ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_llOUllnJllUUllSJllSJ

จ้าวโลก EP.23 (NTR/Harlem/Super Power)

เริ่มโดย llOUllnJllUUllSJllSJ, เมษายน 26, 2021, 06:53:52 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

llOUllnJllUUllSJllSJ

สำหรับคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก xonly8 อ่านเต็มได้ที่ https://fictionlog.co/b/6053b2ece9cbb4001caf362f


เผื่อคนงงๆ
ต่อ(พระเอก) : พระเอกของเรื่อง อยู่ดีๆโดนแฟนเก่า(อิง)ที่รักกันมากบอกเลิกแถมพาแฟนใหม่มาเอาที่ห้อง ตอนหลังมารู้ว่าตัวเองมีความสามารถทางสมองแบบพิเศษ
อิง : แฟนเก่าต่อ รุ่นน้องที่มหาลัย สไตล์ลูกคุณหนูย่านเยาวราช มีเหตุการณ์บางอย่าง ทำให้เลิกกับต่อ
แทน : แฟนใหม่ต่อ ตอนแรกมาคบกับต่อเพราะได้รับผลจากพลังของต่อโดยที่ต่อไม่รู้ตัว แต่ตอนหลังต่อแสดงความจริงใจบอกทุกอย่าง และด้วยความผูกพันธ์ ก็เลยรักกันจริงๆ
อีฟ : สมาชิกองค์กร ZINA ที่ถูกส่งมาให้ติดตามความเคลื่อนไหวของต่อเป็นปีๆ แฝงตัวในตัวรุ่นน้องที่มหาลัย
เดียร์ : เพื่อนสาวสุดแซ่บของต่อที่ทำงานเก่า ตอนหลังโดนแฟนเก่าของเดียร์รุมทำร้าย เลยหนีมาอยู่กับอีฟชั่วคราว (อีฟกับต่อพักคอนโดห้องติดกัน)
สตีฟ : สมาชิกหลักองค์กร ZINA หัวหน้าของอีฟ เป็นคนกำหนดภารกิจต่างๆให้ต่อและอีฟทำ
แชร์ล็อต : เพื่อนร่วมงานผิวสีของอีฟ อยู่องค์กร UNX ประจำสาขาอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
น้าไพลิน : เพื่อนของแม่ต่อ สมาชิกองค์กร UNX และเป็นคนอุปถัมป์ต่อแบบลับๆ


ความเดิม
อีฟพาต่อมาตรวจร่างกายที่สำนักงานใหญ่ของ UNX ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ทำให้ค้นพบความสามารถทั้งหมด แต่ก็มาพร้อมกับข่าวร้ายที่ว่า ต่อมีเนื้องอก ซึ่งการใช้พลังส่งผลต่อการโตของเนื้องอกในสมอง และในระหว่างที่ต่อเข้าห้องน้ำที่ร้านอาหาร ก็มีชายชาวอาหรับสองคนตามเข้ามา พร้อมกับบอกว่า อย่าเชื่อใจอีฟ และต่อก็สลบไป





ภาพที่ผมเห็นเป็นภาพแรกในตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมา คืออีฟที่ก้มลงมามองผมอยู่พร้อมกับเรียกผมด้วยน้ำเสียงและสายตาเป็นกังวล ผมกำลังนอนหนุนตักเธออยู่บนพื้นห้องน้ำ ผมคงหายไปนานและเธอคงเข้ามาตามหาผม

"พี่ เป็นไงมั่ง เป็นอะไรหรือเปล่า" อีฟถามผมด้วยน้ำเสียงร้อนรน

"เกิดอะไรขึ้น" ผมถามเธอกลับไปอย่างงงๆพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ

แล้วความทรงจำผมก็เริ่มกลับมา ไม่มีแขกขาวสองคนนั้นแล้ว มีแค่พนักงานของร้าน 2-3 คนที่กำลังยืนดูผมอยู่พร้อมกับรอดูว่าจะต้องช่วยเหลืออะไรผมมั้ย ผมสำรวจตัวเอง ไม่มีบาดแผล ไม่มีบาดเจ็บอะไร ทุกอย่างในร่างกายเป็นปกติ เหมือนกับว่าอยู่ดีๆผมแค่วูบไป

"พี่หายไปนาน อีฟเลยมาดู แล้วเห็นพี่นอนสลบอยู่ในห้องน้ำเนี่ย นึกว่าเป็นอะไรไปซะแล้ว" อีฟพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ผมจับความรู้สึกได้ว่าเธอเป็นห่วงผม

"แล้วสองคนนั้นไปไหนแล้ว" ผมถามอีฟ

"สองคนไหน" เธอถามผมด้วยความสงสัย

"แขกขาวสองคนนั้นไง เค้ามาคุยกับพี่ในห้องน้ำ.." ผมเว้นช่วงไว้ ไม่ได้เล่าให้อีฟฟังว่าคุยอะไน

"ไม่เห็นมีนะ อีฟเข้ามาก็เจอพี่อยู่คนเดียว ใช่คนเดียวกับที่เจอที่บ้านแอนน์ ฟรังค์มั้ย" อีฟถามกลับ

"อื้อใช่" ผมตอบพลางลุกขึ้นด้วยแรงประคองจากอีฟ ส่วนพนักงานคนอื่นเห็นว่าไม่มีอะไร ก็เริ่มแยกย้าย

อีฟพาผมกลับมานั่งที่โต๊ะเดิม ผมไม่เห็นวี่แววของสองคนนั้นแล้ว คงไปแล้วแหละ แต่เรื่องที่คุยกัน ยังคงดังก้องอยู่ในหัวผม

"ตกลงเกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่เป็นลมในห้องน้ำ" อีฟถามผมในตอนที่เรากลับมาที่โต๊ะ

