ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

เทพวายุ 42 wikipedia คาเสะมารุ หมายเลข 2 / ลานจอดรถ / จิ้งจอก 5 หาง โฮโค

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, มีนาคม 13, 2021, 12:20:30 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ เอาข้อมูลมาให้อ่านเล่นๆก่อนที่ คาราโอเกะ สาขาเชียงใหม่จะมาครับ


เป็นข้อมูลเล็กๆน้อยๆ จากตอนที่ 42  กระทู้นี้ 24 ชั่วโมงครับ



คาเสะมารุหมายเลข 2


เป็นรถมอเตอร์ไซค์ที่กระแต หัวหน้าวิศกรเครื่องยนต์ของพิทักษ์เทวาเป็นหัวหน้าทีมปรับปรุง โดยมีทีมงานวิศวกรมือ 1 ของพิทักษ์เทวาร่วมด้วย ซึ่งที่มาของรถมอเตอร์ไซค์คันนี้คือความคิดของรินนั่นเอง เขามองว่าข้างหน้าริวกะจำเป็นต้องมียานพาหนะที่คล่องตัวเหมาะแกการเดินทางด้วยความเร็ว



ซึ่งการจะใช้พลังในที่สาธารณะมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ เขาจึงปรึกษากับทั้งชินพ่อของเขา และคาราสึ เทนงู ผู้ที่เป็นทั้งพ่อ อาจารย์ และ เพื่อนสนิท ถึงเรื่องนี้ จึงเกิดโปรเจค คาเสะมารุ หมายเลข 2 ขึ้นมา



ทั้งนี้รินจะได้ทดลองนำระบบ GPS ที่ยิงตรงจากดาวเทียม เข้ามาใส่ในระบบของคาเสะมารุหมายเลข 2 ด้วย เพื่ออนาคต อิซานางิ กรุ๊ป จะได้ขยายตลาดด้านยานยนต์ร่วมกับพิทักษ์เทวาอีกด้วย


และผู้ที่รับหน้าที่ดูแลโปรเจ็คนี้ก็คือ กระแต ลูกสาวบุญธรรมของเวตาลนั่นเอง ทั้งนี้ทั้งนั้น รถมอเตอร์ไซค์ที่นำมาปรับปรุงทดลองนั้นก็ยังคงเป็นรถจากค่ายปีกนกของญี่ปุ่น


เพียงแค่เปลี่ยนจาก CBR 650F  ปี2017





มาเป็น CBR 1000RR - R Fireblade 2020








นั่นเอง เหตุผลที่กระแตเลือกรถรุ่นนี้มาก็เพราะเหตุผลด้านสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมเป็นทุนเดิม รวมถึงวัสดุก็เป็นอลูมเนียมและ ไทเทเนียม ทำให้นำหนักรถเบาลงถึง 20% เหตุผลข้างต้นมันตอบโจทย์ของกระแตและทีมงานมากๆ เพราะทั้งระบบซอฟท์แวร์ AI GPS และรวมถึงระบบต่างๆมากมายที่ต้องติดตั้งเพิ่ม


มันมีน้ำหนักรวมๆเกือบ 20 กิโลกรัม เพราะฉะนั้นการเลือกรถคันนี้มาจึงทำให้ริวกะไม่ต้องขับรถที่มีน้ำหนักมาเกินไป

และที่สำคัญคำว่า FireBlade แปลว่า ใบมีดเปลวเพลิง   ซึ่งใบมีดเปลวเพลิงในภาษาญี่ปุ่นเขียนด้วยตัวคันจิ 炎刃 แล้วคันนี้ 2 ตัวนี้ก็อ่านว่า En Jin  ซึ่งมันไปพร้องเสียงของภาษาอังกฤษที่อ่านว่า engine ที่แปลว่า " เครื่องยนต์ "


สำหรับตัวผม ผมคิดว่ามันสื่อถึงทั้งตัวริวกะและเครื่องยนต์ได้ดีมากๆ คาเสะมารุหมายเลข 2 ถูกติดตั้งระบบ AI หรือระบบผู้ช่วย อีกทั้งยังมี ECU หรือ Engine Control Unit เป็นแบบระบบที่เป็นพื้นฐานของรถแข่ง โมโตจีพี  ECU ตัวนี้ กระแตปรับปรุงเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อและ Link กับ ริสต์แบนด์ของริวกะ ซึ่งใช้ในการรับคำสั่งเสียง


