ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 12

เริ่มโดย เจตภูติ, มกราคม 27, 2021, 12:04:54 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

คุยกันก่อนอ่าน ตอนนี้พิเศษหน่อย เพราะฉากอย่างว่าอยู่ในซ่อนเนื้อหาทั้งหมดเลย ไม่ใช่อะไรแค่อยากให้ลุ้นว่าใครจะอยู่ใครจะไป ผมอ่านทุกคอมเม้นต์ ขอบคุณทุกความเห็นครับ

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 12

"ตอนนี้มาถึงพื้นที่เป้าหมายแล้วค่ะ จะเริ่มทำการแทรกซึมทันที" กันธิชาคุยโทรศัพท์ขณะกำลังก้าวลงจากรถยนต์สปอร์ตคันหรู เตรียมตัวจะเข้าพักในโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอในช่วงกลางคืน

"ดีมากครับ เจอเป้าหมายแล้วให้รายงานคุณวีรชัยเป็นระยะจะได้ไม่ผิดสังเกตั ระวังอย่าให้เขาทำอะไรเสียหายละ" ชายสวมสูทกำชับเสียงจริงจัง

"รับทราบค่ะ"

"มีปัญหาอะไรรึเปล่า" ชายสวมแว่นแต่งกายสุภาพ ท่าทางเป็นคนมีการศักษาสูงถามขึ้นมาด้วยความสนใจ ขณะที่กำลังจ้องมองมอนิเตอร์ ภายในรถหกล้อตู้ทึบที่ถูกดัดแปลงให้เป็นห้องสั่งที่จอดอยู่ในหมู่บ้านจัดร้างแห่งหนึ่ง

"รายงานกรณีของคุณวีรชัยนะครับ ได้เบาะแสแล้วกำลังทำการติดตาม"

"ลำบากแย่เลยนะครับ นี่ถ้าฐานข้อมูลของบริษัทไม่เสียหายอย่างหนัก เรื่องมันคงไม่ค้างคามาเป็นสิบปีอย่างนี้หรอก พวกแผนกกไอทีลำบากกันน่าดู แล้วไหนจะไอ้เรื่องวุ่นวายพวกนี้อีกที่พวกเราต้องมาตามเก็บกวาด" ชายสวมแว่นละสายตาจากหน้าจอหันมาคุยด้วยอย่างทีอารมณ์นิดหน่อย

"นั้นสิครับ" ชายหน้ายิ้มก็พยักหน้าเห็นด้วย

"เป้าหมายกำลังจะเข้าพื้นที่ควบคุมในอีกสามนาทีครับ..." เสียงจากลำโพงของเครื่องมือสื่อสารดังขึ้นมา ดึงความสนใจของคนทั้งคู่ออกจากการสนทนาอย่างกระทันหัน

"เข้าใจแล้ว" ชายสวมแว่นตอบกลับเครื่องมือสื่อสาร แล้วหันไปหาชายสวมสูท "ฝากด้วยผู้จัดการ"

"ครับ..." ชายร่างสูงรับคำแล้วหันไปกดรหัสเปิดกระเป๋าโลหะสีดำใบใหญ่ปิดล็อคแน่นหนาที่วางอยู่บนโต๊ะ  ก่อนจะล่วงเข้าไปหยิบใบมีดปลายแหลมขนาดสิบนิ้ว ตัวใบมีดทำจากโลหะมีลักษณะคล้ายกับมีดแล่ปลาแบบญี่ปุ่น ส่วนคมมีดเคลือบไว้ด้วยสีดำ ออกมาอย่างระมัดระวัง แล้วประกอบมันเข้ากับด้ามจับที่ออกแบบพิเศษให้เข้ากับรูปมือของเขาโดยเฉพาะที่นำออกมาจากกล่องอีกใบหนึ่ง

"เอาละฟังนะทุกคน เชื่อฟังคำสั่งหัวหน้า ทำตามที่ฝึกมา จะได้รอดกลับมากันทุกคน ไปได้ๆ" ชายสวมแว่นประกาศผ่านอุปการณ์สื่อสารไปถึงทีมงานทุกคนที่อยู่ในเครือข่าย
..................................................

ทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้านจัดสรรร้างที่เป็นป่าละเมาะ มีกลุ่มคนแต่งกายในชุดทะทะแมงสวมใส่ยุทโธประกรณ์คล้ายทหารสะพายปืนกลมือติดตั้งกระบอกเก็บเสียงไว้ทุกคน กำลังวิ่งไล่ตามชายหนวดผมยาาวรุงรังสวมใส่เสื้อผ้าซอมซ่อสกปรกคล้ายคนจรจัด แต่ว่าร่างกายกำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ กำลังวิ่งด้วยความเร็วอันน่าประหลาดใจแม้จะอยู่ใความมืดก้สามารถหลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่างง่ายดาย เหล่าชายฉกรรจ์ที่ถูกฝึกมาอย่างดีในหลักสูตรแบบเดียวกันกับทหารก็ยังวิ่งตามเกือบจะไม่ทัน ทำได้แค่ยิงปืนสะกัดและจำกัดเส้นทางให้วิ่งเข้าหาหมู่จัดสรรร้างเท่านั้น

เมื่อเหล่าชายฉกรรจ์วิ่งต้อนชายประหลาดมาถึงกำแพงของหมู่บ้าน แต่กำแพงสูงก็ไม่อาจหยุดเขาได้ ชายคนดังกล่าวกระโดดครั้งเดียวลอยสูงขึ้นไปบนอากาศสูงกว่าสามเมตร ลอยข้ามกำแพงไปได้อย่างอัศจรรย์