"ก็ เมื่อกี๊พี่มาฉี่ แล้วผู้ชายสองคนนั้นก็เดินตามเข้ามาในห้องน้ำ แล้วมาฉี่ข้างๆพี่ แล้วก็บอกว่า เป็นคนจาก ZINA เดี๋ยวกลับไทยสตีฟมีเรื่องจะคุยด้วย" ผมเล่าเหตุการณ์ในห้องน้ำให้อีฟฟังโดยไม่ได้บอกทั้งหมด

"แค่นั้นอ่ะนะ?" อีฟถามผมด้วยความสงสัย แน่นอน อีฟเป็นคนฉลาด มีเหรอเธอจะไม่รู้ว่ามันไม่เม้คเซ้นส์ที่สองคนนั้นจะตามเรามาตั้งนานเพื่อจะบอกผมแค่นั้น

"อีฟ.." ผมถามอีฟที่ยื่นแก้วน้ำประคองให้ผมดื่ม

"คะ?"

"พี่เชื่อใจอีฟได้มั้ย" ผมจ้องตาเธอ อีฟมองตาผมกลับ สายตาเราสองคนประสานกัน และแม้ว่าผมจะมีความสามารถพิเศษด้านการอ่านจิตใจเหมือนอีฟ แต่ก็ไม่ได้เก่งเท่าเธอ ที่สำคัญ ผมไม่สามารถควบคุมมันได้

"ทำไมพี่ถามอีฟแบบนี้" อีฟถาม

"เห้ออ.. ตอนนี้พี่สับสนไปหมดแล้ว"

"พี่มีอะไรคุยกับอีฟได้นะ" อีฟบอกผมด้วยน้ำเสียงกังวล

"อีฟ.. สองคนในห้องน้ำ.. บอกให้พี่.. อย่าเชื่อใจอีฟ" ผมตัดสินใจบอกเธอไป แน่นอนว่า ถ้าอีฟกำลังหลอกผมอยู่ ผมก็คงไม่สามารถจับเธอได้แน่ๆ แต่อย่างน้อย ผมก็ยังอยากจะเหลือมุมจริงใจไว้กับเธอบ้าง

"สองคนนั้นที่มาจาก ZINA เหรอ" อีฟขมวดคิ้วถามผม ผมพยายามจับอาการของเธอ พยายามจับความรู้สึกของเธอ แต่ในเวลาที่จะอยากใช้พลังอย่างที่สุดแบบตอนนี้ ผมกลับไม่สามารถใช้ได้ บ้าชะมัด

"ใช่ ถ้าอีฟหลอกพี่ พี่ก็รู้ว่าไม่ควรจะบอกอีฟนะ แต่.. พี่ไม่อยากให้ความสุขเมื่อวานกับวันนี้เป็นเรื่องโกหก.." ผมก้มหน้ามองพื้น พลางนึกถึงความสุขเมื่อวาน วันที่ผมกับอีฟต่างมีความสุขด้วยกัน ผมยังเชื่อในความรู้สึกเหล่านั้นอยู่ ใจผมไม่เชื่อหรอกว่าอีฟจะเอาตัวเข้าแลก เอาความรู้สึกเข้าแลก เพื่อจะหลอกให้ผมตายใจ

"พี่..." อีฟเอื้อมสองมือมาประคองแก้มผมให้มองหน้าเธอ

"อีฟรู้ว่าเราเพิ่งเจอเรื่องช็อคๆมา เรื่องเนื้องอก แล้วก็เรื่ององค์กรอะไรบ้าบอพวกนี้ อีฟรู้ว่ามันหนักสำหรับพี่ อีฟก็เจอแบบพี่นี่แหละ แล้วอีฟรู้ว่า ทุกอย่างมันจะยุ่งเหยิงได้อีก อีฟไม่รู้ว่ามันจะซับซ้อนอะไรยังไง แต่อีฟบอกได้คำเดียวว่า ความรู้สึกของอีฟที่มีกับพี่.. มันไม่ใช่เรื่องโกหกนะ" อีฟบอกผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"พี่รู้ แต่ตั้งแต่วันที่พี่เลิกกับอิงมา จากวันนั้นถึงวันนี้ แค่สองอาทิตย์กว่าๆ ชีวิตพี่เหมือนรถไฟเหาะเลย มีเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้นซะจนพี่ตามไม่ทันจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนพี่คงไม่คิดอะไรมาก แต่พอเป็นแบบนี้ พี่ก็ชักจะเกลียดตัวเองเหมือนกัน ที่ใครมาบอกอะไรก็ลังเลไปซะหมด" ผมระบายความอัดอั้นให้เธอฟัง

"อื้อ อีฟเข้าใจ สำหรับพี่มันแค่สองอาทิตย์.. ที่พี่รู้จักอีฟ แต่สำหรับอีฟ อีฟรู้จักพี่มานานแล้ว พี่จะสงสัยในตัวอีฟก็ไม่เป็นไรหรอก แต่อีฟจะบอกว่า อีฟไม่เคยสงสัยอะไรในตัวพี่นะ อีฟเชื่อในตัวพี่ และจะหนุนหลังพี่เสมอ" อีฟสบตาผมพลางพูดด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น

ผมพยายามมองดวงตาสวยของเธอคู่นั้น พยายามใช้สมองที่มีความสามารถพิเศษ แต่ก็ไม่ได้อะไร ผมไม่สามารถควบคุมการทำงานของพลังในการอ่านจิตใจคนได้ มันมาๆหายๆเท่านั้น เท่ากับว่าอยู่ที่ผมเองแล้ว ว่าจะเลือกเชื่อใจอีฟหรือเปล่า

