ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 25

เริ่มโดย เจตภูติ, เมษายน 20, 2021, 09:29:13 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

คุยกันก่อนอ่าน เผื่อคนที่ไม่เป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้นะครับ https://www.tunwalai.com/v2/story/499798?wt=1

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 25

ท่ามกลางแดดร้อนของช่วงเวลาบ่ายที่ค่ายมวยศิษย์กำนันประเสริฐ นักมวยส่วนใหญ่ของค่ายเมื่อซ้อมช่วงเช้าเสร็จก็แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัวกันเกือบหมดแล้ว ทว่ากำนนันประเสริฐชายวัยห้าสิบร่างท้วมผู้เป็นเจ้าค่ายนี้ยังคงเดินวนไปวนมาใกล้กับบริเวณที่แขวนกระสอบทรายมือข้างหนึ่งก็กุมแผ่นไม้ยาวไว้แน่น ขณะนั้นเองมีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมา กำนันประเสริฐหยุดสนใจในสิ่งที่ทำอยู่ก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกางเกงเอามาแนบเข้าที่หูข้งขวา เสียงและเนื้อความจากปลายสายตึงเครียดจริงจัง ไม่ต่างจากสีหน้าของกำนันประเสริฐในตอนนี้

"ได้ครับ ผมจะรีบเข้าไปพบทันทีเลยครับ" กำนันประเสริฐพูดจบแล้วกดวางสายไปด้วยอาการฮึกฮัดเหมือนเด็กโดนขัดใจ

"แม่งเอ้ย ระยำ ระยำ ระยำ" เสียงสบถของกำนันประเสริฐประสานเข้ากับจังหวะการใช้แผ่นไม้เนื้อแข็งหน้ากว้างสามนิ้วยาวหนึ่งเมตรเศษฟาดเข้าใส่กระสอบทรายที่แขวนอยู่อย่าพอเหมาะพอเจาะ

ณัฐฐาที่นั่งหน้าเครียดอยู่บนมานั่งไม่ไกล มองการกระทำของสามีที่เหมือนกำลังย้อนวัยไปเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนจนรู้สึกรำคาญ ก่อนจะพูดปรามสามมีเบาๆ "พอเถอะฟาดมันไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก"

"ไอ้พวกเหี้ยเลี้ยงเสียข้าวสุข" กำนันประเสริฐคำรามเหมือนหมี ออกแรงทุบตีกระสอบทรายอีกหลายครั้งจนมีอาการหอบเหนื่อยแต่ก็ยังไม่ยอมหยุด

"ฉันบอกให้พอได้แล้วไง" ณัฐฐาเริ่มเสียงขุ่นเมื่อผู้เป็นสามีไม่ยอมทำตาม

"ก็ได้ๆ พอก็ได้" กำนันเหวี่ยงไม้ทิ้งอย่างมีหัวเสียก่อนจะเดินเข้าไปหาภรรยาคนสวยที่นั่งปั้นหน้าบอกบุญไม่รับพร้อมกับบ่นไปด้วย "ที่ไอ้เหี้ยกวงกวงมันมาเอาคืนแบบนี้ ทั้งหมดมันก็เพราะเธอไปเล่นงานลูกสาวมันนะสิ"

กำนันประเสริฐใช้มือทุบโต๊ะระบายโทสะที่ตกค้างอยู่ในอารมณ์ เพราะเรื่องไฟไหม้โกดังเก็บสินค้าที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวัน เป็นเหตุให้พวกนักข่าวและตำรวจแห่กันไปในที่เกิดเหตุ ด้วยความที่โกดังตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับอาคารที่กำนันประเสริฐใช้เปิดเป็นบ่อนพนัน ทำให้นักพนันที่พากันหนีตายออกมาถูกจับกุมพร้อมกับอุปกรณ์เล่นการพนัน เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วราวกับนัดกันมาจนทำให้รู้ได้โดยไม่ต้องสืบหรือว่าหาหลักฐานว่าเป็นฝีมือใครเลยทีเดียว

"อย่ามาหาเรื่องกันหน่อยเลยน่า เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว" ณัฐฐาบอกปัดตัดรำคาญ

"แล้วจะปล่อยให้มันมาหยามน้ำหน้าเอาอย่างนี้เหรอ" กำนันหุ่นหมีว่าแล้วก็กัดกรามกรอดๆ สายตาดุดันยังส่ายไปมาหาที่ระบาย

