ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ตำนานเทพวายุ [ season3 ] ตอนที่ 44 : สาวงามทั้ง 5

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, พฤษภาคม 01, 2021, 11:22:00 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ ตำนานเทพวายุมาแล้วครับ

ตำนานเทพวายุเป็นนิยาย ที่ผมแต่งขึ้นและลงที่นี่ที่แรกและที่เดียว

จะออกแนวชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย แฟนตาซี

พระเอกโอพี ฮาเร็ม ผมเขียนเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก

เลยอาจจะอวยพระเอกสุดๆเลยล่ะครับ พระเอก

มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างเช่นการควบคุมวายุ

แต่ก็ยังมีฝีมือในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าระดับเทพด้วยช่วยกัน



★★★★★★★★★★★



ท่านสามารถอ่านตำนานเทพวายุตอนเก่าๆได้ทั้งหมด ที่กระทู้ห้องสมุด
หรือ Click ที่ภาพได้เลยครับ






★★★★★★★★★★★




ปล. พี่อั้ม ดำรงตำแหน่งเมียคนโตชั่วคราว รอมิไรกลับมา







★★★★★★★★★★★



ปล.2 คิราระ สาวเมดประจำบ้าน แน่นอนว่าเสร็จริวกะไปแล้ว







★★★★★★★★★★★




ปล.3 รุ้งพลอย น้องสาวตัวแสบของพี่ๆ ว่าที่คู่หมั้นของริวกะ









★★★★★★★★★★★




ปล.4 ใบเฟิร์นเพื่อนร่วมชั้นของริว ตอนนี้มาทำงานกับริวกะแล้ว เธอแอบชอบริวกะอยู่








★★★★★★★★★★★




ปล.5 คุณกระแต วิศวกรผู้ควบคุมการสร้างรถ คาเสะมารุให้ริวกะ







★★★★★★★★★★★




อ่ะอันนี้แถม ฮิคาริ เท็นงูสาว ผู้เป็นหญิงคนแรกของริวกะ ปัจจุบันความจำเสื่อม ความซวยของนายโทนคือ
พี่หมิวชอบตัวละครนี้ เอ่อ.....



ร่างเท็นงู ร่างแรกของเธอก่อนความจำเสื่อม







ร่างที่สองหลังจากโดนริวกะสอยไปแล้ว ดูน่ารักหวานๆ







ร่างมนุษย์ของเธอ








★★★★★★★★★★★



อ่ะแถมอีกหน่อย น้องจูโรคุโมะ หรือ จูกะ ปีศาจแมงมุมโลลิ








★★★★★★★★★★★





ความเดิมตอนที่แล้ว




ริวกะตามสืบเรื่องของใบเฟิร์นจนรู้ว่าเธอทำงานเป็นเด็กดริงค์

และได้วางแผนเนียนไปเที่ยวแต่เพื่อไปดึงเธอออกมา

ซึ่งมันก็เป็นไปตามแผน ถึงแม้จะต้องต่อยแป้นมวยพังไปอันนึง

ริวกะพาใบเฟิร์นไปที่พัทยาเพื่อนั่งละลายพฤติกรรมปรับความเข้าใจ

จริงๆแล้วใบเฟิร์นรู้ความจริงมาตั้งนานแล้วว่าริวกะนั้น

อาจจะไม่ใช่คนธรรมดาแบบเธอ แต่เธอก็เลือกจะเก็บความลับไว้

เพราะไม่อยากให้ริวถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด ซึ่งบาคุเองก็รู้เรื่องนี้มาตลอด

แต่ก็ไม่ได้บอกริวกะเหมือนกัน ริวพาใบเฟิร์นกลับไปที่ห้อง

่ใบเฟิร์นเตรียมใจที่จะเป็นของริวแล้ว แต่พอถึงเวลาจริงๆเธอก็ไม่กล้า

นั่นจึงทำให้ริวหายสงสัยในตัวเธอ จริงๆแล้วเธอไม่อยากทำงานนั้น แต่ที่ต้องทำ

เพราะความอยู่รอด ริวกะจึงได้เสนองานให้เธอ โดยการมาทำงานที่บ้าน

เพื่อช่วยคิราระ ซึ่งทั้งอั้มและคิราระก็ไม่มีอะไรขัดข้อง ส่วนรุ้่งพลอยก็คงรู้แล้ว

เช้าวันแรกของใบเฟิร์นในบ้านอิซานางิ มันเป็นอะไรที่เรียบง่ายและไม่ใหญ่โต

มันเป็นแค่มื้อเช้ามื้อนึงที่เธอได้กินร่วมกับ ริว คิราระ และอั้ม

แต่สำหรับใบเฟิร์นแล้วมันเป็นมื้อเล็กๆที่ " อบอุ่นเหลือเกิน "




.................


ตำนานเทพวายุ ตอนที่ 44





หลังจากมือเช้านั้น ริวกะก็กลับเข้าห้องนอนไปเลย นั่นจึงทำให้ใบเฟิร์นที่พึ่งมาที่นี่ครั้งแรก ถึงกับทำตัวไม่ถูก เธอจะทำอะไรต่อ เธอจะทำอะไรดี ตอนนี้คือทำตัวไม่ถูก ลนลานไปหมด เพราะเอาจริงๆที่เธอรู้จัก มีแค่ริวคนเดียว



ส่วนสาวสวยอีก 2 คนแทบจะไม่รู้จักมักจี่เลย จริงอยู่ว่าระหว่างมื้ออาหารเธอสัมผัสได้ถึงความใจดี อ่อนโยน และมีเมตตา แผ่ออกมาจากหญิงสาวทั้งสองคน แต่เอาจริงๆใบเฟิร์นก็แทบไม่รู้เลยว่าจริงๆแล้วสองคนนี้เต็มใจให้เธอมาอยู่ที่นี่หรือไม่



ใบเฟิร์นทำได้แค่เดินตามคิราระไปๆมาๆ เผื่อจะมีอะไรให้เธอทำ ริวก็ใจร้ายจริงๆพาเธอมาที่นี่บอกว่าจะให้ทำงาน แต่ว่างานอะไรล่ะที่จะให้เธอทำไม่บอกรายละเอียดอะไรเลย คิราระที่เห็นใบเฟิร์นเดินตามต้อยๆ ก็นึกสงสัยว่าเธอเป็นอะไรกันแน่นะ ดูเกร็งแปลกๆ



[ คิราระ ]  :  มีอะไรหรือเปล่า


คิราระถามแล้วก็มองใบเฟิร์นด้วยความเป็นมิตร ใบเฟิร์นก็ไม่รู้จะตอบยังไงดี ถ้าถามว่ามีอะไรให้ทำไหม มันจะดูเสียมารยาทไหมนะ แล้วจะเริ่มอะไรก่อนดีล่ะ มันไม่เหมือนที่คลับที่เธอทำงาน ซึ่งพอได้เข้าไปทำงาน พี่เชอรี่ก็เข้ามาสอนงานทันที



ตอนนี้ใบเฟิร์นได้แต่เข้าสู่มิติควอนตั้มแล้วคิดนู่น คิดนั่น คิดนี่ไปเรื่อย คิราระมองที่ใบเฟิร์นแล้วก็เหมือนได้ย้อนมองตัวเองในอดีตเหมือนวันที่เข้ามาทำงานบ้านอิซานางิวันแรก แต่คิราระโชคดีกว่าใบเฟิร์นหลายเท่านัก เพราะเธอรู้ว่าเธอเข้ามาเพื่อทำอะไร


มิหนำซ้ำยังได้ คุรุมิผู้เป็นแม่ช่วยสั่งงานสอนงานอีก ด้วยความที่คุรุมิเป็นแม่บ้านของ บ้านใหญ่อิซานางิ ทำให้คิราระก็ศึกษาและเรียนงานจากแม่ของเธอได้โดยตรง แต่ตอนนี้ใบเฟิร์นเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย สิ่งที่เธอต้องทำอย่างแรกไม่ใช่การสอนงาน



แต่เป็นการที่ทำให้ใบเฟิร์นรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่มากกว่า คิราระยิ้มแล้วบอกว่าที่นี่คือบ้าน


[ ใบเฟิร์น ]  :   คะ บ้าน....


