ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ ทะเล ตอนที่ 6 ( เรื่องเล่าของนายโทนกับพี่เหมียว )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, พฤศจิกายน 17, 2020, 01:11:56 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ อ่าส์




..................


ความเดิมตอนที่แล้ว


ทุกอย่างมันก็เหมือนจะดีนะ แต่มันก็ไม่ดี

มันไม่มีอะไรสมหวังไปซะทุกอย่าง เหมียวเจอพี่เท่ส์ครับ

พี่คนที่เหมียวไปชอบและไปสารภาพรัก แต่ก็แห้วกลับมา

ตัวผมก็ตึงๆนิดนึงนะ แต่ก็บอกตัวเองว่าอย่าไปคิดๆๆๆ

แต่มันไม่ใช่แบบนั้นอ่ะดิ่ครับ เพราะตอนที่ผมกำลังจะไปทำงาน

พี่เท่ส์เหมือนจงใจมาเบ่งมาอวด โชว์เหนือยังไงก็ไม่รู้

ผมก็เลยพาพี่แก บินไป1ที และแถมบิดแขนอีก

ส่วนเหมียวนั้นก็ดูเข้าข้างพี่เท่ส์จังเลยครับ

มันเลยทำให้ผมรู้ว่า " ตรงนั้นไม่ใช่ที่ของผมจริงๆ "



.....................................



ตอน ที่ 6



ผมเดินออกมาจากตรงนั้นและตรงเข้าไปในห้องสัมมนาเลยครับ แน่นอนล่ะว่าพี่ๆทุกคนรออยู่ที่นั่นแล้ว


เหมียวเองก็เดินตามมานะ ซึ่งมันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ เพราะชีวิตจริงมันไม่เหมือนซีรีย์ที่นางเอกจะนั่งร้องไห้แล้วหิมะตก



แล้วอีกอย่าง กระพ้มมันก็ไม่ใช่พระเอกด้วยแหละ  พอเหมียวมาถึงก็เข้าไปยกมือไหว้ขอโทษพี่จักรกับพี่อ้อมทันที ที่ไม่ได้เข้าประชุม


พี่สองคนนั้นก็เป็นผู้ใหญ่ที่ใจกว้างครับ เขาไม่ได้ว่าอะไรเหมียวเลย แต่ผมก็มีคิดบ้างนะว่าหัวหน้าก็คงมาตักเตือนแล้วล่ะ


พวกพี่จักรก็คงช่วยทำให้บรรยากาศไม่อึมครึมไปมากกว่านี้ พี่จักรเขาก็ถามว่า ผมกินยาบ้างหรือยัง ผมก็บอกกินแล้วครับ


มันเป็นยาแก้อักเสบ ซึ่งต้องขออนุญาตบอกอีกครั้ง ว่าการมาสัมมนาครั้งนี้ มันเป็นเหตุการณ์ระหว่างตอนที่  28 และ 29


เพราะฉะนั้นผมยังคงมีอาการบาดเจ็บจากการไปช่วยพี่หมิว และยังมีแผลอยู่ เพราะงั้นจึงต้องกินยาแกอักเสบ และใช้ยาป้ายปากครับ


อ่ะกลับมาต่อ ผมบอกพี่จักรว่าเรียบร้อยแล้วครับ แต่ก็มึนนิดๆ เพราะยาคล้ายกล้ามเนื้อนี่แม่ง เป็นมหันตภัยของคนทำงานเลยนะ


กินแล้วเบลอไปหมด นี่มันยาคลายกล้ามเนื้อ หรือ ยาสลบช้างกันแน่วะเนี่ย เม็ดเดียวรู้เรื่องเลย พี่อีกคนที่ดูแลฝ่ายเครื่องเสียง


ก็เดินมาคุยกับผม ว่างานพวกโปรแกรมคาราโอเกะ อยากได้อะไรเพิ่มไหม ผมบอกพอแล้วพี่เตรียมมากก็วุ่นวาย ตอนนี้ผมเหมือนว่างานทุกอย่างมันโถมมาหาผมจริงๆครับ



คือผมอยากจะจัดการทั้งหมดนะ แต่เกรงใจพี่จักรเขา พูดยังไงดี ตอนนั้นผมก็อยากโต อยากเลื่อนตำแหน่งไวๆนะจะได้เงินเดือนเยอะขึ้น


แต่การที่ผมเติบโตไวเกินไปมันอาจจะไปสะกิดต่อมไม่พอใจให้ใครต่อใครก็ได้ เพราะผมเองก็ไม่รู้จริงๆครับ ว่าในบริษัทนี้


ใครจริงใจกับเราบ้าง ไม่ชอบเราบ้าง ไอ้ชาติหมาน่ะดีอย่างนึง คือมันกวนส้นตีนไม่ชอบหน้าผม มันก็แสดงออกมาตรงๆ บางคนเนี่ย เข้ามาคุยดีมากๆ



แต่มือนี่ถือมีดเลยพร้อมจะแทงหลังตลอดเวลา เฮ้อ ตอนได้รับโปรโมท ผมก็โดนนินทาเยอะครับ โดนจนจิตตกเลย แต่ก็ได้พี่หมิวกับพี่แมนคอยพูดแหละครับ



ว่ามันเป็นปกติของการทำงาน การเจริญก้าวหน้าทางหน้าที่การงาน มันไม่มีใครยินดีกับเรา 100% หรอก  ทำไมมึงได้ทำไมกูไม่ได้


อย่างน้อยคำๆนี้ก็ต้องผุดขึ้นมาแน่ๆล่ะ ผมก็ถามพี่แมนนะว่าผมควรทำไงดีครับ พี่แมนตอบกลับมาสั้นๆ


" เอาผลงาน ตบหน้าพวกมัน "


เฮ้อถึงผมจะผ่านช่วงเวลานั้นมาได้ แต่ตอนนี้ผมก็เริ่มหนักใจอีกละครับ แต่พี่จักรเขาก็เดินมาคุยกับผมว่า เต็มที่นะโทน


งานนี้มันเป็นหน้าเป็นตาของแผนกเลยนะ ไม่ใช่ของใครคนใดคนนึง คิดซะว่าทำเพื่อหัวหน้ากับแผนกสิ่ ใช้ทุกอย่างที่มี ไอเดียที่คิดได้ ทำมันให้สมกับที่หัวหน้าไว้ใจ



เชื่อมั้ยครับท่านผู้อ่านคำพูดพี่จักร เป็นเสียงธรรมดา ไม่ใช่การพูดปลุกพลังอะไรเลย แต่มันทำให้ความเคลือบแคลงใจ ความประหม่าในการทำงานของผมหายไปหมดเลยครับ


เอาวะ เพื่อแผนก เพื่อ Boss ผมมองๆ ๆ ๆ ๆ ตารางงาน อื้มม งง งงในงง ทำไมตารางงานดูแปลกๆหว่า ???



