ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 22

เริ่มโดย เจตภูติ, มีนาคม 31, 2021, 03:39:02 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 22

ดวงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆ สาดแสงส่งผลให้อากาศร้อนอบอ้าว หมู่นกกาพากันตีปีกบินหนีขึ้นไปบนท้องฟ้ากระจัดกระจายออกไปแบบคนละทิศคนละทางทุกครั้งที่มีเสียงปืนดังขึ้น เหล่าผู้ประสงค์ร้ายที่บุกเข้าไปในป่ามุ่งหมายจะทำร้ายอาจารย์อาคมผู้สร้างปัญหากวนใจให้กับผู้เป็นนายของพวกมัน

เจษฎาวิ่งลุยเข้ามาในป่าโดยเลือกเส้นทางที่รกมีกิ่งไม้และหนามแหลมหนาแน่นโดยไม่สนใจว่าสิ่งกีดขวางเหล่าจะเป็นอันตรายต่อเขาหรือไม่ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้ยากต่อการติดตามและอาศัยสิ่งเหล่านั้นไว้คอยบังทัศนวิศัยเพื่อเอาตัวรอดจากคมกระสุน ทำให้กลุ่มคนร้ายเองก็ไล่ล่าได้อย่างยากลำบาก ต้องหยุดเดินเป็นพักๆ เพื่อยิงเข้าใส่เป้าหมาย แต่ก็ยังไม่อาจจะยิงให้ถูกเป้าหมาย ทำได้แค่เพียงชะลอความเร็วในการเคลื่อนที่ให้ลดลงไปบ้างเล็กน้อย

หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบปีเรี่ยวแรงไม่ดีมีมากเหมือนกับวัยฉกรรจ์อีกทั้งขาดการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากข้อจำกัดในการใช้ชีวิตในช่วงสิบปีที่ผ่านมา เขาหนีการตามล่าเข้ามาในป่าได้ไม่นานก็เริ่มรู้สึกเหนื่อย จึงอาศัยต้นเสะดาใหญ่ขนาดสองคนโอบที่อยู่ตรงหน้าห่างออกไปไม่ไกล ใช้ความหนาของลำต้นเป็นที่กำบังก่อนจะร้องบอกกลุ่มคนร้ายที่ตามมาด้วยเสียงอันดัง

"ถ้าพวกมึงอยากเป็นแบบไอ้สองคนที่บุกเข้ามาบ้านกู ก็เข้ามา!"

พงษ์ศักดิ์ไม่สนใจเดินเข้าหาอย่างไม่กลัวเกรง แต่เหล่าลูกน้องที่ติดตามมากลับยืนนิ่งหน้าเสียไปตามๆ กัน จนเขาต้องหยุดเดินแล้วหันกลับไปตวาด "พวกมึงหยุดเดินทำเหี้ยอะไรกัน"

"......." ทั้งสี่คนไม่พูดอะไรและไม่กล้าจะเดินต่อ

"มันแค่ขู่พวกมึงจะกลัวอะไร" พงษ์ศักดิ์ตวาดซ้ำเสียงเข้ม

"แต่มันรู้ว่าพวกเราเป็นใครนะพี่ ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ"

พงษ์ศักดิ์ไม่เห็นด้วยกับลูกน้อง แต่จะให้พูดออกไปว่าคนที่มันกำลังตามล่าเคยเจอเขาตอนที่บุกเข้าไปหายายหญิงก็พูดไม่ได้ เขาจึงต้องหาทางทำอะไรสักอย่างให้ลูกน้องหายกลัว

"ไอ้หมอผีกระจอก ถ้ามึงมีของจริงจะวิ่งหนีพวกกูทำไม อย่าขู่กันซะให้ยากเลย" พงษ์ศักดิ์ตะโกนออกไปเรียกขวัญกำลังใจให้พวกลูกน้องได้พอสมควร ดูได้จากที่พวกมันหันไปมองหน้าและพยักหน้าให้กันอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของผู้นำกลุ่ม

"กูแค่ไม่อยากทำบาป พวกมึงอย่าบีบกูให้มากไป กูเตือนแล้วนะ" เจษฎาตะโกนสวน ก่อนจะพยายามควบคุมลมหายใจและจังหวะการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติโดยเร็วที่สุดเท่าที่จขะทำได้ พร้อมกับหาวิธีเอาตัวรอดออกไปจากจุดนี้โดยเร็วที่สุด

..................................................