"ลงว่าเรื่องมาเป็นแบบนี้แล้ว ก็คงต้องทำใจปล่อยให้เรื่องนี้มันซาลงไปก่อนค่อยว่ากัน ที่มันก็ทำแค่ตัดกำลังเราไปนิดหน่อยไม่ได้สะเทือนอะไรสักหน่อย ทำตัวเป็นเด็กไปได้" ณัฐฐาส่ายหน้าให้ความเลือดร้อนของสามี แต่ในใจลึกๆ เธอเองก็เจ็บใจไม่แพ้กันที่ตัวเองพลาดท่าโดนเจษฎาปั่นหัวเอาได้

"ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน เดี๋ยวฉันจะไปเตรียมกระเช่าของขวัญให้พี่ก็ไปจัดการกับผู้ใหญ่ทางนั้น ส่วนฉันจะเคลียร์พวกนักข่าวให้" สาวใหญ่เอ่ยปากบอกกับสามีก่อนที่จะลุกออกไปทำธุระ

"อือเข้าใจแล้ว" กำนันประเสริฐมีสีหน้าสงบลงแล้วพยักหน้า แล้วหันไปสั่งลูกน้องเสียดัง "เห้ยพวกมึงเอาไอ้นี้ไปเก็บ แล้วอย่าให้มันพูดมากละ"

นักมวยร่างกำยำหลายคนปรี่เข้ามาตามคำสั่งปลดกระสอบทรายที่ตอนนี้ก้นกระสอบมีของเหลวสีแดงไหลหยดลงมาดูน่าสยดสยอง ก่อนจะเปิดกระสอบแล้วนำร่างชายวัยสี่สิบที่มีหน้าที่ดูแลโกดังที่ไฟไหม้ออกมาในสภาพถูกปิดปากมัดมือมัดเท้านอนขดอยู่ถุงทรายอาการปางตายหายใจรวยริน แล้วช่วยกันเคลื่อนย้ายร่างนั้นเข้าไปในตัวอาคารเพื่อทำการปฐมพยาบาล

..................................................

"ชุดนี้สวยไหมคะอาจารย์" สาวหมวยผิวสวยหุ่นดีในชุดจั๊มสูทสั้นสีขาวสายเดี่ยวมีระบายคาดที่หน้าอกที่ช่วยขับให้ผิวขาวๆ และแขนขาที่ยาวเรียวให้ดูโดดเด่น เสียงห้าวๆ ไม่ค่อยเข้าหน้าตาสวยหวานแต่ก็ทำให้เธอนั้นมีเสน่ห์ในแบบที่แตกต่างจากหญิงสาวทั่วไป เธอเอ่ยถามหาความเห็นกับชายหน้าเข้มที่มาด้วยกันด้วยใบหน้าปนรอยยิ้มสดใส หลังจากที่หยิบเสื้อผ้าจากราวแขวนของห้องเสื้อแบรนด์ดังในห้างใหญ่ของตัวจังหวัดขึ้นมาทาบกับตัว

สุธิภาพาตัวเจษฎาให้มาเดินห้างเป็นเพื่อนเธอเพื่อซื้อเสื้อผ้าโยใช้ข้ออ้างเรื่องความปลอดภัย ส่วนเจษฎาก็ไม่กล้าปฏิเสธเพราะได้รับปากเอาไว้ว่าจะคอยแวะมาดูแลให้ก่อนหน้านี้

"อืม...ก็ดีครับ" เจษฎาทำท่าครุ่นคิดนิดหน่อย ก่อนจะตอบกลับไปตามมารยาท ด้วยความที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องแฟชั่นผู้หญิงสักเท่าไหร่ แต่สำหรับผู้หญิงที่มีรูปเป็นทรัพย์อย่างสุธิภาจะใส่อะไรก็ดูเหมือนว่าเหมาะสมไปซะหมด โดยเฉพาะชุดที่เธอใส่มาหาเขานั้นเปิดเผยสัดส่วนและผิวขาวกระจ่างใสทำเอาเขารู้สึกหน่วงๆ ที่ท้องน้อยเลยทีเดียว

"แล้วชุดนี้ละเป็นยังไงคะ" สาวหมวยยิ้มหยิบอีกชุดทาบเข้ากับตัวแล้วถามความเห็นย้ำอีกครั้ง

