ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 21 : น้องหมวยลำเค็ญ Pt1

เริ่มโดย nato87, พฤษภาคม 11, 2021, 07:38:14 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

nato87

พูดคุยก่อนอ่าน : มาแล้ว ๆ ตอนนี้บอกไว้ก่อนว่าค่อนข้างยาวเป็นพิเศษ มันเป็นการปูเรื่องราวของกรวิทย์และน้องเค้ก และเรื่องราวของลุงพลกับน้องหมวยนะครับ ฉากเข้าพระเข้านางของลุงพลและน้องหมวยจะเริ่มบรรเลงในตอนหน้ายาว ๆ ไป ผมรอวันนี้มานานแล้ว สำหรับน้องหมวย เธอเป็นหนึ่งในตัวละครที่ผมชอบมาก ๆ คนนึงเลยนะ ก็มาลองดูกันครับว่า เธอจะลงเอยกับลุงพลยังไง และลุงพลจะหาวิธีช่วยไม่ให้น้องหมวยแต่งงานกับพี่โทนี่ หนุ่มฮ่องกงได้หรือไม่

ตัดมาที่ฝั่งพี่กร ตอนนี้ผมถือว่าผมให้รางวัลตอบแทนคนดี ๆ อย่างพี่กรแล้วนะครับ หลังจากที่ผมชอบขยี้ตัวละครตัวนี้มาตลอด 55555+ เอาละ ถ้าอ่านตอนนี้จบแล้ว คุณคงคิดว่า มันน่าจะมีฉากระหว่างพี่กรและน้องเค้กแน่ ๆ ซินะ คำตอบคือ 'มีครับ' แต่ผมอาจจะเขียนเป็นไซด์สตอรี่ในภายหลัง เช่นเดียวกับเรื่องของไอ้ลอยกับไอ้นันน่ะครับ

ตอนนี้ผมยังให้โอกาสทุกคนหาทิชชู่หรือผ้าอะไรมาเตรียมไว้ก่อนได้นะครับ เพราะคู่ระหว่างลุงพลและน้องหมวย บอกได้แค่ว่า 'ชุ่มฉ่ำ' แน่นอน


#####################

ความเดิมจากตอนที่แล้ว


https://xonly8.com/index.php?topic=243545.0

"หมวย วันเสาร์อาทิตย์นี้ มิสเตอร์มาร์ตินเพื่อนป๊าที่ฮ่องกงจะบินมาไทยพร้อมกับอาโทนี่ ลื้อเตรียมตัวต้อนรับพี่โทนี่ให้ดี อย่าให้ป๊ากับม๊าอับอายเด็ดขาด" ทัดเทพเอ่ยปากกับลูกสาวผ่านทางโทรศัพท์ในช่วงหัวค่ำของคืนวันพฤหัสบดี

"ป๊า วันเสาร์อาทิตย์นี้ อั๊วมีติวกับเพื่อนที่หอ อั๊วกลับบ้านไม่ได้" เดือนดาราปฏิเสธอย่างไร้เยื้อไย ความจริงเธอไม่ได้มีติวหนังสืออะไรหรอก เธอแค่ไม่อยากเจอกับตาโทนี่อะไรนั่น ก็เท่านั้นเองแหละ

"หมวย!!! อย่าเสียมารยาทซิ!!! มิสเตอร์มาร์ตินกับพี่โทนี่อุตส่าห์บินมาที่ไทย จะมาทำแบบนี้ไม่ได้นะ!!!" ทัดเทพบ่นลูกสาวชุดใหญ่ "ยังไงเสาร์อาทิตย์ลื้อก็ต้องกลับมาที่บ้าน ทำไม? แค่กลับมาที่บ้านเจอกับลุงมาร์ตินกับพี่โทนี่มันยากนักหรือไง!!!"

"ก็อั๊วไม่ได้คิดอะไรกับพี่โทนี่ ทำไมป๊าถึงบังคับใจอั๊วอยู่ได้?" เดือนดาราตัดพ้อ "ตกลงป๊าจะขายลูกสาวกินให้ได้ใช่ไหม?"

"ลื้อพูดจาอะไรระวังปากให้ดีนะ หมวย!!" ทัดเทพเริ่มโกรธ "ไม่รู้ละ!!! วันศุกร์ อั๊วจะพาลื้อกลับบ้านที่นนท์ ถ้าลื้องอแงไม่ยอมกลับบ้าน อย่าหาว่าป๊าใจร้ายก็แล้วกัน!!"



