ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มั่วรัก นักเปิดซิง ตอนที่ 17: บ้านเดียวกัน

เริ่มโดย KaohomLM, กุมภาพันธ์ 26, 2024, 08:33:38 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ipichai


lit260499


YAHN

แล้วน้องญาจะเจอพิษรัก แรงหึงแบบในฝันไหม


xtazy


xonly-1786

ขอบคุณมากครับ ไผ่หลิวมันผิดศิลนะ แย่งของคนอื่น

pradit

อ้างจาก: KaohomLM เมื่อ กุมภาพันธ์ 26, 2024, 08:33:38 ก่อนเที่ยง



   "แฮ่ก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ" ราชณิญาสะดุ้งพรวดขึ้นจากที่นอน เหงื่อเย็น ๆ ไหลเต็มหน้าจากความสยดสยองในความฝัน ถุงยางใช้แล้วหกเจ็ดถุงจากบนร่างเปลือยกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง
   ข้างกายเธอ พี่ชาคริตขยับตัวเล็กน้อยอย่างสะลึมสะลือ
   สายตาสวยกวาดมองไปที่นาฬิกาแขวนผนัง
   เพิ่งตีสี่เอง
   ปกติเธอไม่ตื่นเร็วขนาดนี้หรอกหลังจากร่วมรักกับพี่ชาคริตมาทั้งคืน
   แต่....ปกติเธอก็ไม่ได้ฝันร้ายแบบนี้เหมือนกัน
   ทำไมเธอถึงได้ฝันแบบนี้กันนะ
   เป็นครั้งที่สามแล้ว นับแต่หลุดรอดจากการถูกไอ้ชัยข่มขืนต่อหน้ากล้องมาได้ ที่เธอฝันถึงเหตุการณ์ในวันนั้นในแบบที่เหมือนจริงจนเธอไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นความฝัน
   แต่ทุกครั้งที่ฝันออกมาเหมือนจริงขนาดนี้ มันไม่ได้จบที่ตำรวจมาช่วย ก่อนไอ้ชัยจะทันได้ทำอะไร อย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้นจริง ๆ
   กลายเป็นว่าเธอโดนข่มขืนด้วยอุปกรณ์ซาดิสถ์ผิดมนุษย์หลากหลายรูปแบบ
   ราชณิญายกมือขึ้นขยี้น้ำตาออกจากตาคู่งาม เห้อออ จิตใจเธอมันทำไมคิดเตลิดไปได้ไกลขนาดนั้นเนี่ย จะว่าจิตใจได้รับผลกระทบกระเทือนจากที่ถูกจับไปจะข่มขืนถึงสองรอบ ก็ยังไม่น่าจะทำให้เธอคิดได้ทุเรศถึงขนาดนั้นอยู่ดี
   มือใหญ่นุ่มมากุมมืองามเรียวไว้แน่น
   "ญาตื่นแล้วเหรอครับ" ชาคริตถามอย่างง่วง ๆ "เป็นอะไรหรือเปล่า สีหน้าดูไม่ดีเลย"
   "หนูฝันร้ายค่ะ" ราชณิญาบอก "ฝันถึงวันนั้น กับไอ้ชัยเฉย ๆ"
   ชาคริตดันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วดึงตัวราชณิญาเข้าไปในอ้อมกอดอันอบอุ่น
   "ไม่เป็นไรนะ ญา พี่อยู่ตรงนี้แล้ว"
   มือใหญ่ลูบไล้เรือนผมงามและแผ่นหลังเนียนเรียบ เป็นอ้อมกอดอันอบอุ่น สุขใจ ไม่มีความหื่นกระหายทางเพศมาเจือปน
   "ขอบคุณนะคะ พี่ชาคริต" ราชณิญาพึมพำ "กอดหนูแน่น ๆ อย่างนี้ไปนาน ๆ นะคะ"
   "อืม"
   "........"
   "..........."
   "ทำไมตรงนั้นมันแข็งอ่า"
   "เป็นเรื่องปกติของตอนเช้า"
   "แง มันจิ้มพุงหนู"
   "เมื่อคืนจิ้มเยอะกว่านี้อีก"
   "แง หนูถูกรังแก หนูจาไปฟ้องปวีณา"

