ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

สางแค้น (1)

เริ่มโดย twintower, มกราคม 23, 2021, 11:26:38 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

จากผู้เขียน

เรื่องนี้ยังเป็นเรื่องเสียวอยู่ แต่ผมเรียนให้ทราบก่อนบทเสียวจะมีน้อยพอสมควรไม่มากเหมือนเรื่องที่ผ่านๆมา อย่างตอนแรกนี้ไม่มีบทเสียวครับ

ขอบคุณครับ

twintower

-----------------------------------------------------------------------------------------------------

บนถนน 2 เลน ในจังหวัดเชียงรายมันเป็นเวลาดึกมากแล้วบนถนน มีรถวิ่งอยู่ไม่กี่คัน 1 ในนั้นเป็นรถกระบะสีขาว 4 ประตูที่กำลังวิ่งตามรถตู้สีเงินและรถกระบะสีดำที่วิ่งนำหน้ารถตู้ โดยทิ้งระยะไม่ห่างเท่าไหร่ จนคนที่นั่งข้างคนขับในรถกระบะสีขาวได้บอกกับคนขับ

"ไอ้เหน่งช้าลงหน่อย เอาให้ห่างกว่านี้ เดี๋ยวมีพิรุธ"

"ได้พี่ทุม แต่ยังไงมันก็มีรถนำไว้ตรวจว่ามีด่านอยู่แล้วนี่"

"เออกูรู้ แต่ก็อย่าวางใจ อย่าทำให้เป็นเหมือนรถขบวน ยังไงญาติกูก็อยู่ในรถคันสีดำ แล้วในรถตู้นั่นถ้าโดนจับขึ้นมากูไม่อยากจะคิดมีทั้งของทั้งคน"

คนขับรถทำตามคำสั่งผ่อนคันเร่งให้รถช้าลงและรู้ดีว่าคนนั่งข้างๆหมายถึงอะไร ภายในรถมีชายฉกรรจ์อยู่ 4คน ต่างนั่งเงียบๆพยายามทำตัวให้สงบ ทั้งๆที่ใจเต้นระทึก เพราะนี่คือการขนเฮโรอีนล็อตใหญ่จากชายแดนไปสู่กรุงเทพ โดยรถที่ขนคือรถตู้มีรถกระบะสีดำวิ่งนำเป็นรถคุ้มกัน และมีรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งล่วงหน้าไปก่อน เพื่อคอยดูว่ามีด่านตรวจอยู่หรือไม่ โดยใช้เส้นทางที่ไม่ใช่เส้นทางหลักเพื่อจะเลี่ยงด่านตรวจ จุดหมายปลายทางคือรถทั้ง 3 คันนี้วิ่งไปคือนครสวรรค์ ก่อนจะขนเฮโรอีนลงเรือเพื่อไปจุดพักที่กรุงเทพ ภายในรถตู้นั้นนอกจากมีเฮโรอีนแล้วยังมีคนสำคัญของพวกว้าแดงมาด้วย ส่วนรถกระบะสีขาวที่วิ่งตามมาห่างๆคือรถที่คนของเอเย่นต์รายใหญ่ที่ให้คนตามมาช่วยดูแลจนพ้นจังหวัดเชียงรายที่เป็นเขตอิทธิพลของเอเย่นต์รายใหญ่ โดยคนที่ทุมหรือปทุมนั้นเป็นหัวหน้า ของชายอีก 3 คน ทุมนั้นเป็นลูกชายคนโตของมือขวาเอเย่นต์ค้ายารายใหญ่หรือคนที่มีอิทธิพลในพื้นที่แถบนี้

รถวิ่งไปได้ชั่วครู่ ก็มีรถ 6ล้อที่เป็นรถห้องเย็นได้เลี้ยวจากสะพานข้ามคลองทางซ้ายมือมาวิ่งอยู่ด้านหน้า

"เออไอ้เหน่ง ตามรถนั่นไป มันช่วยเว้นระยะได้"

"แต่เราจะมองไม่เห็นรถขนของนะพี่"

"ไม่เป็นไรหรอก ไว้เราค่อยหาจังหวะแซงตอนนี้ตามไปก่อน"

เหน่งรับคำ และขับโดยเว้นระยะห่าง หลังจากผ่านไปอีก 5กิโล มีรถแวนสีดำอีกคันที่ออกจากฝั่งด้านขวา ได้วิ่งตามรถกระบะที่ทุมนั่งอยู่ไประยะหนึ่งจนถึงช่วงที่มืดไม่มีไฟฟ้าข้างทาง รถแวนได้คันนั้นจะออกขวาพร้อมส่งสัญญาณไฟบอกว่าจะขอแซง  เหน่งเปิดไฟเลี้ยวซ้ายให้และชะลอความเร็ว รถแวนคันดังกล่าวได้ทวีความเร็วแซงขึ้นหน้า และไม่เข้าซ้ายกับวิ่งแซงรถ 6 ล้อด้วยทำให้เหน่งพูดขึ้นมา

"มันจะรีบไปไหนวะ ทางยิ่งมืดๆอยู่"

