ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ตำนานเทพวายุ [ season3 ] ตอนที่ 42 : คุณค่าของคน

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, มีนาคม 10, 2021, 11:06:04 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ หลังจากหายไปหลายเดือน นายริวกลับมาแล้วครับ

ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่อาณาจักรอิซานางิ และ เหล่าภูติพราย

นิยายเรื่อง ตำนานเทพวายุ นี้เป็นแนว แฟนตาซีครับ

ซึ่งพระเอกมันก็นะ โหดเกินคน ซึ่งถ้าใครชอบนิยายประเภท

พระเอกโหด เก่ง หล่อเท่ส์ และ ฮาเล็ม ก็เชิญได้เลยครับ

โดยที่ฉากสำคัญจะอยู่ที่ไทย 70 % ญี่ปุ่น 30 % ครับผม


...............



ปล.1แนะนำตัวละครแบบเร่งด่วนครับ


ใบเฟิร์นเพื่อนร่วมห้องเรียนของริวกะครับ





................


รุ้งพลอย เมียคนทรง






คิราระ เมียเมด





พี่อั้ม เมียหมอ





..........................


ปล.2 อัดให้ 50,000 ตัวอักษรไปเลยลวกเพี่ย


.......

ปล.3 ต้องแสดงความคิดเห็นถึงสามารถอ่านเนื่องเรื่องที่เหลือได้ครับ



........



ความเดิมตอนที่แล้ว


เอ่อ เนื่องจากมันนานมาก รบกวนอ่านย้อนหลังจะดีกว่าครับ


https://xonly8.com/index.php?topic=238536.0



..................................





ในขณะที่พี่อั้มกำลังจะทำอะไรให้ริวกะกิน โทรศัพท์เครื่องหลักก็ดังขึ้นมา อั้มมองหน้านายริวทันที ซึ่งริวกะก็บอกว่ารับสายก่อนเลยครับพี่อั้ม พี่อั้มก็อื้มๆ เธอเดินมารับสาย ซึ่งคำแรกที่รับคือ ฮ๊ะ !!! เอกสารเหรอคะคุณพ่อ พอพูดแบบนั้นอั้มก็มองหน้าริวกะเลย


ริวกะก็รู้ได้ทันทีว่าต้องมีธุระด่วนแน่ๆ  เขาจึงบอกอั้มว่า จะลงไปเดินเล่นแปปนึงพี่อั้มทำงานก่อนเลยนะครับ อั้มก็ทำหน้าบึ้งๆ แต่บึ้งในที่นี่คือเธอรู้สึกไม่ดีที่ ต้องทำงานแล้วไม่ได้ทำมื้อเย็นให้ริวกะกิน แต่ริวกะก็เข้าใจดี เขาเดินไปจุ๊ปที่มือของพี่อั้มแล้วบอกไม่เป็นไรครับ


เขาเดินไปจุ๊ปเหม่งของคิราระหนึ่งทีแล้วบอกว่าตั้งใจทำงานนะ ส่วนตัวเขาก็เดินลงออกมาข้างล่าง และตรงไปด้านลานจอดรถทันที เฮ้อออ ริวกะตอนนี้กำลังยืนอึนอยู่ในลานจอดรถระดับ Super VIP ของเขา ก็นะจริงๆแล้วนี่คือลานจอดรถของผู้พักอาศัยชั้น 10 แต่ก็อย่างที่รู้ๆ อิซานางิ กรุ๊ป ได้ทำการเหมาชั้น 10 ทั้งหมดเพื่อปรับปรุงเป็นที่อยู่ให้ริวกะ


เพราะฉะนั้นลานจอดรถทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นกรรมสิทธิ์ของอิซานางิเท่านั้น ริวกะจึงปรับปรุงมันให้เป็นพื้นที่ส่วนตัว 100 % ปกติที่นี่ก็ร่มรื่นมากแล้ว และยิ่งริวกะและรินเป็นคนออกแบบเพิ่ม มันก็แทบจะกลายเป็นป่ากลางเมืองจริงๆ บาคุนอนเล่นอยู่ริมบ่อน้ำอย่างสบายอารมณ์


เฮ้อ !!!  ริวกะถอนหายใจออกมาอยากเหนื่อยใจ เขาจะทำยังไงกับใบเฟิร์นดีนะ จริงๆแล้วเขามีคำตอบในใจนะ แต่การจะทำอะไรลงไปสักอย่างเขาก็ต้องเกรงใจคนในบ้านด้วย ซึ่งนั่นก็หมายถึงบรรดาเมียๆของเขานั่นแหละ ตอนนี้พี่อั้มกับคิราระก็กำลังเรียนหนังสือทางไกลจากญี่ปุ่นอยู่



ทำให้ตอนนี้ริวกะยืนมึนอยู่คนเดียวเท่านั้น แล้วตอนนั้นใครบางคนที่คิดถึงก็โทรมาหาริวกะ เป็นเมียคนทรง รุ้งพลอยคนสวยของเขานั่นเอง


[ ริวกะ ]  :  ฮัลโหลครับ พลอย

[ พลอย ]  :  งื้อ ริวกำลังคิดอะไรอยู่หรือเปล่า


ริวกะถึงกับหลุดอุทาน ฮื๊ม !!!  ออกมาเลย นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้วนะพลังของพลอยเนี่ย แค่ตัวริวกะคิดอะไรเพลินๆ เธอก็เดาได้เหรอ ริวกะแอบยิ้มแล้วก็พูดไปตามตรงแบบไม่คิดจะปิดบังว่าอื้มครับ ริวกำลังคิดเรื่องใบเฟิร์นอยู่


พลอยก็ถาม เอ๋ ?  เรื่องใบเฟิร์นริวจะเครียดทำไมเหรอคะ ไหนเราก็คุยกันแล้วไงว่าริวมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ พลอยรู้ว่าริวน่ะจัดการเรื่องได้อยู่แล้ว ชายหนุ่มก็ตอบกลับไปว่าริวรู้ครับ แต่ริวก็เกรงใจพลอย พี่อั้ม พี่มิไร คิราระนี่ครับ มันจะเป็นการเห็นแก่ตัวไปไหมที่ริวคิดจะทำอะไรแบบนี้น่ะ



[ พลอย ]  :  หืมม ริวคะ ริวกำลังเข้าใจอะไรผิดมั้ยเนี่ย

[ ริวกะ ]  :  หืม ริวผิดอะไรเหรอครับ

[ พลอย ]  :  ริวไม่ได้ทำเพื่อตัวริวนะคะ แต่ริวกำลังจะทำเพื่อผู้หญิงคนนึงนะ


พลอยพูดแบบนั้นริวกะถึงกับนิ่งเลยล่ะ ฟู่ววววว แล้วพอริวเงียบไปพลอยก็ถามริวขึ้นมาว่า ริวคะ ริวรักพลอยมั้ย ริวกะตอบไปทันทีว่าฟังแล้วก็อาจจะเหมือนเอาใจนะพลอย แต่ริวรักพลอยจริงๆครับ แต่เอ่อ...... ริวพูดแล้วก็สะดุ้ง เพราะนอกจากพลอยแล้ว


เขาก็รักพี่มิไร รักพี่อั้ม รักคิราระ ที่สำคัญเขาก็รักฮิคาริ ผู้หญิงคนแรกในชีวิตของเขาด้วย เฮ้อเขาก็กระดากปากจริงๆที่พูดแบบนั้นออกไป แต่พลอยเองก็พูดขึ้นมาว่า ริวคะ ริวรับได้มั้ยที่พลอยไม่ใช่ผู้หญิงบริสุทธิ์ พลอยไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกของริว


[ ริว ]  :  ไม่เห็นเกี่ยวเลยครับ ริวรักพลอยแบบนี้นี่นา


[ พลอย ]  :  อ๋อเหรอคะ งั้นพลอยเองก็ไม่ถือนะ ที่ริวไม่ใช่ผู้ชายบริสุทธิ์


[ ริว ]  :  หาาาาา !!!