"คุณหนูรูปร่างหน้าตาดี ใส่ชุดไหนก็สวยท้ังนั้นแหละครับ" เจษฎาตอบจากใจจริงเพราะชุดที่เธอนำมาวางทาบกับตัวนั้นชวนให้คิดดีกับร่างขาวๆ ของเธอไม่ได้เลยจริงๆ แต่เหมือนสาวหมวยจะยังไม่ค่อยพอใจในคำตอบเท่าไหร่แม้จะถูกชมก็ตาม

"ไม่เอาสิคะ ช่วยออกความเเห็นให้มันจริงจังหน่อยสิค่ะ" สาวหมวยขยับส่ายเข้าไปใกล้ชายหน้าเข้มจนร่างเกือบจะชิดติดกัน

"...ผมก็พูดเรื่องจริงนี่ครับ ใครเห็นก็ต้องบอกคุณสวยน่ารักทั้งนั้นแหละครับ" กลิ่นหอมๆ จากกายสาวสวยและใบหน้าที่มีความน่ารักปนอยู่ที่อยู่ห่างจากใบหน้าเข้าไม่ถึงหนึ่งฟุต ทำเอาเจษฎาเกือบจะไม่กล้าหายใจ เขาผงะถอยหลังไปเล็กน้อย ก่อนจะออกความเห็นย้ำในสิ่งที่เขาคิด

"จริงเหรอ..." หญิงสาวลากเสียงเหมือนไม่ค่อยเชื่อ ดวงตาเล็กจ้องหน้าชายหน้าเข้มเขม็งตรวจสอบความจริงใจ แต่ขณะที่มองอยู่ก็อดยิ้มจนหน้าบานเมื่อเขาเอ่ยชมก่อนจะถามออกมาอย่างเขินๆ "แล้วอาจารย์ละคิดว่าหนูน่ารักไหมคะ"

"นะ...นะ...น่ารักครับ" เจษฎาตอบเสียงตะกุกตะกักเมื่อสาวหมวยยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นจนรู่สึกประหม่า

"แล้ว น่ารักกว่าพี่ดิวไหมคะ"

"เอิมมมม..." เจษฎาถึงกับไปไม่เป็นเมื่อเจอกับคำถามที่ยากจะตอบ ถ้าไม่นับเรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางกายของเขากับอริสา พี่น้องคู่นี้ก็มีเสน่ห์ความสวยไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลยที่เดียว สำหรับเขาอริสาเป็นคนสวยมีเสน่ห์แบบสาวที่มีประสบการณ์กับใบหน้าที่มีความโฉบเฉี่ยวยั่วยวน ส่วนสุธิภานั้นมีความเป็นสาวหมวยหน้าหวาน น่ารักแบบใสๆ บริสุทธิ์น่าถนุถนอม

"ไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ เดี๋ยวหนูไปจ่ายเงินก่อนอาจารย์รอหน่อยนะคะ" สุธิภาเห็นเจษฎานิ่งไปก็เลยตัดบทเปลี่ยนประเด็น เพราะถ้าคำตอบของเขาเป็นคนอื่นไม่ใช่เธอก็น่าจะมำให้เสียความมั่นใจอยู่ไม่น้อย

"ได้ครับ..."

ขณะที่เจษฎายืนเก้ๆ กังๆ วางตัวไม่ถูกถึงเขาจะเคยพาณัฐฐาไปซื้อของแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่นั้นก็ผ่านมานานมากจนเขาเกือบจะลืมไปแล้วกว่าการไปไหนมาไหนกับผู้หญิงสองต่อสองนั้นเป็นอย่างไร เขายืนรอสาวหมวยอยู่ไม่นานก็มีเสียงเล็กๆ สดใสน่าฟังเหมือนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

"อ้าว..อาจารย์เจษนี่นา แหม่บังเอิญจังเลยนะคะ" สาวสวยใบหน้าหวานซ่อนเปรี้ยวรูปร่างกระทัดรัดในชุดเกาะอกสีดำกับกางเกงผ้าสีขาวขาบานเดินเข้ามาทักพร้อมกับสาวหน้าหวานสูงโปร่งในชุดสูทสำหรับผู้หญิงดูทะมัดทะแมง