[ คิราระ ]  :  ใช่แล้ว ที่นี่คือบ้าน ให้คิดว่าที่นี่คือบ้าน อย่าคิดว่ามาที่นี่เพื่อทำงานเหมือนที่ริวกะบอก


[ ใบเฟิร์น ]  :  ค่ะ


[ คิราระ ]  :  ให้ลองคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของใบเฟิร์นเอง แล้วใบเฟิร์นคิดว่าจะทำยังไงให้บ้านดูดีน่ามองล่ะ



น้ำเสียงของคิราระทำให้ใบเฟิร์นผ่อนคลายจริงๆ แล้วก็ใช่อย่างที่คิราระคิด ตอนนี้หัวของใบเฟิร์นมีแค่คำว่าทำงาน ทำงาน ทำงานตามที่ถูกริวจ้างมา มันจึงทำให้เธอเกร็งไปหมด คิราระก็แค่ต้องปรับมุมมองความคิด


ต้องทำให้ใบเฟิร์นคิดว่า ถ้านี่คือบ้านของตัวใบเฟิร์นเอง เธอจะทำอะไรเพื่อให้บ้านสะอาดและดูดีล่ะ แล้วใบเฟิร์นก็เหมือนว่าจะถูกปรับ mind set ทันที เธอหยิบจับสิ่งที่ควรหยิบ ทำสิ่งที่ควรทำโดยที่ไม่ต้องรอให้คิราระพูด



คิราระก็ยิ้มอย่างภูมิใจ เธอรู้สึกขอบคุณที่ตลอดเวลาคนในบ้านอิซานางิ ปฏิบัติกับเธอราวกับคนในครอบครัว ไม่เคยมองเห็นเธอเป็นคนใช้หรือคนงานเลย นั่นจึงทำให้เธอสามารถสอน และถ่ายทอด ประสบการณ์ชีวิตของเธอให้ใบเฟิร์นได้โดยไม่มีอะไรติดขัด หรือ ไม่ชัดเจน



ตอนนี้ใบเฟิร์นก็คงจะเหมือนกับเธอล่ะนะ อาจจะใช้เวลาอีกสักหน่อยในการปรับตัว แต่มันก็คงไม่นาน ถ้าใบเฟิร์นเปิดใจและไม่เป็นแบบเธอในอดีต



อั้มแยกไปที่ห้องยาของตัวเองเพื่ออ่านหนังสือตามปกติ เธอชอบอยู่กับกลิ่นสมุนไพรแบบนี้จริงๆ เธออ่านหนังสือตำราต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้ตัวเองไม่เคยหยุด แต่เธอก็บาลานซ์มันได้ดี


เธอไม่ทิ้งการเรียน ไม่ทิ้งการหาความรู้ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ใช้ชีวิตอย่างมีสีสันเหมือนกัน ด้านริวกะที่กลับมาที่ห้องเพื่อหวังที่จะนอนต่อนั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ได้นอนแล้วล่ะ เพราะมีสายตรงต่อหาเขา ซึ่งหน้าจอก็ขึ้นรูปบุคคลที่เคารพรักเหลือเกิน


ริวกะพูดหืม พ่อโทรมาเหรอปกติไม่เคยโทรมาวันหยุดนี่หว่า ริวกะกดรับสายแล้ว โมชิ โมชิ มีอะไรครับพ่อ


[ ริน ]  :  ฮัลโหล ริวกะ


[ ริวกะ ]  :  ครับพ่อ


[ ริน ]  :  อืม มีเรื่องอะไรเดือดร้อนหรือเปล่า ??


ริวกะที่รับสายจากพ่อก็งงเลยทีเดียว เพราะอยู่ดีๆพ่อก็ถามเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นมาได้ ริวกะจึงถามว่าอะไรเหรอครับพ่อ รินจึงถามไปตรงๆว่าปกติลูกก็ใช้เงินอยู่ในระดับปกติทั่วไป แต่ยอดชำระล่าสุดบิลล์เดียว 9x,xxx บาทเลยล่ะ ริวกะก็อ๋อขึ้นทันที


[ ริว ]  :  เอ่อ..... ค่าดริงค์น่ะครับ



รินได้ฟังก็ถึงกับกุมขมับเลย นี่ลูกชายเขาโดนหลอกเหรอเนี่ย ค่าดริงค์อะไรเกือบแสนล่ะนั่น จริงอยู่ว่าเงินแค่แสนเดียว ขนหน้าแข้งของอิซานางิไม่ร่วงแน่ๆ อย่าว่าแต่ขนหน้าแข้งเลย ขนอ่อนๆ ขนอุยๆก็ไม่กระเทือน แต่ว่ามันผิดวิสัยลูกชายของเขามากเกินไป


ที่จะยอมเสียเงินเป็นแสน แล้วไม่รู้ว่าแขนได้จับไหม แต่เหนือสิ่งอื่นใด รินได้ถามลูกชายไปว่าพลอยรู้เรื่องนี้ไหมเนี่ย ริวกะได้ฟังแล้วก็ต้องเบรกพ่อของตนทันที เพราะรู้เลยว่าพ่อเขากำลังกังวลอะไรอยู่ ด้วยความที่เขาสองคนพ่อลูกมีอะไรก็พูดกันตรงๆ ริวกะจึงกล้าที่จะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง



ริวกะเริ่มเล่าเรื่องของใบเฟิร์น ตั้งแต่ปี 1 จนกระทั้งมา จนถึงเหตุการณ์เป็นลม แล้วเรื่องที่เขาตามไปถึงที่ใบเฟิร์นทำงาน รวมถึงเล่าเรื่องเหตุการณ์ค่าดริงค์เฉียด 1 แสนบาทด้วย


[ ริวกะ ]  :  จริงๆแล้วถ้า พวกเธอไม่ดันใบเฟิร์นออกมายังไงผมก็จะหาเรื่องเลือกใบเฟิร์นอยู่ดีแหละครับพ่อ


[ ริน ]  :   อืม... เรื่องนั้นพ่อเข้าใจได้พ่อก็คิดว่ามันไม่ได้เสียหายอะไรที่ลูกทำแบบนั้น แต่พ่อคิดว่าลูกใจดีเกินไปนะริวกะ เพราะพูดตรงๆ ว่าต่อให้ลูกไม่ได้เหมาดริงค์พนักงานเหล่านั่น ยังไงก็จะมีลูกค้าเรียกไปนั่งอยู่แล้ว


ริวกะถึงกับสะอึกเลย จริงๆเขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำนั้นดีที่สุดแล้ว แต่พอถูกพ่อของตนเบรกแบบนี้ เขาก็ต้องฉุกคิดเหมือนกัน รินไม่ได้บอกว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ดี แต่แค่มากเกินไปเท่านั้นเอง ริวกะจึงบอกว่าผมขอโทษครับพ่อ


รินตอบลูกชายกลับไปว่า ถือซะว่าครั้งนี้เป็นประสบการณ์แล้วกันนะ จำไว้ว่าลูกต้องคิดให้มันลึกๆมากกว่านี้ก่อนจะทำอะไรลงไป ที่พ่อพูดแบบนี้ได้เพราะบริษัทของเรามีเงินมากพอที่จะทำแบบนั้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าสถานการณ์การเงินมันกำลังมีปัญหา การกระทำของลูกมันถือว่าผิดพลาดนะริวกะ



ริวกะฟัง ฟัง ฟัง แล้วก็ฟัง รินไม่ได้ตำหนิ หรือ ดุ เขาอย่างเดียว แต่ยังได้สอนอะไรอีกมากมาย แต่หลังจากที่โดนสอนไปชุดใหญ่ รินก็เอ่ยชมริวกะ ว่าทำแบบนั้นถูกแล้ว เพราะจากที่ฟังมาใบเฟิร์นเป็นคนที่ขี้เกรงใจ ภาคภูมิใจในตัวเองจนเข้าขั้นอีโก้สูงระดับอ่อนๆ



การที่ลูกใช้คำว่าให้ยืม แทนที่จะบอกว่าออกให้ หรือ ให้เลย ถือว่าตัดสินใจได้ดีนะ ริวกะได้ฟังแบบนั้นก็โล่งอก ขอบคุณครับพ่อ เป็นคำที่ริวกะพูดออกมาหลังจากรินหยุดการสนทนาลง


[ ริน ]  :  แล้วนี่ที่บอกจะให้ใบเฟิร์นมาทำงานน่ะ คิดไว้หรือยังว่าจะให้ทำอะไร


[ ริวกะ ]  :  อย่างแรกเลยคือ ผมอยากให้ใบเฟิร์นมาช่วยคิราระเรื่องงานบ้านครับพ่อ เพราะช่วงนี้คิราระก็ต้องช่วยพี่มิไร จนแทบไม่มีเวลาว่างเลย


[ ริน ]  :  ก็เป็นปกติของช่วงเปลี่ยนไตรมาสล่ะนะ แล้วนี่ก็ใกล้จะประชุมผู้ถือหุ้นแล้วด้วย งานของมิไรก็เยอะขึ้นเป็นธรรมดาการที่จะให้ใบเฟิร์นมาช่วยงานคิราระพ่อก็คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดี ก็ดีกว่าลูกทำอาหารเองแหละนะ



[ ริวกะ ]  :   โอะ โอยาจี้ !!!  ( แปลว่า พ่อ )



ริวกะถึงกับสะดุ้งและเรียกพ่อเลยทีเดียว ริวกะถึงจะรู้ว่าตัวเองฝีมือการทำอาหารห่วยแตกเข้าขั้นมหันตภัย แต่ก็ไม่คิดว่าพ่อของเขาก็จะเอาด้วย ปกติพ่อไม่เคยพูดจี้ใจดำแบบนี้แท้ๆ แล้วตอนนั้นรินก็ถามว่า แล้วจะเอาไงต่อล่ะ


[ ริวกะ ]  :  อะไรเหรอครับพ่อ


[ ริน ]  :  ใบเฟิร์นน่ะ ลูกจะให้งานอะไรทำต่อ ถ้างานของคิราระซาๆลง


[ ริวกะ ]  :  เอ่อ...


