ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_llOUllnJllUUllSJllSJ

จ้าวโลก EP.14 (NTR/Harlem/Super Power)

เริ่มโดย llOUllnJllUUllSJllSJ, มีนาคม 14, 2021, 03:31:29 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

llOUllnJllUUllSJllSJ

สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก xonly8 อ่านเต็มได้ที่ https://fictionlog.co/b/6053b2ece9cbb4001caf362f


เกริ่นและแนะนำตัวละคร ถ้าจะอ่านเนื้อเรื่องให้อ่านข้ามข้อความสีเขียวไปเลยครับ

ในโลกเรา มีมนุษย์ที่พิเศษกว่าคนอื่น คือมีการวิวัฒนาการทางสมองมากกว่าคนทั่วไป สิ่งนี้เรียกว่า การแตกเหล่าของวิวัฒนาการ

สมองที่ดีขึ้น ทำให้สามารถคิดคำนวน วิเคราะห์ และสร้างสรรค์สิ่งต่างๆได้ดีขึ้น แต่สำหรับคนที่มีความสามารถทางสมองที่เหนือขึ้นไปอีก จะมีพัฒนาการที่สามารถใช้สมองควบคุมกล้ามเนื้อ น่างกายตัวเองได้ ประสาทสัมผัสจะดีขึ้น เช่น มองเห๋นในที่มืด หูฟังได้ไกล ผิวสัมผัสดีขึ้น ฯลฯ และที่เหนือที่สุด คือคนที่มีสมองที่สร้างคลื่นความถี่และส่งความถี่นั้นไปสู่สมองคนอื่น ซึ่งสมองคนอื่นจะรับความถี่นั้นแปลงเป็นสัญญาณไฟฟ้าในสมอง หรือพูดง่ายๆว่า สามารถโน้มน้าวจิตใจได้นั่นเอง บางคนโหดมากๆ ก็สามารถควบคุมกล้ามเนื้อคนอื่นได้

อย่างไรก็ตาม ความสามารถนี้จะไม่ถูกถ่ายทอดทางดีเอ็นเอ และจะเกิดแบบสุ่มเท่านั้น พูดง่ายๆคือ ถ้าพ่อมีความสามารถนี้ รุ่นลูกหลานอาจจะไม่ได้รับความสามารถนี้

องค์กร UNX ก่อตั้งจากกลุ่มมนุษย์พิเศษ มีเป้าหมายเพื่อวิจัยความสามารถเหล่านั้น และส่งต่อความรู้ให้มนุษยชาติ

องค์กร ZINA ก่อตั้งจากสมาชิกที่เคยอยู่กับ UNX แต่มีความคิดว่า มนุษย์เราไม่เท่ากัน มนุษยืพิเศษสมควรจะได้ควบคุมความเป็นไปของโลก ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาที่ไม่มีความสามารถอะไร

ต่อ พระเอก มีความสามารถด้านการโน้มน้าวจิตใจคนอื่น โดยมีหลักการคือ จะโน้มน้าวได้เฉพาะสิ่งที่อยู่ใต้จิตสำนึกก่อนแล้ว (นึกถึงเซลล์เวลาเชียร์เราซื้อของที่เราอยากได้ แต่ต่อแค่คิดไม่ต้องพูดแบบเซลล์ ก็โน้มน้าวได้เลย)

อิง แฟนเก่าต่อ โดนโน้มน้าวจิตใจให้เลิกกับต่อและไปคบกับอาร์ท ที่สำคัญคือ การโน้มน้าวจิตใจครั้งนั้น ส่งผมให้อิงแสดงตัวตนอีกด้านของเธอออกมา

อีฟ คนขององค์กร ZINA และเป็นพาร์ทเนอร์กับต่อในการทำงาน

แทน เน็ตไอดอลและดาราดาวรุ่งเพื่อนของต่อ และมาคบเป็นแฟนหลังจากต่อเลิกกับอิง

เดียร์ สาว PR สุดเซ็กซี่ เพื่อนร่วมงานเก่าของต่อ

######################

เที่ยงตรง - ผมอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ เตรียมตัวออกไปรับอีฟที่มหาลัย อีฟจะพาผมไปตัดชุดสูทเพื่อไปงานเลี้ยงสถานฑูต แน่นอนว่า นี่เป็นครั้งแรกของผมเลยที่ได้ใส่สูทและออกงานอะไรที่ดูจริงจังแบบนี้ ซึ่งพอเทียบกับอีฟแล้ว แม้ว่าเธอจะอายุน้อยกว่าผม แต่เธอกลับเชี่ยวชาญการเข้าสังคมไฮโซได้เป็นอย่างดี

แต่แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่า หลังดราม่าเมื่อวานกับแทนที่ห้าง ผมดันจอดรถผมทิ้งไว้ที่นั่นแล้วเดินกลับมา ระยะทางก็หลายกิโลเมตร อันที่จริงผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าผมเดินไกลเท่าไหร่ มันคงเป็นช่วงอารมณ์ที่อยู่ในความรู้สึกของความสูญเสียละมั้ง อย่างไรก็ตาม ผมมีเวลาแค่ชั่วโมงเดียว ถ้าจะต้องย้อนกลับไปเอารถที่ห้าง คงไม่ทันแน่ๆ แถมไม่รู้ว่าจะต้องเสียค่าปรับอะไรยังไงมั้ย

ผมเลยตัดสินใจไลน์หาอีฟ

"อีฟ เรียนเสร็จยัง" ผมถามเธอ

"ยัง ใกล้เสร็จแล้ว ออกมาแล้วเหรอ" เธอพิมพ์ตอบผมกลับมาแทบจะในทันที

"ยัง พี่ลืมไปว่าเมื่อวานจอดรถทิ้งไว้ที่ห้างอ่ะ ตอนนี้ไม่มีรถ ถ้าจะกลับไปเอารถที่ห้างคงเสียเวลา ไปรับอีฟไม่ทัน เอาไงดี" ผมถามความเห็นเธอ

"แล้วทำไมจอดรถทิ้งไว้ที่ห้าง" เธอถามผมกลับมา

"ก็.. เมื่อวานเดินกลับไง"

"หา เดินกลับจากไหน จากห้างอ่ะนะ?" อีฟถามผมกลับมา

"ใช่ ก็กำลังดราม่าอยู่"

"ทำตัวเป็นพระเอกหนังเกาหลีไปได้ โอ้ยยยย 😒 😒 😒 😒" เธอส่งอิโมจิหน้าเบื่อกลับมาให้ผม (ผู้เขียน : ไม่แน่ใจจะเห็นอิโมจิเดียวกันทุกคนมั้ยนะครับ)