"คุณเจนิส คุณปลา" เจษฎาหันไปตามเสียงก่อนจะกล่าวทักทายคนคุ้นหน้าคุ้นตา

"มาทำอะไรคะ หรือว่ามาซื้อของขวัญให้ใคร ให้หนูช่วยเลือกไหมคะ" เจณิตายิ้มร่าปรี่เขาไปหาอาจารย์อาคมหน้าเข้มอย่างดีอกดีใจ

"คือว่า...ผม...มาเป็นเพื่อนคุณนุ่นนะครับ" เจษฎาทำตัวไม่ถูกอึกอักแต่ก็ยอมตอบไปตามความจริงเพราะคิดจะหลบก็ไม่ทันแล้ว

"นุ่นเหรอ..." เจณิตาชักสีหน้าเมื่อได้ยินชื่อสาวรุ่นน้องที่ชอบมาเกาะแกะเจษฎา แล้วเขย่งตัวให้สูงขึ้นเพื่อมองหา

"ใช่ ฉันเองแล้วจะทำไม" ทันทีที่ได้ยินเสียงหญิงสาวกำลังคุยอยู่กับเจษฎา สุธิภาก็ผละจากเค้าเตอร์คิดเงินกลับมาขัดจังหวะคนทั้งคู่ทันที

"อ้อ...ที่แท้ก็มาเป็นพี่เลี้ยงเด็กนี้เอง" เจณิตาว่าแล้วก็กระแทกเสียงใส่หน้าสาวหมวย

"ใครเด็กกัน แก่กว่าแค่ปีเดียวอย่ามาวางท่าหน่อยเลย แล้วเข้าร้านมานะมีปัญญาซื้อรึเปล่าก็ไม่รู้ เชอะ" สุธิภาตอบโต้ทันควันไม่ยอมให้ถูกแซะแต่ฝ่ายเดียว

"มีปัญญารึเปล่ารึฉันก็หาเงินเอง ไม่เหมือนใครบางคนที่ยังเกาะพ่อเกาะแม่กินอยู่ แล้วทำเป็นมาอวดรวย" เจณิตาจีบปากจีบคอว่ากระทบสาวรุ่นน้อง

"เขาเรียกว่าเงินกงสีเถอะ ฉันแค่ทำงานกับที่บ้านไม่ได้เกาะพ่อเกาะแม่" สุธิภาจ้องหน้ารุ่นพี่ตัวเล็กเริ่มมีอาการไม่พอใจคำพูดของอีกฝ่าย

"แล้วมันจะต่างกันตรงไหนละ สุดท้ายก็ใช้เงินของที่บ้านอยู่ดีไม่ใช่เหรอ" เจณิตาถามจี้ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าน่าหมั่นไส้

"จะหาเรื่องกันรึไง" สุธิภาขึ้นเสียง

"แล้วจะทำไมละ" เจณิตาก็เสียงดังขึ้นมาไม่แพ้กัน

"พอก่อนเถอะครับทั้งคู่ เราออกไปคุยกันข้างนอกดีกว่าแบบนี้มันรบกวนคนอื่นเขา" เจษฎาเข้าไปยืนขวางละหว่างหญิงสาวทั้งคู่ที่กำลังตอบโต้กันไปมา

"จริงค่ะอาจารย์ ไปเถอะเจนิส นะนุ่นพี่ขอ" เกวลีฉุดแขนเพื่อนตัวเล็ก ก่อนจะส่งสายตาให้เจณิตาและสุธิภามองไปรอบๆ สังเกตุปฏิกริยาของผู้คนทั้งในและนอกร้านที่กำลังมุงดูอยู่เพราะเสียงที่ดังออกมาถึงนอกร้าน

สาวตัวเล็กแหงนหน้าจ้องตาสาวรุ่นน้องที่กำลังมองตาเธอกลับมาเหมือนกัน ก่อนที่ทั้งคู่จะสะบัดหน้าหนีไปคนละทางแม้จะไม่ถูกกันแต่ตอนนี้ความคิดของสาวสวยคนละสไตล์ทั้งสองคนกลับคิดไปในทางเดียวกัน สำหรับยุคสมัยที่ข่าวสารสามารถกระจายออกไปได้รวดเร็วด้วยอินเตอร์เน็ตมีความเร็วสูงเช่นนี้ ถ้าขืนลงไม้ลงมือใส่กันไม่เกินหนึ่งคืนเรื่องพวกนี้คงจะกระจายไปทั่วอย่างแน่นอน เมื่อสาวทั้งคู่เย็นลงแล้วคนทั้งสี่ก็ทอยเดินออกจากร้านไปหาที่นั่งคุยกันดีๆ