ในช่วงเวลาเดียวกันหลังจากเสียงปืนเงียบไป สุธิภาที่กำลังหวาดกลัวกับเหตุการณืที่เกิดขึ้นจนตัวสั่น เธอแทรกกายเข้าไปหลบอยู่ในพุ่มไม้ใหญ่ภายในป่า เแล้วนั่งกอดเข่ามือกุมโทรศัพท์มือถือแน่น เธอได้ยินเสียฝีเท้าเดินย่ำแหวกความรกของแมกไม้และพงหญ้าอยู่ออกไปไม่ห่าง หญิงสาวแหวกใบไม้ออกเป็นช่องเล็กๆ พอให้มองเห็น ลอบมองภาพชายร่างสูงผอมแต่งกายทะมัดทะแมงดูคร่องแคร่วใบหน้าถูกปกปิดไว้ด้วยหมวกไอ้โม่งแบบนินจา ชายคนนั้นกำลังมองกวาดสายตาไปรอบๆ มองหาที่ซ่อนของหญิงสาว เขาหันสายหันขวาอยู่ครู่หนึ่งจนเหมือนว่าจะมั่นใจว่าไม่มีใครแล้วจึงได้เดินไปทางอื่นเพื่อสำรวจหาต่อไป

หญิงสาวผ่อนลมหายออกจากปอดแผ่วเบาพยายามไม่ทำให้เกิดเสียง เป่าปากโล่งอกที่มันมองไม่เห็นเธอ แทบจะเป็นวินาทีเดียวกันกับที่เธอกำลังผ่อนคลายความระวังตัว เสียงปืนก็ดังขึ้นมาหนึ่งนัดจากทางป่าอีกฝั่งของถนน เธอสะดุ้งกายด้วยความตกใจจนพุ่มไม้สั่นไหว ปล่อยเสียงร้องกรี๊ดออกมาอย่างลืมตัวแม้จะยกมือขึ้นมาปิดปากไว้เพื่อเก็บเสียงแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ชายฉกรรจ์ที่เพิ่งเดินห่างออกไปหันหลังกลับมาตามเสียงทันที

..................................................

"เฟี้ยว..." เสียงกระสุนวิ่งเฉี่ยวต้นสะเดาใหญ่ที่เจษฎากำลังใช้เป็นที่ซ่อนเหนือศรีษะของเขาไปนิดเดียว หลังจากเขาโผล่ศรีษะออกไปเหลือบมองกลุ่มคนร้าย เขาตกใจเล็กน้อยรีบขยับร่างให้ต้นไม้ได้บังร่างของเขามากขึ้นกว่าเดิม
พงษ์ศักดิ์ลดปลายกระบอกปืนพกสั้นลงเล็กน้อยหลังจากที่เพิ่งยิงออกไป สายตาจ้องเขม็งไปที่ต้นสะเดาคอยดูไม่ให้เป้าหมายคลาดสายตา แล้วตะโกนเสียงดังข่มขู่และดึงความสนใจ "ออกมาเถอะ มึงจะหลบได้อีกนานแค่ไหนเชียว"

"พวกมึงอ้อมไป" พงษ์ศักดิ์สั่งเสียงเบาก่อนจะทำสัญญาณมือให้ลูกน้องแยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละสองคน ออกไปทางซ้ายขวาทำการตีวงโอบล้อมต้นไม้ใหญ่เข้าไปหาเจษฎา พวกลูกน้องพยักหน้ารับคำสั่งแล้วเดินอ้อมออกไปจนร่างหายลับเข้าไปในพงไม้หนา

"อยากจะฆ่ากูก็ลงทุนหน่อยสิวะ ไอ้พวกกระจอก" เจษฎายังไม่หายเหนื่อยดี ก็ตะโกนตอบกลับพร้อมทั้งยั่วโมโหทั้งที่อยู่ในสถานการณ์ขับขัน ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวออกมาเห็น อีกทั้งตอนนี้ยังมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า เมื่อเข้าเห็นแสงสว่างแห่งทางรอดเกิดขึ้นตรงหน้า

"เออ เดี๋ยวกูจัดให้" พงษ์ศักดิ์ไม่หลงกลแผนยั่วยุ แต่ก็ต่อปากต่อคำเป็นการถ่วงเวลาให้เหล่าลูกน้องได้เคลื่อนที่เข้าในตำแหน่งที่ได้เปรียบตามแผนที่เขาวางไว้

..................................................