"เป้าหมายเข้ามาพื้นที่ปิดล้อมแล้ว จะเริ่มดำเนินการผลักดันไปที่จุดนัดหมาย" ชายที่ชุ่มอยู่บนชั้นสองของบ้านร้างรายงานผ่านอุปกรณ์สื่อสารทันทีที่เห็นชายประหลาดข้ามกำแพงมาได้

"ทราบแล้ว จุดนัดหมายวางแนวป้องกันเรียบร้อย เริ่มปะทะได้" ชายสวมแว่นที่อยู่ในรถหกล้อรับรายงานแล้วสั่งดำการตามแผนต่อทันที

"รับทราบ" สิ้นเสียงจากอุปกรณ์สื่อสาร ชายที่ซุ่มอยู่เหมือนจะเป็นผู้สั่งการก็ทำสัญญาณมือเป็นสัญลักษ์ให้เริ่มปฏบัติการ ปืนทุกกระบอกในพื้นที่เริ่มเปิดฉากยิงเป็นระรอกแม้จะไม่มีเสียง แต่กระสุนปืนที่กระทบพื้นก็บังคับให้เป้าหมายเคลื่อนที่ตรงไปตามถนนของหมู่บ้านจัดสรร นำทางให้ชายประหลาดมุ่งตรงไปที่ลานดินกว้างพื้นที่ยังไม่ได้เริ่มก่อสร้างของโครงการใกล้กับรถหกล้อตู้ทึบจอดอยู่

"เห็นเป้าหมายแล้ว หยุดยิงได้ แล้วเข้าทำการล้อมจับ" ชายสวมแว่นจ้องมองมอนิเตอร์ และออกคำสั่งผ่านไมค์โครโฟนที่ติดอยู่กับหูฟัง

จากลานกว้างที่มืดสลัวมีเพียงแสงจากดวงจันทร์ ทันใดก็สว่างวาบขึ้นมา แสงจากสปอร์ตไลท์หลายดวงส่องไปที่ร่างของชายประหลาด จนต้องหรี่ตา ยกมือขึ้นมาบังแสงไฟ รอบๆ บริเวณมีชายฉกรรจ์นับสิบชีวิตกำลังประจำตำแหน่งต่างๆ บ้างซุ่มซ่อนอยู่ตามบ้านร้างที่ยังไม่เสร็จของโครงการบ้างใช่รถยนต์เป็นที่กำบัง ทุกคนประทับปืนไว้ที่บ่าอยู่ในนสภาพพร้อมยิง ทำการปิดล้อมชายประหลาดอยู่

เมื่อชายประหลาดรับรู้ได้ว่ากำลังถูกต้อนจนมุมเกิดอาการคลุ้มคลั่งหันมาอาละวาดเข้าใส่เหล่าชายฉกรรจ์หวังจะเปิดทางหนี แต่ด้วยหัวกระสุนที่ครั้งนี้มุ่งเน้นจะยิงให้ถูกร่างของเป้าหมาย ไม่ใช่เพื่อจำกัดเส้นทางเหมือนก่อนหน้านี้ ทำให้กว่าชายประหลาดจะเข้าถึงตัวก็ต้องทำการหลบไปพลางเคลื่อนที่ไปพลาง

แต่แม้จะยิงเข้าใส่เท่าไหร่ ก็หยุดการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อของชายประหลาดไว้ไม่ได้ เมื่อเขาสามารถหลบหลีกและเข้าประชิดถึงตัวเป้าหมายอย่างง่ายดาย เพียงแค่เขาเหวี่ยงมือเข้าใส่ทำให้ชายกำยำร่างกายแข็งแรงตรงหน้าลอยกระเด็นออกไปราวกับหมอนข้างที่ถูกโยน แต่ทว่าเมื่อจัดการได้คนหนึ่งก็จะมีคนด้านหลังยิงเข้าใส่กดดันให้เขาถอยกลับไปอยู่ที่เดิมและยิ่งเมื่อเวลาผ่านไป คนที่ไล่ตามมาและคนอื่นๆ ที่อยู่รอบบริเวณก็ตามเข้ามาสมทบ จนมีคนที่เข้าล้อมเขาอยู่มากเกือบสามสิบคน

การล้อมจับดำเนินไปกว่ายี่สิบนาที จนชายประหลาดมีท่าทีอ่อนแรงลง ชายฉกรรจ์ก็เปลี่ยนจากการใช้อาวุธปืนมาเป็นแท่งโลหะยาวที่ส่วนปลายมีตัวล็อคคล้ายไม้ง่าม ถึงชายประหลาดจะดูออ่นแรงลงแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจับตัว ไม่ว่าชายฉกรรจ์จะบุกเข้าไปกี่คนก็จับโยนออกมาเท่านั้น

จนในที่สุดชายสวมสูทที่ยืนดูอยู่ก็เดินฝ่าวงล้อมเข้าไป ชายประหลาดเมื่อเห็นชายหน้ายิ้มสวมสูทก็แสดงออกด้วยการคำรามขู่ทำท่าเหมือนแมวที่กำลังตื่นกลัวสุดขีด สายตาจับจ้องไปที่ของมีคมที่อยู่ในมือของชายสวมสูท ก่อนที่เขาจะเดินย่างเท้าเข้าไปใกล้ๆ อย่างเชื่องช้าด้วยท่าทีสบายๆ ราวกับเดินอยู่ในบ้านของตัวเอง