[ ริน ]  :  เท่าที่ฟังลูกเล่ามา ใบเฟิร์นเรียนเก่งกว่าลูกอีกไม่ใช่เหรอ แล้วการที่จะให้คนเก่งๆมาทำแค่งานบ้านแบบนี้ มันไม่ตีกรอบเขามากเกินไปมั้ยลูก


[ ริวกะ ]  :  เอ่อ แค่งานบ้านนี้ก็เยอะอยู่แล้วนะครับพ่อ


[ ริน ]  :  ริวกะฟังพ่อให้ดี ต่อให้ใบเฟิร์นจะเป็นเพื่อนร่วมห้องของลูก แต่เมื่อลูกตัดสินใจรับเขามาทำงาน เขาก็คือพนักงานของเราไปโดยปริยาย แล้วจำได้ไหมปู่ของลูกบอกเสมอว่าอะไร


[ ริวกะ ]  :  เอ่อ... อย่าให้แค่งานเขาทำ แต่ต้องทำให้เขารู้จักงานและเติบโตด้วยตัวเองครับ



รินตอบอื้มแบบนั้นล่ะ พ่อคิดว่าให้ใบเฟิร์นช่วยงานคิราระมันก็ดี แต่พ่อว่าก็ควรให้ใบเฟิร์นทำงานอย่างอื่นเพิ่มด้วย อย่างน้อยก็จะได้เพิ่มความรู้ให้ตัวเอง บ้านเรามีคนเก่งๆ ตั้งมากมาย ลูกก็แค่ขอความช่วยเหลือเท่านั้นเอง



ริวกะตอบครับ แล้วริวกะก็พูดอะไรบางอย่างขึ้นมาว่า พ่อครับมันอาจจะดูว่าสิ้นเปลือง แต่ผมอยากปรึกษาหน่อยครับ ผมว่าผมอยากจะได้รถใหม่สักคัน รินก็ถามหืมรถคันใหม่เหรอ ริวกะบอกครับ


ตอนนี้บ้านเรา คนเริ่มเยอะขึ้นแล้วน่ะครับ การจะไปไหนมาไหนก็อยากจะไปทีเดียวพร้อมๆกัน อย่างพี่อั้มต้องไปทำงานกับคิราระที่สาขาประเทศไทย พี่อั้มก็ขับรถไปเอง ผมคิดว่าอยากให้พี่อั้มนั่งรถโดยที่ไม่ต้องขับน่ะครับ



จะได้โฟกัสแค่เรื่องงาน ส่วนคิราระก็จะได้ทำงานของพี่มิไรได้ด้วย รินได้ฟังแล้วไม่ต้องคิดอะไรเลย เขาบอกว่าพ่อเห็นด้วยนะ เพราะว่าการจะไปไหนมาไหน ถ้าให้ต้องรอจากบริษัทหรือยืมพิกุล มันก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไร


จริงอยู่ว่ายัยนั่นเต็มให้ยืม แต่พ่อก็คิดว่าจะดูเสียมารยาทที่ไปยุ่มย่ามกับของของเธอ ริวกะตอบ ขอบคุณครับพ่อ เดี๋ยวถ้าผมได้แบบรถ หรือ ขนาดรถยังไงผมจะบอกพ่ออีกทีนะครับ รินจึงตอบกลับไปว่า เรื่องนี้พ่อจัดการเอง


ริวกะก็บอกไม่ต้องครับพ่อผมจัดการเองแค่นี้ก็เกรงใจพ่อแล้วครับ แต่รินก็บอกว่า เอาจริงๆนะริวกะ คนที่นั่งรถน่าจะเป็นอั้มกับคิราระซะส่วนใหญ่ มันจะดีกว่ามั้ยถ้าเราถามความต้องการของพวกเธอน่ะ ริวกะได้ฟังก็คิด คิด คิด แล้วก็ตอบอื้มครับ งั้นผมฝากด้วยนะครับพ่อ





หลังจากที่วางสายไปริวกะก็ลองบิดตัวกร๊อบๆ ไปมา 2 – 3 วันมานี้เขารู้สึกเมื่อยแปลกๆ หรืออาจจะเพราะใช้พลังเยอะไปกันนะ เขาจึงเปลี่ยนใจจากที่จะนอนเลยเดินไปหาพี่อั้ม เขามองเห็นใบเฟิร์นกับคิราระนั่งคุยกันราวกับพี่เลี้ยงกำลังสอนงานรุ่นน้อง เขาก็ยิ้มทันที



สบายใจละทีนี้การปล่อยให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกัน คงเป็นความคิดที่ถูกแล้ว ไม่มีใครที่จะเข้าใจใบเฟิร์นได้เท่ากับคิราระแล้วล่ะ แบบนี้สิ่นะริวกะจึงแยกตัวออกมาทันทีที่กินข้าวเช้าเสร็จไม่พูด ไม่คุยอะไรกับใบเฟิร์นเลย



แอ๊ดดด !!!  ริวกะ เดินเปิดประตูเข้าไปในห้องของอั้ม หมอสาวคนสวยที่กำลังอ่านหนังสือก็บ่นออกมา นายนี่น๊าไม่เคยเคาะประตูเลย น่าตีจริงๆ ริวกะเดินเข้ามาถึงแล้วก็กอดเอวของอั้มทันที


[ ริวกะ ]  :  ก็ผมคิดถึงพี่นา อยากเข้ามาให้แปลกใจ


อั้มตีแขนเบาๆแล้วบอกว่าไม่ต้องเลย ก็มีนายคนเดียวนี่แหละที่ทำแบบนี้ตลอด พี่คงไม่ตกใจแล้วล่ะ ริวกะพูดแล้วก็จุ๊ปไปที แต่อั้มก็ให้แค่จุ๊ป เธอบอกว่าวันนี้ ปจด มา ห้ามปลุกอารมณ์เธอเด็ดขาด ริวก็ยิ้มแห้งๆลืมตัว


[ อั้ม ]  :  แล้วมีอะไรหืม ไม่นอนพักผ่อนล่ะ


อั้มถามริวกะอีกครั้งริวกะก็จับที่ท้ายท้อยแล้วขยับ แกร่ก แกร่ก กร่อก  เขาบอกเมื่อยๆยังไงก็ไม่รู้ครับพี่อั้ม อั้มจึงเดินไปจับๆ ที่กล้ามเนื้อและต้นคอ เธอบอกหืม ทำไมร่างกายเหมือนใช้งานหนักจังเลยล่ะ ให้พี่ฝังเข็มให้มั้ย ริวกะก็บอกอื้อครับ


เขาถอดเสื้อตัวเองออกและขึ้นไปนอนบนเตียงทันที อั้มกดไปที่จุดสำคัญสองอย่างมันช่วยกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนขึ้น เธอจะปล่อยให้เขานอนสัก 5 นาทีก่อนถึงจะเริ่มลงมือ



ด้านคิราระ หลังจากที่ใบเฟิร์นช่วยทำงาน นู่น นี่ นั่น เธอก็มานั่งคุยกับคิราระ แรกๆเธอก็เกร็งเพราะเอาตรงๆการมานั่งคุยกับคนสวยแดนปลาดิบแบบนี้ มันเป็นครั้งแรกของคิราระจริงๆ บางครั้งคิราระก็ต้องพูดภาษาอังกฤษ


เพราะว่าภาษาไทย หรือ คำบางคำของไทย เธอก็ไม่แข็งแรง ใบเฟิร์นก็ตกใจเพราะภาษาอังกฤษของคิราระนั้นดีมาก พูดได้อย่างไม่อายปากเลยว่า สำเนียงการออกเสียงของเธอสู้คิราระไม่ได้เลยจริงๆ แล้วระหว่างนั้นเอง ก๊อก ๆ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา



คิราระก็แปลกใจว่าใครมา เพราะปกติถ้ามีคนมาขอพบ ล็อบบี้จะโทรมาก่อนนี่นา คิราระจึงเดินไปเปิด มั่บ !!!  เพียงแค่เปิดประตูไป ก็มีใครกระโดดมากอดคิราระทันที พร้อมกับร้องเย้ !!!  เซอร์ไพรส์มั้ยคะ


[ คิราระ ]   :   พลอย !!!