สุธิภาใช้สองมือปิดปากตัวเองแน่นพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดจนเกือบจะลืมหายใจ เมื่อชายสวมไอ้โม่งค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้พุ่มไม้ที่เธอใช้ซ่อนตัว เธอทำอะไรไม่ได้มากนอกจากภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อ้อนวอนของให้ช่วยเธอให้พ้นจากเรื่องเลวร้ายด้วยความปลอดภัย ซึ่งบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายๆ อย่างที่เธอกำลังนึกถึงหนึ่งในนั้นก็มีภาพใบหน้าของเจษฎารวมอยู่ด้วย

ชายสวมไอ้โม่งเดินมาหยุดยืนอยู่แทบจะข้างๆ พุ่มไม้ที่หญิงสาวใช้ซ่อนตัวอยู่ห่างออกไปไม่ถึงหนึ่งฟุต มีเพียงใบไม้และกิ่งไม้ที่ขวางระหว่างเขากับเธอ ชายคนนั้นมองส่ายสายตาสำรวจไปรอบๆ ก่อนจะก้มต่ำลงมองที่พุ่มไม้ เขามองนิ่งเหมือนจะให้มองเห็นทะลุลงผ่านใบไม้

"ไม่ต้องเป็นห่วงครับ คุณหนูจะไม่เป็นอะไร ผมรับรองได้" เสียงของเจษฎาดังก้องอยู่ในหัวของเธอ ถ้าโชคร้ายนั้นอาจจะเป็นเสียงสุดท้ายในชีวิตของเธอที่เธอจะได้ยิน ทว่าน้ำเสียงนี้กลับทำให้เธอลูกสึกสงบ ร่างที่กำลังสั่นเหมือนลูกนกตกน้อก็ค่อยๆ สั่นช้าลงเช่นเดียวกับลมหายใจ

ชายสวมไอ้โม่งใช้มือแหวกพุ่มไม้ออกเพื่อให้เห็นด้านในได้อย่างถนัดตา มันมองดูอยู่ครู่หนึ่งก็ดึงมือกลับและเดินกลับไปโดยไม่ได้แสดงท่าทีสงสัยอะไร

สุธิภาปล่อยมือที่ปิดปากอยู่ออก ถอนใจเฮือกใจ เธอประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมากเธอมั่นใจมากว่าตอนที่คน้รายเปิดพุ่มไม้ออกดูน่าจะมองเห็นเธอแน่ๆ แต่ชายคนนั้นกลับไม่ได้ทำอะไรแล้วเดินจากไป ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่สำคัญแล้ว ตอนนี้เวลานี้เธอรอดแล้วสบายใจไปได้เปราะหนึ่ง

..................................................

"ปัง..." มัจจุราชสีดำคำรามลั่นส่งลูกกระสุนพุ่งหายเข้าไปในพงหญ้า เสียงนี้ดังมาจากกลุ่มคนร้ายที่แยกตัวอกมาทางฝั่งซ้ายของพงษ์ศักดิ์หลังจากที่เดินออกมาได้สักพัก

"มึงยิงเหี้ยอะไรวะ" ชายฉกรรจ์คนที่ไม่ได้ยิงปืนร้องถามน้ำเสียงหงุดหงิด

"ก็เห็นหญ้ามันขยับ กูว่ามันหนีไปทางนั้น" หนึ่งในคนร้ายชี้ไปในทิศทางที่เฉียงออกจากต้นไม้ใหญ่ที่เป็นเป้าหมายในทีแรกไปห่างพอสมควร

"ปัง..." ชายสองคนหันไปตามเสียงที่ดังขึ้นมาจากอีกฟาก เป็นทิศทางที่พวกมันอีกสองคนแยกออกไป

"อ้าว...แล้วไอ้พวกนั้นมันยิงเหี้ยอะไรละ" ชายคนที่ไม่ได้ยิงปืนถาม

"แล้วกูจะรู้ไหม" ชายอีกคนตอบกลับพร้อมกับมีสีหน้าสงสัยไม่ต่างกัน

..................................................