"เออน่า แล้วเอาไงดี" ผมตัดบทถามเธอกลับไป

"เข้าไปในห้องอีฟ เอากุญแจรถวางอยู่บนโต๊ะกินข้าว แล้วขับรถมารับอีฟละกัน" อีฟบอกทางแก้มา

"อ่าว อีฟไม่ได้ขับรถไปเหรอ" ผมแปลกใจ

"ป่าว ก็จะให้พี่มารับที่มหาลัยไง วันนี้เลยให้เพื่อนมารับ นัง 2 ตุ๊ดที่พี่เจอวันนั้นแหละ" อีฟบอก

"อ้อ โอเค แต่พี่ไม่มีกุญแจห้องอีฟ" ผมบอกอุปสรรคอีกอย่างเธอไป

"ในกล่องมาม่าล่างสุดข้างตู้เย็นพี่ อีฟเอากุญแจสำรองห้องอีฟใส่ไว้ให้แล้ว" เธอตอบกลับมาจนผมแปลกใจ เดี๋ยวนะ ทำไมกุญแจห้องเธอมาอยู่ในกล่องมาม่าผมได้

"เดี๋ยว ทำไมกุญแจห้องอีฟมาอยู่ในกล่องมาม่าพี่ได้?" ผมถามเธอไปในสิ่งที่ผมคิด

"ก็เผื่อมีเหตุฉุกเฉินไง เออน่าอย่าถามมาก รีบมารับด้วย เรียนต่อแล้ว" อีฟตัดบท

"โอเคๆ"

"เดี๋ยว พี่ต่อ" เธอทักมาในจังหวะก่อนที่ผมจะปิดโทรศัพท์นิดเดียว

"ว่า?"

"ขับรถอีฟดีๆ ห้ามให้เป็นรอยเด็ดขาด!!!!! 😡" ดูจากอิโมจิที่เธอพิมพ์มา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เธอจะวีนแตกแค่ไหนถ้าผมขับรถเธอชนหรือเป็นรอย

"จ้ะแม่" ผมประชดเธอกลับไปพร้อมกับล็อกหน้าจอโทรศัพท์และเดินไปหยิบกุญแจห้องเธอที่เธอแอบเอามาใส่ในห้องผมตอนไหนก็ไม่รู้

เอาจริงๆผมเริ่มจะไม่แน่ใจซะแล้วว่าในห้องผมมันมีอะไรที่ผมไม่รู้แอบอยู่ด้วยอีกมั้ยเนี่ย

.........

แม้ว่าอีฟกับผมจะสนิทกันอย่างรวดเร็ว แถมเธอก็เข้าออกห้องผมเป็นว่าเล่น แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่ผมมีโอกาสเข้ามาในห้องของเธอที่อยู่ติดกัน ที่จริงผมรู้สึกว่า การที่ผู้หญิงให้เราเข้าห้องได้ โดยเฉพาะตอนที่พวกเธอไม่ได้อยู่ด้วยนั้น แสดงให้เห็นถึงความไว้ใจที่สุด เพราะแน่นอนว่า ห้องของผู้หญิงก็มักจะมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวเป็นธรรมดา

และแม้ว่ามันจะดูไม่ดี แต่นิสัยอยากรู้อยากเห็นของผม ก็ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะสำรวจห้องเธอ ภายนอกที่ดูกล้าแก่นแถมชอบข่มผมนู่นนี่นั่น ผมก็อยากดูเหมือนกันว่าภายในชีวิตส่วนตัวของเธอเป็นยังไง

ห้องของอีฟจัดเป็นระเบียบเหมือนห้องผู้หญิงทั่วๆไป เลเอ้าท์ห้องจะคล้ายกับห้องของผม เพียงแค่สลับด้านกัน ผมเดินไปที่โต๊ะที่ดูเหมือนจะเป็นโต๊ะทำงานไม้สไตล์มินิมอลน่ารักๆ บนโต๊ะมีแล็บท็อป สมุด กับกรอบรูปที่ตั้งโต๊ะอยู่

ผมหยิบรูปขึ้นมาดู เป็นรูปไม่ใหม่มาก ในรูปนั้นมีหญิงไทยอายุกลางๆกับชายชาวต่างชาติอายุไล่เลี่ยกัน ผมเดาได้ไม่ยากว่าคงเป็นพ่อแม่ของเธอ

เออ อันที่จริงผมก็ไม่เคยถามอีฟเลยว่า ครอบครัวเธอเป็นยังไง อยู่ที่ไหน แล้วการที่เธอต้องมาพัวพันกับองค์กรทั้งสององค์กรอะไรนั่นอีกต่างหาก ผมไม่เคยถามเธอเลยว่าเธอแบกรับอะไรไว้

ผมวางกรอบรูปนั้นไว้ที่เดิม แต่สายตาก็เหลือบไปเห็นสมุดที่วางอยู่ ผมไม่รู้ว่าเป็นสมุดอะไร ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นแค่สมุดจดนู่นนี่นั่นทั่วไป แต่พอหยิบมาเปิดๆดู กลับพบว่า มันเป็นสมุดที่เธอใช้บันทึกเรื่องราวต่างๆ จะว่าเป็นไดอารี่ก็ไม่เชิง เพราะบางทีก็จดอะไรไปเรื่อย แต่บางหน้านั้น ผมก็เข้าใจว่าเป็นจดไว้เพื่อระบายสิ่งที่อยู่ในใจ

ผมลังเลอยู่นาน ว่าจะอ่านดีมั้ย ใจหนึ่งก็อยากรู้ แต่ใจหนึ่งก็เห็นว่าไม่ควร เพราะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเธอ แม้ว่าด้านมืดของผมจะแอบคิดว่า ทีเธอยังเข้ามาอ่านใจผมได้เลย แม้ว่าจะไม่ได้ถึงขั้นรู้ความคิดก็เถอะ

ในที่สุด ผมก็ตัดสินใจหาข้ออ้างให้ตัวเองได้สำเร็จ ผมขออ่านแค่หน้าเดียว สุ่มๆเท่านั้น ผมแค่อยากรู้ว่า อีฟเป็นคนยังไง และเธอจดอะไรไว้ในสมุดเล่มนี้

ผมเปิดสุ่มหน้าท้ายๆมาหนึ่งหน้า ในนั้น เธอเขียนว่า

'ขอบคุณความเหงา ที่ทำให้เราแข็งแกร่ง
ขอบคุณความอ่อนแอ ที่ทำให้เราเข้มแข็ง
ขอบคุณความเจ็บปวด ที่ทำให้เราเติบโต
ขอบคุณความปรารถนาดี ที่ฉันสัมผัสได้   
แม้ว่าฉันจะไม่ใช่คนแรกที่ได้สัมผัส.. ก็ตาม :)'

ข้อความถูกลงวันที่ 15 ธันวาคม 2020 มันคือวันเดียวกับที่ผมกับอีฟไปเจอน้าไพลินที่แถวสนามบินนี่นา ผมอ่านดูก็ยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก แต่ก็อดประหลาดใจไม่ได้ว่า อีฟก็มีมุมแบบนี้เหมือนกัน จริงสิ ผมยังไม่เห็นว่าเธอมีเพื่อนเลย เพื่อนที่มหาลัยก็เพิ่งจะรู้จักกัน อาจจะเพิ่งสนิทกันด้วยซ้ำ ไม่แปลกที่เธออาจจะเหงา บางที ผมคงต้องหาโอกาสแนะนำอีฟให้แทนรู้จักกันหน่อยก็ดี แม้จะไม่รู้ว่าจะวางตัวยังไงก็เถอะ เพราะก็ยอมรับว่า ผมก็รู้สึกดีกับอีฟเหมือนกันนะ เห้อ หลายใจชะมัดเลยเรา..

