ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เทศกาลใหญ่ ใจสั่นระรัว 5 : กลุ่มเที่ยว

เริ่มโดย 𝘝𝘦𝘭𝘢𝘫𝘶𝘦𝘭, ธันวาคม 10, 2020, 12:39:07 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

𝘝𝘦𝘭𝘢𝘫𝘶𝘦𝘭

"ขอบคุณค่ะ"

เธอว่า แล้วจูบเข้าที่หน้าผากผม จากนั้นพิมลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ ที่ผมเพิ่งสังเกตว่า มันสั่นได้สักพักหนึ่งแล้ว

"ค่า... กำลังจะลงไปค่ะ.... ค่ะ.. ค่ะ ๆ.. พิมพูด ขณะเอื้อมมือไปหยิบของจุกจิกใส่กระเป๋าใบเล็ก   "เดี๋ยวพิมมีแฟนติดรถไปด้วยนะคะ พี่แมน"

ผมหันขวับไปมองหน้าพิม ใบหน้าของพิมเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความทะเล้น ความเศร้าเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง พิมสร้างความตะลึงให้กับผมไม่รู้จบ


..............

แด่ xonly8

เทศกาลใหญ่ ใจสั่นระรัว 5

   ผมขอเรียนอธิบายท่านผู้อ่านให้ทราบว่า พิมรับรู้ข้อเท็จจริงที่ผมมีแฟนอยู่แล้ว นั่นเพราะในโซเชียลเว็ปที่ผมกับพิมเจอกันนั้น แฟนผมก็เล่นด้วย มันเป็นเว็บที่ต่างคนต่างมีโปรไฟล์ตัวเอง ซึ่งทั้งพิมและผมไม่เคยแสดงอาการกระโตกกระตากให้รู้ว่าแอบคุยกันเลย หน้าพื้นที่สาธารณะเราก็เป็นuserทั่วไปที่มารวมตัวกันในเว็ปนั้น ในขณะที่ผมและแฟน ก็ไปทักกันหน้าโปรไฟล์ของกันและกันตลอด และเธอเองก็แสดงความสัมพันธ์กับผมอย่างเด่นชัด เช่นนั้นแล้วการที่พิมเข้าหาผมแต่แรกนั้น เธอรู้อยู่แก่ใจแล้ว ว่าสถานะที่เธอเข้ามาหาผมได้จะเป็นไปได้แค่ไหน

   เราสองคนเดินลงมาข้างล่าง ซึ่งขณะนั้นน่าจะเป็นเวลา 19.30น. ได้แล้ว ปรากฏเห็นรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีดำจอดชิดตัวอาคาร และติดเครื่องทิ้งไว้ ข้างรถเก๋งคันเก่านี้ มีผู้ชายสูงประมาณ165 ซม. ผิวขาว ตาตี๋ ผมหยักศก ใส่เสื้อเชิ้ตดำ ถกแขนเสื้อทั้งสองข้าง ยืนมองพวกเราสองคนขณะเดินมาหาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เมื่อเข้าไปถึง พิมยกมือไหว้สวัสดีเจ้าของรถ ชายคนนั้นรับไหว้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

"สวัสดีค่ะน้องพิม เป็นไงไม่เจอกันนานเลยนะคะช่วงนี้"

     ชายคนนั้นทักทายคำแรก น้ำเสียงนั้นไม่ได้นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนหางเสียงที่เขาเติมลงท้าย ผู้ชายที่คุยกับหญิงสาวและลงท้ายด้วยคำว่า คะ ขา มีไม่กี่ประเภทหรอก....

"ก็พิมเพิ่งเคลียร์งานเสร็จ หัวหน้าพิมไม่ให้พิมหยุดยาวไปไหนเลยค่าพี่แมน" พิมตัดพ้อ จากนั้นเธอก็ผายมือมาทางผม

"เอ่อนี่เฮียเวค่ะพี่แมน" พิมพูดแนะนำตัวผมให้พี่แมนรู้จัก "เฮียเวทำงานอยู่ที่กุลกิจ ใกล้ๆที่พี่แมนอยู่เลยค่ะ"

     ผมยกมือไหว้พร้อมสวัสดีพี่แมน ชายชุดดำที่ชื่อแมนรับไหว้ตามมารยาท

"เราทำงานตรงนั้นเองหรอ พี่ก็ผ่านบ่อยๆนะ ถ้ามีโอกาสจะเข้าไปเยี่ยม" พี่แมนบอกเรียบๆ

