ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 8

เริ่มโดย เจตภูติ, มกราคม 13, 2021, 02:30:40 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

คุยกันก่อนอ่าน ช่วงนี้เขียนได้เยอะขึ้นเพราะมีเวลาว่ามากขึ้น เลยพยายามจะลงให้ได้เร็วที่สุดอาจจะมีบางสัปดาห์ที่ได้อ่านสองตอน ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านและเป็นกำลังใจให้ทั้งผมและเจษฎามากครับ

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 8
   
ด้านหลังประตูรั้วไม้แนวตั้งแบบซี่ห่างๆ ยึดกับโครงเหล็กสามารถมองรอดเข้าไปเห็นบรรยากาศภายในรั้วที่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาทึบครึ้มจนเห็นเป็นแสงสลัว หญ้าสองข้างทางสูงรกจนน่ากลัวว่าจะมีสัตว์พิษ สุดทางด้านในของถนนหินคลุกบดอัดแน่นเป็นบ้านเก่าหลังใหญ่ดูลึกลับน่ากลัว อ๊อดรู้สึกโชคดีที่เดินทางมาถึงที่นี่เมื่อเวลาบ่ายแก่ๆ เพราะถ้ามาตอนฟ้ามืดเขาคงไม่กล้าที่จะร้องทักใครเข้าไป เขาบีบแตรเรียกคนในบ้านอยู่สักพัก ก็มีชายหนุ่มรูปร่างสันทัดเดินออกมาต้อนรับ

"มาหาใครครับ" เจ้าของบ้านหนุ่มทักทายด้วยรอยยิ้มมีไมตรีแม้จะไม่คุ้นหน้าคุ้นตาชายผู้มาเยือนก็ตาม

"สวัสดีครับ นี่คุณเปี๊ยกรึเปล่าครับ ผมมาหาพี่เจษนะครับ " อ๊อดเปิดกระจกรถชะโงกหน้าออกทักทายกลับด้วยรอยยิ้มสุภาพและพ่วงด้วยคำถามเข้าประเด็น

"โอ้ยไม่ต้องเรียกคุณหรอกพี่ เรียกเปี๊ยกเฉยๆ ก็ได้ อาจารย์อยู่ด้านในครับมาเดี๋ยวผมเปิดประตูให้ อาจารย์มีคนมาหา" ปิยะพงษ์ยิ้มเขินๆกับความสุภาพของผู้มาเยือนก่อนจะหันไปตะโกนเรียกเจษฎาเสียงดังแล้วเปิดประตูให้อ๊อดได้นำรถเข้าไปจอดภายในบ้าน

"อ้าวมาแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง เดินทางลำบากไหม" เจษฎาที่นั่งพักอยู่บนบ้านได้ยินเสียงเรียกก็รีบเดินออกมาทักทายและโบกไม้โบกมือให้อ๊อดที่กำลังลงจากรถ

"ไม่ลำบากพี่ใกล้แค่นี้เอง แค่ต้องถามทางนิดหน่อยก่อนถึงบ้าน ว้าว ไม่เจอกันพักเดียวไว้หนวดไว้เคราดูเข้มเชียวนะพี่" อ๊อดยิ้มและทักทายอย่างกวนๆ

"ช่วงนี้โดนเล่นซะหนักเลยไม่มีเวลาโกน เอาไว้จะเล่าให้ฟังทีหลัง" เจษฎาเดินเข้าไปจับไหล่อ๊อดและบีบนวดอย่างเอ็นดูแล้วตอบกลับด้วยเสียงเบา

"อย่ามัวยืนคุยกันอยู่เลยครับเข้าไปนั่งใต้ถุนบ้านกินน้ำกินท่าก่อนดีกว่า" ปิยะพงษ์เสนอความคิดแทรกขึ้นมาซึ้งทุกคนก็เห็นด้วย เจ้าของบ้านหนุ่มพาอ๊อดกับเจษฎาเข้ามานั่งพักที่ชุดม้านั่งหินใต้ถุนบ้าน พูดคุยไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันส่วนตัวเขาก็เข้าครัวไปเอาน้ำเอาท่ามาต้อนรับ

"หาที่ซ่อนได้สุดยอดไปเลยพี่ แม่งอย่างกับบ้านผีสิง" อ๊อดกระซิบพูดกับเจษฎาด้วยความเกรงใจกลัวชายหนุ่มเจ้าของบ้านจะได้ยิน

"ตอนแรกพี่ก็คิดเหมือนกัน แต่เหมือนแค่ข้างนอกแหละในบ้านก็ปกติ อยู่มาตั้งหลายวันก็ไม่เจออะไร" เจษฎาตอบเสียงค่อยอธิบายให้อ๊อดสบายใจแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเพื่อนรุ่นน้องแค่ผูดเล่น

ทั้งคู่หยุดบทสนทนาเสียงเบาทันทีที่เจ้าของบ้านยกเครื่องดื่มออกมาต้อนรับ

"นี่อ๊อดน้องชายฉัน ส่วนนี่เปี๊ยกเจ้าของบ้าน" เจษฎาผายมือแนะนำคนทั้งคู่ให้รู้จัก ซึ่งทั้งสองคนก็พยักหน้ายิ้มให้กันอย่างมีไมตรี

"อ๊อดเอาลอตเตอรี่มาสิ"

"นี่พี่" อ๊อดล้วงเข้าไปหยิบสลากกินแบ่งรัฐบาลหลายใบออกมาจากกระเป๋าสะพายส่งให้เจษฎา

"เอ้านี่...เปี๊ยกเอาหวยนี้ไปขึ้นเงินกับร้านที่เขารับซื้อนะ" เจษฎารับสลากกินแบ่งรัฐบาลจากมืออ๊อดมายื่นส่งต่อให้ปิยะพงษ์ ซึ่งชายหนุ่มก็รับมาอย่างงงๆ

"ทำไมไม่เอาไปขึ้นเงินมาเองละครับ"

"ฉันอยากให้ชาวบ้านเขารู้ว่าเปี๊ยกเป็นคนถูกหวย"

"ทำไมละครับ ทำแบบนี้ก็เหมือนกับหลอกชาวบ้านนะสิ" ปิยะพงษ์แสดงสีหน้าเป็นกังวล และไม่เข้าใจการกระทำของเจษฎา

"ไม่ได้หลอกชาวบ้าน แต่หลอกกำนันต่างหาก ถ้าอยู่ดีๆ เปี๊ยกเอาเงินไปใช้หนี้ตั้งเยอะมันจะโดนสงสัยเอานะ เดี๋ยวคนเข้าจะคิดว่าเปี๊ยกทำอะไรผิดกฏหมายมารึเปล่า ที่สำคัญฉันไม่อยากให้กำนันรู้ว่าชั้นแอบช่วยเปี๊ยกเดี๋ยวจะโดนเอาไปทิ้งในป่าอีก"

"อืม...เข้าใจแล้วครับ ก็จริงนะครับ เอาเป็นว่าผมตามที่อาจารย์บอกละกัน"

"ดีมาก...อ้อเปี๊ยกถ้าเกิดมีใครถามก็บอกไปว่าเป็นลอตเตอรี่นี้สั่งไว้ของเพิ่งส่งมาถึงนะ อย่าลืมละ" เจษฎากำชับกับชายหนุ่มกลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นอีกเหมือนครั้งก่อนหน้านี้