[ พลอย ]  :  เอ๊า !!!  ก็ริวเสียความบริสุทธิ์ให้พี่ฮิคาริไปแล้วนี่นาาาาาา กิ๊วววววว กิ๊ววววววว หวายๆๆ



ริวกะที่ไม่เคยเขินอายอะไรถึงกับหน้าแดงปรี๊ดดดด ออกมาเลยทันที ท่าทางที่สง่างามของทายาทอิซานางิ ถึงกับเสียศูนย์เก็บทรงไม่อยู่เลยทีเดียว พะ พะ พลอยรู้เรื่องนี้ได้ไงครับ ริวกะพูดจาอึกๆอักๆไปหมดเลย พลอยได้ทีก็หัวเราะชอบใจใหญ่เลย


พลอยจึงบอกไปว่าพี่มิไรเล่าให้ฟัง ห้ามโกรธพี่มิไรนะริว เพราะมันก็เป็นเรื่องที่พวกเราควรจะรู้นะคะ พลอยจังพูดต่อว่า ไม่ใช่แค่ริวที่ต้องรับรู้เรื่องราวของพวกเรานะ พวกเราที่รักริวก็อยากจะรู้เรื่องของริวเหมือนกันนะคะ ชายหนุ่มได้ฟังแบบนั้นก็ถึงกับน้ำตาซึมเลย


บางครั้งคำพูด คำเดียวมันก็ช่วยเติมแรงใจได้มากเลยล่ะ พลอยพูดอีกครั้งนึงว่าริวคะ ตอบพลอยมาหน่อยสิ่ว่าริวรักพวกเรามั้ย พลอยพูดคำว่าเราออกมาซึ่งแน่นอนว่าหมายความถึงผู้หญิงทุกคนที่พลอยรักเหมือนพี่สาว ไม่ว่าจะพี่ฮิคาริ พี่มิไร พี่อั้ม หรือ แม้แต่พี่คิราระ ซึ่งริวกะเองก็ไม่ลังเลเลย ที่จะพูดมันออกไป


[ ริวกะ ]  :  ครับ ริวรักทุกคนนะ



จริงๆพลอยเองก็รู้คำตอบอยู่แล้วล่ะ เพียงเธออยากได้ยินมันให้ชื่นใจอีกครั้งแค่นั้นเอง พลอยยิ้มไม่หุบเลยทันทีที่ได้ยินคำๆนี้จากริวกะอีกครั้ง แล้วตอนนั้นเองพิกุลและวารีกุญชรก็พากันเดินมาทางพลอยพอดี สาวน้อยคนทรงเห็นว่า แม่และน้าที่เธอรักกำลังเดินมาก็ไม่รอช้าที่จะบอกริวว่า


ริวคะแค่นี้ก่อนนะแม่กับน้ากุญชรมาแล้ว ริวกะสะดุ้งเลยก็ว่าได้แล้วก็พูดว่าครับ ฝันดีนะพลอย พลอยตอบค่ะเหมือนกันนะคะริวแต่วันนี้พลอยนอนช้านิดนึงนะคะ ริวตอบจ้า ยาวๆคำเดียวแล้วก็วางสายไปเลย ทันทีที่พลอยวางสายก็วิ่งดุ๊กดิ๊กๆไปหาทั้งสอง


[ พลอย ]  :  แฮ่ๆๆ แม่กุล น้ากุญชรจะไปไหนกันคะ

[ พิกุล ]  :  ก็จะมาหาหนูนี่แหละลูก เป็นอะไรหืมยิ้มใหญ่เชียว

[ พลอย ]  :  แฮ่ๆๆๆ

[ วารีกุญชร ]  :  พูดคุยกับไอ้เจ้าหนูนั่นพึ่งเสร็จความล่ะสิ่


พลอยก็ยิ้มเหมือนว่าไม่รู้ว่าจะปิดบังยังไงแล้วทีนี้ แล้วพลอยก็พูดขึ้นมาว่า ริวเขามีเรื่องหนักใจนิดหน่อยน่ะค่ะน้ากุญชร วารีกุญชรได้ฟังแบบนั้นก็มองไปที่พิกุล เพราะเจ้านางวารีกุญชรเองก็ไม่ได้พบพลอยมาเสียนาน ภาษาและการสนธนาอาจจะตามไม่มัน ให้คำปรึกษาไม่ได้


พิกุลเองก็รู้ได้ทันทีว่าทางนั้นจะสื่ออะไร แต่พิกุลก็บอกกับพลอยไปว่า พลอยเรื่องบางเรื่องก็ต้องให้ริวตัดสินใจเองนะ เราทำหน้าที่ได้แค่ให้กำลังใจเท่านั้น


[ พลอย ]  :  เง้อ แต่พลอยก็อยากช่วยริวคิดนี่คะแม่กุล


[ พิกุล ]  :  เรื่องบางเรื่อง ต้องให้เจ้าริวตัดสินใจเองนะลูก ถ้าเอาแต่ไปช่วยคิดแล้วเมื่อไรริวจะเติบโตล่ะ


พลอยได้ฟังก็ได้แต่ งื้ม งื้ม งื้ม ก่อนที่จะยิ้มแฮ่ แฮ่ แล้วเกาะแขนของพิกุลและน้ากุญชร ก่อนที่จะพูดว่าไปหาอาม่ากันเถอะค่ะ รอยยิ้มของสาวน้อยคนทรง  เต็มไปด้วยความสุข พิกุลมองที่รอยยิ้มนั้นก็รู้สึกอิ่มเอมใจมาก ถึงแม้วิบากกรรมของลูกสาวบุญธรรมจะยังไม่หมด


แต่พิกุลก็รู้ดีว่าตอนนี้มีพญามังกร1ตน คอยช่วยปกป้องพลอยไม่ห่างกาย ด้านริวกะเขาวางสายแล้วก็ฟู่ววว ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วตอนนั้น ซู่มมมมม สายลมก็ได้พัดผ่านขึ้นมา ตอนนี้โฮโคหรือจิ้งจอก 5 หาง ตัวแทนแห่งธาตุทั้ง 5 ก็ได้มาปรากฏต่อหน้าของริวกะแล้ว


[ ริวกะ ]  :  ว่าไงโฮโค


รูปลักษณ์ของโฮโคตอนนี้คือสุนัขจิ้งจองตัวสูงหัวจรดเท้าราว 3 เมตรลำตัวยาวได้สัดส่วนสวยงาม จนสีขาวก็ฟูนุ่มงดงามยามต้องแสงจันทร์ ริวกะก็คิดในใจไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งก็อดที่จะชื่นชมไม่ได้จริงๆ


[ โฮโค ]   :  ขอรับ อาณาเขตแห่งช่างรมรื่นมากขอรับนายน้อย


[ ริวกะ ]  :  นายคืนร่างเดิมได้เหรอ แปลกจัง ชั้นจำได้ว่าพวกนายจะคืนร่างเดิมไม่ได้ถ้าออกจากเขตญี่ปุ่นนี่นา


[ โฮโค ]  :  เพราะด้วยพิธีกรรมที่นายน้อยได้ทำที่มหาวิทยาลัยนั่นแหละขอรับ ถึงทำให้ตัวข้าได้รับพลังเวทย์เพิ่มขึ้น ถึงจะแค่ชั่วคราวแต่ก็ทำให้ข้าสามารถอยู่ในร่างนี้ได้



โฮโคอธิบายเรื่องราวให้นายน้อยของตนฟัง อาจจะเพราะเวทย์ สายลมสวรรค์ที่ริวกะได้ใช้ตอนอยู่ที่สตูได้เพิ่มพูนพลังเวทย์ให้แก่โฮโคทำให้แม้ว่าจะอยู่นอกญี่ปุน ก็สามารถใช้ร่างที่แท้จริงได้ แม้จะชั่วคราวก็ตาม