เป็นรุ้งพลอยนั่นเอง วันนี้เธอขอพิกุลมาหาริว ซึ่งพิกุลก็อนุญาต แม้วารีกุญจรจะบ่นก็ตาม แต่พอพลอยออดอ้อน นางก็ยอมทันที คิราระก็ร้องขึ้นพลอย พลอยมาไงเนี่ย พลอยบอกฮี่ๆ ตั้งใจมาหาเลย คิดถึงง่า !!!!



พลอยกระโดดกอดคิราระ ซึ่งคิราระเองก็แข็งแรงมาก เธอสามารถอุ้มพลอยได้โดยที่ไม่เอน หรือ ไม่เสียหลักเลย ใบเฟิร์นตกใจ เพราะไม่คิดว่าพลอยจะมาอยู่ที่นี่ พลอยเห็นใบเฟิร์นก็ทักทายตามปกติแล้วพูดว่า ช่วยกันดูแลบ้าน ช่วยพี่คิราระด้วยนะคะ



พลอยพูดเหมือนว่ารู้ทุกๆ อย่าง เธอจับมือของใบเฟิร์นไว้ ซึ่งด้วยพลังแห่งมหาคนทรงจึงทำให้พลอยรับรู้บางสิ่งบางอย่างที่ใบเฟิร์นคิด พลอยจึงพูดลอยๆว่า ที่นี่คือบ้านนะคะ ไม่ใช่ที่อื่น คนที่รู้ความลับของริวแล้วยังไม่พูดอะไรออกมา



พลอยถือว่าคนนั้นคือคนที่พลอยเชื่อใจได้ค่ะ พลอยพูดแบบนั้นทำให้ใบเฟิร์นยิ้มออกมาเลย  พลอยมองซ้าย มองขวา ชะเง้อหน้า แลหลัง เธอยิ้มอย่างซุกซนแล้วถามว่า พี่คิราระคะ แล้วริวไปไหนง่า พอพลอยถามมาแบบนั้น ใบเฟิร์นก็มีท่าทีอยากรู้เหมือนกัน เพราะจะว่าไปแล้วพอกินข้าวเสร็จ


นายริวตัวดีก็หายไปเลย ทิ้งให้เธอเกร็งอยู่กับพี่คิราระตั้งนาน คิราระบอกว่า สงสัยอยู่กับพี่อั้มนะ พลอยก็ งื๊ยยย ขึ้นมาทันที สองคนนั้นทำอะไรกันง่า !!!   ใบเฟิร์นพอเห็นท่าทีแบบนั้นก็เริ่มอยู่ไม่สุข เพราะเธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจสิ่งที่พลอยถาม



และยิ่งเธอได้ไปทำงานอยู่ในที่แบบนั้น จริงอยู่ว่าเธอไม่เคยเสียเชิงให้ลูกค้าเลย แต่เธอก็ฟังพี่ๆพูดและเม๊ากันออกบ่อยๆ เพราะงั้นเธอก็รู้ดีเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่พลอยจะถาม มันไม่แปลกเลยที่หนุ่มหล่อสาวสวยอยู่ด้วยกันสองคน


แล้วจะเกิดสปาร์ค แต่ ๆ ๆ ๆ ริวกับคุณอั้มเป็นพี่น้องกัน คงไม่ทำอะไรอย่างนั้นหรอก แต่แว๊ปนึงในหัวของใบเฟิร์นก็นึกขึ้นมาได้ว่าเป็นแค่พี่น้องบุญธรรมนี่นา แต่ว่ามโนเหล่านั้นของพลอยและใบเฟิร์นก็สิ้นสุดลง เมื่อคิราระบอกว่า


[ คิราระ ]  :  น่าจะกลับไปนอนนะ หรือไม่ก็คงจะให้พี่อั้มช่วยฝังเข็มน่ะ ช่วงนี้ริวกะดูเพลียๆนะ พี่ก็ว่าจะไปดูเหมือนกัน


[ พลอย ]  :  งื้อ ๆ ๆ พลอยไปด้วยค่ะ งืออ พลอยไม่ได้มาดูแลริวเลย ริวจะน้อยใจมั้ยคะพี่คิราระ


คิราระทำหน้าเครียดกะทันหันและพูดว่าริวกะเองก็คง เสียใจที่คนรักไม่มาดูแล เฮ้ออออ พอคิราระพูดแบบนั้นพลอยก็ งืออ ทำหน้าเหมือนรู้สึกผิดเต็มๆเลย แววตาความเป็นห่วง ความรู้สึกผิด พุ่งออกมาชัดเจนมากจนใบเฟิร์นสัมผัสได้เลย



แต่คิราระก็ยิ้มแล้วบอกว่าพี่ล้อเล่นน่า ริวกะไม่ได้น้อยใจอะไรขนาดนั้นหรอก


[ รุ้งพลอย ]  :   ง่าาาาา พี่คิราระแกล้งพลอยอ่ะ



พลอยทำหน้างอนตุ๊บป่อง ๆ ๆ  ใส่สาวเมดทันที คิราระก็บอกป่ะไปกันพี่อั้มน่าจะฝังเข็มให้อยู่ คิราระเดินนำไปก่อนพลอยก็อื้อไปค่ะ ใบเฟิร์นทำตัวไม่ถูกว่าจะตามไปหรือกลับไปทำงานบ้านต่อ แต่พลอยก็หันมาจูงมือแล้วบอกว่าไปกันค่ะ ใบเฟิร์นก็ก้มหน้าและแอบยิ้มก่อนจะเดินตามไปทันที สิ่งที่ใบเฟิร์นรู้สึกคือ



คอนโดนี้ถูกเนรมิตใหม่ได้ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งหมดถูกจัดสรรปันส่วน สร้างใหม่จนไม่เหมือนว่าเป็นห้องเช่าระดับหรู มันเป็นเหมือนบ้านมากกว่า เดินมานิดนึงมองไปทางซ้ายก็เจอสวนที่เหมือนเป็นสวนจริงๆ บ้าไปแล้วทำแบบนี้บนคอนโดได้ด้วยเหรอ



จนมาถึงห้องหนึ่ง แค่ก้าวมาถึงก็รู้สึกสดชื่นเลย ไม่แค่นั้น แต่ยังมีเสียงน้ำไหลเบาๆ เหมือนกับสายธารน้ำอีกด้วย แล้วคิราระก็พูดขึ้นมาว่า พี่อั้มขอ ขออนุญาตเข้าไปนะคะ อั้มก็ตอบกลับมาว่าจ้า เข้ามาเลย



พอคิราระเดินเข้าไป อั้มก็หันมามองตามปกติ แต่ก็ต้องหลุดยิ้มออกมาเมื่อน้องสาวที่ไม่ได้เจอกันเกือบ 2 อาทิตย์ได้เดินตามเข้ามาด้วย แต่ว่าก่อนที่น้องสาวตัวแสบอย่างรุ้งพลอยจะวิ่งเข้ามาหา อั้มได้ยกมือทำนิ้วจุ๊ ๆ ๆ ๆ พลอยจึงสงบท่าทีลงอย่างรวดเร็วเพราะรู้ถึงสิ่งที่อั้มจะบอก



[ อั้ม ]  :  พูดกันเสียงปกติได้นะ แต่อย่าตะโกนกันล่ะ


[ พลอย ]  :  ริวเป็นอะไรเหรอคะพี่อั้ม



พลอยพูดแล้วทำหน้าจ๋อยๆ เพราะตอนที่ริวไม่สบายเธอกลับไม่ได้อยู่ดูแลเลย อั้มบอกไม่ได้เป็นอะไรหรอก แค่เหมือนว่าจะอ่อนเพลียน่ะ ใบเฟิร์นได้ยินแล้วก็สะดุ้งทันทีทำให้คิราระที่เป็นคนช่างสังเกตรู้สึกทันที


ใบเฟิร์นคิดในใจว่า เป็นเพราะการที่พาเธอบินไปถึงชลบุรีด้วยหรือเปล่านะ ทำให้ริวเป็นแบบนี้ แล้วระหว่างนั้นเอง อั้มก็บอกคิราระว่าหยิบเข็ม 2 นิ้วให้พี่ที คิราระจึงหยิบถึงมือยางมาสวม


และเดินไปลิ้นชักทันทีและหยิบเข็มออกมา ทันทีที่ทั้งพลอยและใบเฟิร์นเห็นก็สะดุ้งทันที ทำไมมันดูน่ากลัวแบบนั้นล่ะ อั้มหยิบเข็มออกมาอย่างรวดเร็วและกดฝังลงไปที่ท้ายทอยของริว อย่างรวดเร็วโดยที่แทบไม่ต้องมอง