     ลักษณะของพี่แมนนั้น เอาตามความจริง ผมว่าน่าจะเป็นคนที่ถูกเรียกว่า เฮีย ซะมากกว่าผมอีก ด้วยอายุที่ดูมากกว่า และการแต่งตัวที่ดูมีภูมิฐานมากกว่าผม อีกทั้งยังมีรถเก๋งขับ ถึงแม้จะเป็นรถเก่ามือสองก็ตาม แต่ถ้าเอามาเทียบกับผมที่เพิ่งเริ่มทำงานไม่กี่ปี มันมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดทีเดียว

"กินข้าวอะไรกันมารึยัง หาอะไรกินก่อนไปมั้ย" พี่แมนถาม ขณะที่เปิดประตูรถของตัวเอง

"ยังเลยค่าพี่แมน แวะร้านเกาเหลาตรงก่อนถึงผับก็ได้ พี่แมนรับโมมารึยังคะ?"

     พิมถามเจ้าของรถ ขณะเปิดประตูที่นั่งผู้โดยสาร ทันใดนั้นก็มีเสียงดังออกมาจากในรถนั้น

"ยังไม่ได้รับมามั้ง?"

     สาวในรถขานตอบด้วยเสียงประชด พิมหัวเราะและมุดตัวเข้าไปในรถ สาวแตงโมนั่งอยู่ในรถอยู่แล้วด้วยชุดที่จะไปเที่ยวมาเหมือนกัน ตัวจริงของเธอไม่ต่างจากภาพที่พิมให้ผมดูเท่าไหร่นัก

"นี่โม นี่เฮียเว ที่กูเล่าให้มึงฟังจำได้มั้ย" พิมพูดขึ้นมา แตงโมยกมือไหว้ทักทายผม

     ผมรับไหว้ ก่อนลอบถอนหายใจครั้งหนึ่ง และปรับอารมณ์ให้เข้ากับการเข้าสังคมครั้งใหม่ ก่อนเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับ     อ่าว.... มีวัยรุ่นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ด้านหน้ารถอยู่แล้ว ชายคนดังกล่าวคงอายุประมาณ 20-24 ปี เงยหน้ามามองหน้าผม ไม่มีอารมณ์ใดใดสื่อออกมาจากใบหน้านั้น

"พี่ทัด ไหว้เฮียเวสิ...นี่พี่ทัดแฟนโมเองค่ะ"

     โมร้องออกมาจากด้านหลังรถ ขณะที่พิมยื่นหน้ามามองผมแล้วกวักมือเรียก ชายที่ชื่อทัดยกมือไหว้โดยไม่มีคำพูดใดๆ ผมพยักหน้ารับหนึ่งครั้งอย่างงุนงง

"เฮียย มานั่งข้างๆพิมสิคะ หรือเฮียจะไปนั่งเบียดกับพี่ทัดก็ได้นะ พิมไม่ว่า ฮิฮิฮิ.."

     พิมหยอกผมด้วยหน้าตาทะเล้นสดใสร่าเริง ผมไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากไปนั่งร่วมกับสองสาวในแถวหลัง พี่แมนที่ประจำที่นั่งคนขับเรียบร้อยแล้วกำลังนั่งปรับระบบเสียงนิดหน่อย ภายในรถเก๋งคันเก่าๆของพี่แมน มันมีการเปลี่ยนแปลงอะไหล่และอุปกรณ์ตกแต่งมากมาย แต่ไม่ได้แสดงออกไปทางแนวแต่งซิ่ง กลับกัน นอกจากเครื่องเสียงที่ดูใหญ่กับเบาะหนังสีดำที่ขัดจนเงา ก็ไม่มีอะไรที่ดูแปลก แหวกไปจากเดิมมากนัก

   บทสนทนาในรถตกเป็นของสองสาวเพื่อนสนิทที่คุยกันอย่างกับไม่ได้เจอกันนาน ทั้งที่ๆทั้งสองคนนั้นไม่เจอหน้ากันยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ส่วน ผม พี่แมน และผู้ชายชื่อทัด นั่งนิ่งๆ ไม่มีคำพูดใดใดออกมาสักนิด