ชายประหลาดรับรู้อันตรายของชายที่อยู่เบื้องหน้าได้ด้วยสัญชาตญาณก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นฝ่ายตั้งรับให้เสียเปรียบ จึงชิงลงมือก่อนด้วยการกระโจนเข้าไปหาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ ใช้ฝ่ามือตะปบฟาดไปที่ร่างของชายสวมสูทอย่างรุนแรง

ชายร่างสูงไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจราวกับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของชายประหลาดได้ล่วงหน้า เขาเอียงตัวหลบเพียงเล็กน้อย ผ่ามือที่สามารถส่งให้คนน้ำหนักกว่าแปดสิบกิโลกรัมลอยขึ้นไปบนอากาศได้ ก็วาดผ่านหน้าอกของเขาไปห่างเพียงแค่ไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น ก่อนชายสวมสูทจะตวัดมีดในมือเฉือนเข้าไปที่ต้นแขน แล้วดึงกลับมาฟันใส่ต้นขา เร็วจนมองแทบไม่ทัน ร่างของชายประหลาดก็ล้มกลิ้งไปกองอยู่กับพื้นตามแรงเฉื่อยจากการกระโจนเข้าใส่ ชายไปหลาดมีสีหน้าตื่นกลัวและประหลาดใจทีได้เห็นเลือดของตัวเองพยายามจะลุกขึ้น แต่ช้าไปชายฉกรรจ์นับสิบจะใช้ไม้ง่ามชนิดพิเศษเข้ามล็อคตัวไว้ได้อย่างง่ายกว่าครั้งก่อนหน้า แล้วเริ่มทำการเคลื่อนย้ายชายประหลาดไปใส่ไว้ในตู้เหล็กขนาดใหญ่คล้ายโลงศพที่วางในแนวตั้งที่ด้านในมีเครื่องพันธนาการทำจากโลหะอยู่ ก่อนจะปิดล็อคแล้วขนย้ายตู้ขึ้นรถขับออกไป

"ขอบใจนะที่มา ช่วยให้งานง่ายขึ้นเยอะเลย" ชายสวมแว่นเดินออกมาจากรถหกล้อตู้ทึบเข้ามาจับไหล่ชายสวมสูทแล้วยืนมือให้เขา

"ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ" ชายร่างสูงหันมายิ้มให้ก่อนจะจับมือที่ยื่นมา จากนั้นกองคาราวานทั้งหมดก็จัดการช่วยเหลือคนเจ็บและเคลียร์เก็บสถานที่แล้วแยกย้ายหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
..................................................

"ร้านขายดีขึ้นนะ ไปทำอะไรมารึเปล่า" เกวลีทักเจณิตาขณะช่วยเพื่อนตรวจบัญชีอยู่ในคาเฟ่หลังจากปิดร้านในช่วงเย็น

"ก็เราเก่งไง บอกแล้วเดี๋ยวก็ดีเอง" เจณิตายืดอกรับความดีความชอบที่ช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวแห่กันเข้ามาใช่บริการมากกว่าตอนก่อนหน้าหลายเท่าตัว

"ไม่ใช่ว่าของที่อาจารย์ให้มาหรอกเหรอ" พนักงานสาวทักแทรกขึ้นมาขณะกำลังทำความสะอาดร้าน

"ชู่ว" เจณิตายกนิ้วขึ้นมาแตะที่ปากจ้องเขม็งไปที่ลูกจ้างสาว

"ขายดีขึ้นแบบนี้หนูคนเดียวไม่ไหวแล้วนะ น่าจะหาคนมาช่วยงานเพิ่มหน่อย" ลูกจ้างสาวเริ่มประท้วงเพราะช่วงนี้งานเยอะขึ้นมากเกินกว่าจะทำได้ด้วยตัวคนเดียว

"ของอะไร อาจารย์อะไร งงไปหมดแล้ว" เกวลีทำหน้าสงสัยจ้องหน้าเพื่อนสนิทจะเค้นหาความจริง

"พี่ปลาเคยได้ยินข่าวคนถูกยิงที่ตลาดเมื่อหลายวันก่อนไหมคะ คนนั้นแหละเขามาที่ร้าน หนูจะไปขอเลข พี่เจนิสก็ห้ามไว้ แต่ตัวเองดันไปขอของดีมาเฉยเลยแถมไม่ขอมาเผื่อหนูด้วย" พนักงานสาวออกตัวอธิบายแทนแบบไม่ต้องรอคำอณุญาติ

"จะบ้าเหรอ ฉันไม่ได้ขอ อาจารย์เขาให้มาเองต่างหาก" เจณิตารีบแก้ตัว

"ของดีอะไร" เกวลีจ้องหน้าเพื่อนสาวใกล้ขึ้นกว่าเดิม

"เขาให้ตะกรุดหนุนดวงมานะ" เจณิตารับสารถาพเสียงอ้อมแอ้ม

"จะบอกว่าขายดีเพราะตะกรุดนี้เหรอ" เกวลีถามย้ำเหมือนไม่ค่อยจะอยากเชื่อ

"ก็เปล่านะ ของเราดีอยู่แล้ว แค่อาจจะไม่มีดวงเฉยๆ พอได้มามันนก็ลงตัว"  เพื่อนสาวคนสวยแก้ตัว ไม่ยอมสบตา