ชายหนุ่มหัวหน้ากลุ่มชายฉกรจ์ยืนงุนงงกับเสียงปืนที่ดังขึ้นแล้วเงียบหายไปจากคนทั้งสองกลุ่ม ในขณะที่เขาจ่อปืนและจับตามองเป้าหมายอยู่ตลอด เขาก็ยังไม่เห็นว่าเจษฎาจะเคลื่อนที่หลบหนีออกไปจากจุดนั้นแต่อย่างใด เขามั่นใจอย่างมากว่าเป้าหมายน่าจะยังอยู่ที่เดิม เขาจึงตัดสินใจเคลื่อนที่แหวกกิ่งไม้และต้นหญ้าตรงเข้าไปที่ต้นไม้ช้าๆ ด้วยความระมัดระวัง สองมือกุมปืนเป็นมันมั่นเหมาะชี้เล็งไปในทิศทางเดียวกับสายตา เมื่อใกล้พอที่เข้าไปจู่โจมเขาก็กระโจนร่างไปด้านหลังต้นไม้ด้วยความรวดเร็วเพื่อไม่ให้เป้าหมายได้ทันตั้งตัว

พงษ์ศักดิ์ชะงักร่างความตั้งใจที่ลั่นใกล้หดหายไป เมื่อหลังต้นไม้ไม่มีแม้แต่เงาของคนที่เขากำลังไล่ล่า เขาลดปืนต่ำลงทำการมองหาไปทั่วบริเวณ แต่กลับพบร่องรอยการหลบหนีที่แยกออกไปเป็นสามทิศทางอย่างหน้าฉงน เขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่หลังต้นไม่ใหญ่นี่กันแน่ มันเหมือนกับว่าอาจารย์อาคมที่เขากำลังตามล่าอยู่สามารถแยกร่างออกเป็นสามร่างแล้วแยกย้ายกันหนี

พงษ์ศักดิ์นั่งชันเข่าลงพิจารณาร่องรอยการหนีอย่างใจเย็น สองเส้นทางที่ทิ้งไว้ในมุ่งไปในทิศทางที่คนของเขาแยกตัวไป สำหรับเป้าหมายที่ไร้เขี้ยวเล็บคงจะทำอะไรคนที่มีอาวุธปืนถึงสองคนพร้อมๆ กันไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจตามลอยอีกเส้นทางที่เหลืออยู่ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ออกติดตามไปตามที่ตั้งใจไว้ ก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมาอีกครั้งจากทางซ้ายมือ เขาจึงเลือกที่จะไปทางนั้นก่อนเพราะลูกน้องของเขาอาจจะเจอตัวเป้าหมายแล้วก็เป็นได้

..................................................

เสียงปืนที่ดังมาจากอีกด้านของถนนสองนัดโดยระยะเวลาห่างกันเล็กน้อย แม้จะทำให้สุธภาขวัญเสียอยู่บ้างแต่ก็ไม่เท่าตอนที่เธอตกใจจนเกือบที่จะทำให้โดนพบตัว เมื่อเห็นว่าปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้วเธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาติดต่อหาพ่อของเธอตามที่เจษฎาสั่งไว้

"ป๊า รับเร็วๆ ซี่" สุธิภาพึมพำเสียงเบาด้วยความกระวนกระวายใจ

...ตื๊ด...ตึ๊ด...ดื๊ด...ดื๊ด...
เสียงรอสายที่ดังขึ้นแต่ละครั้งบีบหัวใจของเธอจนเหมือนว่าหัวใจมันจะแหลกเหลวเสียให้ได้ การรอให้พ่อของเธอกดรับโทรสัพท์เพียงไม่กี่วินาทีกลับให้ความรู้เนินนานเหมือนต้องรอเป็นขั่วโมง