"ได้ครับอาจารย์ เดี๋ยวผมไปตลาดซื้อของมาทำข้าวเย็นให้"

"ดีเลย ซื้อเครื่องดื่มมาด้วยนะ เย็นนี้ดื่มกันหน่อยดีกว่า"

"จัดให้ครับอาจารย์" ปิยะพงษ์เปิดโอกาสให้คนทั้งคู่ได้พุดคุยกันตามลำพังพาตัวขึ้นรถมอเตอไซค์ขับหายออกจากบ้านไป

"เดี๋ยวนี้ตั้งตัวเป็นอาจารย์ใบ้หวยแล้วเหรอ เมื่อกี้ถามทางชาวบ้านที่ตลาดก่อนเข้ามาแทบจะแย่งกันมาตอบ ฮาฮา" อ๊อดได้ยินสรรพนามที่ปิยะพงษ์เรียกเจษฎาก็อดที่จะยกขึ้นมาล้อเลียนไม่ได้

"อาจารย์บ้าอะไรละ ไม่ได้ใบ้อะไรสักตัว เปี๊ยกมันเดาเลขไปเองชาวบ้านก็ดันไปซื้อตาม แล้วถูกขึ้นมาซะอย่างนั้น"

"แต่ก็ดีนะ ผมว่าเราน่าจะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้" อ๊อดยิ้มอย่างมีเลศนัย

"เอางั้นเหรอ ว่าแต่จะมันจะดีเหรอพี่ว่าเราต้องอยู่นี่สักพักใหญ่เลยนะเดี๋ยวโดนจับได้จะอยู่ลำบาก" สีหน้าเจษฎาแสดงอาการกังวลเพราะเรื่องหวยเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้ยาก

"เอาอย่างนี้แหละ พี่ก็สวมรอยไปเลย ถ้าฝั่งนู้นเขามีอิทธิพลเราก็ต้องสร้างมวลชนมาคอยเป็นไม้กันหมาให้เรา แล้วก็จะได้หลอกเอาข้อมูลข่าวสารจากชาวบ้านด้วย กว่าคนแถวนี้จะรู้ตัวเราก็เสร็จงานแล้วมั้ง"

"อืม...ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามที่ว่าละกัน"

"แล้วพี่รู้อะไรเกี่ยวเป้าหมายบ้างละ"

"ยังไม่รู้อะไรมาก แต่คงจะใหญ่พอตัวทำอะไรไม่ค่อยเกรงใจกฏหมายเท่าไหร่"

"ถ้าอย่างนั้นผมว่า เราวางเครือข่ายดักข้อมูลในเมืองนี้ดีไหมพี่ จะได้รู้ความเคลื่อนไหวของคนที่นี่ร่วมถึงเป้าหมายด้วย"

"ดีเลย แล้วนานไหมกว่าจะเสร็จ"

"ก็คงไม่นานหรอกแต่ผมต้องกลับไปเอาเครื่องมือ แล้วก็จัดการบ้านผีสิงนี่ซะหน่อย"

"ตกลงตามนั้น เดี๋ยวเปี๊ยกกลับมาค่อยคุยต่อ เปี๊ยกรู้จักคนแถวนี้ดีน่าจะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ได้"

ปิยะพงษ์หายไปตลาดอยู่พักใหญ่ก็กลับเข้ามาพร้อมอาหารเครื่องดื่มติดไม่ติดมือมาพะรุพะรังก่อนจะเข้าครัวไปทำอาหารมาเลี้ยงรับรองผู้มาเยือน การกินดื่มช่วงอาหารค่ำในบรรยากาศท่ามกลางต้นไม้รกครึ้มรอบๆ บ้านไม่ค่อยมีเสียงรบกวนนอกจากเสียงนกเสียงกบ กับรถเล็กใหญ่ที่นานๆ จะผ่านมาสักคันให้อารมณ์วังเวงแบบแปลกๆ

"เปี๊ยกฉันมีเรื่องอยากจะรบกวนหน่อย"เจษฎาเปิดประเด็นขึ้นมาหลังจากกินดื่มไปสักพัก

"เรื่องอะไรครับอาจารย์"

"ถ้าฉันอยากจะขอใช้บ้านของเปี๊ยกเปิดเป็นสำนักคอยช่วยเหลือคนเดือดร้อนเปี๊ยกจะว่าอะไรไหม"

"อืม...ได้สิครับอาจารย์ อาจารย์อุตสาห์ช่วยผมปลดหนี้ ที่ผมยังรักษาบ้านนี่ไว้ได้ก็เพราะอาจารย์ ถ้าผมพอจะทำประโยชน์อะไรให้อาจารย์ได้บ้างผมก็ยินดีครับ แต่มีข้อแม้อย่างหนึ่ง" ปิยะพงษ์ทำเป็นใช้ความคิดนิดหน่อยก่อนจะตอบตกลงอย่างรวดเร็วเพราะเขาก็ศรัทธาเจษฎาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

"ข้อแม้อะไร" เจษฎามองหน้าชายหนุ่มร่างสันทัดอย่างสงสัย

"อาจารย์ต้องรับผมเป็นลูกศิษย์ก่อน" ปิยะพงษ์พูดด้วยดวงตาเป็นประกาย

"...เอางั้นก็ได้" เจษฎาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตกลง เงื่อนไขนี้ไม่ได้ยากเย็นอะไรแต่ก็เพิ่มความเสี่ยงให้กับแผนการอยู่พอสมควร พร้อมกับหันไปมองหน้าอ๊อดที่อมยิ้มกลั้นขำอยู่

"ฉันต้องขอบใจมากนะเปี๊ยก แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่งถ้าอ๊อดจะเข้ามาอยู่ที่บ้านนี้ด้วยเปี๊ยกจะว่าไหม"

"จะไปว่าอะไรละครับ น้องชายอาจารย์ก็เหมือนอาจารย์ผมอีกคน บ้านช่องก็มีห้องหับพอให้อยู่ได้อยู่แล้ว"

"ฮาฮา..บ้าน่าอาจง อาจารย์อะไร แค่คิดว่าฉันเป็นพี่นายอีกสักคนก็พอ"

"งั้นก็ตกลงตามนั้นครับพี่อ๊อด เอ้าช...น" คนทั้งสามในวงสังสรรค์ส่งเสียงหัวเราะเฮฮาชอบอกชอบใจ ยกแก้วเครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยน้ำสีอำพันเข้าหากันก่อนจะกระดกดื่มลงคออย่างชื่นใจ

"ว่าแต่เปี๊ยกไม่ชอบกำนันใช่ไหม" เจษฎายิงคำถามใส่ปิยะพงษ์แบบไม่อ้อมค้อม

"ก็ใช่ครับ ทำไมเหรอครับ" ชายหนุ่มปั้นหน้าสงสัยพร้อมกับยกแก้วขึ้นดื่ม

"ก็ฉันเห็นที่มันทำกับเปี๊ยกเลยจะเข้าไปคุย ที่ไหนได้มันให้ลูกน้องทำร้ายฉันแถมเอาฉันไปทิ้งไว้ในป่าอีก ก็เลยคิดว่าจะปล่อยให้มันสร้างความเดือนร้อนให้ชาวบ้านต่อไปไม่ได้แล้วนะ" เจษฎาหาข้ออ้าง

