ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_llOUllnJllUUllSJllSJ

จ้าวโลก EP.18 (NTR/Harlem/Super Power)

เริ่มโดย llOUllnJllUUllSJllSJ, มีนาคม 24, 2021, 03:51:50 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 3 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

llOUllnJllUUllSJllSJ

สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก xonly8 อ่านเต็มได้ที่ https://fictionlog.co/b/6053b2ece9cbb4001caf362f

อาหารมื้อนั้น เป็นอาหารค่ำมื้อที่หรูที่สุดในชีวิตที่ผมเคยทานมาเลย ที่สำคัญ การที่มีสาวลูกครึ่งหน้าสวยหุ่นดีในชุดเดรสน่ารักปนเซ็กซี่จนดึงดูดสายตาของคนทั้งร้านนั้น มันทำให้ผมแอบภูมิใจในตัวเองไม่ได้

ถ้าให้ผมเลือก ผมเลือกไม่ได้จริงๆว่าระหว่างแทนกับอีฟ ใครจะโดดเด่นกว่ากัน แทนมีรอยยิ้มที่ละลายหัวใจผู้ชายได้ทั้งโลก ในขณะที่อีฟ มีความน่ารักปนเซ็กซี่อย่างเหลือล้น แม้ว่าเธอจะไม่ได้แสดงออกมาในด้านนั้นซักเท่าไหร่ก็เถอะ

หลังอาหารมื้อนั้น ผมรับหน้าที่เป็นสารถีขับรถพาเธอกลับ สายตาของอีฟเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างตามวิวของตึกรามบ้านช่องที่เปลี่ยนไปตามช่วงถนน ผมสัมผัสได้ถึงความสุขที่ลอยอบอวลอยู่ในรถคันนี้ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นความรู้สึกที่มาจากผมหรืออีฟกันแน่ ผมยังไม่เก่งพอจะแยกแยะได้ขนาดนั้น

"อีฟ วันนั้นพี่เข้าห้องอีฟ เห็นรูปวางบนโต๊ะ ถามได้มั้ยว่ารูปใครเหรอ" ผมเอ่ยปากทำลายความเงียบในรถ

"บนโต๊ะทำงานอีฟเหรอ" อีฟหันมาถามผม

"ใช่"

"อ๋อ พ่อแม่อีฟเองแหละ" เธอตอบพลางหันกลับไปมองนอกหน้าต่าง

"แล้ว.." ผมลากเสียง ไม่รู้ว่าควรจะถามออกไปหรือเปล่าว่าตอนนี้พ่อแม่ของอีฟท่านอยู่ไหน

"พ่อแม่อีฟเป็นคนธรรมดา ไม่ได้มีความสามารถอะไร พ่อมาเจอแม่อีฟที่ไทย ทั้งสองแต่งงานกันจนมีอีฟ ตอนแรกพ่อจะพาอีฟกับแม่ย้ายกลับไปอยู่สวิสเซอร์แลนด์แหละ ถ้าไม่มีคนจาก UNX ติดต่อมาซะก่อน" อีฟเล่าเรื่องของเธอ

"อ่าฮะ แล้วไงต่อ" ผมถาม

"อีฟเป็นเด็กฉลาดตั้งแต่เด็ก แต่ไม่เคยวัดไอคิวหรอกนะ แต่อีฟทำข้อสอบมหาลัยได้ตั้งแต่ประถมแล้ว และเพราะฉลาดเกินไปนี่แหละ มันเลยไปเข้าตา UNX จนสุดท้ายก็ได้รู้ว่า จริงๆอีฟก็เป็นมนุษย์พิเศษ"

"แล้วเขามาติดต่อทำไมอะ"

"ตอนแรกทางนั้นแจ้งพ่อแม่อีฟว่าเป็นโครงการส่งเสริมเด็กไอคิวสูงของสมาคมอะไรพวกนี้ พ่อแม่อีฟก็ดีใจ แต่อีฟสัมผัสได้ว่ามันไม่ปกติ พยายามจะบอกพ่อแม่ แต่ก็อย่างที่รู้ เด็กพูดไปผู้ใหญ่จะเชื่อได้ไง แถมตอนนั้นอีฟก็ไม่รู้หรอกว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษอะไรแบบนี้ บอกพ่อแม่ พ่อแม่ก็หาว่าคิดไปเอง

"สุดท้ายอีฟไปเข้าโครงการปรับตัวของ UNX เป็นเดือนที่เนเธอร์แลนด์ พอกลับมา ก็พบว่าพ่อแม่อีฟ.. ไม่อยู่แล้ว" ประโยคสุดท้ายของอีฟนั้นผมจับความรู้สึกเศร้าได้ เล่นเอาผมถึงกับต้องหันมามองหน้าเธอทันที

"หมายความว่ายังไงไม่อยู่แล้ว" ผมถามเธอ

"วันที่อีฟกลับมาบ้าน อีฟไม่เจอใครที่บ้านเลย บ้านก็เก็บเรียบร้อยปกติ จนข้างบ้านมาเจอ เขาบอกว่า.. พ่อแม่อีฟ.. เสียแล้ว" อีฟบอก ถึงตรงนี้ผมรีบจอดรถข้างทาง และหันไปตั้งใจฟังเธออย่างจริงจัง

"เสียใจด้วยนะอีฟ" ผมบอกเธอ ผมสังเกตุเห็นดวงตาสวยของเธอเริ่มมีน้ำใสๆคลอ

"แล้วพี่รู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น เพื่อนบ้านบอกว่าพ่อแม่อีฟผูกคอตาย มีเพื่อนบ้านมาเจอศพเอาวันที่สามแล้ว เพราะได้กลิ่นแปลกๆ" อีฟพูดเสียงเครือ

"พี่เสียใจด้วย" ผมเอื้อมมือไปจับมือเธอมากุมไว้ ผมก็เสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กเหมือนกัน ผมเข้าใจความรู้สึกที่สูญเสียนี้ดี

"ตอนนั้นอีฟสับสนมาก ธุรกิจของพ่อก็ไปได้ดี ครอบครัวอบอุ่น ก่อนอีฟกลับไม่กี่วัน อีฟยังโทรคุยกับพ่อแม่ ก็ยังดูปกติอยู่เลย" น้ำตาของเธอเริ่มเอ่อล้นออกมาจากดวงตา ผมหยิบทิชชู่ในรถและส่งให้เธอพร้อมกับที่เธอเล่าต่อ