และยังมี IOT หรือ internet of Things คือระบบมันเป็นระบบ internet ขั้นพื้นฐานที่จะฝังลงในตัวคาเสะมารุหมายเลข 2 มีหน้าที่เชื่อมอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคต่างๆในรถเข้าด้วยกัน และหน้าที่สำคัญคือการรับสัญญาณ GPS จากดาวเทียมโดยตรง


กล่าวคือตัวคาเสะมารุหมายเลข 2 จะมี internet ความเร็วสูงในตัวไว้เชื่อมระบบต่าง รวมถึงสัญญาณดาวเทียมเพื่อแสดงผลบนหน้าจอนั้นเอง อีกทั้งยังมีระบบออกตัวหรือ Launch Control ที่ได้มาจากโรงงานที่ว่าดีแล้ว กระแตก็นำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น


ระบบเสียงของริวกะยังถือว่าเป็นต้นแบบซึ่งอิซานางิ จะพัฒนาเพื่อนำมาใช้กับบริษัทพิทักษ์เทวา ซึ่งมีแผนจะเข้าเปิดตลาดการแข่งขันรถแรลลี่ทางไกลในอนาคต คำสั่งเสียงตอนนี้จึงใช้ได้แค่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น และจำแค่เสียงของริวกะเพียงคนเดียว



ส่วนเรื่องแฟริ่งนั้น กระแตและทีมวิศวกรได้ทำใหม่หมด โดยยึดตัวต้นแบบมาจากคาเสะมารุตัวต้นแบบ โดยใช้วัสดุชนิดพิเศษหล่อขึ้นมาใหม่ทั้งหมด เหตุผลสำคัญคือแฟริ่งทั่วไปใช้กับคาเสะมารุไม่ได้ ไม่ใช่ว่าแฟริ่งจากโรงงานจะไม่ดี แต่ที่ต้องทำแฟริ่งใหม่ เพราะต้องคำนวณถึงหลักพลศาสตร์ที่อยู่เหนือกฎเกณฑ์


นั้นก็คือสายลมจากตัวริวกะนั่นเอง แฟริ่งตัวต้นแบบก็ได้จากการที่ริวกะขี่มอเตอร์ไซค์ไปล้มแล้วม่องเท่งไป 3 รอบนั่นแหละถึงจะสามารถปรับปรุงแฟริ่งที่สามารถเข้ากับตัวเขาได้


ปุ่มตัวสวิชท์ใช้งานต่างๆจะถูกติดตั้งที่แฮนด์ซ้ายของรถแทนทั้ง
Launch Control - ระบบช่วยออกตัว
Pit Lane – ลดความเร็วเข้าพิท ( เตรียมจอดไฟแดง )
Auto Parking หรือ ระบบจอดรถอัตโนมัติ
Ride Control - ปรับโหมดการขับ 3 ระบบ


แต่ที่เด็ดที่สุดของคาเสะมารุหมายเลข 2 ก็คือท่อไอ้เสียที่เสียงกังวานหวานเจี๊ยบ ปกติแล้วท่อไอเสียของคาเสะมารุหมายเลข 2 ทีมงานของกระแตเหมือนทำเพื่อสนองนี๊ดของตัวเอง ก็จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ บิดทีกระจกสะเทือน แต่กระแตคิดว่า


ริวกะคงไม่ได้เอาไปลงสนามแข่งอะไร แต่การจะเอาของดีแบบนี้ออกมันก็กระไรอยู่ จึงได้ช่วยกันกับทีมงานทำระบบ ปรับลดความดังของท่อด้วยซอฟท์แวร์เสียง ซึ่งสามารถออกคำสั่งเสียงผ่านริสต์แบนด์ได้ด้วยตรงด้วยคำสั่ง Noise Down เหมือนในตอนที่ 42 ที่ผ่านมานั่นเองครับ




ปล. ข้อมูลเรื่องรถอาจจะผิดพลาดไปหลายประการ ยังไงก็ต้องกราบขออภัย สาวกบิ๊กไบค์ทุกท่านด้วยครับ



.........................




