ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 9

เริ่มโดย เจตภูติ, มกราคม 16, 2021, 02:03:07 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

คุยกันก่อนอ่าน ช่วงนี้มีเวลาเขียนเยอะขึ้นจริงๆ 555 ลงบ่อยไปคงยังไม่เบื่อกันนะครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านเข้ามาเม้นกันนะครับ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าครับ *มีซ่อนเน้อหาช่วงท้าย

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 9
   
หลังจากเจษฎากับอ๊อดย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านปิยะพงษ์ได้ไม่นานทั้งคู่ก็เริ่มทำการซ่อมแซม ต่อเติม และปรับปรุงบ้านจากเดิมที่ใกล้จะเป็นบ้านผีสิงเต็มทีให้กลายมาอยู่ในสภาพเดิมก่อนที่มันจะทรุดโทรมพร้อมกับปรับภูมิทัสโดยรอบให้ดูโล่งขึ้นแต่ก็ยังคงความรกบางส่วนไว้เพื่อใช้ประโยชน์ในแง่ให้อารมณ์น่ากลัวและลึกลับ แม้ภายนอกจะเปลี่ยนไปไม่มากแต่ก็มีการแอบบติดตั้งกล้องวงวจรปิดกับเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวไว้ทั่วบริเวณบ้านและรั่วบ้านโดยทีมงานในแวดวงการทำงานของอ๊อดที่ไว้ใจได้

อีกทั้งอ๊อดใช้ห้องหนึ่งภายในบ้านมาเป็นศูนย์ข้อมูลชุมชนขนาดย่อมๆ ด้วยประการกระจายส่งลิงค์มัลแวร์เข้ามือถือของผู้คนในชุมชน ค่อยดักเก็บข้อมูลการใช้งานมือถือและข้อความสนทนาต่างๆ โดยเริ่มจากเหล่าคอหวยผู้ศรัทธาในตัวเลขที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนแบบหวังได้โชคกลับไป

"แหม่ไอ้กำนันนี่มันร้ายจริงๆ" อ๊อดที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ออกแบบให้นั่งได้สบายสำหรับการต้องอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ภายในห้องที่มีผนังเก็บเสียงและเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานจนในห้องเย็นฉ่ำ เต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอร์นิกส์ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะตัวใหญ่ หน้าจอคอมพิวเตอร์หลายจอ และเครื่องมืออีกสารพัดที่ขนมาจากร้านของเขา พูดขึ้นมาลอยๆ เรียกร้องความสนใจจากเจษฎาที่นั่งตากอากาศเย็นสบายอยู่ในห้อง

"ทำไมเหรอ" เจษฎาลุกขึ้นเดินไปหาต้นเสียง

"พี่ดูนี่สิ ไอ้กำนันมันเล่นเอาเพื่อนลูกสาวทำเมียน้อยเฉยเลย โคตรชั่วอะ" อ๊อดชีไปที่หน้าจอให้เจษฎาดูข้อความสนทนาของกำนันประเสริฐกับเจณิตา ที่ข้อความทั้งหวาน ทั้งเสียว และยังรูปของลับหลายรูปที่ส่งหากัน บ่งบอกบอกสถานะที่มากกว่าคนรู้จักแน่นอน

"แล้วนังเด็กนี่เป็นเพื่อนลูกกำนันด้วยเหรอ สนิทมากไหม"

"ดูจากการใช้งานโซเชียลมีเดียกับข้อความแล้วก็ประวัติส่วนตัว สนิทกันมาตั้งแต่ม.ต้นเลยพี่"

"แบบนี้ก็ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยสิ"

"ยังไงพี่"

"เราสามารถใช้นังเด็กเพื่อตามการความเคลื่อนไหวของไอ้กำนันได้ แล้วก็ใช้เล่นงานมันได้ด้วย"

"รู้ความเคลื่อนไหวแล้วจะเอาไงต่อละพี่ ดูๆ แล้วเราคงจะไปขู่อะไรพวกนั้นไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะโดนเล่นงานซะเอง"

"พี่ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่คราวนี้พี่จะลองทำให้ผัวเมียมันทะเลาะกันต่างหาก ถ้ามันเลิกกันไดยิ่งดีเราาจะได้มีโอกาสทำสำเร็จมากขึ้น"

"ก็ดีนะพี่ เพราะจากที่พี่เล่าให้ฟัง ขืนเข้าไปบ้านนั้นอีกรอบ มีหวังไม่กลับออกมาตัวเป็นๆ แน่ แล้วเราก็ไม่รู้ด้วยว่าของซ่อนอยู่ที่ไหน แล้วเราจะทำยังไงให้มันทะเลาะกันละ"

"พี่คงต้องหาของขวัญให้จ๋าซักหน่อยแล้ว" เจษฎายิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้รู้สึกสะใจเล็กๆ ที่จะได้ทำลายชีวิตคู่ของผู้หญิงที่ทำร้ายเขา

"ของขวัญอะไรพี่" อ๊อดมองหน้าอย่างอยากรู้อยากเห็น

"ว่าจะหาหนังดีๆ ภาพชัดๆ ส่งไปให้ดูสักเรื่อง"

"เอาอีกแล้วเหรอพี่ อย่างนี้คงต้องตามติดชีวิตกันหน้าดู งั้นเริ่มลงมือคืนนี้เลยละกัน" อ๊อดยิ้มแล้วก็เริ่มลงเตรียมข้าวของสำหรับการทำงานในคืนนี้

"ทำไงได้ ก็ไอ้กำนันมันบ้ากามซะขนาดนั้น ฮาฮา" เจษฎาหัวเราะชอบใจที่เป้าหมายยังพอมีช่องให้เขาให้โจมตีได้


เจษฎาเผลอหลับไปนานเท่าใดไม่อาจทราบได้เขามารู้สึกตัวอีกที่เมื่อได้ยินเสียหนึ่งดังขึ้นเสียงนั้นดังคลายมีคนกำลังดูดเลียกินของบางอย่างพลันแสงสว่างเล็กน้อยลอดผ่านทิวไม้สาดเข้ามาทางหน้าต่างก็เผยให้เห็นร่างร่างหนึ่งเกาะกุมอยู่ที่ท่อนล่างของตัวเขา

