ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 24

เริ่มโดย เจตภูติ, เมษายน 14, 2021, 12:27:48 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 24

ผู้คนมากมายกำลังช่วยกันจัดเตรียมสถานที่ภายในวัดให้พร้อมสำหรับการจัดงานบุญประจำปีที่กำลังจะมีขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ชาวบ้านที่มาวัดส่วนใหญ่ได้ใช้เวลาหลังจากที่พระในวัดฉันอาหารเช้าเสร็จ ทยอยกันลงมาจากหอฉันช่วยงานกันคนละไม้คนละมือตามความถนัดของตน อีกทั้งที่ศาลาการเปรียญก็มีเหล่าผู้นำชุมชนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องทยอยกันเดินทางมาประชุมวางมาตรการรักษาความปลอดภัยภายในงาน เนื่องจากเป็นงานใหญ่ระดับอำเภอที่มักมีวัยรุ่นเข้ามารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ทั้งมาทำบุญ มาเที่ยว และบางส่วนที่มักจะใช้โอกาสที่มีคนมาร่วมงานเยอะๆ ประการศักดาความเป็นลูกผู้ชาย มาตามล่าคู่อริ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่บ้างเล็กบ้างได้เกือบทุกปี

ที่ด้านในสุดของวัดมีอาคารปูนสองชั้นหลังใหญ่ที่ใช้เป็นที่พักของพระสงฆ์ ในส่วนของห้องชั้นหนึ่งของอาคารเป็นที่ตั้งกุฏิเจ้าอาวาส ด้านในมีชายสองคนคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มส่วนอีกคนเป็นหนุ่มใหญ่แต่งกายสุภาพเรียบร้อย คนทั้งคู่ก้มลงกราบพระด้วยกิริยานอบน้อมสำรวม ก่อนที่ชายที่ดูหนุ่มกว่าจะพนมมือขึ้นไว้ที่หน้าอกแล้วกล่าวทักทายขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แผงไว้ด้วยความเคารพ "นมัสการครับหลวงพ่อ"

พระสงฆ์ชราอายุหกสิบกว่าปีนั่งสำรวมอยู่หลังโต๊ะไม้สักเตี้ยๆ ในโถงของห้องที่ใช้เป็นส่วนรับแขก พระรูปนั้นรับไหว้ส่งยิ้มให้คนทั้งคู่อย่างเมตตา แล้วหันไปพูดกับชายหนุ่มด้วยท่าทีสนิทสนมและเอ็นดู "หายหน้าหายตาไปนานเลยนะโยมเปี๊ยก"

"ช่วงนี้มีเรื่องให้ทำเยอะเลยครับหลวงพ่อเลยไม่ค่อยได้แวะมา แต่ยังไงเรื่องงานประจำปีผมก็ต้องหาเวลามาช่วยอยู่แล้ว" ปิยะพงษ์ตอบคำถามด้วยรอยยิ้มร่าเริงปนเขินอาย เนื่องจากปกติเขามักจะมาช่วยงานที่วัดเป็นประจำ แต่หลังจากที่เจษฎาเปิดสำนักก็ทำให้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการช่วยงานของสำนัก จนทำให้ห่างเหินกับพระสงฆ์ที่เขาเคารพไปบ้างจนรู้สึกประหม่า

"ขอบใจโยมเปี๊ยกมากนะ" หลวงพ่อยิ้มอย่างเข้าใจได้เพราะได้ยินเรื่องราวของปิยะพงษ์จากชาวบ้านที่มาทำบุญได้เล่าให้ฟังอยู่ก่อนแล้ว

"อ้อลืมผมแนะนำไปเลย นี่อาจารย์เจษหลวงพ่อจำได้ไหมครับ" ปิยะพงษ์ผายมือไปทางเจษฎาที่นั้งพับเพียบเยื้องไปทางซ้ายมือของเขา