[ ริวกะ ]  :  อื้ม แล้วเจ้าจะกลับบ้านใหญ่เมื่อไรล่ะ


[ โฮโค ]  :  อาจจะอีก 1-2 ชั่วโมงขอรับ


อ่อ อื้มๆ ริวกะได้ตอบกลับข้ารับใช้ด้วยความเป็นกันเอง จิ้งจอก 5 หางก้มหัวให้อย่างสุภาพก่อนที่จะพูดอะไรบางอย่าง นายน้อยขอรับ สหายของนายน้อยที่ชื่อ โกย ข้าคิดว่าน่าจะเป็นคนที่รับรู้อะไรรอบตัวได้มากกว่าปกติขอรับ


ริวกะฟังโกย โกย โกยไหนหว่า ริวกะก็อ๋อ ใช่ไอ้คนที่ย้อมผมสีแดงๆมั้ย โฮโคฟังแล้วก็ก้มหัวให้คำตอบ ถึงจะงงไปนิดแต่นิดแต่ริวกะก็รู้ได้ทันทีว่าคือไอ้ก๋อย อาจจะเพราะภาษาญี่ปุ่นไม่มีเสียงวรรณยุคเจาะจงแบบไทย จึงทำให้โฮโคออกเสียงว่ากอย

ชื่อของไอ้ก๋อย เขียนด้วยตัว โค๊ะ ใส่เท็นเท็น ขีดสองขีดหลังตัวอักษรจะผันเสียง ค ควายเป็น ก ไก่ แล้วตามด้วยตัวอิ ก็จะอ่านออกเสียงว่า  โกะ อิ = โกย
" ゴィ"

อ่ะกลับมาต่อ ริวกะถามโฮโคว่าไอ้นั่นมันทำไมเหรอ โฮโคบอกว่า ตัวเขานั่นสัมผัสได้ว่าตัวของก๋อยมีกลิ่นอายของพิธีกรรม แต่มันเป็นกลิ่นที่นานมากๆมาแล้ว ริวกะก็เอ่ยขึ้นมา พิธีกรรม พิธีกรรม อ๋อใช่ๆ


[ ริวกะ ] :  ถ้าจำไม่ผิดรู้สึกว่าบ้านไอ้ก๋อย จะหัดให้มันนั่งสมาธิมาตั้งแต่เด็กๆแล้วนะ มันเคยหลุดปากมารอบนึงว่า ออร่าของชั้นมันเป็นสีฟ้าด้วยน่ะสิ่


[ โฮโค ]  :  ออร่า


[ ริวกะ ]  :  อ๋อ คิ ของชั้นน่ะ [  気  ]



โฮโคนิ่งสักพักแล้วก็พูดว่าหายากมากนะขอรับนายน้อย ที่คนที่ไม่มีเนตรที่สามารถมองเห็นปีศาจหรือวิญญาณได้ จะสามารถมองเห็นคิ หรือ ออร่า ตามที่นายน้อยบอกได้ ริวกะก็พูดอีกว่า อาจจะเพราะมันนั่งสมาธิมาตั้งแต่เด็กๆนั่นแหละ


อีกอย่างไอ้นี่เวลามันจดจ่อกับอะไรบางอย่างมันก็ไม่สนอะไรเลย แต่โฮโคก็พูดขึ้นมาว่าถ้าเป็นคนที่มีสมาธิอะไรขนาดนั้นทำไมผลการเรียนถึงได้ย่ำแย่แบบนั้นขอรับนายน้อย ริวกะได้ฟังก็ถึงกับกุมขมับแล้วบอกว่า เอ่อ ชั้นผิดเองโฮโค ไอ้นี่มันสนใจทุกอย่าง แต่เกี่ยวกับการเรียนมันจะสนใจอันดับท้ายๆเลย


[ โฮโค ]  :  เช่นนั้นเหรอขอรับ แต่ว่าแบบนี้จะดีเหรอครับนายน้อย

[ ริวกะ ]  :  เรื่องอะไรเหรอโฮโค

[ โฮโค ]  : ถ้าเกิดวันนึงสหายของท่านคนนี้รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของนายน้อยขึ้นมาล่ะขอรับ

[ ริวกะ ]  :  เฮ้อ ถ้าวันนึงมันจะรับรู้ได้ด้วยตัวของมันเองก็ช่วยอะไรไม่ได้อ่ะนะ ตามจริงๆแล้ว ทั้งไอ้ก๋อย ไอ้มะกรูด ชั้นก็ไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรมันหรอกนะ ก็สุดแล้วแต่เวลาที่สมควรเถอะ เพราะยังไงชั้นก็คิดว่ามันคงไม่ไปเที่ยวโพนทะนาบอกใครต่อใครแน่นอน


โฮโคก้มหัวให้ผู้เป็นนายแล้วพูดว่า เรื่องนี้ข้าเห็นด้วยขอรับสหายของท่านคนนี้ถึงจะปากไว ปากมาก พูดไม่คิด แต่จิตใจเป็นคนดีขอรับข้าสัมผัสมันได้จริงๆ ริวกะยิ้มแล้วบอกว่า อื้ม ดีแล้วที่นายก็สัมผัสได้แบบนั้น ริวกะลูบไปที่หัวของสุนัขจิ้งจอก 5 ธาตุด้วยความเมตตา ก่อนที่เขาจะปล่อยให้มันพักผ่อนตามใจ



ริวกะเดินกลับมาจากลานจอดรถ ฟู่วววว เขาถอนหายใจแล้วก็คิดว่า โชคดีจังที่มีคนเข้าใจเขาแบบนี้ ซึ่งพอขึ้นมาถึงห้องพัก เขาก็เห็นอั้มกับคิราระนั่งทำงานกันให้ควั่กเลย คิราระปากนึงกำลังงับแซนวิช อีกมือนึงก็จับเอกสาร ส่วนพี่อั้มก็นั่งตรวจเอกสารมือนึงมีน้ำส้มอยู่เหมือนกัน



คิราระมองมาที่ริวกะแล้วก็พูดว่า ริวกะขอโทษนะวันนี้สงสัยจะทำอะไรให้กินไม่ได้ งานเยอะมากเลย ริวกะมองแล้วก็ยิ้มด้วยความเข้าใจ ก่อนจะพูดออกไปว่างั้นชั้นทำอะไรให้กินดีไหม ทันทีที่ริวกะพูดออกมา ทุกอย่างก็เงียบกริ๊บ คนที่ยังเคลื่อนไหวก็คืออั้ม


[ อั้ม ]  :  เอ่อ เมื่อกี้พี่โทรสั่งอาหารญี่ปุ่นมาแล้วนายริว

[ ริวกะ ]  :  เหรอครับ อื้มมม


ริวกะพูดแล้วก็เดินออกไป เขาบ่นอุ่บว่าเสียดายจัง อยากทำให้ทั้งสองคนกินมั่ง ซึ่งพอริวกะเดินออกไป คิราระถึงกับต้องหันมาพูดว่าพี่อั้มขอบคุณนะคะเกือบไปแล้ว !!! เกือบได้กินฝีมือริวกะแล้ว อั้มเองก็เหมือนกันทันทีที่ได้ยินว่าน้องชายที่รักบอกว่าจะทำอาอาหารให้กิน


จิตใต้สำนึกมันก็เตือนเธอว่า อันตราย อันตราย อันตราย อั้มจึงต้องพูดแก้ไขสถานการณ์ว่าสั่งอาหารมาแล้วนั่นเอง คิราระก็คิดในใจว่าริวกะขอโทษนะ แต่อาหารของริวกะมันเกินคำว่ามนุษย์ทำไปแล้ว พี่อั้มก็คิดในใจว่านายริวพี่รักนายนะ แต่เรื่องอาหารฝีมือนายพี่ไม่ไหวจริงๆ