"อ้อ...ที่แท้เรื่องมันก็เป็นแบบนั้นี่เอง ก็จริงครับ ถ้าไม่มีมันคอยมาสร้างความเดือดร้อน ชาวบ้านก็คงไม่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวง" ปิยะพงษ์พยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของหนุ่มใหญ่

"แล้วเปี๊ยกพอจะมีข้อมูลอะไรของกำนันของกำนันบ้างไหมเล่าให้ฟังหน่อยสิ" อ๊อดลองถามไปบ้าง

"อืม...กำนันเหรอแกก็เป็นคนแบบนิสัยกล้าได้กล้าเสียเหมือนนักเลงลูกทุ่งในละครหลังข่าวยังไงยังงั้น บ้านรวยมีที่นาให้เช่า มีรีสอร์ท มีค่ายมวย มีฟาร์มไก่ชน ปล่อยเงินกู้ เป็นครอบครัวกำนันมาตั้งแต่รุ่นปู่ กว้างขว้างคนเกรงอกเกรงใจแกเยอะ ใครจะมาทำอะไรทำที่นี้ก็ต้องมาหาแกก่อนทั้งนั้นขนาดผู้ว่า หรือ ส.ส ยังมาหาเลย เรื่องธุรกิจเทาๆ ก็ได้ยินคนเขาลือกันว่าแกก็ทำอยู่หลายอย่าง"

"แล้วแถวนี้มีคนอื่นที่พอจะทาบรัศมีได้บ้างเลยเหรอ" อ๊อดทักขึ้นมาซึ้งเจษฎาก็พยักหน้าเห็นด้วย

"ก็มีอยู่คนหนึ่งนะ ชื่อเสี่ยกวงแต่ก่อนสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันทำงานให้เจ้าสัวใหญ่ที่เป็นผู้สนับสนุน ส.ส. เขตนี้ แต่พอเจ้าสัวเสียไปสองคนนี้ก็แข่งกันขึ้นมาสร้างอิทธิพล อำนาจก็พอๆ กัน แต่ก็ไม่ค่อยยุ่งกันหรอกต่างคนต่างอยู่ซะมากกว่า คงกลัวว่าถ้าปะทะกันแล้วมันจะพังทั้งคู่"

"แล้วเรื่องส่วนตัวละเป็นยังไง ชีวิตคู่ ญาติพี่น้องอะไรแบบนั้น" เจษฎาขอข้อมูลเชิงลึกที่น่าจะเป็นประโชยน์ในการเล่นงานณัฐฐา

"แกเป็นลูกคนเดียว ญาติๆ ก็ทำมาหากินปกติเนี้ยแหละ แต่เมื่อก่อนแกเป็นคนเจ้าชู้ บ้ากามหนักขนาดเมียคนแรกหนีไปบวชเลยเชียวละ แต่พอยู่กินกับเมียคนล่าสุดนี้ก็ไม่ค่อยได้ยินข่าวลืออะไรแบบนั้นแล้ว สงสัยเมียใหม่จะคุมแกอยู่ อ้อแล้วแกก็มีลูกสาวอยู่สองคน เป็นลูกกับเมียคนแรก"

"อืม...งั้นคงต้องเริ่มจากคนรอบๆ ตัวกำนันก่อนเลยละกัน" เจษฎาหันไปพูดกับอ๊อดเบาๆ ทิ้งให้ปิยะพงษ์ทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจความหมาย ก่อนทั้งสามคนจะนั่งคุยกันเรื่องทั่วไปจนดึกดื่น


ชายวัยห้าสิบตัวหนาในชุดเสื้อเชิ๊ตลายสก๊อตสีเข้มสวมกางเกงสแล็คห้อยพระเครื่องเต็มคอยืนหน้ามู่ทู่อย่างกับสุนัขพันธ์ุอเมริกันพิตบลูที่ห่วงอาหารเม็ดในชามข้าว ใช้ผ้าเช็ดเลือดของเหยื่อเคราห์ร้ายออกจากจากมือ สายตาจ้องมองชายที่บหน้าปูดช้ำและอาบไปด้วยเลือดปนกับน้ำที่ไหลนองอออกจากดวงตา กำลังนั่งคุกเข้ายกมือไหว้พร้อมส่งสายตาขอความเมตตากลางอาคารเก็บสินค้าในฟาร์มไก่ชน หลังจากชายที่รายนี้ทำงานที่ได้รับมอบหมายผิดพลาดทำให้เอาเขาต้องสูญเงินไปหลักสิบล้าน

"กำนันแกไปโมโหอะไรมาวะ" ชายฉกรรจ์หน้าโหดที่ยืนเฝ้าอยู่ใกล้ประตูกระซิบถามเพื่อนร่วมงานที่ยืนทำหน้าที่เดียวกันอยู่ข้างๆ

"ข้าแอบได้ยินพวกลูกพี่เขาลือกันว่า หวยงวดที่ผ่านมาไม่รู้พวกชาวบ้านไปเอาเลขมาจากไหน แม่งพากันถูกเกือบทั้งอำเภอ กำนันแกก็เลยมาลงกับไอ้คนคุมหวยเนี้ยแหละ"

"แม่งงานง่ายๆ แค่นี้ มึงทำยังไงให้กูเสียหายวะ มึงรู้ไหมนอกจากกูจะเสียเงิน ชาวบ้านมันเอาเงินมาปลดหนี้กู ไถ่ที่ดินไถ่บ้านกลับไปแล้วตั้งกี่คน " กำนันประเสริฐตวาดดังลั่นกัดฟันกรอดเงื้อมือขึ้นจะทำร้ายอีกรอบแต่ก็ลดมือลงไปอย่างหัวเสีย สำหรับเขาเรื่องเงินอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ เทียบไม่ได้อิทธิพลจากการเป็นเจ้าหนี้ที่เสียไป ยิ่งเขามีนิสัยไม่ชอบความพ่ายแพ้ การสูญเงินในครั้งนี้ทำให้เขารู้เสียหน้ามากกว่า

"ผมไม่รู้จริงๆ กำนัน อยู่ดีๆ พวกมันก็แห่กันมาแทงก่อนวันหวยออกแค่วันเดียว" ชายเคราะห์ร้ายยกมือสั่นๆ ขึ้นมาไหว้ปะหลกๆ

"ก็แล้วทำไมมึงไม่อั้นเลข!" กำนันหุ่นหมีคำรามลั่นปลดปล่อยความเกรี้ยวกราดใส่ชายลูกน้องน้องดวงกุดจนตัวสั่น

"กะ...กะ....ก็มัน...ไม่ใช่เลขดัง...นี่ครับ" ชายตัวสั่นพูดจาตะกุกตะกักด้วยความลนลาน

"มึงก็จ่ายครึ่งสิวะไอ้ควาย" กำนันผู้มีอิทธิพลยังคงเดืดอดดาล

"ก็มันกระทันหัน ถ้าผมมาบอกที่หลังพวกมั้นมันคงแทงผมแทนหวย"

"แก้ตัวเก่งนักนะมึง" เท้าใหญ่ในรองเท้าหนังราคาแพงถูกยกขึ้นมาถีบเข้าใส่ชายเคราะหืร้ายเต็บใบหน้า หงายหลังล้มตึงหัวกระแทกพื้น