พลอยกับใบเฟิร์นถึงกับสะดุ้งและจับที่ท้ายทอยของตัวเองพร้อมกันทันที พลอยบอกงื๊ยย เจ็บแน่เลย พี่อั้มยิ้มแล้วบอกไม่หรอก มันจะจี๊ดๆนิดหน่อยแค่นั้นเอง ลำดับต่อมาอั้มได้ดึงผ้าที่เปิดแผ่นหลังของริวออก นั่นจึงทำให้เห็นทั้งรอยมีด



และรอยกระสุนปืนหลายจุด ใบเฟิร์นที่พึ่งเคยเห็นถึงกับนิ่งจนทำตัวไม่ถูก เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่า เพื่อนชายของเธอที่ดูเป็นหนุ่มหล่อเจ้าสำอาง จะมีบาดแผลติดตัวมากมายขนาดนี้ หน้าเธอดูเสียทันที แต่คิราระก็พูดขึ้นมาว่า


บาดแผลพวกนี้ คือจำนวนที่ริวกะคอยปกป้องพวกเรานะ ใบเฟิร์นกับพลอยถึงกับหันหน้ามองคิราระพูด ขนาดพลอยก็เคยเห็นนะ แต่ก็มิวายหันไปมองด้วยความสงสัย คิราระกำลังจะพูดต่อ แต่ก็ต้องชะงัก เพราะตอนนี้ใบเฟิร์นอยู่ในห้องด้วย



จริงอยู่ว่าริวกะรับเธอมาทำงาน แต่คิราระก็ไม่รู้ว่าเธอสมควรที่จะรู้เรื่องมากแค่ไหน แต่ตอนนั้นพลอยก็เอ่ยอะไรออกมา


บาคุ , คาไมทาจิ    มาหาพลอยหน่อย


วู่บบบบบ ทันทีที่พลอยเอ่ยเรียก สายลมที่คิดถึงก็พัดมาหาทันที ปรากฏปีศาจพังพอนทั้ง  3 ออกมาตรงหน้า และไม่แค่นั้น เพราะบาคุก็ยังออกมาในรูปลักษณ์ที่แท้จริงอีกด้วย อั้มกับคิราระถึงกับแปลกใจ


ที่พลอยสามารถเรียกภูติออกมาได้พร้อมกันถึง 4 ตน คือไม่เกี่ยวว่าพลังจะเยอะหรือไม่เยอะ แต่มันเกี่ยวที่สายสัมพันธ์ระหว่างพลอยกับเหล่าภูติต่างหาก แต่ว่าอั้มกับคิราระคงไม่รู้คาไมทาจินั้นคือภูติประจำตัวของพลอยตั้งนานแล้ว



ตั้งแต่ 10 ปีก่อนที่พวกมันทั้ง 3 ได้เชื่อมจิตของพลอยให้รับรู้ถึงความเจ็บปวดของริวกะ ส่วนบาคุนี่ก็ไม่ต้องพูดถึงเจอกันประจำ แต่ที่สำคัญทำไมพลอยถึงเรียกทั้ง 4 ออกมาต่อหน้าใบเฟิร์นล่ะ ซึ่งทันทีที่คาไมทาจิมาถึงและเจอใบเฟิร์น



พวกมันก็ไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร อิจาทิ พี่สาวคนโตของคาไมทาจิทั้ง 3 จึงได้พูดขึ้นมาว่า อ๋อ นางนี่เองที่ดูแลนายน้อยตอนที่พลังเอ่อล้นออกมา ทุกคนหันไปมองที่อิทาจิพูดทันที ดูเหมือนว่าอั้มกับคิราระจะไม่ได้แปลกใจกับคำว่าพลังที่เอ่อล้นออกมา



แต่พลอยนี่สิ่ที่ยัง งงๆอยู่ เธอไม่ได้สงสัยที่บอกว่า ใบเฟิร์นคอยดูแลริวกะ เธอแค่สงสัยคำว่าพลังเอ่อล้นออกมา อิทาจิมองที่อั้มซึ่งเธอก็พยักหน้า อิทาจิจึงได้ไต่ๆๆ ไปที่คอของพลอยอย่างรวดเร็วแล้วบอกว่า


ช่วงนี้พลังในตัวของนายน้อยจะเอ่อล้นออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุเจ้าค่ะนายหญิงรุ้งพลอย ทำให้เวลาที่หลับตาหรือไร้สติ จะกลายเป็นแบบนั้น อิทาจิในร่างพังพอนชี้มือเล็กจิ๋วของเธอไปที่ริวกะ ซึ่งตอนนี้เส้นผมเปลี่ยนเป็นสีขาวเงินไปแล้ว


อั้มก็ถึงกับแปลกใจ เพราะจะว่าไปตอนไปปาง อุ๋ง ๆ ๆ ๆ  ริวกะก็มีเส้นผมสีนี่นา ไม่ใช่ว่าเธอตาฟาดไปหรอกเหรอ พลอยก็ตกใจเหมือนกันนึกว่าริวเป็นอะไรไป เธอจะเดินเข้าไปสัมผัสตัวแต่ก็ต้องเบรกเอี๊ยด เพราะเข็มยังปักเต็มตัวเหมือนเม่นไม่มีผิด



[ ใบเฟิร์น ]  :  ฮาคุริว...



อยู่ดีๆใบเฟิร์นก็พูดบางอย่างออกมาเบาๆ จนทุกคนไม่ทันได้สังเกต แต่เหล่าภูตินั้นรู้ดีว่าสิ่งนั้นคืออะไร บาคุต้องเดินไปสะกิดใบเฟิร์นและส่ายหัว ราวกับจะบอกว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดออกไป พลอยที่ชะงักเพราะเห็นเข็มนั้นก็หันไปมองอั้ม



อั้มก็บอกไม่เป็นอะไร แต่อย่าเพิ่งจับดีกว่าเนอะ เดี๋ยวพี่จะฝังจุดเส้นลมปราณให้นายริวต่อ พลอยพูดขึ้นมาจุดปราณเหรอคะ  อั้มหันมายิ้มให้น้องสาวแล้วบอกว่าใช่จ้ะ


สำหรับนายริวที่มีพลังเหนือธรรมชาติก็ยิ่งจำเป็นนะ  หน้าที่ของเส้นลมปราณคือเป็นทางที่จะทำให้เลือดไหลเวียนไปทั่วทุกส่วนของร่างกาย และยังมีหน้าที่ควบคุมและปรับสมดุลของชี่ หรือ คิ อีกด้วย



[ พลอย ]  :  คิ เหรอคะ


อั้มยิ้มแล้วฝังเข็มต่ออย่างชำนาญ บาคุก็อธิบายต่อว่า สำหรับนายน้อยแล้วการควบคุมคิเป็นสิ่งสำคัญและต้องทำให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบขอรับ พลังยิ่งมากการควบคุมก็ยิ่งต้องแม่นยำ การฝังเข็มของท่านอั้มจะช่วยให้สมดุลของร่างกายทำงานได้ดีเป็นปกติขอรับ



บาคุในร่างที่แท้จริง พูดออกมา ใบเฟิร์นทีได้เห็นบาคุในร่างที่สูงราว 4 เมตรก็ถึงกับใจสั่นไปหมด เพราะเห็นบาคุในร่างตัวเล็กๆเท่านั้น  พลอยถามว่าแล้วอีกนานไหมคะพี่อั้มริวจะตื่นน่ะค่ะ  อั้มบอกว่าถ้าฝังเสร็จก็น่าจะอีก 10 – 20 นาทีนะ หลังจากอั้มฝังเข็มเสร็จ ก็ได้วานให้บาคุช่วยดูริวกะให้หน่อย



บาคุเต็มใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเขาชอบกลิ่นในห้องนี้ ส่วน สาวๆ ทั้ง 4 คนก็เดินกลับออกมาข้างนอก คิราระยังไม่เข้าใจว่าทำไมพลอยถึงเรียกเหล่าภูติมาให้ใบเฟิร์นเห็น ซึ่งพอใบเฟิร์นเดินไปกับอั้มแล้ว พลอยจึงเดินไปกอดเอวของคิราระแล้วบอว่า


คุณใบเฟิร์นไว้ใจได้ค่ะพี่คิราระ ไม่รู้อ่ะแว๊ปนึงพลอยเห็นนะ พลอยเหมือนรับรู้ว่าคุณเฟิร์นเธอรู้มาตั้งนานแล้วว่าริวไม่ใช่คนธรรมดา แต่เธอก็ยังปฏิบัติกับริวเหมือนเดิม แถมยังไม่ได้บอกใครด้วย พลอยเลยเชื่อว่าเธอไว้ใจได้ค่ะ