[ พี่ตั้ม ]  :  เป็นไรวะโทน


ผมก็ตอบกลับไปว่าไม่มีอะไรครับพี่ตั้ม ผมเอาความงงงวยตรงนั้น ทิ้งไปและเตรียมตัวจัดสถานที่ต่อไปครับ เก้าอี้ 20 ตัว 7 กลุ่ม 140 ตัว


โอเคมี เทปกาว โอเค๊ !!! พวกเราเตรียมงานกันอยู่ 10 นาที แล้วแล้วจึงเปิดประตูให้ผู้ร่วมสัมนากว่า 200 คนเข้ามาครับ



ตอนนี้ทุกคนนั่งพื้นกันหมดเป็นกลุ่ม ซึ่งรวมถึงพวกเราทีมงานนันทนาการด้วย วิทยากรพูดเรื่องการทำงาน โฟกัสให้ตรงจุด และอีกมากมาย


วิทยากรทีมนี้ศึกษาข้อมูลบริษัทของผมมาดีมากครับ พูดตรงทุกจุด ชัดทุกจุด จนกระทั่งถึงเวลาที่พวกเราต้องทำกิจกรรมร่วมกันแล้ว



[ วิทยากร ]  :  โอเคครับ กิจกรรมนี้ ขอให้ส่งหัวหน้ากลุ่มมาครับ



แล้วหัวหน้ากลุ่มก็เดินไปรับมอบหมายอะไรสักอย่างจากวิทยากร เทปกาวหนังไก่ ถูกส่งหัวหน้าพร้อมกับกระดาษอะไรสักอย่าง



เมื่อมาถึงแล้ว พวกเราก็รวมหัวกันไขปริศนาที่ได้รับมาครับ มันเป็นการจัดเก้าอี้ ตามคำบอกไบ้ของวิทยากร พวกเราต้องใช้เทปกาว


ในการตีตารางและวางเก้าอี้ให้ถูกต้อง ผมจำรายละเอียดไม่ค่อยได้มาก ซึ่งพอหัวหน้ากลุ่มรับคำสั่งกับกระดาษมานั้น เขาก็มีเวลาให้พวกเรา 2 นาที


ในการตีความหมาย พอหมดเวลา เขาเป่าปรี๊ดดด เป็นสัญญาณให้เริ่มกิจกรรม คราวนี้ล่ะโกลาหล


- บางคนก็หยิบเก้าอี้วางทันทีไม่รีรอ แปะเทปกาวตามที่ตัวเองเข้าใจ


- บางคนถือกระดาษไปด้วย ลากเก้าอี้วางไปด้วย เนิบๆช้าๆ ผิดก็แก้ไข


คราวนี้พอความคิดเห็นไม่ตรงกัน การพนันจึงเกิดขึ้น ถุ้ย !!! ไม่ใช่แล้ว พอฝ่ายที่ทำงานแบบพุ่งชนกับฝ่ายที่ทำงานอย่างละเอียด มาเจอกัน



ก็เริ่มมีเถียงกันบ้าง ว่าอันนี้ถูกแล้ว อันนั้นยังไม่ถูก ทำไมทำอะไรไม่ปรึกษา ทำไมทำงานช้าแบบนี้ พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ ก็จะเกิดคนอีกกลุ่มนึงครับ



- กลุ่มนี่จะเป็นเหมือนคนกลาง คอยบอกให้ใจเย็น ช่วยเกา ช่วยแกะ ความคิดของอีกสองฝ่ายให้ชัดเจนขึ้น



ส่วนผมน่ะเหรอ ยืนมองครับ ผมยืนมองภาพรวมแล้วคิดว่าอันนั้นใช่มั้ย อันนี้ใช่มั้ย แล้วตอนนั้นเอง ชวิ๊ง !! นั่นไงเจอแล้วจุดนั้นแน่ๆ



พอผมมองว่าตรงนั้นต้องใช่แน่ๆ ผมเลยเดินเข้าไปหยิบเทปกาวดึง แคว่กกก แปะปั้ป !!! วางเก้าอี้ผั๊วะ !!! อื้ม สมบูรณ์แบบ



อีโท๊น !!! แกมั่วแล้ว !!! มันอีกช่องนึง



ผมนี่เฮือกเลยครับ โอ้ว สี่เท้ายังรู้พลาด นายโทนยังรู้พลั้ง เชี่ย ผมพลาดตรงไหนวะ เยดโด้ว พลาดหลายตรงเลยว่ะ


ผมว่าผมมองทั่วถึงแล้วนะเนี่ย แต่พอลงมือทำก็พลาดอยู่ดี หลายทีเลยผมแล้วจากนั้น ผมก็อาสายกของเอง ตรงไหนว่ามา



แล้วพวกเรา 20 คนก็ช่วยกันแปะเทป วางเก้าอี้ สุดท้ายผมก็ต้องรับอาสากระโดดตามช่องต่างๆ เพราะกางเกงที่ผมใส่มันคล่องตัวสุดแล้ว



โอเคพวกเราลงความเห็นว่า จะส่งงานแล้ว หัวหน้ากลุ่มจึงเดินไปตามวิทยากรตรวจว่าถูกต้องไหม


คนในกลุ่ม 19 คนช่วยกันยืนเป็นวงกลมเพื่อบังไม่ให้กลุ่มอื่นๆแอบมอง แต่ยังไงก็ไม่พ้นหรอกครับเอาจริงๆ



อื้อหือ เหมือนตัวผมเป็นความหวังของหมู่บ้านครับ ถ้ามันถูกต้อง รูปแบบการไขปริศนานี้ถูก พวกเราจะได้คะแนน 100 คะแนนเลยนะ



เริ่มได้ !!! วิทยากรให้สัญญาณ ผมก็เริ่มโดด ตุ้บๆ  ตุ้บ ตุ้บ !!! ไปแตะเก้าอี้ แต่ละตัวตามจุด ก้าวขาสลับไขว้ตามเส้นเทปกาวที่แปะไว้ ผมกระโดดตามที่ทุกคนบอกไว้และเมื่อสิ้นสุด


ตุ้บ !!! ผมกระโดดลงบนจุดมาร์คอีกอัน ผมรีบหันกลับไปมองวิทยากรทันที ตอนนี้ทุกคนก็เหมือนกัน หันไปมองเป็นตาเดียวเลย



[ วิทยากร ]  :  ถูกต้อง ยอดเยี่ยม !!!