   ได้หยอกล้อเล่นกันกับพี่ชาคริตช่วยให้เธอผ่อนคลายไปได้เยอะอยู่ แต่เนื่องจากเธอไม่ได้เตรียมตัวมาค้างบ้านพี่ชาคริต ก็เลยไม่มีเสื้อผ้านักเรียนเปลี่ยนไปโรงเรียน แทนที่จะได้ใช้เวลาช่วงเช้าสวีทอยู่กับพี่ชาคริต เธอก็ต้องรีบอาบน้ำ ใส่ชุดเดิมเมื่อวาน แล้วให้พี่ชาคริตขับรถไปส่งบ้าน
   "ตั้งใจเรียนนะ ญา" พี่ชาคริตกำชับสั่งเมื่อปล่อยเธอลงจากรถ
   "ค่ะ....หนูรักพี่นะคะ"
   "พี่ก็รักญาครับ"
   
   ส่งน้องญาเสร็จ ชาคริตก็ขับมุ่งตรงไปมหาวิทยาลัยทันที เขาคงจะไปถึงก่อนเวลาเข้าเรียนนานมาก แต่ก็คงดีกว่ากลับไปบ้าน จะได้ใช้เวลาทบทวนบทเรียนด้วย เสาร์อาทิตย์นี้มีเรื่องเยอะแยะจนไม่ได้ทบทวนเลย ใกล้สอบปลายภาคแล้วด้วย
   แต่พอไปถึง ชาคริตก็พบน้ำฟ้ากับเบญนั่งอ่านหนังสือกันอยู่ในโถงตึกคณะแล้ว
   "ชาคริต!!" เบญเงยหน้ามาเห็นชาคริตก่อน จึงโบกมือทักทาย แต่ก็ด้วยท่าทางขวยเขินผิดจากปกติไปพอสมควร
   "เบญ น้ำฟ้า" ชาคริตร้องเรียก "เราอ่านหนังสือด้วยนะ"
   พอหาโอกาสแยกตัวจากเบญได้ ชาคริตจึงดึงตัวน้ำฟ้าเข้าไปคุยกันที่มุมตึก
   "มีอะไรเหรอ ชาคริต" น้ำฟ้าถาม "นายทำหน้าไม่ดีมาตั้งแต่มาถึงแล้วนะ"
   "ให้พูดเรื่องไหนก่อนดีล่ะ" ชาคริตถาม "มันมีเรื่องเข้ามาหลายเรื่องมาก"
   "เช่น............?"
   "แม่รู้เรื่องเราแล้ว.............................."
   "กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด"