พอได้ยินพลอยพูดแบบนั้น คิราระได้คลายความกังวลและสงสัยไปจนเกือบหมดและยิ้มให้น้องสาวคนสวยอีกครั้ง และพากันเดินออกไปข้างนอก และตอนนั้นเองรินก็ได้โทรกลับมาหาอั้มพอดี


[ อั้ม ]  :  สวัสดีค่ะคุณพ่อ


[ ริน ]  :  อ้อ อั้มเหรอลูก เจ้าริวกะล่ะ


[ อั้ม ]  :  นอนพักผ่อนค่ะ อั้มพึ่งฝังเข็มจุดลมปราณไปให้ค่ะ


[ ริน ]  :  อ๋อ อื้มม พอดีเมื่อเช้าเจ้าริวกะปรึกษาพ่อเรื่องซื้อรถให้น่ะ  พอเลยให้ทาง พิทักษ์เทวาจัดการให้


[ อั้ม ]  :  รถ รถอะไรเหรอคะ คุณพ่อ


อั้มสงสัยเรื่องที่รินพูดเลยถามไป แล้วก็เป็นเหมือนที่ริวกะเล่าให้รินฟัง รินเล่ามันให้อั้มฟัง อั้มก็อ๋ออื้มๆค่ะ อั้มก็เห็นด้วยนะคะคุณพ่อ เวลาไปไหนมาไหนหลายๆคน จะให้ไปรถหลายคันมันก็แปลกๆ ถ้ารวมกันไปรถคันเดียวก็น่าจะสะดวกกว่าค่ะ


จะได้ไม่ต้องรบกวนรถของน้ากุลบ่อยๆด้วยค่ะคุณพ่อ อั้มเห็นด้วยทันทีที่บอกว่าจะซื้อรถคันใหม่ เพราะเธอเองก็รู้สึกว่าบางครั้งก็อยากจะได้รถที่กว้างๆมากพอที่จะเหยียดแข้งเหยียดขาบ้าง รินบอกงั้นดีเลย เรื่องสเป็ครถพอจะฝากให้ทางกระแต กับพิทักษ์เทวา จัดการนะ


[ อั้ม ]  :  คุณกระแต เหรอคะ ??


พอเอ่ยถึงกระแต พลอยกับคิราระก็หันควั่บมองเลยทันที อั้มก็คุยกับรินต่ออีกครู่นึงจึงวางสาย ซึ่งพอวางสายไปแล้ว พลอยก็รีบกระดึ๊บมาหาอั้มแล้วถามว่ามีอะไรเหรอคะพี่อั้มคุณกระแต ทำไมเหรอคะ


อั้มก็บอกไปว่านายริวน่ะสิ่จะซื้อรถใหม่


[ พลอย ]  :  ฮ๊ะ !!!  รถใหม่รถอะไรเหรอคะ


[ คิราระ ]  :  นั่นสิ่คะรถอะไรเหรอคะพี่อั้ม


[ ใบเฟิร์น ]  :   ( เนียนฟัง ด้วยความตั้งใจ พึ่งมาใหม่เลยไม่กล้าออกความเห็น )


อั้มจึงบอกไปว่า นายริวปรึกษาคุณพ่อน่ะสิ่ว่าอยากจะซื้อรถใหม่ จะซื้อรถ 7 ที่นั่ง เวลาไปไหนมาไหนหลายคนจะได้ไปพร้อมๆกันไม่ต้องไปรถหลายๆคัน ตอนนั้นพลอยก็พูดขึ้นมาว่า ใช่ ๆ ๆ ๆ  ตอนไปลพบุรีได้นั่งรถแม่กุล สบายมากเลยค่ะ


นั่งยืดขาสบายมากเลย อั้มก็บอกอื้ม เพราะงั้นคุณพ่อเลยจะให้คุณกระแตมาดูแลเรื่อง ยี่ห้อรถ สเป็ครถน่ะ แล้วตอนนั้นโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทันที เป็นฝ่ายล็อบบี้ที่โทรมา


[ เจ้าหน้าที่ ]  :  สวัสดีค่ะ จากล็อบบี้ค่ะ


[ คิราระ ]  :  ค่ะ คิราระรับสายค่ะ


[ เจ้าหน้าที่ ]   :   ค่ะคุณคิราระ พอดีมีคนมาขอพบค่ะ เธอแจ้งว่าชื่อคุณกระแต


คิราระฟังแล้วก็ตกใจอะไรจะมาไวปานนั้น  คิราระก็บอกค่ะ รบกวนพามาได้นะคะ แล้วเธอก็วางสายไป รุ้งพลอยถาม มีอะไรเหรอคะพี่คิราระ สาวเมดคนสวยก็บอกว่าคุณกระแตมาน่ะสิ่ ไม่คิดว่าจะมาทันที


[ พลอย ]  :  ง่า รบกวนคุณกระแตไหมเนี่ยย


[ อั้ม ]  :  คุณพ่อคงโทรไปหาคุณวิโรจน์ด้วยตัวเองน่ะเลยมาเร็วขนาดนี้



ย้อนกลับไปเมื่อสักครู่หลังจากที่ริวกะคุยกับพ่อ และวางสายไป รินก็ได้ต่อสายโทรหาเวตาลทันที


[ เวตาล ]  :  สวัสดีครับ ท่านริน


[ ริน ]  :  เวตาลเหรอ ชั้นรบกวนหน่อยสิ่


[ เวตาล ]  :  ด้วยความยินดีเลยครับ ไม่ต้องพูดว่ารบกวนก็ได้ครับท่านริน ท่านรินมีอะไรครับ

[ ริน ]  :  อื้มม เจ้าริวกะบอกว่าอยากได้รถใหม่สักคัน เอาไว้เดินทางทีละหลายๆคน นายช่วยหาคนที่ชำนาญเรื่องพวกนี้ไว้สักคนได้ไหม ชั้นอยากให้พวกอั้มได้รับข้อมูลมากกว่านี้น่ะ



[ เวตาล ]  :  ด้วยความยินดีครับท่านริน กระผมจะจัดการให้ทันทีครับ


[ ริน ]  :  วันนี้วันหยุด ไม่ต้องรีบก็ได้นะ แค่นี้หล่ะ


แล้วรินก็วางสายไป เวตาลไม่คิดแบบนั้น เขาคิดว่ายิ่งจัดเรื่องรถเร็วก็จะเป็นเรื่องดี เขากำลังจะติดต่อให้คนที่ไว้ใจไปจัดการ แต่ว่าตอนนั้นเองลูกสาวบุญธรรมก็เผลอมาได้ยินพอดี เวตาลให้ไปหัวใจแทบวาย นี่ลูกสาวของเขาได้ยินมั้ยเนี่ย


[ กระแต ]  :   ท่านประธานใหญ่โทรมาทำไมเหรอคะคุณพ่อ บอกหนูได้มั้ย


กระแตพูดแล้วก็ทำหน้า อ้อนวอน เวตาลก็คิดในใจชิบหายแล้ว แบบนี้จะปฏิเสธได้ยังไงล่ะเนี่ย เวตาลจึงบอกไปว่า ท่านริวกะกำลังอยากได้รถคันใหม่เอาไว้ใช้เดินทางทีละหลายๆคน เขาเอาเรื่องนี้ไปปรึกษากับริน



รินจึงมาปรึกษาพ่ออีกที เพื่อที่จะหาคนที่มีความรู้และชำนาญเรื่องสมรรถนะ ออฟชั่นเสริม การใช้งาน และ ราคา เวตาลยังพูดไม่ทันจบกระแตก็ยิ้มจนแก้มฉีกแล้วพูดว่า ก็หนูนี่ไงคะคุณพ่อ ผู้ชำนาญญญญญญ


กระแตลากเสียงยาวพร้อมกับเกาะแขนเวตาล แล้วบอกให้หนูดูแลจัดการน๊าค๊า หนูกลัวว่าคนอื่นจะทำได้ไม่ดีพอ นะคะคุณพ่อ เวตาลถึงกับสตั๊นไปไม่ถูก เอ่อ เอ่อ เอ่อ พ่อว่าตอนนี้หนูก็งานเยอะแล้วนะกระแต พ่อให้คนอื่นทำก็ได้นะ คนของเราเก่งๆก็เยอะแยะ


[ กระแต ]  :  แต่หนู เก่งที่สุดนี่นา คุณพ่อก็รู้


เวตาลปานโดนหมัดอัปเปอร์คัทเข้าหน้าเต็มๆอีกครั้ง กระแตที่ไม่เคยดื้อ ไม่เคยออดอ้อนอะไร แต่กลับทำตัวเหมือนเด็กขี้อ้อนแบบนี้ แล้วเวตาลจะทำยังไงดีล่ะ แล้วกระแตก็พูดตัดบทว่างั้นหนูไปเตรียมตัวก่อนนะคะคุณพ่อ


[ เวตาล ]  :  เตรียมตัวไปไหนลูก วันนี้วันหยุดนะ


[ กระแต ]  :  รีบเอาแบบรถ และไปให้คำปรึกษาไงคะ ยิ่งทำเร็วก็ยิ่งเสร็จเร็ว ฮี่ๆ


กระแตหอมแก้มพ่อบุญธรรมอีกครั้งและรีบเดินไปอาบน้ำทันที เวตาลได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ได้เลย ลมพัดวิ๊ว ๆ ๆ ผ่านไปด้วยความเงียบเชี้ยบ ไม่นานก็มีร่างงามระหง ลอยลงมาตรงหน้าเวตาล


[ การะเกด ]  :  555555555+   ข้าละชอบว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้จริงจริ๊งงงงงงง


[ เวตาล ]  :  จะ เจ้านางครับ.....