เอ้า !!! เฮ้ !!! เสียงคนในกลุ่มหวีดร้องกันด้วยความดีใจ จนกลุ่มอื่นๆต้องหันมามอง คนในกลุ่มโผกอด กระโดดไปโดดมาเหมือนเด็กน้อยไม่มีผิด



ทั้งๆที่เมื่อกี้ทะเลาะกัน ทั้งที่เมื่อกี้เถียงกัน แต่พอเป้าหมายของเราสำเร็จ ทุกคนก็ลืมเรื่องที่ผ่านมาและแสดงความยินดีกัน ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น


ผมกับเพื่อมร่วมแผนกอีกคน ก็กระโดดเอาอกชนกันเหมือนที่นักบาสเกตบอลชอบทำกัน เราไม่ได้กอดกันนะ แค่แสดงออกแบบแมนๆก็เพียงพอแล้ว



เอาล่ะนั่งลงได้ วิทยากรบอกพวกเราผ่านไมค์โครโฟน พวกเรานั่งลงทันที และนั่งมองกลุ่มอื่นทำกิจกรรมต่อไป ตอนนั้นผมแอบมองไปที่เหมียวนะว่าทำอะไรอยู่



แล้วก็เป็นอย่างที่ผมคิดไว้ เหมียวยืนคุยกับพี่เท่ส์อยู่ แต่เดี๋ยวนะ ผ้าผูกข้อมือคนละสีนี่แล้วทำไมพี่เท่ส์มันไม่ช่วยกิจกรรมกลุ่มวะ


เพราะตรงที่ยืนนั้นกลุ่มของเหมียว แหม แล้วยืนทำท่าบีบนวด บีบนวดตรงแขนด้วยนะ น่าจะหักทิ้งแม่งจริงๆ แล้วตอนนั้นเหมียวก็หันมาทางผมนะ


ซึ่งพอเธอเห็นมาผมมองอยู่ ตัวเหมียวก็รีบเดินเข้าไปในกลุ่มเพื่อร่วมกิจกรรมครับ ส่วนไอ้พี่เท่ส์หันมามองผม ผมก็จงใจทำท่าสะบัดมือให้พี่เขาเห็น



มันเดินกลับไปที่กลุ่มตัวเองครับ ผมเองก็นั่งคุยกับพี่ๆในกลุ่ม เขาถามผมว่าจะมีกิจกรรมอะไรต่อ ผมก็บอกมันเป็นความลับ ฮี่ๆๆๆ


พอเวลาผ่านไปไม่ถึง 5 นาทีครับ ทุกกลุ่มก็ผ่านกิจกรรมนี้ทั้งหมด และวิทยากรก็ขึ้นไปพูดอะไรบางอย่าง ซึ่งมันทำให้พวกเราได้รู้ถึงตัวตนของพวกเราจริงๆ



[ วิทยากร ]  :  กิจกรรมเมื่อกี้ที่ให้ทำกัน มีชื่อว่า " ตัวตน "



ผมก็คิดในใจว่าตัวตนอะไรหว่า ทุกคนเงียบกริบเลยตอนนี้ ตั้งใจฟังกันมาก วิทยากรพูดต่อว่า กิจกรรมเมื่อกี้มันเป็นการดึง ตัวตน ดึงนิสัยในการทำงานออกมา


ผ่านภาพลักษณ์ของสัตว์ 4 ชนิด ฟังแล้วผมก็งงครับ ว่าอะไรวะสัตว์ 4 ประเภท หรือว่า !!!

มังกรฟ้า

หงส์แดง

พยัคฆ์ขาว

เต่าคะนอง


ฮื๊มม ไม่น่าใช่มั้ง วิทยากรยังพูดต่อว่า สัตว์ทั้ง 4 ประเภทนั้นคือ กระทิง หมี อินทรี และ หนู


เอ้างงเลยกู ตอนแรกนึกว่าจะได้เป็นมังกรฟ้าซะแล้ว วิทยากรพูดต่อครับ ว่าทุกคนอาจจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นสัตว์ประเภทไหน



สังเกตไหมในกลุ่มจะมี บางคนที่คอยวางแผน คอยอ่านคำไบ้และถ่ายทอดให้คนอื่นฟัง


คนประเภทนี้จะเหมือนหมี การทำงานของหมีจะเป็นระเบียบแบบแผน เป๊ะ เป๊ะ มีความฉลาด รอบคอบ เก็บข้อมูลได้ดี และมีความรับผิดชอบสูง


แต่ข้อเสียของหมีก็คือ เชื่อมั่นในตัวเองสูง สูงจนมากเกินไป ทำให้มักไม่ค่อยฟังผู้อื่น เปิดรับสิ่งใหม่ๆยาก เพราะเชื่อว่าสิ่งที่ตนเองมีดีที่สุด บางครั้งจึงอาจทีปากเสียงกันบ้าง



เชื่อป่ะครับพอพูดมาแบบนี้ พวกผมนี่หันควั่บไปมองกลุ่มคนที่ถือโพยในตอนแรกเลย พวกเขาเหมือนจะรู้ตัวครับ ก็ได้แต่ยิ้มๆกันไป แต่ไม่ยิ้มธรรมดานะ


ยิ้มแล้วจดข้อมูลลงสมุดด้วย สมกับเป็นหมีจริงๆ คนต่อมาเป็นประเภทลุยอย่างเดียว เปรียบเหมือนกระทิง สังเกตุไม่ยากนะ ใครที่จับเก้าอี้ไปวางบ่อยๆ ใครที่ที่ดึงเทปกาวแคว่กๆๆๆบ่อยๆ



นั่นแหละกระทิง กระทิงจะเป็นประเภททำงานด้วยความเด็ดเดี่ยว มุ่งมั่น เรียนรู้ไปทำไป เชื่อมั่นในการลงมือทำของตนเองสูงมาก ตัดสินใจเร็ว กล้าได้ กล้าเสีย กล้าเสี่ยง


แต่เพราะมั่นใจในตัวเอง และเชื่อตัวเองมากไป จึงทำให้บางครั้ง ถ้าโดนวิจารณ์ก็จะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ทำให้ทะเลาะกับคนที่เห็นต่าง ไม่ชอบถูกควบคุมและจำกัดของเขตการทำงาน


ไอ้พวกที่แบกเก้าอี้ไปเมื่อกี้ รู้ตัวเลยครับเพราะเมื่อกี้ก็ทะเลาะกันจริงๆ เฮ้ยตรงนี้ไม่ใช่ เอ้ยฟังกันบ้าง แต่นั่นมันคือการทำงานครับ พอมันจบลงทุกคนก็โตพอที่จะลืมและให้อภัยกัน


[ วิทยากร ]  :  เพราะการทำงานมันต้องมีกระทบกระทั่งกันแบบนี้ เพราะฉะนั้นจึงมีคนที่เป็น " หนู "



วิทยากรยังบอกต่อว่า " หนู "  จะเป็นคนประเภทที่ชอบเข้าสังคม มักจะมีความประนีประนอม และมีเซ๊นส์พิเศษที่จะรู้ว่าจะต้องทำอย่างไรเมื่อเกิดความขัดแย้ง