"กำนันครับใกล้เวลานัดกับปลัดแล้วครับ" ชายร่างเตี้ยตันวัยสามสิบเจ็ดปี ไอ้ถัง หรือ ฉายา 'ไอ้รถถัง' นักมวยไทยดีกรีระดับเคยได้ขึ้นชกชิงแชมป์เวทีใหญ่ของเมืองหลวงเมื่อในอดีตที่ตอนนี้กลายมาเป็นมือขวาลูกน้องคนสนิทของกำนัน เดินเข้ามากระซิบข้างหู

"เฮ้อ... คราวนี้​กูจะคาดโทษเอาไว้ก่อน แต่อย่างให้มีครั้งที่สอง พวกมึงพามันไปทำแผลไป" กำนันประเสริฐถอนหายใจแรงเดินเข้าไปชี้หน้าชายที่กำลังนอนกลิ้งไปมาอยู่กับพื้น

"ขอบคุณครับกำนัน คราวหน้าผมจะไม่ทำพลาดแน่ครับ" ชายโชคร้ายร่างกายสะบักสะบอมทรงตัวขึ้นมาแล้วคุกเข่าก้มกราบใบหน้าแทบจะติดเท้าของกำนัน ก่อนที่กำนันจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจใยดี


รถกระบะสี่ประตูสีดำคันใหญ่แล่นเข้ามาจอดในที่จอดรถที่ถูกสำรองเอาไว้ให้ลูกค้าชั้นดีของสวนอาหารบรรยากาศดีแห่งหนึ่งที่มีทิวทัศของเขื่อนเก็บน้ำขนาดใหญ่ให้ดูเป็นอาหารตา และรถของลูกค้าจอดอยู่เกือบเต็มลานจอดรถ ชายร่างใหญ่เดินลงจากรถมาด้วยท่วงท่าทะมัดทะแมงพร้อมกับลูกน้องหน้าโหดสองคน

"ว่ายังไงกำนันได้ข่าวว่าโดนคอหวยรุมแทงซะยับเลย อาการเป็นยังไงบ้าง" เสี่ยงกวง หรือ พิพัทธ์ ชายวัยใกล้ห้าสิบปีเป็นคนรูปร่างสันทัดลงพุงเล็กน้อย ใบหน้าบงบอกว่าเป็นชาวไทยที่มีเชื้อสายจีน แต่งตัวภูมิฐานด้วยเสื้อผ้าราคาแพง เดินออกมาจากสวนอาหารพร้อมกับผู้ติดตามสองคน

"อ้าวไอ้กวงมึงจะดูถูกกูมากไปแล้ว แค่นี้ไม่ทำให้กูคันด้วยซ้ำ" กำนันหุ่นหมีตอกกลับชายตาตี่พร้อมกับเดินเข้าไปประจันหน้า

"เหรออออ...ถ้ากำนันไม่ไหวก็บอกอั๊วนะ ให้ช่วยรับแทงบ้างก็ได้ ฮาฮา" เสี่ยกวงลากเสียงยาว แล้วปิดท้ายด้วยหัวเราะร่าด้วยใบหน้ายียวนกวนอารมณ์คู่สนทนาจนน่าโมโห

"ไอ้กวงมึง" กำนันหนุ่มใหญ่ถึงกับเลือดขึ้นหน้าเพราะคำพูดที่เหมือนอยากจะข้ามถิ่น ร่างหนาเดินก้าวออกไปทำท่าจะเอาเรื่อง รวมถึงไอ้ถังและคนติดตามก็พร้อมเข้าปะทะทันทีที่เจ้านายสั่ง

เสี่ยกวงที่ตัวเล็กกว่าถึงกับสะดุ้งถอยหลังมาหลบหลังลูกน้องที่ตั้งท่าพร้อมจะมีเรื่อง "ไม่เอาน่า กำนันโมโหมากระวังตายไวนะ"

กำนันประเสริฐเหมือนได้สติคิดขึ้นมาได้ว่ามีธุระอยู่ ยั้งเท้าไว้ไม่เดินเข้าไปต่อยกมือขึ้นมาชี้หน้าอย่างอาฆาต "กูไม่ตายก่อนมึงหรอกไม่ต้องเป็นห่วง"

"งั้นอั๊วไปก่อนนะไม่อยากรบกวน อย่าให้ปลัดเขารอนานละ ฮาฮา" เสี่ยกวงหลบอยู่หลังลูกน้องค่อยๆ เดินเลี่ยงอ้อมกลุ่มของกำนันไปหร้อมกับหัวเราะใส่อย่างสะใจ

..ไอ้สัตว์นี้ อย่าพลาดบ้างนะมึง... กำนันจ้องเขม็งมองตามกลุ่มคนที่กำลังเดินผ่านไปอย่างไม่ละสายตา จนเสี่ยกวงเดินขึ้นรถไปจึงได้หันกลับมาแล้วเดินเข้าอาคารของสวนอาหาร


"ปลัดนัดผมมามีอะไรรึเปล่าครับ ว่าแต่ปลัดนัดไอ้กวงมันมาด้วยเหรอครับ" กำนันหุ่นหมีพาร่างหนาลงไปนั่งร่วมโต๊ะชายไทยที่อยู่ในชุดจ้าราชการสีกากีที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

"เปล่าๆ บังเอิญเจอนะ ผมนัดคุณมาก็ไม่มีเรื่องอะไรหรอก แต่มีคนที่ผมอยากจะแนะนำให้รู้จัก" ชายสวมชุดข้าราชการสีกากียกมือขึ้นมาโบกไปมาเป็นพันละวันกลัวเกิดเรื่องเข้าใจผิด

"ใครเหรอครับ"

"อ้อนั้นไงมาพอดี ตรงเวลาเป๊ะเลย"

"สวัสดีครับคุณปลัด" ชายสวมสูทเนี้ยบสีเข้มแม้อากาศภายนอกในสวนอาหารจะร้อนแต่ผิวกายขาวซีดของเขากลับไม่มีเหงื่อให้เห็นสักหยด ร่างสูงเดินเข้ามาด้านในห้องวีไอพีที่เปิดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำยกมือขึ้นไหว้ทักทายชายที่กำลังกวักมือเรียกเขา

"สวัสดีครับ นี่กำนันประเสริฐคนที่ผมบอกครับ" ปลัดรับไหว้ก่อนจะเริ่มแนะนำให้ให้รู้จักกับชายที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่

"สวัสดีครับกำนันประเสริฐ" ชายสวมสูทหันไปทักทายก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้กับปลัดซึ้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกำนัน

"สวัสดีครับ คุณ..." กำนันทิ้งเสียยาวเหมือนรอให้อีกฝ่ายแนะนำตัว

"ผมผู้จัดการฝ่ายบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทครับ นี่นามบัตรผม"

"แล้วผู้จัดการ... ต้องการพบผมเรื่องอะไรครับ" กำนันประเสริฐรับกระดาษแผ่นเล็กมาดูแล้วเงียบไปครู่หนึ่งเพราะตัวหนังสือยาวเฟื้อยบนนามบัตรจนต้องตัดบทก่อนจะเริ่มเข้าประเด็น

