ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

สางแค้น(9)

เริ่มโดย twintower, กุมภาพันธ์ 26, 2021, 08:01:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

จากผู้เขียน

ผมจะแจ้งให้ทราบว่า สางแค้นตั้งแต่ตอนนี้ถึงตอนจบจะไม่มีบทเสียวแล้วนะครับ คือผมแต่งเรื่องนี้จบตั่งแต่ช่วงกลางเดือนได้แล้ว และพอมานั่งตรวจสอบอีกครั้งเพื่อจะแก้ไข เพิ่มเติม แต่หลังจากนั่งอ่าน2-3 รอบแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเติมบทเสียวเข้าไปได้ตรงไหนครับ จึงมาแจ้งให้ทราบกันก่อนครับ

และในตอนจบของสางแค้นผมจะนำเรื่องย่อพร้อมโครงเรื่อง และบางส่วนของนิยายที่ผมแต่งไว้ทั้ง 2 เรื่อง มาให้อ่่านกันตอนท้าย มันจะได้จบอย่างสมบูรณ์ครับ โดยเฉพาะบทสรุปในตอนท้ายที่เป็นเรื่องของธง ที่ผมแต่งตอนจบไว้เรียบร้อย เพราะจะได้กำหนดทิศทางของเรื่องไม่ให้เตลิดออกไปไกลว่าที่คิดไว้ครับ

ขอบคุณครับ

twintower

...

แคนเล่าย้อนไปว่า ลุงกับพ่อนั้นเป็นฝาแฝดกัน ลุงนั้นชื่ออู๊ดส่วนพ่อของแคนชื่อแอ็ดทำให้แคนหน้าคล้ายทั้ง2คนนี้มาก ทั้งคู่เป็นคนเชียงรายแต่โดยกำเนิดปู่กับย่านั้นเป็นชาวสวนมีที่อยู่ประมาณ 15 ไร่ ฐานะของทางบ้านนั้นไม่ค่อยดีนักลุงนั้นเรียนถึงแค่ป.6แล้วไม่เรียนต่อ เพราะจะได้ช่วยปู่กับย่าทำงานเพื่อจะได้ส่งเสียพ่อของแคนเรียนเพียงคนเดียว จนพ่อเรียนจบปริญญาตรีก่อนจะเข้ามาทำงานบริษัทในกรุงเทพ ส่วนลุงนั้นเป็นชาวสวนเหมือนปู่กับย่าจนลุงได้แต่งงานกับป้าที่เป็นคนอีกตำบล และช่วยกันทำมาหากินก่อนจะมีลูกสาวชื่อดาวซึ่งแก่กว่าแคน 5ปี จนพ่อกับแม่แคนแต่งงานกันและมีแคน ตอนนั้นพ่อกับแม่ยังฐานะไม่ดีอยู่เพียงห้องเช่าเล็กๆ ทำให้มีปัญหาในการเลี้ยงดูแคน เพราะหาคนเลี้ยงไม่ได้ตอนแรกจะส่งไปให้ตากับยาย แต่ลุงกับป้านั้นขอแคนไปเลี้ยงเองโดยให้เหตุผลว่าดาวจะได้มีน้องชาย ตอนแคนเกิดนั้นปู่กับย่าเสียไปแล้ว แคนจึงไปโตที่เชียงราย ภาพที่คนในหมู่บ้านเห็นจะเป็นภาพ 2 คนพี่น้องขี่จักรยานตามกันไปเวลาไปไหนมาไหน และลุงกับป้านั้นเลี้ยงดูแคนอยางดีตามฐานะที่เอื้ออำนวยทำให้แคนรักลุงกับป้าเหมือนกับพ่อและแม่อีกคน

แคนนั้นรู้จักคนในหมู่บ้านดีโดยเฉพาะผู้ใหญ่โพธิ์ที่เปิดร้านขายของชำ และเป็นร้านที่แคนกับดาวไปซื้อขนมกินบ่อยจนคุ้นเคยกันและผู้ใหญ่กับเมียต่างก็ให้ความเมตตากับ 2 พี่น้อง จนแคนเรียนจบ ป. 6 และแคนสอบติดโรงเรียนมัธยมในกรุงเทพ แคนจึงย้ายกลับมาอยู่กับพ่อและแม่ที่ตอนนั้นพอจะมีเงินผ่อนซื้อบ้านที่เป็นทาวน์เฮ้าส์ ตอนนั้นฐานะของลุงกับป้านั้นเริ่มดีขึ้นเพราะขายพืชผลได้กำไรอย่างมาก และแคนจำได้ดีว่าก่อนจะมากรุงเทพแคนได้ไปลาลุงโพธิ์ซึ่งแกก็ให้ศีลให้พรอย่างดี ถึงแคนจะมาเรียนในกรุงเทพแต่พี่สาวกับน้องชายนั้นเขียนจดหมายติดต่อกันตลอด  ดาวนั้นเป็นเด็กที่เรียนเก่งจนได้ทุนการศึกษามาตลอดและตั้งเป้าจะเป็นหมอ และเป็นไปตามเป้าหมายดาวนั้นสอบติดแพทย์ของมหาวิทยาลัยในกรุงเทพซึ่งก่อนหน้าลุงกับพ่อของแคนได้วางแผนไปเรียบร้อยโดยดาวจะมาพักที่บ้านของพ่อทำให้แคนนั้นดีใจมาที่ดาวจะมาอยู่ด้วยโดยแคนจะขึ้นไปที่เชียงรายเพื่อจะไปช่วยดาวขนของมาอยู่ที่กรุงเทพ

แต่ก่อนที่แคนจะไปเชียงราย 1 อาทิตย์ ลุงโทรศัพท์ทางไกลมาบอกกับพ่อว่าที่บ้านมีปัญหาดาวถูกข่มขืนแต่แจ้งความแล้ว พอได้ข่าวนี้พ่อกับแคนรีบเดินทางไปเชียงรายทันที แต่พอไปถึงบ้านลุงสิ่งที่เห็นสภาพบ้านที่เหลือแต่ตอตะโกควันยังลอยคุกรุ่น เมื่อคืนที่ผ่านมาบ้านนั้นถูกไฟไหม้ส่วนลุง ป้า และพี่ดาวนั้นเสียชีวิตในกองเพลิงทั้งหมด พ่อนั้นทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดแรงส่วนแคนนั้นร้องไห้ไม่หยุดด้วยความเสียใจอย่างมาก คนที่มีพระคุณและยอมเสียสละต่อพ่อและแคนต้องมาตายอย่างน่าอนาถ จนไปถึงโรงพักตำรวจบอกสั้นๆว่าไฟไหม้บ้านทั้ง 3 คนตายหมด ยังสรุปสาเหตุไม่ได้ส่วนเรื่องพี่ดาวถูกข่มขืนนั้นตำรวจไม่ได้ให้รายละเอียดมากนัก แต่แคนกับพ่อมารู้จากชาวบ้านในงานศพว่า คนที่ฉุดดาวไปข่มขืนคือจิต ที่เป็นลูกน้องของกำนันน้อม พอได้ยินชื่อกำนันน้อมที่ตอนนั้นเริ่มสร้างอิทธิพลมาได้พอสมควรทำให้พ่อรู้ว่าเรื่องนี้มันมีเงื่อนงำ จนมารู้จากชาวบ้านว่าสาเหตุคือกำนันส่งให้จิตกับพรรคพวกเข้ามาติดต่อขอซื้อที่จากชาวบ้านเพื่อจะสร้างรีสอร์ท โดยรวมที่ของลุงด้วยซึ่งกำนันขอซื้อในลักษณะที่กดราคาและใช้การข่มขู่ แต่ลุงไม่ยอมขาย จิตได้มาขู่ต่างๆนานาแต่ลุงนั้นไม่สนใจ