ผมนั่งนึกย้อนดู แม้ว่าจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่อีฟก็คอยซัพพอร์ทคอยหนุนหลังผมตลอด ผมรู้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของภารกิจ แต่หลายต่อหลายครั้ง ผมก็สัมผัสได้ว่า เธอจริงใจกับผมเหมือนกัน อาจจะเป็นเพราะแบ็คกราวด์ชีวิตของเราสองคนคล้ายกัน ทั้งผมและเธอมีพลังพิเศษ ถูกองค์กรลับดึงเข้ามาทำงานและใช้ประโยชน์ แถมต้องเสียพ่อแม่ไปตั้งแต่เด็กทั้งคู่ ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวและเติบโตมาด้วยตัวเองทั้งคู่

ผมลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว บางคนอาจจะว่าผมโง่ก็ได้นะ หรือบางคนอาจจะเห็นว่าความรักบังตา เลยทำให้ตาบอด แต่สำหรับผมแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องเชื่อชายแปลกหน้าที่ผมเพิ่งจะเคยเจอหน้าแค่วันเดียว ถ้าเทียบแล้ว ผมขอเชื่ออีฟดีกว่า และผมค่อนข้างมั่นใจว่า เธอจะไม่ทรยศต่อความรู้สึกของผมที่มีต่อเธอแน่ๆ

"อื้อ พี่เชื่ออีฟ พี่รักอีฟนะ แต่.. พี่ขออะไรอย่างหนึ่งได้มั้ย" ผมพยักหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆให้เธอ

"ว่าไงคะ" อีฟถามพร้อมกับลูบแก้มผมเบาๆแบบไม่อายสายตาคนที่นั่น แต่ก็นะ วัฒนธรรมยุโรปคงไม่ใช่เรื่องแปลกซักเท่าไหร่ที่คู่รักจะนั่งสวีทกันกลางแจ้ง

"พี่พูดเผื่อไว้นะ ถ้าพี่เข้าใจผิด ถ้าพี่ถูกอีฟหลอก อีฟอย่าปล่อยให้พี่มีชีวิตอยู่ต่อเลยนะ พี่รู้ว่าการถูกหักหลังมันเจ็บปวดแค่ไหน ความรู้สึกตั้งแต่โดนอิงทิ้ง พี่ยังจำได้ดี ฉะนั้น ถ้าสมมติถึงวันไหนที่อีฟหลอกใช้พี่จริงๆ อีฟช่วยอย่าไว้ชีวิตพี่เลยนะ พี่ขอร้อง.." ผมบอกเธอไป ก็อย่างที่บอกเธอแหละครับ ผมโดนอิงหักหลังมาแล้ว แม้ว่าตอนหลังผมจะรู้ว่ามีคนใช้เธอเป็นเครื่องมือ และอิงไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งผมไปก็เถอะ แต่ความรู้สึกเจ็บปวดตอนนั้นมันเป็นของจริง มันเป็นสิ่งที่ผมสัมผัสมันจริงๆ และผมคงรับไม่ได้ ถ้าผมจะต้องรู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง.. กับอีฟ

"ไม่เอา อย่าพูดแบบนี้สิ พี่จำคำอีฟไว้เลย อีฟไม่มีวันหักหลังพี่" เธอบอกเสียงแข็ง

"ก็บอกเผื่อไว้เฉยๆ" ผมยิ้มบอกเธอ

"ตกลงพี่โอเคยัง อยากพักก่อนมั้ย" อีฟถามผม

"โอเคแล้ว แต่ที่วูบไปเพราะอะไรไม่รู้ ไม่รู้เพราะเนื้องอกหรือเปล่า" ผมบอกเธอ เพราะผมจำไม่ได้เลยว่าผมวูบไปตอนไหนก็ไม่รู้

"อีฟว่าเดี๋ยวนัดไปตรวจเพิ่มดีกว่า จะได้สบายใจ" อีฟบอก

"แล้ว.. ถ้ามันรักษาไม่หายล่ะ" ผมหันมาถามเธอด้วยความกังวลเล็กๆ

"โถ่พี่ อีฟบอกแล้ว มะเร็งปอดระยะสุดท้าย UNX ยังรักษามาแล้ว แค่ยังไม่เปิดเผยเทคโนโลยีให้คนทั่วไปเฉยๆ พี่ไม่ต้องห่วงหรอก" อีฟตอบผม



หลังอาหารเที่ยงมื้อนั้น ในแพลนแรกของเราคือจะเดินทางไปเช็คอินที่โรงแรมใหม่เลย ซึ่งสาเหตุที่เราเปลี่ยนโรงแรม เพราะน้าไพลินจองในช่วงวันหยุดยาวแบบกระชั้นให้เรา แล้วห้องมันเต็ม เลยต้องเปลี่ยนโรงแรม ซึ่งก็ถือว่าเปลี่ยนบรรยากาศไปในตัว ซึ่งหลังจากที่เราได้รับอีเมล์ผลตรวจร่างกายจาก UNX แล้ว อีฟเลยเปลี่ยนแผนกระทันหัน เธอต้องการให้ผมไปตรวจร่างกายที่ตึกของ UNX ให้เร็วที่สุด เธอให้เหตุผลว่า ไม่ใช่เพราะอาการผมเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่อยากให้ผมสบายใจเท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นวันคริสมาสต์ แม้ UNX จะเป็นองค์กรลับระดับโลก แต่วันหยุดก็คือวันหยุด ที่สำคัญวันนี้คือวันที่ครอบครัวจะมาพบปะกันด้วย ทำให้การเข้าไปตรวจวันนี้เลยอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายซักเท่าไหร่ แต่โชคดีที่อีฟรู้จักคนในอย่างแชร์ล็อต และนั่นคือเหตุผลที่เราสองคนมาที่นี่