"ลื้อมีอะไร อยากได้อะไรอีก" เสี่ยพิพัทธ์รับสายลูกสาวตัวดีด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ปกติลูกสาวนิสัยซุกซนชอบแต่เล่นสนุกแบบสุธิภาไม่ค่อยมีเรื่องอะไรที่จะโทรหาเขามากนักนอกเสียจากเรื่องเงิน หรือไม่ก็ให้ไปเคลียร์เรื่องวุ่นวายเล็กๆ น้อยที่มักก่อเรื่องขึ้นเป็นประจำ

"ป๊าช่วยหนูด้วย" สุธิภากระซิบเสียงสั่นเครือ สื่อถึงความกลัวความตื่นตะหนกที่อยู่ภายในได้เป็นอย่างดี

"ลื้อเป็นอะไร ทำไมเสียงเป็นอย่างงั้น" เสี่ยพิพัทธ์รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ เขาถามและรอฟังคำตอบจากลูกสาวอย่างจริงจัง

"หนูถูกยิง ป๊า รีบมาช่วยหนูเร็ว" หญิงสาวบอกเล่าเหตุการณ์และเน้นย้ำอีกครั้งให้เห็นถึงความร้ายแรงของเรื่องที่เกิดขึ้น

"บ้าน่า ใครจะมายิงลื้อ"

"ไม่ต้องถามมากแล้วป๊า มาหาหนูก่อน" สุธิภาอยากจะโวยวายให้พ่อของเธอได้รู้ว่าตอนนี้กลัวแค่ไหนแต่ก็ทำได้แค่พูดเบาๆ เพราะกลัวว่าคนร้ายอาจจะย้อนกลับมา

"ได้ๆ จะรีบไปเดี๋ยวนี้ ลื้ออยู่ที่ไหน" เสี่ยพิพัทธ์ไม่ต่อความยาวสาวความยืดเพราะน้ำเสียงของลูกสาวนั้นทำให้เขารู้สึกได้ว่าเธอกำลังหวาดกลัวมากจริงๆ จึงรีบกลับเข้าประเด็นทันที

"ทางขึ้นเขื่อน เส้นรอง"

"รออยู่นั้นนะอย่าไปไหน" เสี่ยพิพัทธ์กำชับด้วยความเป็นห่วง

ทันทีที่วางสายเสี่ยพิพัทธ์กำหมัดแน่นใบหน้าแดงกร่ำ ตะโกนเสียงดังลั่นบ้านปลดปล่อยความเครียดและความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะตามตัวพ่อบ้านลูกน้องคนสนิทให้รีบจัดเตรียมคนอาวุธและยานพาหนะ แล้วรีบรุดไปยังสถานที่เกิดเหตุตามที่ลูกสาวบอกไว้

.................................................

เมื่อพงษ์ศักดิ์เดินทางมาถึงจุดที่เขาได้ยินเสียงปืนก็พบว่าลูกน้องสองคนของเขากำลังถูกชายร่างผอมสูงคนหนึ่งทำร้ายจนลงไปนอนกองอยู่กับพื้น เขาพิจารณาจากรูปร่างและเครื่องแต่งกายคงจะเป็นเจษฎาเป็นแน่ ถึงชายคนนั้นจะหันหลังให้เขาอยู่ก็ตาม เขาไม่คาดคิดว่าเจษฎาจะมีฝีมือขนาดที่ใช้มือเปล่าจัดการคนมีปืนได้ถึงสองคันในเวลาอันสั้น เขายกปืนขึ้นมาเล็งแล้วเหนี่ยวไกยิงเข้าใส่สองนัด แต่เหมือนกับว่าเสียงที่พงษ์ศักดิ์เดินแหวกกิ่งไม้เข้ามาจะกลายเป็นสัญญาณเตือนภัยให้กับชายคนนั้นไหวตัวทัน ทำให้ชายคนนั้นกระโจนหายเข้าไปในพงหญ้าแทบจะเป็นจังหวะเดียวกันกับการลั่นกระสุน จนกระสุนทั้งสองนัดที่ยิงออกไปพลาดเป้าไปโดนต้นไม้ด้านข้างแทน