สามสาวกับหนึ่งหนุ่มใหญ่นั่งมองหน้ากันไปมาระหว่างรอเครื่องดื่ม โดยเฉพาะเจณิตากับสุธิภาที่มองหน้ากันตลอดแบบไม่มีใครยอมใคร จนบรรยากาศรอบข้างอึดอัดราวกับมีกองไฟรุกโชนล้อมรอบโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่

...อ๊อดช่วยพี่ด้วย... ข้อความจากมือถือของเจษฎาส่งถึงน้องชายคนสนิทที่เขาใช้ให้แอบมารักษาความปลอดภัยอยู่ห่างๆ ไม่คิดว่าจะต้องให้อ๊อดมาช่วยเรื่องผู้หญิงแทน

"อาจารย์จะไปไหนต่อรึเปล่าค่ะ ถ้าว่างไปเที่ยวต่อกับเจนิสนะคะ" เจณิตากระเถิบเก้าอี้เข้าไปใกล้ๆ ส่งสายตาหวานเยิ้มให้ชายหน้าเข้มที่นังทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงกลางระหว่างเธอกับสุธภา

"ไม่ต้องเลย อาจารย์เขามากับฉันก็ต้องกลับกับฉัน" สุธิภากระตุกแขนเจษฎาให้หันมามองเธอบ้าง

"ฉันถามอาจารย์ ไม่ได้ถามเธอ" เจณิตาหันไปมองสุธิภาด้วยสายตาดุดัน

"ว่ายังไงนะ เอาเลือดปากออกซะหน่อยดีไหม จะได้ปากดีน้อยลง" สุธิภาเริ่มจะหมดความอดทนกับแขกที่ได้รับเชิญแล้ว

"ก็มาสิ เดี๋ยวก็รู้ใครจะได้เลือด อย่าหนีกลับไปฟ้องพ่อละกัน" เจณิตาก็เดือดดาลไม่แพ้กันที่เห็นคู่ขาออกมาเที่ยวกับสาวอื่น

อ๊อดที่ซุ่มดูอยู่ในร้านเดียวกันพอได้รับข้อความก็ได้แต่อมยิ้มอยู่ในหน้ากากอนามัยที่เขาใส่ร่วมกับหมวกแก็บใช้เอำพรางใบหน้า การจัดการปัญหาแบบนี้ก็ดีกว่าเอาชีวิตไปเสี่ยงลูกปืนเป็นไหนๆ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นแล้วหยิบแก้วกาแฟเดินตรงไปยังโต๊ะของเจษฎา ก่อนจะทำเป็นสะดุดจนทำน้ำหกใส่เจณิตาที่นั่งอยู่ทางขวาของเจษฎา

"โอ้ยแกทำบ้าอะไรเนี้ย" เจณิตาตกใจกับน้ำเย็นๆ ที่หกราดตัวของเธอจน ต้องลุกขึ้นต่อว่าและโวยวายลั่นร้าน

"ผมขอโทษครับ ขอโทษจริงๆ ครับ" อ๊อดแกล้งละล่ำละลัก ลนลานหยิบทิชชู่บนโต๊ะทำท่าจะเอามาซับน้ำบนหน้าอกของหญิงสาว

"จะเช็ดไปตรงเนี้ย ไอ้ลามก หยุดเลย" หญิงสาวร้องห้ามเสียงหลงปัดมือชายซุ่มซามออกแต่เหมือนจะเหวี่ยงมือกว้างไปจนไปเกี่ยวหน้ากากอนามัยที่เขาสวมอยู่จนหลุดออก ก่อนจะหยิบทิชชู่มาเช็ดน้ำด้วยตัวเอง

"คุณค่ะ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่า" เกวลีมองหน้าชายซุ่มซ่ามรู้สึกคุ้นเคยเพียงแต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน แต่ก็รู้สึกติดใจจนต้องร้องถาม