   โมมากับทัด สองคนนี้เป็นแฟนกัน แต่กลับนั่งแยกกัน หรือเพราะโมอยากนั่งคู่กับพิมเพื่อคุยกันเฉยๆ? ส่วนพี่แมน เจ้าของรถ ไม่รู้ว่ามีความสัมพันธ์กับทั้งสามคนนี้ยังไง ผมไม่อาจจะรู้ได้ ดูจะน่าสงสัยสุดๆแล้ว แต่ที่น่าจะมาแปลกแหวกวงที่สุดคงเป็นผมมั้ง ที่เข้าร่วมกลุ่มนี้ผ่านทางสาวพิม ความจริงผมก็รู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้างกับการที่ต้องมาอยู่ในกลุ่มของคนแปลกหน้าเหล่านี้ ซึ่งรวมถึงพิมด้วย เพราะเราไม่ได้รู้จักสนิทสนมอะไรขนาดนั้น แต่ในเมื่อเหตุการณ์มันพาไปขนาดนี้แล้ว ผมคงต้องปล่อยให้มันเลยตามเลย

     พวกเราทั้งหมดลงจากรถที่ร้านอาหารริมทาง พี่แมนขยับรถให้เข้าที่เข้าทาง ขณะที่พิมกับโมและทัดเดินตรงดิ่งไปทักทายแม่ค้าร้านอาหารอย่างสนิทสนม ผมจึงยืนรอพี่แมนถอยรถเป็นเพื่อนเขา เพื่อดูความเรียบร้อย

"เป็นไงมาไง ถึงรู้จักกับพิม" พี่แมนถามผมขณะเดินออกจากรถด้วยสีหน้าเป็นมิตร

'ผ่านเวปนัดเย็ดไงพี่' นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แต่ผมไม่ได้พูดไป

"ก็รู้จักกันผ่านเฟสบุ๊คครับพี่" ผมตอบกลับไป พี่แมนยักคิ้วเล็กน้อย จากนั้นก็เริ่มเดินเข้าไปร้านอาหาร

"แล้วพี่แมนทำงานอะไรที่แถวนั้น" ผมถามถึงย่านที่ผมทำงานและอาศัยอยู่

"เอ้อ ทำธุรกิจครอบครัวน่ะ" แกเว้นช่วงเล็กน้อย "พี่รู้จักพิมเพราะเคยเห็นพิมไปนั่งกินที่8บาร์ เลยชวนพิมมาร่วมโต๊ะด้วย พึ่งเคยเห็นเรานะเนี่ย"

"ครับ" ผมตอบสั้นๆ พี่แมนตอบคำถามที่ผมยังไม่ทันจะถามแกด้วยซ้ำ ซึ่งผมไม่มีคำพูดอะไรเพิ่มเติมให้แก

   จากนั้นก็สั่งอาหาร ไม่มีบทสนทนาอะไรที่เป็นสาระสำคัญ สองสาวยังคงคุยกันไม่รู้จักจบ ส่วนสามชายนั่งกินเงียบๆ บทสนทนาที่แทรกทำลายความอึดอัดนั้นมีไม่มาก และไม่พ้นเรื่องบอลที่พอจะเป็นสิ่งที่ผู้ชายยังจะพอสามารถหาเรื่องคุยกันได้ แต่นั้นก็ทำให้มนุษย์สัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเหมือนดีขึ้นเล็กน้อย ทัดที่ดูเงียบๆก็มีโอกาสร่วมวงสนทนาขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงทีมที่เขาชอบ ซึ่งขณะนั้นกำลังไปได้ด้วยดี ผมรู้สึกผ่อนคลายด้วยความยินดีที่เรายังเข้าด้วยกันกับกลุ่มคนแปลกหน้าเหล่านี้ได้บ้าง เมื่อทานอาหารเสร็จ พี่แมนเดินไปจ่ายเงินกับแม่ค้าออกค่าอาหารเองโดยคนอื่นไม่ทันได้ตั้งตัว พวกเราขอบคุณเขาแล้วเดินไปขึ้นรถเพื่อไปจุดหมายที่ตั้งใจไว้แต่แรก

   แต่เมื่อเรามาถึงผับในย่านศรีนครินทร์ในเวลาเกือบ 4 ทุ่มก็เจอเข้ากับรถที่จอดมากมายตรงลานกว้าง และคนต่อแถวเพื่อรอเข้าผับเป็นจำนวน ซึ่งไม่น่าแปลกใจเพราะผมเห็นป้ายโฆษณานักร้องชื่อดังของเมืองไทยแสดงเด่นหราหน้าทางเข้า สงสัยว่าจะไม่ได้เข้าผับเสียแล้ว

"เอายังไงดี?"