"หลังจากนั้นวันนึง ก็มีคนของ ZINA มาหาอีฟ แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง ว่าเป็นเพราะ UNX อยากได้ตัวอีฟเข้าร่วมเพื่องานวิจัย แต่พ่อแม่ไม่ยอม พ่อแม่อยากให้อีฟใช้ชีวิตตามปกติ สุดท้าย UNX เลยเก็บพ่อแม่อีฟเพื่อให้สุดท้ายแล้วอีฟจะได้ไม่เหลือใคร และพึ่งพาพวกเขา.." อีฟบอก

เดี๋ยวนะ ทำไมฟังแล้วมันคุ้นๆ เหมือนเรื่องของผม ที่ ZINA ทำให้อิงเลิกกับผม แล้วใส่ร้าย UNX เพื่อให้ผมเข้ากับ ZINA

"ใช่ อย่างที่พี่คิดนั่นแหละ อีฟก็ฉลาดพอจะรู้ว่า จริงๆแล้วคือ ZINA นั่นแหละ เป็นคนวางแผนทั้งหมด เพื่อจะได้ตัวอีฟเข้าไปร่วมองค์กร แล้วใส่ร้ายให้ UNX เพราะตอนอีฟไปเข้าแคมป์ UNX ทางนั้นไม่ได้เรียกร้องอะไรอีฟเลย แค่แนะนำวิธีใช้ชีวิตตามปกติที่ไม่เดือดร้อนคนทั่วไปเท่านั้นเอง" อีฟเล่าต่อราวกับเข้าใจว่าผมคิดอะไร

"แล้วทำไมอีฟถึงเข้าร่วมสตีฟได้ล่ะ" ตรงนี้คือจุดที่ผมสงสัย เพราะในเมื่อเธอรู้อยู่แล้วว่า ZINA พรากครอบครัวเธอไป แล้วมีเหตุผลอะไรที่เธอต้องไปเข้าร่วม

"น้าไพลินเข้ามาหาอีฟหลังจากนั้น และก็อย่างที่พี่รู้ เป้าหมายน้าไพลินแค่ต้องการให้พวกเราได้อยู่อย่างสงบ ไม่ต้องมีทั้ง UNX หรือ ZINA อะไรทั้งนั้น อีฟสัมผัสได้ว่าน้าไพลินจริงใจ และรักอีฟจริง น้าไพลินคอยดูแลเด็กๆที่อยู่ในโครงการและเจอปัญหาหลายคนมาก

"แต่หลังจากปีสองปี น้าไพลินก็เริ่มรู้ข่าวว่า ZINA เริ่มเคลื่อนไหวในระดับโลกขึ้น วิกฤติต่างๆระดับโลกที่มีคนตายเยอะๆ คนกลุ่มนี้อยู่เบื้องหลังหมด เพียงเพื่อจะให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ ตอนนั้นอีฟก็รู้จากน้าไพลิน อีฟเลยเสนอตัวมาสืบให้ ถ้าเรารู้ว่า ZINA ต้องการทำอะไร อย่างน้อยเราอาจจะยับยั้งพวกนั้นได้ อีฟไม่อยากให้มีเด็กคนไหนต้องเจอแบบที่อีฟเจออีกแล้ว หลังจากนั้นอีฟเลยติดต่อไปที่ ZINA เพื่อแสดงตัวและกลับเข้าร่วมองค์กร และทำงานด้วยหลายปีจนได้มาเป็นลูกน้องสตีฟนี่แหละ" อีฟร่ายยาว

ผมฟังแล้วก็อึ้ง จริงอยู่ว่า โลกนี้มันไม่ใช่โลกที่เต็มไปด้วยทุ่งลาเวนเดอร์ มนุษย์ยังคงเป็นมนุษย์ มนุษย์ยังคงรักในอำนาจ หลงในเงินตรา และมัวเมากับสิ่งต่างๆ แต่การกระทำของ ZINA ในสายตาผม มันก็ทำให้ผมรับไม่ได้เหมือนกัน

ผมบีบมืออีฟเบาๆพลางดึงตัวเธอมาพิงไหล่ผม น้ำตาเธอไหลพร้อมกับเสียงสะอื้น นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมรู้จักอีฟมาที่อีฟนั้นแสดงด้านที่อ่อนแอที่สุดให้ผมเห็น ก่อนหน้านี้อีฟเป็นคนแข็งแกร่ง อีฟเป็นคนเก่ง อีฟฉลาด แต่อีฟก็คือผู้หญิงแหละ ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเก่งหรือแกร่งแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้ว พวกเธอก็ยังคงต้องการมุมเล็กๆที่หัวไหล่ของใครซักคนให้เธอซบและแสดงความอ่อนแอออกมา

ผมลูบหัวเธอที่ซบไหล่ผมเบาๆ พร้อมกับพูดว่า

"อีฟไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนะ พี่อาจจะเพิ่งรู้จักอีฟแค่อาทิตย์สองอาทิตย์ แต่อีฟรู้จักพี่มานาน อีฟน่าจะรู้ โดยเฉพาะอีฟที่อ่านใจพี่ได้ อีฟรู้ใช่มั้ยว่าพี่อยู่ข้างอีฟเสมอ" ผมบอกเธอ

"อื้อ" เธอตอบในลำคอ

"พี่เสียพ่อแม่ไปเหมือนอีฟนั่นแหละ ก็อย่างที่อีฟรู้ เรานี่คล้ายกันเลยเนอะ พี่สัญญาว่าอีฟจะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้วนะ" ผมบอกเธอเบาๆ พร้อมกับตั้งมั่นในใจว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ผมจะไม่ให้ผู้หญิงคนนี้ต้องร้องไห้เพราะความโดดเดี่ยวอีกเป็นอันขาด

"ขอบคุณนะพี่ ว่าแต่มาทำซีนซึ้งอะไรเนี่ย คนลามกแบบพี่มาทำซึ้งแบบนี้" อีฟผละกลับไปนั่งท่าเดิมพร้อมกับพูดยิ้มๆพลางซับน้ำตาด้วยทิชชู่ที่ผมให้