"นั้นใครนะ.." เจษฎางัวเงียลืมตาตื่นขึ้นร้องทักด้วยเสียงแหบพร่า ซ้ำยังรู้สึกเสียวแปลบที่ส่วนปลายของอวัยวะอันเป็นจุดศูนย์รวมของเส้นประสาท ท่อนเนื้อที่แข็งโด่เป็นลำยาวถูกกุมเอาไว้ในอุ้งมือนุ่มๆ ส่วนหัวรู้สึกชุมฉ่ำไปด้วยน้ำเหนียวและไออุ่น สายตาที่มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดก็ค่อยๆ ปรับตัวจนเข้ากับแสงเล็กน้อยภายในห้อง สามารถมองเห็นสภาพรอบกายได้รางๆ ความนิ่มนุ่มของมือเล็กสาวรูดท่อนลำใหญ่ขึ้นลงไปมาจนเขาตัวเกร็งเชิดหน้าไม่อาจมองลงไปหาที่มาของความเสียว

เจษฎาเสียววาบๆ ที่ปลายถอก ก็รวบรวมสมาธิฝืนก้มหน้าลงไปมอง ก็เห็นร่างเงาของคนผมยาวคล้ายหญิงสาวที่เคยรู้จักกำลังใช้ปากใช้ลิ้นดูดเลียดุ้นแข็งให้เขาอย่างตั้งอกตั้งใจ ด้วยขนาดท่อนเนื้ออันใหญ่โตทำให้เธอทำได้แต่เพียงอมเข้าไปได้แค่ครึ่งลำเท่านั้น แต่ถึงจะอมเข้าไปได้ไม่หมดลำ อริสาก็ชดเชยด้วยการใช้ลิ้นโลมเลียไปตามลำแท่งยาวแทน ทำเอาเขาเสียววูบวาบทุกครั้งทุกคราที่เรียวลิ้นนุ่มๆ สัมผัสกับมัน

"ดิว!!! อู๊วววว" เจษฎาปล่อยเสียงออกมาเบาๆ  รู้สึกประหลาดใจในการปรากฎตัวของอริสาอย่างไม่คาดคิด ก่อนจะเชิดหน้าสูดปากครางกระเส่าอยู่ในลำคอ

อริสาที่ร่างกายเปลื่อยเปล่าอวดผิวขาวกระจางใสแม้จะอยู่ภายใต้แสงสลัวตั้งอกตั้งใจใช้ปากทำรักกับแท่งความเป็นชายอย่าสุุดฝีมือ ราวกับอยากได้น้ำที่อยู่ภายในมาดำความกระหายจากไฟราคะที่กำลังสุ่มอยู่ในร่างของเธอ

เจษฎารู้สึกรู้สึกใจเต้นแรง ภายในร่างร้อนรุ่มผิดปกติอย่างไม่เคยเป็นโดยเฉพาะบริเวณส่วหัว มันร้อนผ่าวราวกับถูกเผาด้วยไฟ ส่วนรูที่ก็ฉ่ำแฉะปล่อยน้ำหล่อลื่นไหลเยิ้มออกมาไม่ขาดสาย บงบอกถึงอาการอยากร่วมเพศ

ดวงตาเฉี่ยวคู่สวยกำลังจ้องมองเจษฎาที่ำกลังออกอาการกระสับกระส่าย รสสวาทที่กำลังมอบให้กับท่อนลำควยเริ่มออกฤทธิ์แล้ว หญิงสาวละปากและมืออกจากร่างของหนุ่มใหญ่ ชะลอตอนจบของฉากสวาทนี่ออกไปก่อน ร่างบางนุ่มนิ่มแต่ส่วนเว้าส่วนโค้งดึงดูดอารมณ์ไต่ครานขึ้นไปบนตัวของร่างผ่อมแกร่งที่เต็มไปด้วยรอยสัก ใบหน้าขยับเข้าไปใกล้ชิด ลิ้นเล็กนุ่มแลบออกมาเลียที่ริมฝีปากอิ่มของตัวเองก็จะประทับจูบลงไปที่ปากหนาใต้หนวดเข้ม บดปากจูบหนักๆ สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากตวัดเกี่ยวพันเรียวลิ้นหนาใหญ่อุตลุด สองมือจับกุบลูบไล้ใบหน้าและศรีษะของหนุ่มใหญ่เหมือนกลัวว่าเขาจะหายไป สองเต้าใหญ่วางทาบทับกับอกแน่นแกร่งเสียดสีกันไปมา

เจษฎานอนตัวแข็งทื่อราวกับถูกพันธนาการด้วยอำนาจราคะจากร่างสวย ได้แต่ปล่อยให้หญิงสาวรุกทำอย่างที่ใจต้องการไม่อยากขัดขืน ซึบซาบความรู้สึกละมุนละมัยที่เขาไม่เคยได้รับรู้เมื่อครั้งลงมือขืนใจหญิงสาว

หญิงสาวเปลี่ยนเป้าหมาย เลื่อนปากไปจูบแก้มข้างขวาที่ยังว่างแทน และการจูบของเธอนั้นก็ไม่ใช่แบบปกติธรรมดายังพ่วงด้วยการดูดดุนเนื้อที่แก้ม จากนั้นจึงค่อยลงมาที่ลำคอ ทั้งดูดทั้งเลียทั้งกัดจนต้นคอและหน้าอกรวมทั้งหัวนมเป็นรอยแดงจ้ำ บางจุดห้อเลือดเห็นเป็นรอยฟันอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันนั้นมือนุ่มก็ไม่ได้หยุดการสาวชัก เธอยังคงกระตุกท่อนลำช้าๆ จากส่วนหัวถึงโคนและจากโคนถึงหัวแต่ละทีหนักหน่วงและต่อเนื่อง กระแทกแต่ละทีร่างผอมแกร่งของเจษฎาก็สั่นสะเทือนไปทั้งตัว

"อูยยยย...อูยยยย...ซีสสสส..." เจษฎาทำได้แค่หายใจแรงและส่งเสียงออกจากปากบรรเทาความเสียว