แล้วทัดเทพผู้เป็นพ่อก็กดวางสายไป ส่วนยัยหมวยก็นั่งบ่นด้วยความน้อยใจ จนเพื่อนรักต้องเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง

"จะขายลูกสาวกินให้ได้เลยใช่ไหมเนี่ย!!!" เดือนดาราทำท่าจะเขวี้ยงสมาร์ทโฟนลงพื้น แต่พอเห็นสายตาของอรัญญาที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็นึกเปลี่ยนใจวางไว้บนเตียงแทน "บ้า!!! บ้าบอ!!! นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว!!! เลิกสักทีเถอะไอ้เรื่องคลุมถุงชนอ่ะ!!!"

"หมวย? เป็นอะไรหรือเปล่า?" นางงามมิตรภาพประจำคณะเอ่ยปากถามเพื่อนรัก

"ก็พ่อหมวยน่ะซิ..." สาวน้อยเชื้อสายจีนตัดพ้อ "จะมัดมือชกอย่างเดียวเลย จะให้หมวยเจอกับตาโทนี่อะไรนั่นให้ได้อย่างเดียวเลย!!! เหอะ!!! นี่มันสมัยไหนกันแล้ว ทำตัวเป็นคนจีนยุคโบราณอยู่ได้!!!"

"เฮ้อ...อีฟก็ไม่รู้จะแสดงความคิดเห็นหรือช่วยหมวยยังไงนะ" อรัญญาถอนหายใจยาว "แต่อีฟคิดว่า ยังไงหมวยก็ยอมทำตามที่ป๊าของหมวยบอกไปก่อนเถอะ แล้วค่อยหาโอกาสอธิบายเหตุผลว่าทำไมหมวยถึงไม่อยากหมั้น"

"ถ้ามันง่ายแบบนั้นก็ดีซิ..." เดือนดาราตอบ "แต่อาป๊าของหมวยน่ะ เวลาตัดสินใจอะไรแล้ว ไม่ค่อยเปลี่ยนใจง่าย ๆ หรอก ป๊าของหมวยเป็นคนที่แบบสุดโต่งมาก บางทีตัดสินใจอะไรไปแล้ว ถึงรู้ว่าผิด ก็ยังจะดื้อ ดันทุรังเพื่อทำให้มันกลายเป็นถูกจนได้ แล้วนี่วันศุกร์ ป๊าของหมวยจะมารับหมวยที่นี่ หมวยไม่มีทางปฏิเสธอะไรได้เลย"

"เฮ้อ..." อรัญญาทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ ทำได้เท่านั้นจริง ๆ ถ้าเป็นเธอ เธอเองก็คงอยู่ในสถานะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเหมือนที่เพื่อนรักของเธอกำลังพบเจออยู่แบบนี้เช่นเดียวกัน

"จะทำยังไงดีนะ? จะทำยังไงดี? โอ้ยยย!!!" เดือนดาราบ่นกับตัวเอง ทำไมเธอต้องมาเจอสารพัดเรื่องราวบ้าบอคอแตกที่ประเดประดังเข้ามาในช่วงเวลานี้ด้วย?

.................................

"เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว แม้ว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรกับฉันเลย ฉันก็แค่คนหนึ่ง ที่เธอต้องการในบางครั้ง ได้อยู่ตรงนี้ก็ดีแค่ไหน..." เสียงบทเพลงอคูสติกดังขึ้นภายในบาร์เล็ก ๆ ที่เพื่อนสนิทของกรวิทย์ เภสัชหนุ่มเป็นเจ้าของดังขึ้น

"เฮ้ย!!! หันไปที่ 10 นาฬิกา!!!"

"เหยดดดด พาสาวที่ไหนมาด้วยวะไอ้กร!!!"