แต่สิ่งที่ทุกคนในรถคันนี้ไม่เห็นเพราะรถแวนได้วิ่งแซงขวายาวก่อนจะเข้าซ้ายไปจ่อท้ายรถตู้ที่ขนยาอยู่ชั่วขณะแล้วส่งสัญญาณขอแซงและครั้งนี้ได้วิ่งด้วยความเร็วจนไปตีคู่กับรถกระบะสีดำที่วิ่งอยู่ด้านหน้ารถตู้ พร้อมกระจกด้านซ้ายทั้งสองบานได้ถูกเลื่อนลง ปากกระบอกปืนที่โผล่ออกมาจากหน้าต่างทั้งสองบานและมีเลเซอร์สีแดงชี้ไปที่รถกระบะ  ก่อนที่คนในรถกระบะจะทันตั้งตัวเสียงปืนจากรถแวนได้ดังขึ้นโดยเป้าหมายคือคนในรถกระบะ เป็นผลให้รถกระบะเสียหลักหัวรถทิ่มลงไปหยุดที่ไหล่ทางด้านซ้าย รถแวนนั้นหยุดทันที  ประตูเปิดออกทั้ง 5 บาน มีชายฉกรรจ์ 6 นาย ที่มีอาวุธครบมือ  2 คนที่ออกจากประตูทางด้านซ้ายได้วิ่งย่อตัวตามยุทธวิธีที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีก่อนจะกดไกปืนส่งกระสุนเข้าไปที่รถกระบะอีกชุด ส่วน 2 คนที่ลงจากประตูหลังและประตูด้านขวาหลังคนขับอีก 1 คน ได้วิ่งมาทางด้านหลังและยกปืนขึ้นระดมยิงใส่รถตู้ จนเสียหลักตกลงไปข้างทางเหมือนรถกระบะคันแรก ชายทั้ง 3 ได้วิ่งไปลักษณะเดียวกับ 2 คนแรก ก่อนที่จะยิงซ้ำไปที่รถตู้อีก 1 ชุด ส่วนคนขับรถแวนนั้นคุมเชิงพร้อมคอยดูรถที่อาจจะมีวิ่งสวนมา

ส่วนทางด้านรถของทุม พอได้ยินเสียงปืน ทุกคนในรถต่างตกใจ ทุมหันไปสั่งเหน่งทันที

"ไอ้เหน่งแซงเลย ข้างหน้ามันยิงกันแล้ว"

แต่ด้วยคำสั่งที่สั่งลงมาว่าถ้าเกิดเจอด่านหรือมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันทุกประการ อย่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวให้หลีกเลี่ยงและออกห่าง พอเหน่งทำท่าจะกลับรถ ทุมได้ชักปืนขึ้นมาเพื่อจะบังคับเหน่งให้ทำตาม แต่ก่อนที่จะทำอะไรรถ 6 ล้อที่อยู่ด้านหน้าได้หักออกขวาและจอดขวางถนนทันที ประตูห้องเย็นด้านท้ายได้เปิดออก มีคน 5 คนได้กระโดดลงมา พร้อมกับประตูด้านหน้าทั้งสองบานเปิดออกแทบจะพร้อมๆกัน ชายที่อยู่ในรถนั้นมีอาวุธครบมือเหมือนคนในรถแวน 4 คนวิ่งไปที่จุดปะทะ ส่วนอีก 3 คนนั้น คนขับกระโดดลงจากรถแล้ววิ่งมาที่หน้ารถใช้รถบังตัวส่วนอีก 2 ที่ลงจากห้องเย็น ใช้มุมรถด้านหลังบังตัวพร้อมปืนประทับที่บ่าในท่าพร้อมยิง เหน่งนั้นเบรกรถทันทีทำให้รถหยุดอยู่ไม่ห่างจากรถบรรทุกประมาณ 10 เมตร ก่อนที่ใครจะพูดอะไรทุมได้วิ่งออกจากรถด้วยความลืมตัวเพราะเป็นห่วงญาติผู้น้อง โดยในมือยังถือปืนอยู่และท่ามกลางเสียงปืนได้มีเสียงตะโกนบอกมาให้ทุมวางปืนลงแต่ทุมนั้นกลับยกปืนขึ้นตามสัญชาติญาณ ร่างของทุมที่มีเลเซอร์สีแดงจับที่หน้าอกอยู่3 จุดอยู่แล้ว ทันทีที่ปืนในมือของทุมยกขึ้น 1ใน3นั้นได้ลั่นไกออกมา 3นัดกระสุนทั้ง 3ยิงเข้าเป็นกลุ่มที่หน้าอกด้านซ้ายด้วยความแม่นยำ ร่างของทุมกระเด็นนอนหงายหลังขาดใจตายในทันที ทำเอาคนในรถทั้ง 3ที่เห็นเหตุการณ์จากไฟหน้ารถที่ส่องไปอย่างชัดเจน ทำเอาเหน่งลืมตัวด้วยความห่วงลูกพี่ทำท่าจะเปิดประตูรถ แต่คนที่นั่งด้านหลังนั้นมีสติได้รวบตัวเหน่งได้ทัน


"ไอ้เหน่งอย่าออกไป ออกไปมึงตายเหมือนทุมแน่"

ฉับพลันผู้ชายทั้ง 3 คน ได้วิ่งมาที่รถตามยุทธวิธีแล้วจ้องปืนมาที่รถ ลำแสงสีแดงนั้นจับที่กระจกหน้าก่อนจะมีเสียงตะโกนสั่งให้คนในรถออกมา ทั้ง 3 ต่างออกจากพร้อมชูมือขึ้นคามคำสั่ง ก่อนจะถูกสั่งให้นอนราบลงไปกับพื้นถนนทันทีและถูกสั่งให้คุกเข่าก่อนจะถูกค้นตัวซึ่งแต่ละคนนั้นมีปืนติดตัวมาทุกคนแต่ไม่มีใครกล้าขัดขืนทั้ง 3 ถูกใส่กุญแจมือไพล่หลัง รถนั้นถูกค้นทันที เสียงปืนนั้นสงบลงแล้วทั้ง 3 ได้ยินการพูดคุยกันเป็นรหัสทั้งไทยและอังกฤษ จน 1 ใน 3 นั้นพูดขึ้นมา

"พวกมึงเป็นพวกรถคุ้มกันใช่ไหม"