หลวงพ่อหยี่ตาเพ่งมองใบหน้าเจษฎา แล้วนิ่งไปเล็กน้อยเหมือนกำลังค้นหาภาพใบหน้าเข้มของชายตรงหน้าที่อยู่ลึกเข้าไปในความทรงจำ "อืม...ที่เคยมาช่วยที่โรงครัวสินะ จำได้ๆ โยมเจษฎาใช่ไหม"

"ใช่แล้วครับหลวงพ่อ" เจษฎาพนมมือตอบรับอย่างสุภาพ

"คืออาจารย์เขาอยากให้ผมเอาก๋วยเตี๋ยวมาช่วยแจกที่โรงทานนะครับ แล้วก็อยากจะมาบริจาคเงินร่วมในพิธีมอบทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนกับพระและเณรด้วยนะครับ หลวงพ่อเห็นเป็นอย่างไรบ้างครับ" ปิยะพงษ์อธิบาย

"โอ้ ก็ดีเลยนะสิ พระเณรแล้วก็พวกเด็กๆ จะได้ทุนกันเยอะขึ้น อาตมาขอเป็นตัวแทนขอบคุณแทนพวกเขาเลยละกันนะ ขอให้เจริญๆ นะโยม" หลวงพอยิ้มกว้างขณะหันไปพยักหน้าให้กับหนุ่มใหญ่หน้าเข้ม

"หลวงพ่อ กำนันมาแล้ว" เสียงของลูกศิษย์วัดดดังขึ้นมาจากทางด้านนอกของกุฏิดึงความสนใจของสงฆ์และฆราวาสภายในห้องที่กำลังพูดคุยกันอยู่ให้หันไปมองที่ประตูแทบจะพร้อมๆ กัน

"ให้เข้ามาเลย" หลวงพ่อขานรับ

กำนันประเสริฐเปิดประตูเข้ามาก็ต้องชะงักร่าง หยุดยืนมองคนภายในห้องอย่างประหลาดใจ "อ้าวหลวงพ่อมีแขกอยู่แล้วเหรอ งั้นเดี๋ยวผมออกไปรอก่อนก็ได้"

"ไม่เป็นไรๆ มาก็ดีแล้วเข้ามาสิ จะได้คุยทีเดียวเลย" หลวงพ่อยิ้มพร้อมกับกวักมือเรียก

กำนันประเสริฐเกอนเดินเข้าไปด้านในตามคำเชิญของพระผู้ใหญ่อย่างเชื่อฟัง ตามด้วยสาวใหญ่รูปร่างหน้าตาสะสวยที่ต้องทำหน้าประหลาดใจไม่ต่างจากสามีก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นเจษฎาที่นั่งอยู่ในห้องก่อนแล้ว ก่อนที่สองสามีภรรยาจะนั่งลงแล้วก้มลงกราบหลวงพ่อ ณัฐฐาที่นั่งอยู่หลังสุดเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองไปที่เจษฎาเขม็ง จนเจษฎารู้สึกได้แล้วหันกลับไปมองจนเธอต้องหลบสายตา

"สวัสดีครับกำนันผมเจษฎา ต้องขออภัยจริงๆ ที่ไม่เข้าไปทักทายกำนันให้เร็วกว่านี้ พอดีผมเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ยังมีเรื่องวุ่นวายให้จัดการเยอะเลย" เจษฎาหันไปยกมือขึ้นไหว้ทักทายและแนะนำตัวกับกำนันประเสริฐพร้อมกับรอยยิ้มแบบเป็นมิตร ผิดกับปิยะพงษ์ที่เบือนหน้าหนีไม่สบอารมณ์

"อ้อนี่เองเหรอ 'อาจารย์เจษ' ที่เขาลือกัน ดูธรรมดากว่าที่คิดนะเนี้ย" กำนันประเสริฐยกมือรับไหว้แบบขอไปที พร้อมกับใช้สายตามองสำรวจชายหน้าเข้มตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงนี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับเจษฎาตัวจริง แต่จากข่าวคราวที่เขาได้ยินมาจากคนรอบตัวก็ทำให้เขารู้สึกไม่ถูกชะตาชายหน้าเข้มคนนี้ขึ้นมาทันที