ลานจอดรถของริวกะ


คือหลายท่านที่พึ่งมาอ่านตอนก่อนๆ ก็คงจะสงสัยนะครับว่า อะไรคืออภิสิทธิ์ในการครอบครองที่จอดรถของริวกะกัน คือต้องอธิบายแบบนี้ครับว่า ที่อยู่ของริวกะในกรุงเทพฯ เปรียบเสมือนบ้านอิซานางิ ขนาดย่อมๆเลยนะ โดยรินตัดสินใจที่จะเหมาคอนโด ชั้นที่ 10 ทั้งหมด


เพื่อปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงเป็นบ้านของริวกะ คิราระ แล้วก็อั้ม ที่นอกเหนือจากนั้น มันยังเป็นที่ทำงานของเขา เวลามากรุงเทพฯอีกด้วย ซึ่งมูลค่าทั้งหมดที่รินจ่ายไปคือ 100 ล้านบาท และค่าปรับปรุงอีก ราวๆ 3 ล้าน ไม่รวมเฟอร์นิเจอร์ ส่วนรายละเอียดห้องต่างๆ ผมจะมาทำให้อีกที ถ้ามีท่านผู้อ่านสนใจ


อ่ะกลับมาต่อ แล้วลานจอดรถที่พูดถึงปกติแล้ว จะเป็นโซน VIP ของผู้พักอาศัยชั้น 10 นั่นหมายความว่า อิซานางิ กรุ๊ป ที่ได้เหมาชั้น 10 ทั้งชั้น ก็จะกลายเป็นเจ้าของลานจอดรถโซนนี้ไปโดยปริยาย ความกว้างขวางของลานจอดรถนี้จะสามารถจอดรถได้ 10 ครอบครัว ครอบครัวละ 3 คัน


โคตรจะกว้าง ก็ราวๆสนามฟุตบอลนั่นแหละ แล้วในลานจอดรถนี้มีอะไรบ้าง แน่นอนว่าต้นไม้ที่มากมายจนแทบจะกลายเป็นป่ากลางเมือง มีบ่อน้ำให้บาคุลงมานอนเล่น มีลานออกกำลังกาย และที่สำคัญโรงจอดรถ ซึ่งแรกเริ่มแต่เดิมทีมีจอดแค่ 2 คัน


นั่นก็คือ แรมโบของริวกะ และ BW ของอั้ม แต่พอได้คาเสะมารุหมายเลข 2 มา จึงทำให้ต้องขยับขยายพื้นที่นิดหน่อย ส่วนรถที่เอาไว้ต้อนรับรินและมิไรตอนมาประเทศไทย จะถูกจอดไว้ที่อิซานางิ กรุ๊ป สาขาประเทศไทย เพราะรถนั้นต้องตรวจเช็คทุกวัน ต้องพร้อมที่จะสตาร์ทเครื่องเสมอ



ส่วนรถของริวกะนั้น ก็จะได้โคฮาคุแวะมาหมั่นศึกษาเสมอๆ อันที่จริงแลมโบของริวกะนั้นก็ถูกถอดแยกถอดประกอบเป็นว่าเล่นจากทั้งโคฮาคุกับยามินั่นแหละนะ ยกเว้น BW ของอั้มที่ทั้งคู่ไม่กล้าแตะต้องเลย เพราะเวลาน้องสาวคนนี้โกรธขึ้นมา จากสาวหวานก็ได้กลายเป็นสิ่งที่น่ากลัวพอๆกับฮิคาริก่อนความสูญเสียความทรงจำ


อีกทั้งที่นี่ยังมีระบบการจัดการน้ำที่ยอดเยี่ยม มีคนคอยมาดูแลความสะอาดอาทิตย์ละ 1 ครั้ง กล้องวงจรปิดไม่จำเป็น เพราะมีบางสิ่งที่เฝ้าไว้ยิ่งกว่ากล้องวงจรปิด นั่นก็คือบาคุนั่นเอง นอกจากจะอยู่กับริวกะตลอดเวลาแล้ว บาคุก็ยังแอบแว๊ปมานอนที่นี่ประจำ




.........................