อริสาเห็นร่างผอมกระตุกเกร็งก็หยุดมืออีกครั้งไม่ปล่อยให้ชายคนนั้นได้ไปถึงจุดหมาย ยันกายขึ้นนั่งคล่อมร่างฝ่ายชาย สองกลีบเนียนสะอาดตาอ้าคาบทับท่อนลำจนมันนอนนิ่งติดหน้าท้อง เอวบางเริ่มทำงานบดยี้ความเป็นชายอย่างช้าๆ ด้วยลีลาเชิญชวนให้สอดใส ก่อนจะเริ่มเพิ่มความแรงความเร็วมากขึ้นเป็นลำดับ จนร่างสวยโยกสั่นไหวสองเต้าส่ายกระดกตามแรงกระทำดูเพลินตา

เจษฎาสุดทนกับความเสียวและความอยากเอื้อมมือไปจับสะโพกผายหมายจะยกขึ้นเพื่อสอดใส่แต่ฝ่ายหญิงรู้ทัน มือเล็กสกัดมือแกร่งเอาไว้ได้ก่อนจะได้สัมผัสตัวเธอ แขนเรียวกระชับที่ดูไม่น่ามีแรงไปกว่าชายร่างสูงกลับดันแขนทั้งสองข้างของหนุ่มใหญ่ขึ้นไปกดไว้ที่ข้างหัวได้อย่างง่ายดาย อริสาที่ตอนนี้ส่งแรงเอนกายโน้มตัวมาด้านหน้า ทำให้สองเต้าสวยทรงหยดน้ำลอยส่ายอยูเบื้องหน้าของเขา

อริสาส่งยิ้มอย่างยั่วสวาทเชิญชวนให้ฝ่ายชายได้ลิ้มลองชิมรส เจษฎาเองก็ไม่อาจปฏิเสธ อ้าปากงับพร้อมกับออกแรงดูดเบาๆ ก่อนจะตวัดลิ้นเลียวนไปรอบๆ ป้านหัวนมสีน้ำตาลอ่อน

"อูยยยย...ซีสสสส" หญิงสาวแอ่นตัวสะดุ้ง อุทานออกมาเบาๆ ส่ายอกให้ฝ่ายชายดูดกินสลับข้างซ้ายทีขวาที

อริสายกตัวขึ้นมาก่อนจะย่อตัวใช้หว่างขาคร่อมศรีษะของเจษฎา ใช้มือแบะสองแคมแหวกจนเห็นรูเนื้อสีชมพูสดซึ่งมีน้ำเสียวเจิงนองเอ่อเต็มร่อง เจษฎาแสยะยิ้มอย่างพอใจ ยกศรีษะซุกหน้าเข้าหากลีบสวย ตวัดลิ้นปาดเลียไปตามร่องเสียว พร้อมกับดูดดื่มน้ำรักที่อริา่หลั่งออกมาเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย บางครั้งก็เกร็งลิ้นเป็นแท่งยาวเสียบแทงเข้าไปในร่องรูลึก รัวๆ ถี่ๆ บางคราวก็แผ่ลิ้นจนบานเป็นแผ่นเลียผ่าจากด้านล่างขึ้นไปจนถึงเม็ดเสียว จี้เน้นตรงปุ่มยื่นแหลม บางทีก็เม้มปากคาบกลีบเนื้อเอาไว้แล้วออกแรงดึง ไม่ก็ใช้ฟันขบลงไปเม็ดเสียว

"อูยยยย...โอ๊ยยยย...ซีสสส...อ๊ายยยย..." อริสาไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากได้แต่ร้องครวญครางออกมาอย่างเดียวอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหวีดร้องเสียงสูง ถึงจุดหมายน้ำเสียวหรั่งออกมาคาลิ้นคาปากของเจษฎาที่อ้ารออยู่ ก่อนจะถูกซดลงท้องไม่มีเหลือซักหยด

หญิงสาวเสร็จสมแต่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยไฟสวาทที่ยังไม่มอดดับลงถอยกายลงไปประจำตำแหน่งที่หน้าขาของหนุ่มใหญ่ มือนุ่มคว้าเอาแท่งใหญ่รุดสาวจนมันผงาดแกร่งแล้วยกกายขึ้นจับความเป็นชายจ่อไว้ที่ทางเข้าเฉอะแฉะ ทิ้งน้ำหนักตัวลงมากลืนกินส่วนหัวเข้าไปจนเต็มช่องทาง แสดงอาการอึดอัดเล็กน้อยก่อนจะืำซ้ำอีกสี่หห้าครั้งแท่งใหญ่ก็จมหายเข้าไปจนหมด สร้างความอึดอัดคับแน่นให้กับเจ้าของแท่งจนต้องกัดกราม

อริสาหยุดพักนั่งทับแท่งใหญ่ให้แช่ในร่องเสียวอยู่สักพัก ตั้งใจให้ท่อนเนื้อได้ซึมซับความกระชับแน่นไว้ให้มากที่สุด แล้วจึงเคลื่อนไหวเอวอย่างช้าๆ จ้องมองใบหน้าหนุ่มใหญ่ที่เก็บความเสียวไว้ไม่มิดจนความสะใจแสดงออกทางใบหน้าแสนสวย กลีบเนื้อปลิ้นไปมาตามลำเนื้อแข็งที่มุดเข้าออก

หญิงสาวบดสะโพกสั้นบ้างยาวบ้าง กระเด้าต่อเนื่องเป็นการกระตุ้นร่องรูที่คับแน่นให้คุ้นเคยกับแท่งใหญ่ ซึ่งเจษฎาก็ไม่ต้องทนกับแน่นคับรอนานนัก เพียงกระเด้าโยกเอวไปมาไม่นาน เขาก็รู้สึกอุ่นลื่นที่ปลายหัวถอก ร่องสวาทคับแน่นเริ่มคลายตัว และยังได้ยินเสียงครางเบาๆ ดังแว่วออกมาจากลำคอของเธอ หนุ่มใหญ่รู้ดังนั้นก็ถึงเวลาที่ตักตวงความสุขจากโพรงสวาทของอริสาแล้ว เขาจึงเกร็งตัวแอ่นเอวขึ้นให้หญิงสาวได้ทำงานอย่างสะดวก หญิงสาวก็เหมือนจะเต็มใจรับความช่วยเหลือ ออกแรงยกสะโพกกดกระแทกรุนแรงอย่างสาแกใจ