เราสองคนยืนอยู่หน้าบ้านหลังไม่ใหญ่นัก ก่อด้วยอิฐแดงที่ดูแล้ว น่าจะสร้างมาหลายสิบปีแล้ว แต่มองผ่านกระจกหน้าต่างก็สังเกตุได้ว่า ภายในบ้านนั้นตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นไม่เหมือนกับตัวบ้านเท่าไหร่นัก นี่คือบ้านของแชร์ล็อต เธอให้เรามาหาเธอที่บ้านเพื่อจะทานอาหารเย็นร่วมกันกับครอบครัวเธอก่อน แล้วเธอจะพาเราไปตรวจร่างกายที่ตึกของ UNX

"ไฮ~ เจอกันอีกแล้วว" แชร์ล็อตยิ้มกว้างในทันทีที่เปิดประตูหน้าบ้านออกมาต้อนรับเราแล้วโผเข้ากอดอีฟ

"เมอร์รี่คริสมาสต์น้าา" อีฟกอดแชร์ล็อตตัวกลมพลางอวยพร

"มาๆเข้ามาๆ สามีกับลูกๆอยู่ข้างใน" แชร์ล็อตเดินนำหน้าเราสองคนเข้าบ้าน และนั่นทำให้ผมเพิ่งจะรู้ว่า แชร์ล็อตมีลูกมีสามีแล้ว ซึ่งก็คงเป็นเรื่องธรรมดาของฝรั่ง ที่มักจะมีครอบครัวกันตั้งแต่อายุน้อยๆ

"นี่โทนี่ สามีเรา แจนนี่อีฟ ส่วนนี่ต่อ" แชร์ล็อตแนะนำชายผิวสีที่กำลังขะมักนั่งอ่านหนังสือพิมอยู่ที่โซฟา

"สวัสดีครับ มานั่งด้วยกันๆ" โทนี่บอกผมพลางขยับให้นั่งโซฟาข้างๆ

"เดี๋ยวอีฟไปช่วยแชร์ล็อตทำอาหารนะ" อีฟหันมาบอกผมแล้วเดินไปทางครัวกับแชร์ล็อต พร้อมพูดคุยกระซิบกระซาบอะไรกันก็ไม่รู้พลางเหลือบมามองที่ผม สงสัยนินทาอะไรผมสักอย่างแน่ๆ

จะว่าไป แชร์ล็อตคือคนแรกที่ผมสนิทกับอีฟขนาดนี้เลยนะ ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้มาก่อนว่าเธอจะมีเพื่อนคนอื่น และแม้ว่าแชร์ล็อตนั้นจะอายุมากกว่า ซึ่งผมเดาๆว่าน่าจะอายุราว 24-25 แต่ในวัฒนธรรมฝรั่ง ก็ไม่ได้มีเรื่องอายุมาเป็นกำแพงกั้นมิตรภาพ

"คุณต่อใช่มั้ย เป็นคนเอเชียเหรอครับ" โทนี่ถามผมเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งผมก็พอจะฟังรู้เรื่อง แต่ปัญหาคือการตอบนี่สิ เดาว่านี่คงเป็นปัญหาของคนไทยที่ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษทุกคนละมั้ง

"อ่า.. ใช่ครับ เป็นคนไทย ขอโทษครับ ผมพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง" ผมพยายามบอกโทนี่ไป ผมอยากคุยกับเขานะ แต่การสื่อสารก็เป็นปัญหาจริงๆ

"ไม่เป็นไร ผมจะพูดช้าๆ ดีใจที่คุณมาทานข้าวกับเรานะครับ" โทนี่พูดยิ้มๆ

"อ่อ เช่นกันครับ" ผมตอบไปโดยไม่รู้จะตอบอะไร ให้ตายสิ เกร็งชะมัด

"คุณมาที่ฮอลแลนด์ครั้งแรกมั้ย" โทนี่ถามผมด้วยภาษาอังกฤษง่ายๆช้าๆ

"ใช่ครับ ผมไม่เคยไปต่างประเทศเลย นี่ครั้งแรกเลย" ผมตอบ

"มาแล้วเป็นยังไงบ้าง ชอบมั้ย" โทนี่ถามผม

"ชอบครับ ที่นี่สวยมาก อากาศก็ดี โรแมนติคมาก" ผมตอบกลับ พลางนึกถึงบรรยากาศที่สะพานข้ามคลองในอัมสเตอร์ดัมเมื่อวาน มันคงจะเป็นภาพจำที่ผมจำไปจนวันตาย

"ดีครับ ดีใจที่คุณชอบที่นี่" โทนี่บอก

"คุณแต่งงานกับแชร์ล็อตนานหรือยัง" ผมถามโทนี่ไป โดยพยายามนึกคำศัพท์ทั้งหมดที่มีในหัว

"เราแต่งงานกันเมื่อปีที่แล้วนี้เอง แต่เรามีลูกด้วยกันตั้งแต่ 5 ปีที่แล้วแล้ว" โทนี่บอก แสดงว่าทั้งคู่มีลูกด้วยกันก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยแต่งงานกัน เรื่องนี้คงจะแปลกถ้าเป็นที่ไทย แต่สำหรับคนที่นั่น คงเป็นเรื่องปกติ

"ยินดีด้วยครับ" ผมบอก

"ขอบคุณครับ"

"เออ.. ผมถามหน่อยสิ คุณเคยมีปัญหาเรื่อง.. การเชื่อใจกันบ้างมั้ย" ผมขยับตัวถามโทนี่เสียงเบา กลัวว่าอีฟที่อยู่ที่ห้องครัวโน่นจะได้ยิน

"การเชื่อใจกันเหรอ ก็ไม่นะ คุณมีอะไรหรือเปล่า" โทนี่ถามผมกลับ

"เปล่าหรอก ผมคงอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กน่ะ เลยอาจจะไม่ค่อยชินเวลามีแฟน" ผมบอกไป แต่ไม่ได้บอกโทนี่ว่า ผมเคยมีแฟนแล้ว และเพิ่งจะเลิกกันไป