ผมวางสมุดนั้นไว้ที่เดิม แค่อ่านหน้านี้ ก็ทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองในตัวอีฟไปแล้ว ขืนอ่านหมดทั้งเล่ม เกิดได้รู้จักตัวตนอีฟมากขึ้นโดยที่เธอไม่ยินยอม มีหวังโดนบ่นหูชาแน่ๆ

ผมมองหากุญรถของเธอไม่ยากนัก มันวางอยู่บนโต๊ะกินข้าวอย่างเห็นได้ชัดเลย ผมหยิบกุญแจมาแล้วเตรียมจะออกจากห้อง พลันสายตาดันไปเห็นตะกร้าผ้าของอีฟ

อาา.. ถ้านี่เป็นนิยายเสียว ผมคงจะต้องเดินไปที่ตะกร้าแล้วลองหยิบกางเกงในใส่แล้วของอีฟมาดูแบบโรคจิตแน่ๆ แต่นี่คือเรื่องจริง ชีวิตจริงผมไม่ได้โรคจิตอะไรขนาดนั้น แต่.. ผมอยู่ในห้องอีฟคนเดียว ถ้าผมจะแอบโรคจิตก็คงไม่มีใครรู้มั้ง ไม่สิ ไม่มีใครรู้หรอก

ผมสาบานได้ว่าผมไม่ใช่พวกโจรขโมยกางเกงในโรคจิตอะไรนั่น และแม้จะเคยเห็นอีฟในชุดบิกินี่ในงานที่บ้านเสี่ยอั๋นมาแล้ว แต่เทียบกับความตื่นเต้นที่ผมได้หยิบกางเกงในใส่แล้วของเธอขึ้นมาดูไม่ได้เลย

ตะกร้าผ้าอยู่ตรงหน้าผมแล้ว ผมยืนชั่งใจอยู่ว่าจะเอายังไงดี แล้วผมก็บอกตัวเองว่า เอาน่ะ เราไม่ได้โรคจิต แค่อยากรู้ว่าอีฟใส่กางเกงในสไตล์ไหนเท่านั้นเอง

แล้วผมก็หยิบกางเกงในตัวหนึ่งของเธอขึ้นมาดู อื้อหืออ ใส่จีสตริงด้วย ต้องบอกตามตรงว่าเป็นอะไรที่เซอไพรซ์ผมมาก เพราะอีฟดูซ่อนความเปรี้ยวไว้ข้างใน แม้ว่าในฐานะผู้ชาย ผมจะไม่รู้หรอกว่าทำไมผู้หญิงถึงเลือกใส่จีสตริง แต่ผมมองในมุมผู้ชายว่า นั่นคือความเปรี้ยว ความเซ็กซี่ ที่น่าหลงใหลมาก

ผมสะบัดหัวตัวเองสองสามที แล้ววางกางเกงในตัวนั้นกลับไปในตะกร้า ไหนจะเรื่องสมุด ไหนจะเรื่องกางเกงใน แค่นี้ก็โรคจิตพอละ ผมรีบออกจากห้องของอีฟ เวลามีน้อย ผมต้องไปรับเธอให้ทันบ่ายโมง ไม่งั้นมีหวังโดนบ่นแน่ๆ

...............


"รอนานมั้ย?" อีฟเปิดประตูข้างคนขับขึ้นมานั่งบนรถหลังจากที่ผมจอดรถได้ไม่นาน ชุดนักศึกษาที่ใส่กระโปรงทรงเอสั้นของเธอมันยิ่งทำให้ต้นขาขาวของเธอโผล่ออกมามากขึ้นในตอนที่เธอนั่งรถ บอกตรงๆว่ามันดึงดูดสายตาผมมากๆ

"เอ้อ เพิ่งมาได้ไม่นานเอง" ผมตอบพลางแอบเหล่ขาอ่อนเธอ

"จะลามกอีกนานมั้ยเนี่ย โรคจิตอ่ะ ไม่ใช่แอบเอากางเกงในอีฟมาดมตอนเข้าไปเอากุญแจนะ" อีฟว่าพลางเอากระเป๋ามาวางปิดขาอ่อนขาว แต่ประโยคที่เธอพูดมาทำเอาผมแทบสะอึก

"เห้ย ป๊าววว บ้าเหรอ ไม่มีๆๆๆ ใครจะทำแบบนั้น พี่เอากุญแจเสร็จแล้วรีบออกมาเลย จริงๆ" ผมเลิ่กลั่กบอกเธอ

"อื้อหือออ โกหกชัวร์ๆ อีฟสัมผัสได้นะอย่าลืมสิ" อีฟหรี่ตามองผมตาเขียว

"บ้าาา พลังอีฟมันอาจจะผิดพลาดก็ได้ แบบสมองเบลอ เรียนหนัก เลยตีความผิดอะไรงี้ไง" ผมรีบแก้ตัว

"เออ อีฟมาขับมา พี่ไม่รู้ทาง ขับยังไม่แข็งด้วย" อีฟยังไม่ทันจะตอบอะไร ผมก็รีบเปลี่ยนเรื่องทันที

"ไม่เอาอ่ะ วันนี้อยากเป็นคนนั่งบ้าง เดี๋ยวอีฟบอกทางเอง" อีฟวางพลางคาดเข็มขัดนิรภัย แต่ให้ตายสิ ผมขอโทษต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆก็ตาม เพราะผมไม่ได้ลามกโดยกำเนิด แต่ทันทีที่สายเข็มขัดนิรภัยมันพาดผ่านหน้าอกเธอ กลับกลายเป็นว่าหน้าอกเธอนั้นเด่นชัดขึ้นมาในเสื้อนักศึกษาตัวจิ๋วทันที

"อ่า.. ครับๆ" ผมรีบหันกลับไปมองถนน ไหนจะขาอ่อน ไหนจะหน้าอก ไหนจะใบหน้าสวยๆ โอ้ยยยย อยากกดอีฟโว้ยยยยย ผมได้แต่สบถในใจ