"อาจงอาจารย์ที่ไหนกันละครับชาวบ้านเขาก็พูดกันไปเรื่อย ส่วนผมจะธรรมดารึเปล่า ลองถาม..."  เจษฎาตอบกลับแบบทิ้งเสียงลากยาว ก่อนจะมองกวาดสายตาไปหยุดที่ใบหน้าสวยหวานของณัฐฐาก่อนจะยิ้มให้เล็กๆ ที่มุมปาก แล้วจึงหันกลับมาพูดกับกำนันประเสริฐต่อ "...พวกลูกน้องกำนันที่เคยมาหาผมดูก็ได้"

"ฮืม...อย่างนั้นก็ต้องขอโทษแทนพวกเด็กๆ ที่พวกมันไปรบกวนละกัน" กำนันประเสริฐตาลุกวาวกัดฟันพูด รู้สึกเหมือนกำลังถูกท้าทาย แต่ยังก็ยังคุมอารมณ์เอาไว้ได้เพราะอยู่ต่อหน้าพระ

"ไม่เป็นไรหรอกครับ เรื่องขี้หมูขี้หมาแค่นี้ผมไม่ถือ" เจษฎาตอบและยิ้มให้แบบเย้ยหยัน

"สงสัยจะต้องหาเวลาว่างๆ ไปเยี่ยมเยียนอาจารย์ที่สำนักด้วยตัวเองบ้างแล้วซะละมั้ง" กำนันหุ้นหมีพูดเป็นเชิงข่มขู่ ส่งสายตาดุจ้องเขม็งไปที่หน้าของเจษฎาที่กำลังยั่วโมโหเขา

"ยินดีครับมาได้ทุกเมื่อเลยครับ" เจษฎา​ตอบรับแบบเรียบๆ พร้อมกับจ้องหน้ากลับแบบไม่สะทกสะท้าน​
กำนันประเสริฐยิ่งเห็นท่าทางของเจษฎาที่ไม่มีทีท่าจะยอมลงให้ ก็ยิ่งโกรธมากชึ้นจนกำหมัดแน่น ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ชวนขนลุก "ได้ อาจารย์ก็ดูแลตัวเองดีๆ ละ เดี๋ยวได้เจอกันแน่..."

"แล้วผมจะรอนะครับกำนัน" เจษฎาสวนกลับทำสีหน้าจริงจังไร้ความหวาดกลัว

"พอก่อนเถอะพี่กำนัน หลวงพ่อท่านดูอยู่นะ" ณัฐฐาขยับเข้าหาสามีใช้มือสวยจับไปที่หน้าขาแล้วยื่นหน้าไปกระซิบบอกที่ข้างหู จากนั้นก็หันไปจ้องหน้าเจษฎาเหมือนจะส่งขอความแบบเดียวกันให้โดยไม่ต้องพูดออกมา

กำนันทำท่าจะพูดยาวหากไม่ได้มองไปที่หน้าของภรรยาคนสวยที่ทำหน้าขึงขังเขาจึงได้นิ่งเงียบไปเสีย

"หลวงพ่อว่า เราเข้าเรื่องกันดีกว่านะ เดี๋ยวกำนันยังต้องไปประชุมต่อที่ศาลาไม่ใช่เหรอ" หลวงพ่อเปลี่ยนเรื่องเพื่อรักษาบรรยากาศการพูดคุย

"ก็ได้ครับหลวงพ่อ" กำนันรับคำแม้จะยังคาใจ

เจษฎาเห็นว่ากำนันเริ่มมีอารมณ์แล้วก็ไม่อยากอยู่ต่อให้มากความ ล้วงหยิบเอาซองที่ใส่ปัจจัยออกมาแล้วคลานเข่าเข้าไปยื่นซองถวายให้เจ้าอาวาส

"อ้าวนี้ก็จะมาบริจาคทุนเหมือนกันเหรอ แล้วบริจาคเท่าไหร่กันละ" กำนันได้ทีเปิดประเด็นหวังจะได้อวดเบ่งเกทับให้อาจารย์อาคมได้อาย