"อ่าว ทำซึ้งก็ไม่ได้ อยากให้ทำลามกใส่รึไง ได้นะ ฮ่าๆ" ผมเห็นยิ้มและสัมผัสได้ว่าเธอกลับมาอารมณ์ดีแล้ว

"ไอ้คนลามก" อีฟพูด

ผมเห็นทุกอย่างเริ่มโอเค ก็ขับรถออกมาจากตรงนั้น ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่า เมื่อวานที่คุยกัน อีฟเขียนกระดาษบอกว่าจะอธิบายผมที่ว่าสตีฟดักฟังในห้อง

"เออ อีฟ เมื่อวานที่เขียนกระดาษบอกว่าจะอธิบายพี่ เรื่องสตีฟดักฟังกับตอนที่พี่คุยกับน้าไพลิน สรุปยังไงอะ" ผมถามเธอในขณะที่สองมือยังคงจับพวงมาลัยรถ

"ทำไมเหรอ" เธอถามผม

"ก็ที่เราโทรคุยกับน้าไพลิน สตีฟก็รู้สิว่าพี่จะไปตรวจ" ผมบอก

"อ๋อ ก็ UNX กับ ZINA มันคนกลุ่มเดียวกันไง คนที่เป็น ZINA ทุกคนเป็น UNX ด้วย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่กับ UNX จะเป็น ZINA เป้าหมายหลักของ UNX คือวิจัยเพื่อส่งต่อความพิเศษในตัวมนุษย์อย่างเราๆให้คนทั่วไป แต่ ZINA กลับเห็นว่า ความสามารถแบบเรานี้ไม่ควรส่งต่อให้ใคร และพวกเราควรจะเป็นชนชั้นสูงของโลก ควบคุมความเป็นไปของโลก อะไรประมาณนั้น" อีฟอธิบาย

"แล้วยังไงต่อ" ผมถาม

"แล้วเครื่องตรวจสมองที่จะพาพี่ไปเนี่ย มันมีที่สำนักงานใหญ่ที่อัมสเตอร์ดัมที่เดียวในโลก สตีฟก็รู้อยู่แล้วว่าพี่มีความสามารถที่ยังไม่ค้นพบอยู่อีก การพาพี่ไปตรวจก็ไม่ใช่เรื่องแปลก อีกอย่าง สตีฟรู้จักน้าไพลิน รู้ว่าน้าไพลินอยู่แผนกวิจัย การที่เราติดต่อน้าไพลินเพื่อขอเข้าไปตรวจมันก็สมเหตุสมผลแล้วไง" อีฟอธิบายยาวยืดมาจนผมถึงบางอ้อ

"อ๋อ เข้าใจแล้ว แสดงว่าสตีฟไม่รู้ใช่มั้ยว่าน้าไพลินพยายามจะเปิดโปง ZINA" ผมเริ่มปะติดปะต่อภาพเหตุการณ์ทั้งหมดได้แล้ว

"ถูกต้อง ฉลาดนี่นา.." อีฟตอบผมด้วยน้ำเสียงกวนๆ

"หึ ไอ้ความซึ้งเมื่อกี๊หายไปไหนหมด" ผมหันไปถามเธออย่างเซ็งๆ

"หมดโควต้าแล้วย่ะ" อีฟตอบผมพลางสะบัดหน้ามองออกไปที่หน้าต่าง แต่ผมเห็นเงาเธอแอบยิ้มจากกระจกข้าง พร้อมกับที่ผมสัมผัสความรู้สึกมีความสุขได้ ผมก็แฮปปี้แล้ว ผมไม่อยากให้อีฟเศร้า เพราะมันคงไม่น่าดูเท่าไหร่นัก ที่ดอกไม้สวยๆจะเหี่ยวเฉา มันควรจะต้องบานสะพรั่งให้คนรอบข้างเห็นสิ



#################


"โอ้ยยยยยยยยยย ทำไมมันร้อน ร้อน ร้อน ร้อนอย่างนี้ว๊าาาา" อ้นบ่นเสียงดังในขณะที่ผม อ้น และแทนกำลังเดินอยู่กลางซอยในย่านชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง

"มึงจะบ่นอะไรนักหนา มึงดูแทนดิ เป็นผู้หญิงยังไม่เห็นบ่นเลย" ผมด่าไอ้อ้นไปพลางโบ้ยให้มันดูแทนที่เดินจับมือข้างๆผม

"ก็ใช่สิ คนมีความรัก ทำอะไรก็ดีไปหมดนี่" อ้นมันยังคงอุธรณ์ไม่เลิก

"แทนบอกแล้วไง ว่าจะชวนจอยมาด้วย ก็ไม่เอา" แทนแซวอ้นยิ้มๆ

"ชวนมาทำไม อ้นไม่ได้ชอบจอยซักหน่อย" อ้นบ่นกลับ

"แหม ไม่ชอบๆ ตอนนั้นกูพูดบิ้วหน่อย มองจอยใหญ่เลยนะมึง" ผมแซวมันขำๆ

"เห้ย มองเมิงอะไร ไม่มีๆ" อ้นยังคงเถียงปากแข็ง

"แต่จอยน่ารักน้าา นิสัยดีด้วย อ้นจีบสิ" แทนพูดเชียร์ จริงๆผมว่าแทนก็คงดูออกครับว่าจอยเพื่อนของเธอนั้นคงจะชอบอ้นอยู่บ้าง ส่วนไอ้อ้น นอกจากความปากดีเรื่องผู้หญิงแล้ว จริงๆมันก็เป็นเพื่อนที่ดีมากๆคนหนึ่งเลยแหละ

"เออ คอยดูดิ ถ้าจอยถอดแว่น แต่งตัวน่ารักๆหน่อยนะมึงเอ้ยยย มึงจะเสียดายเลย" ผมเสริมแทน

"ขนาดนั้นเลยเหรอวะ" อ้นทำท่าลังเล เล่นเอาซะผมขำในความเปลี่ยนไปมาของมันจริงๆ

"เออ เอางี้ เปิดเรียนหลังปีใหม่ เราหาเวลาไปเที่ยวกัน เดี๋ยวให้แทนชวนจอยไปด้วย ดีมั้ย" ผมเสนอไอเดียพลางหันไปถามแทน

