครับ แปปนะแกะถุงยางก่อน แล้วดาวพิมพ์กลับมาครับว่า


" ใส่ทำไมถุงยาง "



ผมก็แบบอุ้ย ท้าทาย ผมถามว่าจริงหรอ ไม่ให้ใส่จริงหรอ งั้นมาหาได้ป่ะ ดาวพิมพ์กลับอุ้ยๆๆ ชวนไปห้องตอนนี้จะทำอะๆรดาวเหรอคะ



ผมก็บอกเปล่าๆ นอนจับมือเฉยๆ รู้มั้ยครับดาวพิมพ์กลับมาว่าอะไร


" ว๊า แค่นอนจับมือเหรอ ไม่ไปละเซ็ง นึกว่าจะโดนอะไรที่มากกว่าจับมือ "



ผมนี่แบบหื้มมมม !!! ท้าทาย ท้าทาย ซักพักดาวพิมพ์ถามนะว่า อึดอัดมั้ยที่ดาวไปหาที่ห้อง ผมก็พิมพ์ตอบกลับนะว่าเปล่านี่ ไม่ได้อึดอัดอะไร


แล้วดาวก็ตอบกลับมาว่า


" ขอบคุณค่ะ น่ารักที่สุด แต่ถ้าพี่อึดอัดก็บอกดาวนะ ดาวจะได้ช่วยถอดให้ "


นั่นไงล่ะนี่ล่ะน๊า แม่เสือดาว สงสัยอยาดคุยกับโทนน้อย แล้วเธอก็พิมพ์บอก


[ ดาว ]  :  ทำงานแล้วนะ

[ ผม ]  :  อื้มๆๆ พี่นอนแล้วนะ

[ ดาว ]  :  อยากกอดอ่ะ อยากฟัด ดาวทำงานแล้วนะ


จากตอนแรกแค่จะตอบกลับนิดเดียว ลากซะยาวเลยกรู หลังจากนั้น ผมก็เปิดแอร์แล้วก็นอนครับ ตื่นเช้ามาก็เช็คข้อความ


ดาวส่งข้อความบอกนอนแล้ว มาราวๆเที่ยงคืน ส่วนมิ้นต์ก็ส่งข้อความมาในเครื่อง N72 ตอนเวลาใกล้ๆกัน แล้วบอกว่าแก้มปวดท้อง นอนอยู่คอนโด



ผมก็ส่งข้อความกลับไปหามิ้นต์นะว่า อื้มๆ พี่ทำงานก่อนนะ วันนั้นการทำงานก็เหมือนเดิม ปัญหาก็เดิม มีมาให้แก้ทุกวัน ที่ปวดหัวคือจะทำยังไงให้มีเงินพอไปเที่ยว 3 คน เฮ้อออออ


พอเป็นแบบนั้นก็เริ่มเครียดครับ ผมจะกินอะไร จะทำอะไรก็ต้องคิด คิด คิด จนปวดสมองไปหมด ผมยังคิดอยู่เลยนะ ตอนที่พ่อแม่กำลังตั้งตัว ตอนนั้นท่านผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาได้ยังไง


จากที่ผมคิดว่าตัวเองเจ๋ง สามารถหาเงินเองได้ ตอนนี้แม่งกลายเป็นเด็กน้อยเห่อหมอยไปเลยบอกตรงๆ





 




เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน


C-Runners

นึกถึงสมัยที่นัดเจอสาวที่อนุเสาวรีย์ตรงนั้นเลยครับ โดดงานไปนั่งเฝ้าน้องเขาทำเล็บอีกสามชั่วโมงกว่าๆ แถมโดนพี่ที่ออฟฟิซแซวว่าไปเสียน้ำมาซะงั้น 555555

Ttum1188

อ่านแล้วให้หวนรำลึกถึงสมัยนั้นเลยครับ อยากย้อนอดีตไปช่วงนั้นจัง


Angel_p

นึกออกเลย สมัยนั้นก็น่าจะวนๆ เวียนๆ แถวนั้นเหมือนกัน ว่าแต่เจ๊เตยจะให้พาไปไหนเนี่ย... ค้างคืน 3 คนนนน

Slave

คิดถึงสามสาวจัง​ โดยเฉพาะ​แม่เสือดาว..... มาได้จังหวะเลย​ พอหายอยากไปได้บ้าง..... ว่าแต่เด็กน้อยเห่อหมอยเหรอ.... อืม.... เคยเป็นเหมือนกันนะ5555กะลังอร่อยเลยละ.... คุ้นๆว่าเคยไปกินก๋วยจั๊บมั้ง.. น่าจะใช่แถวอนุสาวรีย์​อร่อยมากมายอ่า​ ไม่รุยังมีอยู่รึเปล่า.....

Ke2l3e2oS

เริ่มเข้าเรื่องเจ๊เตยแล้วแหะ

น่านไงงง ตอนหน้าสนุกแน่นวลลล

mossess


[email protected]


inputpy


zzzbamboozzz

ตอนนี้นึกว่าจะสานต่อกับเต้ยและเจนนะเนี้ย รอดูว่าใครจะเป็รรายต่อไป

drblackjack

ชอบพี่เตยอะครับ ทีมพี่สาวเลย
ก้นสวยมากด้วย อยากให้มีบทเลิฟซีน

eltas007

เจิมก่อนอ่าน

-------------------------------------

เจ๊เตย/เจ๊หมิว เอาใจผมไปเลยคร๊าบบบป๋มชูป้ายไฟรั่วๆ

Asujimaster