     พี่แมนถาม ขณะที่พิมกับโมกดโทรศัพท์ตัวเองแล้วเอาหูแนบ เธอกำลังโทรหาใครสักคน จากนั้นเป็นพิมที่กรอกเสียงเข้าโทรศัพท์เธอรัวๆ

"เออมึง กูอยู่หน้าทางเข้าเนี่ย มึงบอกเขาหาโต๊ะให้ได้มั้ย เนี่ยมากัน 5 คน ฯลฯ...."

     พิมดูยุ่งกับการเคลียร์โต๊ะให้กลุ่มของเรา รถพี่แมนจอดในลานกว้างมืดๆ พวกเราลงมาจากรถโดยไม่มีคำพูดใดๆออกมา ยืนดูกลุ่มผู้คนมากมายที่ต่อแถวเข้าผับ

     "ไปๆๆ หาโต๊ะได้แล้ว" โมเป็นคนร้องบอก ขณะที่โดนพิมลากเดินไปหน้าแถวของคนที่รอเข้าคิวอยู่ พวกเราที่เหลือกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไปติดๆ

     แต่เมื่อไปถึงหน้าแถวแล้ว ดูเหมือนเรื่องการได้โต๊ะด้านในจะเป็นเรื่องผิดพลาด การ์ดหน้าทางเข้าขวางไว้ไม่ยินยอมให้เข้า ขณะเดียวกันก็มีหญิงสาวผมทองวิ่งออกมาจากร้านพร้อมถือโทรศัพท์ในมือ เธอออกมาคุยกับโมและพิม ซึ่งเสียงดนตรีของผับที่ดังทะลุออกมาทำให้ผมไม่ได้ยินเสียงของพวกเธอ แต่ดูจากสีหน้าที่เคร่งเครียดกันแล้ว ดูจะไม่มีหวังที่จะได้เข้าผับกันไปใหญ่ จากนั้นหญิงสาวคนนั้นวิ่งกลับไปข้างใน พิมและโมหันกลับมาด้วยสีหน้าซังกะตาย

"การ์ดมันไม่ยอม ปกติถ้าเป็นชุดก่อนที่พิมรู้จัก ไม่มีปัญหาเลย รอบนี้เขาบอกว่าหัวหน้าคุมเข้ม ยังไงก็เคลียร์ให้ไม่ได้"

     พิมอธิบายอย่างหัวเสีย ซึ่งผมก็รู้อยู่แล้วโดยไม่ต้องฟังคำตอบจากเธอ

"แต่ว่าเดี๋ยวอีจี้มันจะไปกับเราด้วย มันอยู่กับพี่ชายมัน มันปล่อยให้พี่ชายมันอยู่กับสาวในนั้น มันไม่อยากเป็นก้างขวางคอ"

     พิมบอก แล้วบอกให้พี่แมนเตรียมรถ เพื่อจะได้ไปที่ต่อไปอีก ส่วนผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้ ใจจริงหากว่าผับนี้เข้าไม่ได้ จะให้ผมกลับห้องเลยก็ไม่ว่านะ ผมเริ่มรู้สึกง่วงและความอ่อนเพลียเริ่มแสดงออกมาให้ปรากฏบ้างแล้ว แต่ไหน ๆ เมื่อพิมอยากจะไปต่อ ผมก็จะตามไปเงียบๆแล้วกัน

     พี่แมนขับรถออกจากที่จอดมาใกล้ๆ พร้อมกันที่สาวที่ชื่อจี้เดินสะพายกระเป๋าข้างออกมาด้วยสีหน้าและอาการหงุดหงิด จี้เป็นสาวหมวยตัวเล็ก ผมยาวสีทองของเธอมีการดัดลอนที่ปลายดูสวย หน้าอกหน้าใจนั้นทำให้เกาะอกของเธอดูอึดอัดกลัวจะขาดให้ได้ พวกเราเปิดประตูรถเข้าไปนั่งในตำแหน่งเดิม ในขณะที่ผมกำลังเข้าไปที่นั่งแถวหลังและพยายามนั่งชิดกับพิม เพื่อแบ่งที่ให้สาวอารมณ์ไม่ดีคนใหม่ได้นั่ง พิมก็ยกตัวขึ้นมาแล้วนั่งบนตักผมอย่างรวดเร็ว โมและผู้ชายในรถไม่พูดอะไรออกมาสักคำ รวมถึงผมนี่กำลังนั่งอึ้ง ในขณะที่ท่อนล่างของผมมันเริ่มเกิดอาการตื่นขึ้น พิมแนะนำจี้ให้ทุกคนรู้จัก จี้ยกมือไหว้พี่แมนกับผม