จนจิตมาก่อเรื่องฉุดดาวไปข่มขืนและเสนอเงินให้เป็นการชดเชย 2 แสน แต่ทางลุงกับป้าไม่ยอม ได้ไปแจ้งความซึ่งตอนนั้นกำนันน้อมได้เข้ามาเจราจาและยอมจ่ายค่าเสียหายเป็น 5 แสนต่อหน้าตำรวจแต่ลุงกับป้ายืนยันคำเดิมจะเอาจิตติดคุกให้ได้ พอเป็นแบบนั้นกำนันไม่พอใจอย่างมาก พร้อมประกันตัวจิตออกมาทันที และในคืนนั้นมีคนเห็นจิตกับพรรคพวกมาวนเวียนในหมู่บ้าน ก่อนที่ไฟจะไหม้บ้านลุง ซึ่งชาวบ้านนั้นเดาไม่ยากกว่าเป็นการฆ่าปิดปากทั้งครอบครัวโดยฝีมือของจิต ซึ่งในระหว่างนั้นทางผู้ใหญ่โพธิ์ได้เข้ามาเกลี้ยกล่อมให้พ่อขายที่ให้กำนันน้อมอีกด้วย แต่พ่อยังไม่คุยพยายามตามในเรื่องคดี ซึ่งผลที่ทางตำรวจแจ้งมาบอกว่าน่าจะเกิดจากไฟลัดวงจร ส่วนในเรื่องคดีของดาวนั้นในเมื่อเจ้าทุกข์ตายก็ไม่สามารถเอาผิดจิตได้ แต่เบื้องหลังคือกำนันได้ใช้อิทธิพลเข้ามาขู่ชาวบ้านไม่ให้ใครไปเป็นพยาน ทำให้ชาวบ้านนั้นไม่กล้าเพราะความหวาดกลัวรวมถึงจ่ายเงินให้กับตำรวจที่ทำคดีเพื่อจะได้ปิดคดี พอพ่อกับแม่แคนรู้ได้พยายามไปร้องเรียนแต่เจอกำนันมาขู่ถึงงานศพ ทำให้พ่อกับแม่ไม่กล้าทำอะไรไปมากกว่านั้น แถมลุงโพธิ์ยังพยายามเกลี้ยกล่อมให้พ่อขายที่ให้กำนันอีก จนพ่อต้องจำใจขายที่ให้ในราคาถูกเพราะหวั่นเกรงอิทธิพลของกำนันที่คนธรรมดาอย่างตนเองไม่สามารถจะสู้รบได้ และก่อนที่จะกลับกำนันได้ประกาศต่อหน้าลุงโพธิ์ว่าห้ามให้ครอบครัวของแคนกลับมาเหยียบที่เชียงรายอีก ถ้ามาจะไม่รับรองความปลอดภัย แคนนั้นรู้เรื่องตลอดและตอนที่ตนเองอยู่กับลุงนั้นก็เคยเห็นหน้าทั้งกำนันน้อมและจิตแต่ไม่สนใจอะไร จนถึงวันนั้นที่แคนมองไปที่ทั้ง 2 อย่างอาฆาตเหมือนสายตาที่มองตอนเจอที่โรงพักครั้งล่าสุด และจิตกับกำนันต่างหัวเราะเยาะกับสายตาของแคนที่มองมา

มันเป็นความแค้นที่ฝังในใจของแคนรวมถึงลุงโพธิ์ที่แคนเคยนับถือแต่การกระทำที่ผ่านมานั้นลุงโพธิ์ไม่ยอมช่วยเหลือในฐานะผู้ใหญ่บ้านเลย ยอมศิโรราบต่ออิทธิพลของกำนัน เช่นเดียวกับพ่อที่ถือเป็นตราบาปอย่างหนึ่งในชีวิตที่ไม่สามารถทำอะไรกับความอยุติธรรมที่ได้รับ จนกลับมากรุงเทพแคนได้ไปหานพเพื่อขอความช่วยเหลือ แคนกับนพนั้นเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยความที่เป็นคนที่เรียนเก่งทั้งคู่ทำให้สนิทกันและแคนนั้นเคยไปทำรายงานหรือติวหนังสือที่บ้านนพหลายครั้งทำให้รู้จักคนในบ้านเป็นอย่างดี ซึ่งตอนแรกที่รู้จักกันนั้นแคนไม่รู้เลยว่าเพื่อนมีพ่อเป็นตำรวจ เพราะนพไม่เคยเล่ายิ่งนพเป็นคนที่พูดน้อยอยู่แล้ว ลักษณะนิสัยของนพคือเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดและไม่โอ้อวดออกมาว่าบ้านตนเองนั้นรวยขนาดไหนแถมมีพ่อเป็นตำรวจ แคนมารู้ว่านพมีพ่อเป็นตำรวจคือมีข่าวจับตายโจรปล้นธนาคารที่จังหวัดแห่งหนึ่งในภาคกลางและคนที่วิสามัญคือ สารวัตรปราบปรามที่ดวลปืนกับโจรปล้นธนาคารกลางถนนและโจรตายทั้งหมด 2คน พอเห็นนามสกุลเลยไปถามนพ และนพตอบมาสั้นๆ

"เออ พ่อกูเอง"

หลังจากนั้นแคนได้เข้าไปทำรายงานที่บ้านนพ ซึ่งทุกคนในบ้านนั้นต้อนรับแคนอย่างดี จนแคนมาบ่อยขึ้นทำให้สนิทกับทุกคนและเคยเจอรองพิชญ์ในตอนนั้น2-3ครั้ง เพราะรองพิชญ์นั้นอยู่ต่างหวัดนานๆกลับมาบ้านที ด้วยความสงสัยในเรื่องที่นพจะดูเฉยๆกับข่าวของพ่อตนเอง แคนจึงถามนพจึงตอบไปว่า

"จริงๆกูนะห่วงพ่อ พอมีข่าวพวกนี้กูจะเดินหนีทันที ไม่อยากรับรู้ กูนะสงสารคุณแม่ว่าห่วงพ่อเหมือนกันแต่ไม่กล้าพูดกลัวลูกๆจะใจเสีย  พี่ต้นนะยังไงก็ตามรอยพ่อแล้วเข้าเรียนเตรียมทหารในส่วนของนายร้อยตำรวจ ส่วนตูนนะยังไม่รู้อะไรมากพอพ่อออกทีวีก็นั่งดูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่   พ่อยิ่งทำงานเสี่ยงกูนะยิ่งห่วง แม่ก็จากกูไปตั้งแต่กูยังเล็กกูไม่อยากให้พ่อจากไปอีกคน"

แคนนั้นพอจะรู้ว่าคุณแม่นพนั้นเป็นแม่เลี้ยง แต่ดูแลนพอย่างดีเหมือนลูกแท้ๆเรียกนพว่าคุณนพอยู่คนเดียวไม่เหมือนลูกคนอื่นๆที่เรียกชื่ออย่างเดียว ทำให้ดูนพเป็นเด็กที่ติดแม่อย่างมาก และแคนนั้นไม่รู้จะไปพึ่งใคร แคนนึกถึงรองพิชญ์คนเดียว แคนตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นพ ซึ่งนพตกใจอย่างมากและเป็นจังหวะเดียวกับที่รองพิชญ์กลับมาที่บ้าน นพได้พาแคนไปหาที่ห้องทำงานในบ้านและปล่อยให้แคนคุยกับรองพิชญ์เพียงสองคน แคนเล่าให้ฟังทั้งน้ำตา ซึ่งรองพิชญ์รับปากว่าจะช่วยดูให้ ผ่านไปเดือนเศษๆ รองพิชญ์ให้นพบอกแคนให้มาหาที่บ้านพร้อมกับบอกว่าคดีนั้นถูกปิดไปแล้ว เพราะหลักฐานนั้นไม่มี หลักฐานที่สำคัญๆถูกเผาไปกับบ้านแล้ว การชันสูตรศพนั้นก็ไม่ละเอียดส่วนพยานบุคคลไม่มี ทั้งคดีของดาวและคดีไฟไหม้ ทำให้ทำอะไรมากไปกว่านี้และอีกอย่างมันคนละท้องที่กับที่รองพิชญ์อยู่ ทำให้ทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่รองพิชญ์บอกแคนว่าจะตามเรื่องนี้ต่อ แคนนั้นนั่งฟังทั้งน้ำตา แต่ก็เข้าใจในเหตุผลที่รองพิชญ์บอก จนรองพิชญ์ถามไปว่าอยากให้ช่วยเหลืออะไรแคนจึงตอบทันที

"ผมอยากเป็นตำรวจครับพ่อ"

"แคนอยากเป็นเพราะอะไร เป็นเพื่อจะใช้ความเป็นตำรวจมาล้างแค้นหรือ ถ้าเป็นอย่างนี้พ่อไม่สนับสนุน พ่อเข้าใจว่าแคนแค้นใจกับเรื่องนี้ แต่มันใช่เรื่องง่ายๆเหมือนในหนัง ชีวิตจริงของคนเรามันต้องเจออะไรอีกเยอะ มันมีทั้งถูกและไม่ถูก เรื่องของครอบครัวลุงแคนเอง พ่อก็ดูออกว่ามันมีเงื่อนงำแต่เราหาหลักฐานที่สำคัญๆไม่ได้มันต้องมีเบื้องหลังที่เรายังไม่รู้อีกเยอะ แต่ถ้าแคนอยากเป็นตำรวจแล้วมาทำงานเพื่อช่วยคนแบบที่พ่อทำ พ่อสนับสนุนนะ"