"ดีๆ เดี๋ยวแทนบิ้วให้ อิอิ" แทนสนับสนุนความคิดผมทันที

"แล้วทำไมต้องหลังปีใหม่วะ เอาตอนหยุดปีใหม่เลยไม่ได้เหรอ" อ้นถามกลับ

"แหมม ปากแข็งบอกไม่สนๆ แต่เสือกรีบนะมึง รีบเหรอจ้ะน้องอ้น ฮ่าๆๆๆ ปีใหม่กูไปต่างประเทศกับแทนโว้ย" ผมแซวไอ้อ้นพลางบอกแพลนเที่ยวผม

"โอ้โห ไอ้เหี้ย ไอ้ผู้ชายหน้าจืดที่สุดในมหาลัย เสือกจะพาแทนที่สวยที่สุดในมหาลัยไปเที่ยวต่างประเทศ กูละหมั่นไส้มึงจริงๆ" อ้นบ่นกลับมา

"เวอร์ไปอ้น เราไม่ได้สวยที่สุดซักหน่อย" แทนตอบกลับแบบเขินๆที่ไอ้อ้นเล่นชมตรงๆ

"แต่สวยที่สุดในใจเราแล้วกัน" ผมหันไปบอกเธอ

"ใช่เหรอคะ.." แทนหรี่ตามองผมพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย เห้อ ผู้หญิงนี่เดาใจยากจริงๆ



เราสามคนเดินมาถึงสำนักงานชุมชนแห่งนั้น พร้อมกับเข้าพบผู้ใหญ่ที่นัดหมายไว้ โปรเจ็ควิชานี้ของเราไม่มีอะไรมาก แค่ลงพื้นที่เก็บข้อมูลทางสถิติของประชากรในเขตพื้นที่แออัด เพื่อทำรายงานการเติบโตของกลุ่มประชากรในแต่ละพื้นที่เท่านั้นเอง ที่จริงก็ไม่ต้องเล่นใหญ่ถึงขั้นต้องลงพื้นที่จริงหรอก แต่การนั่งทำงานในห้องสมุดมันก็คงจะน่าเบื่อ แถมที่สำคัญ ไอเดียเรื่องการลงพื้นที่นั้น มันเกิดจากผมที่ก่อนหน้านั้นยังไม่ได้คบกับแทน จริงๆแค่อยากมีโอกาสได้ใช้เวลาร่วมกันซักหน่อยเท่านั้นเอง แต่กลายเป็นว่า ตอนนี้เราได้ลงมาเก็บข้อมูลในฐานะแฟนโดยมีไอ้อ้นเป็นก้างขวางคอด้วย

เราใช้เวลาไม่นาน แค่สองสามชั่วโมง ทุกอย่างก็เรียบร้อย ข้อมูลทุกอย่างนั้นแทนเตรียมมาให้หมดแล้ว เรียกว่าผมกับไอ้อ้นแทบจะไม่ต้องทำอะไรนอกจากถ่ายรูปกับจดเท่านั้นเอง แทนเป็นผู้หญิงที่เต็มที่กับทุกอย่าง ความฝันของเธอคือการเข้าสู่วงการ หรือไม่ก็มีร้านอาหารของตัวเอง แต่ไม่ว่าเธอจะลงมือทำอะไร จะเป็นความฝันของเธอหรือไม่ เธอก็จะเต็มที่กับมันเสมอ เรียกว่างานกลุ่มครั้งนี้ นอกจากจะทำให้ผมได้ใกล้ชิดกับแทนจนเป็นแฟนกันแล้ว ยังช่วยผมเรื่องเรียนได้เยอะเลย

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เราสามคนก็แยกย้าย โดยตอนเย็นผมมีนัดไปดินเนอร์กับแทน แม้ว่าจะเป็นการฝึกการรับประทานอาหารแบบ Fine Dining แบบเดียวกับที่ไปกับอีฟเมื่อวาน แต่นี่จะเป็นมื้อแรกของผมกับแทน ที่ไม่ใช่ชาบู มันก็ทำให้ผมแอบตื่นเต้นเล็กๆเหมือนกัน

วันนี้ผมแต่งตัวหล่อที่สุดเท่าที่เคยแต่งมา เป็นกางเกงแสล็คเสื้อเชิ๊ตยี่ห้อ Zara นี่คือแพงที่สุดเท่าที่ผมเคยใส่แล้ว ผมรอแทนอยู่หน้าคอนโดของเธอ ยืนอยู่ข้างรถเก๋ง Z4 เปิดประทุนที่สตีฟซื้อให้ และใช้เวลาไม่นาน แทนก็ปรากฏตัวขึ้นหน้าลิฟท์ เธออยู่ในชุดกระโปรงบานสีขาว เสื้อเดรสเปิดไหล่สีชมพู ผมถึงกับอุทานในใจตั้งแต่แว่บแรกที่เห็นว่า

'โคตรน่ารักเลยว่ะ'

ผมรีบกุลีกุจอวิ่งไปเปิดประตูข้างคนขับให้แทนในตอนที่เธอเดินมาถึง

"เชิญครับคุณผู้หญิง" ผมก้มหัวให้เธอเล็กๆพร้อมกับพูดเก๊กเสียงหล่อ

"อิอิ เวอร์ไปป่าวเนี่ย" แทนหัวเราะกลับมาพลางขึ้นมานั่งรถ ผมปิดประตูให้เธอแล้วรีบวิ่งมาขึ้นฝั่งคนขับ

"รอแทนนานมั้ยคะ" แทนหันมาถามผมในขณะที่ผมกำลังคาดเข็มขัดนิรภัย

"ไม่นานเลย เพิ่งมาถึงได้แปปเดียวเอง" ผมบอก จริงๆผมโกหกแหละ ผมมารอเธอได้เกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่สิ ต้องบอกว่า ผมมารอเธอก่อนเวลานัดเกือบครึ่งชั่วโมง คงเป็นเพราะผมตื่นเต้นมั้ง