"หา...ผมขอโทษครับ ผมไปก่อนนะครับ" อ๊อดตกใจจนหน้าซีดไม่เข้าใจว่าทำไมเกวลีถึงได้ทักเขาอย่างนั้น หรือเธอว่าเธอจะจำเรื่องที่เกิดในวันนั้นได้แล้ว เขาไม่เสียเวลาคิดแม้แต่น้อยรีบเดินหนีออกไปทันที

"เดี๋ยวคุณ กลับมาคุยกันก่อน" เกวลีไม่สนใจคนที่มาด้วยเธอรีบลุกตามชายคนนั้นไปแบบไม่ห่าง ต้องการจะไขความสงสัยที่ติดอยู่ในใจให้กระจ่าง

"เดี๋ยวปลาจะไปไหน อาจารย์ค่ะหนูขอตัวก่อนนะ" เจณิตาเห็นเพื่อนสาวไล่ตามชายแปลกหน้าไปก็รู้สึกเป็นห่วง รวมถึงเนื้อตัวที่เปียกเปื้อนก็ทำให้เธอหมดอารมณ์ที่จะอยู่ต่อ ก็เลยลุกขึ้นแล้วออกเดินตามเกวลีไป

"คุณนุ่นครับเราเองก็ออกกันมานานแล้ว กลับกันเถอะครับ" เจษฎาใช้โอกาสที่อ๊อดสร้างให้หาเรื่องกลับทันที

"อืม...ก็ได้ค่ะ" สุธิภารับคำด้วยใบหน้างุนงงกับเตุการณืที่เกิดขึ้น

เกลวีไล่ตามชายคนนั้นไปเรื่อยๆ แม้เธอจะเร่งฝีเท้าจนเกือบจะเป็นวิ่งแต่ก็ตามไม่ทัน ก่อนที่จะคลาดกัรกับชายคนนั้นเมื่อเขาเดินหายเข้าไปที่ลานจอดรถ

"แกเป็นอะไรของแกเนี้ย ปลา" เจณิตาเดินตามเพื่อนสาวมาจนทันก่อนจะคว้าแขนของเธอไว้ไม่ให้เดินไปไหนได้อีก

"ผู้ชายคนนั้น..." เกวลีพูดไปชี้ไปพลางมองส่ายสายตาไปทั่วชั้นจอดรถแต่ก็ไม่เห็นชายคนนั้นเสียแล้ว

"ทำไม เขาเป็นใครเหรอ" เจณิตาถามอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนสาวอยากจะสื่อ

"ฉันรู้สึกว่าเคยเจอเขามาก่อน" เกวลีตอบทั้งๆ ที่ไม่ได้หันไปมองหน้าสาวตัวเล็ก

"เจอที่ไหน" เจณิตาถามย้ำ

"...ใน...ในฝัน" หญิงสาวตอบอย่างเขินอายและกระดากปาก

"บ้าแล้วแก ดูซีรี่ย์โรแมนติกมากไปรึไง สมงสมองไปหมดละ ไปๆ กลับบ้านกัน เหนียวไปหมดแล้วเนี้ย" สาวตัวเล็กเริ่มหัวเสียพร้อมกับชี้ให้ดูร่องรอยความเสียหาย

"อือ..." เกวลีตัดใจยอมกลับไปกับเพื่อนแต่โดยดีแต่สายตาก็ยังคงมองหาชายคนนั้น

..................................................

"ถ้าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกำนันจริง คุณจะมาหาผมทำไมละครับ เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วละครับ" หัวหน้าศูนย์ข่าวประจำจังหวัดของสถานีโทรทัศน์ชื่อดังพูดขึ้นด้วยท่าทางของคนที่ถือไพ่เหนือกว่าและไม่ได้ต้องการจะต่อรอง เพราะเขารับเงินมาจากเสี่ยพอพัทธ์ให้เขียนข่าวโจมตีกำนันมาแล้วนั่นเอง

"ก็เพราะว่าอาจจะมีคนฉวยโอกาสเล่นงานกำนันนะสิค่ะ" ณัฐฐาตอบเสียงเรียบ เริ่มมีอาการไม่พอใจเพราะการเจรจาเริ่มไม่เป็นอย่างที่คิด

"แหม่คิดได้นะครับ ไม่ใช่หนังไม่ใช่นิยายซะหน่อย" หัวหน้าศูนย์ข่าวเย้ย

"ตกลงคุณจะทำข่าวให้ได้ใช่ไหมค่ะ"