"ก็ไม่ได้มากมายเท่าไหร่หรอกครับ ก็แค่เอาเงินที่ชาวบ้านเขามาทำบุญที่สำนักมาให้ส่งต่อให้กับทางวัดจัดการแค่นั้นเอง" เจษฎายิ้มสุภาพหลังจากถอยกลับมานั่งที่เดิม

"อะไรกันที่แท้ก็นักบุญทุนคนอื่น" กำนันประเสริฐยิ้มเยาะ

"แต่ก็ไม่ได้เอาเงินที่เบียดเบียนคนอื่นมาทำบุญก็แล้วกัน" ปิยะพงษ์ที่ไม่สบอารมณ์กับคำพูดของกำนันออกปากเหน็บแหนมอย่างไม่ไว้หน้า แล้วยังส่งสายตาไม่มิตรไปให้

"มึงว่ายังไงนะ..." กำนันประเสริฐทำท่าขึงขังเตรียมจะลุกขึ้นไปเอาเรื่องกับปิยะพงษ์แต่ก็ถูกณัฐฐารั้งแขนเอาไว้ได้ก่อน

"อย่าคิดมาไปเลยโยม การบริจาคการทำบุญจะมากจะน้อยก็แล้วแต่จิตศรัทธา เป็นการสละ หรือการเผื่อแผ่แบ่งปัน เพราะการให้ทานเป็นการลดความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ถี่เหนียว และความคับแคบในจิตใจให้น้อยลง ทำให้เราไม่ยึดติดในวัตถุสิ่งของ อีกทั้งสิ่งที่เราบริจาคหรือให้ทานแก่ผู้อื่นก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อน และเป็นประโยชน์ต่อผู้รับและสังคมโดยส่วนรวม ผลการให้ทานดังกล่าวจะทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดความปีติอิ่มเอิบใจ" หลวงพ่อหยิบยกหัวข้อการสนทนามาเทศนาสั่งสอนได้อย่างสอดคล้องและเป็นการห้ามทัพการประชันฝีปากไปด้วยในตัว แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ได้สนใจเนื้อหาใจและความหมายที่แฝงอยู่ความสักเท่าไหร่

"แหม่ผมก็แค่พูดเล่นเองหลวงพ่อ" กำนันประเสริฐฝืนยิ้มทั้งที่อยากจะกระชากปืนที่เหน็บอยู่เอวมาลั่นใส่ทั้งศิษย์ทั้งอาจารย์มันเสียตรงนี้เลย

ปิยะพงษ์ทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจแต่เจษฎาส่ายหน้าห้ามปรามเขาไว้ ก่อนที่เจษฎาจะกล่าวลา "ผมเสร็จธุระแล้วคงต้องขอตัวลากลับก่อนนะครับ นมัสการครับหลวงพ่อ"

"เจริญพรโยม"

เจษฎากับปิยะพงษ์หลังจากเสร็จธุระแล้วก็พากันเดินออกไปจากกุฏิโดยไม่สนใจสายตาอาฆาตของผู้มีอิทธิพลที่จ้อทั้งสองอย่างไม่วางตา รวมถึงณัฐฐาที่ใช้สายตาแบบที่ไม่อาจบอกได้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่จ้องมองเจษฎาด้วยเหมือนกัน หลังจากเจษฎาออกไปไม่นานนักโทรศัพท์มือถือของณัฐฐาก็มีข้อความถูกส่งเข้ามา สาวใญ่เปิดอ่านด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วเก็บมือถือเข้ากระเป๋าไป

..................................................