"นั้นไงยอมรับแล้วสิว่าของเขาดีจริง" พนักงานสาวชี้นิ้วเหมือนเจอคนร้าย

"ขลังขนาดนั้นเลยเหรอ" เกวลีหันไปถามลูกจ้างสาวเพือยืนยันเรื่องราว

"ก็ใบ้หวยให้คนถูกกันเกือบอำเภอนะพี่"

"น่าสนใจแหะ วันหลังพาฉันไปหาบ้างสิ พอดีมีเรื่องสงสัยอยู่" เกวลีเนึกสนุกคิดอยากจะพิสูจน์เรื่องลลี้ลับนี่

"ไม่เอาน่า แกก็อย่าไปงมงายเลย" เจณิตาท้วง

"เหรออออ..." เกวลีและพนักงานสาว ร้องประชดออกมาพร้อมกัน

"แฮะ แฮะ" เจณิตาได้แต่หัวเราะแห้งๆ แก้เขิน

"หนูขอรับโทรศัพท์แปบนึงนะค่ะ แม่โทรมา" นักงานสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดุก่อนจะขอตัวเดินไปหลังร้าน
..................................................

"แกทำงานภาษาอะไร แค่ทำให้ร้านมันขายไม่ดีมันยากนักรึไง" ผู้หญิงปลายสายทำเสียงดุใส่พนักงานสาว

"หนูก็ทำอย่าางที่คุณบอกแล้วนะค่ะ แต่ไม่รู้ลูกค้ามาจากไหนเยอะแยะ"

"แล้วแกจัดการไม่ได้รึไง เรื่องง่ายๆ แค่นี้ โง่จริงๆ เลย" ปลายสายยังคงเกรี้ยวกราดใส่

...ใครกันแน่ที่โง่ ผัวมึงมานอนกกเมียน้อยประจำยังไม่รู้ตัวอีก...
"หนูขอโทษค่ะ แล้วจะให้หนูทำยังไงต่อ"

"ตอนนี้อย่าเพิ่งทำอะไรละกันเดี๋ยวมันจะผิดสังเกตุ คอยรายงานฉันก็พอ"

"ค่ะ" พนักงานสาวรับคำก่อนอีกจะว่างสายไป
..................................................

หลังจากเกวลีช่วยงานที่ร้านเสร็จและกลับได้สักครู่ก็มีมอเตอร์ไซต์ขับเข้ามาจอดที่หน้าร้านชายหนุ่มหน้าตาคุ้นๆ ลงจากรถเดินเข้าไปหาเจณิตาภายในร้านอย่างเร่งรีบ

"ร้านปิดแล้วค่ะ อ้าวนั้นนายคนที่มากับอาจารย์นี่" เจณิตาเงยหน้าขึ้นมาเห็นชายหนุ่มหน้าตาคุ้นๆ ก็รู้สึกประหลาดใจ

"สวัสดีครับ" ปิยะพงษ์ยิ้มกว้างดีใจที่ได้เจอสาวสวยอีกครั้ง

"มาซื้อกาแฟเหรอ หรือมีเรื่องอะไรรึเปล่า" หญิงสาวร้องถามยังเชิงดู

"เปล่าครับ คืออาจารย์ให้ผมมาบอกคุณว่า ให้ไปเข้าพิธีเสริมดวงนะครับ อาจารย์กำชับมาเลยนะครับว่าต้องไปให้ได้" ปิยะพงษ์ชี้แจงเหตุผล แต่สายตาหวานยังส่งให้หญิงสาวอย่างต่อเนื่อง

"แล้ว...อาจารย์บอกไหมว่าต้องไปเมื่อไหร่ เรื่องใหญ่รึเปล่า" เจณิตารู้สึกไม่ชอบใจสายตาขอปิยะพงษ์ แต่ก้อยากรู้ว่าจะมีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นกับเธอรึเปล่า

"เรื่องใหญ่รึเปล่าไม่รู้ครับอาจารย์ไม่ได้บอก อาจารย์บอกแค่ว่าขอให้มาเร็วที่สุดแค่นั้นครับ คุณสะดวกวันไหนละครับ"

"งั้นกลับไปบอกอาจารย์ เดี๋ยวฉันไปหาพรุ่งนี้เลย น่าจะเข้าไปตอนบ่ายๆ"เจณิตารู้สึกเป็นกังวลนิดหน่อยเพราะตั้งแต่ได้ตะกรุดมาก็เหมือนชีวิตจะดีขึ้น จนคิดไปว่าเอาเองว่าอาคมของอาจรย์นั้นเป็นของจริง แล้วเริ่มเกิดความกลัวจนตอบตกลง

"ได้ครับ" ปิยะพงษ์ยิ้มให้สาวสวยก่อนจะลากลับ
..................................................