"เห้อออ เหนื่อยจะด่าพี่ละ ลามกได้ตลอดเวลาจริงๆ ไปตามถนนนี้ แล้วขับตามที่อีฟบอก" อีฟบ่นผม คงเพราะเธอสัมผัสได้ว่าผมกำลังหื่นอยู่นั่นแหละ


ผมไม่เคยตัดเสื้อผ้าอะไรกับเขาหรอก เสื้อผ้าที่ใส่ ก็ซื้อตามห้างแบบสำเร็จรูป พวกร้าน Uniqlo อะไรงี้ ง่ายๆสบายๆ แต่พอต้องออกงาน แถมเป็นงานสำคัญแล้ว จะใส่ชุดสำเร็จรูปแบบนั้นมันคงไม่เหมาะเท่าไหร่ อีฟพาผมมาที่ร้านตัดชุดแห่งหนึ่ง ดูแล้วเป็นธุรกิจตัดสูทโดยเฉพาะ ผมเพิ่งรู้นี่แหละว่ามีธุรกิจแบบนี้อยู่ด้วย เพราะในมุมมองผม ใครมันจะตัดสูทได้ทุกวัน แล้วลูกค้าจะเยอะพอจนธุรกิจอยู่ได้เหรอ

ผมแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย ดูเหมือนว่าอีฟจะรู้จักเจ้าของร้านเป็นอย่างดี เธอจัดการบอกสไตล์ของสูท สี ผ้า ต่างๆนาๆ ผมมีหน้าที่เดียวคือยืนให้เจ้าของร้านมาวัดตัวเท่านั้นเอง อีฟนี่เก่งจริงๆ เธออายุไม่ถึง 20 แต่รู้แทบทุกอย่าง สมกับที่ไอคิวสูงจริงๆ

"อีฟ จำเรื่องแทนได้มั้ย" ผมหันไปถามอีฟในระหว่างที่เรากำลังนั่งรอช่างตัดเสื้อที่เป็นเจ้าของร้านเดินไปเอาตัวอย่างผ้ามาให้ดู

"เรื่องไหน" อีฟตอบผมพร้อมๆกับเล่นโทรศัพท์ไปด้วย

"ที่พี่คุยกับแทนเรื่องอิง แล้วโดนแทนโกรธไง แล้วพี่ดันเผลอลบความทรงจำช่วงนั้นของแทนได้" ผมบอก

"อ้อ จำได้ ทำไมเหรอ"

"พี่..สงสารอิงอ่ะ" ผมก้มหน้าพูด

"แหมม สงสารหรืออยากได้อิงกลับมาจ้ะ" อีฟเบ้ปากพูดแซวผม ผมตีความน้ำเสียงเธอไม่ออกว่าเธอกำลังด่าหรือแซวผมกันแน่

"อันนี้จริงจัง.. พี่ยอมรับว่าอยากได้อิงกลับมา พร้อมๆกับแทน พร้อมๆกับ เอ่อ.." ผมเว้นวรรคลากเสียงพลางมองไปที่อีฟ แน่นอน อีฟหน้าบึ้งขมวดคิ้วตาเขียวใส่ผมทันที

"อ่ะๆ จริงจังๆ คือยอมรับว่าอยากได้อิงกลับมากับแทน คือพี่คิดว่า ไหนๆพี่ก็มีความสามารถพิเศษ น่าจะทำได้ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้" ผมพูดต่อ

"อ่าหะ ใครจะมีเมียเยอะๆได้ง่ายขนาดนั้นล่ะเนอะ" อีฟพูดงึมงัมพลางพยักหน้าเห็นด้วย

"แล้วพี่ก็สงสารอิงมากๆตอนนี้ คือก็อย่างที่เรารู้ อิงไม่ได้ผิดอะไรเลยนะ อิงถูกใช้เป็นเครื่องมือล้วนๆเลย พี่.. สงสารอิงอ่ะ" ผมพูดต่อ

"ก็จริง แล้วพี่จะทำยังไง" อีฟหันหน้ามาถามผม

"พี่เสียใจมากนะ แต่.. พี่แอบคิดว่า มันจะดีกว่ามั้ย.. ถ้าพี่ลบความทรงจำอิง.." ทันทีที่ผมพูดจบ อีฟถึงกับตาโต

"โห พี่จะบ้าเหรอ ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้น" อีฟถามกลับมาเสียงสูง

"ก็.. อิงเขาอยากกลับมาหาพี่ แต่ถ้ากลับมาไม่ได้ อิงก็คงเสียใจมากๆ พี่ก็คงเสียใจมากๆ มันเลยจะดีกว่ามั้ย ถ้าพี่จะทำให้อิงไม่ต้องเสียใจ โดยการที่ให้อิง.. ลืมพี่ไปเลย" ถึงตรงนี้ ใครจะว่าผมเป็นผู้ชายที่อ่อนแอยังไงก็ช่างเถอะ แต่ผมรู้สึกจุกที่คอ น้ำตามันรื้นขึ้นมาแล้ว

"ถ้าพี่ทำแบบนั้น นั่นคือพี่จะต้องทิ้งความทรงจำดีๆกับอิงตั้ง 3 ปีเลยนะ.." อีฟถามผมกลับมา ดูท่าทางเธอไม่ค่อยเห็นด้วยกับวิธีนี้ซักเท่าไหร่

"ก็จริง แต่มันก็เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้อิงมีความสุขไม่ใช่เหรอ ถ้าเลือกได้ พี่เลือกจะจำได้คนเดียวดีกว่า แล้วปล่อยให้อิงไปมีชีวิตใหม่ ผู้หญิงอย่างอิง ต้องมีคนดีๆเข้ามาแน่ๆ" ผมพูดเสียงสั่น น้ำตาเริ่มจะไหล

อีฟไม่ตอบอะไร แต่หยิบทิชชู่มาให้ผม

"จะทำตัวดราม่าซีนพระเอกไปถึงไหน ถ้าเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอื่น อีฟพอยอมรับได้นะ แต่พอเป็นเรื่องนี้ เรื่องความรัก.. อีฟไม่อยากให้พี่ทำแบบนั้นซักเท่าไหร่ อย่างน้อย.. พี่ควรถามอิงก่อนมั้ย ว่าเขาอยากลืมหรือเขาอยากจำ" อีฟร่ายยาวมา อืม ก็มีเหตุผล

"แต่มันเจ็บปวดมากเลยนะ ความทรมานของการถูกทิ้งอ่ะ ขนาดพี่โดนอิงทิ้งไม่ถึงอาทิตย์ พี่ยังเจ็บแทบตาย" ผมเงยหน้าบอกอีฟ