"พวกมึงเป็นอะไรไหม" พวษ์ศักดิ์รีบเข้าไปดูอาการลูกน้องสองคนที่นอนตัวงอหน้าตาปูดบวมมีแผลแตกจนเลือดอาบ หลังจากที่ตรวจจนแน่ใจว่าปลอดภัยดีแล้ว

"ยะ...ยัง...ไหวพี่" คนตัวใหญ่ใช้มือกุมศรีษะบริเวณที่เป็นแผล แสดงสีหน้าเจ็บปวดแต่ก็พยายามจะฝืนลุกขึ้นยืน

"มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง" พงษ์ศักดิ์สอบถามเหตุการณ์

"มะ..ไม่รู้...เหมือนกัน...พี่...อยู่ดีๆ ...ก็เหมือนมันโผล่...มาจากข้างหลัง ...แล้ว...เล่นงานเราซะเละเลย" อีกคนที่นอนเลือดกลบปากพยายามพูดทั้งที่เจ็บปวดไปทั่วปาก

"...พวกมึงกลับที่รถก่อน ไปดักมันไว้เพื่อมันหลุดออกไปได้"

"...ครับ...พี่..."

หลังจากสั่งการเสร็จพงษ์ศักดิ์ก็แยกตัวออกไปอีกทางเพราะเริ่มรู้สึกเป็นห่วงพวกลูกน้องที่อยู่อีกด้าน ในขณะที่ชายฉกรรจ์ทั้งสองคนช่วยกันพยุงร่างเดินกระโผลกกระเผลกย้อนกลับไปที่รถ

.................................................

หัวหน้ากลุ่มชายฉกรรจ์เดินลัดเลาะผ่านต้นไม้ต้นหญ้าไปจนถึงที่ที่คาดว่าลูกน้องของเขาสองคนน่าจะเดินผ่านมา ซึ่งก็ถูกต้องตามที่คิดเพียงแต่สภาพของลูกน้องที่เขาเห็นก็ไม่ต่างจากสองคนก่อนหน้า และอาจจะหนักกว่าด้วยเพราะมีคนหนึ่งที่นอนนิ่งไม่ได้สติ ขณะที่อีกคนก็นั่งเบลอเลือดอาบหน้า แต่ก็ไม่พบร่างของคนที่ลงมือเล่นงาน

"เกิดอะไรขึ้น" พงษ์ศักดิ์เดินเข้าไปใกล้ก่อนจะถามด้วยเสียงอันเดือดดาลแค้นที่ลูกน้องถูกทำร้าย พร้อมกับมองส่ายสายตาไปรอบๆ ระแวดระวังภัยไม่ให้ถูกโจมตีซ้ำ

"ผมเห็น...อยู่ไกลๆ กำลังวิ่ง...ก็...เลย...ยิงไป แล้วผมก็...เห็นมันล้ม.. พวกเราก็เลยตามไป...แน่ใจ แต่...พอ...ถึง...ไม่เห็นใคร" ลูกน้องคนที่ยังได้สติอยู่ตอบทั้งๆ ที่มีอาการมึนงง พูดจาไม่ประติดประต่อ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง

"อ้าวแล้วใครทำพวกมึง"

"ก็ไม่...แน่ใจ ผมหันไป...ไอ้นี่ก็...กองกับพื้นแล้ว แล้ว...เจ็บที่หัว" ลูกน้องคนเดืมตอบพร้อมชี้ไปที่เพื่อนอีกคนที่กำลังค่อยๆ ได้สติขยับตัวลุกนั่ง พร้อมกับกุมไปที่ขมับ มีแผลลากยาวเป็นทางไปถึงหางคิ้ว "แล้วก็...ไม่เห็นแล้ว ที่เหลือก็...เจ็บ...อย่างเดียว...จนพี่มา...นี่แหละ"