สามารถรวบรวมกลุ่มคนได้อย่างรวดเร็ว เขาถึงผู้คนได้ง่าย ทำให้สามารถอ่านบรรยากาศรอบตัวได้เป็นเลิศ


แต่เพราะความที่ประนีประนอมมากเกินไป ทำให้บางครั้งหนูจึงโดนข่ม จนบางครั้งเมื่อโดนกดดันมากเกินไป ก็จะหลีกหนีหรือหลีกเลี่ยงหน้าที่นั้นไป


บางครั้งก็ไม่เด็ดขาดพอที่จะลงโทษบุคลากรได้ เพราะความใจดีและขี้สงสารมากเกินไป เชื่อมั้ยครับพอพูดแบบนี้ไป


พวกพี่ๆที่คอยช่วยเหลือ คอยห้ามทัพเมื่อกี้ถึงกับร้องไห้เลย พวกพี่ๆ ทั้งหมีและกระทิงก็เข้าไปกอดปลอบ กล่าวขอบคุณกันไม่ขาดเลย


[ วิทยากร ]  :  และสุดท้าย " อินทรี "   กลุ่มคนที่ยืนกอด อก มองเพื่อนจัดเก้าอี้นั่นแหละ อินทรี



วิทยากรพูดต่อ ว่าอินทรีที่บินอยู่บนท้องฟ้า มักจะมีมุมมองที่กว้างไกล รักอิสระสูง พูดเก่ง คุยเก่ง ร่าเริง ชอบคิด ชอบวางแผน คิดเร็ว พูดเร็ว



ตอนแรกผมนี่ยิ้มเลย กูอินทรีแน่ๆ เข้าแก๊ปเลยแบบนี้ แต่.... ผมลืมไปว่า อินทรีก็มีข้อเสีย วิทยากรบอกอีกว่า เพราะบินสูงมากเกินไป เพราะเห็นกว้างมากเกินไป


บางครั้งจึงเลือกไม่ได้ว่าจะไปจุดไหนก่อน อื้อหือ เหมือนมีเข็มทิ่มดังจึ้ก ทำไมรู้สึกเจ็บแปร๊ปป วิทยากรยังบอกอีกว่า



เพราะมองมากเกินไป คิดมากเกินไป จึงไม่ค่อยลงมือทำเท่าที่ควร คิดทุกอย่างในหัว มองทุกอย่างออก แต่ไม่ลงมือทำ



อื้อหือเมื่อกี้เลย ผมยืนกอด อก มองเพื่อนๆจัดเก้าอี้เลย เขายังบอกอีกว่า คนประเภทอินทรี


จะสนใจในหลายๆอย่างจนบางครั้งก็เลือกไม่ได้ว่าอะไรสำคัญอะไรควรทำก่อน อื้อหือ แผ่นดินไหวในในอ้ายเลย ทำไมจุกกับคำพูดวิทยากร


มันเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆนะ บางครั้งตอนทำงานผมก็คิดๆๆ แต่ไม่ลงมือทำ ต้องได้พี่จักรกับหัวหน้าคอยกระตุ้นครับ ซึ่งเชื่อมะ


ผมแม่งคิดถึงเรื่องของสามสาวเลย ผมคิดหลายๆอย่างเกี่ยวกับพวกเธอ อยากทำซึ้ง อยากให้นู่นนี่ให้ แต่บางครั้งก็ไม่ได้ลงมือทำสักที


สงสัยว่ากลับจากทะเลครั้งนี้ ผมคงต้องดีกับพวกเธอให้มากขึ้นแล้วล่ะ แต่ก่อนนั้นผมคงต้องทำใจเรื่องพี่หมิวก่อนล่ะเนอะ ผมจะใช้ชีวิตยังไงถ้าเกิดไม่มีพี่หมิวแล้วจริงๆ


เฮ้อ ภาวนาให้ใจที่เจ็บจงเข้มแข็งแม้มันจะไร้เรี่ยวแรง ฮึ้ด !!!  วิทยากรพูดสรุปอีกครั้งว่า เมื่อรู้แล้วว่าตัวเองเป็นประเภทไหน ก็จงใช้จุดเด่นนั้นทำงาน


และพัฒนาจุดด้อย จุดเสียให้น้อยลง ปรับปรุงมันให้ดีขึ้นเพื่อองค์กรของพวกคุณเอง ทุกคนปรบมือให้วิทยากรดังลั่นเลยครับ

.................

[ ข้อความจากนายโทน ]

ข้อมูลพวกนี้ รีดเดอร์หาได้ใน GooGle ครับ


..................


อ่ะกลับมาต่อ ตอนนั้นก็วิทยากร ก็เอาบอร์ดคะแนนมาครับ พวกผมได้คะแนนกันมาเต็มๆเลย แต่ตอนนี้ก็ยังตามอยู่ ไม่เป็นไรค่อยว่ากัน



จริงๆแล้วผมไม่ซีเรียสนะเรื่องผลชนะหรือแพ้ เพราะแค่ได้มาทะเล ผมก็พอใจละเอาจริงๆ หลังจากที่สรุปงานกันแล้ว วิทยากรก็ทำซึ้งนิดหน่อย



ด้วยการพูดเพื่อปลุกพลังของทุกคน แต่เพราะผมชินกับการ motivate แบบนี้อยู่แล้ว ผมเลยรู้สึกเฉยๆครับ ชินกับการปลุกใจก่อนแข่งยูโด และอีกอย่างการแข่งยูโดนอกจากแข่งกับคู่ต่อสู้แล้ว


เราก็ต้องต่อสู้กับตัวเองด้วย ต่อสู้กับความเหนื่อยตลอดสามนาที ถ้าคะแนนตามอยู่ต้องห้ามใจร้อน แต่ก็ห้ามผ่อนเกมส์ แค่ 1 โคกะ ก็พลิกเกมส์ได้


หรือต่อให้นำ 1 วาซาริ  ก็ห้ามประมาท ไม่งั้นเดินๆอยู่อาจจะโดนปัดโป้งก็ได้ เพราะงั้นนักยูโดต้องสู้กับตัวเองไปด้วย สู้กับคู่ต่อสู้ไปด้วยนั่นเอง


......