"พี่ขาา อีฟยังไม่เคยมีแฟน พี่มีแฟนมาสองคนแล้ว พี่ควรจะรู้ดีกว่าอีฟไม่ใช่เหรอ เวลาอ่ะ เป็นยาที่ดีที่สุดแล้ว มันจะช่วยเราเองแหละ"

"เห้ออ แล้วพี่ควรทำยังไงดี" ผมถามเธอกลับ

"เอาไว้ค่อยๆคิด เรื่องแบบนี้มันเรื่องใหญ่ โดยเฉพาะเป็นคนสำคัญในชีวิตพี่ด้วย อีฟไม่เคยมีคนสำคัญที่คอยห่วงอะไรแบบนี้ แต่อีฟก็เข้าใจได้นะ ถ้าเป็นอีฟ.. ต่อให้เจ็บปวดแค่ไหน อีฟก็ไม่อยากลืมเรื่องดีๆระหว่างทางหรอก" อีฟพูดทิ้งท้าย ก่อนที่ช่างตัดเสื้อจะกลับเข้ามาพร้อมกับแคตตาล็อกตัวอย่างเนื้อผ้า


ไม่นาน เราก็เสร็จธุระกับร้านตัดเสื้อ อีก 2 วันทางร้านจะให้คนไปส่งชุดที่สั่งตัด ผมไม่รู้ว่ามันคือผ้าอะไรเพราะอีฟเป็นคนเลือก แต่จำได้ว่า มันเป็นผ้าที่นำเข้าจากอิตาลีเลยทีเดียว ที่สำคัญ ราคาของการตัดชุดครั้งนี้ที่เหยียบครึ่งแสน ทำให้ผมถึงกับตาค้าง แม้ว่าจะมีบัตรเครดิตวงเงินไม่จำกัดที่สตีฟให้ใช้คราวนั้นก็เถอะ

"แล้วอีฟจะแต่งตัวยังไง" ผมหันไปถามอีฟที่กำลังทำหน้าที่คนขับหลังจากที่เราออกจากร้านตัดสูทแล้ว โดยอีฟจะไปส่งผมเอารถที่จอดที่ห้างที่ค้างคืนไว้

"ไม่บอก บอกไปก็ไม่เซอไพรซ์สิ" อีฟหันมาบอกผมยิ้มๆ

"แต่อีฟแต่งอะไรก็สวยอยู่แล้ว ไม่ต้องเลือกเยอะก็ได้" ผมบอกเธอไป

"อ่ะแน่นอน" อีฟตอบพร้อมกับที่ผมสังเกตุได้ว่า เธอหน้าแดงเล็กน้อย

"อีฟ พี่ถามอะไรอย่าง" ผมจ้องเธอ

"ว่า?"

"ทำไมอีฟไม่มีแฟนอ่ะ อย่างอีฟต้องมีคนมาจีบเยอะแน่ๆ" ผมถามเธอไปตรงๆ เพราะผมสงสัยมาก อย่างอีฟคือน่าจะเลือกได้เลยว่าอยากได้แฟนแบบไหน จะหล่อ จะรวย จะไฮโซ มั่นใจได้เลยว่ามีให้เธอเลือกหมดแน่ๆ แต่แปลกที่เธอดันไม่เคยมีแฟน

"ถามทำไม จะจีบอีฟอีกคนเหรอ" อีฟทำคอย่นหน้ามุ่ยหันมาถามผม

"ก็อยากรู้"

"มีคนมาจีบอีฟเยอะ เยอะมากกก แต่พี่ก็รู้ว่าอีฟเป็นยังไง อีฟรับรู้ความรู้สึกคนได้ แล้ว.. พออีฟรับรู้ความรู้สึกคนที่เข้ามา มันก็รู้หมดแล้วอ่ะ ว่าจุดประสงค์เขาคืออะไร มันคงแบบ เป็นเหมือนกำแพงโดยอัติโนมัติละมั้ง" อีฟร่ายยาวตอบกลับมา

"แล้วไม่เจอคนถูกใจบ้างเลยเหรอ" ผมถามเธอ

"ก็มีบ้างนะ มันอาจจะเป็นเรื่องของจังหวะและเวลาแหละ" อีฟบอก คำตอบของเธอดูเป็นผู้ใหญ่ดีแฮะ

"แล้วอีฟชอบผู้ชายไหน หล่อ รวย ตี๋ สายฝอ" ผมถามเธอไป เพราะอยากรู้ว่า สเป็คผู้ชายของเธอเป็นยังไง

"ฮ่ะๆ พี่ลองคิดดูสิ ถ้าพี่เป็นอีฟ พี่จะมองหาอะไรในตัวของอีกคน" เธอหันมาถามผมในระหว่างที่จอดรถติดไฟแดง

"ถ้าเป็นพี่เหรอ สิ่งที่พี่มองหาคงเป็น.. นมใหญ่ก็ได้ เซ็กซี่ก็ดี ลีลาเด็ดก็เยี่ยมเลย" ผมตอบไปอย่างที่ใจคิด

"ไอ้บ้า สมองพี่ไม่น่าจะมีความสามารถพิเศษเลย ในนั้นมีแต่เรื่องลามกล้วนๆ" อีฟบ่นผมพลางมองตาเขียว

"เอ๊า~ ก็พูดจริงนี่หว่า"

"อีฟจะยกตัวอย่างเคสหนึ่งให้ละกัน เคยมีคนแบบ หล่อมากกกก สุภาพมากกก นิสัยดีมากกก เข้ามาจีบอีฟ เทคแคร์ดี อีฟคุยด้วยแล้วรู้สึกอบอุ่น เหมือนเข้าใจอีฟ" เธอเริ่มต้นเล่า

"อ่าหะ แล้วไงต่อ" ผมถาม

"สุดท้าย มีครั้งหนึ่ง อีฟเผลอไปรับรู้ความคิดความรู้สึกของเขา แล้วก็รู้ว่า จริงๆนั่นแค่เปลือกที่เขาแสดงให้อีฟดูเฉยๆ นิสัยจริงๆเขาเป็นอีกอย่าง มันทำให้อีฟไม่ไปต่อ" เธอบอก