"หวัดดีเว้ย!!" วันนี้กรวิทย์ว่าง ก็เลยชวนน้องเค้ก สัตวแพทย์สาว ที่ได้ตกลงคบหาดูใจกันแล้วมานั่งชิลฟังดนตรีโฟลค์ซองที่บาร์ของเพื่อนสมัยเรียนในช่วงค่ำ "นี่เค้ก เอ่อ...แฟนกูเอง"

"สวัสดีค่ะทุกคน..." หมอเค้กพนมมือไหว้พี่ ๆ อดีตคณะเภสัชทุกคนด้วยรอยยิ้ม "เค้กค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ"

"ครับน้องเค้ก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ" เพื่อน ๆ ของกรวิทย์ต่างต้อนรับน้องเค้กแฟนของเจ้ากร กรวิทย์เป็นอย่างดี "หิวไหมเค้ก? อยากกินอะไรสั่งได้เลย"

"กินเบียร์ไหมครับน้องเค้ก?" หนึ่งในก๊วนเพื่อน ๆ ของกรวิทย์เอ่ยปากถาม

"ไม่ละคะ พรุ่งนี้เค้กต้องเข้าคลีนิค" หมอเค้กปฏิเสธอย่างสุภาพ

"น้องเค้กเค้ารักสุขภาพน่ะ ไม่กินเหล้ากินเบียร์" กรวิทย์ยิ้ม "ขอน้ำผลไม้ให้น้องเค้กก็แล้วกัน เค้กจ๊ะ เค้กจะดื่มอะไรดี?"

"ขอน้ำเลมอนแล้วกันค่ะพี่กร" สัตวแพทย์สาวยิ้มหวาน

"น้ำเลม่อนที่นึง..." กรวิทย์สั่งเครื่องดื่มกับบริกรที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ "แล้วก็เบียร์ขวดนึง"

เหล่าบรรดาเพี่อน ๆ ของกรวิทย์ ต่างมองเห็นไปในทางเดียวกันว่า กรวิทย์ดูมีความสุขมากขึ้นกว่าแต่ก่อน สมัยที่ยังรักกับหมอพลอย หลาย ๆ ครั้งที่กรวิทย์ต้องมาปรับทุกข์และกินเหล้ากินเบียร์เมาจนหัวราน้ำ จนทำให้เพื่อน ๆ ของเภสัชหนุ่มอดสงสารไม่ได้

พอเห็นไอ้กรหยอกล้อพูดคุยกับน้องเค้ก บางครั้งน้องเค้กก็สบไหล่พี่กรร้องเพลงคลอตาม ก็ทำให้เพื่อน ๆ ของเภสัชหนุ่มพลอยมีความสุขไปด้วย ที่ในที่สุดก็ได้เห็นสุภาพบุรุษผู้แสนดีอย่างกรวิทย์สมหวังในความรักสักที

"เฮ้ยยย!!! กร!!! สนใจร้องเพลงสักเพลงไหมวะ?" เพื่อนนักดนตรีที่อยู่บนเวทีเอ่ยปากทักเพื่อนรักที่กำลังคลอเคลียกับแฟนสาว
"ก็ได้..." หนุ่มกรหันไปยิ้มให้น้องเค้ก "ขอพี่ไปร้องเพลงหน่อยนะ เพื่อน ๆ เค้าอยากฟัง"

"เฮ้!!!! จะรอให้ใครมาตัดริบบิ้นครับทุกคน!!! ปรบมือครับ!!! ใครรู้ตัวว่าเป็น เภสัชศาสตร์ รุ่น 52 ปรบมือเป็นเกียรติให้เพื่อนหน่อย เร็ว!!!"

"ครับ...สวัสดีครับเพื่อน ๆ และแขกผู้มีเกียรติทุกคน" กรวิทย์เดินทำหน้ามึนถือแก้วเบียร์ ไปหยิบไมค์โครโฟนแล้วจ่อปากพูด "ก็...จะมาร้องเพลงนะครับ ใครฟังได้ก็ฟังนะครับ ฟังไม่ได้ก็อุดหูไปนะครับ"

แล้วกรวิทย์ก็หันไปบอกเพลงที่ตัวเองจะร้องให้กับมือกีต้าร์ที่ฟังอยู่ ก่อนหยิบแก้วเบียร์ขึ้นมากระดกแก้กระหายก่อนเริ่มร้องเพลง

"เพลงนี้ เป็นเพลงที่ผมอยากร้องให้ทุกคนฟังนะครับ" กรวิทย์บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบทเพลงที่ตัวเองกำลังจะร้อง "เป็นเพลงประกอบละครหรือซีรีย์เมื่อหลายปีก่อนเนี่ยแหละครับ ก็เป็นเพลงที่ผมชอบฟังมาก เป็นเพลงเกี่ยวกับการแอบรักเพื่อน แอบรักใครสักคน แล้วก็..."