"คืออย่างนี้ มีคนข้องร้องให้ผมพาผู้จัดการมาติดต่อซื้อที่ดินในพื้นที่แถวนี้ ผมก็เลยจะพามารู้จักกับกำนัน เพื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน" ปลัดแทรกขึ้นมาเพื่อช่วยอธิบายให้กำนันเข้าใจ

"อ้อ...อยากซื้อที่ งั้นก็ติดต่อมาถูกคนแล้วละครับ ว่าแต่อยากได้ที่แถวไหนละครับ"

"นี่ครับ" ชายสวมสูทยื่นซองเอกสารส่งให้ชายที่นั่งตรงข้าม

"โอ้โห...จะเอาที่ไปทำอะไรกันครับเนี้ย" กำนันเปิดซองหยิบเอกสารด้านในมาตรวจดูถึงกับอุทานเพราะขนาดพื้นที่ใหญ่และตำแหน่งที่ต้องการค่อนข้างใกล้เขตชุมชน

"ทางเรามีแผนจะสร้างโรงงานและศูนย์วิจัยผลิตภัณฑ์ครับ" ชายสวมสูทตอบอย่างยิ้มๆ

"อย่างดีก็ดีนะสิ ถ้ามีโรงงานก็จะมีการจ้างงานคนในพื้นที่ อย่างนี้เมืองของเราก็เจริญมากขึ้นสินะ" ปลัดแทรกขึ้นมาอีกครั้งพูดจาเห็นดีเห็นงามเหมือนจะชี้ช่องหาให้กำนันรู้ตัวไปด้วย

"งั้นเรามาคุยรายละเอียดไปทานอาหารไปกันดีกว่านะครับ" ชายสวมสูทยิ้มเมื่อเห็นดวงตาที่หวังในผลประโยชน์ของคนทั้งคู่ที่น่าจะให้ความร่วมมือกับเขาจึงเรียกบริกรมาให้รับรายการอาหาร


"มาแล้วเหรอค่ะพี่กำนัน" เจนิส หรือ เจณิตา สาวสวย วัยยี่สิบสี่ปี ร่างเพรียวบาง ผิวขาวกระจ่างใส่ ใบหน้ารูปไข่ปากนิดจมูกโด่งดวงตาเรียวสวย อกเอวสะโพกได้สัดส่วนสวยงาม ในชุดเสื้อครอปสายเดี่ยวสีดำคอวีกับกางเกงขาบานเอวสูงสีขาวครีม เจ้าของร้านคาเฟ่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ด้านนอกบรรยากาศร่มรื่นมองไปทางไหนก็ปกคลุมไปด้วยไม้เรื่อยและต้นไม้นานาชนิด ด้านในตกแต่งด้วยสไตล์เรียบง่าย  รีบเดินออกจากเคาเตอร์มาตอนรับผู้มีอุปการคุณของร้านอย่างกำนันประเสริฐ ที่กำลังเดินผ่านประตูเข้ามาหลังจากเสร็จธุระที่สวนอาหาร

"อืม..." หนุ่มใหญ่ตอบรับอย่างเบื่อแม้เรื่องที่เพิ่งไปเจรจามาผ่านไปได้ด้วยดี แต่เรื่องคนให้เลขเด็ดยังค้างคาอยู่ในใจ

"มีเรื่องอะไรรึเปล่าเหรอคะท่าทางไม่ค่อยดี มาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำอะไรก่อนไหมเดี๋ยวหนูไปทำให้" หญิงสาวหน้าใสยิ้มสวยชวนหลงไหลเข้าสวมกอดร่างหนาอย่างออดอ้อนราวกับลูกแมวน้อยจ้องมองหน้าหนุ่มใหญ่ดวงตาใส่ซื่อ ด้วยร่างสูงหนึ่งร้อยหกสิบเอ็ดเซนติเมตรบวกกับน้ำหนักเพียงสี่สิบหกกิโลกรัมและอายุที่ห่างกันจึงดูราวกับลูกสาวกอดพ่อไม่มีผิด

"มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย...ว่าแต่ไอ้ร้านนี่ก็ไม่มีคนเข้าเลยนะ" กำนันหนุ่มใหญ่ยิ้มแบบเซ็งๆ ยกแขนหนาโอบเอวคอดเนื้อนิ่มของหญิงสาวเจ้าของร้านสูดกลิ่นหอมของหญิงอาายุรุ่นเดียวกับลูกสาว สายตามองกวาดไปทั่วร้านที่ตกแต่งอย่างสวยงามเหมาะแก่การถ่ายรูปและนั่งกินดื่มของหวานกับกาแฟเลิศรส แต่ในร้านกลับไม่มีใครอื่นนอกจากเขาและลูกน้องกับเจ้าของร้านและลูกจ้าง

"เศรษฐกิจอย่างนี้ คนมันก็ไม่ค่อยมีอย่างนี้แหละ" สาวเจ้าของทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พากำนันมานั่งพักที่โต๊ะพร้อมกับซุกตัวเข้าไปซบอกแกร่ง แล้วหันไปสั่งลูกจ้างให้ยกน้ำดื่มมาเสริฟ

"แล้วจะมาเปิดร้านทำไมให้เหนื่อย ฉันเลี้ยงเธอได้สบายอยู่แล้ว"

"ก็ไม่อยากอยู่เฉยๆ นี่นา เดี๋ยวคนเขาจะหาว่าไม่ทำงานทำการ"

"ก็เลยเอาเงินมาพลาญเล่นแบบนี้เนี้ยนะ เจริญละคนรอบตัวกูแต่ละคน"

"ใช่สิ หนูมันไม่ดีเหมือนนังนั้นนี่" สาวสวยทำแก้มป่องน่ารักงอนใส่หนุ่มใหญ่วัยคร่าวพ่อ

"ไม่เอาสิอย่าไปพูดถึงคนอื่นเลย พี่ขอโทษละกัน" กำนันหน้าเจื่อนทันทีที่หญิงสาวพูดถึงคนที่บ้าน

"ถ้ากลัวมันมากแล้วจะมาหาหนูทำไม" สาวสวยเห็นสีหน้ากำนันยิ่งทำท่าไม่พอใจมากกว่าเดิม

"แหม่มันไม่ใช่แบบนั้น แต่ละคนก็มีเสน่ห์แตกต่างกันไป อย่างรายนั้นเขาทำงานเก่งมันก็เป็นเสน่ห์ในแบบของเขา อย่างหนูก็มีเสน่ห์ไปคนละแบบ"

"หึไม่ต้องมาพูดเลย" สาวสวยสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดหันหน้าหนี

กำนันต้องรีบง้อด้วยการดึงร่างเพรียวเข้ามากอดแล้วกระซิบที่ข้างหู "คนแถวนี้มันโง่ไม่รู้ว่าของกินที่นี้มันอร่อยขนาดไหนเลยไม่มากินกัน หนูไม่ผิดหรอกโอ๋ๆ ไหนๆ ก็ไม่มีลูกค้าแล้ว ไปดูแลพี่ดีกว่า"

"คนบ้ามาให้ดูแลอะไรกลางวันแสกๆ" เจ้าของร้านสาวายหน้าแดงอมยิ้มหน่อยๆ ดูน่ารัก


ภายในพื้นที่รั้วเดียวกันกับร้านคาเฟ่ ด้านหลังห่างออกไปจากตัวร้านมีบ้านชั้นเดียวขนาดสองห้องนอนหนึ่งห้องรับแขก ชายวัยห้าสิบปีกับสาวสวยเจ้าของร้านควงแขนเดินหายเข้าไปด้วยกัน บ้านหลังนี้ถูกกำนันใช้เป็นรังรักโดยใช้ข้ออ้างมาหากาแฟกินอยู่บ่อยครั้ง