"เปี๊ยกกลับไปที่บ้านก่อนนะเดี๋ยวฉันตามไป" เจษฎาที่กำลังสวมรองเท้าหันไปบอกกับปิยะพงษ์เสียงเบาทามกลางลูกน้องของกำนันและณัฐฐาที่ยืนเฝ้าประตูอยู่หน้าห้อง

"มีเรื่องอะไรเหรอครับ" ปิยะพงษ์ตีหน้าสงสัยตอบกลับเสียงเบาพร้อมกับลอบมองเหล่าชายฉกรรจ์ไปด้วย

"ฉันบอกให้ไปก็ไปเถอะ" เจษฎาสบตากับปิยะพงษ์อย่างจริงจัง ทำให้ชายหนุ่มไม่กล้าถามหาเหตุผลต่อ ทั้งคู่เดินไปด้วยกันจนพ้นเขตที่พักสงฆ์ก็แยกกันไปคนละทาง

เมื่อเจษฎาแยกกับปิยะพงษ์เขาก็เดินหลบออกไปทางที่เก็บกระดูกของวัด ที่ลักษณะเป็นลานปูนกว้างเต็มไปด้วยเจดีย์ขนาดเล็กตั้งเรียงรายอยู่จำนวนมาก และมีต้นไม้ใหญ่ปลูกอยู่ด้านข้างคอยให้ร่มเงา หนุ่มใหญ่จุดบุหรี่ขึ้นสูบแล้วยืนนิ่งอยู่ใต้ต้นไม้เหมือนกำลังรอใครหรืออะไรบางอย่าง เขารออยู่ได้สักพักณัฐฐาก็เดินเข้ามาหาเขาพร้อมกับวิศวัท

"กล้ามากนะที่เรียกฉันออกมา" ณัฐฐาเดินมาหยุดตรงหน้าเจษฎาแล้วจ้องหน้าเขาเขม็งส่งผลให้บรรยากาศโดยรอบตึงเครียดขึ้นมา

"หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ" วิศวัทขู่เสียงกร้าว ล้วงหยิบปืนออกจากเอวมาจ่อไปที่เจษฎาที่กำลังจะเดินเข้าไปใกล้เจ้านายของเขา

"ใจคอจะยิงคนในวัดเลยเหรอครับ คุณผู้หญิง" เจษฎาลอยหน้าลอยตาพูดเหมือนตั้งใจจะยั่วโมโหอดีตคนรัก โดยไม่ได้สนใจปืนของวิศวัทที่เล็งมาที่ตัวเขาเลยแม้แต่น้อย

"มึงต้องการอะไร" วิศวิทกระชับมือจับปืนแน่นเตรียมพร้อม ด้วยระยะเพียงแค่นี้สามารถยิงให้โดนได้สบายโดยแถบจะไม่ต้องเล็ง

"มึงไม่รู้เหรอว่ากูหนังเหนียว หรืออยากจะลองแลกกันคนละนัดดูไหม ดูสิใครจะอยู่ใครจะไป" เจษฎาหันไปยิ้มเจ้าเลห์ให้ลูกน้องของสนิทของอดีตคนรักพร้อมกับชี้นิ้วไปที่หน้าอกของณัฐฐาให้คนทั้งคู่ได้เห็นจุดแสงสีแดงจากไฟเลเซอร์ที่เล็งตรงไปยังหัวใจของเธอจากระยะไกล

"มึง..." วิศวัทกัดฟันแน่น โกรธจัดเมื่อเจ้าานายถูกปองร้าย

"ยังไม่ยอมตัดใจอีกเหรอ รีบหยุดซะตอนที่ยังมีโอกาสดีกว่านะ" ณัฐฐาถามหน้านิ่งไม่มีอาการวิตกังวลแม้จะถูกจ่อเล็งที่จุดตาย

"ฉันหยุดไม่ได้" เจษฎาตอบเสียงเข้มหน้าตาจริงจัง

"ฉันก็ให้ไม่ได้" ณัฐฐายืนยันเสียงแข็ง

"ไม่ว่ายังไงก็ไม่ได้เหรอ" เจษฎายกมือขวาขึ้นส่งสัญญาณให้อ๊อดที่ซุ้มอยู่บนหอระฆังของวัด จากนั้นอ๊อดที่กำลังมองผ่านกล้องส่องทางไกลก็ขยับกระบอกยิงแสงเลเซอร์ในมือให้จุดสีแดงเลื่อนขึ้นจากหน้าอกมาที่กลางหน้าผากของสาวใหญ่ทันที