"นั้นลูกศิษย์อาจารย์เขามาทำไมคะ พี่เจนิส" พนักงานสาวที่กำลังเก็บข้าวของเตรียมตัวจะกลับบ้านหันไปถามเจ้าของร้านด้วยท่าทางสนอกสนใจเพราะจำชายหนุ่มคนที่เพิ่งคุยกับเจ้านายได้ดี

"เขามาบอกให้พี่ไปทำพิธีอะไรสักอย่างที่สำนักก็ไม่รู้ ท่าทางรีบมากน่าจะเรื่องสำคัญพี่ว่าจะไปพรุ่งนี้เลย"

"อือ พาหนูไปด้วยดิหนูอยากได้ของดีบ้าง" ลูกจ้างสาวทำเสียงน่ารัก

"แกไปแล้วใครจะดูร้าน"

"ก็ปิดไปก่อนสิค่ะ"

"จะบ้าเหรอร้านเพิ่งจะมีลูกค้าเยอะจะให้ปิดได้ไง"

"โถ่ว กั๊กหนูอีกแล้ว ถึงหนูได้ของดีหนูก็ไม่ทิ้งร้านหรอก นาาาา...พี่เจนิส นาาาา..." พนักงานสาวเข้าไปเกาะแล้วอ้อนหนุกขึ้น

"ไม่ต้องมาอ้อนเลย พรุ่งนี้รีบมาด้วยละ แล้วห้ามบอกเรื่องนี้ยัยปลานะ แล้วพี่จะลองขอของดีมาให้ ตกลงไหม" เจณิตาเอานิ้วชี้ดันหน้าผากลูกจ้างออกไปเบาๆ ลูกจ้างสาวก็แกล้งทำเป้นหน้าหงายถอยออกไป

"ค่ะ" ลูกจ้างจำใจตอบรับเสียงเบื่อหน่าย ก่อนจะกลับบ้านไป
..................................................

เมื่อถึงเวลานัดเจณิตาก็มาพบเจษฎาตามที่นัดไว เธออยู่ในชุดเสื้อเชิตแขนยาวสีดำตัวใหญ่ตัดกับสีผิวขาวๆ ชายเสือ้ด้านหน้าข้างหนึ่งเก็บเข้าในกางเกงยีนส์ขาเดฟรับเรียวขาสวย มีรอยขาดแบบแฟนชั่นหลายจุดโชว์เนื้อหนังบริเวณต้นขาและหัวเข่า กับรองเท้าส้นสูงเสริมบุคลิคไม่ให้ดูตัวเเล็กจนเกินไป เธอขับรถเก๋งสีขาวเข้ามาที่บ้านไม้สองชั้นในบรรยากาศร่มรื่นปนวังเวงเพราะห่างบ้านข้างพอสมควร

ปิยะพงษ์ที่เหมือนจะรอการมาของสาวสวยมากยิ่งเสียกว่าอาจารย์ของเขาได้มานั่งรอเธอที่ด้านล่างของบ้านตั้งแต่เที่ยงวัน และรีบเข้าไปรับพร้อมกับบอกเธอว่าอาจารย์รออยู่ข้างบน ชายหนุ่มมองตามหลังของเจณิตาแล้วไล่สายตาลงมาตั้งแต่ศรีษะจากเส้นผมดำสลวย แผ่นหลังเล็กๆ รับกับเอวคอด สะโพกผาย และขาเรียวสวย ยิ่งหญิงสาวอยู่ในกางเกงรัดขับสัดส่วนให้ดูเด่น แล้วทำให้มองเห็นขอบกางเกงในและร่องก้นงามงอนจนปิยะพงษ์เผลอจินตนาการถึงด้านในร่มผ้าอย่างช่วยไม่ได้

วันนี้เจษฎาแต่งชุดขาวห่มขาวปกปิดร่างกายมิดชิดตามแบบฉบับของผู้ทรงศิลแก่กล้าในเวทย์วิทยาเพื่อสร้งาความน่าเชื่อถือให้กับการหลอกลวงวหญิงสาว เขาเลือกใช้ห้องที่ยังว่างเหลืออยู่อีกหนึ่งห้องเป็นห้องสำหรับทำพิธีกรรมในครั้งนี้

"เปี๊ยกลงไปรอข้างล่างก่อน ส่วนคุณหนูหญิงเอาชุดนั้นไปเปลี่ยนนะ เดี๋ยวจะได้เริ่มพิธีกัน" เจษฎาลอบมองดูร่างขาวของหญิงสาวที่แม้จะสวมเสื้อผ้ารัดกุมไม่ได้ล่อแหลมจนเกินไป แต่กลับยิ่งดูดึงดูดกว่าผู้หญิงแต่งตัวโป๊เสียอีก ส่วนเปี๊ยกก็ได้แต่เดินเซ็งๆ ลงจากบ้านไป

"ต้องเปลี่ยนชุดด้วยเหรอคคะ"

"แน่นอนสิ จะได้สำรวมจิตได้ง่ายขึ้น รีบไปเปลี่ยนเถอะครับ เดี๋ยวเสียฤกษ"

"...ก็ได้ค่ะ..." หญิงสาวลังเลใจเล็กน้อยแต่ก็เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ทางเจษฎาเตรียมไว้ให้แล้วเข้าห้องน้ำไปจัดการเปลี่ยนชุด

ระหว่างที่เธอกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเข้าทำพิธี อ๊อดก็ฉวยโอกาสขโมยพวงกุญแจมาจากกระเป๋าของเธอแล้วออกจากบ้านไปที่คาเฟ่ของเจณิตาทันที

หนุ่มใหญ่ทำเป็นนั่งสมาธิออยู่ในห้องคล้ายกำลังเตรียมตัวทำพิธีกรรมตามที่ได้บอก เขาลืมตาขึ้นมามองหญิงสาวที่เข้ามาในห้องหลังจากที่เธอเปลี่ยนเป็นชุดขาว เจษฎาสำรวจเรือนร่างเธออีกครั้งไม่คาดว่าด้วยชุดชั้นในสีดำที่เธอสวมใส่มานั้นเวลามันซ่อนอยู่ในเสื้อผ้าสีขาวตัวใหญ่โคร่งเนื้อผ้าเบาบางที่จนมองเห็นเพียงลางๆ นั้นจะดูเซ็กซี่กว่าชุดที่เธอสวมใส่มาในทีแรกเสียอีก