ห้องนอนใหญ่ของบ้านติดวอลเปเปอร์ภายในด้วยสีและลวดลายอบอุ่นอุณหภูมิภายในลดลงเรื่อยๆ จากการทำงานของเครื่องปรับอากาศที่เจณิตาเพิ่งจะเปิด ผิดกับร่างของสาวสวยนั่งอยู่บนตักกอดจูบลูบไล้หนุ่มใหญ่ร่างหนานั่งอยู่ตรงขอบเตียงที่อุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ จากไฟราคะ

"วันนี้กำนันอยากให้หนูดูแลแบบไหนดีคะ"

"เอาแบบเดิมนั้นแหละ"

"ได้ค่ะ คุณพ่อ" ร่างอรชรเลื่อนไหลลงจากตักของชายร่างหนาลดตัวลงไปนั่งอยู่แทรกอยู่ระหว่างสองขา สองมือสวยนิ้วเรียวยาวจัดการปลดเปลื้องอาภรเบื้องล่างของคู่สวาทออกช้าๆ ด้วยลีลายัวยวนชวนให้เลือดสูบฉีดแรง
มือสวยกำลังวุ่นวายอยู่ที่หว่างขาของหนุ่มใหญ่ทั้งบีบนวดเคล้นคลึงจนแท่งเนื้อพองตัวดันกางเกงชั้นในขึ้นมาเป็นลำ จากนั้นจึงล้วงเข้าไปให้มืออุ่นได้สัมผัสกับดุ้นเนื้อร้อนฉ่าแล้วควักมันออกมาสูดอากาศภายนอก พร้อมกับสาวไปมาตามความยาวจนเลือดวิ่งมารวมตัวกันทำให้เส้นเลือดด้านในขยายตัวอัดแน่น

สายตาหวานซ่อนเปรี้ยวกระตุ้นอารมณ์ทางเพศของกำนันให้ตะเลิดไปได้ไม่แพ้กับอุ้งมือนิ่ม ปากเล็กเผยอออกดูเซ็กซี่ชวนให้อยากส่งอาวุธประจำกายความยาวหกนิ้วรอบวงอวบหนาไม่ต่างจากหุ่นของผู้เป็นเจ้าของ กำนันวางนิ้วหัวแม่มือสายแตะไปที่ริมฝีปากล่างเหมือนจะบอกความต้องการ ซึ่งหญิงสาวผู้รู้งานก็เข้าใจดี

"อื้มมมม...อื้มมมม...อื้มมมม..." หนุ่มใหญ่ส่งเสียงเบาเมมื่อปากเล็กสวยครอบสวมดุ้นหนา ความชุ่มชื่นและความนุ่นภายในช่องปาก บวกกับอุณหภูมิที่ต่างกันสร้างความเสียวสยิวให้เจ้าของแท่งอย่างน่าพอใจ

ปากเล็กของหญิงสาวอต้องอ้าออกจนกว้างเพื่อขยับรูดริมฝีปากที่เม้มรับรอบความเป็นชายแข็งแกร่งอย่างแข็งขัน มือสาวยังช่วยรูดแท่งลำไปด้วยในจังวะเข้ากัน มือน้อยอีกข้างเลือ่นขึ้นไปลูบแผ่นอกหนา ส่วนผู้รับการกระทำจ้องมองใบหน้าสวยอย่างหลงไหลทั้งลีลาและความงาม

หญิงสาวง่วนอยู่กับการใช้ปากยังแยกประสาทมาดึงปลดกางเกงให้ออกจากร่างของคู่สวาทต่างวัยโดยความช่วยเหลือของหนุ่มใหญ่ที่ยกสะโพกลอยขึ้นให้เธอปฏิบัติการได้สะดวก

"อูยยยย...เจนิสพอก่อนลูก เดี๋ยวพ่อจะไปซะก่อน"

"หนูทำดีไหมค่ะคุณพ่อ" เจณิตาเงยหน้ามาจ้องตาแลบลิ้นเลียปาดอย่างทะเล้น

"ดีมากจ๊ะ ขึ้นมานี่มาพ่อจะให้รางวัล"

สาวร่างเพรียวทำตามอย่างไม่ขัดใจ ย้ายร่างระหงขึ้นไปนอนทอดร่างบนเตียงใหญ่ ร่างกายบิดส่ายไปมาเบาๆ เหมือนเหยื่อที่กำลังดิ้นล่อปลา เจ้าปลาตัวโตมองร่างของเหยื่อสาวแสนสวยไม่วางตาปลดอาภรที่เหลือออกจากตัวแล้วพุ่งเข้าไปกินเหยื่ออย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตากางเกงขาบานเอวสูงสีครีมก้หลุดหายออกไปจากร่างของเจณิตาเหลือเพียงกางเกงชั้นในตัวจิ๋วสีดำลายลูกไม้ทีบางจนเกือบเห้นภายใน

"อ้าาาา...เสียวจังเลยค่ะคุณพ่อ" หญิงสาวครางสยิวบิดกายสะท้าน เมื่อหน้าใหญ่ซุกเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็วราวกับได้กินอาหารถูกปาก ผ้าบางถูกแหวกออกให้จมูกได้สูดดมรับกลิ่นหอม ลิ้นสากได้ลงลากชิมความสาวของคนรุ่นลูก เม็ดแข็งตรงกึ่งกลางกูกนิ้วมือกดบดสลับกับปลายลิ้นตวัดเลีย

"อื้มมม...อร้าาาา..." ปากเล็กของหญิงสาวถูดบดเบียดด้วยปากหนาจากหนุ่มใหญ่ที่ขยับขึ้นมาทาบทับบนร่างสวยแนบสนิทอกแกร่งถูไถ่ไปกับอกตูมนุ่มความเอาอุ่นของสองร่างถ่ายทอดผ่านกันจนเหงื่อซึมแม้อากาศเย็น ใบหน้าน่าเกรงขามเลื่อนลงมาซุกไซ้ที่ซอกคอ มือหยาบหนาล้วงผ่านเสื้อครอปสีดำเข้าไปบีบกุมสองเต้ากลมสวย

เสื้อตัวจิ๋วถูกเลิกขึ้นไปพร้อมกับชุดชั้นในจนเหนือเต้านม ก้อนเนื้อผิวขาวกระจ่างใสจนเห็นเส้นเลือดจางๆ ก็หลุดออกมาให้หนุ่มใหญ่ได้เฉยชม เขาใช้ปากและลิ้นดูดดุนดันสลับกับขบเข้าไปเบาๆ บนยอดอกแข็งเป็นไตพร้อมกับนวดคลึงส่วนฐานทั้งสองข้างอย่างสนุกมือ

"ซี๊ดดดด...ดูดอย่างกับจะมีนมให้กินเลยนะคะ" หญิงสาวกุบจับไปที่ศรีษะกำนันราวกับเอ็นดูเด็กน้อย ความเสียวซ่านละความร้อนจากปากทำให้เธอเกร็งร่างเล็กน้อยในบางจังหวะ