"อูยยยย...เบาหน่อย...แรงเกินไปแล้ว" เจษฎาเสียวไปทั่วตลอดทั้งแท่งลำด้วยความนิ่มนุ่มและกระชำแน่นของผนังเนื้อสีชมพู จนเขาแทบจะทนรับต่อไปไม่ไหว

ไม่เสียงตอบกลับมาจากอริสามีเพียงเสียงสวยใสที่ครางครวญสยิวลื่นหูบั้นท้ายกลมเนียนก็โหมกระหน่ำถล่มทับแท่งใหญ่ของเจษฎาแบบสุดตัว แท่งเนื้อที่ทั้งใหญ่ทั้งยาวตั้งตัวตรงแข็ง เบียดกับกลีบเนื้อจนปลิ้นเข้าปลิ้นออกหนักหน่วงรัว ถี่ยิบแทบไม่เว้นจังหวะให้พักหายใจ

เจษฎาทั้งเจ็บทั้งเสียวแต่น้ำหนักอย่างหลังเหมือนจะมีมากกว่า เขาเอื้อมมือไปโน้มคออริสาลงมา แล้วเผยอปากประกบจูบรูปลักษณ์ที่งดงามของสาวหมวยสวยเฉี่ยวอย่างหลงไหล เจษฎาแสนจะสุขเสียวเป็นที่สุดกำลังตกอยู่ในบ่วงสวาท บดปากจูบหนักๆ สอดลิ้นหนาล้วงลึกลงในโพรงปากหอม ตวัดพันลิ้นเล็กเรียวสีชมพูวุ่นวาย สองมือุกมขยำสองก้อนเนื้ออวบเต็มไม้เต็มมืออย่างไม่มีทนุถนอม พร้อมกับเกร็งแท่งเนื้อรับการกระหน่ำสะโพกราวกับเขาเป็นม้าชั้นดีและอริสาเป็นจ๊อกกี้ฝีมือเยี่ยม

หนุ่มใหญ่กัดกรามแน่นส่งเสียงรอดไรฟัน ความอดทนใกล้จะหมดลง เด้งเอวสวนเข้าใส่หญิงสาวรัวๆ ราวกับม้าป่ากำลังผยศ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของคาวเกิร์ลผู้เก่งกาจที่ปรับจังหวะสะโพกเข้าการกระทำได้อย่างหน้าทึ่ง

"อ๊าาาา...ออกแล้ว...ซีดสสส..." เจษฎากอดตรึงร่างของอริสาให้นิ่งอยู่กับที่กดใบหน้าของเธอเข้ากับซอกคอ ก่อนจะปลดปล่อยอารมณ์ออกมาชุดใหญ่ กระดกก้นกระเด้าหนักๆ และในจังหวะสุดท้าย เขาก็ทิ่มส่วนหัวจมลึกเข้าไปในรูสวาทเต็มเหนี่ยว หัวเห็ดบานแหวกเข้าไปลึกสุดโพรง แล้วฉีดพ่นน้ำกามที่อัดแน่นอยู่ในท่อออกมาอย่างแรง ฉีดเข้าปากมดลูกที่เปิดรออยู่เข้าไปภายในจนหมด

ทั้งคู่กอดร่างของกันและกันแน่นช่วงล่างยังบดเบียดเข้าหากันไม่หยุดแต่ก็ค่อยๆ ช้าลงและทิ้งช่วงห่างไปเรื่อยๆ จนนิ่งสงบไป เมื่อความเสียวคลายตัวร่างหญิงสาวที่สั่นเทาก็ค่อยๆ ขยับดันกายขึ้นจ้องมองมาที่หน้าของเขา มือเล็กถูกยกขึ้นมาจับกุมไว้ที่คอของเจษฎาแล้วออกแรงบีบแน่นราวกับเป็นคีมเหล็กจนเขาหายใจไม่ออก ส่วนใบหน้านั้นก็ค่อยๆ กลายสภาพจากหญิงสาวหน้าสะสวยเป็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวผิดรูปปูดบวมผองและอาบไปด้วยน้ำเลือดน้ำเหลืองส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่ว ก่อนที่ใบหน้าอันน่าขยะแขยงจะซุกเข้ามาที่ใบหน้าของเขา หน้าสยองอ้าปากกว้างจนเหมือนขากรรไกรหลุดออกจากกันก่อนลิ้นยาวจะเลื้อยออกมาอย่างช้าๆ ล้วงเข้าไปในปากของเขาเรื่อยๆ จนอัดแน่นไปจนถึงคอหอยยิ่งทำให้เขาหายใจไม่ได้ยิ่งกว่าเดิม ด้วยลมหายใจของเขาที่เหลือน้อยลงไปในทุกขณะ อีกทั้งเลือดและน้ำเหลืองน้ำหนองทีไหลย้อยออกจากใบหน้าเละหยดลงใส่ใบหน้าของเขานั้นยิ่งทำให้รู้สึกสะอิดสะเอียนปานจะขาดใจตาย

"เฮือกกกก..." เสียงสุดท้ายที่หนุ่มใหญ่ส่งออกมาเป็นเสียงของการพยามจะหายใจเข้าอย่างสุดแรงแต่ก็ไม่สามารถส่งอากาศธาตุเข้าไปในร่างกายได้ จนสติของเขาค่อยเลือนรางใกล้จะดับลง

"อ๊ากกก..." เจษฎาร้องตะโกนเสียงดังสะดุ้งตัวตื่นดีดกายลุกขึ้นนั่งตัวตรง หอบหายใจแรง เหงื่อกาฬไหลทั่วทั้งตัวและใบหน้าที่ตื่นตะหนกหวาดกลัวอย่างสุดขีด ทั่วร่างสั่นระรัวราวกับลูกนกตกน้ำ

"เป็นอะไรพี่ ตกใจหมด" อ๊อดลุกขึ้นมาจากที่นอนมีอาการงัวเงียและใบหน้ามึนงงหันไปถามเจษฎาด้วยความเป็นห่วง