"โกหก เหงื่อเต็มเสื้อซะขนาดนี้ ยืนรอนานแล้วแน่ๆ ทำไมไม่โทรมาหาแทน จะได้ให้ขึ้นไปรอข้างบน" แทนพูดพลางหยิบเอาทิชชู่มาซัพเหงื่อให้ผมพร้อมกับเปิดแอร์รถหันมาทางผม

"ไม่เป็นไร เราไม่อยากเร่งแทน" ผมบอก

"ว่าแต่เมื่อวานเป็นยังไงมั่ง น้องอีฟสอนมาหมดยัง" แทนถามผมที่ผมไปดินเนอร์กับอีฟมาเมื่อวาน

"หมดแล้ว แต่ไม่รู้จะจำได้หรือเปล่านะ อาจจะต้องให้แทนสอนอีก ฮ่าๆ" ผมพูดขำๆในขณะที่เริ่มต้นขับรถ

"อะไร พรุ่งนี้ก็จะไปงานแล้ว ถ้าวันนี้ยังจำไม่ได้นี่หน้าแตกเลยนะ" แทนพูด

"เดี๋ยวก็จำได้เองแหละ มีคนสวยมาสอนแบบนี้" ผมบอกเธอไป

"ดีเนอะ มีคนสวยมาสอนให้ตั้งสองวันเลย" แทนพูดยิ้มๆ เล่นเอาซะผมสะอึกเลย ตอนที่ผมพูดว่ามีคนสวยมาสอนนี่ ผมหมายถึงแทนหรอกนะ จริงอยู่ว่าอีฟก็สวย แต่ในบริบทที่พูด ผมหมายถึงแทนต่างหาก แล้วพอแทนพูดมาแบบนี้ พูดจริงๆว่าผมเดาไม่ออกว่าเธอกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

"เอ่อ เราหมายถึงแทนต่างหาก" ผมพูดกลับไปเสียงเบา

"อิอิ ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย อีฟก็น่ารักดีออก นิสัยดีด้วย ตอนนั้นแทนไม่น่าใจร้อนไปงอนน้องอีฟเลย" เธอบอกผมกลับมา

"อื้อ อีฟอ่ะนิสัยดีมากๆ เราดีใจมากเลยนะที่แทนกับอีฟเข้ากันได้" ผมบอกแทนไป

"ยังไงก็แล้วแต่ งานวันพรุ่งนี้ดูแลน้องอีฟดีๆนะ ดูแลตัวเองด้วย อย่าให้เกิดอันตรายเด็ดขาด" แทนหันมาบอกผมเสียงแข็งด้วยความเป็นห่วง

"แน่นอนอยู่แล้ว" ผมตอบเธอยิ้มๆ

ไม่นาน เราก็มาถึงร้านอาหารร้านเดิมกับที่ผมมากับอีฟเมื่อวาน รอบนี้ พนักงานเสิร์พคนเดิมก็คงแอบงงปนอิจฉาเล็กน้อย ที่ผมพาสาวสวยสองคนมาดินเนอร์สองวันติดกันเลย

ผมยังคงจำวิธีการทานอาหารต่างๆได้ การใช้ช้อน การนั่ง วันนี้แทนไม่ได้สอนอะไรผมมาก จุดประสงค์ของเธอคือการให้ผมทำแบบที่เรียนมาจากอีฟเมื่อวาน แล้วเธอจะช่วยดูเองว่าลืมอะไรตรงไหนมั้ย เป็นเหมือนการซ้อมใหญ่หลังบทเรียนก่อนจะใช้งานจริงในวันพรุ่งนี้

"ก็จำได้หมดนี่นา เก่งนี่" แทนเอ่ยปากถามผมในตอนที่เราจัดการมื้ออาหารเสร็จจนจบคอร์ส

"มาสองวันติด จะจำไม่ได้ได้ไง พรุ่งนี้ก็น่าจะฉลุยแล้ว" ผมบอกเธอไป

"แล้วพรุ่งนี้เธอกับน้องอีฟต้องทำอะไรบ้างเหรอ" แทนถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

"เดี๋ยวพรุ่งนี้สตีฟน่าจะมาบรีฟก่อนไปงานอ่ะ แต่หลักๆแล้วเราต้องโน้มน้าวจิตใจคนในงานนั่นแหละ ไม่ได้อันตรายอะไรมาก ไม่ต้องห่วง" ผมบอกเธอเพื่อไม่ให้เธอคลายกังวล

"สตีฟคือคนที่บอกว่าเป็นฝรั่งที่เป็นเจ้านายน้องอีฟใช่มั้ย" แทนถามพร้อมทำท่านึก

"ใช่ๆ คนนั้นแหละ"

"เออว่าแต่ เห็นแต่เธอเล่า เรายังไม่เคยเห็นจริงๆเลยว่าพลังอะไรนั่นเธอมีจริง ทำให้ดูหน่อยสิ" แทนมองหน้าผมอย่างตื่นเต้น ก็จริงแฮะ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอยังไม่เคยเห็นพลังของผมจริงๆซักครั้งเลยนี่นา เลยไม่น่าแปลกใจที่พอเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังทีไร เธอก็มักจะพูดตลอดว่ามันเป็นเรื่องจริงเหรอเนี่ย

ผมอยากแสดงให้เธอดูนะ เรื่องพลัง แต่ปัญหาคือ ผมไม่รู้ว่าจะโน้มน้าวจิตใจใครดี เพราะกฏเกณฑ์การใช้ความสามารถนี้ก็อย่างที่รู้ๆ คนที่เป็นเป้าหมายต้องอยู่ในสภาพที่จิตใจที่เปิดรับด้วย ไม่งั้นก็ไม่สามารถโน้มน้าวอะไรได้ และเท่าที่รู้ ตอนนี้มีแค่คนเดียวที่เปิดใจให้ผมโน้มน้าวได้ ก็คือแทนที่นั่งจ้องหน้าผมอยู่ตอนนี้นั่นเอง