"ก็ลูกเจนิสทั้งขาวทั้งน่ากินนี่นา อยากจะกินเข้าไปทั้งตัวเลย" กำนันยังตั้งอกตั้งใจเสพความงามของเรือนร่างท่อนบน ปากที่กระหายกามสวาทสลับดูดซ้ายทีขวาทีอย่างอเล็ดอร่อย และยังไม่ปล่อยด้านล่างให้ว่างงานนิ้วหนายังสอดใส่เข้าร่องหลืบเรียกน้ำใสไม่ให้ขาดตอน ฝ่ายผู้ถูกกระทำก็แอ่นกายรับแรงดูดมหาศาล ปล่อยลมหายใจถี่ หัวใจเต้นแรงใกล้ปะทุไฟราคะ

"ถ้า...ชอบ...ก็กิน...เยอะๆ...นะคะ...อร๊าาาา..." มือเล็กกอดศีรษะใหญ่กดแน่นเข้ากับหน้าอก กระดกเอวขมิบรูสวาทสู้นิ้วอวบ

"ช่วยจัดการเจ้าตัวเล็กของพ่อให้หน่อยสิ" กำนันหระเสริฐละปากออกจากสองเต้าสวยพลิกมานอนพิงหัวเตียงมือหนากุมสาวดุ้นหนาของตัวเอง

"แหม่ แบบนี้ไม่เรียกว่าตัวเล็กแล้วค่ะ" หญิงสาวลุกขึ้นคลานตามร่างหนาไปติดๆ แขนเรียงสวยเอื้อมไปด้านหลังค่อยรูดดึงกางเกงชั้นในออกไปทางปลายเท้าก่อนจะเลื่อนกลับมาจัดดการอาภรช่วงบนจนร่างงามเปลื่อยเปล่า หน้ารูปไข่เรียวสวยขยับเข้าใกล้แท่งเนื้อ แลบลิ้นเลียดุดแผ่วเบาอย่างไม่รังเกียจ ก่อนร่างขาวสูงเพรียวจะยันกายขึ้นเดินเข่าขึ้นไปคร่อมที่ตัก

มือเล็กจับแท่งอวบให้ตั้งตัวมั่นคงจ่อส่วนหัวชี้ตรงกับปากทาง กลีบหนานุ่มฉ่ำวาวไปด้วยน้ำหวานจากร่องทางส่งเสียว หญิงสาวค่อยๆ แตะโนนเนื้อลงบนหัวเห็ดที่ผองตัวสุดขีดจนหนังตึงพร้อมจะเดินทางเข้าไปสำรวจด้านใน

เจณิตากดสะโพกลงใส่แท่งยอดชาย หัวทู่แหวกผ่านร่องกลีบปิดเกือบสนิทเข้าสู่ช่องทางเหนียวแฉะอย่างช้าๆ เบิกโพร่งสวาทให้กว้างออกทีละนิด

"อ๊างงงง...ซี๊ด...แน่นจังเลยค่ะคุณพ่อ" หญิงสาวหอบหายใจแรงส่งเสียงครางและเป่าปากระบายความอึดอัดด้วยช่องทางที่คับแคบแม้จะมีน้ำหล่อลื่นมากมายและเธอเคยผ่านดุ้นหนามาบ้างแล้วแต่ก็ไม่บ่อยพอที่จะทำให้เธอคุ้นชิน สาวสวสยขยับกายขึ้นลงเพิ่มแรงกดมากขึ้นทุกครั้งจนสามารถส่งผ่านแท่งเนื้อเข้าไปในร่างได้จนสุดลำ

"อ๊รา...อ๊รา...อ๊รา..." หญิงสาวส่งเสียงครางใสไพเราะชวนฟังตามแรงโยกยกบดสะโพกของตัวเองเพื่อคลายความอึดอัดคับแน่นและความเสียวส่านในร่องลืบ สายตามีเสน่ห์ยั่วยวนจ้องมองหน้าชายคู่สวาท ที่นอนเอนตัวเกร็งราวกับมีมนต์สะกด

"บอกรักพ่อหน่อยสิจ๊ะ" กำนันหุ่นหมีรับความสยิวผ่านแก่นกายจนตัวแข็งเอื้อมมือไปคว้าเอาสองเต้ากลมที่กำลัแกว่งไกวตามแรงกระแทก มาบีบนวดเบียงเบนจุดสนใจออกจากรสเสียวหนักหน่วงอย่างมันส์มือ

"เจนิสรักพ่อค่ะ" เสียงหวานเอ่ยประโยคที่ฝ่ายชายอยากได้ยิ้นช่วยกระตุ้นอารมณ์ แข่งกับเสียเนื้อกระทบเนื้อดังแน่นๆ สะโพกกลมห่มกระแทกเข้าใส่เป็นจังกวะจะโคนมอบความเสียวกระสันให้ทั้งคู่อย่างต่อเนื่องจนขนลุกขนชันนมีเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มตัว

"อูยยยย...ซี๊ดดดด...ดีมากเลย"กำนันถึงกับซูดปากเสียงดังลั่นไฟราคะเหมือนถูกราดด้วยน้ำมัน ความเสียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ชายหญิงต่างวัยเร่งกระแทกกระเด้าอวัยวะสร้างความเสียวเข้าใส่กันเป็นระวิงใบหน้าประกบติดกันส่งลิ้วเข้าสำรวจโพร่งปากของกันและกันเสียงดังลามก ไม่ต่างจากเสียงครางระบายความเสียว

กำนันร่างหนาวัยห้าสิบเริ่มจะรับความเสียวจากสะโพกหญิงสาวไว้ไม่ไหว มือใหญ่กดเอวให้การเคลื่อนไหวหยุดนิ่ง พลิกร่างจัดท่าให้สาวสวยหุ่นดีคว่ำลงไปอยู่ในท่าคลานสี่ขาใกล้ขอบเตียงฝั่งหัวนอน สะโพกพายกลมกลึงส่ายยัวไมมาจนหน้าหมั่นเขี้ยว กลีบเนื้อน้ำเยิ้มเหนียวเนอะอูมเด่นเมื่อมองจากด้านหลังชวนเชิญให้ส่งท่่อนเนื้อกลับไปทำกิจกรรมเสพสังวาสต่อ

"สวย สวยจริง เจนิสของพ่อ" ร่างหนาก้าวลงจากเตียงนอนใหญ่ นั่งคุกเข่าใช้สองมืออวบหนาตะปบเข้าที่สะโพกงอนงามได้รูปราวกับเป็นซาลาเปาสองลูกใหญ่ ผิวขาวใสไร้สิวไร้รอยตำหนิยิ่งทำให้เนื้อสองก้อนหน้ากัดกิน หนุ่มใหญ่เม้มขบไปที่ก้อนเนื้อตรงหน้า ก่อนจะลากลิ้นเป็นทางยางลงมาจนถึงกลีบฉ่ำ ส่งปากประกบแล้วโลมเลียจากด้านหลังจนหญิงสาวครางเสียงสูงกระตุกเกร็งแหงนหน้าเชิด