   ช่วงเที่ยง ไผ่หลิวเดินอาด ๆ ตรงเข้ามาหาชาคริตที่นั่งกินข้าวอยู่กับเบญและน้ำฟ้า
   "หลบ ยัยแว่น" ไผ่หลิวร้องสั่ง "ชั้นจะนั่งกับคู่หมั้นชั้น"
   น้ำฟ้าส่งสายตาเกลียดชังให้ไผ่หลิวทีหนึ่ง แต่ไม่ขยับไปไหน
   "ไผ่หลิว" ชาคริตเรียก "แค่เพราะพ่อแม่จับเราหมั้นหมายกันไม่ได้แปลว่าจะมาพูดไม่ดีกับเพื่อนพี่ได้นะ"
   "นี่คู่หมั้นชาคริตเหรอ" เบญถาม
   "ใช่ค่ะ หุหุหุหุ" ไผ่หลิวหัวเราะ
   "ชาคริตมีแฟน แล้วก็มีคู่หมั้น.....แบบนี้ก็มีอะไรกับใครได้หลายคนเลยสิ"
   ชาคริตสำลักพรวด ไผ่หลิวหน้าแดงแจ๋ น้ำฟ้ารีบปิดปากเบญ "เราบอกไว้ว่ายังไง ฮึ!!! เรื่องแบบนี้เอามาพูดในที่สาธารณะได้ที่ไหน"
   นี่ไปอยู่ด้วยกันมาสามคืน น้ำฟ้าทำอะไรกับเบญผู้ไร้เดียงสาเนี่ย
   "หนูเก็บข้าวเก็บของมาแล้วนะ" ไผ่หลิวตัดสินใจไม่สนใจยัยผมเปียจอมหื่น แล้วชี้ให้พี่ชาคริตดูกระเป๋าใบใหญ่เกือบเท่าตัวเธอที่เธอลากมา "วันนี้พาหนูไปอยู่ด้วยด้วยนะ"
   "ตามที่ตกลงกัน" ชาคริตกัดฟัน
   "ตามที่ตกลงกัน" ไผ่หลิวยิ้มแฉ่ง
   "น้ำฟ้า วันนี้กลับบ้านด้วยกันนะ" ชาคริตหันไปคุยกับสาวแว่น "แม่อยากเจอ"
   "เห้ยยยยย พี่ชาคริตอ่ะ จะพายัยแว่นไปด้วยทำไม"
   "แม่อยากเจอ" ชาคริตยืนยันคำเดิม "แล้วฟังนะ ไผ่หลิว ถ้าเราจะอยู่ด้วยกัน ไผ่หลิวจะทำตัวแบบนี้กับเพื่อนพี่ไม่ได้นะ พี่กับน้ำฟ้าเป็นเพื่อนกันมาก่อนพี่จะได้เจอกับไผ่หลิวอีก"
   ยัยแว่นเชิดหน้าใส่ไผ่หลิวด้วยท่าทีเย้ยหยัน
   ฮึ ถ้าไม่ใช่เพื่อนพี่ชาคริตชั้นตบล้างน้ำไปแล้ว
   "ฮึ ยัยแว่น เชิดไปเถอะ เธอก็เป็นได้แค่เพื่อนแค่นั้นแหละ"
   ยัยแว่นอ้าปากจะพูดอะไร พี่ชาคริตรีบส่งสายตามองเตือน ถึงจะแค่วูบเดียว แต่สายตาอันเฉียบคมของไผ่หลิวก็ทันเห็น
   "แล้วเธอล่ะ แค่เพื่อนชาคริตยังไม่ใช่เลย อยู่ ๆ จะมาเอาชาคริตไปกินเฉย"
   "ทำไม ยัยแว่น อยากกินเองล่ะสิ"
   "ว่าไงนะ!!!"
   "ไม่ต้องเถียงกันนะ เถียงกันมากเดี๋ยวเราเอาเอง" เบญแทรกขึ้นมา
   ไผ่หลิวกับน้ำฟ้าหันขวับมามองเหมือนอยากจับหัวเบญกดโต๊ะ
   "เราก็แค่อยากให้เลิกทะเลาะกัน" เบญพึมพำเสียงแผ่ว

   เย็นนั้น
   ชาคริตเปิดประตูรถ น้ำฟ้าปีนเข้าไปนั่งที่ข้างคนขับตามปกติ
   "อะแฮ่ม" ไผ่หลิวกระแอม
   "เพื่อน" เธอชี้ไปที่ตัวน้ำฟ้า
   "คู่หมั้น" เธอชี้มาที่ตัวเอง
   "หลังรถ" น้ำฟ้าชี้ไปที่เบาะหลัง
   "หลังรถ" ชาคริตชี้ไปที่เบาะหลัง
   เชอะ พี่ชาคริตนี่มันคนยังไงนะ เห็นเพื่อนดีกว่าคู่หมั้นซะอย่างงั้น