"อ่อ.. เริ่มจะเข้าใจละ" ผมพยักหน้าหงึกๆ

"ที่มันเศร้าคืออะไรรู้มั้ย คนเราทุกคนอ่ะ เวลารู้จักกันใหม่ๆ ไม่มีใครเอาด้านแย่ออกมาแสดงให้อีกฝ่ายเห็นหรอก แต่ละคนก็แสดงเรื่องดีๆทั้งนั้นแหละ มันเป็นปกติของมนุษย์ แต่อีฟดันไม่ปกติเอง ที่ดันไปเห็นด้านแย่ของเขาตั้งแต่ก่อนที่จะรู้สึกดี มันเลยทำให้ไม่ได้ไปต่อ เพราะอีฟรับไม่ได้เอง การมีพลังพิเศษ มันไม่ได้มาซึ่งความสุขอย่างเดียวนะพี่ มันมีสิ่งที่ต้องแลกเหมือนกัน" สายตาเธอเหม่อมองไปที่ถนนข้างหน้า ผมจับความรู้สึกในน้ำเสียงของเธอได้ อีกทั้งในสมุดที่เธอเขียนอีก ผมอยากจะพูดออกไปตรงๆเหลือเกินว่า ผมเข้าใจเธอดี แต่ผมไม่อยากให้เธอเศร้า ถ้าเธอเศร้า ผมคงเศร้า ผมอยากให้เธอยิ้ม อยากให้เธอหัวเราะ อยากให้เธอมีความสุข อยากให้เธอกวนประสาทผมอย่างที่เคยเป็นมา ไม่ว่าใครจะแสดงด้านดีเข้าหาเธออะไรยังไง แต่อย่างน้อย ผมก็ไม่เคยปิดบังด้านแย่อะไรของผม หรืออันที่จริงเรียกว่าปิดบังไม่ได้จะดีกว่า

ไฟเขียวสว่างแล้ว อีฟเข้าเกียร์และเริ่มต้นขับรถอีกครั้ง ผมสังเกตุเห็นเธอยิ้มที่มุมปากเล็กๆ และผมก็นึกขึ้นได้ว่า เธออ่านความคิดผมออกนี่นา...


........


อีฟส่งผมที่ห้าง แล้วเธอก็แยกกลับไปเลย ผมต้องใช้เวลาอยู่พักใหญ่ กว่าจะติดต่อทางเจ้าหน้าที่ห้างเพื่อแสดงตัวเป็นเจ้าของรถ และจ่ายค่าปรับตามระเบียบ แถมต้องหาข้อแก้ตัวสารพัดมาบอก เพราะจะบอกไปว่าผมโดนสาวตบมาเลยเสียใจ เลยเดินกลับบ้านแบบพระเอกซีรีย์เกาหลีมันก็คงจะดูตลกๆ

แล้วโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น

กริ๊งงงงงงง~!

"ฮัลโหล ว่าไงแทน" ผมดูชื่อที่โทรเข้า เป็นแทนนั่นเอง

"ต่อออ เค้าได้แล้ววววว" เสียงแทนพูดมาตามโทรศัพท์ด้วยความตื่นเต้น

"ได้? ได้อะไร?" ผมถามเธอด้วยความงุนงง

"แคสงานไง แทนได้แสดงหนังแล้วนะ แทนผ่านแล้วววว" เสียงเธอตอบกลับมาอย่างดีใจ

"เห้ยจริงเหรอ ดีใจด้วย งี้ต้องฉลองแล้วววว กินชาบูที่เธอชอบกันมั้ย เราอยู่ห้าง" ผมถามเธอ แน่นอนว่า สำหรับแทนแล้ว คงไม่มีอะไรเหมาะกับการฉลองไปกว่าชาบูร้านโปรด

"กินๆๆๆ แต่เธอมารับแทนได้มั้ย แทนขี้เกียจขับรถ" เธอถามผม

"ได้สิ งั้นแทนเอารถไปจอดคอนโดเรานะ แล้วเดี๋ยวเรากลับไปรับ"

"โอเค"

หลังวางสาย ผมก็จัดแจงขับรถกลับไปรับเธอที่คอนโด และพาเธอมากินชาบูร้านโปรด สำหรับคนอื่นไม่รู้ แต่สำหรับแทนแล้ว ผมบอกเลยว่า ถ้าเธอเศร้า ถ้าเธอโกรธ ถ้าเธอเสียใจ ถ้าเธอโมโห พาเธอมากินครับ จะกินอะไรก็ได้ แล้วเธอจะอารมณ์ดีเอง โดยเฉพาะถ้าเป็นการกินชาบูร้านโปรดของเธอร้านนี้

"ตกลงที่แคสผ่านคือได้งานแล้วใช่มั้ย" ผมถามแทนระหว่างที่กำลังคีบหมูให้เธอ

"อื้มม ใช่แล้ว แทนได้เป็นนางเอกด้วยนะ" แทนยิ้มกว้างบอกผม

"โห จริงเหรอ หนังเกี่ยวกับอะไรอ่ะ"

"ไม่รู้ แทนยังไม่ได้อ่านบทจริง แคสวันนี้เป็นบทแคสเฉยๆ แต่เป็นคาแร็คเตอร์สาวออฟฟิศอ่ะ" แทนบอกผม

"ดีจัง ดีใจจังที่แทนได้งาน" ผมบอกเธอ ผมดีใจจริงๆนะ ผมรู้ว่าเธอชอบงานในวงการ เธอชอบการแสดง บางคนอาจจะมองว่า คนที่ชอบอะไรแบบนี้นั้นแค่อยากดังเฉยๆ แต่แทนเคยบอกผมว่า เธอไม่ได้อยากดัง เธอแค่ชอบแสดง เธออยากลองแสดงบทบาทที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อน เธอชอบตอนที่คนดูชอบผลงานของเธอ และผมก็รู้ว่าเธอพูดจริง ผมรู้จากแววตาที่เป็นประกายของเธอในตอนที่เธอพูดถึงความฝันนั้น และนั่นคือแทนที่น่ารักสดใส คนที่ผมตกหลุมรักนี่แหละ

"แทนก็ดีใจ แทนโทรบอกเธอคนแรกเลยนะ"

"แล้วเซ็นสัญญาอะไรยังไงมั้ย" ผมถามเธอ

"เดี๋ยวพี่เขานัดไปเซ็นสัญญาอีกที น่าจะช่วงต้นเดือนหน้า"

"อย่างนี้เราก็มีแฟนเป็นนางเอกหนังแล้วสิ เราต้องแอบทำตัวเป็นแฟนลับๆมั้ย เดี๋ยวเธอเรตติ้งตก" ผมแซวเธอขำๆ

"ไม่สิ คนรู้ว่าแทนมีแฟนก็ดี จะได้ไม่ต้องมีคนมาจีบ" แทนบอกผมจนผมแทบจะตัวลอย


เราทานชาบูมื้อนั้นกันจนหมดเวลา ผมชอบดูตอนแทนกิน เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่เธอมีความสุข เอ๊ะ! ไม่สิ จริงๆผมควรจะต้องบอกว่า ผมชอบตอนที่เธอมีความสุขมากกว่า แทนเป็นคนที่มีเสน่ห์และมีความลึกลับในตัวเอง ความลึกลับที่ว่า คือเมื่อไหร่ที่เธอยิ้ม คนรอบข้างจะเผลอยิ้มตามเธอทันทีราวกับเธอมีพลังรอยยิ้มอันที่แปลกประหลาด และก่อนหน้าที่จะคบกัน ไม่ว่าผมจะผ่านวันที่มืดมนหรือหนักหน่วงมายังไง ถ้าผมเห็นรูปเธอฉีกยิ้มกว้างในอินสตาแกรม มันจะกลายเป็นยาใจที่ทำให้ผมยิ้มตามเธอได้ทันที