แคนพยักหน้ารับรู้และแคนรู้ดีว่ารองพิชญ์นั้นไม่ปล่อยคดีให้เงียบหาย เพราะหลังจากที่เกิดเรื่องไม่นานนักแคนเห็นข่าวมีการย้ายตำรวจในท้องที่นั้นขนานใหญ่ มีหลายคนที่ถูกตั้งกรรมการสอบสวน หลังจากนั้นแคนมุเรียนหนักขึ้นรวมถึงออกกำลังกายอย่างหนักโดยบางครั้งได้มาขอคำปรึกษาจากต้น ซึ่งต้นให้คำแนะนำอย่างดี และคุณแม่ของนพอนุญาตให้แคนมาฝึกว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำที่บ้านได้ตลอด ด้วยการสนับสนุนจากรองพิชญ์แคนจึงได้สอบติดนายร้อยตำรวจ ซึ่งพอรู้ผลแคนได้มาที่บ้านของนพพร้อมกราบเท้าขอบคุณรองพิชญ์และคุณแม่ของนพที่ช่วยเหลือ และแคนถือว่ารองพิชญ์นั้นเป็นพ่อของตนอีกคนหนึ่งรวมถึงนพที่แคนนั้นไม่รู้จะขอบคุณนพได้ยังไงกับความมีน้ำใจของเพื่อน หลังจากวันที่รองพิชญ์ได้บอกแคนถึงรูปคดีว่าคดีถูกปิดแล้ว นพได้มาถามพร้อมบอกกับแคนว่า "พ่อบอกว่าเรื่องนี้มันต้องใช้เวลา" จนแคนเรียนจบซึ่งวันรับพระราชทานกระบี่ รองพิชญ์ได้บอกแคนอีกครั้งเหมือนวันที่แคนรู้ว่าตนเองสอบติดว่าอย่าเอาความแค้นที่ฝังใจนั้นมาอยู่เหนืออารมณ์ซึ่งแคนรับคำ พอแคนเข้ามาอยู่กองปราบเพราะแคนรู้ดีว่าถ้าทำอยู่หน่วยอื่นตนเองนั้นอาจจะทำอะไรจิตกับกำนันน้อมไม่ถนัด แต่อยู่กองปราบนั้นสามารถรู้ข่าวและความเคลื่อนไหวของกำนันน้อมได้ จนแคนเข้ามาเป็นคอมมานโดแต่ก็ยังตามดูเรื่องกำนันอยู่ ทำให้รู้ว่าในช่วงที่ผ่านมาอิทธิพลของกำนันขยายมากขึ้น

ยิ่งมีข่าวในทางลึกว่ากำนันเป็นเอเย่นต์ค้ายารายใหญ่นอกเหนือจากสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ ทำให้แคนนั้นพยายามหาวิธีจัดการจิตกับกำนันให้ได้ สำนวนคดีเก่าๆรวมถึงคดีของลุงถูกแคนค้นมาดูอีกครั้ง เพราะตอนที่รองพิชญ์อยู่กองปราบได้ย้ายสำนวนคดีมาที่กองปราบแต่ทำอะไรไม่ได้มากนัก ยิ่งข้อมูลการค้ายาแต่ไม่สาวไปถึงกำนันทำให้แคนคิดว่าถ้าจะจัดการกำนันด้วยเรื่องจับยาเสพติดดูจะเป็นหนทางที่เล่นงานกำนันได้ดีที่สุด มันเป็นจังหวะที่ทางรุ่นพี่ที่อยู่ ป.ป.ส.ติดต่อให้มาอยู่หน่วยงานปฏิบัติการพิเศษ ทำให้แคนตอบรับทันทีแต่แคนก็ไม่ลืมที่จะปรึกษารองพิชญ์ก่อน ซึ่งรองพิชญ์ไม่ติดขัด จนแคนไปสหรัฐและรับงานแฝงตัวที่อัฟกานิสถานแต่แคนไม่เคยลืมความแค้นที่จิตกับกำนันทำกับครอบครัวของลุง จนถูกเรียกตัวให้มาช่วยงานตอนสังหารเปายุ่น แคนยอมรับตรงๆว่ามันเป็นโอกาสที่จะจัดการกับจิตและกำนันน้อม โดยเฉพาะตอนที่ทุมวิ่งเข้ามาอย่างขาดสติ มันเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งในการแก้แค้น

"พี่ชายผมยอมรับว่า ผมตั้งใจที่จะฆ่าเพราะมันเป็นลูกของไอ้จิตที่เป็นต้นเรื่อง ผมต้องการให้ไอ้จิตมันรู้ถึงความสูญเสียที่ผ่านมากฎหมายทำอะไรมันไม่ได้ มันใช้ช่องว่างของกฎหมายไม่ก็ใช้อิทธิอำนาจมืดมาบีบบังคับแต่คราวนี้เป็นกฎหมายที่ลงโทษไปที่ลูกมัน มันจะได้รู้ว่ามันกับพวกไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย ยิ่งผมมารู้ว่ามันเห็นคลิปตอนที่ลูกมันโดนผมยิงตายผมยิ่งสะใจ พวกมันทำกับผมไว้เยอะถ้ามีโอกาสที่ใช้กฎหมายกับความผิดที่พวกมันก่อขึ้นผมจะไม่รีรอ"

โจนาธานที่ฟังมาตลอดโดยได้แต่สงสารในชะตากรรมที่แคนได้รับจากความอยุติธรรมก่อนจะตบไปที่บ่าแคนเบาๆ

"ผมเสียใจด้วยกับเครื่องครอบครัวของลุงคุณ แต่อย่าลืมนะว่าอย่าทำอะไรลงไปเพราะความแค้นส่วนตัวจนเสียงาน คุณจะต้องฟังคำสั่งจากผมทุกเรื่องน้องชาย"

"ขอบคุณมากและเรื่องที่คุณสั่งผมรับรองผมปฏิบัติตามอย่างแน่นอน ผู้ใหญ่ที่ผมนับถือสอนผมมาในเรื่องนี้ตลอดครับ คุณมั่นใจได้เลยผมมองถึงเรื่องทีมมาก่อนตลอดไม่ได้นึกถึงเรื่องความแค้นส่วนตัว"

"โอเค  คุณรับปากผมก็ดีใจน้องชาย เอาละเตรียมไปช่วยนักเคมีได้แล้วเตรียมตัวเคลื่อนย้าย"

ประโยคหลังบราโว่1 ได้บอกไปยังทุกคนก่อนจะเตรียมตัวเดินทางไปที่โกดัง



ในเวลาเดียวกันรองพิชญ์ที่กลับมาถึงบ้าน หลังจากคดีจับยาบ้าพร้อมกับการสังหารเปายุ่นแล้ว ทาง ผบ.ตร.สั่งให้รองพิชญ์กับรองสุพจน์ เพิ่มทีมคุ้มกัน จากเมื่อก่อนรองพิชญ์เวลาไปไหนมักจะมีเพียงมอเตอร์ไซด์ 1 คันนำให้เท่านั้น แต่ตอนนี้เพิ่มรถวิทยุนำอีก 1 คัน  ตามด้วยมอเตอร์ไซด์ขับนำและปิดท้ายขบวนอีกอย่างละคัน รวมไปถึงทีมคุ้มกันที่อยู่บนมอเตอร์ไซด์ขับประกบอีก 2 คัน และรถ SUV 1 คันที่มีคอมมานโดพร้อมอาวุธครบมืออีก 4คน ที่ขับตามรถที่รองพิชญ์นั่ง และนอกจากตู้แดงนอกบ้านแล้วจะมีสายตรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบจะมาคอยดูตลอด 24 ช.ม. พอถึงหน้าบ้านรถในขบวนนั้นจอดหน้าบ้าน คนในรถมอเตอร์ไซด์ที่ขับประกบ4 คนต่างลงจากรถ และไปยืนตรงประตูบ้านพร้อมด้วยคนในรถ SUV มีเพียงรถของรองพิชญ์เท่านั้นที่เลี้ยวเข้ามาในบ้าน ทันทีรถจอด สารวัตรโจ้ที่นั่งอยู่ข้างคนขับได้ลงมาจากรถและเดินมาเปิดประตูให้เจ้านายทันที เสียงของสุนัขที่เลี้ยงไว้ต่างส่งเสียงด้วยความดีใจ บอมกับบูมนั้นวิ่งนำลูกสุนัขพันธ์โกลเด้นฯอีก 3 ตัว วิ่งมาหารองพิชญ์ด้วยความดีใจ ทำให้รองพิชญ์ก้มไปทักสุนัขทุกตัวก่อนจะอุ้มโกลเด้น 1ตัวขึ้นมา

"ไงหมั่นโถววันนี้ซนไหมลูก"