ทั้ง 3 ต่างเงียบก่อนที่จะถูกถามอีกครั้ง เทพที่เป็นคนดึงตัวเหน่งไว้และดูจะอาวุโสที่สุดได้เงยหน้าขึ้นมาตอบ

"ไม่เกี่ยวครับท่าน พวกผมขับรถผ่านมาเท่านั้น"

"โกหกไม่เก่งนะ แล้วปืนที่ติดตัวอยู่ละ"

"โธ่ท่านครับคนแถวนี้ก็พกกันทั้งนั้นพวกผมจะไปเล่นไฮโลมีเงินติดตัวมาเยอะก็พกปืนไว้ป้องกันตัวสิครับ"

มันเป็นคำตอบที่นึกขึ้นมาได้ทันที เทพไม่แน่ใจว่าคนพวกนี้เป็นหน่วยไหน แต่เห็นจากการแต่งกายแล้วต้องบอกว่าไม่ธรรมดา ทั้งหมดแต่งตัวคล้ายๆกัน บางคนนุ่งกางเกงยีนส์ บางคนนุ่งกางเกงเหมือนกางเกงทหารแต่เป็นสีน้ำตาลไม่ก็ดำ เสื้อที่สวมดูจะเป็นเสื้อยืดไม่ก็โปโลมีเสื้อเกราะพร้อมอาวุธครบมือ ปืนกลมือแบบที่ใช้หน่วยรบพิเศษติดเรดดอทและไฟฉายขนาดเล็ก ใช้สายสะพายแบบ 3จุด ปืนทาบอยู่ด้านหน้าลำตัวปากลำกล้องชี้ลงพื้น โคนขามีซองปืนสั้น สวมสนับเข่าและสนับศอก รองเท้าเป็นรองเท้าแบบที่หน่วยรบพิเศษนิยมใส่กัน สวมหมวกแค็บบร้าแบบเปิดหู มีหูฟังแบบครอบหูพร้อมไมค์ที่ปาก สวมไอ้โม่งปิดหน้าและที่สำคัญทุกคนติดแว่นมองกลางคืนแบบ 2 ตาทุกคน เทพที่เป็นมือปืนคนสำคัญของกำนันน้อมที่เป็นผู้อิทธิพลในพื้นที่และเอเย่นต์รายใหญ่ยาเสพติดนั้นมีประสบการณ์ในวงการนักเลงมาอย่างโชกโชน และรู้ดีว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเกินกว่าที่มือปืนธรรมดาอย่างตนเองจะสู้ได้ทั้ง 3 คนต่างมองไปที่ร่างของทุมที่นอนตายจมกองเลือดอยู่ด้วยความวิตกหวาดหวั่นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกตนเอง แต่ไม่มีการสอบถามอะไรต่อ ก่อนจะถูกถุงสีดำคลุมหน้าไม่ให้รับรู้อะไร

ส่วนชาย 1 ใน 3 คนที่คุมตัวพวกเหน่งอยู่นั้นมองไปที่ศพของทุมด้วยความสะใจถ้าถอดผ้าที่คลุมหน้าอยู่จะเห็นรอยยิ้มด้วยความสะใจของชายหน้าตาดีที่เอื้อมมือไปปิดกล้องที่ติดอยู่บนหมวกหลังจากได้ยินคำว่า"แจ๊คพอต"จากหูฟัง ก่อนที่เพื่อนอีกคนจะเดินมาพูดใกล้ๆ

"ไอ้พวกนี้มันอยู่นอกรายการนี่หว่า แต่มึงก็จัดไป 1ศพ"

"วิ่งถือปืนมาแบบนั้นจะเอาไว้ทำไมคำสั่งก็ให้เราตัดสินใจอยู่แล้ว มันเป็นลูกน้องของไอ้น้อมไอ้คนที่ตายชื่อปทุมเป็นลูกชายคนโตของไอ้จิตมือขวาไอ้น้อม แต่บราโว่วันบอกแล้วพวกที่เหลือ ส่งมันให้ตำรวจท้องที่"

อีกฝ่ายพยักหน้ารับรู้ แล้วฟังคำสั่งจากทางวิทยุ ไม่นานนักรถตำรวจท้องที่ได้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุและหน่วยสังหารชุดนี้ได้ถอนตัวกลับทันทีหลังจากถ่ายรูปเก็บหลักฐานไว้เรียบร้อย ฝ่ายกำนันน้อมนั้นได้รับแจ้งตอนเช้ามืด ด้วยความตกใจและโมโหอย่างมากทั้งๆที่สั่งให้คนของตนเองอย่าไปยุ่งเกี่ยวแต่โดนจับจนได้ แต่เบาใจได้อย่างว่าทั้ง 3 คนนั้นถูกจับแล้วถูกขังอยู่ในโรงพักที่เป็นเขตอิทธิพลของตนเอง ทำให้พอจะมีความหวังอยู่จึงรีบโรงพักพร้อมลูกน้อง แต่ไม่วายถามถึงมือขวาของตนเอง

"ไอ้จิตละ"

"ไปโรงพยาบาลกับเมียครับ นาย ไปดูศพไอ้ทุมกับไอ้ขวด"

"แม่ง ไม่น่าเลยกูสั่งนักสั่งหนาว่าถ้ามีเรื่องให้เลี่ยง ให้หลบ แต่นี่โดนจับไปด้วย กูกลัวว่าตำรวจมันจะได้สาวมาถึงตัวกูนะสิ ที่จู่ๆคนของกูอยู่ในขบวนรถด้วย"