"มันมีผับตรงแถวๆซีคอน น่าจะเข้าได้ ไม่ต้องจอง"

     จี้พูดขึ้น พิมหันไปบอกทางกับพี่แมน พี่แมนสอบถามเส้นทางได้ 2-3ประโยค ก็เคลื่อนรถออกจากอาณาเขตของผับ แล้วกลับรถมุ่งหน้าไปทิศทางที่พิมบอก พิมจับมือของผมมากอดเอวเธอไว้ ขณะก้มคอลงเพื่อมองดูทางข้างหน้า ผมหันไปมองโม เธอหันหน้าออกกระจกรถมองถนนภายนอก ส่วนจี้สาวทรงโตนั้น กำลังทำหน้าเคร่งเครียดกับโทรศัพท์ของเธอด้วยอารมณ์หงุดหงิดสุดๆ ทัดกับพี่แมนคิดอะไรอยู่ผมไม่อาจรู้ได้เพราะไม่มีอาการใด ๆ บ่งบอกออกมาจากความนิ่งเงียบของทั้งสอง

     พิมนั่งมองทางสักพักคงเมื่อย จงเอนหลังและหัวของเธอมาพิงกับตัวผม กลิ่นกายและยาสระผมของเธอปะทะจมูก ทำเอาความพยายามสะกดอารมณ์ของผมล้มเหลวอย่างสิ้นท่า พิมคงจะรู้ถึงร่างกายส่วนล่างของผมที่มีความเปลี่ยนแปลง เธอไม่แสดงอาการอะไรออกมาให้ผิดสังเกต แต่เอียงใบหน้าเธอหอมแก้มผมเบาๆ หัวใจของผมเต้นแรง และลมหายใจมีลมร้อนระบายออกมารวมถึงรู้สึกร้อนๆที่ใบหน้า ผมเอียงหน้ากลับไปหาพิมช้าๆ แล้วจูบเข้ากับปากเธอเบาๆ ส่วนมือที่กอดเธอนั้น แอบเลื่อนไปขยำหน้าอกข้างขวาของเธอแรงๆ หนึ่งทีด้วยความอัดอั้น

"รีบหรอคะเฮีย"

     พิมกระซิบบอกผม ดวงตาของเธอจ้องมองตาผมด้วยระยะกระชั้นชิด แสงไฟถนนสีเหลืองอำพันสาดเข้ามาในรถส่องเห็นใบหน้าพิมวูบวาบ ทำให้ผมมองเธอด้วยไม่ละสายตายังกับต้องมนต์สะกด
 


ตอนที่ 6 : สับสน
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
𝘓𝘪𝘬𝘦 𝘪𝘯 𝘵𝘩𝘦 𝘣𝘰𝘰𝘬𝘴, 𝘸𝘩𝘦𝘳𝘦 𝘺𝘰𝘶 𝘬𝘯𝘰𝘸 𝘵𝘩𝘦 𝘰𝘶𝘵𝘤𝘰𝘮𝘦, 𝘣𝘶𝘵 𝘺𝘰𝘶 𝘱𝘭𝘢𝘺 𝘪𝘵 𝘰𝘶𝘵 𝘫𝘶𝘴𝘵 𝘵𝘰 𝘴𝘦𝘦 𝘩𝘰𝘸 𝘪𝘵 𝘸𝘰𝘶𝘭𝘥 𝘩𝘢𝘱𝘱𝘦𝘯.


tossapoln


Ttum1188


fallenversa

ผมมองว่าพิมเหมือนแพนโดร่า พิมน่าดึงดูดน่าค้นหา
แต่เฮียรู้ทั้งรู้ว่าดูอันตราย แต่ก็ยังจะเลือกตามเข้าไปแลก 


Montakan


kobjuk


temeebig

เหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่ายอย่างที่คิดซะแว้วว

pop2pm1

พี่แมนก็คงหวังพิมเหมือนกันหืออาจจะเคยได้แล้ว

surasek


pattaa


nongfriend



longman_44

พิมยั่วตลอด ไม่อยากเที่ยวแล้ว อยากจัดยาวๆไป