"มันไม่ได้ใช้ความสามารถนี้ได้แบบอิสระนะ มันต้องใช้กับคนที่เปิดใจด้วย" ผมบอกเธอไป

"ยังไงอ่ะ" แทนเอียงคอถามด้วยความสงสัย

แล้วผมก็ยกตัวอย่างเหมือนที่อีฟเคยเล่าให้ฟัง เรื่องเซลล์ขายของที่พยายามโน้มน้าวขายสินค้าที่เราอยากจะได้อยู่แล้ว ทุกอย่างจะง่ายขึ้น แต่ถ้าไปโน้นน้าวขายหวีให้คนหัวล้าน ยังไงก็คงจะขายยากกว่าอยู่แล้ว

"อย่างนี้นี่เอง" แทนพยักหน้าหงึกๆอย่างเข้าใจ

"งั้น.. ลองใช้พลังกับแทนสิ แทนเปิดใจอยู่" เธอโน้มตัวมาจ้องตาผม เล่นเอาซะผมเคลิ้มเลย ดวงตากลมโตบนใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มสดใสนั้น ไม่ว่าผมจะมองกี่ที ใจผมก็เป็นอันต้องสั่นทุกทีไป

"เอ่อ.. เราไม่อยากใช้พลังกับแทนแล้ว.." ผมบอกเธอไป เพราะครั้งล่าสุดที่ผมใช้พลังกับเธอ คือตอนที่ขอคบอิงกับแทนพร้อมกัน ซึ่งผลเป็นยังไงก็คงจะจำกันได้

"ไม่อยากใช้กับแทนแล้ว..? หมายความว่าก่อนหน้านี้เคยใช้กับแทนเหรอ?" แทนทำหน้าสงสัยมองผม

ชิบหายละ ผมเผลอหลุดปากพูดไป ตอนนั้นแทนไม่รู้ว่าผมใช้พลังกับเธอ เพราะบังเอิญว่าผมลบความทรงจำช่วงนั้นของเธอได้

"เอ้อ ก็.. อ๋อ ก็ตอนที่เราไปคอนโดแทนครั้งแรกไง" แล้วผมก็นึกขึ้นได้ว่า ผมเคยสารภาพบอกเธอไปด้วยความจริงใจไปแล้ว ว่าตอนที่ไปคอนโดเธอครั้งแรกนั้น เป็นเพราะผมโน้มน้าวจิตใจเธอ

"อ๋อ.. ตอนนั้นไม่รู้ตัว เอาตอนนี้ดิ เราอยากเห็น" แทนยังคงตาโตมองหน้าผมด้วยความตื่นเต้น ราวกับเด็กที่ได้ของเล่นใหม่

แล้วในชั่วแวบหนึ่งของความคิดนั้น ผมก็เผลอคิดไปว่า ถ้าเป็นตอนนี้ ตอนที่แทนเปิดใจเต็มที่ ผมอาจจะขอเรื่องอิงก็ได้นะ


ถ้าเป็นในการ์ตูน ในหัวของผมตอนนี้ คงมีมารตัวน้อยๆกับเทวดาตัวน้อยๆที่กำลังถกเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนหน้านั้น ผมตัดสินใจแล้ว ว่าจะไม่ใช้พลังกับแทน ผมอยากมีเธออยู่ข้างกายผมด้วยความจริงใจที่สุด แต่ ณ​ ขณะนี้ นี่เป็นโอกาสดีที่สุด ที่ผมอาจจะใช้พลังอีกซักครั้ง เพื่อทำให้แทนยอมรับในตัวอิงได้

ดวงตากลมโตคู่นั้นยังคงจ้องหน้าผมอยู่ ไม่ว่าผมจะจ้องหน้าเธอกี่ครั้ง ผมก็ไม่เคยเบื่อเลย แล้วผมก็ตัดสินใจได้ ผมไม่ทรยศความรู้สึกของแทนอีกแล้ว ผมอยากมีเธออยู่ข้างๆ แม้ว่าผมอยากให้แทนยอมรับอิงด้วย แต่ก็ต้องเป็นไปด้วยความเต็มใจของเธอเองจริงๆ

"เรา เอ่อ.. เราไม่รู้จะโน้มน้าวอะไรเธออ่ะ" ผมบอกเธอ

"น่านะ แทนอยากเห็นจริงๆ นะคะตัวเองงง เค้าอยากเห็นอ่าา" แทนเริ่มทำเสียงออดอ้อนและเปลี่ยนสรรพนามเรียกผมกับตัวเธอเอง บอกเลยว่าใครได้ยินแบบนี้แล้วยังใจแข็งอยู่ ก็คงไม่ใช่คนแล้ว

"อ่ะๆๆ งั้นเอาอะไรดี รู้แล้ว อยากเห็นพลังนักใช่มั้ย.." แล้วความคิดดีๆของผมก็ผุดขึ้นมา ผมหรี่ตามองหน้าเธอพลางยิ้มมุมปาก

"อยากเห็นสิ จะทำอะไรบอกด้วย แทนจะได้รู้" เธอบอกผมด้วยความตื่นเต้น

"เราจะทำให้เธอ.. อยาก และพอเราขึ้นรถ เธอจะอยากจนทนไม่ไหว จนเธอมาขย่มเราในรถนั่นแหละ" ผมพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน พร้อมกับคิดในใจว่า 'แทนมีอารมณ์มาก แทนขึ้นรถแล้วจะมีเซ็กส์กับเรา' ซ้ำไปซ้ำมา

"ไอ้บ้าา เล่นงี้เลยเหรอ ไม่ได้ผลหรอก แทนไม่ใช่คนแบบนั้นนะยะ ไม่เอา Outdoor" แทนตอบกลับผมหน้าแดง ก็จริงอย่างที่เธอบอก ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมีเซ็กส์กับเธอแบบ Outdoor เลยด้วยซ้ำ อย่างมากก็แค่ระเบียงคอนโดชั้น 20 กว่ากับนัวใต้ผ้าห่มในโรงหนังเท่านั้นเอง ที่จริง.. ถ้าในรถ มันก็ไม่ใช่ Outdoor จริงๆซะด้วยซ้ำ แต่ก็ถือว่าเป็นที่ๆเสี่ยงมากที่จะมีใครพบเห็น