"ผมว่า การเชื่อใจกัน โดยเฉพาะในชีวิตคู่ มันเหมือนจับเชือกคนละด้าน แล้วกระโดดจากยอดตึกไปคนละฝั่ง ถ้ามีใครสักคนปล่อยเชือก ไม่ใช่แค่คนเดียวที่จะตาย แต่เป็นทั้งคู่เลย ที่จะตกลงไปตายข้างล่าง" โทนี่พูดช้าๆให้ผมเข้าใจ

"ผมกับแชร์ล็อตคบกันมานาน มันก็มีบ้างแหละที่ทะเลาะกันไม่เข้าใจกัน แต่เพราะผมรักแชร์ล็อต และแชร์ล็อตรักผม ทำให้ไม่ว่าเราจะทะเลาะหนักแค่ไหน เราทั้งคู่ต่างก็เชื่อใจกันว่า เราจะไม่มีวันทำร้ายกันเด็ดขาด ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ นั่นแหละ คือความเชื่อใจ ซึ่งเป็นผลมาจากความรักนั่นแหละ" โทนี่พูดต่อ

"แสดงว่า สำหรับคุณแล้ว ยิ่งรักมาก ยิ่งเชื่อใจมากเหรอครับ" ผมถามโทนี่ไป

"ใช่สิ ถ้าคุณยังสงสัยอะไรในตัวคนรักของคุณ นั่นแสดงว่าคุณยังรักเขาไม่มากพอไงล่ะ" โทนี่พูดประโยคแทงใจดำผม

จริงอยู่ว่าเวลาผมกับอีฟมันแค่สองอาทิตย์ แถมเป็นสองอาทิตย์ที่ผมก็ดันมีทั้งแทน มีทั้งอิง มีทั้งเดียร์เข้ามาพัวพัน แต่ผมก็พูดจริงๆว่า ผมรู้สึกดีกับอีฟไม่น้อยไปกว่าแทนซะด้วยซ้ำ มันเป็นความสบายใจของผมที่อย่างน้อย อีฟก็เป็นคนที่ผมสามารถคุยได้ทุกเรื่อง ผมไม่สามารถปรึกษาแทนได้ว่า ถ้าผมอยากให้อิงกลับมา ผมจะทำยังไง ผมไม่สามารถคุยกับเดียร์ได้ว่า ผมอยากใช้พลังแบบนั้นแบบนี้ จะได้มั้ย ที่สำคัญ ผมยังไม่เคยแสดงด้านที่อ่อนแอกับผู้หญิงคนไหน ไม่ว่าจะแทน อิง หรือเดียร์ แต่สำหรับอีฟแล้ว เธอเห็นทุกด้านของผมแล้วจริงๆ

ผมเหลือบมองไปที่โต๊ะอาหาร อีฟกำลังจัดโต๊ะอาหารกับแชร์ล็อต ทั้งคู่พูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานตามประสาผู้หญิง ผมไม่เคยเห็นอีฟในมุมนี้เลย มุมที่เธอมีคนรู้จักที่สนิทกับเธอมานาน และเธอสามารถพูดคุยได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ

แล้วผมก็ตัดสินใจได้ ตอนนี้ผมแน่ใจแล้ว ว่าจะไม่เอาสิ่งที่แขกขาวสองคนนั้นพูดกับผมในห้องน้ำมาเป็นสาระ ผมเลือกที่จะเชื่อใจอีฟ เลือกที่จะมีความสุขกับอีฟดีกว่า ส่วนสตีฟ กลับไทยไป ผมจะดูว่าเขาจะพูดว่าไง ก็เท่านั้น



หลังอาคารค่ำวันคริสมาสต์มื้อนั้น แชร์ล็อตขับรถพาผมกับอีฟมาที่อาคาร UNX ที่ผมเคยมาตรวจร่างกายไปแล้ว โทนี่ไม่ได้มาด้วย เพราะต้องพาเด็กๆเข้านอน และผมก็ไม่ได้ถามด้วยว่า โทนี่นั้นรู้มั้ยว่าแชร์ล็อตทำงานอะไร กลัวว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากเกินไป

แม้ว่าจะเป็นวันคริสมาสต์ แทบจะไม่มีใครอยู่ที่ตึก แต่ระบบรักษาความปลอดภัยของตึกยังคงดีเยี่ยม รวมไปถึงรปภ.ที่เข้าเวรที่ตึก โชคดีที่แชร์ล็อตนั้นเป็นหัวหน้าแผนกตรวจร่างกาย จึงไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่นักที่จะพาเรากลับเข้าไปในห้องตรวจร่างกายห้องนั้น

"เดี๋ยวต่อเปลี่ยนชุดแบบเดิมนะ รอบนี้เราจะตรวจร่างกายอีกแบบ แต่ก็เข้าเครื่องเดิมนี่แหละ" แชร์ล็อตหันมาบอกผมในตอนที่เราสามคนเดินเข้ามาถึงห้องควบคุมที่มีกระจกใหญ่กั้นเป็นกำแพงระหว่างแผงควบคุมกับห้องตรวจร่างกาย

"โอเคครับ" ผมพยักหน้าพลางรับชุดที่แชร์ล็อตยื่นมาให้

"รอบนี้อีฟก็เข้าไปกับต่อนะ เพราะในอาจจะตรวจนานหน่อย อยากให้อีฟเข้าไปเป็นเพื่อนคุยกับต่อ" แชร์ล็อตหันมาบอกอีฟ

"หือ ต้องเข้าด้วยเหรอ" อีฟถามอย่างงงๆ

"ใช่ แต่ไม่ได้เข้าไปในเครื่อง แค่เข้าไปอยู่ในห้อง เพื่อคุยเป็นเพื่อนต่อเฉยๆ" แชร์ล็อตบอก