แม่บ้านที่เดินตามบรรดาสุนัขพวกนี้ได้ตอบไปยังเจ้านาย

"มีบ้างคะท่าน"

รองพิชญ์หัวเราะก่อนจะหันไปหานายตำรวจติดตามที่ก้มไปเล่นกับเจ้าฮักกี้ ทั้ง 2ตัว

"โอเคโจ้ วันนี้เท่านี้ก่อน พรุ่งนี้เจอกัน"

"ครับท่าน"

สารวัตรโจ้ยืนชิดเท้าตรงพร้อมก้มหัว แต่ไม่ลืมบอกไปที่ฮักกี้ทั้ง 2ตัว

"พรุ่งนี้เจอกันนะบอมบูม"

พร้อมก้มเอามือไปลูบที่หัวของไซบีเรียนจอมแสบประจำบ้านทั้งสองตัวก่อนจะขึ้นรถ รองพิชญ์ยืนมองรถที่ถอยออกไปจนประตูบ้านปิด แล้วถึงวางหมั่นโถวลงกับพื้นก่อนจะถามไปที่แม่บ้าน

"สงสัยไปร้านกันหมดยังไม่มีใครกลับเลยนี่ปาน"

"คะ หนูตูนโทรมาบอกว่าจะไปที่ห้างก่อน คุณรัชนีก็อยู่ที่นั่น ส่วนนพเห็นบอกว่าจะไปทำรายงานกับคุณฐานะคะ ไม่ต้องทำอาหารเผื่อ แต่วันนี้ท่านกลับเร็ว"

"ก็สงสารพวกน้องๆนะเหนื่อยกันมาหลายวันแล้ว ผมกลับเร็วพวกนั้นก็กลับเร็วจะได้พักผ่อนกันบ้าง ถ้าอย่างนั้นผมรอตูนกับคุณรัชนีก่อน แล้วปานเอาน้ำมะตูมไปให้ผมที่ห้องทำงานแล้วกัน"

"จะรับแบบร้อนหรือเย็นคะท่าน"

"เอาร้อนแล้วกัน"

"คะท่าน"

แม่บ้านรับคำก่อนจะเดินไปยังครัวส่วนรองพิชญ์เดินเข้าไปในบ้านก่อนจะตรงไปที่ห้องทำงาน พอนั่งบนเก้าอี้ในห้องทำงาน รองพิชญ์นำโทรศัพท์มาวางบนโต๊ะเพื่อรอรับรายงานข่าวสำคัญ หลังจากที่เด็กรับใช้นำน้ำมะตูมร้อนมาเสิร์ฟตามคำสั่งของแม่บ้าน รองพิชญ์ยกแก้วขึ้นจิบแล้วไปมองไปรอบๆห้อง ทำให้หวนนึกไปถึงเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เด็กชายคนหนึ่งมานั่งร้องไห้ตรงหน้าเพื่อขอความช่วยเหลือ รองพิชญ์เข้าใจดีถึงความอัดอั้นของเด็กคนนั้นที่ถูกกระทำโดยที่ตนเองกับพ่อไม่สามารถจะทำอะไรได้ในเมื่อเจอกับอิทธิพล หลังจากนั้นรองพิชญ์ได้ทำเท่าที่จะทำได้ในตอนนั้นและทุกอย่างมันถึงทางตัน คดีข่มขืนหญิงสาวว่าที่แพทย์ ตามด้วยบ้านที่ถูกไฟไหม้  3คน พ่อแม่ลูกตายในกองเพลิง แต่ถูกสรุปว่าเป็นไฟฟ้าลัดวงจร ผลการชัณสูตรศพก็ทำอย่างลวกๆ ชื่อเสียงของกำนันบุญส่งหรือน้อมในตอนนั้นรองพิชญ์พอจะได้ยินมาบ้าง ทำให้มั่นใจว่าทุกอย่างมันเกิดจากอิทธิพลของกำนัน ยิ่งตอนที่มาบอกแคนว่าไม่สามารถทำอะไรต่อได้แล้วรองพิชญ์นั้นสงสารและเห็นใจแคนอย่างมาก แต่ดีที่แคนนั้นเข้าใจ จากวันนั้นส่วนหนึ่งจากที่ตนเองเป็นผู้พิทักษ์กฎหมายแต่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้สิ่งที่พอทดแทนได้คือ การผลักดันให้แคนเป็นตำรวจตามความต้องการ

แต่เรื่องคดีรองพิชญ์นั้นไม่ปล่อยวางพยายามหาหนทางที่จะคลี่คลายคดีให้ได้ อาศัยที่ตนเองนั้นรู้จักกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในตอนนั้นและหลายคนเป็นลูกศิษย์ที่เรียนกฎหมายกับของพ่อตนเอง ทำให้รองพิชญ์พอจะเล่าเรื่องที่ไม่ชอบมาพากลได้ ทำให้มีการตั้งกรรมการสอบสวนขึ้นอย่างเงียบ ๆและเป็นผลให้ตำรวจหลายนายถูกย้ายออกนอกพื้นที่ เพราะหลักฐานที่จะเล่นงานว่าช่วยเหลือกำนันน้อมนั้นไม่เพียงพอ แต่รองพิชญ์ไม่หยุดเท่านั้นตอนที่ตนเองย้ายมาอยู่กองปราบ ได้เริ่มรื้อคดีครอบครัวลุงของแคนอีกครั้ง แต่หาหลักฐานมาทำอะไรจิตกับกำนันไม่ได้ ทั้งๆที่จิตเคยก่อคดีแบบนี้ไม่ถ้วนแต่กำนันใช้เงินกับอิทธิพลบีบให้เจ้าทุกข์ไม่กล้าแจ้งความ รองพิชญ์เลยใช้เรื่องอื่นในการจัดการธุรกิจของกำนันน้อมตั้งแต่ทะลายซุ้มมือปืนของกำนันที่รวบรวมมือปืนคนสำคัญที่ก่อคดีมาอย่างมากมาย โดยรองพิชญ์ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ ทำให้มือปืนหลายคนในสังกัดของกำนันน้อมถูกรองพิชญ์และทีมงานจับตายและถูกส่งเข้าคุกเป็นจำนวนมาก แต่จิตนั้นรอดไปได้อย่างหวุดหวิด จนรองพิชญ์ได้ขึ้นมาเป็นผู้บังคับการกองปราบซึ่งทำให้ฟาดฟันกับกำนันน้อมได้อย่างถนัดมือขึ้น กิจการหลายอย่างของกำนันถูกจับ ถูกปิดทั้งบ่อนทั้งสถานบันเทิงที่มีการค้าประเวณี แต่ไม่สามารถสาวไปถึงกำนันได้ด้วยความที่กำนันมีเล่ห์เหลี่ยมมากมาย รวมทั้งทีมทนายความฝีมือดีที่ใช้ช่องว่างของกฎหมายและการมีคนมารับผิดแทน ทำให้มีการปะทะคารมกับกำนันกันหลายครั้งในการบุกจับธุรกิจของกำนัน กำนันในตอนนั้นพยายามวิ่งเต้นเพื่อจะเล่นงานตนเองแต่ไม่สำเร็จ จนคนของกำนันถูกจับในข้อหาติดสินบน  ถึงจะไม่สามารถทำอะไรกำนันได้แต่ธุรกิจมืดของกำนันนั้นถูกทำลายลงไปอย่างมาก

ครั้งหนึ่งรองพิชญ์เคยบุกจับเฮโรอีนที่กำนันเป็นเอเย่นต์ระหว่างการขนเข้ากรุงเทพ แต่ไม่สามารถสาวไปถึงกำนันได้ แต่ตอนนั้นกำนันน้อมเสียเงินไปร่วม 200 ล้าน  พอคนของกำนันโดนจับหนักๆขึ้นธุรกิจมืดถูกจับตาและถูกกวาดล้างอย่างหนัก เพราะเจอกับคนจริงอย่างตนเองทำให้กำนันเกรงกลัวรองพิชญ์อย่างมากทำให้ในช่วงนั้นกำนันน้อมนั้นหัวหดไม่กล้าทำอะไรมากนัก จนรองพิชญ์ย้ายจากกองปราบทำให้กำนันกลับมามีฤทธิ์เดชเหมือนเดิมแต่รองพิชญ์นั้นคอยตามดูอยู่ตลอด จนขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. รองพิชญ์เริ่มย้ายคนที่ตนเองไว้ใจสลับสับเปลี่ยนไปเพื่อตามดูกำนัน แต่ยังหาหลักฐานที่จะมัดตัวกำนันแบบให้ดิ้นไม่หลุดไม่ได้ ทุกคนต่างรู้ดีว่าถ้าจะเล่นงานกำนันต้องเล่นงานแบบถอนรากถอนโคนทั้งหมด ไม่อย่างนั้นถึงจะเอาผิดกำนันได้ แต่กำนันสามารถบริหารงานจากในคุกหรือถ้ากำนันหลบหนีก็จะบริหารงานจากที่อื่นๆได้ อย่างสบาย ถึงกำนันจะถูกฆ่าตายแต่บริวารอีกหลายๆก็มีความสามารถที่จะทำธุรกิจแทน ถึงจะไม่บารมีเท่ากำนันแต่มันจะแตกเป็นหน่อเห็ดรายย่อยๆแทนไม่ใช่รายใหญ่แบบกำนันทำให้ปราบปรามนั้นลำบากเข้าไปอีก จึงแต่ได้อดทนเพื่อรวบรวมหลักฐานที่จะเล่นงานกำนันให้อยู่หมัด อิทธิพลของกำนันที่ต้องพังพินาศ ธุรกิจหรือบรรดาทรัพย์สินต่างๆจะต้องถูกยึดเพื่อกำนันน้อมจะได้ไม่มีทรัพย์สินมาทำธุรกิจมืดได้อีก และเรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาและความอดทน

พอเริ่มแผนงานและได้แคนได้เข้ามาร่วมด้วยรองพิชญ์ที่รู้ความเป็นมาของแคนทั้งหมด จึงพยายามเตือนสติแคนตลอดว่าอย่าใช้อารมณ์เป็นหลัก ไม่อย่างนั้นงานจะเสีย แต่รองพิชญ์รู้ดีว่าบางครั้งแคนควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ทั้งเรื่องยิงทุม ที่เห็นได้ชัดว่าจงใจยิง หรือการปะทะคารมแบบท้าทายกับกำนันน้อมบนโรงพักแต่รองพิชญ์ไม่ได้ตำหนิแคนในเรื่องนี้ เพราะให้แคนได้ระบายออกมาบ้างจะเป็นการดีกว่าไม่อย่างนั้นถ้าเกิดเก็บไว้จนปะทุมันจะทำให้เสียงานได้ จนถึงตอนนี้รองพิชญ์ได้พยายามทำใจให้สงบเพื่อรอรับรายงานของปฏิบัติการลับที่อยู่ไกลออกไป


ส่วนแคนจนถึงตอนนี้ จิตนั้นอยู่ในศูนย์เล็งจากปืนของแคนเป็นที่เรียบร้อย แคนรอแต่เพียงคำสั่งจากบราโว่ 1 เท่านั้นเซฟปืนนั้นถูกปลดลงเรียบร้อย ก่อนหน้านี้หลังจากที่เดินทางมาถึง จากแผนการตอนแรกที่จะให้พันจ่าโทจิมมี่ช่วยจัดการพลปืนในรังปืนกลหนักส่วนแคนจัดการคนอื่นๆก่อนพวกที่เหลือจะเข้าโจมตี แต่พอดูโกดังจากการตรวจการณ์อย่างละเอียดพบว่าพวกคนคุ้มกันทั้งหมดมาอยู่รวมกันที่ลานกว้างนับได้ 14 คน ส่วนฝนคงอยู่ที่ห้องแลปในคลัง และพวกคนคุ้มกันดูจะหละหลวมอย่างมากมีเพียง 2 คนเท่านั้นที่อยู่ในรังปืนกลหนัก ส่วนพวกที่เตะตะกร้อปืนกลมือไปพิงอยู่ที่กระสอบทรายรังปืนกล ส่วนพวกที่เล่นไพ่ ปืนนั้นวางอยู่ห่างตัว ไม่มีใครมีปืนพกติดตัว ทำให้บราโว่1เปลี่ยนแผนการเล็กน้อยจะให้บราโว่ 2จัดการไปที่เครื่องปั่นไฟก่อน เพราะจากมุมที่ซุ่มนั้นเห็นเครื่องปั่นไฟ 2 เครื่องอย่างชัดเจน เพื่อจะได้ตัดไฟภายในโกดัง โจนาธานไม่อยากเสี่ยงที่จะใช้ระเบิดเพราะบริเวณนั้นมีถังน้ำมันตั้งเรียงกันหลายถัง และข้อมูลลับที่ได้จากฝ่ายไทยนั้น ทางทหารของพวกว้าจะส่งรายงานทางวิทยุไปยังโรงงานทุก 1 ชั่วโมง ถ้าภายใน 1 ชั่วโมงไม่มีการรายงานจากโกดังไป ทางนั้นจะติดต่อกลับมาทั้งทางวิทยุและโทรศัพท์ ถ้าภายใน 15 นาทีไม่มีการตอบรับ กำลังทหารของพวกว้าแดงจากด่านตรวจแรกประมาณ 20-30 คนจะมาทีโกดังทันที โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ45นาทีถึง 1ชั่วโมง และพวกว้าแดงชุดนี้จะมีอาวุธหนักทั้งปืนกลหนักที่ติดตั้งบนรถกระบะ  จรวดRPG.  เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ หน่วยซีลต้องทำงานอย่างรวดเร็วและตอนนี้จากการสังเกตจะเห็นวิทยุแบบสะพายหลังนั้นอยู่ในรังปืนกลหนัก มันเป็นเป้าหมายที่ต้องทำลายทันที

ระหว่างที่หน่วยซีลนั้นรอคำสั่งเข้าโจมตี จิตที่ยืนมองไปฝั่งตรงข้ามด้วยความรู้สึกสังหรณ์ใจอย่างไม่ถูกแล้วมองไปที่นาฬิกาบนข้อมือ เห็นว่ายังมีเวลาเกือบชั่วโมงที่จะให้คนไปทำอาหารมื้อเย็น  จิตถอนหายใจหนักๆ เพราะในสมองยังคิดถึงแผนการที่จะเล่นงานแคน จิตนั้นไม่สนถึงเรื่องความถูกต้องใดๆทั้งสิ้นในเรื่องที่ตนเองเคยทำมา แต่ยังอดคิดไม่ได้เพราะรู้ว่าแคนนั้นแค้นอะไรกับตน มันมาจากคำสั่งของกำนันน้อมในการให้ไปติดต่อขอซื้อที่จากชาวบ้านและมาเจอกับครอบครัวของอู๊ด ซึ่งจิตนั้นก็เคยเห็นหน้ามาก่อนแต่ไม่เคยสนใจ จนได้มาติดต่อทำให้สะดุดตาในความสวยของดาว ยิ่งครอบครัวของอู๊ดนั้นดื้อแพ่งไม่ยอมทำตามคำขอซื้อที่ จิตจึงคิดจะสั่งสอนให้รู้ถึงอิทธิพลของตนเองกับกำนัน จึงได้ฉุดดาวไปข่มขืนจนพอใจและพามาส่งถึงบ้านเพื่อให้แสดงให้เห็นว่ากฎหมายทำอะไรตนเองไม่ได้ และคิดว่าเอาเงินฟาดหัวไปก็จบ แต่พอเรื่องไปถึงโรงพักแต่ก็ไม่สร้างความหวั่นเกรงให้จิต เพราะรู้ดีว่าเจ้านายต้องช่วยเหลืออยู่แล้ว แถมเป็นเขตอิทธิพลของกำนันด้วย ยิ่งฝ่ายอู๊ดนั้นแสดงถึงความไม่กลัวไม่สนใจเงินจำนวนมากที่จะจ่ายให้ ยิ่งทำให้จิตคิดไปว่าตนเองนั้นถูกท้าทาย

หลังจากที่ได้ประกันตัวมาเพราะอิทธิพลของกำนัน จิตนั้นต้องการแสดงให้เห็นถึงอำนาจของตนกับกำนันน้อม คืนนั้นจิตกับพรรคพวกถึงบุกไปที่บ้านของอู๊ด และจับอู๊ดกับเมียรัดคอจนตาย ก่อนจะข่มขืนดาวอีกครั้งหลังจากนั้นได้บีบคอดาวจนตาย แล้วจัดการเผาบ้านทำลายหลักฐานทั้งหมด การฆ่ายกครัวนี้เพื่อเป็นการปิดปากและแสดงให้ชาวบ้านแถวนั้นรู้ถึงอิทธิพลที่ล้นเหลือของกำนันน้อม จนน้องชายของอู๊ดขึ้นมาพอดี จิตได้ให้ลูกน้องไปข่มขู่ชาวบ้านจนไม่ใครกล้าเป็นพยาน ส่วนกำนันนั้นใช้เงินหว่านลงไปที่เจ้าหน้าที่เพื่อปิดคดีโดยเร็ว ก่อนจะให้ผู้ใหญ่โพธิ์ที่เป็นหุ่นเชิดของกำนันอีกราย ไปเกลี้ยกล่อมให้แอ็ดขายที่บริเวณนั้น ซึ่งผู้ใหญ่ยอมทำตามเพราะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของกำนันตั้งแต่ลงสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านแล้ว อีกทั้งกำนันกับตนเองไปขู่ถึงในงานศพเพราะรู้ว่าแอ็ดน้องชายของอู๊ดจะทำเรื่องร้องเรียนการตายครอบครัวของพี่ชาย ทำให้แอ็ดต้องจำใจขายที่ด้วยความหวาดกลัวในอิทธิพลพร้อมคำขู่ของกำนันที่สั่งห้ามครอบครัวนี้กลับมาที่เชียงรายอีก