"เฮ้อ...ฝันไปหรอกเหรอ" เจษฎาถอนหายใจแรงรู้สึกโล่งใจ ดึงสติให้กลับมาเป็นปกติได้สำเร็จเมื่อรับรู้ได้ว่าสิ่งที่ประสบมาเป้นเพียงความฝัน แต่ภาพใบหน้าของอริสาที่ทุกข์ทรมานนั้นก็ยังติดอยู่ในสมองของเขาจนเขากังวล

"อะไรกัน ฟันร้ายเหรอพี่" อ๊อดเกาหัวแกรกๆ แม้จะยังไม่ตื่นดีแต่ก็รู้สึกทั้งห่วงทั้งประหลาดใจ เพราะไม่เคยเห็นเจษฎามีอาการแบบนี้มาก่อน ขนาดตอนอยู่ในเรือนจำเจอเหตุการณ์ร้ายๆ อยู่เรื่อยๆ เจษฎายังไม่เคยสะดุ้งตื่นมากลางดึกเลยสักครั้ง

"ไม่แน่ใจเหมือนกัน" เจษฎานึกย้อนไปถึงภาพในความฝันที่รายละเอียดบางส่วนเริ่มจดจำไม่ค่อยได้แล้ว แต่ก็มีบางช่วงที่เขามีความสุข ก้คงไม่ใช่ฝันร้ายซะทีเดียวเว้นเสียแต่ภาพในช่วงท้ายก้ฃ่อนที่เขาจะตื่น

"ฮาวววว...ยังไงกัน ผมงงไปหมดแล้วเนี้ย เพิ่งนอนไปได้แป๊บเดียวเอง ยังง่วงอยู่เลย" อ๊อดขยี้ตาหาวออกมาเสียงดังหลังจากที่เมื่อคื่นคนทั้งคู่ได้แอบลักลอบเข้าไปติดตั้งตัวส่งสัญญาณจากกล่องวงจรปิดที่ร้านกาแฟของเจณิตา กว่าจะกลับเข้ามาก็เกือบเช้า

"อ๊อดยังเก็บเบอร์ของเมียไอ้ทศไว้อยู่ไหม" ถึงจะเป็นแค่ความฝันแต่เจษฎาก็อดที่จะเป็นห่วงหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายที่ต้องมามีความทรงจำอันเลวร้ายเพราะเขาไม่ได้

"ยังมีอยู่พี่ ถามทำไมเหรอ"

"ช่วยตามดูให้พี่หน่อยสิ ว่าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง"

"ได้พี่ เดี๋ยวผมนอนต่ออีกหน่อย ตื่นแล้วจะจัดการให้" อ๊อดรับคำแล้วล้มตัวลงนอนคดอยู่ในผ้าห่มต่อไม่สนใจว่าด้านนอกจะเริ่มมีแสงสว่างสาดเข้ามาในห้องบ้างแล้ว

"อือ ขอบใจมาก แต่ไหนๆ ก็ตื่นมาแล้วอย่านอนต่อเลย ไปหากาแฟกินกันดีกว่า" เจษฎาแม้จะรู้สึกเพลียอยู่บ้างแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะนอนต่อแล้ว ขยับร่างเข้าไปหาอ๊อดที่นอนอยู่แล้วเขย่าตัวเบาๆ

"พี่ไปคนเดียวเถอะ ผมง่วงจะแย่ ขอนอนต่อดีกว่า อ้อของที่จะต้องใช้อยู่ห้องนู่นนะ ว่างอยู่กับกุญแจรถ" อ๊อดหลับตาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวแล้วขยับตัวหันหลังหนียื่นแขนออกมาจากห่มชี้ไปมั่วๆ เหมือนไม่แน่ใจว่าห้องที่ว่าอยู่ทางไหน

"ก็ได้งั้นเดี๋ยวพี่ไปกับเปี๊ยกละกัน" เจษฎาเห็นสภาพอ๊อดที่คงจะง่วงจริงๆ จึงไม่คิดรบเร้าต่อ ลุกออกจากห้องไป


...มองอะไรอยู่ได้ น่ารังเกียจจริงๆ... เจณิตาที่กำลังนั่งดูมือถืออยู่รู้สึกหงุดหงิดแอบเหลือบสายตามองไปที่โต๊ะที่เจษฎากับปิยะพงษ์กำลังนั่งทานกาแฟอยู่ในร้าน

ตลอดทั้งช่วงเช้าก็มีเพียงทั้งคู่เท่านั้นที่เข้ามาใช้บริการ ทั้งคู่ก็เข้ามานั่งอยู่นานแล้วและไม่ได้สั่งอะไรเพิ่มเติม เจษฎานั้นแต่งกายมิดชิดปกปิดรอยสักเช่นเคย ส่วนปิยะพงษ์ถึงจะไม่ได้แต่งตัวซ่อมซ่อแต่ก็ไม่ได้ดูดีนักจนทำให้หญิงสาวนึกรังเกียจ มิหนำซ้ำยังแอบมองมาที่เธอเป็นระยะด้วยสายตาเป็นประปหลาดไม่น่าไว้ใจ  ยิ่งทำให้เธออึดอัดจนออกอาการ

"เป็นอะไรรึเปล่าคะ พี่เจนิส" พนักงานสาวที่ไม่ได้มีอะไรทำเพราะร้านไม่มีลูกค้ามาเพิ่มเติมเดินเข้ามาพูดคุยกับเจ้าของร้านด้วยเสียงเบา เพราะสังเกตุเห็นสีหน้าไม่พอใจ

"ก็ไอ้โต๊ะนั้นนะสิ สั่งกาแฟแค่คนละแก้ว แถมยังแอบมองพี่อยู่ได้ รำคาญจะแย่อยู่แล้ว" หญิงสาวเจ้าของร้านได้ทีกะระบายให้ลูกจ้างสาวได้ฟังเบาๆ

"อืม..." ลูกจ้างสาวมองตามไปที่โต๊ะที่กำลังพุดถึงแสดงสีหน้าเหมือนกำลังใช้ความคิดจนคิ้วย่น ก่อนใบหน้าจะจะแสดงอาการตกใจเหมือนนึกอะไรขึ้นได้

"พี่เจนๆ หนูนึกออกแแล้ว" พนักงานสาวตื่นเต้นอย่างอกหน้าออกตาเอื้อมมือไปเขน่าแขนของเจณิตาเบาๆ