"ก็ใช่ไง เพราะแทนไม่ใช่คนแบบนั้น ก็คอยดูละกันว่า ถ้าแทนทำแบบน้ัน ก็เป็นข้อพิสูจน์ไงว่าพลังของเรามีจริง" ผมบอกเธอยิ้มๆอย่างผู้มีชัย ผมรู้ว่าพลังที่ผมใช้มันออกผลแล้ว เพราะสีหน้าของแทนตอนนี้กำลังหรี่ตาจ้องมองผมกลับมาพร้อมเม้มปากเบาๆอย่างเซ็กซี่

"คนบ้า หาวิธีอื่นพิสูจน์ไม่ได้แล้วรึไง" แทนเอามือสางผมจ้องตาผมกลับ ตอนนี้เธอเริ่มหน้าแดงแล้ว ผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แรงขึ้นของเธอ จังหวะการเต้นของหัวใจที่ถี่ขึ้นบ่งบอกให้รู้ว่า ผมควรจะรีบเช็คอินให้เร็วที่สุด

"เริ่มเชื่อแล้วละสิ เอาไงดีน้าา เช็คอินเลยดีมั้ย.." ผมเอื้อมไปจับมือเธอพร้อมเขี่ยเบาๆที่หลังมือ

"ยังจะถามอีกเหรอคะ" แทนถามกลับมาด้วยโทนเสียงสุดเซ็กซี่

"ไม่เอาดีกว่า เราอยากนั่งย่อยก่อนอ่ะ" ผมแกล้งยั่วเธอ มือที่กุมมือเธอไว้ก็ยังคงเขี่ยมือเธออย่างแผ่วเบา

"เช็คบิลเถอะนะคะ แทนอยากกลับแล้ว" แทนจับมือผมแน่นแล้วบอก

"ทำไมถึงอยากรีบกลับเหรอ.." ผมยังคงสนุกกับการแกล้งถ่วงเวลาเธอ

"ไม่รู้ อย่าแกล้งแทนสิ" แทนหน้ามุ่ยพลางทำหน้าขอร้อง

ใครเลยจะเชื่อว่า เน็ตไอดอลอนาคตดาราดาวรุ่งคนนี้ ที่มีผู้ติดตามในอินสตาแกรมเป็นแสนๆคน จะแสดงอาการ 'อยาก' กับผมได้ขนาดนี้ นี่ถ้าบรรดาแฟนคลับเธอรู้เข้าจะรู้สึกยังไงนะ

"บอกมาสิ ว่าทำไมอยากรีบกลับ ถ้าไม่บอกเราก็จะนั่งย่อยต่อไปเรื่อยๆก่อน" ผมยิ้มมุมปากบอกเธอ

"อยากรีบกลับเพราะ.. เราอยากโดนเธอเย็ดอ่ะ" แทนยื่นหน้ามาหาผมพลางพูดเสียงเบา เป็นอันผลของการทดลองนี้สำเร็จ ผมใช้พลังทำให้แทนรู้สึก 'อยาก' ได้ แหม ถ้าคิดในทางอกุศลหน่อย ผมสามารถใช้พลังนี้ทำให้สาวๆคนไหนอยากก็ได้นะเนี่ย แต่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเธอจะเปิดรับการโน้มน้าวจากพลังของผมด้วยมั้ย

ผมไม่ปล่อยเวลาให้เสียอีกต่อไป ผมเรียกเช็คบิล จ่ายค่าอาหาร และเดินจูงมือแทนออกจากร้านไปที่ลานจอดรถ ในสายตาคนอื่นนั้น ก็คงจะเห็นคู่รักเดินจับมือกันออกจากร้านไปอย่างมีความสุข แต่ใครเลยจะรู้ว่า อีกไม่กี่นาที คู่รักคู่นี้จะบรรเลงเพลงรักบนรถที่จอดใกล้ๆร้านนั่นแหละ


#####################


เช้าวันต่อมา วันนี้ตอนค่ำ ผมกับอีฟและสตีฟ จะต้องแฝงตัวเข้าไปในงานเลี้ยงของสถานฑูตแห่งหนึ่ง นั่นคือข้อมูลทั้งหมดที่ผมรู้ จนกระทั่งสตีฟที่มาหาผมกับอีฟในตอนเช้า ทั้งคู่มาที่ห้องผม เพราะเดียร์นั้นยังคงอยู่กับอีฟ คงไม่สะดวกในการคุยงานซักเท่าไหร่ สตีฟเริ่มต้นบรีฟรายละเอียดงานนี้ให้ผมกับอีฟฟังอย่างจริงจังแทบจะในทันที

ภารกิจนี้ ผมต้องโน้มน้าวให้ท่านฑูตสหรัฐฯส่งต่อนโยบายต่างประเทศ เพื่อให้ยอมสนับสนุนประเทศไทยไม่ว่าจะเกิดข้อพิพาทกับประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะสิงคโปร์ อีฟและผมจะปลอมตัวเป็นไฮโซและเป็นแขกของสถานฑูต และเราทั้งคู่ต้องเข้าถึงตัวท่านฑูตเพื่อพูดและโน้มน้าวจิตใจให้ได้

ความยากของงานนี้คือ สถานที่จัดเลี้ยงคือบ้านพักท่านฑูต จะมีแขกผู้ทรงเกียรติมาร่วมงานราว 20 คน โดยผมกับอีฟจะเป็น 2 ใน 20 คนนั้น และทุกคนนั้นจะรู้จักกันหมด ทำให้การเข้าไปแฝงตัวของผมกับอีฟนั้น จะดูน่าสงสัยทันที เพราะในความเป็นจริงแล้วไม่มีใครรู้จักพวกเรา

และนั่นเป็นพาร์ทแรกของหน้าที่ผม ที่จะต้องโน้มน้าวจิตใจทุกคนที่คุยด้วยในงาน ให้เข้าใจไปว่ารู้จักผมกับอีฟดี เพื่อความไหลลื่น
อีฟนั้นจะคอยดูเป้าหมายพร้อมรออ่านความรู้สึกของคู่สนทนาด้วย เพราะเราไม่มีเวลาพอจะไปโน้มน้าวจิตใจทั้ง 20 คน แต่อย่างน้อย ถ้าเราโน้มน้าวจิตใจได้ 2 ใน 3 ของคนในงาน ก็อาจจะพอเนียนได้

หลังจากนั้นจะเข้าสู่พาร์ทที่สองของผม ผมต้องคุยกับท่านฑูตให้ได้ และพยายามให้ท่านฑูตมีแนวคิดในแบบที่เราต้องการให้ได้