แล้ววันนั้นริวกะ อั้ม และ คิราระก็ได้กินอาหารญี่ปุ่นชั้นเลิศที่สั่งมาจากร้านอาหาร F ริวกะรู้ดีว่าทั้งคู่ทำงานมาเหนื่อยมากๆ จึงไม่ได้ชวนคุยอะไรมากมายนัก หลังจากทานมือเย็นนั้นแล้ว เขาก็ไปอาบน้ำ แล้วมานั่งทำสมาธิอีกครั้งเพื่อฝึกรวบรวม " คิ "   เพราะตั้งแต่กลับมาจากปางอุ๋ง


เขาก็รู้สึกได้ว่าจำเป็นที่จะต้องเตรียมร่างกายให้พร้อมมากขึ้น เพราะดูเหมือนว่าการไปออกค่ายอาสาพัฒนาครั้งนี้เขามีเรื่องที่ต้องทำหลายอย่าง เพราะงั้นการเรียนรู้และสัมผัสพลังจากผืนป่าจึงจำเป็นอย่างมาก ส่วนสองสาว เมียหมด และ เมียเมด ก็แยกย้ายกันไปนอนตามปกติ




รุ่งเช้า !!!


ณ ห้องนอนริวกะ ด้วยความที่เขาเองก็ใช้พลังวิญญาณไปมากพอตัวทำให้เขาก็หลับยาวๆเหมือนกัน ซึ่งก็แน่นอนล่ะได้เวลาเมียเมดทำงาน



[ คิราระ ]  :  นายน้อยเจ้าคะ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ 7 โมงเช้าแล้ว


[ ริวกะ ]  :  งือออ ขออีก 10 นาทีนะยัยตัวแสบ


[ คิราระ ]  :  ไม่ได้เจ้าค่ะ ตื่นเดี๋ยวนี้เลย


[ ริวกะ ]  :   ฮือฮา เธอไม่รักชั้นแล้วเหรอเนี่ย งือออ ไม่ตามใจกันเลย


[ คิราระ ]  :  รักก็ส่วนรักเจ้าค่ะ แต่นายน้อยต้องตื่นนอนเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวไปเรียนสายนะเจ้าคะ



คิราระสาวสวยในชุดเมดถึงกับต้องออกแรงเขย่าๆ ๆ ๆ ตัวเจ้านายสุดที่รัก เพราะนายท่านของเธอดันงอแงไม่อยากตื่น ทันทีที่คิราระเข้าไปใกล้ๆ พรึ่บบบบ ริวกะก็จับคิราระพลิกตัวกลิ้งลงบนที่นอนด้วยเทคนิคท่าทุ่มของยูโด ( มันใช่เรื่องไหมวะไอ้ริว ) คิราระเหวอเลยก็ว่าได้


[ คิราริ ]  :  อ๋อยย นายน้อยเจ้าคะ ทำอะไรบ่าวเนี่ยเจ้าคะ


[ ริวกะ ]  : นั่นไง เธอแทนตัวเองว่าบ่าว เรียกชั้นว่านายน้อยงั้นเหรอ ฮึ๊ !!!


เอาแล้วซวยแล้ว คิราระลืมตัวไปเลยว่าริวกะไม่ให้เธอเรียกเขาว่านายน้อย แต่จะว่าเธอก็ไม่ได้ซะทีได้เดียวเพราะในตอนเช้า เธอต้องปลุกเขาอยู่แล้ว เธอทำแบบนี้มาหลายปี จะให้มาเปลี่ยนปุปปัปแบบนี้ ยังไงก็ไม่มีทางแน่ๆ แต่ริวกะไม่ฟังเลย เขาพลิกตัวเธอลงมากอด และจ้องด้วยสายตาที่ดุๆ


จนคิราระถึงกับใจเสียทำอะไรไม่ถูก ริวกะบอกว่าเธอมีความผิดชั้นจะลงโทษเธอ ทันทีที่ได้ยินริวกะพูด ตัวคิราระเองก็แทบจะร้องไห้ เพราะเธอคิดว่าต้องโดนส่งกลับญี่ปุ่นแน่ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ตัวเธอคงตรอมใจตายแน่ๆ



[ คิราระ ]  :  ไม่เอานะ ไม่เอา ไม่อยากกลับญี่ปุ่น อย่าส่งคิราระกลับนะไม่เอานะ


คิราระร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ เพราะคิดว่าจะโดนแบบนั้นจริงๆ ริวกะเองก็หัวเราะลั่นเลย คิราระถึงกับหยุดโวยวายและจ้องเจ้าไปในดวงตาของเจ้านายสุดที่รัก


[ ริวกะ ]  :  ชั้นไม่ให้เธอกลับไปหรอกคิราระ ถ้าทำแบบนั้น ชั้นคงคิดถึงเธอจนไม่เป็นอันทำอะไรเลยล่ะ ที่ชั้นบอกจะลงโทษเธอ คือแบบนี้


ริวกะเอียงหน้าให้และทำแก้มป่องๆใส่สาวเมดคนงาม ตอนนี้คิราระถึงกับยิ้มไม่หุบเลย เธอหอมฟอดดด ใส่ริวกะเต็มๆ จนแก้มตอบ


และไม่จบแค่นั้น เธอเลื่อนปากจากหอมแก้ม มาประกบจูบกับเขา ริวกะเองก็ไม่คิดที่ปฏิเสธรสจูบที่หอมหวานอยู่แล้ว เขากอดคิราระและพลิกตัวเธอมาข้างบน


เมื่อสาวเมดร่างบางไม่ถูกทับแล้ว เธอจึงขึ้นมาคร่อมและจูบเขาอย่างดูดดื่มทันที มือของเธอเริ่มเลื้อยลงมาด้านล่างและคว้ามั่บเข้ากับมังกรตาเดียว ที่มันกำลังผงาดตามธรรมชาติในทุกๆเช้า ริวกะถึงกับร้อง อูยย อูยยย เพราะมือของคิราระมันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เธอชักๆๆจนเจ้ามังกรตาเดียว เริ่มมีน้ำเหนียวๆลื่นๆปริ่มออกมา


แต่ในขณะที่เธอกำลังจะลงไปขย่ำมังกรนั้น อั้มก็ได้เปิดประตูโคร้มเข้ามา ไอ้หนุ่มมังกรถึงกับสะดุ้ง สาวเมดก็ถึงกับผวา มันเหมือนกับพวกเธอกำลังแอบอึ๊บกันแล้วโดนจับได้อย่างนั้นแหละ


[ พี่อั้ม ]  :  ยัยคิราระ ทำกับข้าวไว้ไม่ใช่เหรอ ยัยน้องสาวคนนี้ !!!


[ คิราระ ]  :  อ๊าาาาา แย่แล้วๆๆ ซุปกระดูกหมู


คิราระร้องเสียงหลงและกระโดดลงจากเตียงไปทันที พี่มังกรกูนี่หำหดเลย กำลังจะโดนบ๊วบแท้ๆ ริวกะถึงกับนั่งกินจุด จุด จุด พร้อมกับตั้งคำถามในใจว่า

" อิหยังวะ "


ส่วนพี่อั้มที่อยู่ในชุดทำงานก็ได้เดินเข้ามาหานายริว พร้อมกับบอกให้ไปอาบน้ำได้แล้ว เพราะตัวเธอมีธุระกับคิราระที่บริษัท วันนี้นายริวต้องไปเอง


[ ริวกะ ]  :  เอ๊า !!! อะไรกันเนี่ย


[ พี่อั้ม ]  :  ก็นายตื่นสายเอง ช่วยไม่ได้นะ


แต่พออั้มได้มาอยู่ใกล้ๆนายริวแบบนี้ สีหน้าที่งอแงแบบนี้ ความน่ารักแบบนี้ มันทำให้เธออดใจไม่ไหว จับหน้าของเขามาจุมพิตจังๆเข้า 1 ที รสจูบนี้มันช่างอบอุ่น และเสียวซ่านอย่างบอกไม่ถูก เขาและเธอขยับปากและลิ้นกันอย่างช้าๆนุ่มนวล ต่างฝ่ายก็ช่วยกันรุก รับ อย่างรู้ใจ  แต่ในขณะนั้น . 