"มึงกล้าเหรอ..." วิศวัทโกรธจนหน้าแดงยกปืนชี้ไปศรีษะของเจษฎาเป็นการตอบโต้

"เธอถอยออกไปก่อน" ณัฐฐายังคงนิ่งสงบได้แม้สถานการณ์คับขัน เธอยกมือขึ้นปรามให้วิศวัทหยุดการกระทำและให้ใจเย็นลง ซึงวิศวัทก็ยอมทำตามแล้วเดินถอยออกไปยืนคุมเชิงอยู่ห่างๆ ด้วยท่าทางที่ไม่พอใจนักพร้อมกับมองไปรอบสำรวจหาที่มาของแสงเลเซอร์ไปด้วย

"ถ้าฉันตาย แกก็ไม่มีวันได้เห็นของชิ้นนั้นไปตลอดกาลอยู่ดี" สาวใหญ่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

"ทำไมละ สิบปีมานี้ เธอมีทั้งของนั้น ทั้งเงินที่ขโมยไป ดูจากที่เธอมีอิทธิพลขนาดนี้ คงใช้มันอำนวยความสะดวกเต็มที่เลยละสิ แค่นั้นก็น่าจะพอได้แล้ว ส่งมันคืนมาให้ฉันซะดีกว่า" เจษฎาพูดรัว

"ฉันให้ไม่ได้จริงๆ แล้วมันก็ไม่ใช่แค่เรื่องเงินหรอกนะ..." ณัฐฐาย้ำคำตอบแบบเดิม แต่ครั้งนี้เสียงของเธอสื่อถึงความรู้สึกอึดอัดได้อย่างชัดเจน เหมือนมีเรื่องอยากจะบอกชายอดีตคนรัก แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป

"แล้วมันเกี่ยวกับอะไรละ" เจษฎาสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป มันยิ่งกระตุ้นความอยากรู้ถึงสาเหตุที่เธอลงมือหักหลังเขามากขึ้นไปอีก

ณัฐฐาเงียบไปพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่นไม่ยอมสบตาเจษฎา คล้ายกับกลัวว่าเจษฎาจะมองเห็นความผิดปกติผ่านสายตาของเธอ ก่อนจะเบี่ยงประเด็นออกไป "เธอนะไม่รู้หรอกว่าของนั้นมันคืออะไร"

"แล้วเธอรู้รึยังไง" เจษฎายิงคำถามใส่ทันที เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้รายละเอียดของของสิ่งนั้นรู้เพียงแค่ว่ามันใช้ทำอะไรได้เพียงเท่านั้น ความอยากรู้ดึงความสนใจของเขาไปจนลืมเรื่องท่าทีแปลกๆ ของณัฐฐาก่อนหน้านี้

"รู้สิ แล้วก็รู้มากกว่าเธอด้วย"

"หมายความว่ายังไง"

"ฉันบอกแล้วไง อธิบายไปเธอก็ไม่มีวันไม่เข้าใจหรอก ของนั้นมันสำคัญกับฉันมากกว่าที่นายคิด" ณัฐฐายังปากหนัก ไม่ยอมบอกสิ่งที่เธอรู้กับเจษฎา

"ถ้าเธอไม่ลองอธิบายแล้วฉันจะเข้าใจได้ยังไงละ" เสียงของเจษฎาดังขึ้นเล็กน้อยบ่งบอกถึงความไม่พอใจในคำตอบของฝ่ายตรงข้าม

"ฉันแค่ไม่อยากให้เธอมายุ่งกับเรื่องนี้ ถ้าอยากได้เงินฉันจะให้ก็ได้ แต่คงได้ไม่เท่าที่นายซ่อนไว้หรอกนะ" สาวใหญ่พยายามยื่นข้อเสนอแบบอ่อนข้อให้เล็กน้อยหวังจะไล่เจษฎาออกไปเพื่อตัดรำคาญ

"มาขนาดนี้แล้วยังคิดว่าฉันจะยอมเอาแค่เงินงั้นเหรอ เธอเกือบฆ่าฉันไปแล้วนะ" เจษฎาไม่รับข้อเสนอ ความแค้นที่เขาสะกดข่มไว้เริ่มจะประทุออกมาให้รับรู้ได้ทั้งทางน้ำเสียงและสีหน้า