มันคือสิ่งที่กำนันน้อมกังวลตั้งแต่รู้ข่าว ตัวกำนันนั้นสร้างอิทธิพลมาหลายสิบปี จนคนทั้งพื้นที่เกรงกลัวแถมยังมีนักการเมืองท้องถิ่นที่ตนเองให้ทุนคอยสนับสนุนอยู่ไม่รวมบรรดาข้าราชการที่รับเงินสินบนจากกำนัน ทำให้ธุรกิจทั้งสีดำสีเทาของกำนันนั้นทำได้อย่างสะดวก เวลาเกิดเรื่องกำนันใช้อิทธิพลที่มีบีบบังคับอีกฝ่ายทุกวิถีทางทำให้กำนันกับพวกพ้องนั้นรอดจากการถูกดำเนินคดีมาตลอด ยิ่งทำให้กำนันย่ามใจมากขึ้น ทั้งๆที่ถูกจับตาจากเจ้าหน้าที่แต่ไม่สามารถทำอะไรเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ ครั้งนี้กำนันพยายามโทรติดต่อผู้กำกับโรงพักที่คุมตัวคนของตนเองอยู่แต่อีกฝ่ายไม่รับสาย ไม่ว่าจะโทรหาตำรวจคนไหนก็ไม่มีใครรับสาย ได้แต่โทรสั่งให้ทนายความไปรอที่โรงพักแต่อย่าพึ่งเข้าไป

พอไปถึงโรงพักกำนันกับลูกน้องและทนายความที่มารออยู่แล้วไปขึ้นไปบนโรงพัก บนโรงพักกำนันน้อมนั้นวงมาดทำตัวเป็นผู้มีบารมีทันที ก่อนจะถามสิบเวรด้วยเสียงอันดัง

"ผู้กำกับอยู่ไหน"

แต่ก่อนที่สิบเวรจะตอบมีเสียงอย่างสุภาพเรียกชื่อจริงของกำนันจากด้านข้าง

"จะมาติดต่ออะไรหรือครับกำนันบุญส่ง"

ทันทีที่กำนันน้อมหันไป หน้านั้นถอดสีทันทีเพราะคนที่ถามนั้นอยู่ในเครื่องแบบตำรวจและบนบ่านั้นบอกถึงยศพลตำรวจเอก ส่วนผู้กำกับนั้นยืนตัวลีบอยู่ข้างๆ

"ท่านรองพิชญ์ ท่านมาได้ยังไงครับ"

กำนันหันไปถามพร้อมยกมือไหว้ด้วยใจที่เต้นระรัวแต่อีกฝ่ายนั้นรับไหว้พร้อมยิ้มให้ แต่กำนันยิ้มไม่ออก

"ผมมาตรวจราชการทางเหนือพอดีได้รับรายงานเรื่องการปะทะกับพวกขนเฮโรอีนเลยมาที่นี่ครับ"

"แต่คนของผมถูกเหมารวมไปด้วยและถูกยิงตายไปคนหนึ่ง ผมจะมายืนยันว่าคนของผมไม่เกี่ยวครับท่าน"

"งั้นเชิญที่ห้องของผู้กำกับก่อนจะดีกว่าครับ เชิญครับเชิญ"

เสียงของอีกฝ่ายนั้นอ่อนโยนแต่ทำให้กำนันที่อายุมากกว่านั้น ใจเต้นระรัว ก่อนจะเดินตามไปโดยมีทนายความตามไปติดๆหลังจากนั้น 2 วัน คนของกำนันน้อมได้รับประกันตัวโดยโดนข้อหาพกพาอาวุธปืนโดยไม่มีใบอนุญาตบางคนมีข้อหามีปืนเถื่อนไว้ในครอบครองเพิ่มเข้าไปด้วย กำนันน้อมพยามยามชี้แจงกับรองพิชญ์ว่า คนของตนนั้นไม่เกี่ยวข้องจริงๆแค่ขับรถเพื่อจะไปเล่นไฮโลแต่บังเอิญผ่านไปอยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น ส่วนคนที่ตายคงเป็นเพราะความตกใจเลยวิ่งเข้าไปหาโดยเพื่อนๆห้ามไม่ทัน ซึ่งในรถนั้นค้นเจอเงินสดร่วม 3 หมื่นทำให้เป็นเรื่องสนับสนุนข้ออ้างได้ว่าจุดประสงค์จะไปเล่นการพนันจริงๆ ทางตำรวจจึงให้ประกันตัว

ภายในห้องทำงานที่บ้านกำนัน กำนันน้อมนั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่โดยมี จิตที่เป็นมือขวานั่งอยู่ไม่ห่างด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อยเพราะลูกชายและหลานชายถูกฆ่าตาย ส่วนที่นั่งตรงหน้าคือพวกเทพที่พึ่งถูกประกันตัวออกมา

"ไหนพวกมึงเล่าให้กูฟังอีกทีสิ ไอ้เทพเริ่มก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

เทพเป็นคนเล่าก่อนจะตามด้วยเหน่งและอีกคนปิดท้าย พอฟังจบกำนันน้อมเอามือลูบหน้าแล้วหันไปทางจิตพร้อมส่ายหน้าไปมาซึ่งเทพได้พูดขึ้นมาอีก

"เรื่องนี้ไม่ใช่เล็กๆครับนาย เพราะทีมที่มาต้องเป็นหน่วยคอมานโดแน่นอน แต่ไม่รู้ของหน่วยงานไหนเท่านั้น ผมเห็นทั้งอาวุธทั้งอุปกรณ์ที่ใช้ไม่ธรรมดาจริงๆครับ มันทันสมัยมาก"

"ใช่ครับนายถ้าพี่เทพไม่ดึงผมไว้ผมตายตามพี่ทุมแน่นอน"