เจษฎามองดูหน้าตาของเจณิตา แล้วทำเป็นท่องบ่นนับนิ้วแกล้งทำเป็นตรวจดวงชะตา ก่อนจะได้อธิบายให้เธอฟังว่าตอนนี้เจ้ากรรมนายเวรกำลังมีฤทธิ์แรง ตะกรุดที่เขามอบให้ไว้ก่อนหน้านั้นป้องกันให้ไม่ได้ทั้งหมด จึงมีแต่จะต้องทำพิธีปัดรังควานแก้ชะตาเพื่อลดเคราะจากหนักเป็นเบา

ระหว่างที่เจษฎาทำเป็นจัดข้าวจัดของตระเตรียมสถานที่ เขาก็ให้หญิงสาวดื่มน้ำมนต์ศักด์สิทธิ์ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ตัวเองก่อน ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะมีความเชื่อเรื่องดวงเรื่องโชคชะตาเป็นทุนอยู่แล้ว ยิ่งเธอได้ยินกิตติศัพท์ของหมออาคมคนนี้จากลูกน้องและกิจการที่ดีขึ้นหลังจากได้ของดีจากเขาอีก จึงทำให้เธอเชื่อเรื่องลี้ลับแบบนี้มากขึ้นไปอีก จึงหยิบขันใส่น้ำมนต์มาดื่มทันทีโดยหารู้ไม่ว่าน้ำมนต์ที่เจษฎาให้ดี่มนี้ผ่านการปรุงแต่งจากฝีมือของอ๊อด

เจษฎาให้เจณิตานั่งสมาธิเจริญจิตภาวนา ส่วนตัวเขาก็ร่ายมนต์ท่องคาถาเป็นภาษาบาลี ผิดบ้างถูกบ้างตามที่จำมาจากอินเตอร์เน็ต เขาทำพิธีปลอมๆจนเวลาผ่านไปราวยี่สิบนาที น้ำมนต์ของอ๊อดและอากาศร้อนก็เริ่มทำงาน เจณิตาที่นั่งขัดสมาธิแต่ก็ไม่ได้กำหนดหายใจแบบทำสมาธิเพราะทำไม่เป็น เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย หญิงสาวเริ่มมีเหงื่อซึมออกมาจากผิวหนังจนขนลุกชัน ร่างกายเธอเปียกชุ่มผ้ผาขาวที่บางอยู่แล้วก็ใส่จนเห็นผิวเนื้อและชุดชั้นในสีดำได้ชัดขึ้น หัวใจหญิงสาวเต้นแรงจนเธอรู้สึกได้ สูดลมหายใจลึกและปล่อยออกอย่างแรงจนหน้าอกอวบกระเพื่อม สติเริ่มล่องลอบเลิบเคลิ้มไปกับกลิ่นน้ำอบกลิ่นธูปในห้อง จนแทบจะทรงตัวนั่งตรงไว้ไหม่ไหว นั้นทำให้เธอคิดเองไปว่าพิธีกรรมนั้นเข้มขลังและกำลังแสดงผล
..................................................

เกวลีในชุดทำงานเสื้อสูทสีน้ำเงินเข้มลายสก๊อตกับกางเกงลายเียวกันเข้าชุด ด้านในสวมเสื้อสายเดียวสีครีม เดินเข้ามาที่คาเฟ่แล้วตรงเข้าคุยพนักงานสาวที่กำลังง่วนทำออเดอร์ให้ลูกค้าอยู่ "อ้าวอยู่คนเดียวเหรอ"

"พี่เจนิสไปทำธุระค่ะ เดี๋ยวก็คงกลับ"

"พี่ลืมเอกสารไว้เมื่อวานเห็นบ้างไหม"

"พี่เจนีสเก็บไว้ให้แล้วค่ะอยู่ที่บ้าน พี่เข้าไปเอาเองได้ไหมคะ หนูยุ่งมากเลย" พูดจบพนักงานสาวก็ล้วงเข้าไปในผ้ากันเปื้อนหยิบกุณแจสำรองที่เจ้าของร้านฝากไว้ส่งให้เกวลี

"ได้ๆ งั้นพี่เข้าไปเอาของก่อนะ"

"ค่ะ"
..................................................

อ๊อดที่ลอบเข้าในบ้านหลังคาเฟ่ของเจณิตาจากทางกำแพงด้านหลัง แอบเข้าไปใช้กุญแจบ้านไขเข้าไป เขาใช้เวลาติดตั้งกล่องแอบถ่ายตัวจิ๋วเอยู่ครู่ใหญ่ในขณะที่เขากำลังติดตั้งใกล้จะเสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังไขกุญแจดังมาจากทางด้านหน้าบ้าน เขาแอบแง้มประตูลอบมองออกไปเห็นหญิงสาวหน้าสวยที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตา เปิดประตูหน้าบ้านเข้ามาแลัวก็ทำท่าเหมือนกำลังมองหาของบ้างอย่างบริเวณห้องรับแขก

...นั้นมันลูกสาวกำนันนี่หว่ามาทำไมตอนนี้วะ"
อ๊อดรีบปิดประตูห้องนอนอย่างเบาที่สุด แล้วพุ่งไปที่กล่องเครื่องมือ หยิบเอาผ้าผืนเล็กออกมาพร้อมกับเปิดขวดแก้วสีน้ำตาลขนาดเล็ก ก่อนจะเทของเหลวจากขวดลงบนผ้า แล้วกลับไปยืนแบบบริเวณข้างประตู เพื่อรอดูท่าทีจากหญิงสาวที่นอกห้อง