และจิตนั้นไม่เปลี่ยนนิสัยยังประพฤติตัวเหมือนเดิมโดยถือว่ากฎหมายทำอะไรตัวเองไม่ได้ แต่พอนายตำรวจที่ชื่อ พ.ต.อ.พิชญ์มือปราบชื่อดังที่วิสามัญคนร้ายมาหลายราย ได้เข้ามามีบทบาทในพื้นที่เขตอิทธิพลของกำนันทำให้เพื่อนและลูกน้องของจิตหลายคนต้องถูกวิสามัญหรือติดคุกและ 2-3 คนในนั้นเป็นพวกที่จิตพาไปฆ่าอู๊ดกับครอบครัวถูกทีมจากกองปราบของ พ.ต.อ.พิชญ์ วิสามัญทุกคนและจิตเองก็รอดมาหวุดหวิด ทำให้จิตเกรงกลัวอย่างมากยิ่งรู้ว่าคดีที่ตัวเองก่อนั้นถูก พ.ต.อ.พิชญ์รื้อคดีขึ้นมาอีก ทำให้จิตถูกกำนันสั่งห้ามประพฤติตัวเหมือนเดิมโดยเด็ดขาด และจิตเคยถูกรองพิชญ์ที่ขึ้นมาเป็นผู้บังคับการกองปราบในตอนนั้นเรียกมาสอบปากคำมา2-3 ครั้ง ทำให้จิตรู้ดีว่าภายนอกที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อมพูดจาสุภาพแต่แววตานั้นเป็นแววตาที่แสดงถึงความเด็ดเดี่ยว ถึงจะเอาผิดจิตไม่ได้ แต่จิตรู้ดีว่าตนเองนั้นถูกมือปราบชื่อดังหมายหัว จึงไม่กล้าทำตัวเหมือนเดิมอีกเลย ยิ่งเจ้านายตนเองแสดงอาการหวาดกลัวรองพิชญ์อย่างมาก จิตยิ่งไม่กล้าที่จะสำแดงอิทธิฤทธิ์อะไรอีกเลย

ส่วนสายตาของแคนที่มองมายังจิตกับกำนันในวันนั้นมันไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเมื่อมาเจอกันครั้งล่าสุด ลึกๆจิตก็หวั่นๆอยู่เหมือนกัน ยิ่งตอนนี้ตนเองนั้นเปรียบเสมือนพยัคฆ์ร้ายที่วัยเริ่มจะร่วงโรย อีกฝ่ายหนึ่งคือพยัคฆ์หนุ่มที่มีทั้งเขี้ยวเล็บและพละกำลัง พร้อมทีท่าที่ไม่หวาดกลัวที่จะขย้ำตนเองได้ทุกเมื่อ ยิ่งคิดจิตยิ่งอยากหาทางเล่นงานแคนให้อยู่หมัด แต่ระหว่างที่มองไปที่เนินฝั่งตรงข้ามเหมือนลางสังหรณ์อะไรบางอย่างที่เตือน จิตจึงหันจะไปบอกให้ลูกน้องหยิบกล้องส่องทางไกลมาให้ แต่จังหวะนั้นเสียงวิทยุจากบราโว่ 1 สั่งการไปยังแคน

"จัดการได้"

ทันทีที่สิ้นเสียงนิ้วที่ทาบโกร่งไกเปลี่ยนไปแตะที่ไกปืนทันที กระสุนนัดแรกที่แคนลั่นนั้นตรงเข้าที่ไหล่ซ้ายของจิตพร้อมๆกันนั้น M-79 จากมือยิงชั้นเซียนของนายดาบ ต.ช.ด. ได้ดังเป๊าะก่อนที่กระสุนจะตกไปกลางรังปืน สะเก็ดระเบิดสังหารพลปืนของว้าแดง 2 คนทันทีพร้อมความเสียหายของปืนกลหนักและวิทยุ ส่วนแคนหลังจากที่ลั่นนัดแรกไปแล้ว นัดที่2 ตามมาติดๆกระสุนพุ่งเข้าไปต้นขาด้านขวาอย่างแม่นยำ ก่อนที่ร่างของจิตจะล้มลงนัดที่ 3ตามมาทันทีโดยเป้าหมายคือเป้ากางเกง ทำเอาจิตนั้นร้องโหยหวนดิ้นพล่านไปมาด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส  พร้อมกับกระสุนจากบราโว่ 2 นั้นทำลายเครื่องปั่นไฟทั้ง 2เครื่องทันที ส่วนพวกที่เหลือ มีอยู่ 2 คนจากวงตะกร้อที่จะวิ่งเข้ามาช่วยจิต แต่โดนแคนกับบราโว่ 2 แบ่งกันจัดการคนละ 1ศพ มีเพียงทหารว้าแดง 2 คนเท่านั้นที่ผ่านการฝึกมา ทั้งคู่ต่างหมอบลงทันทีที่ได้ยินสียงปืนนัดแรก ส่วนลูกน้องของกำนันน้อมที่เหลือนั้นดูตกใจจนทำอะไรไม่ถูกบ้างยืน บ้างวิ่ง แต่ยังไม่ทันจะตั้งตัวห่ากระสุนจากฝั่งตรงข้ามสาดเข้ามาเป็นชุด ทำเอาพวกที่เหลือต่างล้มกลิ้ง ไม่มีใครทันที่จะวิ่งไปหยิบปืน เช่นเดียวกับพวกว้าแดงที่หมอบอยู่ทั้ง 2คน แต่ก็ไม่รอดชีวิตจากการยิงของแคน 

ไล่ๆกันนั้น กลุ่มซีลที่หมอบอยู่ได้ลุกขึ้น ปืนนั้นยังประทับอยู่ที่บ่า วิ่งย่อตัวตามยุทธวิธี  3 คนที่หนึ่งในนั้นเป็น ตชด.ได้วิ่งเข้าไปตรงประตูคลัง ระเบิดแสงถูกโยนเข้าไปก่อน ส่วนอีก 2คนวิ่งไปเคลียร์ตามห้องพัก ส่วนบราโว่ 1นั้นยืนคุมเชิงที่ประตู ส่วนแคนนั้นมองผ่านกล้องสำรวจไปยังร่างที่ถูกยิงนอนกันเกลื่อน ไม่มีร่างไหนที่นอนอยู่นั้นแสดงถึงการยังมีชีวิตอยู่ ยกเว้นจิตที่นอนครวญครางอยู่พร้อมกับที่ บราโว่ 1บอกผ่านวิทยุ "เคลียร์" แคนรีบลุกขึ้นเอาปืนซุ่มยิงสะพายหลัง มือถือปืนกลมือแทนแล้ววิ่งตรงเข้าไปหาจิตทันที โดยปล่อยให้บราโว่ 2 คอยดูสถานการณ์อยู่บนเนิน แคนไปยืนเหนือร่างที่กำลังร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดก่อนจะถอดแว่นตากันสะเก็ดออกแล้วก้มลงไปจิกผมจิตแล้วลากไปนั่งพิงที่ถังน้ำมันที่ใส่ทรายแล้วก้มลงตะคอกใส่

"ไอ้จิตกูเอง"

จิตเงยหน้าขึ้นมองพอเห็นแคนอย่างชัดเจนด้วยความเจ็บปวดที่มีอยู่ทำให้จิตนั้นหมดศักดิ์ศรี จิตได้รวบรวมกำลังยกมือขึ้นพนมไหว้ไปยังแคน

"ช่วยผมด้วยครับ"

ไม่ทันขาดคำใบหน้าซีกขวาของจิตถูกเข่าที่สวมสนับกระแทกเข้าให้ แต่มันล้มไม่ได้เพราะมือของแคนนั้นยังจิกที่หัวจิตอยู่

"มึงทำอะไรกับครอบครัวกูไว้เยอะ มึงรู้ใช่ไหม"