[ การะเกด ]  :  55555555  นังหนูกระแตก็โตเป็นสาวแล้วนะเวตาล จริงอยู่ว่าในสายตาเจ้า นางยังเป็นเด็กน้อยเหมือนเดิม แต่นางก็เป็นสาวแล้ว แล้วเจ้าก็รู้ใช่ไหมว่าใคร ที่อยู่ในใจของนางมาตลอด



เวตาลฟังก็ได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ดีว่าผู้ชายคนเดียวที่เอาหัวใจของกระแตไป คือนายน้อยริวกะ แต่ว่าอะไรกันนะที่ทำให้เขา พยายามจะเลี่ยงคำตอบทุกครั้ง เวลาเจ้านางสู่ขอกระแตให้มาเป็นลูกสะใภ้ตน


[ การะเกด ]  :  เจ้าก็รู้ไม่ใช่เหรอการที่นางเติบโตไปคนเก่งขนาดนี้ นอกจากการสนับสนุนจากเจ้า ก็ยังได้ลูกชายข้าเป็นแรงบันดาลใจด้วยนะ



การะเกดพูดไปแล้วก็ยืดด้วยความภูมิใจ จนออกนอกหน้า เวตาลก็ได้แต่จุกจนพูดไม่ออก เพราะที่เจ้านางพูดมานั้นไม่มีอะไรผิด หรือ เกินจริงไปแม้แต่น้อย ที่กระแตเติบโตมาได้ขนาดนี้ เพราะมีริวกะเป็นแรงบันดาลใจนั่นเอง




... ตัดมาที่ปัจจุบัน ...


กระแตถูกพาตัวมาที่ชั้น 5 ถึงจะมาที่นี่แค่ครั้งที่ 2 แต่กระแตก็รู้สึกชอบที่นี่จังเลย มันดูสวย ดูสงบ เหมือนไม่ใช่คอนโด แต่เหมือนเป็นบ้านที่มาอยู่บนที่สูงๆแค่นั้นเอง พอมาถึงประตู คิราระก็เปิดประตูออกมาพอดี


[ คิราระ ]  :  ขอบคุณมากนะคะ


คิราระพูดแล้วก็โค้งหัวเบาๆให้พนักงาน ซึ่งเธอก็โค้งกลับมาแล้วบอกด้วยความยินดีค่ะ เธอยิ้มอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เพราะเอาจริงๆแล้วไม่ว่าพนักงานต้อนรับคนไหน ก็อยากจะเดินขึ้นมาชั้นนี้ทุกคน



ไม่รู้ว่าเป็นอุปทานหมู่หรืออย่างไร พอได้ขึ้นมาที่นี่ทุกคนรู้สึกว่าสดชื่นมากๆ ราวกับความเหนื่อยล้าที่มีนั้นหายไปทันที คราวนี้ก็เหมือนกัน ทันทีที่เข้ามาในเขตนี้ เธอก็รู้สึกสดชื่นมากเลยทีเดียว



หลังจากที่เธอเดินไป คิราระก็กล่าวทักทายคุณกระแต หญิงสาวตรงหน้าเธอตอนนี้มาในชุดกึ่งทางการมาก เหมือนตั้งใจจะมาทำงานเหลือเกิน ในแขนก็หอบเอกสารต่างๆมากมาย เกี่ยวกับรถยี่ห้อต่างๆ มาด้วย


เชิญค่ะ คิราระเชิญอย่างยิ้มแย้ม พอเข้ามาในห้องแล้ว เธอก็ถึงกับตกใจเพราะว่าในห้องก็มีรุ้งพลอยอยู่ด้วย แย่แล้วเจอคุณหนูแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ กระแตประหม่าอยู่ครู่นึงแล้วก็ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ เพราะยังมีสาวสวยอีกคนนั่งอยู่ด้วย



ตกลงมาตอนนี้ก็มีสาวสวย 4 คนอยู่ในห้องเลยงั้นสิ่ แล้วเธอจะพูดออกไหมเนี่ย เชิญค่ะคุณกระแต กระแตได้ยินเสียงอั้มก็ตั้งสติได้ทันที แล้วก็เดินมาทั้งทายทุกคน ใบเฟิร์นเห็นแล้วก็รีบลุกขึ้นแนะนำตัว ด้วยชื่อจริง นามสกุลจริง


แล้วบอกว่าริวรับมาทำงานใหม่ค่ะ ทุกคนถึงกับยิ้ม เพราะอาการประหม่าของใบเฟิร์นแบบนี้มันดูน่ารักมากๆ อั้มก็บอกไม่เป็นไรหรอกใบเฟิร์นคนกันเอง แต่ใบเฟิร์นก็ยังเกร็งๆอยู่นะ อั้มก็คิดอะไรออก



เธอเลยถามว่า เฟิร์นเคยเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของนายริวมั้ย เฟิร์นตอบทันทีว่าเคยค่ะ ช่วงนี้ริวขับไปมหาวิทยาลัยบ่อยๆ รู้สึก... จะชื่อ คาเสะมารุ นะคะ อั้มตอบอื้มใช่จ้ะ คาเสะมารุหมายเลข2 เป็นชื่อชั่วคราว แล้วเฟิร์นรู้มั้ยว่า


คุณกระแตนี่แหละเป็นคนประกอบรถ ทำระบบขึ้นมาใหม่ พอได้ฟังแบบนั้น ใบเฟิร์นถึงกับตาโตแล้วบอกโห จริงเหรอคะ สุดยอดมากๆเลย แล้วก็พรั่งพรูสารพัดคำพูดออกมา สำเร็จ อั้มละลายพฤติกรรมของใบเฟิร์นได้แล้ว



กระแตก็ฟังไปยิ้มไป จนกระทั่งพลอยเขยิบไปเกาะแขนกระแต แล้วถามว่ามีรถแบบไหนบ้างเหรอคะ กระแตก็เผลอตอบคุ่คุณหนู พลอยก็หืมอะไรเหรอคะ กระแตรู้ตัวว่าพลาดก็บ่ายๆเบี่ยงไปว่า ค่ะ คุณพลอยไม่มีอะไรค่ะ



แล้วเธอก็หยิบเอกสารรถ และ โบชัวร์ ต่างๆออกมา ทุกคนก็หยิบไปหมด ยกเว้นใบเฟิร์น เพราะเธอไม่รู้ว่าเธอจะหยิบไปทำไม แต่คิราระก็หยิบมาให้แล้วบอกว่าให้ใบเฟิร์นช่วยดูด้วย


[ เฟิร์น ]  :  เฟิร์นดูรถพวกนี้ไม่เป็นหรอกค่ะ . . .


[ อั้ม ]  :  ไม่ได้ เฟิร์นต้องดูด้วย เฟิร์นต้องคิดว่าพื้นที่ตรงไหนจะใช้สอยยังไงด้วย


[ เฟิร์น ]  :  แต่....