ผมโชคดีที่ได้เป็นเจ้าของรอยยิ้มนี้ ผมโชคดีที่เจ้าของรอยยิ้มนี้เลือกผม อา.. จะมีผู้ชายคนไหนในโลกที่โชคดีแบบผมบ้าง คนที่ไม่หล่อ ไม่รวย ไม่มีชื่อเสียง แต่กลับมีแฟนเป็นนางเอกหนังดาวรุ่ง

หลังอาหารมื้อนั้น ผมยังไม่พาเธอกลับคอนโด แต่เลือกจะขับรถเปิดประทุนของผมพาเธอรับลมในยามค่ำคืนของชานเมืองกรุงเทพฯ ผมเลือกพาเธอไปที่ๆผมคิดว่ามันสวยที่สุดเท่าที่ผมเคยมาแล้ว ก็แหงล่ะ ผมแทบไม่ค่อยได้ไปไหนเลย แต่ที่นี่นั้น กลับทำให้ผมประทับใจในความสวยงาม แม้ว่าผมจะเคยมาแค่ครั้งเดียว ไม่รู้ว่าผมประทับใจที่ตอนนั้นมากับหญิงสาวสวยอีกคน หรือเพราะบรรยากาศวันนั้นกันแน่ ที่นี่.. ถนนเลียบรันเวย์สุวรรณภูมิ


ผมจอดรถข้างทาง ไม่ไกลจากริมถนนนั้นเป็นรั้วที่มองทะลุเข้าไปเห็นรันเวย์ได้ สำหรับใครหลายคน ที่นี่อาจจะพูดธรรมดา แต่สำหรับผมแล้ว สำหรับคนที่ใช้ชีวิตเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวและยากลำยาก ที่นี่เป็นเหมือนความฝัน เครื่องบินที่กำลังร่อนลงรันเวย์นั้น กำลังแบกรับความฝันของผู้โดยสารที่กำลังจะได้เจอกับคนรัก ที่กำลังได้เจอกับครอบครัว

อาคารผู้โดยสารขาออกที่มองเห็นไกลลิบๆนั่น บรรจุความฝันของผู้สารที่กำลังจะได้เจอกับโลกกว้าง กำลังจะได้ออกนอกกรอบที่อยู่มาทั้งชีวิต บ้างก็กำลังจะได้กลับบ้าน

ที่สำคัญ ที่ริมถนนแห่งนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อน เป็นที่ๆทำให้ผมได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผมเอง และทำให้ผมได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อแม่ผม

วันนั้น ผมใช้เวลาที่นี่กับอีฟ และวันนี้ ผมอยากให้แทนได้ลิ้มรสความสวยงามและโรแมนติคของที่นี่เช่นกัน

"สวยจัง แทนไม่เคยมาเลย เพิ่งรู้ว่าเราดูเครื่องบินได้ใกล้ๆแบบนี้ด้วย" แทนตาโตยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น

"เราก็รู้ไม่นานนี่แหละ" ผมตอบเธอในระหว่างที่เธอกำลังสาละวนหามุมถ่ายเซลฟี่ลงอินสตาแกรมไปเรื่อย

"สวยเนอะ" แทนมองดูเครื่องบินของสายการบินหนึ่งที่กำลังร่อนลง

"อื้อ สวยมากๆ" ผมตอบเธอ แต่สายตาผมไม่ได้อยู่ที่เครื่องบิน สายตาผมอยู่ที่ใบหน้าสวยของแทนต่างหาก

"หมายถึงเครื่องบิน" แทนปฏิเสธอย่างเขินอายทันทีที่รู้ตัวว่าผมหมายถึงเธอ

"แทน.. ยินดีด้วยนะวันนี้" ผมเอื้อมไปหยิบดอกไม้ช่อใหญ่ที่ผมแอบซื้อไว้ให้แทน ทำเอาแทนถึงกับตาโต

"โหยยยย สวยมากกกก ขอบคุณน้าาา" แทนโผเข้ามากอดผมทันที นี่คงเป็นเซอไพรซ์เล็กๆเท่าที่ผมพอจะคิดได้ และแน่นอน หัวใจผมพองโตอย่างห้ามไม่ได้ เมื่อเธอเซลฟี่รูปเธอกับดอกไม้ลงอินสตาแกรม พร้อมแคปชั่นว่า '..ขอบคุณนะคะ..'



เราสองคนยังคงอยู่ในรถ แทนเอนมาพิงผม สองมือผมโอบกอดเธอพร้อมกับจับมือเธอไปด้วย เครื่องบินลำแล้วลำเล่าค่อยๆแลนดิ้งผ่านหน้าเราไป แม้ว่าแสงไฟจากสนามบินจะเรืองรองจนกลบแสงดาวหมด แต่ค่ำคืนนี้ที่นี่ก็สวยงามไม่แพ้ที่ๆมีดาวเต็มฟ้า

ผมยอมรับว่า การเข้ามาของแทนนั้น ทำให้ผมมีความสุขมาก ก็อย่างที่บอก อันที่จริง ผมชอบแทนตั้งแต่ก่อนจะคบกับอิงซะอีก แต่มันก็คงเป็นเรื่องของจังหวะและเวลา ที่ทำให้เราสองคนได้มาคบกันหลังจากอิง พอคิดถึงอิง ผมก็อดสงสารอิงไม่ได้ ตอนนี้ถ้าผมต้องเลือก ผมรู้ว่าผมเลือกแทน แต่ก็ยอมรับว่า ผมยังคงเป็นห่วงอิง ยังคงรักและหวังดีกับเธอ ยังคงรู้สึกว่า เธอเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม นับตั้งแต่วันนั้น อิงยังไม่ได้ติดต่อมาอีก ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ถ้าเธอติดต่อมา ผมจะตอบเธอยังไง

"เออ ไหนเล่าเรื่องอีฟให้ฟังหน่อย" อยู่ดีๆแทนก็พูดขึ้นมา ทำให้ผมนึกได้ว่า เมื่อเช้าเธอบอกไว้ก่อนจะออกไปแคสงานว่า คืนนี้ให้ผมเล่าเรื่องอีฟให้หมด

จริงๆผมก็ไม่รู้ว่าจะเล่ายังไงให้แทนรับได้ บอกตรงๆว่า หลังจากที่เข้าห้องอีฟวันนี้ และจากที่คุยกับอีฟวันนี้ กลับกลายเป็นว่า ผมก็ชอบเธอเหมือนกัน