เหน่งเป็นคนเสริมต่อจากเทพ กำนันน้อมนิ่งเงียบสายตามองไปที่ภาพถ่ายบนโต๊ะ4-5 ใบที่ได้จากมูลนิธิที่เข้าไปเก็บศพ ทั้งสภาพรถและคนที่ถูกยิงตาย ในรถตู้นั้น 3 ศพ ส่วนในรถกระบะที่นำหน้านั้นมี 4ศพ  คนในรถกระบะ ทั้งคนขับและคนที่นั่งด้านหลังทั้ง 2 คนถูกยิงที่หัวทั้งคู่ ส่วนคนที่นั่งคู่คนขับนั้นถูกยิงทะลุกระจกกระสุนรวมกลุ่มที่หน้าอก คนที่นั่งด้านหลังคนขับคือ ขวดที่เป็นหลานของจิต  ส่วนคนในรถตู้ 2 คนที่นั่งด้านหน้า ถูกยิงทะลุกระจก ลักษณะกลุ่มกระสุนเหมือนคนที่นั่งคู่คนขับในรถกระบะ ส่วนอีกคนที่นั่งด้านหลังคนขับนั้นถูกยิงตายคาเก้าอี้กระสุนทะลุกระจกเข้าไปที่ส่วนหัว ในมือมีปืนอาก้าอยู่จากสายตาของกำนันที่ผ่านการใช้อาวุธปืนมาอย่างโชกโชนนั้นรู้ทันทีว่า คนพวกนี้ถูกฝึกมาอย่างดี ไม่ใช่การกราดยิงแต่เป็นการยิงที่เจาะจง กลุ่มกระสุนเกาะกลุ่ม คนในรถคงแทบจะไม่โอกาสได้ตอบโต้ เช่นเดียวกับพวกที่ไปล่วงหน้าสภาพศพ 2 ศพในรถเก๋งถูกยิงตายคาที่เหมือนในรถกระบะ ภาพพวกนี้คนของกำนันที่ทำงานอยู่ในมูลนิธิที่เก็บศพได้แอบนำมาให้ พร้อมรายงานให้รู้ว่าถูกสั่งให้ไปเก็บศพเท่านั้น ส่วนที่เหลือทางเจ้าหน้าที่จัดการเอง กำนันน้อมมองไปที่จิตแล้วพูดออกมา

"ไอ้จิตเรื่องที่เกิด เพราะไอ้ทุมคนเดียว กูกำชับว่าตั้งแต่ออกจากรีสอร์ทแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นอย่าไปยุ่งหน้าที่เราแค่ไปส่งให้ถึงเชียงใหม่เท่านั้น"

"มันคงห่วงน้องมันนะครับนาย ผมว่ามันลืมตัว"

"ยังดีนะมึงที่เราหาข้ออ้างได้ตำรวจเลยเล่นข้อหาปืนอย่างเดียว แล้วดันเจอรองพิชญ์ด้วย กูไปไม่เป็นเลย ทำอะไรก็ไม่ถนัด แถมกูโดนเพ่งเล็งด้วย รองพิชญ์ก็รู้อยู่ว่าทั้งตรงทั้งโหดขนาดไหน เพราะได้ทุมคนเดียว เราจะซวยกันหมด กูนะถูกบีบจนหน้าเขียวพูดอะไรมากไม่ได้ ไม่งั้นซวยแน่นอน งานนี้ไม่มีใครกล้ามาช่วยเราหรอก"

"โธ่นายครับ จะให้ผมทำยังไง ไอ้ทุมมันก็ตายฟรีด้วยแถมโดนพ่วงเข้าไปว่าเป็นพวกขนยาอีก เมียผมมันเป็นลมไปไม่รู้กี่รอบแล้ว"

จิตร้องออกมาด้วยความเสียใจเพราะหลังจากที่ตำรวจสรุปข้อมูลออกมาพร้อมหลักฐานที่ให้ดูทำเอาจิตกับกำนันต่างทำอะไรไม่ได้ ทุกคนที่โดนจับต่างบอกว่าหลังจากที่ถูกผ้าคลุมหัวและ โทรศัพท์โดนยึดทุกคนพร้อมภายในรถที่ถูกค้นโดยละเอียดซึ่งเจอแต่เงินสดเท่านั้นและถูกพาขึ้นรถมารู้อีกทีมาอยู่ที่โรงพักแล้ว ก่อนที่โทรศัพท์จะถูกคืนวันที่ประกันตัวออกมา หลักฐานที่จิตกับกำนันเห็นคือเป็นภาพที่ถูกบันทึกโดยกล้องที่ติดตัวจากทีมสังหาร ที่เป็นภาพทุมวิ่งเข้ามาพร้อมปืนและมีเสียงห้ามแต่ทุมไม่หยุดก่อนจะโดนยิง จิตนั้นทำอะไรไม่ถูกกับภาพที่ลูกชายคนโตถูกยิงตาย  จากที่ทำท่าจะฟ้องร้องแต่เห็นจากภาพแล้วตนเองได้แต่เงียบแถมมีการต่อรองจากทางตำรวจว่าจะให้ทุมเป็น 1 พวกขนยา ไม่อย่างนั้นจะสืบให้ลึกกว่านี้เพราะหลานชายของจิตที่ถูกยิงตายอยู่ในรถคุ้มกันด้วย กำนันน้อมจึงสั่งให้จิตยุติเรื่องก่อนจะรับศพของทั้งคู่มาทำพิธี