"นึกอะไรออก" หญิงสาวถูกเขย่าแขนแม้จะรู้สึกรำคาญแต่ก็สังสัยเหมือนกันว่าอะไรทำให้พนักงานสาวออกอาการได้ขนาดนี้

"ก็โต๊ะนั้นไง คนแก่ๆ ที่ไว้นวดนั้นนะ หนูจำได้แล้ว หนูเห็นเขาโดนยิงที่ตลาด แต่ไม่เป็นอะไรเลยนะพี่ แถมยังลุกขึ้นมาเดินเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แล้วคนที่นั่งตรงข้ามนั้นนะ เหมือนจะเป็นเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวที่ถูกหวยงวดที่แล้วได้เงินตั้งหลายแสน เขาว่าได้เลขเด็ดมาจากคนที่โดนยิงนั้นแหละ" พนักงานสาวเล่าเหตุการณ์ที่เห็นนมาอย่างตื่นเต้น แต่เหมือนจะจะเล่าเกินเรื่องจริงไปนิดหน่อย

"จริงเหรอ พุดเป็นนิยายไปได้" เจณิตาทำหน้าคล้ายจะไม่เชื่อเรื่องที่เล่า

"จริงสิพี่หนูเห็นกับตาเลย ตอนแรกหนูจำไม่ได้ เพราะตอนโดนยิงเขาไม่ได้ไว้หนวดยาวแบบนี้ ส่วนเรื่องหวยนะคนเขารู้กันทั้งตลาดถามใครดูก็ได้"

"แล้วทำไมละ มามองกันแบบนี้ไม่มีมารยาทเอาซะเลย" หญิงสาวเจ้าของร้านถึงจะได้ข้อมูลของลูกค้ามาแล้วก้ไม่ได้ช่วยให้เธอไม่ชอบหน้าสองคนนั้นขึ้นมาสักนิด

"ชู่ว...อย่าพูดไปพี่ ตาแก่นั้นมีของเดี๋ยวเขารู้เข้าเราจะซวยเอานะ" พนักงานสาวเอานิ้วชี้มาจ่อปากทำท่าทางเหมือนกลัวว่าแขกจะได้ยิน

"ของบ้าบออะไร งมงายไปแล้ว พี่หลบไปหลังร้านดีกว่า" หญิงสาวสุดทนทั้งสายตาของลุกค้าและท่าทางของพนักงานสาวลุกขึ้นจะเดินออกจากร้าน

"งั้นเดี๋ยวหนูเข้าไปคุยกับเขาหน่อยดีกว่า" พนักงานสาวไม่สนใจท่าทีของเจ้านาย

"แกจะไปคุยอะไร" เจณิตาชะงักไปเล็กน้อยหันกลับมามองที่โต๊ะที่มีลูกค้างนั่งอยู่เหมือนจะติดใจในบางประเด็น

"ว่าจะไปขอโชคซะหน่อย เขามาร้านเราที่ร้อยวันพันปีไม่ค่อยจะมีคนเข้า แสดงว่าต้องมีอะไรแน่ๆ เลย อาจจะเอาเรื่องดีๆ มาให้ก็ได้" ลูกสาวยิ้มอย่างทะเล้นให้เจ้าของร้าน

"แกว่าร้านใครไม่มีคนเข้าเดี๋ยวเถอะ อยู่นี้เลยไม่ต้องไปไหน เดี๋ยฉันไปคุยเอง" หญิงสาวเกิดนึกสนุกรู้สึกอยากลองของขึ้นมาก็ดึงลูกจ้างสาวไว้ ก่อนจะเดินออกจากเคาเตอร์ไปทางลูกค้าทั้งคู่

"โธ่...แล้วมาบอกว่าหนูงมงาย" พนักงานสาวบ่นพึมพำเบาๆ จนเกือบจะไม่ได้ยิน

"แกว่าอะไรนะ" เจณิตาหันกลับมาทำตาดุใส่

"ป่าวค่ะ" พนักงานหันหน้าหลบสายตาทางอื่นทำเป้นไม่รู้ไม่ชี้

   
"เป็นยังไงบ้างคะ กาแฟที่ร้านรสชาติถูกปากไหมคะ" เจ้าของร้านสาวสวยเดินยิ้มอย่างมีไมตรีจิตเข้าไปหาลูกค้าทั้งสองคนแต่ดวงตาที่เป็นหน้าต่างของหัวใจก็ปิดความรู้สึกที่เธอดุถูกคนทั้งคู่ไว้ได้ไม่มิด

เจษฎายิ้มรับมองใบหน้าสวยแล้วประเมินสถานการณ์ก่อนจะมองไปรอบร้าน "ก็ดีครับ ว่าแต่ไม่ค่อยมีลูกค้าเลยนะครับ"

"ใช่ค่ะ นี่ก็แต่งร้านไปตั้งเยอะคนก็ไม่ค่อยมาอยู่ดีไม่รู้ทำไม" หญิงสาวยิ้มรับแม้ในใจรู้สึกเหมือนโดนเหน็บแนม แต่เธอเองก็แปลกใจเหมือนกัน ทั้งทำเลที่ตั้ง และการตกแต่งร้านที่ลงทุนไปมากมาย กลับมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพียงวันละไม่ถึงสิบคน ถ้าไม่ได้เงินจากกำนันมาค่อยอุ้มร้านไว้ คงจะได้ปิดร้านไปนานแล้ว

"สวยทั้งร้านทั้งเจ้าของร้านขนาดนี้ กาแฟก็อร่อย เดี๋ยวคนก็แห่กันมาเองละครับ" ปิยะพงษ์แทรกขึ้นมาส่งยิ้มหวานตาเยิ้มให้เจณิตา กล่าวชมไปเรื่อยเปื่อย แม้เจ้าของร้านจะหน้าตาดีจริง แต่เครื่องดื่มก็มีรสชาติธรรมดาเพียงเท่านั้น

"...เปี๊ยกออกไปข้างนอกก่อนสักเดี๋ยวสิ ขอฉันคุยกับคุณหนูเขาตามลำพังได้ไหม" เจษฎาหันมามองเปี๊ยกเหมือนจะอยากปรามให้เขาสงบปากสงบคำ