   "สวัสดีค่ะ คุณแม่" น้ำฟ้ายกมือไหว้แม่หนิงอย่างหวาด ๆ ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องรับแขก แล้วเจอแม่หนิงนั่งพิมพ์งานอยู่หลังโน๊ตบุ๊คตัวเล็ก ๆ
   "หนูน้ำฟ้า" หนิงเงยหน้าขึ้นจากโน๊ตบุ๊ค ทักทายคนรักคนที่สองของลูกชาย ช่วงตอนชาคริตเด็ก ๆ ที่เธอยังไม่ยุ่งขนาดนี้เขาพาน้ำฟ้ามาเล่นที่บ้านบ่อยมาก เธอจึงรู้จักมักคุ้นกับสาวแว่นคนนี้ดีพอสมควร ตอนที่เห็นชาคริตพาผู้หญิงมานอนค้างที่บ้าน คนแรกที่เธอนึกถึงก็น้ำฟ้านี่แหละ แต่ที่เธอคาดไม่ถึงคือลูกชายจะมาสอยเพื่อนรักเป็นหมายเลขสองหลังจากได้กับสาวสวยอย่างราชณิญาแล้ว
   ไม่ได้เห็นหน้ามาหลายปี น้ำฟ้าก็โตขึ้นเยอะเหมือนกันนะ เป็นสาวสะพรั่งแล้ว ไม่ได้สวยงามหมดจดหยดย้อยเท่าราชณิญา แต่ก็ไม่ใช่คนขี้เหร่อะไร
   ที่ตามมาติด ๆ คือไผ่หลิวกับชาคริต ถึงแม้ชาคริตจะไม่อยากได้ไผ่หลิวมาเป็นภรรยาในลักษณะนี้ แต่ก็ยังอดเป็นสุภาพบุรุษช่วยยกกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาให้เธอไม่ได้
   "สวัสดีค่ะ คุณแม่" ไผ่หลิวเข้ามาไหว้ทักทายสวยงาม
   "สวัสดีจ๊ะ ไผ่หลิว" หนิงกัดฟันตอบ "แม่ให้รินเตรียมห้องนอน(ห้องที่เล็กที่สุด)ไว้ให้แล้วนะ"
   "ขอบคุณค่ะ" ไผ่หลิวตอบ ก่อนจะหันไปเห็นรินที่นั่งอยู่บนโซฟา "มานี่ ยัยคนใช้หน้าบาก ช่วยชั้นขนของเข้าห้องซิ"
   ชาคริตยัดกระเป๋าใส่มือไผ่หลิว ทำเอาสาวร่างเล็กโซซัดโซเซไปด้วยน้ำหนักของกระเป๋าใบยักษ์ "เอาเข้าไปเอง"
   "พี่ชาคริต!!!"
   ชาคริตจ้องไผ่หลิวด้วยดวงตาอาฆาตมาดร้าย สาวตัวเล็กหงอลงทันที