กำนันกับจิตได้แต่ดูข่าวด้วยความเจ็บช้ำเพราะเป็นข่าวที่ทางตำรวจแถลงว่าได้ร่วมกับ ป.ป.ส.ในการจับเฮโรอีนรายใหญ่ที่กำลังขนเข้ากรุงเทพ แต่ระหว่างตรวจค้นทางคนร้ายได้ยิงต่อสู้จึงต้องวิสามัญ และหลังจากตรวจสอบพบว่ามี ว้าแดงที่ชื่อเปายุ่น  ที่เป็น 1 ในนักค้ายาคนสำคัญที่ทาง DEA  ของสหรัฐตั้งค่าหัวไว้สูงมาก ถูกวิสามัญโดยมีปืนอยู่ในมือเตรียมต่อสู้ในมือของทุกคนต่างกำปืนไว้แน่น ทางการคาดว่าเพราะมีเปายุ่นอยู่ในขบวนขนเฮโรอีน จึงมีการต่อสู้ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่จับกุม แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่อย่างที่เป็นข่าว ทั้งขบวนไม่มีใครรอดไม่มีโอกาสยิงตอบโต้ทุกอย่างเกิดไวมากมีเพียงคนคุ้มกันเปายุ่นที่หยิบอาก้าขึ้นมาแต่ไม่ทันได้ลั่นไก เช่นเดียวคนในรถนำก็ถูกยิงทิ้งเหมือนกัน แถมต่อมาอีกวันยาบ้าล็อตใหญ่ที่เตรียมจะส่งไปกรุงเทพก็ถูกยึดได้ในโกดังจุดพักที่เชียงใหม่ กำนันน้อมมั่นใจว่าเป็นเพราะรองพิชญ์ขึ้นมาภาคเหนือโดยอ้างว่าตรวจราชการแน่นอน

ยิ่งเรื่องที่คนของตนเองเล่ามันน่าจะเป็นการเตรียมการไว้อย่างดีโดยใช้ทีมสังหารมือดีปฏิบัติงานโดยเฉพาะ เรื่องที่เทพเล่าให้ฟังถึงเรื่องการแต่งกายของทีมสังหาร ทำให้กำนันมั่นใจว่าต้องไม่ใช่ตำรวจธรรมดา และมันคือการฆ่าแบบไม่ไว้หน้า ไม่ใช่การวิสามัญแต่ตนเองกับลูกน้องที่ถูกจับนั้นพูดไม่ได้ เพราะมันเป็นเงื่อนไขในการประกันตัวและคดีที่ถูกจับแค่เรื่องพกปืนไม่มีใบอนุญาตกับเรื่องปืนเถื่อนเท่านั้น ไม่อย่างนั้นตนเองเดือดร้อนแน่ งานนี้ทำเอากำนันน้อมถึงกับกลืนเลือด  เพราะทำอะไรไม่ได้มาก แต่ยังดีที่ไม่เสียเงินเพราะได้รับส่วนแบ่งมาแล้วและเรื่องยาบ้าที่ถูกจับกำนันน้อมไม่ได้เกี่ยวข้องถึงจะมาจากแหล่งเดียวกัน กำนันแค่รับรู้และอำนวยความสะดวกระหว่างขนผ่านชายแดนมาเท่านั้นเพราะคนที่ซื้อนั้นทำงานร่วมกันบ่อยครั้ง แต่ในอนาคตกำนันคงจะทำงานยากขึ้นแน่นอน

ผ่านไป 3 วัน ที่กรุงเทพ ในห้องประชุมที่สำนักปราบปรามยาเสพติด หญิงสาวที่เป็นนักเคมีของบริษัทแห่งหนึ่งพร้อมทีมงานได้มานั่งรออยู่แล้ว ไม่นานนักมีเจ้าหน้าอีก 3-4 คนเดินเข้ามา สายตาของหญิงสาวมองไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่แต่งกายสุภาพสวมกางเกงสแล็ค เสื้อเชิ้ตแขนยาวมีบัตรคล้องคอ ทำเอาเธอตาลุกด้วยความตกใจ มันเป็นจังหวะที่ผู้ชายคนนั้นมองมาที่เธอพอดี สายตาทั้งคู่ประสานกัน ผู้ชายคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มแบบเหยียดๆมาที่เธอ แต่จังหวะนั้นประตูถูกเปิดออกอีกครั้งคราวนี้เป็นตำรวจ4-5 นาย เป็นนายตำรวจยศพลตำรวจเอกถึง 2คนทั้ง 2 คนนี้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติพร้อมชาวต่างชาติอีก 2คน  ทำให้ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนไหว้รองทั้งสองท่าน และในสายตาของหญิงสาวผู้ชายที่คนนั้นดูจะสนิทกับรองผู้บัญชาการทั้ง 2ท่านคือรองสุพจน์กับรองพิชญ์ โดยเฉพาะรองพิชญ์เพราะเรียกรองพิชญ์ว่าพ่อรวมไปถึงตำรวจชั้นนายพันอีก 2 คน ต่างทักทายกันอย่างสนิทสนม เธอได้ยินชัดว่าผู้ชายหน้าตาดีคนนั้นเรียกนายตำรวจชั้นนายพันว่าพี่ต้นกับพี่โจ้ เช่นเดียวกับเพื่อนเธอคนหนึ่งได้เดินเข้าไปไหว้ท่านรองพิชญ์และลูกชายต่างทักทายกันเป็นอย่างดี

ก่อนที่เลขา ป.ป.ส. จะเริ่มการประชุมและทางหัวหน้าเธอได้ขึ้นไปรายงานผลการสอบตรวจเฮโรอีนที่ถูกยึดมา ทำให้เธอรู้ว่าฝรั่ง 2 คนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ DEA ของสหรัฐ ก่อนที่หัวหน้าของเธอจะพูดขึ้น

"เอาละครับ ทีนี้ผมจะให้นักเคมีของเราที่เป็นทีมที่วิเคราะห์เฮโรอีนที่ถูกยึดมา บอกรายละเอียดของสารที่สกัดออกมาได้เชิญคุณปนัดดาครับ"