...เอ...หรือว่าอยู่ในห้องนอนนะ...
เกวลีเดินหาเอกสารอยู่ทั่วห้อวรับแขกอยู่นานก็ไม่เจอจึงเดินเข้าไปในห้องนอนเพียงแค่ร่างสูงเพรียวของเธอเปิดประตูและก้าวเข้ามาภายในห้องได้เพียงก้าวเดียว ใบสวยครึ่งล่างของเธอก็ถูกโป๊ะด้วยผ้าที่เปียกชื่นและมีกลิ่นหอมประหลาดอ่อนๆ เธอพยายามจะดิ้นสุดชีวิตแต่ก็ถูกแขนแข็งแรงสอดเข้ามากอดรัดจากด้านหลัง

ยิ่งเธอดิ้นแรงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งสูดเอาสารประหลาดเข้าไปในปอดมากขึ้น และเมื่อร่างกายที่ขยับรุนแรงประกอบกับอาการตกใจนั้น ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงเหมือนจะช่วยเร่งให้สารที่เธอสูดดมเข้าไปทำงานเร็วขึ้น จนเธอรู้สึกค่อยๆ อ่อนแรงลง แขนที่พยายามแกะมือที่ถือผ้าปิดปากปิดจมูกเธออยู่ก็ล่วงลงทิ้งข้างลำตัว ขาที่ถีบไปมาหวังจะหลุดจากวงแขนของร่างปริศนาก็ไร้เรี่ยวแรงแทบจะยืนไม่อยู่ ก่อนสติจะเลือนลางจนไม่สามารถใช้งานประสาทสัมผัสได้อย่างที่ควร แล้วทิ้งร่างงามไปพิงคนลึกลับที่ด้านหลัง

อ๊อดวางร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของเกวลีลงนอนราบไปกับพื้นห้องอย่างระมัดระวังพร้อมกับตรวจเช้คอาการว่ามีอาการผิดปกติจากการดมยาสลบหรือไหม ก่อนจะกลับไปทำงานที่ข้างอยู่ให้เสร็จ จนเวลาผ่านไปราวสิบนาทีระว่างที่เขากำลังตรวจเช็คความเรียบร้อยของภาพที่ถ่ายทอดจากกล้องแอบถ่าย ร่างกายของเขาก็รู้สึกร้อนผ่าว มีเหงื่อไหลซึมออกมาตามร่างกายราวกับกำลังออกกำลังกาย ทั้งที่เขาก็ไม่ใช้แรงอะไรมากมายและที่สำคัญความเป็นชายของเขาก็เริ่มรู้สึกตึงๆ ขึ้นมาโดยไม่ได้มีการกระตุ้นแต่อย่างใด ขณะที่เข้ากำลังดูภาพภายในห้องจากคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคก็สังเกตุเห็นหญิงสาวที่ตอนแรกนอนนิ่งอยู่เริ่มมีการเคลื่อนไหว และกำลังถอดเสื้อสูทออกจากร่างเหมือนคนเมาไม่ได้สติจนเหลือแต่เสื้อสายเดี่ยวเผยให้เห็นผิวขาวด้านใน

...แม่งเกิดอะไรขึ้นวะ...
เขาปาดเหงื่อออกจากใบหน้าแล้วเรียบเปิดกล่องเครื่องมือที่วางอยู่ด้านข้างแล้วหยิบขวดยาที่เพิ่งใช้ไปออกมาสำรวจดู

...ชิบหายแล้ว ไอ้เพื่อนเหี้ยแม่งส่งยามาผิดนี่หว่า...
เมื่ออ๊อดตั้งใจเพ่งมองตัวหนังสือเล็กๆ บนฉลากก็เข้าใจเหตุการณ์ประหลาดขึ้นมาทันที ในมือของเขาไม่ใช่ยาสลบที่สั่งซื้อมาจากเพื่อน แต่เป็นยาปลุกอารมณ์ทางเพศชนิดใหม่ที่เพื่อนเขาเคยอวดเรื่องสรรพคุณว่าได้ผลดีเยี่ยม ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเผลอสูดเข้าไปบ้างรึเปล่า แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือตอนหญิงสาวที่สูดเอาสารเคมีเข้าไปเต็มๆ จนมีอาการมึนเมาดูเหมือนจะควบคุมสติไม่ค่อยได้คลานมากอดเอวเขาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ชายหนุ่มสะบัดหน้าไปมาพยายามตั้งสติ ไม่อยากปล่อยตัวปล่อยใจไปตามอารมณ์และฤทธิ์ยา เพราะนอกจากจะเสียงานแล้วอาจจะโดนจับเข้าคุกไปด้วย แต่เมื่อพยายามจะแกะมือของสาวสวยออกจากร่าง ผิวหนังที่เนียนขาว และเนื้อนุ่ม ก็ทำเอาเขาเคลิ้มไปจนแท่งเนื้อแข็งกระตุก แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรก็หยิบมือขึ้นมาส่งข้อความออกไปทันที
..................................................