   "ถ้าพูดจาดี ๆ กับคนอื่นไม่ได้ ก็อย่าหวังจะให้ใครช่วยเลย" ชาคริตบอกเสียงแข็ง "ไป ห้องนอนอยู่ชั้นหนึ่ง สุดทางเดินฝั่งนั้น ขนไป"
   น้ำตาเริ่มไหลรินจากตาไผ่หลิว "พะ.....พี่ชาคริต....แง๊"
   "ใจเย็น ๆ นะคะ ใจเย็น ๆ" รินรีบวิ่งเข้ามาปลอบไผ่หลิว "เดี๋ยวฉันช่วยยกกระเป๋านะคะ มาเถอะ ตามมา"
   "แง๊" เสียงร้องไห้โวยวายของไผ่หลิวค่อย ๆ เบาลงตามระยะทางที่รินพาเดินไป
   "ยังไม่ได้แต่งกันเลย โหดกับเมียแล้วนะ" น้ำฟ้าหยอกชาคริต
   "แล้วคนที่ผู้ชายเค้ายังไม่มีเมียหลวง แต่ขอไปเป็นเมียน้อยเขาแล้วล่ะ" หนิงถาม ทำเอาน้ำฟ้าเหวอไป "เอ้า นั่งลงก่อน"
   น้ำฟ้ากับชาคริตนั่งลงตรงหน้าหนิง ที่กดเซฟไฟล์แล้วพับโน๊ตบุ๊คปิดลง
   "บอกตามตรงเลยนะ แม่ไม่เห็นด้วยมาก ๆ" หนิงพูด "หนูน้ำฟ้า หนูไม่คิดเหรอ ว่าหนูจะไปหาคนใหม่ที่ดีกว่าชาคริตได้"
   "แม่ พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ"
   "เป็นเมียน้อยเขา มันเจ็บนะ" หนิงไม่สนใจคำค้านของชาคริต
   "แต่ถ้าให้หนูทิ้งชาคริตไป หนูทนไม่ไหวหรอกค่ะ" น้ำฟ้าตอบตามความจริง
   "เรายังเด็ก อย่าปล่อยให้อารมณ์เด็ก ๆ นำเหตุผลสิ" หนิงพยายามบอก "ถ้าเลิกกับชาคริตซะ เราเจ็บตอนนี้ แต่เดี๋ยวเวลาผ่านไป ปีนึง สองปี มันจะค่อย ๆ ดีขึ้น เราจะเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยตัวเอง หรือหาคนที่รักเราเป็นหนึ่งจริง ๆ มันจะไม่ดีกว่าเป็นสองรองจากเขาไปทั้งชีวิตเหรอ"
   "แม่....."
   "ชาคริต แม่ก็ผิดหวังในตัวลูกมากนะ ที่ทำแบบนี้ คริตไม่เห็นเลยเหรอว่าแม่เสียใจขนาดไหนที่พ่อมีคนอื่น ไม่เห็นเลยเหรอว่าตอนหย่ากันมีปัญหาอะไรบ้าง อยากให้ผู้หญิงคนอื่น คนที่คริตรัก ต้องเจอแบบที่แม่เจอหรือยังไง"
   ชาคริตก้มหน้า น้ำตาไหลออกมาหยดหนึ่ง
   "น้ำฟ้า..." ชาคริตพูดเบา ๆ
   "ไม่!!!!!"
   "หนูน้ำฟ้า..."
   "ไม่ค่ะ คุณแม่เจ็บเพราะพ่อชาคริตนอกใจ อันนี้หนูเข้าใจ แต่หนูเลือกเส้นทางนี้เองค่ะ หนูเลือก ที่จะเป็นสองเอง ไม่ใช่เพราะชาคริตไปมีคนอื่นโดยไม่ได้บอก ไม่ได้ขอหนู หนูรักชาคริต รักพอจะยอมเป็นที่สองได้ ถ้าวันหนึ่งความรักนี้เสื่อมคลายไป หนูจะไปเอง แต่วันนี้ ไม่มีอะไรที่คุณแม่พูด จะทำให้หนูกลับใจไปจากชาคริตได้หรอกค่ะ"
   หนิงจ้องตาน้ำฟ้านิ่ง ก่อนจะถอนหายใจ "งั้นก็ตามใจเถอะ โต ๆ กันแล้วนี่"
   ทั้งสามนั่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่
   "แล้ว...จะเอายังไงเรื่องไผ่หลิว...." หนิงเอ่ยขึ้นในที่สุด
   "แผนตอนนี้" ชาคริตบอก "คือ ทำให้เขารู้ตัว ว่าผมไม่ใช่คนประเภทที่เขาจะชอบ แล้วให้เขายกเลิกการหมั้นหมายไปเอง"
   "แต่ขณะเดียวกัน เราก็ต้องไม่แสดงท่าทีรังเกียจ ผลักไล่ไสส่งเขานะ" หนิงบอก "เพราะถ้าเห็นว่าฝั่งเราไม่ร่วมมือ ฝั่งนั้นก็สามารถ...."
   "ผมทราบครับ" ชาคริตบอก "แต่ก็ไม่ได้แปลว่าผมต้องเห็นด้วยกับเขาทุกอย่างนี่ ไผ่หลิวพูดไม่ดีกับน้ำฟ้า กับเพื่อนผมอีกคนมาตั้งแต่ที่มหาลัย แล้วยังพูดแบบนั้นกับรินอีก นี่ถ้าไม่มีใครเตือนคือนิสัยเสียเลยนะครับ"
   น้ำฟ้าหัวเราะ "นี่ว่าที่เมียหรือว่าที่ลูกนายเนี่ย"
   "ชาคริตเล่าให้ฟังว่า น้ำฟ้าอยู่บ้านนี้มาตั้งแต่เริ่มเรียนมหาลัย ใช่ไหม" หนิงถาม
   "ค่ะ"
   "งั้นแม่ขอเก็บค่าเช่าย้อนหลังค่ะ"
   "หา!!!!"
   "แม่! มันใช่เวลาไหมเนี่ย"
   หนิงหัวเราะหึ ๆ
   "แล้วตอนนี้ ไผ่หลิวเค้าจะมาอยู่บ้านด้วย เราจะทำยังไง" หนิงถาม
   "มุกโดนไล่ออกจากบ้านสิ" ชาคริตแนะ
   "จะได้เหรอ....."