เธอสูดลมหายใจลึกๆก่อนจะก้าวไปที่หน้าห้องก่อนจะเริ่มบรรยายสรุปของสารที่สกัดได้ประกอบกับภาพที่ฉายบนจอ ทุกคนต่างนั่งฟังโดยตลอดโดยมีคนของ ป.ป.ส.คอยแปลให้เจ้าหน้าที่ของ EDA ฟัง จนเธอบรรยายจบ ทางเลขา ป.ป.ส.ได้ถามที่เธอ

"สรุปแล้วนี่คือมันเป็นสารที่ผสมขึ้นมาใหม่ต่างจากตัวเดิม ทำให้ยาออกฤทธิ์มากกว่าเดิมและแพงขึ้นกว่าเดิม"

"คะท่าน ดีที่เครื่องมือตัวใหม่ของเราทำให้งานสะดวกขึ้นสามารถวิเคราะห์ประมวลผลได้เร็วขึ้นกว่าตัวเดิมคะ"

"แล้วทางผมคาดว่าถ้าเฮโรอีนล็อตนี้มันไปถึงสหรัฐราคามันต้องสูงกว่า4-5 เท่าตัว จากราคาที่ทางตำรวจประเมินในตอนต้นครับ บอกได้สูตรใหม่นี้ไม่ธรรมดา ขนาดยาบ้าที่ถูกจับไล่ๆกันก็เป็นสูตรใหม่เหมือนกันครับ ถ้าหลุดเข้ามานี่อันตรายแน่นอน"

หัวหน้าของเธอเสริมขึ้นหลังจากที่เธอพูดจบ ก่อนที่รอง ผบ.ตร.ทั้งสองคนจะถามรายละเอียดเพิ่มเติมมาที่หัวหน้าและเธออยู่ครู่ใหญ่เกี่ยวกับเรื่องเฮโรอีนและยาบ้าล็อตใหญ่ที่ถูกยึดมา จนรองพิชญ์หันไปถามชายหนุ่มหน้าเข้มคนนั้น

"พีรพลมีอะไรจะถามอีกหรือเปล่า"

"ไม่มีครับ"

เป็นคำตอบสั้นๆก่อนที่เธอและชายหนุ่มจะประสานสายตากันอีกครั้ง

"เอาละ ทางเราต้องขอบคุณพวกคุณอย่างมากเพราะเครื่องมือที่ทันสมัยทำให้เรารู้ผลได้เร็วกว่าเครื่องมือที่เรามีอยู่"

ทางเลขาธิการเป็นคนพูดปิดท้าย หัวหน้าเธอได้พูดกับท่านเลขาธิการอีก 2-3คำก่อนจะหันมาส่งสัญญาณให้ทีมงานออกจากห้องประชุม พอออกมานอกห้องหัวหน้าของเธอได้คุยกับเธอ

"งานนี้มันน่าจะใหญ่นะฝน"

"ทำไมหรือคะพี่"

"ก็รอง ผบ.ตร.มาประชุมด้วยถึง 2 คน จริงๆเรื่องยาเสพติดท่านสุพจน์ดูแลอยู่ แต่นี่ท่านพิชญ์มาด้วย"

"นั่นนะสิคะ ฝนไม่ทันคิด"

เธอตอบสั้นๆแต่ครุ่นคิดเรื่องอื่นจนไปถึงรถตู้ พวกเธอช่วยกันขนของขึ้นรถหลังจากที่ขึ้นบนรถ เพื่อนของเธออีกคนได้ถามไปที่หัวหน้าที่นั่งคู่กับคนขับไปว่า


"พี่คะแล้วคนที่ชื่อพีรพลละคะเป็นใคร"

"ไม่รู้สิ น่าจะเป็นระดับหัวหน้าของ ป.ป.ส.ละ บอกแล้วงานนี้มันใหญ่กว่าที่เราคิด ทั้งรอง ผบ.ตร. ทั้ง DEA มาประชุมกันหมด ถามทำไมหรือ"

"เห็นหล่อดีนะคะ ว่าพี่ต้นหล่อแล้วแต่คนนี้หล่อกว่า"

"เออพี่ก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเรารู้จักท่านรองพิชญ์ด้วยหรือ"

"บ้านอยู่ซอยเดียวกันคะ บ้านหนูถึงก่อนบ้านรองพิชญ์เลยรู้จักกัน ตูนลูกสาวคนเล็กของท่านรองก็เป็นเพื่อนเล่นกับหนูตอนเด็กคะ บ้านนี้น่ารักทั้งบ้าน"

เพื่อนเธอตอบหัวหน้าแต่ฝนหรือปนัดดาคิดไปถึงคนที่ชื่อพีรพล  ที่อดีตเคยเป็นตำรวจเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกับแฟนเก่าของเธอ ทั้งคู่ต่างเป็นเพื่อนสนิทกันแฟนเก่าเธอเลือกไปอยู่ ตชด.และเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่ภาคใต้ เธอกับแคนหรือ อดีตร้อยตำรวจโทพีรพลเคยเจอกัน2-3 ครั้ง สาเหตุที่แคนมองเธอด้วยสายตาเหยียดๆนั้นเธอพอจะรู้ว่ามันเกิดจากอะไร ภายในห้องประชุมหลังจากทีมนักเคมีออกไปแล้ว ห้องถูกล็อคทันที พีรพลหรือแคนเดินขึ้นมาที่หน้าห้องแล้วมองไปรอบๆ ชาวต่างชาติทั้ง 2 นั้น 1 คนคือเจ้าหน้าที่ DEA  จริงๆ แต่อีกคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่จากสถานทูตสหรัฐ แต่เพื่อตัดปัญหาไม่อยากให้คนนอกรู้ไปมากกว่านี้เลยแจ้งว่าเป็นเจ้าหน้าที่ DEA