"ก็แน่สิครับ ถ้าได้เล่นข่าวนี้เรตติ้งพรุ่งกระฉูดแน่นอน"

"อย่างนั้นเหรอคคะ" ณัฐฐาขยับลูบไปที่กำไลข้อมือหน้าตาประหลาดที่ไม่ค่อยเข้ากับแฟชั่นเครื่องแต่งกายของสาวใหญ่เลยแม้แต่น้อย ก่อนจะลุกขึ้นใช้มือข้างที่สวมกำไลค้ำที่โต๊ะแล้วยื่นใบหน้าสวยมีเสน่ห์เข้าไปที่ข้างๆ หูของหัวหน้าศูนย์ข่าวที่เริ่มมีอาการใจเต้นตึกตักเพราะความสวยและกลิ่นหอมอ่อนจากร่างของสาวใหญ่ ก่อนที่เธอกระซิบบอกบางอย่างกับเขา

"งั้นฉันกลับก่อนนะ หวังว่าคุณจะทำตามที่ฉันบอก" สาวใหญ่ถอยกลับมานั่งตามปกติแล้วตอบด้วยเสียงห้วนก่อนจะเดินออกจากห้องแบบไม่ใยดี ทิ้งไว้แต่กลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งไปทั่วห้อง ปล่อยให้หัวหน้าศูนย์ข่าวนั่งดวงตาเหม่อลอยตัวแข็งทื่อราวกับเป็นรูปปั้น

สาวใหญ่เดินจ้ำออกจากอาคารสำนักงานตรงกลับไที่รถอย่างรีบร้อน ก่อนจะเข้าไปนั่งที่เบาะหลังของรถเก๋งยุโรปคันใหญ่ที่เปิดแอร์เย็นเฉียบรออยู่ ทันทีที่เข้ามานั่งในรถเธอก็ถอดกำไลออกพร้อมกับใช้มือกุมไปที่ขมับ สีหน้าแสดงออกถึงความเจ็บปวดอย่างเก็นได้ชัด

"เป็นอะไรรึเปล่าครับครับ" วิศวัทที่ประจำอยู่ที่ที่นั่งคนขับสอบถามด้วยความเป็นห่วง

"ไม่เป็นไร รีบไปที่ต่อไปเลย" ณัฐฐาสั่งการแล้วก็ทิ้งตัวเอาศรีษะพิงเบาะหลังแล้วหลับตาลงขณะที่รถเคลื่อนออกไป

..................................................

"กำนันจะมาโทษพวกลูกน้องผมไม่ได้นะ พวกนักข่าวมันไปถึงที่นั้นก่อนซะอีก ถ้าผมไม่ทำอะไรเดี๋ยวก็เล่นข่าวใหญ่โตมันจะแย่กันหมด" พูดจบนายตำรวจใหญ่ผู้บังคับบัญชาของตำรวจทุกนายในจังหวัดก็หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบอย่างไม่ทุกข์ร้อนผิดกับผู้มาเยือน

...พวกมึงไปรับเงินไอ้กวงมานะสิ แล้วนี่ยังจะมารีดเงินเอากับกูอีกต่อ ไอ้พวกเหี้ยใส่เครื่องแบบ... กำนันประเสริฐเก็บงำความรู้สึกจนเหมือนจะมีลมพุ่งออกจากหู แต่ก็ทำอะไรเนื่องจากเหตุการณ์ไม่อำนวย

"ผมเข้าใจ..."

"แล้วกำนันจะเอายังไง" นายตำรวจใหญ่ยิ้มทำหน้าเจ้าเลห์

"ก็คงให้คนไปติดคุกแทนเหมือนเดิมนั้นแหละ ยังไงซะที่ตรงนั้นก็ไม่ใช่ชื่อผมอยู่แล้ว" กำนันประเสริฐยืดตัวทำท่าไม่ยี่หระกับปัญหา

"แต่ถ้าเราถูกกดดันมากๆ ก็คงต้องสาวไปถึงกำนันได้อยู่ดีนะ" นายตำรวจใหญ่สำทับ บอกเป็นนัยๆ ว่าต้องการอะไร

"เอาเป็นว่าผมจะปิดบ่อนไปจนกว่าเรื่องจะเงียบละกัน"

"ไม่เอาน่ากำนัน ผมต้องส่งยอดให้นายอีกนะ"

"บอกนายว่าผมจะจ่ายเหมือนเดิม" กำนันกัดฟันพูดด้วยภาวะจำยอม

"แบบนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย แต่กำนันจะขาดทุนแย่นะสิ"

"ช่างมันเถอะครับ..."