[ พลอย ]  :  ไม่มีแต่เลย เฟิร์นต้องช่วยดูด้วยยยยย


พลอยพูดด้วยท่าทีที่เหมือนจะโมโห แต่ไม่ใช่เพราะเธอยิ้มตลอด อั้มจะเป็นคนฟังกระแตพูดตลอด เพราะเธอรู้ว่า อีก 3 สาวต้องมัวแต่จ้องรถแน่ๆ การที่ปล่อยให้กระแตพูดคนเดียวมันก็ดูไม่ดีแน่ๆ เธออุตส่าห์มาถึงที่เชียวนะ


[ พลอย ]  :  ง่า รุ่นนี้สวยมากเลยนะ แต่ข้างในแคบจัง


[ คิราระ ]  :   ช่าย สวยนะ แต่ข้างในดูแคบไปหน่อย พี่อั้มคิดว่าไงคะ


[ อั้ม ]  :  อื้มมม  เอาจริงๆพวกเราก็ต้องไปที่โชว์รูมนั่นแหละ ใบเฟิร์นว่าไงเหรอ


เฟิร์นสะดุ้งเลย เพราะไม่คิดว่าตัวเธอจะถูกถามแบบนี้ เธออ้ำๆอึ้งๆสักพักจนพลอยต้องบอกว่าพูดเลยค่ะ เพราะเฟิร์นก็ต้องนั่งคันนี้ด้วย ใบเฟิร์นรีบสายหน้าแล้วบอกไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร แต่พลอยก็บอกว่า


ที่ริวบอกว่าจะหารถใหม่ เพราะอยากให้ไปไหนมาไหน พร้อมๆกัน เมื่อเฟิร์นมาทำงานในบ้านริวแล้ว เวลาจะไปไหนมาไหน ก็ต้องมานั่งรถด้วยกันอยู่ดีแหละค่ะ จริงมั้ยพี่คิราระ


[ คิราระ ]  :  อื้ม ตามที่พลอยบอกแหละ และอีกอย่างหน้าที่หลักๆของเฟิร์นคือช่วยพี่ ซัพพอร์ตงานบ้านใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นเวลาไปไหนมาไหน เราก็ต้องไปด้วยกัน เพราะงั้นเฟิร์นก็มีสิทธิ์ที่จะออกความเห็นเรื่องยานพาหนะด้วย



ใบเฟิร์นได้ฟังแล้วก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจจริงๆ กระแตได้ฟังแล้วก็ได้แต่แอบคิดว่าอยากไปด้วยอยากไปด้วย อยากอยู่ใกล้ๆคุณริวกะจัง จากนั้นใบเฟิร์นก็เริ่มพูดเรื่องสเป๊ครถทันที ทั้ง 4 ก็ตั้งใจฟัง ส่วนกระแตก็ตอบคำถามทุกคน ด้วยความเต็มใจและมีความสุข




บาคุสำรวจชีพจรของนายน้อย คาไมทาจิก็อยู่ด้วยไม่ห่าง บาคุเองก็เก่งเรื่องรักษาเหมือนกัน การที่เขามาอยู่ห้องนี้มันทำให้เขา ได้ดูอั้มทำนู่น ทำนี่บ่อยๆ บาคุกลายร่างเป็นมนุษย์และดึงเข็มออกทีละอัน ทีละอันจนหมด


[ อิทาจิ ]  :  มาอีกแล้วสิ่นะ คนในโชคชะตาของนายน้อยเรา


[ นิทาจิ ]   :  เฮ้อ กว่าจะครบทุกนาง บ้านนี้คงแคบน่าดู


[ ซันทาจิ ]  :   แต่นายหญิงรุ้งพลอย คงต้องอยู่กับท่านพิกุลแหละนะ


ทั้ง 3 พูดคุยกันราวกับว่ารู้ว่าจะมีสาวๆเข้ามาอีกกี่คนในชีวิตของนายน้อย พานายน้อยกลับห้องได้แล้วพวกเจ้า บาคุพูดขึ้นมาทำให้ ทั้ง 3 คาไมทาจิ จับที่ตัวริวกะไว้และพรุ่บบบ หายไปทันที


ริวกะถูกย้ายมานอนที่ห้องแล้ว เขาดูหลับเหมือนปกติตามที่อั้มบอกแต่ใครจะรู้ล่ะว่าภายในห้วงมิติที่เรียกว่าจิต ริวกะกำลังทำอะไรอยู่


..........


ณ ที่สักแห่ง !!!


[ ริวกะ ]  :  ที่ไหนหว่า...



ริวกะเดินอยู่ในที่ใดที่หนึ่งสักที่ ซึ่งบอกได้ว่าคือป่า แล้วตอนนี้เขามาที่นี่ได้ยังไง จำได้ว่าให้พี่อั้มฝังเข็มให้ เขาก็ไม่ได้บาดเจ็บถึงขั้นตายนี่หว่า แล้วไหงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วริวกะก็ได้ลองทำอะไรบางอย่าง


" ฮิไรชิน "


ริวกะกระทืบเท้าทันที ก่อให้เกิดอาภรณ์สายฟ้าห่มคลุมทั่วตัว เปรี๊ยะ !!!  เขาลองเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด ราวๆ 30 วินาที แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก !!!


[ ริวกะ ]  :  เวรละ ยังไม่ตายนี่หว่า


ริวกะถึงกับตกใจ ตอนแรกที่คิดว่าตัวเองตายแล้วมาอยู่ในโยมะ หรือ ปรภพ แต่เพราะมีสิ่งบางอย่างแปลกๆ เขาจึงลองใช้ฮิไรชินดู ซึ่งปรากฏว่าเขาเหนื่อย นั่นแสดงว่าเขายังไม่ตาย เขายังคงหายใจอยู่ แล้วที่นี่มันที่ไหนล่ะ



แล้วทันใดนั้นเอง กรึ่กกกก พื้นดินก็สั่นสะท้านไปทั่ว ผืนดินที่แตกก็ลอยขึ้นราวกับถูกดูดเข้าไป ริวกะรีบกระโดดหลบ หลบ หลบ แต่ก็ไม่พ้น วู๊บ !!!  เขารวบรวมสายลมเป็นมวลก้อนขนาดใหญ่ที่ฝ่ามือและอัดตู้ม !!!  เข้ากับก้อนดินตรงนั้น


โพล๊ะ !!!  วิ๊ววววววว  ทันทีที่สายลมปะทะกับก้อนดินมันก็แตกออก ลมจำนวนมากมายที่ถูกบีบอัดกำลังพวยพุ่งออกมา ส่งผลให้ริวกะปลิวไปตามลม จนออกมานอกพื้นที่โจมตี มันเป็นสิ่งที่เขาคิดไว้


ปุ้ก !!!  ริวกะที่กำลังลอยตกพื้น เกร็งฝ่ามือ ราวกับกรงเล็บเสือ และอัดลงพื้น มันเป็นท่าควบคุมวายุ ที่ชื่อว่า โทระ โฮชิกิ เขาทำแบบนั้นเพื่อลดความเร็วในการตกลงพื้น ครืดๆๆๆๆ ริวกะหล่นลงพื้นและรีบม้วนตัวด้วยท่าตบเบาะของยูโดทันที


เขากลิ้งและพลิกตัวขึ้นมา เพื่อมองว่าเกิดอะไรขึ้นและตรงหน้าของเขาก็ปรากฏร่างกายของใครบางคนขึ้นมา


[ ริวกะ ]  :  เชอะ แก อีกแล้วเหรอ


[ ???? ]  :  ว่าไงไอ้กระจอก พร้อมที่จะตายหรือยังล่ะ


[ ริวกะ ]  :  ถ้าแก ทำได้ล่ะนะ แกคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ชั้นมัวแต่เรียนหนังสืออย่างเดียวเหรอ


[ ???? ]  :  กับไอ้กระจอกที่เอาพลังครึ่งนึงของตัวเองโยนให้ไอ้มนุษย์ชั้นต่ำแบบนั้นอย่างแกน่ะ มีสิทธิ์พูดแบบนั้นเหรอไง


[ ริวกะ ]  :  ก็ลองดูสิ่










ΜoNoTΩИ∑ ★★★

#1
 


เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

ัuffa555

ใครอ่าาา ที่โผล่มาจะต่อยกับนายริวของเรา   ::Glad::


pp1659

แสดงว่าริวกะ จะมีผู้หญิงเพิ่มอีกนอกจาก6คนนี้ แล้วคนที่ริวกะสู้อยู่เป็นใครครับ

usman1963

ใครต่อยกับนายริวละเนี่ย หรือว่าตัวในจิตใจนะ

Ranger83


thetwo


dwarf

ขอบคุณ​ครับ.. คิดว่าเป็นจิตใต้สำนึกของริวกะ​ ที่กำลังต่อสู้กัน.. เนื่องจากมีแรงต่อต้านจากเงามืดแห่งความชั่วร้ายแฝงไว้.. มั้ง


toy5599


Manoptana

#11
ฮาเร็มของนายริวมาเกือบครบแล้ว เมื่อไรที่จะได้ละลายพฤติกรรมของกระแตกับใบเฟิร์น คงต้องรออีกหลายยก ต้องให้พี่ใหญ่มิไรมาจัดการหรือเปล่า
คงไม่ต้องรอพี่มิไรแล้ว พลอยแสดงเองให้ใบเฟิร์นเห็นแล้ว จัดการลากเข้าวงเลย

Am1112mA


bbblack

มาเกือบพร้อมหน้าแล้วบรรดาเมียๆทั้งหลาย

tumsweet

แค่นี้ก้อเหนื่อยแทนริวกะแล้วนะยังจะมีมาอีกหรอเนี่ย