[ คิราระ ]  :  อ่ะแฮ่ม ... พี่อั้มคะ สายแล้วนะคะ


เป็นคิราระที่เดินกลับมา เพราะเธอก็รู้ว่าพี่สาวคนสวย ก็คงอดใจไม่ไหวเช่นกัน ทันทีที่คิราระพูดขึ้น อั้มก็เด้งตัวรีบเดินออกไปทันที


[ อั้ม ]  :  เฮ้อ ใช่สายแล้ว รีบกินข้าวกันเถอะทั้งสองคน


พี่ริวกูหำหดรอบสองแล้ว อะไรกันเนี่ย พี่อั้มเดินไป สางผมไป หยิบทิชชู่ซับปากไป ส่วนคิราระก็เดินมาหาริวกะอีกครั้ง แต่บรรจงหอมแก้มชายหนุ่มคนรักและบอกว่า รีบไปอาบน้ำค่ะอาหารเข้าเสร็จแล้ว ริวกะลุกขึ้น บิดเอวกร๊อบ ๆ ๆ ยืดแขน ยืดขา เพื่อไล่ความง่วง


และสิ่งที่เขาจะไม่ลืมคือการออกกำลังกายเบาๆยามเช้า นั่นก็คือ Hand Stand Push up  หรือการ หกสูงวิดพื้น คิราระเห็นแบบนั้นแล้ว ก็เดินออกไปเตรียมข้าวเข้าทันที



หลังจากวิดพื้นไป 50 ครั้งเบาๆ จากวิดพื้นเขาก็ทรงตัวแบบเดิมแต่คราวนี้ทำด้วยแขนข้างเดียว พอนับได้ 1 นาที ริวก็สลับแขนอีกข้าง สลับไป 3 set หลังจากออกกำลังกายเบาๆเสร็จเรียบร้อย ริวกะก็จัดแจงอาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว และมาทานอาหารเช้า



ซึ่งหลังจากที่ทานมื้อเช้า อั้มก็ไปเตรียมเอกสารของตัวเอง คิราระก็ทำหน้าที่เก็บจานริวกะก็ตามมาช่วย เขามองเห็นเมดประจำตัวดูเหนื่อยๆก็ได้พูดขึ้นมาด้วยความห่วงใย

นี่ยัยตัวแสบเหนื่อยมั้ยเนี่ย ริวกะถามขณะที่กำลังบีบนวดให้คิราระอย่างนุ่มนวล คิราระก็แบบ อื๊ดด นิดนึงค่ะ เมื่อยๆ คิราระบอกช่วงนี้งานเยอะ ขนาดออกกำลังกายทุกวันยังรู้สึกเมื่อยเลย เธอหันมาจุ๊ปริวกะ 1 ครั้งแล้วบอกว่าขอโทษนะ


ที่ไม่ได้ทำมื้อเย็นให้กิน ริวกะมองแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเมดสาวของเขาเหนื่อยมาก อาการอ่อนล้าถูกแสดงออกมาผ่านแววตาเลยทีเดียว มั่บ !!!  อยู่ดีๆคิราระก็จับมือของริวกะไว้แล้วบอกว่าห้ามใช้พลังเล่นๆสิ่ เมื่อวานก็เรียกขบวนร้อยอสูรมาไม่ใช่เหรอ


[ ริวกะ ]  :  แป่ววววว


[ คิราระ ]  :  ไม่ต้องมาแป่วเลยนะ แค่เมื่อยนิดๆพักก็หายแล้ว  นายน้อย อื๊ย ริวกะเองเถอะ หน้ายังซีดๆอยู่เลย


[ ริวกะ ]  :  แน่ะ !!! เป็นห่วงชั้นเหรอยัยบ๊อง


[ คิราระ ]  :  งืมม ถ้าไม่ห่วง คงไม่พูดหรอก




คิราระพูดไปก็เขินไปไม่หยุด ริวกะก็ทั้งกอดทั้งหอมเช่นกัน  ริวกะดีใจที่ตอนนี้คิราระกล้าพูดมากขึ้น ไม่เหมือนช่วงก่อน เขารู้สึกโชคดีจังที่รุ้งพลอยเข้าใจ



[ อั้ม ]  :  โอ๊ยยย ลับตาไม่ได้เลยสองคนนี้ พี่ก็ว่าทำไมล้างจานนานจัง


พี่อั้มเดินมาตามคิราระ และก็ต้องบ่นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า คือไม่ใช่อิจฉา ไม่ใช่หมั่นใส้ แต่บางทีอั้มก็ต้องออกปากเตือนบ้าง เพราะนี่ริวกะก็ต้องเตรียมตัวไปเรียนแล้ว สองคนนั้นก็สะดุ้ง ยิ้มแบบเขินและเดินมาหาอั้ม


คิราระเดินเข้ามากอดแล้วบอกแหะๆขอโทษค่ะ ส่วนริวก็หอมแก้มอั้มไปฟอดนึงแล้วบอกว่าไปเรียนแล้วนะ ตัวอั้มเองก็เขินไปหมดเช่นกัน เธอพึ่งยอมรับความรู้สึกตัวเองว่ารักนายริว ไอ้การที่มาโดนหอมแก้มต่อหน้าคิราระแบบนี้มีเหรอจะไม่เขิน ริวกะจุ๊ปๆคิราระอีกที และเดินไปไปหยิบกุญแจมอไซค์คู่ใจทันที



วันนี้อั้มและคิราระมีภาระกิจต้องไปที่อิซานางิกรุ๊ป สาขาประเทศไทย เพื่อเข้าพบกับผู้บริหารที่มาจากญี่ปุ่น ทำให้ริวกะต้องไปเรียนเอง ตอนแรกเขาก็จะเอารถหรูของเขาไปนั่นแหละ แต่พอคิดได้ว่าช่วงนี้คงไม่ได้ไปไหนมาไหนกับพลอย เขาจึงเปลี่ยนมาใช้คาเสะมารุหมายเลข2 แทน


ริวกะเหล่ๆ ที่กล่องอะไรสักอย่างที่ติดอยู่กับแฮนด์รถ คราวก่อนรีบจัดเลยไม่ทันได้สังเกต พอเปิดและหยิบออกมาเขาก็เห็นลิสแบนด์อันนึงเขาก็หยิบมาดู แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าตอนอยู่ญี่ปุ่นก็เคยใช้ไอ้แบบนี้ในการออกคำสั่งเสียงนี่หว่า ริวกะหยิบมันมาใส่ที่ข้อมือทันที


風丸 システムオン [ คาเสะมารุ ชิสุเตมุ ออน ] ( เปิดระบบ คาเสะมารุ )


ริวกะใช้คำสั่งเสียงเปิดระบบของคาเสะมารุ และขอเส้นทางจากดาวเทียมทันที ไม่ถึง 10 วินาทีที่ออกคำสั่ง ระบบ AI และซอฟแวร์ที่ถูกติดตั้งมา ก็ทำการแสดงผลเส้นทางต่างๆทันที ริวกะก็คิดในใจ ว่าคุณกระแตนี่สุดยอดจริงๆที่สามารถพัฒนาระบบ ให้สามารถทำงานได้รวดเร็วแบบนี้