"...คราบอาจารย์" ปิยะพงษ์มีท่าทีอิดออดเหมือนไม่อยากพลาดโอกาสที่จะได้คุยกับสาวสวยที่เขารู้สึกถูกชะตาตั้งครั้งแรกที่เห็นแต่ก็ยอมออกไปแต่โดยดีเพราะเคารพเจษฎา แต่กว่าจะออกไปได้ก็มองใบหน้าและรูปร่างงามอย่างไม่วางตาจนถึงประตู

"มีปัญหาอะไรหรือค่ะทำไมถึงจะต้องคุยกันตามลำพัง"

"คุณหนูกำลังทำเรื่องอะไรไม่ดีอยู่รึเปล่าครับ มันกำลังทำให้ชีวิตของคุณหนูมีอุปสรรค์ จะทำอะไรมันก็เลยไปค่อยประสบผลสำเร็จ" เสียงเบาทุ่มต่ำน่าเชื่อถือของเจษฎา ส่งผลต่อความคิดของหญิงสาวทำให้รู้เย็นที่สันหลังขึ้นมาทันที

"...เรื่องไม่ดีอะไรคะ" เจณิตานิ่งไปนิดหน่อยใบหน้าที่ยิ้มแย้มก่อนหน้าซีดลงจากหน้าที่ขาวอยู่แล้วยิ่งขาวเข้าไปอีก ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ลูกค้าคนนี้พูดใช้สิ่งเดียวกับที่เธอเก็บซ่อนไว้รึเปล่า ถ้าเป็นเรื่องเดียวกันเธอก็ไม่คาดคิดว่าจะมีคนนอกรู้เรื่องของเธอได้ เพราะคนของกำนันไม่มีใครพูดเรื่องเธอแน่รวมถึงพนักงานในร้านที่ก็เกรงกลัวกำนันกันหมด

"เรื่องของคุณกับผู้ชายที่ มีลูกมีเมียแล้วคนนั้นไง คุณหนูคงกลัวว่าเพื่อนจะรู้สินะ" เจษฎาเบาเสียงลงไปอีกจนหญิงสาวต้องขยับเข้าไปใกล้เพื่อให้ได้ยินชัดขึ้น

"คุณรู้เรื่องนี้ได้ยังไง" หญิงสาวประหลาดใจที่ชายคนนี้ทำนายได้แม่นยำราวกับตาเห็น เริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่พนักงานสาวเล่าให้ฟังน่าจะมีเค้าความจริงอยู่บ้าง

"ไม่ต้องตกใจ ผมแค่รู้สึกได้ถึงพลังงานด้านลบบางอย่างจากที่ร้านและตัวคุณหนู เลยคิดว่าคุณหนูน่าจะต้องการความช่วยเหลือ"

"พลังงานกันอะไรคะ มันจะร้ายแรงไหม แล้วพอจะมีทางแก้รึเปล่าคะ" เจณิตาเมื่อถูกทักจากคนที่เหมือนจะมีญาณวิเศษก็ตื่นตะหนกจนลืมตัวลนลานยิงคำถามใส่เป็นชุด

"คุณหนูไม่ต้องห่วงนะ เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเพราะคุณทั้งคู่ทำกรรมร่วมกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน มันเลยทำให้คุณหนูหักห้ามใจไม่ได้ ไม่ต้องคิดมาก กรรมที่มีนั้นใกล้จะหมดแล้ว อีกไม่นานชีวิตหนูก็รุ่งโรจน์ เพียงแต่ก่อนหน้านั้นจะมีเจ้ากรรมนายเวรเข้ามารังควาน ถ้าคุณหนูอยากจะพ้นจาเคราะห์หนักก้เพียงแค่ทำพิธีสะเดาะเคาะห์ต่อชะตา"

"แต่ว่า..." เจณิตาเหมือนจะเริ่มเชื่อคำทำนายทายทักขึ้นมานิดหน่อยแต่ยังรู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ว่าชายตรงหน้าเธอจะเป็นผู้มีอาคมจริงหรือพวกมิจฉาชีพมาหลอกให้เธอไปทำพิธีอะไรแปลกแบบในข่าวรึเปล่า จึงยังไม่กล้ารับปากตอบตกลง

"ถ้าคุณหนูไม่สบายใจก็เอาแบบนี้ละกัน" เจษฎาล้วงเข้าไปในกระเป่าหยิบตะกรุดรุ่นพิเศษยาวสามนิ้วครึ่งถักเชือกสานลงรักและปิดทองคำเปลว ที่ผ่านการดัดแปลงจากฝีมือของอ๊อดผู้เชียวชาญด้านเทคโนโลยี ข้างในสอดใส่อุปกรณ์ระบุพิกัดขนาดจิ๋วพร้อมแบตเตอรี่ขนาดเล็กแต่ความจุสูงที่สามารถทำงานต่อเนื่องได้ยาวนานถึงหนึ่งเดือน ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าของสาวเจ้าของร้าน

"นี่คืออะไรคะ" หญิงสาวหน้าสวยเปลี่ยนท่าทีไปเล็กน้อยพูดจาสุภาพขึ้น เพราะอีกฝ่ายที่อยู่ๆ บรรยากาศรอบตัวดูหน้าเกรงขามขึ้นมา

"นี่คือตะกรุดเสริมดวง แค่คุณหนูพกไว้อย่าให้ห่างตัวตะกรุดนี้จะช่วยคุ้มครองคุณหนูจากเจ้ากรรมนายเวรได้ แล้วก็จะช่วยหนุนดวงให้คุณหนูผ่านอุปสรรคเคราะห์กรรมต่างๆ ไปอย่างง่ายดาย" เจษฎายิ้มอยู่ในใจเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน เพราะเมื่อเขายื่นข้อเสนอที่อยากจะทำตามให้ฝ่ายตรงข้ามแต่ฝ่ายตรงข้ามกลับไม่กล้าปฏิเสธออกมาตรงๆ ถ้าเขายื่นข้อเสนอที่ง่ายกว่าให้ไปอีกฝ่ายก็จะยอมรับได้ง่ายกว่าข้อเสนอแรก เป็นเทคนิคที่เขาเรียนรู้มาจากสถานที่ที่เหมือนสำนักตักศิลาแห่งความชั่วร้ายที่เรียกว่าเรือนจำ