[ ข้อความจากนายโทน ]

โคกะ คือ หน่วยคะแนนที่น้อยที่สุดของการแข่งยูโด
โคกะ > ยูโกะ > วาซาอาริ > วาซาอาริ 2 ครั้ง รวมเป็น 1 อิปโป้ง >  อิปป้ง 

อิปป้งคือ 1 คะแนนมากกว่าคะแนนใดๆ ต่อให้ทั้งเกมส์ คุณจะนำอยู่ 10 โคกะ หรือ 20 ยูโกะ แต่ถ้า 5 วิสุดท้ายคุณประมาทและโดนทุ่ม ปึ้ง !!!  1 อิปป้ง คุณก็แพ้

สำหรับนักกีฬายูโดแล้ว จะนิยมเรียกอิปป้ง  ว่า ป้งหรือโป้ง สั้นๆครับ โดนทุ่มได้คะแนนมอิปโป้งด้วยท่าดีดต่างๆ อูชิ มาตะ ก็จะเรียก ดีดโป้ง / โดนปักขาจนบิน ก็เรียกปัดโป้ง ประมาณนี้


ข้อมูลดังกล่าวนี้เป็นข้อมูลเมื่อกว่า 15 ปีก่อน ตอนนี้ผมไม่ได้ตามข่าวสารยูโดเลย ถ้านักกีฬาท่านใดเข้ามาอ่านแล้ว ข้อมูลไม่ได้อัพเดท ผมกราบขออภัยไว้ตรงนี้ครับ

.....................


อ่ะกลับมาต่อ นั่นเพราะตลอดเวลาที่เล่นยูโด ผมต้องอยู่กับแรงกดดันต่างๆ มันก็เลยทำให้ผมไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับคำ ปลุกใจมากนัก เพราะผมต้องบอกตัวเองตลอดเวลา


ว่าต้องติดเหรียญ ต้องติดเหรียญ ถ้ามึงแพ้ตั้งแต่รอบแรก เงินเบี้ยเลี้ยงรายวันหมดแน่ๆ เพราะถ้าแพ้ก็ไม่มีอะไรทำ ต้องเดินไปเดินมาซื้อนู่นนี่กิน 555555+


อ่ะกลับมาต่ออีกรอบ ซึ่งหลังจาก วิทยากร Motivate ให้พวกเรารักษาระดับพลังงานการเรียบร้อย ก็จบการสัมมนาด้านวิชาการแค่นี้ครับ แต่ว่าด้านนันทนาการกำลังจะเริ่มขึ้น



ผมลุกขึ้นก่อนเลยและวิ่งไปข้างหลัง เพราะว่าหลังจากจบกิจกรรมนี้แล้ว คณะวิทยากรจะกลับทันที และมาอีกทีก็คือพรุ่งนี้ แต่ทำไมตารางงานมันแปลกๆวะ เอ้อช่างเถอะ ผมรับไมค์จากห้องควบคุมเสียงและเช็คต่อทันที


พี่จักรก็เดินตามมาและพูดกล่าวขอบคุณวิทยากร และถามว่าพรุ่งนี้จะให้เตรียมอะไรเพิ่มไหม ผมจึงให้พวกเขาคุยกันและรีบไปยกของทันที



แต่ลืมว่าต้องไปประกาศนี่หว่า ผมเดินถือไมค์ออกมาและประกาศไปว่า พาร์ทวิชาการวันนี้จบแล้วครับ ต่อไปเป็นนันทนาการและความบันเทิง พักเบรค 20 นาที ขนม กาแฟ ชา โอวัลติน อยู่ด้านนอกครับ



เชิญลุงๆป้าๆ พักผ่อนตามอัธยาศัย ใครอยากได้หมากได้พลูบอกได้นะครับ เดี๋ยวผมไปหามาให้ พูดจบเท่านั้นแหละโดนด่าเลยครับ



อีโทนนู่นนี่นั่น ว่าชั้นแก่เหรอ บลาๆ ผมก็หัวเราะ ฮ่า ฮ่า แล้วบอกเชิญคร๊าบบ  ทันทีที่ประกาศจบ ผมก็เตรียมตัวเป็นผู้ใช้แรงงานเลย เพราะต้องแบกนู่นแบกนี่เยอะเลย


พอทุกคนเดินออกไปหมดผมก็ตั้งใจจะปิดประตูครับ แต่.... มีคนๆนึงยังไม่ยอมออกไปครับ.... คงรู้เนอะว่าใคร



[ พี่เท่ส์ ]  :  ให้พี่ช่วยมั้ยคะเหมียว



เฮ้อ ไอ้นี่สงสัยตั้งใจจะปิดจ๊อบเหมียวให้ได้ล่ะมั้งทริปนี้ เชื่อมั้ยว่าทุกคนหันไปมองเป็นสายตาเดียวเลยครับ ตอนนั้น


เหมียวเหมือนจะรู้ตัวครับ หน้าเธอเสียเลยทีนี้ บอกพี่เท่ส์ออกไปรอข้างนอกก่อนนะคะ เหมียวจะเตรียมสถานที่ พี่เท่ส์มันก็บอกว่า พี่จะช่วยไงคะ พี่ยินดี


คือด้วยความหล่อของมัน ผมว่าเหมียวจะใจละลายก็ไม่แปลก แต่เหมียวก็บอกให้ออกไปก่อน จะต้องทำงาน มันก็ยังบอกพี่อยากช่วยจริงๆ


แล้วมันก็บอกว่า งั้นเดี๋ยวพี่ขออนุญาตหัวหน้าทีมงานก็ได้ ไอ้พี่เท่ส์เดินไปหาพี่จักรก่อนเลยครับ ผมก็คิดในใจ ทำไมคนเรามันหน้าด้านได้ขนาดนี้น๊อ


แต่พอมันเดินไปถึงพี่จักรก็บอกว่าพี่เขาไม่ใช่หัวหน้าทีม และชี้มาที่ผมบอกว่านั่นแหละหัวหน้าทีม ผมก็แอบบีบมือให้ลั่น กร๊อบ กร๊อบบ สองที


แล้วบอกว่า ควe ออกไปเลยไอ้ส้นตีu เยดเข้  เอ่อ อันนี้ผมคิดในใจนะไม่ได้พูด ผมบอกว่า รบกวนคนนอก ออกจากพื้นที่ด้วยครับ


คือไม่ได้อยากจะโชว์พาวหรืออะไรนะ แต่ถ้าผมที่เป็นหะวหน้สทีมยังจัดการสถานการณ์แบบนี้ไม่ได้ นี่ก็เสียแรงที่พี่จักรยกตำแหน่งให้ละครับ


พี่เท่ส์มันก็พูดขึ้นมาเว้ย ว่าทำไมดูวางอำนาจจังเลยครับ ผมก็ถามกลับว่า แล้วทำไมยังอยู่ตรงนี้อ่ะครับ ผมก็พูดอีกว่า รบกวนทำตามกติกามารยาทด้วยครับ


[ เหมียว ]  :  พี่เท่ส์ออกไปก่อนนะคะ เหมียวต้องทำงานค่ะ




ตามสเตปครับ พอมีหญิงแล้วมีพลัง พี่เท่ส์แม่งก็ฮึดฮัดเลยคราวนี้ ผมเองก็เอ้า !!! เอาสิ่ อยากเอาก็เข้ามา แต่ก่อนที่ผมจะได้จ้วงหน้ามันนั้น โคร้ม ประตูเปิดจนกระแทกเข้ามา แล้วเสียงก็ดังขึ้นมา