"อ๋อ โอเค" อีฟพยักหน้ารับคำ

หลังเปลี่ยนชุดเสร็จ ผมเดินเข้าห้องตรวจร่างกายกับอีฟและแชร์ล็อต โดยเป็นแชร์ล็อตที่ประคองผมให้นอนที่เตียงของเครื่องตรวจร่างกายขนาดยักษ์นั้น พร้อมกับรัดข้อมือและเท้าผมติดกับเตียง ถ้าเป็นครั้งแรกผมก็คงจะตกใจ แต่ผมเคยผ่านมันมาแล้ว เลยไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร

"พร้อมมั้ย" อีฟที่ยืนอยู่ข้างเตียงถามผม

"อื้ม แล้วอีฟจะอยู่ในห้องนี้ตลอดเลยเหรอ" ผมถามเธอไป

"ใช่ รอบนี้แชร์ล็อตบอกว่าพี่จะไม่หลับแบบรอบที่แล้ว เราคุยกันได้ปกติแหละ" อีฟบอก

"โอเค ทุกอย่างพร้อมแล้ว เตรียมตัวนะ" แชร์ล็อตบอกผมกับอีฟพร้อมกับเดินออกจากห้องตรวจร่างกายไป ทิ้งผมไว้กับอีฟในห้องเพียงลำพัง

"อีฟ.. ถ้าผลการตรวจมันไม่โอเค พี่อยากบอกว่า พี่ดีใจที่ได้รู้จักอีฟนะ" ผมพยายามเงยหน้ามองไปที่อีฟที่ยืนมองผมอยู่ปลายเตียง

"จะมาดราม่าอะไรอีก บอกว่าไม่เป็นไรก็ไม่เป็นไรสิ" อีฟบอก

"ก็บอกเผื่อไว้ก่อน"

"เชื่อเถอะว่าไม่เป็นไรหรอก ที่นี่รักษาได้อยู่แล้ว" อีฟเอื้อมมือมาจับผมพร้อมกับยิ้มให้กำลังใจ พอเห็นรอยยิ้มจากอีฟ ความกังวลใจของผมก็หมดไปแล้วแหละ ยังไงซะ เราก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ สู้มีความสุขกับปัจจุบัน มีความสุขกับรอยยิ้มตรงหน้าดีกว่า

"อื้อ" ผมตอบรับคำเธอสั้นๆพร้อมกับยิ้มกลับ

ไม่กี่ชั่วอึดใจหลังจากนั้น เตียงที่ผมนอนอยู่ ก็ค่อยๆเลื่อนเข้าไปในเครื่องที่มีลักษณะเป็นอุโมงขนาดใหญ่ แต่คราวนี้ไม่มีแสงอะไรจากเครื่องอีกแล้ว ผมยังคงรู้สึกตัวตลอดเวลาที่อยู่ภายในเครื่องนั้น ผมรับรู้ได้ว่าเครื่องทำงานของมันไปเรื่อย

การรอคอยนั้นทำให้เวลาดูช้ากว่าความเป็นจริงเสมอ เพราะแม้ว่าจะใช้เวลาไม่นานที่เครื่องนั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันนานแสนนาน ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะตรวจเสร็จ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ขั้นตอนไหนแล้ว สิ่งเดียวที่ผมรู้และทำได้ คือการนอนมองเพดานอุโมงค์กลมๆภายในเครื่องตรวจร่างกายอย่างเดียว

จนกระทั่งผมได้ยินเสียงเครื่องหยุดทำงาน เตียงที่ผมนอนก็ค่อยๆเลื่อนออกมา อีฟยังคงยืนอยู่ที่เดิม

"เป็นไงมั่ง กลัวมั้ย" อีฟยิ้มกว้างถามผมในตอนที่เตียงเลื่อนออกมาสุดแล้ว

"กลัวอะไร แค่เครื่องตรวจ" ผมบอกเธอ

"ก็ถามดู เผื่อจะมีคนขี้ขลาด"

"อย่าเพิ่งพูดมาก ช่วยแกะให้หน่อย โดนมัดกับเตียงแล้วเหมือนจะโดนเชือดยังไงไม่รู้สิ" ผมบอกอีฟไป

"เนี่ยเห็นมั้ย มีคนกลัวจริงๆด้วย" อีฟแซวผมในขณะที่เอื้อมมือมาปลดพันธนาการที่มัดผมไว้กับเตียง

และก่อนที่ผมจะได้ตอบอะไรอีฟ แชร์ล็อตก็เปิดประตูเดินเข้ามาพร้อมกระดาษในมือ

"ผลแบบละเอียดมาแล้ว" แชร์ล็อตพูด ทำเอาผมกับอีฟหยุดคุยและพร้อมใจกันหันไปฟังแชร์ล็อตทันที

"อ่ะพร้อม" ผมบอก

"ตัดรายละเอียดอื่นออกเลยนะ สรุปเลยว่า เนื้องอกที่พบ ยังเป็นแค่ชิ้นเล็ก อยู่ในระยะแรกตรงบริเวณที่เรียกว่า Frontal Lobe ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว การออกเสียง ความคิด ความจำ อะไรทำนองนี้ แต่ขนาดของเนื้องอก เหมือนจะยังไม่ส่งผลอะไรตอนนี้ เคยมีอาการอะไรผิดปกติกับร่างกายมั้ย" แชร์ล็อตร่ายยาวก่อนจะเงยหน้ามาถามผมในประโยคหลัง

"มีล้มวูบไป แล้วก็ต้องใช้เวลาสักพักว่าเกิดอะไรขึ้น ล่าสุดก็วันนี้แหละเมื่อเช้า" ผมตอบเธอไป

"อาจจะเป็นผลมาจากเนื้องอกนี้ก็เป็นได้ แต่เท่าที่ดู เหมือนจะยังไม่ได้กระทบอะไรจริงจัง คำแนะนำคือ ผ่าตัดออกได้ดีกว่า แต่อันนี้ผ่าที่ไทยก็ได้ เดี๋ยวให้ UNX ประสานโรงพยาบาลที่ไทยได้ ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์อะไรที่นี่ เพราะเป็นเนื้องอกธรรมดา" แชร์ล็อตบอก