   "ไผ่หลิวยังร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะ" รินกลับมารายงาน
   น้ำฟ้าเพ่งพิจารณาแม่บ้านคนใหม่ของบ้านชาคริต
   "รินเหรอ........" เธอได้ยินชาคริตกับแม่เรียกชื่อนี้มาก่อน แต่ก็ไม่นึกว่าจะเป็นน้อง ม.4 แสนสวยคนนั้นที่เคยคบกับชาคริต
   คนที่กรีดหน้าตัวเองกลางสนามบอลจนเป็นข่าวดังไปทั้งโรงเรียน
   "สวัสดีค่ะ พี่น้ำฟ้า" รินยกมือไหว้
   น้ำฟ้ายกมือรับไหว้ แต่พูดอะไรไม่ออก ตอนอยู่ที่โรงเรียนเธอเคยเห็นหน้ากับรินมาก่อนแต่ไม่ได้สนิทอะไรกัน เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่ารุ่นน้องที่น่ารักสดใสที่เธอเคยเห็นจะโทรมลงได้ขนาดนี้ ถึงเธอจะไม่อยากให้ชาคริตไปใกล้ชิดกับแฟนเก่าแค่ไหน แต่เธอก็เข้าใจเต็มที่ว่าทำไมชาคริตถึงสงสารรินจนรับมาทำงานเป็นแม่บ้าน
   "เดี๋ยวพี่น้ำฟ้าจะมานอนบ้านเรานะ" ชาคริตบอกริน "นอนห้องแขกก็ได้"
   "วันนี้หนูลองเข้าไปดู ห้องนอนแขกสภาพเรียบร้อยดี นอนได้ค่ะ"
   ผลจากการที่ชาคริตอยู่ในบ้านคนเดียวมาหลายปี ทำให้หลายส่วนในบ้านไม่ได้ถูกใช้งาน ทำให้เสื่อมโทรมลง หรือต้องปิดตายไป วันนี้รินสำรวจโดยรอบมาแล้ว และวางแผนว่าจะเริ่มฟื้นฟูบางห้องให้กลับมาใช้งานได้
   "หนูริน เย็นแล้ว ทำอาหารหน่อย" หนิงสั่ง ก่อนจะหันมาคุยกับชาคริต "เมื่อกลางวันแม่กินอาหารฝีมือหนูรินแล้ว อร่อยมาก เดี๋ยวถ้าฝีมือไม่ตกแม่ต้องขึ้นเงินเดือนให้แล้ว"
   "เดี๋ยวหนูช่วยค่ะ" น้ำฟ้าบอก ปกติเธอเป็นคนทำอาหารให้ชาคริตกินอยู่แล้ว
   
   ไม่ช้า อาหารสำหรับห้าคนก็มาตั้งบนโต๊ะ หนิงและชาคริตเห็นตรงกัน ว่าน้ำฟ้ากับรินช่วยกันทำอาหาร อร่อยกว่าทำคนเดียวเสียอีก
   "ขอบคุณนะคะ" รินยิ้มแก้มปริเมื่อได้ยินคำชมจากพี่ชาคริต
   "อร่อยกว่าเมื่อกลางวันอีก" หนิงบอก "เสียดายนะ ได้อยู่กินอีกแค่สองวัน"
   "แม่หมายถึง..."
   "เดี๋ยววันพฤหัสแม่ต้องไปแล้ว มีงานด่วนที่เยอรมัน แม่จองตั๋วเครื่องบินไปแล้ว"
   ไผ่หลิวเดินมาที่โต๊ะอาหาร หน้ายังเปื้อนคราบน้ำตาอยู่
   "หนู....นั่งกินด้วยได้ไหมคะ" เธอถาม
   "เอาเลย ไผ่หลิว" ชาคริตบอก "ลองชิมหมูน้ำปลาสิ อร่อยมากเลย"
   "เดี๋ยวหนูตักข้าวให้นะคะ" รินบอก
   "เอ่อ..." ไผ่หลิวรับจานข้าวไป "ริน.....กับน้ำฟ้า ใช่ไหม" เธอมองหน้าแม่บ้านกับเพื่อนสนิทของชาคริต
   ทั้งสองคนพยักหน้า
   "ขอโทษนะคะ ที่หนูเคยพูด เคยทำไป....เรา....เริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม"
หลิวมาร่วมวงกับชาคริตแล้ว

Kibt

ไผ่หลิวแกล้งทำเป็นดีด้วยเพื่อให้ตายใจหรอก