ไอ้โทน !!!  มึงก่อเรื่องอะไรอีกแล้ว


ผมแบบฮึ๊อะไรวะ อิหยังวะ ผมก็บอกยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ แต่ถ้าพี่ไม่มาอีกแปปนึงผมได้ทำแน่ พี่เขาเดินมาถึงหน้าตึงเลยครับ


เขาถามว่านี่คืออะไร  เขาพูดพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ผมก็บอกนะว่า


[ ผม ]  :  เอ๊าก็โทรศัพท์ไงพี่


[ หัวหน้า ]  :  อย่ากวนตีน กูหมายถึงไอ้คลิปในมือถือนี้



เฮ้ยหัวหน้าพูดว่าอย่ากวนตีนออกมาตรงๆ ผมว่าเริ่มไม่ปกติละไง เขาบอกมึงตอบคำถามพี่มาว่านี่อะไร ผมจำไม่ได้ว่าหัวหน้าใช้โทรศัพท์รุ่นอะไรนะ แต่ว่ามันล้ำโคตรๆ เขาเสียบสาย ปุ๊ปๆๆ ปั๊ปๆๆๆ ฉายขึ้นจอวิ๊ง !!!


เฮือก !!! เหี้ยละไงนั่นมันผมนี่หว่า ใช่ครับภาพในคลิปนั้นเป็นคลิปที่ผับนั้น แต่เดี๋ยวนะแล้วคลิปวีดีโอนี้ใครถ่าย อื้อหือ สวมวิญญาณไอ้มดแดงเลยกูวิ่งไป ไรเดอร์คิ๊ก  เต็มๆหลัง


อื้อหือ โมโรเต้ อื้อหือ โอโซโต การิ อื้มหืม เตะยอดหน้า อื้อหืม ฟาดด้วยกระบองสองท่อน อื้อหือ Side Kick ตอนนี้หน้าผมซีดเป็นไก่ต้มแล้วครับ อย่างแรกเลยคือหัวหน้ามีคลิปนี้ได้ยังไง แล้วใครให้หัวหน้ามา ผมปาดเหงื่อ ปรี๊ดดด ปรี๊ดดด เลยครับตอนนั้น


ผมบอกเอ่อ คนหน้าคล้ายมั้งครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ...... ไม่มีคนขำ ทั้งหมดแม่งหันมามองหน้าผมแบบว่า ผมแม่งตัวอันตรายอ่ะ หัวหน้าก็ปิดคลิปดึงสายเสียบโทรศัพท์ออก


[ หัวหน้า ]  :  มึงบอกพี่ว่าไงวะ บอกว่าแค่มีเรื่องไม่ใช่เหรอ นี่มันไม่ใช่แล้วมั้ง


เหงื่อผมนี่แตกพลั่กๆๆๆๆๆ เลยครับ แล้วอีกอย่าง ยังโดนด่ากลับมาด้วยว่าคนเหมือนอะไร หน้ามึงยับแบบนี้เนี่ยนะ ผมก็ยิ้มแฮ่ แฮ่ แฮ่ ก็ตอนนั้นมันไม่มีทางเลือกนี่ครับ

มั่บ !!! หัวหน้ากระชากคอเสื้อดึงจนผมขาลอยเลยครับ ดูเหมือนว่าเขาจะโมโหมากจริงๆ


[ หัวหน้า ]  :  กระโดดถีบงี้  มอนเต้งี้ สับโอโซงี้ นี่มึงบอกว่าจำเป็นเหรอวะ พื้นมันเป็นปูน ไม่ใช่เบาะยูโด ถ้ามันตายหรือพิการไป มึงมีปัญญารับผิดชอบไหวมั้ย แล้วไหนจะกระบองคู่อีก ( เมื่อก่อนผมเรียกกันว่ากระบองคู่นะ )


มอนเต้ก็คือท่า โมโรเต้ เซโออินาเงะ นั่นแหละครับ แต่เรียกกันติดปากว่ามอนเต้ หัวหน้ากระชากไปผมว๊ากใส่ทันที ผมงี้ซีดเลย โอยพ่อกูของขึ้นแล้วไง


ผมก็บอกไปนะ ว่าเอ่อมันจำเป็นจริงๆครับพี่ แล้วผมถามกลับไปว่าพี่มีคลิปได้ไง พี่เขายังกระชากคอเสื้อผมอยู่นะ แล้วบอกว่ามึงไม่ต้องถามว่ากูได้มาได้ยังไง มึงนะมึงอยากอนาคตดับหรือไง


ผมนี่เงียบกริ๊บเลยตอนนี้ ตอนนั้นพี่จักรก็เดินมาแล้วบอกเอาน่าๆ เรื่องมันผ่านมาแล้ว ฝ่ายบุคคลก็ไม่ได้เรียกอะไรนี่นา ลูกพี่ผมก็เลยบอกว่า ถ้ามึงไม่ใช่น้องกู นี่กูจะไม่พูดเลยนะไอ้โทน


ไอ้ชิบหายลุยไป 1 ต่อ 4 ถ้ามันมีปืนมึงไม่กลับบ้านเกิดหรือไงวะ ผมก็บอกโอยอย่าทำผมเล๊ย แล้วพี่จักรก็บอกพอแล้ว มีงานต้องทำนะเฮ้ย เท่านั้นแหละครับหัวหน้าผมแม่งเหมือนโดนดึงสติอ่ะ


[ หัวหน้า ]  :  เออว่ะ แล้วเตรียมงานไปถึงไหน

ผมนี่คิดในใจ เหี้ยไรวะเนี่ย พลิกอารมณ์เหมือนดีดนิ้วเลย พี่เขาถามว่า ไอ้จักรเตรียมสถานที่ไปถึงไหนละ พี่จักรก็บอกเกือบเสร็จแล้วครับ เหลือแค่ลำโพง แล้วพี่เขาก็กระชากคอเสื้อผมถามว่าแล้วทำไมมึงไม่ทำให้เรียบร้อย


แล้วไอ้นั่นใคร พี่เขาหันไปหาไอ้พี่เท่ส์ครับ ตอนนี้ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นเลย ผมก็บอกว่าคนนอกอ่ะครับ  ไล่แล้วไม่ยอมไป ลูกพี่ผมพูดขึ้นมาเลย


" เชิญ "


คำเดียว แต่แม่งทรงพลังกว่าผมแท้ๆให้ตายเถอะ ไอ้พี่เท่ส์แม่งหน้าซีดเดินหนีไปเลย แล้วพี่เขาก็ปล่อยคอเสื้อผมและชี้หน้าบอกว่า รอบนี้มึงโชคดีไปนะไอ้โทน