ชายร่างหนาดุดลิ้มชิ้มรสสวาทจนพอใจก็ลุกขึ้นมายืนจังก้า ใช้มือใหญ่กำดุ้นฟาดตีไปที่แก้มก้นเนียนเบาๆ คล้ายจะเป็นการเตือนเจ้าของร่างว่ากำลังจะทำอะไรเป็นขั้นต่อต่อไป เจ้าของร่างเนียนก็เหมือนเข้าใจแอ่นบั้นท้ายส่ายไปมาเร่งเร้าให้ดำเนินเกมสวาทต่ออย่างเอาอกเอาใจ

ลำเนื้ออ้วนปาดไปมาที่ร่องเยิ้ม จับจังหวะให้ตรงเป้าหมายก่อนจะกดกายรวดเดียวเข้าไปสุดลำ จนหยิงสาวครางยาวเอวกระตุกขึ้นลงบงบอกถึงความรู้สึกที่ได้รับแบบเต็มช่องทางนั้นสร้างความสยิวให้กับเธอได้มากแค่ไหน

"อูยยยย...ซี๊ดดดด...เสียวมากเลยค่ะคุณพ่อ...ซี๊ด..."หญิงสาวจุกเสียวด้วยความคับแน่น
กำนันยืนกางขาตั้งหลักมั่น สองมือล็อคเอวบางไว้หนาแน่น ดุ้นสวาทขยับเข้าออกอย่างหนักหน่วง จังหวะกระแทกเอวรุนแรวจนแคมกลีบสองข้างลู่ไปมาตามการเคลื่อนไหวด้วยแรงราคะ

ท่วงท่าลีลลาสวาทของกำนันมีมากกว่าการตะบี้บันสอดใส่เอาแรงเข้าว่า เอวหนาและหน้าท้องมีพุ่งไม่เป็นอุปสรรค์ต่อการวาดลวดลายให้พลิ้วไหว ทั้งแทงเฉียงแทงงัด แทงลึกบดกด และแช่คาไหวเพื่อเก็บแรงบรรเทาความเสียว ไม่ให้ทะลุขีดจำกัด สร้างความเพลิดเพลินให้หญิงสาวคราวลูก หวังว่าเธอจะติดใจจนไม่ไปหาทางระบายกับคนอื่น

"อี้อออ...แบบนั้นแหละ หนูจะแตกแล้วค่ะพ่อ...ซี๊ดดดด...อูยยยย...แตกแล้ว" เจณิตาสั่นสะท้านไปทั่วร่าง ร่องเสียวบีบเกร็งจนรัดแท่งหนาเอาไว้แน่น จนกำนันเคลื่อนเอวได้ลำบาก หญิงสาวหอบหายใจแรงตัวกระตุก ขับน้ำสวาทออกมาราดลดดุ้นลำของกำนัน

กำนันเห็นคู่ขาต่างวัยชิงนำหน้าไปก่อนก็อดยิ้มอย่าภูมิใจในฝีมือสวาทของตัวเองไม่ได้แม้อายุจะปาไปครึ่งร้อยแล้วก็ตา หนุ่มใหญ่ซึบซับการตอดรัดอยู่ชั่วครู่จึงเริ่มขยับเอวสานต่อความสำเร็วและมุ่งหมายจะตามไปด้วยอีกคน
เอวหนาทำงานอย่างขยันขันแข็งต่อไปได้เพียงเดี๋ยวเดียวเสียงเรียกเขาจากมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงก้ดังขึ้นมาขัดจังหวะ เขาหันไปมองดุเบอร์ปลายสายว่าเป็นใคร แต่ก็ยังไม่หยุดเคลื่อนไหวเอว

"อูยยย..ว่าไงมีอะไร" กำนันกดรับสายเรียกเข้าจากไอ้ถังลูกน้องคนสนิทที่รู้ดีว่าเข้ากำลังทำอะไร ถ้าไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายคงจะไม่โทรมา

"รถคุณปลาเข้ามาที่ร้านครับ" ชายร่างเตี้ยตันรายงานเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นด้านนอกของรังสวาทให้กำนันทราบ

"อ๊ากกกก..." กำนันกัดกรามมือจิกเข้าเอวบางแน่น ทันทีที่ได้หญิงชื่อเล่นของลูกสาวคนโตภาพใบหน้าสวยหวานปนน่ารักก็ฉายเข้ามาในห้วงความคิดขณะส่ายเอวไปมาอย่างช้าๆ เพื่อประครองระดับความเสียวจนทำให้ร่างหนาเกิดอาการเกร็งฉีดสายธารขุ่นขาวเข้าในโพร่งสวาทของเจณิตาแบบน้ำที่ผลิตไว้แทบจะหมดออกจากตัวแบบไม่ได้ตั้งใจ

"อุ๊ยยย...อะไรคะ...อร๊าาาา...อร๊าาาา..." หญิงสาวสะดุ้งเสียวตกใจเมื่อน้ำกาวอุ่นๆ มากมายไหลเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว

"นายเป็นอะไรรึเปล่าครับ" ปลายสายถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงตกใจกับเสียงที่ได้ยิน

"กู...ไม่เป็นไร..อ๊า..อึ๊ก..อึ๊ก..มึงรีบไป...รับหน้าไว้ก่อน เดี๋ยวกูจะหลบ...ออก...ไป" กำนันกัดฟันกรอดยืนขาสั่นท่อนเนื้อกระตุกงึกๆ พยายามสะกดความเสียวก่อนจะกดวางสายไปก็ปล่อยน้ำออกจนสุดพอดี

"มีอะไรคะ พี่กำนัน" หญิงสาวหน้าตาตื่นแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

"ปลามาที่ร้าน ฉันต้องรีบไปแล้ว รีบแต่งตัวเร็ว" หนุ่มใหญ่รีบถอนกายออกจากร่างสาวสวยอย่างรีบร้อน คว้าหยิบเสื้อผ้าเอาสวมใส่อย่างรวดเร็ว

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

elelle


Magman09


jaojom

เมียดุขนาดนี้ กำนันยังแอบเลี้ยงเด็กเป็นตัวเป็นตนได้ ใจกล้ามาก กำนัน

patrict


peddo

ทั้วตัวดีตัวร้ยเรื่องนี้ลีลาสูสีกันเลยครับ มีแอบแนวพ่อลูกด้วย สงสัยแอบคิดติดที่เมียดุ เห็นใจครับ
ขอบคุณครับ

schareon

ยังโชคดีที่กำนันน้ำแตกพอดี ไม่งั้นอารมณ์ค้างเดี๋ยวจะหงุดหงิดเอาง่ายๆ

Taizen


shadow5

สงสัยนายเจษจะได้แก้อค้นกับลูกสาวกำนันบ้างเป็นแน่

ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆๆครับ



Satira Potikanon


Chan_Som

ยิ่งอ่านตัวละครยิ่งเพิ่มเข้ามาจนยากยิ่งในการเดาแต่ก็เพิ่มความเข้มข้นยิ่งขึ้น ต้องดูว่าเจษฎา จะดำเนินการยังไงต่อ น่าจะเข้าทางลูกสาวคนสวยได้นะ ผมเดาอีกนะแหละ รอดูต่อไปครับ  ::DookDig::

ถึงเวลา ต้องพูดความจริง

ทำไมต้องกลัวลูกสาวคนโต ยังงัยแน่กำนัน

saranchai

มีเล่นบทพ่อลูกด้วยสงสัยคิดไม่ดีกับลูกสาวตัวเองจริงๆ