ปัญหาสุดท้ายของภารกิจนี้คือ จะไม่มีตัวชี้วัดใดๆบ่งบอกว่า เราโน้มน้าวท่านฑูตได้สำเร็จ เพราะยังไงเสีย ท่านฑูตสหรัฐฯก็ต้องส่งความเห็นด้านการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกลับไปที่ทำเนียบขาว และคงต้องใช้เวลากว่าระดับนโยบายจะออกมา ดังนั้น การทำงานครั้งนี้ของเรา จะแทบไม่รู้ในทันทีเลยว่า สำเร็จหรือเปล่า

ถึงตรงนี้ ผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่า ภารกิจนี้กับภารกิจที่แล้วมันเกี่ยวข้องกันยังไง แต่ผมสังเกตุเห็นอีฟที่พยักหน้าหงึกและผมสัมผัสได้ว่า ตอนนี้อีฟเริ่มจะเข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว..


สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกคน สำหรับที่หลายท่านคอมเม้นท์เรื่องลืมอิงไปเลย จริงๆคนอ่านจะรู้สึกนาน แต่ไทม์ไลน์ในเรื่องคือผ่านมาไม่กี่วันเองนะครับ ฮ่าๆ แต่เข้าใจแหละ แต่ละตอนจะเดินเรื่องละเอียดนิดนึง พอผ่านหลายตอน มันเลยจะลืมๆฟีลลิ่งของตัวละครนั้นๆกันบ้าง เดี๋ยวยังไงผมจะพยายามหาจังหวะใส่ให้ไม่คิดถึงกันเกินไปนะครับ

มีเรื่องจะแจ้งนิดนึงครับ ผมจะลงนิยายเรื่องนี้ใน Fictionlog ด้วย เพื่อสำหรับคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก Xonly8.com ถ้าใครไม่ได้เป็นสมาชิก สามารถไปตามอ่านได้ที่นั่นเลยครับ แต่สำหรับตอนที่มีฉากเซ็กส์ ผมขออนุญาตติดเหรียญนะครับ

จริงๆที่เขียนเรื่องนี้ไม่ได้หวังรายได้อะไรเลยครับ นิยายก็เขียนเรื่องนี้เรื่องแรก เขียนเพราะหลงรักตัวละครบางตัวเท่านั้น และอยากถ่ายทอดพวกเธอออกมาในมุมของผมให้คนอื่นอ่านดูบ้าง เขียนไปเขียนมาก็ชักสนุก แต่ด้วยความที่ตอนๆนึง ผมใช้เวลาเขียนราว 3-6 ชั่วโมง ค่อนข้างกินเวลา ก็เลยเผื่อจะได้อะไรตอบแทนเล็กๆน้อยๆเท่านั้นครับ

สำหรับสมาชิก Xonly8 ก็ยังตามอ่านที่นี่ได้เหมือนเดิมครับ ไม่หายไปไหน

ใน Fictionlog จะลงทุกวัน ตอนนี้ Ep ยังไล่หลังในนี้อยู่ แต่ถ้าเมื่อไหร่เท่ากันแล้ว ผมจะหยุดลงที่นี่ซัก 2 วัน แล้วลงแต่ใน Fictionlog ให้นำหน้าซัก 2 EP นะครับ สำหรับท่านที่อยากอ่าน อดใจนิดนึง แต่ไม่ทิ้งที่นี่แน่นอน ยังลงเรื่อยๆครับ (แค่อาจจะมีตอนตามหลัง Fictionlog ซัก 2-3 ตอน)


สำหร้บ EP นี้ก็เริ่มจะเข้มข้นขึ้นมานิดๆแล้ว ลองคอมเม้นท์ทายกันเล่นๆครับว่า ที่ว่าอีฟเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว อีฟเข้าใจอะไร ลองอธิบายไอเดียของแต่ละคนมาได้เลยครับ

เหมือนเดิม คอมเม้นท์เพื่ออ่านตอนจบของ EP นี้ เป็นฉากเซ็กส์ในรถครับ




###############
 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

wolfsburg7

สตีฟกับแผนการสร้างอะไรสักอย่าง

D4rthvader

เล่นใช้พลังกับแทนแบบนี้ แทนน่าจะเข้าใจพลังแน่ๆ .

brutri

ติดตามอยู่ครับ เรื่องตื่นเต้นเร้าใจดี

taka95

ภารกิจนี้วัดความสำเร็จยากมากเลยนะ เว้นแต่จะมีคนที่มีพลังสำรวจความนึกคิดคนอื่นได้อยู่ด้วย สำหรับทดสอบอย่างเดียวเลย

Yim Orn

เอากันในz4นี่มันอาจจะทุลักทุเลไปนิดนึงนะ โดยเฉพาะในชุดเต็มยศ แต่ก็นะ พอเงี่ยนแล้ว อะไรก็ไม่ยาก 555

Pra-in


notkey

ล่อได้ทุกที่เลยนะครับ คุณต่อ

onzoul

ภารกิิิจยิ่งใหญ่ แถมต้องโน้มน้าวใจหลายคน เหนื่อยแน่เลย

tatsuya96

ถ้าเป็นไปตามที่สตีฟต้องการ ที่ดินที่ได้มาก็จะมีมูลค่ามหาศาลเลยซิ เรื่องภารกิจไม่ค่อยแน่ใจ แต่เรื่องแทน เหมือนนางจะจับความรู้สึกของต่อกับอีฟได้ละมั้ง เรื่องแบบนี้ผู้หญิงเขาไวอยู่แล้ว อยากรู้เรื่องราวต่อไปแล้วครับ

notbaby007

แทนคงรู้แหละว่าต่อรู้สึกอย่างไรกับอีฟ

Taizen


Manoptana

แทนได้ทดสอบพลังจนเข้าใจลึกซึ้งแน่คราวนี้ แต่จะหึงขึ้นมาหรือเปล่า

[email protected]

อีฟต้องผโดนสักทีแล้วจัดไปอย่าให้เสียของละ

jaja

ดินเนสุดหรูแบบนี้ อีฟจะใจอ่อนบ้างไหม