เสียงคำรามด้วยความแค้นที่มันฝังอยู่ในอกของแคนดังออกมา แต่จิตนั้นใบหน้าที่ถูกเข่ากระแทกมันไม่มีความเจ็บปวดแต่มีความชาและดูเหมือนจะรู้ว่าตนเองนั้นไม่รอดแน่จึงยกมือขึ้นมาพนมอีกครั้ง พร้อมวิงวอน

"คุณแคนอโหสิกรรมให้ผมด้วยเถอะครับ"

เสียงมันเริ่มกระท่อนกระแท่น ขาดเป็นช่วงๆแต่คำพูดนี้เหมือนราดน้ำมันไปไปกองไฟ แคนเม้มปากแน่นแล้วกระทืบไปเป้ากางเกงที่ตอนนี้ชุ่มไปด้วยเลือดอย่างเต็มแรง ทำเอาจิตนั้นร้องโหยหวยอย่างน่าเวทนา แต่แคนไม่สนใจพร้อมทรุดตัวลงไปนั่งชันเข่า มือยังจิกที่ผมจิตอยู่

"ก่อนมึงจะตาย มึงรู้ไว้ไอ้จิตไอ้ทุมลูกมึงทีรอมึงอยู่ในนรกนะ กูเป็นคนฆ่าเอง"

แววตาที่ปวดร้าวเหลือบมามองที่แคนพร้อมลมหายใจเฮือกสุดท้ายของจิต ร่างของจิตกระตุกเล็กน้อยแล้วนิ่งสนิท ดวงตานั้นยังเบิกโพรง แคนมองอย่างสะใจ ปล่อยมือจากหัวของจิตแล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะถีบร่างที่ไร้วิญญาณของจิตให้ล้มไปนอนตะแคงบนพื้นพร้อมเตะซ้ำไปอย่างเต็มแรงตรงใบหน้า ส่วนโจนาธานนั้นยืนมองด้วยสายตาที่เรียบเฉย  ก่อนที่แคนจะขยับตัวไปตรงประตู ทีมที่บุกเข้าไปในคลังนั้นอุ้มร่างผู้หญิงออกมา 2 คน เหตุการณ์ในคลังนั้น หลังจากที่เสียงปืนนัดแรกดังพร้อมเสียงระเบิด แล้วไฟนั้นดับไปทั้งหมด ฝนที่กำลังนั่งคุยกับจิ๋วอย่างออกรสเพราะงานเสร็จแล้วทั้งคู่ต่างเร่งให้ถึงเวลาค่ำเร็วๆเพราะอยากไประเริงรักกันอีกรอบ ทำให้ทั้งสองสาวต่างตกใจมาก แต่จิ๋วนั้นมีสติกว่าจึงดึงตัวฝนให้ลงไปนั่งหมอบใต้โต๊ะ ฝนนั้นกรีดร้องด้วยความตกใจต่อเสียงปืนที่ดังไม่หยุด และก่อนที่จะได้ทันทำอะไร แสงสีขาววาบขึ้นมาทางประตูโกดัง ก่อนที่หน่วยซีลจะวิ่งตรงไปที่ห้องแลป ระเบิดแสงถูกโยนเข้าไปในห้องแลปอีกลูก ทำเอาฝนกับจิ๋วนั้นแสบตาอย่างมาก ทั้งคู่ลืมตาไม่ขึ้น พร้อมกับมีเสียงภาษาที่ทั้งฝนฟังไม่ออกแต่จิ๋วรู้ว่าเป็นภาษาพม่าบอกให้หมอบลง เธอจึงพยายามพูดภาษาอังกฤษขอร้องให้ช่วย แต่ร่างของทั้งคู่ถูกดึงออกมาจากใต้โต๊ะ ฝนนั้นสลบไปทันทีเพราะเข็มยาสลบจากหน่วยซีลที่เตรียมไว้ มันเป็นเหตุผลสำคัญที่ไม่ต้องการให้ฝนรู้ว่าใครเป็นคนช่วยเธอออกมา  ตามด้วยจิ๋วที่สลบตามไปติดๆ ทางเจ้าหน้าที่ของซีลได้รายงานไปที่ บราโว่ 1 ทันทีว่าเจอผู้หญิง 2คน ไม่ใช่ 1 คน โจนาธานจึงออกคำสั่งให้พาออกมาทั้งคู่

พอร่างของทั้งคู่ถูกนำออกมาก่อนจะวางลงบนพื้น แคนนั้นรีบใช้ผ้าบัฟขึ้นมาปิดหน้าทันทีพร้อมสวมแว่นตากันสะเก็ดและเดินไปดู แคนนั้นยืนยันว่า 1 ในนั้นคือฝนส่วนอีกคนแคนไม่รู้จักถึงทั้งคู่จะถูกยาสลบแต่แคนนั้นต้องป้องกันไว้ก่อนทางซีลใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพของทั้งสองสาวแล้วส่งไปให้ทางศูนย์บัญชาการทันที ภาพของทั้งคู่ถูกส่งขึ้นที่หน้าจอใหญ่ รองสุพจน์ที่อยู่ในห้องหันไปที่ทีมงาน ก่อนที่ 1 ในนั้นจะรายงานมาที่รองสุพจน์

"ยืนยันครับท่านอีก 1คนคือ วรรณาหรือจิ๋ว ผู้จัดการบริษัทรับทำบัญชีของกำนันน้อม"

รองสุพจน์ได้บอกไปยังนาวาโทเลย์ตันที่ทำหน้าที่บัญชาการอยู่

"ให้พากลับมาด้วยครับ คนนี้คนสำคัญอีกคน"

นาวาโทเลย์ตันทำตามที่รองสุพจน์บอกทันที บราโว่ 1 ที่ได้รับคำสั่งจึงบอกไปยังทีมงาน ร่างของฝนนั้นถูกวางไปบนเปลสนามแบบพับได้ที่ตอนนี้กางออกมา รถที่จอดอยู่ 3-4 คัน มี 2 คันถูกนำมาใช้  เป็นรถกระบะตอนเดียวซึ่งไม่มีกุญแจแต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สายไฟถูกต่อทันทีพร้อมกับ   รถจี๊ปอีก 1คัน ที่มีกุญแจเสียบคาอยู่ ร่างของฝนกับจิ๋วถูกพาไปยังรถกระบะแล้วถูกพาขึ้นไปนอนบนกระบะท้าย และทีมที่ไปตรวจสอบห้องพักได้รายงานไปยังบราโว่ 1 ว่าทุกอย่างเรียบ พอบราโว่1 พยักหน้านายดาบ ตชด.จะทำหน้าที่คนขับรถกระบะ และบราโว่ 1ขึ้นไปนั่งหน้าคู่ส่วนหน่วยซีลอีก 1คนที่กระโดดขึ้นกระบะท้าย รถคันนั้นวิ่งไปจอดริมถนนฝั่งตรงข้ามที่บราโว่ 2 ยืนรออยู่ และช่วยกันขนสัมภาระที่วางเรียงกันอยู่ขึ้นกระบะท้าย ส่วนแคนกับพรรคพวกที่เหลือต่างขึ้นรถจิ๊ป โดยแคนและเจ้าหน้าที่หน่วยซีลอีกคน กระโดดขึ้นกระบะ พร้อมแกลลอนน้ำมัน 2แกลลอนที่ถือติดมือมาจากตรงถังน้ำมัน ทั้งคู่มองไปตรวจสอบรอบๆบริเวณครั้งสุดท้ายเพื่อการตรวจสอบ ก่อนส่งสัญญาณไปให้คนขับรถจี๊ปมุ่งหน้าไปยังรถกระบะที่จอดรออยู่แล้ว แล้วพากันไปยังจุดนัดหมายที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ทันทีที่รถวิ่งออกมาห่างพอสมควร แคนนั้นยังประปืนอยู่บนบ่าแล้วจ้องไปด้านหลัง ส่วนหน่วยซีลที่นั่งตรงข้ามแคนได้หยิบกล่องสีเหลี่ยมขนาดฝ่ามือขึ้นมา แล้วยกไปด้านหัวไปยังโกดังพร้อมกดปุ่มสีแดง