บรึ้มมมม บรึ้มมม แกร่กกกบรืนนนน ริวกะเชนเกียร์และบิดออกตัวไปทันที จุดหมายก็คือมหาวิทยาลยนั่นเอง ฟู่ววว วันนี้อากาศสดใสดีแท้ๆ เขารีบบึ่งรถไปทันทีก่อนที่อากาศมันจะร้อนไปกว่านี้ ด้วยความชำนาญเส้นทางลัด ทักษะการขับที่ยอดเยี่ยมรวมถึงสมรรถนะขั้นสุดของคาเสะมารุหมายเลข2 ทำให้ริวกะใช้เวลาแปปเดียว ก็มาถึงมหาวิทยาลัยแล้ว ริวกะยกข้อมือขึ้นมาและพูดว่า

****          ****

ノイズ ダウン [ โนอิซึ เดาน์ ]  [ น๊อยซ์ ดาวน์ ]

****          ****



ริวกะใช้คำสั่งเสียงว่า noise down  ทันทีที่เสียงของริวกะพูดคำสั่งออกมา ก็มีเสียงตอบกลับมาว่า


了解 [ รโยไค ]

แปลว่า รับทราบ


ระบบของคาเสะมารุหมายเลข 2 ตอบรับกลับและปรับเสียงของท่อลงทันที ถ้าไม่ทำเช่นนั้นรับรองเสียงกระหึ่มแน่ คนที่เห็นรถของริวกะก็พากันมองตาเป็นมัน จะดี จะเด่ ยังไงไม่รู้แหละ แต่ทรงแฟริ่งและสีนี่โคตรสวยเลยงามงดแท้ๆ ริวกะจอดและสั่งสแตนด์บายไว้ เสียงดังติ๊ดๆๆ ก็ดังกลับมาทันที


คนจะหล่อยังไงมันก็หล่อ ขนาดถอดหมวกกันน็อคออกมา ผมก็ไม่เสียทรง ริวกะเดินออกมายจากลานจอดรถผีสิง ซึ่งระหว่างทางเดินคนก็มองกันให้พรึ่บ หล่ออ่ะแก หล่อมาก เสียงพูดคุยของสาวแถวนั้นเริ่มดังขึ้นทันทีที่ริวกะเดินผ่าน ทางที่เขาเดินผ่านนั้น เป็นเส้นทางของสตูดิโอ เมื่อวาน


เขาจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดูว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง และดูเหมือนว่าทุกอย่างจะดีขึ้นจริงๆ มุมบางมุมถูกปรับ รถแห่ดาชิเองก็ถูกดัดแปลงอีกเล็กน้อยจนแทบจะเหมือนต้นฉบับ 100% ที่สำคัญทันทีที่คิวกะสัมผัสตัวรถมและลองลูบไล้ไปตามมุมต่างๆ


ปรากฎว่าเนื้อไม้เรียบเนียนขึ้นกว่าเมื่อวาน นี่แสดงว่าพวกเขาขัดเพิ่มเติมงั้นสิ่ อื้มกลายเป็นงานที่ยอดเยี่ยมไปเลย


[ ริวกะ ]  :  เยี่ยมเลยแฮะ



ริวกะพูดออกมาเบาๆ และเดินออกมาทันที เขากลับมาที่ตึกคณะ หืมอะไรล่ะนั่น อยู่ดีๆก็มีคนมุงกันเยอะแยะเลย แต่ถามว่าริวสนใจมั้ย ก็ไม่ เขาจะเดินไปหาที่นั่ง แล้วเมียคนทรงสุดที่รักกับคาไมทาจิก็เดินมาหาเขา แต่รู้สึกว่าคาไมทาจิจะเร้นกายอยู่ เพราะด้วยความน่ารัก ของมันจะทำให้คนแตกตื่นกันซะเปล่าๆ

[ อิทาจิ ]  :  อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะนายน้อย

[ นิทาจิ ]  :  อรุณสวัสดิ์ขอรับนาย

[ ซันทาจิ ]  :  อรุณสวัสดิ์ขอรับนายน้อย


คาไมทาจิสามตัวทักทายนายน้อยของตนอย่างนอบน้อม เขาก็ตอบกลับทางจิตว่าตามสบายเถอะพวกเจ้า รุ้งพลอยเดินเข้ามาหาแล้วพูดว่า ช่วงนี้พี่คิราระเหนื่อยแย่เลยนะคะ ริวก็ถามหืมอะไรกันเนี่ย เจอหน้าริวแต่พูดถึงคิราระเนี่ยนะ


พลอยก็ยิ้มแล้วพูดว่าก็พลอยเหนื่อยแทนพี่สาวนี่นา ทำไมมีปัญหาป่ะ ริวก็มองไปที่คาไมทาจิทั้งสามแล้วพูดกันในจิตว่า เดี๋ยวๆพวกเจ้าทั้งสาม ทำไมพลอยดูก้าวร้าวแบบนี้ล่ะ อิทาจิพี่สาวคาไมทาจิจึงพูดว่า


ก็ท่านหญิงวารีกุญชรน่ะสิ่เจ้าคะนายน้อย สอนนายหญิงรุ้งพลอยว่าต้องหัดกำราบว่าทีสามีบ้างไม่งั้นจะหือจนไม่ฟังคำสั่ง ริวเสียวสันหลังว่าบบบบบบ นี่ตกลงว่าเทพพิทักษ์ของรุ้งพลอยสอนอะไรให้พลอยเนี่ยยยย


แต่พลอยก็ยิ้มหัวเราะแล้วจับมือริว เธอบอกว่าก็ทุกคนสำคัญกับพลอยนี่คะ พลอยเห็นแม่กุลทำงานก็รู้ว่าเหนื่อยแล้วพี่คิราระทั้งดูแลบ้าน ทั้งทำงานกับพี่มิไรยังไงก็คงเหนื่อยเนอะ ถ้ามีคนมาช่วยดูแลบ้านสักคนก็คงดี แล้วระหว่างพูดนั้นน้องฝน และ น้องคู่อริก็เดินมาพอดี


[ ปาล์ม ]  :  พลอยไปเรียนเหอะ

[ ฝน ]  :  ป่ะ พลอยเราไปเรียนกัน

[ พลอย ]  :  หือ ปาล์มเรียนกับพลอยเหรอ

[ ปาล์ม ]  :  เปล่า ตอนเช้าว่างเลยอยากไปนั่งเรียนด้วย ไปกันเถอะเสียเวลา


อื้อหือริวกะนี่แอบกำหมัดในใจเลยครับโผม เขานึกถึงตอนที่ปาล์มบอกว่าคนที่เธอแอบชอบคือ อิซานางิ ริวกะ แล้วก็ขนลุกไม่หาย ไม่มีทาง ไม่มีทางแน่ๆล่ะแบบนี้ แล้วตอนนั้นเวย์ ก๋อย มะกรูด ก็ได้เดินเข้ามาริวกะทันที โดยที่ก๋อยได้เริ่มเปิดประเด็นว่า


[ ก๋อย ]  :   ยังไงครับ มะรืน ยังไงครับโผม วันเกิดไอ้กรูด


[ เวย์ ]   :  พามันไปเปิดซิง !!!


[ มะกรูด ]  :  เฮ้ย อะไรของพวกมึงเนี่ย


[ ริวกะ ]  :  ยังไงก็ได้ ได้หมด



พอริวพูดมาแบบนั้นทุกคนก็หันไปมองทันที โอ๊วว ไอ้ริวนี่มึงกล้าไปเที่ยวด้วยเหรอ ทั้งเวย์และก๋อยพูดขึ้นมา ริวก็ถามว่าทำไมวะแปลกตรงไหน  ก๋อยก็ถามนี่มึงไม่กลัวเมียเหรอวะ ซึ่งริวตอบว่า


[ ริวกะ ]  :  มือก็มี ขาก็มีกลัวอะไรวะ


[ เวย์ ]  :  โอ้โห !!!  ลงไม้ลงมือเลยว่ะ โหดจริงพี่มังกรกู


[ ริวกะ ]  :  มือมีก็ไหว้ไปสิ่ ขามีก็ย่อสวยๆสิ่


[ เวย์ + ก๋อย + มะกรูด ]  :  ถุ๊ย !!!