"จริงเหรอคะ แต่ว่า..." หญิงสาวยังคงคิดอย่างละเอียดไม่อาจเชื่อได้โดยสนิทใจ

"คุณหนูไม่ต้องกังวลรับไว้ได้เลย ฉันไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณหนูทั้งนั้น มันคงเป็นโชคชะตาที่พาฉันมาที่นี่ ฉันก็เลยต้องช่วยหนูให้พ้นเคราะห์" เจษฎาดูออกถึงความกังวลที่แฝงอยู่ของคู่สนทนา จึงโน้มน้าวให้เห็นว่าไม่มีอะไรเสียหายถ้าจะรับของจากเขา

"ไม่ต้องการอะไรแน่นะ" หญิงสาวมองเข้าไปในดวงตาเข้มขลังราวกับจะสำรวจหาข้อพิรุธในจิตใจของหนุ่มใหญ่ที่วางมาดเหมือนผู้เรืองอาคม

"ใช่ครับรับไปได้เลย" เจษฎาเผยรอยยิ้มที่ดูเหมือนผู้ใหญ่ที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาได้อย่างแนบเนียน

เมื่อผู้ให้ยืนยันหนักแน่นว่าไม่ต้องการสิ่งเจณิตาจึงตัดสินใจที่รับตะกรุดนั้นไว้โดยไม่คิดอะไรต่อ เจษฎาหลังจากจัดการให้หญิงสาวเจ้าของร้านยอมรับเครื่องติดตามไว้ได้สำเร็จเขาก็ขอตัวกลับออกไปจากร้าน ก่อนจะออกไปก็ยังกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจังเรื่องให้เก็บตะกรุดไว้ใกล้ตัว ซึ่งหญิงสาวก็รับปากเป็นอย่างดี


"อาจารย์ คุยอะไรกันตั้งนาน" ปิยะพงษ์ที่นั่งรออยู่ด้านนอกจนเริ่มเบื่อรีบลุกขึ้นมาเดินเข้าไปสมทบกับเจษฎาที่กำลังจะเดินไปที่ลานจอดรถ

"ความลับของโชคชะตา บอกไม่ได้" หนุ่มใหญ่ทำท่าเหมือนคนมีอาคมเข้มขลังบอกปัดแบบขอไปที

"แหม่อาจารย์ แต่เจ้าของร้านสวยมากเลยนะ ผมอยู่ที่นี้ตั้งนานไม่ยักกะเคยเจอ" ชายหนุ่มออกอาการน้อยใจนิดหน่อยที่อาจารย์ของเขาทำตัวมีความลับ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะเขาสนใจอย่างอื่นมากกว่า

"เลิกหวังเถอะเปี๊ยก เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่จะสนใจคนแบบเราๆ หรอก" เจษฎาส่ายหน้า พอจะเดาได้ว่าปิยะพงษ์มีความต้องการอะไร จึงรีบพูดให้เขาตัดใจเสียแต่เนิ่นๆ เพราะรู้ดีว่าอะไรเป็นอะไร

"โธ่ อาจารย์ไม่ให้ความหวังกันเลย"

"ฉันไม่อยากให้เปี๊ยกเจ็บ"

"ถ้ากลัวผมเจ็บ อาจารย์พอจะให้ของดีเป็นตัวช่วยให้ผมหน่อยไม่ได้เหรอเหรอ" ชายเห็นเจษฎาเตือนแต่ก็ยังไม่ยอมตัดใจ

"ไม่มีหรอก แต่ถึงมีก็ไม่ให้ เดี๋ยวจะเอาไปทำอะไรแผลงๆ"

"โห อาจารย์"

"เลิกวุ่นวายได้แล้ว รีบกลับเถอะ ตอนบ่ายมีนัดจำไม่ได้เหรอ" เจษฎาไม่อยากจะเถียงด้วยก็ยกเรื่องที่เหล่าคอหวยและคนมาขอให้ช่วยเรื่องดวงชะตา ที่ช่วงนี้มักจะแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนที่บ้านบ่อยครั้งเพราะข่าวลือของเขาเริ่มถูกพูดกระจายกันออกไปแบบปากต่อปากขึ้นมาอ้างทั้งที่จริงเขาก็ไม่ได้อยากจะเจอคนพวกนั้นซักเท่าไหร่ แต่ก็ต้องทำเพราะค่าครูจากเหล่าคนงมงายเป็นแหล่งทุนเฉพาะหน้าในตอนนี้

"ครับอาจารย์" ชายหนุ่มถอดใจไม่เซ้าซี้ ยอมถอยแบบเซ็งๆ ก่อนจะขึ้นไปขับรถให้เจษฎา
   
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

x99

กำลังคิดถึง ดิวเลย แต่สงสัยงานนี้มีผีแน่ๆ

tungbts

พี่เจษกะน้องเจนิส.... ชื่อคล้องจองกันจัง

Boran Mark

นึกถึงอริสาเลย สงสารเธอเหมือนกัน เธอผู้ไม่รู้อีโน่อีเน่ต้องเข้ามารับกรรมในวังวนที่ไม่ได้ก่อ ป่านนี้จะเป็นยังไงนะ

Satira Potikanon

อย่างนี้เขาไม่เรียกฝันร้ายเรียกว่าฝันเปียก

dawdom


Sak2563


ชายชรา

ขอลุ้นเจษกับเจนิสจะมีอะไรให้ติดตามไหมชอบผลงานครับติดตามครับ

vigoblack


Chut


st789


jaojom

จะมีเรื่องอะไรกับอริสารึเปล่านะ 
ลุ้นๆ

ชาย ชุดแดง

 ::Dribbling::ยอาจารย์เจษเล่นของแล้วแต่ห่วงน้องดิวเหมือนกัน

surfaced


peddo

อ่านแล้วเป็นห่วงอรสาเลยครับ เป็นลางอะไรรึเปล่า ส่วนเจณิตาถึงจะดูถูกคนแต่ก็น่าสงสารนะครับว่าทำไมถึงมาหลงชายแก่ได้ มีไซด?สตอรีหน่อยก็ดี อิอิ