"อีฟเหรอ ก็เป็นเพื่อนร่วมงานในองค์กร เอ่อ.. ที่ทำงานเราอ่ะ" ผมบอกไป พูดว่าองค์กรแทนคงหาว่าผมบ้าแน่ๆ

"นี่ตกลงที่พูดตอนนั้นเรื่องจริงเหรอ" แทนถามผมที่กำลังแอบสูดความหอมจากผมของเธอที่กำลังเอนหลังพิงไหล่ผมอยู่

"จริงสิ เราไม่เคยโกหกแทนนะ เราทำงานกับอีฟ อีฟเป็นพาร์ทเนอร์เราอ่ะ" ผมบอกเธอ ซึ่งก็จริงนะ ผมไม่เคยโกหกแทน แค่อาจจะพูดความจริงไม่ครบบ้างมั้ง แหะๆ

"แล้วทำไมอีฟถึงยังเรียนอยู่อ่ะ" แทนถามด้วยความงง

"เอ่อ เรื่องมันยาว ยาวมากเลยแหละ เอาไว้วันไหนเรานัดทานข้าวกันมั้ย จะได้รู้จักกันด้วย" ผมไม่รู้จะอธิบายแทนยังไงดีเรื่องงาน อีกอย่าง ผมไม่รู้ว่ามันลับแค่ไหน และมันจะอันตรายมั้ยถ้าแทนรู้ ผมเลยถ่วงเวลาไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยให้อีฟเล่าให้ฟังทีเดียวละกัน

"เอาสิ แทนจะได้ขอโทษอีฟด้วยที่วันนั้นแอบเหวี่ยงใส่นิดหน่อย" เธอบอก ผมไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงยอมง่ายนัก อาจจะเป็นเพราะผมเลือกที่จะพูดกับเธอตรงๆ

"แทนไม่หึงเรากับอีฟแล้วจริงๆเหรอ" ผมถามแทนไป

"เราเชื่อใจเธอนะ" แทนตอบกลับมา มันเป็นประโยคที่จริงใจ แต่ในความจริงใจนั้น ผมก็แอบสะอึกเล็กน้อย ผมดันรู้สึกดีกับอีฟ ผมยังรักอิงอยู่ และผมก็รักแทนมาก นี่ผมกำลังจะทำลายความเชื่อใจของคนที่ผมรักงั้นเหรอ ผมยังคงหาทางออกไม่ได้ แต่อย่างน้อย ตอนนี้ขอผมเป็นผู้ชายเห็นแก่ตัว มีความสุขกับผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลกตรงหน้าผมก่อนละกัน...


##################

สวัสดีครับ EP14 มาดึกหน่อยอย่าว่ากันนะ แหะๆ EP นี้ผมสัมผัสได้ถึงความโรแมนติคระหว่างนายต่อกับสาวๆของเขา

วันนี้ผมมีอะไรสนุกๆมาให้เล่นขำๆครับ ถ้าอ่านข้างบนจบแล้ว (เนื้อหาที่ hide ไว้ไม่เกี่ยว) ลองวิเคราะห์กันหน่อยครับ ว่าที่อีฟเขียนในสมุดคืออะไร สื่อถึงอะไร จริงๆไม่ใช่แค่ในสมุด แต่ทั้ง EP นี้เลย

ใครวิเคราะห์ได้ถูกใจผม ผมมีรางวัลให้โดยการจะส่งรูปของสาวๆที่ผมใช้อ้างอิงสร้างคาแร็คเตอร์อิง แทน อีฟ เดียร์ ให้ทางข้อความนะครับ

สำหรับคนที่อยากให้โพสข้างหน้าเลย อันนี้ผมไม่สะดวกจริงๆ เพราะเป็นการใช้รูปเจ้าตัวโดยไม่ได้ขออนุญาต แถมใช้เขียนเรื่องแนวนี้อีก อาจจะไม่เหมาะเท่าไหร่ ผมเลยขออนุญาตส่งให้เฉพาะคนที่วิเคราะห์ได้ถูกใจนะครับ และขออนุญาตไม่เผยแพร่ต่อนะครับ เพื่อให้เกียรติบุคคลที่เป็นต้นแบบคาแร็คเตอร์ในนิยายเรื่องนี้

ปล.วิเคราะห์ได้หมด ถูกผิดไม่เป็นไร ผมเน้นอ่านแล้วชอบก็พอครับ
ปล2.คอมเม้นท์เพื่ออ่านบทเซ็กส์ของต่อกับแทนครับ


 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Taizen

เอาล่ะสิ แววปวดหัวกำลังมา
รู้สึกดีๆกับ 3 คน ตัดสินใจยากละน้อ

Prasard Komkum

การได้เปผ้นดาราของแทนมีเบื้องหน้าเบื้อวลึกแน่ๆ

Ro Uo


rabbitbadboy

อีฟคงต้องการอะไร แบบที่จริงใจ มาก ๆ ตรงไปตรงมา เพราะ อีฟอ่านความคิดได้หมด

abba4589

น่าสงสารอีฟเพราะมีพลังทำให้รับรู้ความคิดของคนทำให้การที่จะเปิดใจรับใครคงเป็นไปได้ยาก TT จนกระทั่งมาเจอะพระเอกของเราที่เป็นคนสบายๆที่เป็น1ในเหตุผลที่แทนชอบ

Ganakorn Gongmag

สุดท้ายแล้วใครจะได้เคียงข้างพระเอกจริงๆนะ คนเดียววก็พอ  จริงใจดี

Kuma_77

น่าเห็นใจอีฟ รู้ว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาจีบก็คือหวังฟัน

awaygama

ฟังเรื่องอีฟแล้วสงสาร
พลังอะไรฟระ

pppccc


Kingmar

สงสารอิงจริงๆ อยากให้แทนยอมรับได้แล้วให้อิงกลับมารุมต่อให้ฟ้าเหลือง อิอิ

morekung

เจอแทนรักเดียวแบบนี้ ต่อจะมีสาวเพิ่มได้อย่างไร หรือค่อยๆเพิ่มความจำพิเศษเข้าไปอีก

blackjack

 ::JubuJubu:: อิงต้องมีใจให้แล้วแน่เลย

tatsuya96

เรื่องร่วมสนุกขออนุญาตผ่านนะครับ แต่อยากบอกว่าช่วงนี้ผมจินตนาการว่าต่อได้แทนกับอีฟเป็นเมีย แทนเป็นเมียคนโต อีฟเป็นเมียคนเล็ก ชีวิตจริงถ้าได้แบบนี้คงสุขสุดๆ แม้จะต้องบริหารความรู้สึกของสองสาวให้สมดุลก็เถอะ

aodpasa

นายต่อจะวางแผนสร้างฮาเร็มยังไงนะ แต่เริ่มก็ไม่ง่ายซะแล้ว