"แล้วต้องรีบผ่ามั้ย" อีฟถาม

"ที่จริงก็ไม่ต้องรีบขนาดนั้น อย่างที่บอก มันแค่ระยะแรกอยู่เลย แต่เดี๋ยวทำนัดที่ไทยให้ ในระหว่างนี้ ต่อพยายามอย่าใช้พลังสมอง ไม่งั้นมันจะส่งผลต่ออัตราการโตของเนื้องอกนั้น และอาจจะลุกลามเป็นเนื้อร้ายได้" แชร์ล็อตตอบ

"เฮ้อ! แบบนี้ค่อยสบายใจหน่อย" อีฟถอนหายใจโล่งพลางหันมามองหน้าผม

หลังจากนั้น เราก็เก็บเอกสารที่จำเป็นไว้ โดยแชร์ล็อตขับรถมาส่งเราที่โรงแรมใหม่ที่เราจะเข้าพัก โดยเธอจะเร่งทำการนัดโรงพยาบาลที่ไทยเพื่อทำการผ่าตัดให้ผมหลังปีใหม่ 

สำหรับผมตอนนี้ พอได้ฟังแล้วมันก็สบายใจขึ้น เพราะมันยังไม่ใช่เนื้อร้าย และมันยังแค่ระยะแรกอยู่เลย ที่สำคัญ ผมเชื่อตามที่อีฟบอก ว่า UNX มีเทคโนโลยีและวิทยาการที่ดีพอจะจัดการได้

แชร์ล็อตส่งเราสองคนที่หน้าโรงแรมพร้อมกระเป๋าเดินทาง แล้วเธอก็ขับรถจากไป ผมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของอีฟและของผมเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ในระหว่างที่อีฟกำลังติดต่อเช็คอิน

โรงแรมนี้ดูหรูหรากว่าโรงแรมแรกพอสมควร อีฟบอกว่า น้าไพลินตั้งใจจะจองโรงแรมนี้ไว้ตลอดทริป แต่ช่วง 2 วันแรกที่เรามาถึงนั้น โรงแรมเต็ม เลยจำเป็นต้องพักที่โรงแรมแรกก่อนจะย้ายมาที่นี่วันนี้

"อ่ะ ห้องติดกัน" อีฟยื่นกุญแจห้องให้ผม ส่วนเธอถืออีกอันไว้ในมือ

"อ่า.. สองห้องเหรอ" ผมถามเธอในระหว่างเดินตามเบลล์บอยลากกระเป๋ามาที่ลิฟท์ให้

"สองห้องสิ เดี๋ยวพี่แทนตามมา เดี๋ยวอีฟนอนกับพี่แทน" อีฟบอกในระหว่างที่เราอยู่ในลิฟท์

ใช้เวลาไม่นาน ลิฟท์ก็พาเราสองคนมาถึงชั้นที่พักที่ไม่สูงนัก เราสองคนยืนไขกุญแจหน้าห้องพักที่อยู่ติดกัน จริงๆแล้วผมอยากให้เธอนอนกับผมมากกว่า ไหนๆก็ไหนๆแล้วนี่

"เอ้อ.. อีฟ.." ผมหันไปหาเธอในขณะที่เธอไขประตูห้องเสร็จและกำลังจะเดินเข้าห้อง

"คะ?" อีฟเลิกคิ้วหันมามองผม

"เอ่อ.. อีฟนอนห้องเดียวกับพี่มั้ย.." ผมกลั้นใจถามเธอไป

"ไม่!!" อีฟตอบทันทีพร้อมกับปิดประตูใส่หน้าผม เอ้อ... ความโรแมนติคเมื่อเช้าหายไปไหนหมดวะ



...........


ห้องพักโรงแรมนี้ใหญ่กว่าโรงแรมที่แล้ว ยังคงมีอ่างจากุชชี่เหมือนเดิม แต่คราวนี้มีม่านปิดกั้นอย่างดี ผมลากกระเป๋าวางไว้ข้างเตียงพลางทิ้งตัวลงนอนหยิบโทรศัพท์มาเล่น และพบว่า แทนส่งไลน์มาหาผม

แทน : เมอร์รี่คริสมาสต์นะ อย่าเที่ยวเพลินล่ะ มารับแทนด้วยนะ

ต่อ : อ่าวแทน ขอโทษทีเพิ่งเห็นข้อความ เมอร์รี่คริสมาสต์เหมือนกัน

แทน : อ่าว แทนกำลังจะนอนพอดีเลย โชคดีนะที่เธอไลน์มาก่อน วันนี้เป็นยังไงบ้าง

ต่อ : เหนื่อย วันนี้ตอนเช้าไปพิพิธภัณฑ์แอนน์ ฟรังค์ ตอนบ่ายเข้าไปทำธุระที่ตึก UNX เหนื่อยมากเลย

แทน : โอ๋ๆ งั้นพักผ่อนนะ

ต่อ : ที่ไทยกี่โมงแล้ว แล้ววันนี้แทนไปไหนมาบ้าง

แทน : ตอนนี้ตี 2 กว่าแล้ว วันนี้แทนเอาผ้าไปซักมาเพิ่งกลับถึงคอนโดเกือบ 5 ทุ่มแน่ะ ป้าชวนกินข้าวเย็น ตอนกลางวันแทนไปแคสงานมา วันนี้มีแคสสปอตโฆษณา

ต่อ : เหรอ งั้นแทนนอนพักได้แล้ว อย่าลืมเก็บกระเป๋าด้วยนะ เดี๋ยวเราไปรับแทนนะ

แทน : โอเค คิดถึงต่อนะ

ต่อ : คิดถึงแทนเหมือนกัน ฝันดีนะ

แทน : ฝันดีจ้ะ

แล้วเราก็จบบทสนทนาด้วยสติ๊กเกอร์ไลน์น่ารักๆ และทันใดนั้นเอง



ก๊อกๆๆ~!