เฮ้อหมดกันมังกรเพลิง 3 หน่อพอกันถุ๊ยออกมาโดยมิได้นัดหมาย ซึ่งก็สร้างความฮาได้พอสมควร แล้ววันนั้นทุกอย่างในชีวิตเด็กมหาวิทยาลัยก็เริ่มขึ้น จนกระทั่งมาถึงวันที่เลี้ยงวันเกิดของมะกรูด ซึ่งก็เป็นไปอย่างที่พวกมันพูดกันว่าจะพามะกรูดมาเปิดซิง


ทั้งสามนัดเจอกันที่สยาม ซึ่งแต่ละคนก็แต่งตัวมากันอย่างหล่อ เวย์นั้นไม่ต้องพูดถึงไอ้นี่มันหล่ออยู่แล้ว แต่ก๋อยกับมะกรูดนี่สิ่ เทสการแต่งตัวของพวกเขาดีมากๆ โดยเฉพาะก๋อย อาจจะเพราะตามอนิเมะญี่ปุ่นบ่อยๆ ตามแฟชั่นของคนญี่ปุ่นบ่อยๆ ทำให้เขามีความรู้ด้านแฟชั่นตัว



ด้านมะกรูดเองก็เช่นกัน ถึงหน้าตาจะจืดๆ แต่การแต่งตัวของเขาก็ช่วยเสริมให้ดูดีและน่ามองขึ้นมาก ทั้งสามคนมาที่สยาม พรก ซึ่งตอนแรกก็มีสาวๆมองกันเพียบอยู่แล้ว แต่พอ.... แปปเดียวเท่านั้นแหละ เสียงฮือ เสียงฮามากันตรึมเลย เพราะไอ้มังกรเดินมาน่ะสิ่


เวย์ ก๋อย มะกรูด หันไปมองควั่บเลยทีเดียว


[ เวย์ ]  :  ฮึ่ยยย กูละหมั่นใส้

[ ก๋อย ]  :   มึงมันเกินคนไปแล้วไอ้สาด

[ มะกรูด ]  :  กูเจ้าของวันเกิดนะเนี่ย


3 หน่อพากันกอดคอแซวเพื่อนตัวเองด้วยความหมั่นใส้ เวย์ก็ถามก่อนเลยว่าทำไมต้องนัดที่นี่วะไกลว่ะ ริวก็บอกว่าเฮ้ย วันเกิดไอ้มะกรูดทั้งทีก็จะพาไปที่หรูๆหน่อย ไปร้าน Angel Mood เป็นไง พอทันทีที่ริวกะเอ้ยชื่อมา มะกรูดแทบจะหันหลังกลับ


[ มะกรูด ]  :  โห ไอ้ห่าแพงบรรลัย กูไปซื้อเค๊ก เซเว่นดีกว่า


แต่ตอนนั้นเวย์ก็ควักเงิน มา 2พัน  ก๋อยควักมา 2 พันแล้วพูดว่าวันนี้เพื่อนกูต้องโดนเปิดซิง มะกรูดมองแล้วพูดเฮ้ยไอ้ห่า แค่ 4 พันพอเหรอวะ อย่าว่าแต่เรื่องนั้นเลย แค่เครื่องดื่มก็แพงบรรลัยแล้ว และตอนนั้นเองริวกะก็รวบเงิน 4 พันบาทมาไว้ที่ตัวเขาและพูดว่า


[ ริวกะ ]  :  พวกมึงออกแค่นี้พอ ที่เหลือกูออกเอง


เท่านั้นแหละ ทั้ง เวย์ และ ก๋อย ก็พากันอ้าปากค้างและพร้อมใจกันเรียกว่า ลูกพรี่ !!!!!!  พร้อมๆกัน มะกรูดก็บอกเฮ้ยๆเกรงใจไม่ต้องๆ แล้วริวกะก็กระดิกนิ้ว เหมือนจะเรียกแบงค์พันในกระเป๋ามะกรูดเช่นกัน มะกรูดก็รู้ตัวทันที แต่ริวกะก็พูดว่า เอามาพันเดียวพอ


เท่านั้นแหละมะกรูดกระผสมโรงด้วย ลูกพรี่ !!! ทั้ง 4 หน่อพากันเรียกริวกะ จนริวกะเริ่มรำคาญ เลยได้บอกเฮ้ย !!!  ไปได้แล้ว แล้วทั้ง 3 ก็พากันลงมาโบก Taxi ไป ณ ร้าน Angel Mood

..................................................



-   ด้านใบเฟิร์น –


สาวน้อยนักศึกษาวัย 20 ในชุดเดรสชมพู สดใส เธอกำลังแต่งหน้าด้วยแววตาที่เรียบเฉย เธอหมดหนทางแล้วจริงๆงั้นเหรอ ในขณะที่เธอกำลังแต่งหน้านั้น รุ่นพี่ในร้านก็เข้ามาในห้อง เธอจ้องมองหน้าใบเฟิร์นด้วยความสงสาร ใบเฟิร์นกลั้นใจและเดินออกไป วันนี้หัวใจเธอแตกสลาย แต่เธอเชื่อว่าสักวันเธอจะหายดี หลังจากคืนนี้เธออาจจะไม่กล้าพบหน้าริว


แต่ในสักวันที่เธอก้าวผ่านความรู้สึกนี้ไปได้เธอจะกลับมาบอกเขาแน่นอนว่าเธอรู้สึกยังไง ถึงแม้เธอจะรู้อยู่แล้วว่าชายหนุ่มมีหญิงสาวเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว


แต่ยังไงซะเธอก็อยากจะบอกกับเขาอยู่ดี ว่าเธอรู้สึกดีที่เขาเข้ามาในชีวิต ใบเฟิร์นสาวน้อยในชุดเดรสสีชมพู เดินผ่านผู้ชายมากหน้าหลายตาเพื่อไปใน zone ที่ตัวเธอเองทำงาน ร่างบางงามระหงเดินผ่านไปมุมใดๆก็จะมีสายตาของชายหนุ่มนักเที่ยวมองไม่วางตา



ใบเฟิร์นชินกับสายของพวกนี้แล้ว สายตาที่ราวกับจะเข้ามากระชากกัดกินเธอทั้งตัว แต่จะไปโทษใครมันก็ไม่ได้ เพราะสถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่พวกเขาจะมาหาความสุข ความสำราญ ไม่ว่าจะทั้งทางใจ และทางกาย ใบเฟิร์นเดินมาพร้อมกับพี่เชอรี่พี่คนที่คอยดูแลพลอยมาตลอด พี่เชอรี่ถามว่าคิดใหม่ได้นะเฟิร์น พี่แคนเซิลแขกได้นะ



ใบเฟิร์นยิ้มแล้วตอบกลับไปว่าอย่าทำให้เฟิร์นสับสนเลยนะคะพี่เชอรี่ เฟิร์นจะทำแค่ครั้งนี้เท่านั้นค่ะ เพราะเฟิร์นดึงดันที่จะเรียนต่อเอง เฟิร์นก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองค่ะ


[ เชอรี่ ]   :   เรื่องเงิน ยืมพี่ก่อนก็ได้นะเฟิร์น ไม่เห็นต้องทำแบบนี้

[ ใบเฟิร์น ]  :  พี่เชอรี่เองก็มีภาระนะคะ ลูกสาวพี่ที่ต่างจังหวัดก็จะเข้าอนุบาลแล้ว ค่าใช้จ่ายก็มี คราวที่แล้วก็ให้เฟิร์นยืม พี่เองก็ต้องไปยืมคนอื่นมาอีกทอด

[ เชอรี่ ]  :  แต่....