แต่คราวหลังจะทำอะไรคิดหน่อย โตเป็นควายแล้ว ผมก็ถามไปอีกนะ ว่าเฮ้ยพี่ ผมก็เล่าไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมไปทำอะไรมา ผมโดนด่ากลับมาอีกครับว่า มึงบอกกูแค่ว่ามีเรื่องชกต่อย


มึงไม่ได้บอกว่ามึงเล่นหนักขนาดนี้ แถมยังใช้อาวุธอีก โอ่ยยย เถียงไม่ออกเลยกู แล้วหัวหน้าผมก็ออกไปเลยครับ ผมนี่ยืนปาดเหงื่อวิ๊วว วิ๊วววเลย แล้วพี่จักรก็เข้ามาบอกว่า


[ พี่จักร ]  :  ว่าไง ไอ้หนุ่มอินทรี  กิจกรรมเมื่อกี้เอ็งรู้ตัวแล้วใช่มั้ยว่าเอ็งเป็นอินทรี

ผมตกใจเลยบอกเฮ้ยพี่จักรรู้ได้ไงครับว่าผมได้อินทรี พี่จักรบอกเขารู้นานละ หัวหน้าก็รู้คนอื่นก็รู้ เขาบอกผมว่าผมน่ะมองกว้าง มองต่างก็จริง แต่ก็ขี้เกียจลงมือทำ


เขากับหัวหน้าต้องคอยประคองตลอด แล้วพอโดนจี้มากๆ ก็จะลุยไปทันทีไม่คิดหน้าคิดหลัง หัวหน้ากับพี่จักรก็ต้องคอยตบๆๆให้เข้าร่องเข้ารอยอีก


[ พี่จักร ]  :  เอ็งมันอินทรีลูกผสมกระทิง


ผมถามฮึ๊ อะไรอ่ะพี่อินทรีลูกผสม มันมีด้วยเหรอ พี่จักรก็บอกครับว่ามันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว พี่จักรก็บอกว่าหัวหน้าเองก็เป็นหมีลูกผสมอินทรี คือหัวหน้าเป็นคนมองการไกลมาก แต่ในขณะเดียวกันก็วางแผนเป็นขั้นตอนมากๆ


พี่จักรถามผมนะว่า แล้วรู้เปล่าว่าพี่เป็นอะไร ผมตอบได้ไม่ยากเย็นเลยว่า " หนูครับ "  เพราะพี่จักรคอยไกล่เกลี่ยปัญหาในแผนกบ่อยมาก แต่พี่ตั้มก็เดินมาบอกครับว่าพี่จักรเป็นทั้งหนู ทั้งกระทิง

เขาเป็นคนที่ผ่อนได้ก็ผ่อน แต่พอเรื่องสำคัญเขาก็พร้อมชน พี่ตั้มยังบอกอีกว่า เมื่อกี้พี่เห็นละ เอ็งกอด อก ยืนมองอยู่เกือบ 5 นาที แล้วอยู่ดีๆก็จับเก้าอี้ไปวางเฉย ไม่ฟังใครเลย สุดท้ายโดนด่า 55555


ผมโคตรอายบอกเลย ผมถามพี่ตั้มว่านี่อ่ะเหรอครับ อินทรีผสมกระทิง  พี่ตั้มบอกใช่ แต่เขาก็บอกผมอีกนะ ว่ามันไม่ตายตัวหรอก ยิ่งเอ็งเติบโตมากเท่าไร ลักษณะการทำงานก็จะเปลี่ยนไปด้วย


ยิ่งพอตำแหน่งสูง มีลูกน้องในความควบคุม เวลามันทะเลาะกันเอ็งก็ต้องเป็นเหมือน " หนู " ที่คอยห้ามปราม ประนีประนอม ในขณะเดียวกันก็ต้องกล้าชนกับปัญหาที่จะทำให้ทีมงานระส่ำระสาย


เฮ้อ ตกลงว่าผมเนี่ยนะอินทรีผสมกระทิง - -  พี่จักรก็บอก 55555 เออดูจากคลิปเมื่อกี้แล้วพี่ว่าเอ็งเป็นไอ้แดงมากกว่า เท่านั้นแหละเสียงฮามาเลย


จากนั้นเราก็แยกกันทำงานครับ แล้วเหมียวก็เดินเข้ามาหาครับ ผมก็หันมอง หืมเหมียวมีอะไรเหรอ เหมียวบอกว่า รู้สึกแย่ ทำไมเหมือนไม่มีใครอยากคุยกับเหมียวเลย


ผมก็บอกว่าคิดมากน่า ก็ทุกคนรีบทำงานกันทั้งนั้นแหละ พูดเสร็จแล้วผมก็เดินไปยกนู่นนี่นั่นต่อครับ เหมียวก็ช่วยผมยกนะ อะไรยกไหวเธอก็ยกมา แต่ผมก็รีบวางของที่ยกอยู่ แล้วหันไปช่วยเธอยกทันที


[ ผม ]  :  มันหนักนะ ไปช่วยพี่อ้อมก็ได้

ผมก็ทำตัวปกตินะ ไม่ได้โกรธหรืออะไรกับเธอเลย ผมมีงานต้องทำจริงๆ เหมียวก็บอกว่าขอบคุณที่ช่วยพูดกับหัวหน้าให้ เธอเลยไม่โดนตำหนิ ผมบอกหัวหน้าเขาแค่จริงจังเรื่องงานน่ะ


แล้วเหมียวก็พูเนะว่าขอเวลาหน่อยได้มั้ย เราอยากคุยด้วย ผมก็บอกได้ๆพูดเลย แล้วผมก็จับนู่น จับนี่ โยกย้ายของต่อ แล้วเหมียวก็ลากผมไปหลังเวทีเลยครับ ผมก็แปลกนะไม่หือไม่อือห่าไรเลย เดินตามไปเฉ๊ย


ผมถามหืมมีอะไรเหรอเหมียว เรามีงานต้องทำนะ เหมียวก็น้ำตาซึมเลยครับ เหมียวบอกว่าอย่าทำแบบนี้ได้มั้ย มีอะไรทำไมไม่พูด ผมก็ถามจะให้เราพูดอะไรล่ะ เราพูดไปหมดแล้ว


เราไม่ได้โกรธอะไร ตลอดมาเราก็เป็นแบบนี้แหละ เหมียวพูดอีกว่าเป็นแบบนี้ให้โทนเกลียดซะดีกว่าอีก ผมก็ถามนะว่าแล้วจะให้เราเกลียดเหมียวทำไม เหมียวไม่ได้ทำอะไรผิดนี่


เหมียวเงียบ..... แล้วก็ถามว่าโกรธเหรอที่เธอไปนั่งคุยกับพี่เท่ส์ ผมก็บอกเปล่า เราแค่ไม่ชอบให้ใครทำเหมือนเราเป็นตัวตลก เอาล่ะอารมณ์กูเริ่มมาละครับ เพราะเหมียวถามมาอีกว่าเราทำเหมือนโทนเป็นตัวตลกตอนไหน