โฮโค  ที่ญี่ปุ่นเล่าว่า "โฮโค" คือปีศาจจิ้งจอกห้าหาง โดยหางทั้งห้านั้นหมายถึง "ธาตุทั้งห้า" คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ และทอง นั้นทำให้จิ้งจอกห้าหางสามารถใช้พลังได้ถึงห้ารูปแบบ สามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหว และภัยพิบัติอื่นๆ ได้



บ้างก็เล่ากันว่า จิ้งจอกห้าหางเป็นวิญญาณแห่งป่า ซึ่งเหลือน้อยเต็มที มีนิสัยรักสงบแต่กลับมีพลังอันมหาศาล ซึ่งควรระมัดระวังให้มาก เป้นการเน้นย้ำถึงการให้ความเคารพยำเกรงในป่าเขาและธรรมชาติ ไม่อย่างงั้นจิ้งจอกห้าหางก็จะออกมาทำให้เกิดภัยพิบัติ

Credit :  http://www.bangkokstudy.org/cat511/-houkou.html


..........................



แต่สำหรับโฮโคที่อยู่กับริวกะนั้นเป็นจิ้งจอก 5 หาง เพศผู้ ซึ่งการทำพิธีเกี่ยวกับองเมียวจิแทบทั้งหมด ริวกะจะมีโฮโคเป็นผู้ช่วยเสมอ นอกจากตำราโฮวคิไนเด็นของเซย์เมย์ และตำราเวทย์มนต์ผนึกของ ฮิเดะโมโตะ ที่ริวกะได้รับสืบทอดเพื่อศึกษาวิถีองเมียวโด


ก็จะมีโฮโคนี่แหละที่คอยชี้แนะเกี่ยวกับพลังวงแหวน 5 ธาตุ ซึ่งปกติแล้วโฮโคเองก็จะอาศัยอยู่ในเขตแดนอาคมของบ้านอิซานางิ เดิมทีโฮโคสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ หรือ สามารถกลับร่างจิ้งจอกได้ตามปกติ แต่ยามที่ออกจากญี่ปุ่น พลังเวทย์ในตัวก็จะลดลงไปด้วย เพื่อที่จะไม่กระทบต่อพื้นที่นั้นๆ ทำให้ไม่สามารถกลับร่างจิ้งจอกได้


แต่เพราะการได้เข้าพิธี ปลุกเสกรถแห่ดาชิ แหม่ พูดซะเป็นปลุกเสกพระเครื่องเลย อ่ะกลับมาๆ พอได้เข้าพิธีที่ริวกะใช้เวทย์ สายลมสวรรค์ ทำให้พลังเวทย์ของโฮโคกลับมาชั่วขณะ ทำให้เขาสามารถกลับร่างจิ้งจอกได้นั่นเอง โดยที่ร่างจิ้งจอก เมื่อยืน 4 ขา จะสามารถวัดความสูงจากหัวลงมายังเท่าได้ 4 เมตร ลำตัวสมส่วน ขนสีขาวราวหิมะ นุ่มราวกับผ้าไหมชั้นเลิศ







ที่คอจะมีเกลียวเชือกสีขาวสลับแดงขนาดใหญ่ผูกอยู่ เป็นเชื่อศักดิ์สิทธิ์แม้จะดูเหมือนรัดแน่น แต่ก็ไม่ได้รัดอะไรเลยเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายด้วยซ้ำ ที่ข้อเท้าทั้ง 4 ข้างมีกำไรทอง สวมอยู่เป็นเหมือนเครื่องรางประจำตัว



ตัดจบแบบละครไทย ฉับ !!!




Game2005






ieaky

รถนายริวนี่สุดทุกคันจริง ๆ มาอธิบายซะกำลังเคลิ้ม แล้วตัดจบเฉยเลยซะงั้น เง้อ...


Au Nanma

จินตนาการผสานความรู้พื้นฐานสุดยอดมากๆครับพหูสูตจริงๆ

กิตติศักดิ์

 ::Reader::อีบุ๊คออกเมื่อครับอยากอ่านเทพวายุแบบยาวๆครับอย่าลืมแจ้งให้ทราบนะครับผมจะรอนะครับ