[ ใบเฟิร์น ]  :  เฟิร์นขอแค่ พี่เชอรี่ยังดีกับน้องสาวคนนี้เหมือนเดิมก็พอแล้วค่ะ



ใบเฟิร์นยิ้มและเดินออกไปพร้อมๆกับพี่เชอรี่ พี่สาวที่เธอรักและนับถือ หลายครั้งที่เธอยื่นมือมาให้ความช่วยเหลือใบเฟิร์นจนตัวเองก็ลำบาก คราวนี้ใบเฟิร์นตัดสินใจแล้วว่าเธอจะจัดการปัญหาด้วยตัวเอง เธอไม่มีทางแคนเซิลลูกค้าแน่นอน เพราะนั่นมันอาจจะทำให้ร้านของเธอเสียชื่อ ใบเฟิร์นจะไม่มีวันทำให้ร้าน Angel Club เสียชื่อเด็ดขาด




** ด้าน 4 สหาย **


โอ้โห !!!  ทันทีที่รถ TAXI จอดข้างหน้าร้าน Angle Mood  ก๋อย มะกรูด ก็พากันร้องแม่เจ้าโว๊ยทันที เพราะนี่มันเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นสถานบันเทิงที่หรูหราแบบนี้ ทั้งโคมไฟ ทั้งต้นเสา ที่ถูกทำมาให้เหมือนยุคกรีดโรมัน


มันทำให้ทุกอย่างดูงดงามมาก และที่สำคัญอื้อหือ แค่ทางเข้าก็เจอนางฟ้าซะแล้ว พนักงานต้อนรับหญิงในชุดราตรีสีน้ำเงิน แค่ยืนมองเฉยๆยังรู้สึกได้ถึงออร่าของนางพญา ที่เปร่งประกายออกมา เธอยืนรอต้อนรับลูกค้าทุกคนด้วยรอยยิ้มที่ชวนหลงไหล


แต่ว่าตอนนั้นเอง... ก็ได้มีกลุ่มนักเที่ยวกลุ่มนึง ซึ่งดูแล้วเหมือนจะเป็นกลุ่มคนที่มีอายุพอสมควร กะด้วยสายตาน่าจะประมาณ 30+ แต่งตัวภูมิฐานดูดี เขาเดินมาและทำท่าเหมือนมองพวกริวด้วยแววตาที่ดูถูกดูแคลน ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเด็กนะเฮ้ย มีเงินกันหรือเปล่ามาเที่ยวที่แบบนี้



แต่ริวกับเวย์ก็ไม่ได้สนใจอะไรกันเท่าไร เพราะจุดประสงค์คือพาไอ้มะกรูดมาฉลองวันเกิด 20 ขวบแบบผู้ใหญ่นั่นเอง ริวกะเดินผ่านพนักงานต้อนรับคนสวยออกมา ท่าทางแววตาของไอ้ก๋อยก็เหมือนผู้ชายทั่วไปที่มองด้วยความคึกคัก แต่สำหรับคนสวยแบบเธอ มันชินแล้วล่ะ



แต่ในตอนนั้นเอง ขณะที่ทั้ง 4 คนเดินผ่าน แววตาของพนักงานต้อนรับสาวก็เหลือบไปเห็นริวกะและเวย์ ที่มีท่าทีต่างออกไป พวกเขาไม่ได้แสดงอาการอย่างใดออกมา ทำกับว่าเธอคืออากาศธาตุไม่มีตัวตน นั่นยิ่งทำให้เธอสงสัยว่าทำไมสองคนนี้ไม่สนใจเธอกัน


ถึงขั้นต้องมองเหลียวตามเลยล่ะ ส่วนกลุ่มนักเที่ยวที่มองเห็นดังนั้นก็พากันหมั่นใส้ พวกเขาพยายามขายขนมจีบตั้งหลายครั้ง ชวนไปข้างนอกตั้งหลายที แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการปฏิเสธอย่างนอบน้อม ไม่เหลียวมอง ไม่แล ไม่อะไรเลย แต่นี่ดาวเด่นประจำร้านถึงกับเหลียวตามองตาม



ความหมั่นใส้ก็เกิดขึ้นทันที พวกมันมองๆหน้ากันแล้วก็เดินตามริวกะเข้าไปทันใด ส่วนพวกริวกะยิ่งพอเข้ามาก็ยิ่งตระการต้ามากกว่าเดิม ข้างในประดับประดาด้วยไฟโทน warm light จัดแต่งออกมาได้เหมือน โอลิมปัส มากๆ มิน่าล่ะ zone นี้ถึงชื่อว่า Vahalla



[ ก๋อย ]  :  โอยยย สมชื่อ วาฮัลลา จะมีวาคีรีมั้ยเนี่ย

[ เวย์ ]  :  น่าจะมี แต่มาเก็บศพมึงนะ


เวย์พูดออกมาทำให้ฮากันเลยทีเดียว ก็ตามความเชื่อแหละครับวัลคีรี ความหมายนั้นแปลว่า ผู้คัดเลือกความตาย เวย์มองไปรอบๆที่นี่ก็โอ่อ่าจริงๆมีทั้ง โต๊ะเล่นบอล มีตั้งโต๊ะพูล สนุ๊กเกอร์ มีบาร์น้ำ มีโซนนั่งฟังเพลง ดื่มเหล้า อืมมม.... ไหนวะสาวๆที่จะพาไอ้กรูดมาเปิดซิง


[ ก๋อย ]  :  เฮ้ย ไอ้ริว.... ที่นี่ดูแล้วมันแพงนะเว้ย กูออกแค่ 2 พันมันจะดีเหรอวะ


ก๋อยพูดออกไปอย่างที่คิด นี่แหละคือสิ่งที่โฮโคสัมผัสได้จากตัวก๋อย ริวเองก็เช่นกัน ถึงมันจะปากหมา ปากไว ไร้ความคิด แต่ลึกๆมันเป็นคนจิตใจดี ไม่เอารัดเอาเปรียบใคร แต่ริวก็พูดขึ้นมาว่า กูบอกจะเลี้ยงกูก็เลี้ยง มะกรูดก็พูดอีกว่ากูเกรงใจนะเฮ้ย แต่คำตอบทั้งหมดถูกริวสยบด้วยคำว่า


" บ้านกูรวย "








 



เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน


DESTINY_TH

บ้านกูรวย โอ้ยยอยากมีโมเม้นแบบนี้ ตอบเพื่อนว่าบ้านกูรวยนิ

zero009


gundam2000


ryg123456

จัดไปนายมะกรูด เพื่อนบ้านรวย
ว่าแต่จะเจอใบเฟิร์นไหมนายริว

Au Nanma


eltas007

จัดไปลวกเพี่ยแต่ดูทรงแล้วมีเรื่องอีกตามเคย

Csc It

 ::WowWow::จะเป็นร้านเดียวกับใบเฟิร์นหรือเปล่านายริวกะต้องช่วยใบเฟิร์นให้ได้นะดูแล้วก๋อยยังน่าจะซิงอยู่ริวกะจัดให้ก๋อยซักสามคนนะ

Nong5670

นายน้อยจะจัดใครงานนี้ ใบเฟรินท์หรือป่าวนะ

automilo

จะมีศึกแย่งชิงใบเฟิร์น กับบรรดาเสี่ยๆไหมเนี้ย 555

test1234


petergg

อะไรกันครับเนี่ย

peddo

#13
ตกลงก๋อยจะมาเปิดซิง หรือริวจะมาเปิดเฟิร์น อิอิ เมียอนุญาตแล้ว แต่เกิดติดขัดกับเพื่อนนี่อึดอัดแย่เลยนะครับ
ก่อนบทรักคงต้งมีบู๊ก่อนตามสไตล์ครับ เรียกแขกหรือไล่แขกดีนะ
ขอบคุณครับ
ชกทีเดียวแป้นพังอย่างนี้น้องเฟิร์นโดนหลายทีไม่แย่เหรอครับ

Tyu744