ทันใดนั้นเสียงระเบิดได้ดังกึกก้องไปทั่วพร้อมเปลวไฟที่พุ่งขึ้นสู้ท้องฟ้า แรงอัดนั้นยังพุ่งมาปะทะที่ตัวแคนทั้งๆที่อยู่ห่างออกมาพอสมควร ระเบิดที่ถูกวางไว้ในโกดังในห้องแลปโดยทีมที่บุกเข้าไปช่วยฝยที่วางของที่ระลึกไว้ตามจุด และบนถังน้ำมันที่วางเรียงกันอยู่โดยทีมที่ตรวจห้องพัก ระเบิดทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งแรงระเบิดและไฟจากถังน้ำมันนั้นทำลายโกดังของกำนันน้อมอย่างราบคาบ  ไม่หลงเหลือหลักฐานใดๆว่ามันเกิดอะไรขึ้นและเป็นฝีมือของใคร รถวิ่งใช้เวลาประมาณ 10 นาที ได้ถึงจุดนัดพบที่เป็นบริเวณที่กว้างพอสมควร ไฟสัญญาณพร้อมควันสัญญาณถูกจุดขึ้นพร้อมการติดต่อทางวิทยุ ไม่นานนักตรงตามเวลาที่นัดหมายเสียงใบพัดตัดอากาศนั้นดังเขามา ก่อนที่ภาพเฮลิคอปเตอร์แบบแบล็กฮอว์กจะปรากฏให้เห็น และมาลงจอดบริเวณที่ไม่ห่างจากรถนัก ร่างของฝนที่อยู่บนเปลโดยมีคนจากตชด.และหน่วยซีลช่วยกันยกพร้อมร่างของจิ๋วที่ถูกซีลอีกคนแบกใส่บ่าวิ่งตรงไปที่แบล็กฮอว์ก และที่เหลือต่างช่วยกันยกสัมภาระตามไปจนหมดและมี 1 คนกลับมาที่รถ ก่อนจะนำแกลลอนน้ำมันที่ติดมาราดไปไปบนรถทั้ง 2 คันพร้อมโยนระเบิดเพลิงที่ยังไม่ถอดสลักเข้าในรถคันละ 1 ลูก ส่วนแคนกับบราโว่ 1 นั้น นั่งหันหลังให้เฮลิคอปเตอร์ ทั้งคู่ต่างประทับปืนไว้บนบ่า คอยดูความปลอดภัย จนทีมงานทุกคนได้ขึ้นไปบนแบล็กฮอว์กแล้ว จึงส่งสัญญาณให้ทั้งคู่ แคนกับบราโว่ 1 วิ่งก้มหัวฝ่ากระแสลมจากโรเตอร์ แล้วขึ้นไปนั่งตรงขอบประตูและยกปืนขึ้นมาประทับบ่าทันที จนแบล๊กฮอว์กยกตัวขึ้นสูงระดับยอดไม้ บราโว่ 1 ได้หันปากกระบอกปืนแล้วลั่นไกใส่รถคันละนัด สะเก็ดไฟจากกระสุนไปโดนน้ำมันที่ราดไว้ทำให้รถทั้งสองคันไฟไหม้ทันที และผ่านไปไม่นานเท่าไหร่  มีเสียงระเบิดจากระเบิดเพลิงทำให้ไฟนั้นลุกท่วมรถทั้ง2 คันมากขึ้น บราโว่ 1 หันมามองที่แคนแล้วยกมือตบไหล่เบาๆ ส่วนแคนนั้นบอกไปยังบราโว่ 1

"ขอบคุณมากพี่ชาย"

พันจ่าเอกโจนาธานได้แต่ยิ้มรับ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร เพราะก่อนที่แคนจะยิงจิต แคนได้บอกว่าจะขอให้จิตเป็นเหยื่อล่อปลา สไนเปอร์ทุกคนต่างรู้ดีว่าถ้าจะยิงเป้าหมายให้ตายทันทีไม่ใช่เรื่องยากแต่มีวิธีที่ยิงแล้วใช้เป็นเหยื่อล่อ คือยิงให้เจ็บแต่ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ และถ้าคนที่ไม่ผ่านการฝึกมาจะวิ่งเข้าไปช่วยคนที่ถูกยิงที่เป็นเหยื่อล่อ นั่นคือเป้าหมายต่อไปที่จะถูกเด็ดหัวทันที และคนของกำนันน้อมนั้นต่างยิงปืนเป็นอย่างเดียวไม่เคยผ่านการฝึกตามยุทธวิธีทำให้ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร  2 คนที่วิ่งเข้าไปช่วยนั้นตายทันทีมันเป็นไปตามการคาดการณ์ไว้ บราโว่1 จึงอนุญาตให้แคนใช้วิธีนี้ ส่วนคนที่เหลือต่างเรียกได้ว่าเป็นเป้านิ่งให้ยิง บริเวณหน้าโกดังนั้นเป็นลานโล่งแทบจะไม่ทีที่กำบัง ถือเป็นความผิดพลาดของกำนันน้อมที่ไม่ยอมทำ แม้ทางพวกว้าแดงจะเคยแนะนำให้ทำบังเกอร์แต่กำนันไม่สนใจปล่อยให้เป็นลานโล่ง พอไม่อะไรที่จะใช้กำบังแถมคนพวกนี้ไม่รู้ยุทธวิธีทำให้งานนี้ง่ายขึ้นและใช้เวลาไม่นานนักในการจัดการ บราโว่ 1มองไปยังด้านท้ายเครื่อง บริเวณโกดังนั้นเปลวไฟลุกโชนเห็นอย่างชัดเจนท่ามกลางอากาศที่เริ่มจะมืด ส่วนเรื่องการกระทำของแคนนั้นโจนาธานไม่เก็บมาใส่ใจ และคิดเหมือนรองพิชญ์ที่ปล่อยให้แคนระบายความแค้นที่เคยถูกกระทำมาบ้างและมันก็ไม่เสียหายต่องาน

ส่วนแคนนั้นความแค้นที่สุมมาร่วม 20 ปี มันได้สะสางออกไปเกือบทั้งหมด มันเป็นไปตามความต้องการของตนเองที่จะหาวิธีฆ่าจิตกับกำนันโดยไม่ผิดกฎหมายและมันมาถึงแล้ว ลูกชายของจิตถูกตนเองฆ่าและวันนี้มาถึง จิตที่ตายอย่างทรมาน สมความตั้งใจของแคนภาพที่มันนอนดิ้นทุรนทุรายร้องโหยหวนและหมดศักดิ์ศรีที่ยกมือไหว้แคนเพื่อขอให้ช่วย มันสะใจแคนอย่างมาก แคนต้องการให้มันทั้ง 2 คนตายไม่ใช่ติดคุกแคนรู้ดีว่าถึงจะติดคุกมันก็จะอยู่อย่างราชาเพราะบารมีและอิทธิพลของมัน แถมยังไปสร้างฐานอำนาจในคุกได้อีก คนอย่างไอ้จิตไอ้น้อมต้องตายแบบหมาข้างถนนถึงจะสาสมกับความเลวระยำที่มันทำมา คิดได้แบบนี้ทำให้แคนยิ้มออกมาด้วยความสะใจ

"ไอ้น้อมมึงคือรายต่อไป"

แต่ทันใดนั้นบราโว่ 1 ได้รับรายงานจากนักบินว่ามีเครื่องแบบ MIG-29 2 ลำของพม่าบินขึ้นจากสนามบิน   
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

vigoblack

กำนันน้อมต้องตายอย่างสาสม

jaja

สาวฝนไม่เป็นไรแล้วมาเจอแคนแล้วใครจะเป็นเหยื่อของฝนเงินอีกเยอะที่ฝนทิ้งไว้

dodoza2

สนุกมากครับขอบคุณมากรอดูฉากปะทะแล้วครับกำนันกับแคน

ภูเขา


egowin

กำนันน้อมจะเป็นรายต่อไป

Montakan

 ::HeyHey::กรรมมันกำลังตามกำนันอยู่

ijfkdory

เจอกับมิกจะรอดมั๊ยเนี่ย

gusjung111

รออ่านต่อไปว่ากำนันจะเป็นยังไง

brother1

ได้ชะระแค้นแบบนี้สะใจจริงๆ ไม่ผิดกฏหมายด้วย แล้วกับฝนแคนจะทำยังไงถ้าได้รุ้ความจริง

ผู้เฒ่าเซราะกราว

ในที่สุดแคนก็ล้างแค้นจิตได้สำเร็จ ว่าแต่พม่าส่งเครื่องบินมิกซ์ขี้นมาแบบนี้
ทางการไทยจะทำอย่างไรนะ แล้วบราโว่1จะทำอย่างไร....????

brother1

ได้ชะระแค้นแบบนี้สะใจจริงๆ ไม่ผิดกฏหมายด้วย แล้วกับฝนแคนจะทำยังไงถ้าได้รุ้ความจริงได้ชำระแค้นกับจิตซะที่ แบบนี้แคนก็สางแค้นไปได้เยอะ

ชาเลิศ สถิตบุญเลิศ

สงสารน้องฝนจัง อดตีฉิ่งเลย ::DookDig::

zaar65

เป็นกำลังใจให้ครับ  เล่า เนื้อเรื่องได้ดีครับ 

hunterkung

เหลืออีกไม่กี่คนจัดหนักๆเลย  แต่ใครจะเป็นนางเอกหว่า