"แคน เริ่มได้เลยลูก"

ท่านรองพิชญ์กล่าวขึ้นอย่างสนิทสนม แคนพยักหน้าส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค เครื่องโปรเจ็คเตอร์ได้ฉายภาพที่เป็นแผนที่บนถนนขึ้นพร้อมเครื่องหมายจุดสังหาร แคนนั้นพูดขึ้นมาเป็นภาษาอังกฤษอย่างชัดเจน

"เอาละครับผมจะบรรยายสรุปสำหรับปฏิบัติการครั้งนี้ อย่างที่เราทราบกันดีว่า ตอนแรกเราได้รับรายงานเรื่องยาบ้าล็อตใหญ่ ที่ขนมาพักที่เชียงใหม่ก่อนที่จะมีข่าวเรื่องการขนเฮโรอีนพร้อมเป้าหมายสำคัญที่จะมาคุมการขนคราวนี้ด้วยตัวเอง"

ทุกคนในห้องต่างตั้งใจฟัง เพราะปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายฝ่าย เริ่มจากสายคนสำคัญของรองสุพจน์แจ้งเรื่องยาบ้าล็อตใหญ่ที่จะเตรียมการขนมาที่กรุงเทพแต่ตอนนี้พักอยู่ที่โกดังแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ ทำให้รองพิชญ์ต้องขึ้นไปควบคุมโดยใช้เรื่องตรวจราชการบังหน้า เพราะรองสุพจน์ติดราชการสำคัญพอดี แต่ระหว่างนั้นได้รับแจ้งจากสายคนเดิมว่า จะมีการขนเฮโรอีนล็อตใหญ่มาที่กรุงเทพฯก่อนจะขนไปต่างประเทศ ซึ่งมันตรงกับรายงานของ DEA สหรัฐในเรื่องนี้ เส้นทางการขนส่งนั้นค่อนข้างจะซับซ้อนและใช้เวลา แต่ถ้าเข้าไปถึงสหรัฐแล้วจะมีมูลค่าสูงมาก เฮโรอีนจะถูกลำเลียงจากโรงงานผลิตของว้าแดง มาพักที่โกดังแห่งหนึ่งในเขตพม่า ก่อนจะถูกขนข้ามแดนมาพักที่รีสอร์ทของกำนันน้อมที่เชียงราย โดยรีสอร์ทแห่งนี้ถูกปิดปรับปรุงมานานแล้ว  ก่อนจะขนมาที่นครสวรรค์แล้วขนลงเรือมาที่กรุงเทพและถูกส่งขึ้นเรือสินค้าที่มีปลายทางไปจีนแต่ระหว่างทางหลังจากเข้าน่านน้ำจีนแล้ว เฮโรอีนล็อตนี้จะถูกถ่ายลงเรืออีกลำเพื่อมุ่งหน้าไปเกาหลีเหนือ แล้วขนขึ้นเครื่องบินไปยังเม็กซิโกก่อนจะขนข้ามแดนมายังจุดหมายคือที่สหรัฐ นี่คือข้อมูลของทาง DEA สหรัฐ แต่ที่สำคัญกว่านั้นการขนยาครั้งนี้แกนนำระดับหัวหน้าของว้าแดงที่มีทางสหรัฐตั้งค่าหัวไว้สูงจะมาทำการควบคุมการขนส่งเอง

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Leo the rott

ตัวละครเยอะมากๆ น่าติดตามครับ

Wheel of Fortune

สุดยอดอีกแล้วครับ งานท่านเขียนรายละเอียดดีมาก ติดตามทุกเรื่องครับ

Nobita Nobituta

เนื้อหาอย่างเข้มข้น ดูจะบู้น่าอ่าน แต่ชวยให้คิดว่ามีเบื้องหลังลับลมคมใน

petergg

มีไม่กี่ท่านที่จะแต่งเรื่องแนวนี้ได้ และมีน้อยมาก ส่วนมากไม่กี่ตอน มากสุด 25-26 มาลงให้อ่านบ่อยๆนะครับ ระเบิดเขาเผากระท่อม แบบละครลุงอาฉลอง ขอแค่อย่าหมดไฟก็พอครับ
อะไรกันครับเนี่ย

tumzazz_55

งานเขียนดีมากเลยครับ เขียนต่อให้จบนะครับ

แมว69

ความเข้มข้น พร้อมรายละเอียดของเนื้อเรื่อง ชวนให้ติดตาม

sammyadong

เริ่มต้นมาก็บู๊กันสนั่นแล้ว

mspeed

สุดมันส์​เลยครับ
ติดตามตอนต่อไป

นัทโตะ

สางแค้น ตอนแรกผมนึกว่าจะเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติไหมเหมือนกัน

turie

สนุกมากตั้งแต่เริ่มต้นเลย

Thunyawit sriradon

ขึ้นต้นเรื่องมา น่าติดตามครับ นิยายแนวนี้หาอ่านยากมากจริงๆ

1819

เปิดตัวเรื่องเริ่มได่แอคชั่น บู๊สนั่น เ เลยเล่ารายละเอียดได้ดีครับ ในช่วงแรก
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

SilentKnight

แนวบู๊ ล้างผลาญก็ดีนะครับ น่าจะมันส์ดี

ชาญวุฒิ เนระภูสี

เริ่มต้นมาก็ยิงกันแล้วเป็นอีกเรื่องที่น่าติดตามอ่านขอบคุณครับที่เขียนมาให้อ่านนะครับ