คือพูดไงดีเหมือนเธอพยายามบริหารสเน่ห์ตัวเองอ่ะ เหมือนพยายามทำให้พี่เท่ส์รู้ว่าผมก็แอบชอบเธอนะ ช้าอด หมดสิทธ์นะ ประมาณนั้น


ผมกัดฟันแล้วพยายามปรับอารมณ์เหมือนการดีดนิ้ว เปลี่ยนอารมณ์ตามที่ได้อบรมมาช่วงเช้า ผมตอบไปว่าไม่รู้สิ่ อาจจะเพราะเหมียวเดินมาพูด เดินมาทำเหมือนเราไปหึงเหมียวกับพี่เท่ส์มั้ง



เหมียวถามกลับมานะว่าผมหึงพี่เท่ส์เหรอ ผมหันมองหน้าควั่บเลยตอนนั้นคือโกรธนะ ก็พูดไปแล้วว่าไม่ได้หึง ผมบอกไปว่าถ้าผมหึงล่ะก็ เมื่อกี้ผมหักแขนไอ้พี่เท่ส์ทิ้งไปแล้ว


โอยเชี่ยเอ๊ย อารมณ์ผมแม่งดีดขึ้นดีดลงอีกละ ผมฟู่วว ฟู่วววว หายใจลึกๆ ปรับน้ำเสียงตัวเองและบอกเหมียวว่า ผมหึงนะ แต่หึงนัทมากกว่า เพราะนัทได้ไปไหนมาไหนกับเหมียว ได้เป็นคนที่เหมียวจับมือเดินด้วยกัน



ได้เดินไปในที่ที่อยากไป ไม่ต้องกลัวใครจะมอง เป็นคนที่เหมียวซบไหล่แล้วไม่อายใคร ส่วนพี่เท่ส์เราเคยอิจฉาเขามากกว่าที่ เพราะเขาไม่ต้องทำอะไรเหมียวก็ปลื้มเขาแล้ว


เอาจริงๆนะผมก็โคตรน้อยใจในบางทีเลย ทั้งๆที่เหมียวรู้ว่าผมทำให้เธอหลายๆอย่าง แต่กลับกลายเป็นว่าหลังจากเลิกกับนัท พี่เท่ส์แม่งเข้าวินว่ะ


ผมก็ไปโทษพี่เท่ส์ไม่ได้ด้วย ผมแม่งเป็นคนที่ไม่เข้าตาเองนี่หว่า ใครเคยตกอยู่ในสถานะแบบเดียวกับผมคงเข้าใจดี เหมือนความดีของเรา ส่งไปไม่ถึงใจเธอเลยครับ


ซึ่งก็แน่นอนแหละทำดีให้เธอ ถ้าพูดตรงๆแบบไม่เอาหล่อ เราก็หวังว่าเธอจะเห็นความดีและเปิดใจให้เราบ้างล่ะเนอะ เฮ้อช่างเถอะๆ เหมียวน้ำตาตกเลยตอนนั้น


ผมเองก็รู้สึกผิดนะที่พูดไปแบบนั้น ผมก็แบบอื้ม เราขอโทษนะเผลอพูดอะไรที่ไม่เป็นเรื่องไปซะได้ เหมียวก็พูดอีกว่า ทำไมโทนทำดีกับเราตลอดเลย เรารู้นะว่าโทนแอบช่วยเราตลอด


คำพูดของเหมียวมันไมได้ทำให้ผมซึ้งนะ มันยิ่งทำให้ผมเสียใจเข้าไปอีกว่า ทั้งๆที่รู้ว่าผมดีกับเธอตลอด แต่เธอไม่เห็นค่าเลยแฮะ ช่างเถอะ คนไม่ใช่ทำดีให้ตายก็ไม่ใช่ ถ้าคนจะรักยืนเฉยๆเขาก็รักแหละเนอะ


ผมลูบหัวเหมียวเบาๆบอกว่าอย่าคิดมากเราแค่กลับไปเป็นเหมือนเดิมแค่นั้นเอง เรายังเป็นห่วงเหมียวเหมือนเดิม แต่เราก็ดีใจที่เหมียวได้รู้สักทีว่าเราคิดยังไงกับเหมียว


ตอนนั้นผมพูดไม่ได้หวังเอาหล่อเอาเท่เลยนะ ผมหวังแค่ให้เธอไม่คิดมากและกลับไปทำงานต่อ แต่คำที่ผมได้ฟังกลับมา มันทำให้ผมชะงักไปแปปนึงเลย เพราะเหมียวพูดว่า


" เรากับพี่เท่ส์แล้ว เคยมีอะไรกันแล้ว "



 







เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Nobita Nobituta

เหมียวนี่ไวไฟจริง จัดกับโทนแต่ก็ลองกับพี่เท่ห์แล้วด้วย

John Snoww

ฉันมันผิดที่คิดไปไกล หวั่นไหวไปเอง คิดมากไปเอง' เพลงขึ้นเลยครับ

akine

 ::Ahh:: โมโหเว้ยยย ชื่อเหมือนกันสันดานเหมือนกันอีกหึ่ยยย
อุแง๊ มีพี่พลอยมาอี้กกก โอยย

wink


puretank

 ::Doubt:: ถ้าผมได้ยินคำที่ท้ายบทแรก....ก็ต้องบอกว่า....จะบอกผมเพื่อ???


GU Koy


D4rthvader

เม้นก่อนอ่านครับ ชอบอ่านแบบรวดเดียว ไม่ชอบแบบซ่อนแล้วค่อยมาเม้น อ่านจบจะมาเม้นให้ใหม่ครับ .

thisisbest


puretank

สิ้นปีนี้ ผมจะซื้อน้ำหอมแบบเทพโทนบ้างละ เผื่อภรรยาผิดกลิ่น ::DookDig::

Csc It

 ::Ajark:: ::Ajark::เหมียวมันผ่านมากี่คนแล้วแล้วโทนเป็นเบอร์สามเหรอนี่กระทบจิตใจโทนเหลือเกินสงสารจัง

delealpi


Paragraph<BB>

จริงคนที่ไม่ใช่ทำอะไรก็ไม่เข้าตา ผมว่าไปหาสาวใหม่เหอะ

pliwds

อืม แมวเหมียวไม่ธรรมดาแล้วล่ะ ใชช้ไดเกี่ยวแน่ๆเครื่องฟิต สตาร์ทติดง่าย

สรุปว่า The boss ก็นักบู๊สายยูโดเช่นกันซินะ ตามทันทุกท่าเลย

หือ ... กิ๊กเยอะจังนะพ่อคุณ