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมลุกขึ้นเดินไปที่ประตูพร้อมกับมองผ่านตาแมวที่ประตู ภาพที่เห็นคืออีฟกำลังยืนกอดกระเป๋าเป้อยู่หน้าห้อง



สวัสดีครับคุณผู้อ่านทุกคน

ก่อนอื่นขอบอกว่า คิดถึงคนอ่านมากกก คิดถึงคอมเม้นท์สนุกๆจากทุกคน และขอโทษที่หายไปนานครับ คือตอนนั้นที่บอกตาเหมือนจะมีปัญหา เลยว่าจะไปตรวจ กะว่าจะไปหลังสงกรานต์ แล้วพอดีโควิดมาพอดี เลยไม่ได้ไปเลย แต่สังเกตุละ มีช่วงที่หายไป ผมลองเขียนแบบ 20-30 นาทีก็พัก ปรากฏว่าตาเหมือนจะดีขึ้น ตอนนี้เข้าใจว่าสายตาอาจจะเอียง ใครมีประสบการณ์สายตาสั้น/ยาว/เอียง รบกวนแชร์ประสบการณ์หน่อยนะครับ ผมเพิ่งจะเคยเป็นเหมือนกัน 55+

เท่านั้นไม่พอ ระหว่างนั้น ผมไอ แล้วก็เริ่มจิตตกละว่ากูติดยังวะ 555+ ช่วงก่อนสงกรานต์ผมมีไปแถวเอกมัยทองหล่อด้วย เลยเน้นพักผ่อนอย่างเดียว แต่สรุปว่าก็ไม่มีอะไร ตอนนี้ก็ปกติ ยังไงก็ยังไม่ทิ้งน้าาา ไม่ได้หมดไฟด้วย คิดถึงอีฟกับแทนมาก 555

ผมอ่านคอมเม้นท์ EP ที่แล้ว หลายคนเริ่มจะเหวอกันแล้วว่า ตกลงใครหลอกใคร อะไรยังไง จะบอกว่าผมไม่ได้ให้มันซับซ้อนขนาดนั้น (เอ๊ะ หรือซับซ้อนนะ) แต่รับรองว่าไม่ทำร้ายความรู้สึกคนอ่านแน่นอน(มั้ง)

มีอีกเรื่องที่อยากปรึกษา

คือตอนนี้ผมมีไอเดียอีกเรื่อง แต่อยู่ในจักรวาลเดียวกัน คนละตัวละคร อยากจะแต่งเพิ่ม แต่อันนั้นจะเน้นหื่นไปเลย ไม่ซับซ้อนเหมือนเรื่องนี้ คิดว่าน่าจะถูกใจคนอ่านแน่ๆ แต่อยากขอความคิดเห็นครับว่า อยากให้เรื่องนี้จบก่อน หรืออยากให้เขียนเรื่องนั้นไปพร้อมๆกัน เรื่องนั้นจะไม่ได้จำนวนตัวหนังสือเยอะเหมือนเรื่องนี้ (เรื่องนี้ตอนละ 6,000 ตัวอักษรขึ้น เรื่องนั้นคาดว่าน่าจะ 3,000 ก็พอ) แต่ถ้ารอเรื่องนี้จบ น่าจะอีกยาวนะ เพราะเรื่องนี้มาได้ครึ่งเรื่องเองมั้ง

เหมือนเดิมครับ คอมเม้นท์แสดงความคิดเห็นกัน ถ้าอยากรู้ว่าอีฟมาเคาะประตูห้องต่อทำไม..

ปล.ทุกคนรักษาตัวดีๆนะครับเรื่องโควิด เพื่อนผมเสียชีวิตไป 2 คนแล้ว (1 ใน 2 คนคืออัพ ที่ไม่มีรถไปรับจนเสียชีวิต สายบิ๊กไบค์เหมือนกัน) และเพื่อนในเฟสบุ๊คติดเชื้่อไป 4 คนละ ใกล้ตัวมากๆ รักษาตัวดีๆนะครับทุกคน อย่าลืมใส่แมสก์+ล้างมือบ่อยๆนะ




 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

soidao

ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับที่เสียเพื่อนไป ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับ

Taizen

ขนาดนี้แล้ว สองห้องทำไมล่ะคร้าบ
ห้องเดียวเลยสิ

Terdsak_sk

คิดถึงไรท์และน้องๆในเรื่องเหมือนกันครับ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะครับผม

D4rthvader


Nu metal

มายืนเคาะหน้าห้องนี่ มีอะไรหว่า ? 

Pooh

นึกว่าจะได้นอนเหงาคนเดียวซะแล้ว

Ganakorn Gongmag

จัดกันอีกสักคืนสิครับ ก่อนที่ตัวจริงเขาจะบินมาหานะ 

TUWATAR

ไหนอีฟบิกว่าไม่นอนห้องเดียวกัน

banksc79

มานอนด้วยกันจะได้ไม่เหงา แต่น่าจะไม่ได้นอน

wink

อีฟมาแล้วไม่ปล่อยให่ต่อเหงาอิอิ

darksuper55

นึกว่าจะได้นอนเหงาคนเดียว

ssbaac

แต่ควบคู่กันไปก็ดีครับ อีฟคงอยากมีกิจกรรม ของอย่างนี้ได้ลองใครก็ติดใจ ส่วนเรื่องเพื่อน ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ ...

wolfsburg7

จะจองทำไม2ห้องเนอะ เดี๋ยวก็นอนห้องเดียวกันอยู่ดีแหละ

bbblack

คงจะทนคึดถึงไม่ไหวคงต้องจัดอีกสักแมตย์555