เจษฎาลืมตาขึ้นมาเพราะแรงสั่นไหวของโทรศัพท์มือถือแต่ก็ยังไม่หยุดท่องมนต์ สายตาที่หลุดออกมาจากความมืดมองเห็นสาวสวยในสภาพที่มีเสื้อผ้าสีขาวเนื้อผ้าบางเบาแนบติดไปกับเนื้อเพราะพดเหงื่อพราวไปทั่วร่าง เรือนผมที่เปียกชื่น ดูเย้ายวนน่ามอง กำลังนั่งหลับตาตัวโยกไปมาเบาๆ ก่อนจะตั้งสติหยิบมือถือขึ้นมาปัดหน้าจอปลดล็อค

...ถ่วงเวลาไว้ก่อนนะ ทางนี้มีปัญหานิดหน่อย...
เจษฎาอ่านข้อความในใจ เป็นอ๊อดที่ส่งมาหลังจากแอบเข้าไปติดตั้งกล่องแอบถ่ายภายในห้องนอนของเจณิตา ที่เวลานี้ควรจะติดตั้งเสร็จไปแล้ว

...นานไหม...
เจษฎาพิมพ์ตัวหนังสือตอบกลับไปด้วยความรวดเร็วเพราะตอนนี้เขาก็เริ่มจะหมดมุขที่จะใช้ตรึงให้หญิงสาวอยู่ที่บ้านแล้ว

...สักชั่วโมง...
"หา!" เจษฎาอุทานออกมาอย่างลืมตัวเมื่อเห็นข้อความ จนถึงกับหยุดท่องมนต์

"มีอะไรเหรอคะ..." หญิงสาวสะดุ้ง ลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงดังและคาถาที่หยุดไป หันมามองหนุ่มใหญ่หน้าแดงระเรื่อดวงตาฉ่ำเยิ้ม

"ไม่มีอะไร แค่เจ้ากรรมนายเวรเขายังไม่ยอมนะ" เจษฎารีบซุกมือถือเข้าไปด้านหลังหวั่นว่าเหยื่อจะรู้ตัว

"แต่หนูไม่ไหวแล้วนะอาจารย์ มันมึนหัวมากเลย" หญิงสาวในตาฉ่ำใช้มือเรียวสวยกุมไปที่ขมับ รู้สึกคล้ายกับว่าบ้านกำลังหมุ่นวนไปมาจนลำตัวโงนเงน

"งั้นคุณหนูนอนลงไปก่อนนะ หายใจเข้าพุทธ หายใจออกโท ทำไปเรื่อยๆ ที่เหลือเดี๋ยวอาจารย์จัดการเอง" เจษฎาลุกเข้าไปประครองร่างของเจณิตาให้นอนราบไปกับพื้น

เจณิตาที่กำลังมึนงงขนลุกชันไปทั่วร่าง สะดุ้งเหมือนถูไฟฟ้าช๊อตทันทีเมื่อถูกอาจารย์เวทย์กำมะลอสัมผัสร่าง เนื้อตัวนุ่มนิ่มอ่อนระทวยอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน ก่อนจะเอนร่างลงไปนอนตามคำสั่งอย่างงว่าง่าย

...เอาไงดีวะ...
เจษฎามองร่างเล็กที่นอนผิวขาวราวกับหยวกกล้วยตัดกับชุดชั้นในสีดำ ส่วนเสื้อผ้าตอนนี้ใส่ไว้ก็เหมือนไม่ได้ใส่ หญิงสาวหายใจฟืดฟาดหน้าอกสวยขยับขึ้นลง ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก การต้องอยู่ในห้องกับสาวสวยสองต่อสองนานถึงหนึ่งชั่วโมงมันทำให้ความคิดของเขาเตลิดไปไกล
..................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

wood007


boom00

คงต้องจัดเป็นการทวงเงลา ตอนแรกนึกว่าจะได้ลูกกำนันเอง แต่คงเสร็จอ็อดแล้วแน่ๆงานนี้

Nong5670

สงสัยต้องจัดเมียน้อยกำนันแล้วมั่งเนี้ย

bangsan

เรื่องนี้มันลึกลับซับซ้อนมากสมกับวงจรแห่งความมืดสงสัยเจษจะได้ล่อเมียน้อยกำนันแน่ๆพงษ์ก็เป็นลูกเขยกำนันอีกคน

sakdi Ontong

อาจารย์เจษจะมีวิธีเอาตัวรอดยังไง และสามารถเก็บผู้หญิงมาเพิ่มไหม รอลุ้นกันครับ

samanlo ba


nujane_dude

อาจารย์เจษสงสัยต้องจัดเมียน้อยกำนัน แน่ๆ

pooloop

เรื่องราวตอนต้นเรืรองนี่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้นะ เริ่มงง แต่ก็น่าติดตามขึ้นเรื่อยๆ

pm2015

งานนี้ทั้งลูกพี่ ลูกน้องคงต้องถ่วงเวลากันสุดฤิทธิ์... สบายตัวกันไปครับ

ชายชรา

รอมาหลายวันพอเปิดมาก็มีตัวละครเพิ่มมาอีกติดตามครับตอนต่อไปมาเร็วน่ะครับรออยู่

ton29048

เสร็จทั้งคู่แน่ๆ โดนยาปลุกเข้าไปทั้งคู่เลย

Channarong Saekow

ลูกสาวกำนันจะเสร็จเจ้าอ๊อดหรือไม่น่ะ แล้วพระเอกของเราจะจัดการอย่างไรต่อไปน่ะ

x99

จารย์ ตีท้ายครัวกำนันซะแล้ว ใครจะเอาใครไม่สนนะ ขอดิวคนเดียว

pm2015