...ไม่ต้องเสือกทำมาเป็นห่วงกูเลย ไอ้พวกเห็บหมา... เสียงกรนด่าของกำนันประเสริฐตอนนี้ดังได้แค่ในหัวเท่านั้น

"โอเค เอาอย่างที่กำนันว่าก็ได้ แต่ว่า..."

"นี่ครับ" กำนันประเสริฐยื่นกระเช้าของขวัญให้ก่อนที่นายตำรวจใหญ่จะพูดอะไรให้มากความ ก่อนจะพูดจาตัดรำคาญเพราะอยากจะไปจากที่นี้เต็มที "ผมว่าแค่นี้น่าจะพอนะครับ"

"แหม่ไม่น่าลำบากเลยนะครับ แต่ไหนๆ ก็เอามาแล้วผมก็คงต้องรับไว้ เรื่องต่อจากนี้เดี๋ยวผมจะไปคุยนายให้ละกัน" นายตำรวจใหญ่แหวกของขวัญในกระเช้าจนเห็นธนบัติจำนวนหนึ่งกระเช้าก็ยิ้มออก

"...งั้นผมลากลับก่อนนะครับ"

"ระวังไว้ด้วยนะกำนัน คราวหน้าคราวหลังอย่าปล่อยให้เป็นเรื่องข่าวใหญ่โตขึ้นมาอีก ไม่อย่างนั้นนายก็คงไม่อยากเอาตัวไปเสี่ยงด้วยหรอกนะ"

"ครับ..." กำนันประเสริฐตอบกลับโดยไม่ได้หันไปมอง ได้แต่หอบเอาความแค้นที่สุ่มอกออกจากห้องมา
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

jaojom

ของที่อาจารย์เจษอยากได้คืนคือกำไลนั่นรึเปล่าครับเนี่ย

knight18

ความแค้นครั้งนี้ช่างใหญ่หลวงนัก 555 สมน้ำหน้าโดนซะบ้าง กำนัน

Prasard Komkum


tatong2222

ทั้งสุธิภาและเจณิตา​ ห้ำหั่นกันน่าดู​ เห็นได้ถึงการไม่ยอมกันอย่างมาก​ อาจารย์​เจษนี่เสน่ห์​แรง​จริงๆ​ เกวลีก็จำอ๊อดได้​ น่าลุ้นว่าจะเกิดอะ​ไร​ขึ้น​อีก ::Angry::

boranman01


singkanong

แผนของอาจารย์เจษเริ่มเห็นผลแล้วต่อไปคงจะหนักข้อขึ้น ติดตามครับกำลังเข็มข้นเลย

err

#7
อาจารย์เจษ นี่เสน่ห์แรงจริง รอคุณนุ่นเชือดอาจารย์เจษ แบบฟ้าเหลืองเลย
จะเป็นไงนะถ้าอาจารย์เจษ จะได้ครอบครองมรดกของเสี่ยพิพัทธ์แทน  ทั้งลูกสาวและหลานสาวอีกคน

ns52800189NS

#8
กำไล...ใช่สิ่งเดียวกับที่เจษตามหาหรือไม่
แล้วดิว...ใครจะช่วยได้

ตอนนี้ไม่มีเรื่องราวของดิวเลย

mana0440


NNGGOO

#10
กำไลปริศนาน่าจะเป็นสิ่งที่อาจารย์เจษเคยถามถึงและอยากได้คืน  น่าซ่อนความลึกลับไว้เยอะ

biggiggog

เริ่มเล่นกันแรงขึ้นเรื่อยๆ
เดี๋ยวก็รู้ใครจะอยู่ใครจะไป
ขอบคุณครับ

Tyu744

ของนั้นคือกำไลรึเปล่า? รอดูณัฐฐาโดน"เอา"คืนให้สามสม

Sopun Jeekkee

ผู้เล่นเยอะมาก แต่ก็จำได้อยู่ เพราะไรท์ทำให้แต่ละคน มีบุคลิกต่างกัน อ่านง่ายขึ้น

chatjane4234