...มันบ้าอะไรกันวะเนี้ย ทำไม่ไอ้เหี้ยนั้นมันโผล่ไปทั่วเลยวะ อย่างกับแม่งแยกร่างได้เลย รึว่าแม่งมีของจริงอย่างที่มัพูดวะ...
พงษ์ศักดิ์ได้แต่คิดไม่กล้าพูดออกมา เขาไม่อยากให้ลูกน้องเสียกำลังใจไปมากกว่านี้ และประเมินแล้วงานที่นายหญิงของมอบหมายก็น่าจะทำให้สำเร็จได้ง่ายๆ เสียแล้ว ดพราะตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนใกล้จะมืดแล้ว ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตัดสินใจอะไรต่อไปเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน

"มึงกำลังทำเหี้ยอะไรอยู่ หยุดเดี๋ยวนี้ แล้วรีบมาหากูเลย" เสียงกำนันประเสริฐตะโกนใส่ดังออกมาลำโพงชนิดได้ยินชัดแม้ไม่ได้เอาหูไปจ่อใกล้ๆ ฟังจากน้ำเสียงของปลายสายบ่งบอกว่ากำลังโกรธอย่างมาก

"...แต่ว่า" พงษ์ศักดิ์ชั่งใจเล็กน้อยเขาคิดว่าน่าจะสามารถทำงานต่อให้สำเร็จได้

"ไม่ต้องมาแต่ กูบอกให้มาเดี๋ยวนี้"

"ครับกำนัน" พงษ์ศักดิ์จำใจรับคำแม้จะรู้สึกเสียดาย เขาลุกขึ้นพร้อมกับดึงร่างลูกน้องทั้งสองคนแล้วรีบเดินลุยป่าออกไปเพื่อสบทบกับอีกสองคนที่ออกมาก่อนหน้า

แต่เมื่อเขาออกมาถึงก็ต้องพบกับรถเก๋งสองขันที่แล่นตามถนนด้วยความเร็วก่อนที่รถสองคันนั้นจะจอดขวางถนน แล้วมีกลุ่มชายฉกรรจ์กรูกันลงมาจากรถพร้อมอาวุธปืน ก่อนจะใช้รถเก๋งสองขันเป็นที่กำบังแล้วเปิดฉากสาดกระสุนเข้าใส่กลุ่มของพวกเขา เขาสั่งการให้พวกลูกน้องรีบยิงตอบโต้ โดยใช้รถกระบะสองคันเป็นที่หลบลูกกระสุน พวกเขายิงปะทะกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหาจังวะขึ้นไปสตาร์ทรถก่อนจะช่วยกันยิงเปิดทางแล้วขับหนีออกมาได้อย่างหวุดหวิดทั้งสองคัน
 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

chatree52


err

รึว่าเจษฎาเขามีของขลังจริง...ได้ใจสาวแล้วอาจารย์...ได้ใจเสี่ยด้วย..

bronzehead

เรื่องนี้ยากจะคาดเดา เจษฎานาจะโชคดีอีกแล้ว

jaja


Monari


dawdom


ผู้เฒ่าเซราะกราว

#7
ใครกันนะที่มาช่วยเจษฎา นี่เป็นครั้งที่สองแล้ว....????
อ้อ...ที่แท้ก็เป็นแผนของเจษฎาเองที่หลอกล่อให้ณัฐฐาสั่งให้ลูกน้องลงมือโดยว่าจ้างคนมาคอยคุ้มครองให้อยู่ก่อนแล้ว แต่ในนุ่นมาโดนด้วยเพื่อให้เสี่ยกวงกับกำนันฟัดกันเร็วๆ แถมแผนนี้ยังได้ใจนุ่นอีกด้วย....หึหึ

tameable


hunterkung


Satira Potikanon

ใครกันนะมาช่วยอาจารย์เรื่องเริ่มซับซ้อนขึ้น

ชายชรา

รอลุ้นว่าอาจารย์เจษจะมีวิธีเอาตัวรอดแบบไหนติดตามครับ

Daniel Dear

สรุป​ว่าเจษมีของหรือใครที่อยู่​เบื้องหลังคอยช่วยอยู่นะ

Tik K.

ใครมาช่าวยเจษ หรือจะเป็นที่เคยช่วยไว้ที่บ้าน

sawatcat

เอาตัวรอดใด้อีกแล้วเก่งจังสมกับเป็นพระเอก​ต้องมีเรื่องให้ลุ้น​อยู่​เรื่อย​