"ถ้าฉันอยากให้เธอตาย เธอก็คงตายไปตั้งแต่คืนนั้นแล้วละ นี่ฉันเห็นแก่เรื่องเก่าๆ ของเราหรอกนะ ถึงได้สั่งลูกน้องแค่ไล่เธอออกไป ไม่คิดเลยว่าเธอจะทำให้เรื่องมันยุ่งยากบานปลายออกไปถึงขนาดนี้" ณัฐฐาสวนกลับทันควัน

เจษฎาคิดตามแล้วก็เห็นว่าสิ่งที่ณัฐฐาบอกมาก็พอจะฟังขึ้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้เขาเปลี่ยนใจ เขาจ้องมองอย่างอาฆาตก่อนจะพูดออกไป "...ก็ได้ งั้นก็มาคอยดูว่าใครจะอยู่ได้นานกว่ากัน"

"คิดให้ดีก่อนดีกว่านะ ถ้าจะลงมือทำอะไรลงไป"

"เธอเองก็เหมือนกัน อย่ารอให้สิ่งที่เธอสร้างมามันพังลงมาซะก่อนละ"

"เจษ..." ณัฐฐาส่งสายตาเศร้าๆ เหมือนกำลังจะอ้อนวอน ก่อนจะก้าวเท้าเดินเข้าหาเจษฎาช้าๆ

เจษฎาถอยหลังหนีไม่ยอมให้เข้าใกล้ แล้วยกมือขึ้นแล้วร้องบอก "อย่าเข้ามานะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน ฉันไปละ"

หนุ่มใหญ่เดินถอยหลังออกไปช้าๆ จนไกลมาพอ แล้วจึงเดินเลาะรั้วของวัดจนหายลับไปจาสายตาของณัฐฐาพร้อมกับจุดแสงสีแดงที่หายไปจากร่างของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

"ปล่อยมันไปแบบนี้จะดีเหรอครับ" วิศวัทเดินเข้ามาถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับสำรวจดูร่างของนายหญิงว่าปลอดภัยดีหรือเปล่า

"...เราก็กลับกันเถอะ" ณัฐฐาตอบกลับเสียงเบา แล้วเดินลิ่วนำหน้าวิศวัทออกจากบริเวณที่เก็บกระดูก

..................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

วีรการณ์ นาคชุ่มนุม

ตัดความโลภไม่ได้สินะ ดูเหมือนเรื่องล้างแค้นจะเปนเรื่องรอง อยากได้ของมากกว่าทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันเปนอะไร คุ้มมั้ย

Pong Sak


Nong5670


knight18

เนื้อเรื่องเข้มข้น งงงวยพิศวงชวนนาสติดตามว่าของสิ่งนั้นคืออะไรชักอยากจะรู้และล่ะซิ อิอิ

jongjo

ของที่อาจารย์เจษตามหาคืออะไร ชักอยากรู้แล้วล่ะซิ

sawatcat

ของสิ่งนั้นมันคืออะไรมีความสำคัญอย่างไรใกล้จะรู้ความจริงแล้วคงอีกไม่นาน​

Nattanan Tst

ตกลงณัฐฐาเอาของอะไรของเจษฎาไปกันอยากรู้จังเลย ไม่แน่เผื่อลูกสาวกำนันหาเจออาจจะเอามาให้เองก็ได้

dawdom


Boran Mark

ร้ายลึกมากเมียกำนันเนี้ยะ ว่าแต่ของมันคืออะไรนะอยากรู้จัง

unicrons


อิโต มัตซึ

ของคืออะไร​ เกี่ยวข้องกับมนต์ดำไหม

GGaakkoo


Taizen


surway2532

ตกลงว่าเจตอยากได้ของสิ่งนั้นคืนมากกว่าความแค้นสินะ ยิ่งทำให้อยากรุ้เลยว่ามันคือของอะไรที่เจตอยากได้คืน