"ไอ้กร!!! เลิกพล่ามแล้วร้องเพลงได้แล้ว!!!" เจ้าของร้านที่เป็นเพื่อนสนิทของกรวิทย์ตะโกนด่า จนเพื่อน ๆ และแขกที่นั่งอยู่หัวเราะออกมา

"ครับ ก็ได้ครับ..." กรวิทย์ยิ้มเขิน ๆ พลางมองไปที่น้องเค้กที่กำลังเอามือป้องปากเพราะอดขำแฟนหนุ่มของตัวเองไม่ได้ "ก็ขอฝากเพลงนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของทุกคนแล้วกันนะครับ กับเพลง ไม่บอกเธอนะครับ"

"เฮ้ยยย!!! ร้องสักทีไอ้ห่า!!! หมดเวลาไปเกือบสองนาทีรอมึงแถลงข่าวเปิดพิธีเสร็จเนี่ย!!!"

"อยากขยับเข้าไปใกล้เธอ อยากรู้จักตั้งแต่ได้เจอ ใจฉันสั่นเมื่อได้ยินเสียงเธอ ตั้งแต่วันแรกเจอ ก็เผลอเอาไปคิดละเมอ..."

หนุ่มกรร้องเพลงนี้บนเวทีไป เหล่าบรรดาเพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ด้านล่างก็ร้องตาม ส่วนน้องเค้กก็หยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาบันทึกวิดีโอเป็นที่ระลึกแล้วก็ร้องคลอตาม เพราะเป็นเพลงที่เธอชอบฟังเหมือนกัน

หลังจากร้องเพลงจบ กรวิทย์ก็ได้รับเสียงปรบมือจากผองเพื่อนคณะเภสัชและแขกบางส่วนภายในร้าน เภสัชหนุ่มเดินโบกมือขอบคุณสำหรับเสียงปรบมือให้กำลังใจของทุกคน ก่อนกลับมานั่งประจำที่เดิม



"เสียงดีเหมือนกันนะคะพี่กร..." มนัสนันท์ยิ้มหวาน ก่อนยื่นคลิปที่กรวิทย์ร้องเพลงในสมาร์ทโฟนให้อีกฝ่ายดู

"อัดคลิปพี่ไว้เลยเค้ก?" กรวิทย์ยิ้ม

"ทำไมเหรอคะ? อัดคลิปแค่นี้ไม่ได้เหรอ?" น้องเค้กทำหน้ายียวนใส่ "พี่กรร้องเพลงเพราะดีออก"

"เปล่า...พี่ไม่ได้ว่าอะไร" เภสัชหนุ่มตอบ ก่อนหันไปยิ้มให้น้องเค้ก จนอีกฝ่ายร่นคิ้วด้วยความสงสัย ว่ากรวิทย์เป็นอะไร ถึงยิ้มแบบนั้น

"ยิ้มอะไรคะพี่กร?" มนัสนันท์ร่นคิ้วด้วยความแปลกใจ

"พี่ร้องเพลงเพราะจริงเหรอ?" เภสัชหนุ่มถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

"จริงซิคะ..." สัตวแพทย์สาวตอบ

"ถ้างั้นพี่จะร้องเพลงให้เค้กฟังตลอดชีวิต เค้กคงไม่รังเกียจใช่ไหมครับ?" ไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์หรือเปล่า หรือเพราะอารมณ์มันพาไป กรวิทย์เลยหยอดหวานใส่มนัสนันท์ จนสาวเจ้ายิ้มเขินหน้าแดงเสียอาการจนต้องรีบเมินหน้าหนีเอามือปิดปากด้วยความเขิน

"อะไรเนี่ยพี่กร? อารมณ์ไหนเนี่ย?" น้องเค้กเสียอาการอย่างเห็นได้ชัด จนเพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ร่วมโต๊ะออกโรงแซวกันยกใหญ่

"เห้ยย...เหม็นความรักเว้ยยย"

กรวิทย์ที่กำลังเมาเหล้านิดหน่อย และดูเหมือนว่าจะเมาความรักในระดับปานกลางถึงมาก หันไปทำตาหวานยิ้มให้น้องเค้กที่กำลังนั่งดื่มน้ำเลมอนแก้เขิน

น้องเค้กนี่ดู ๆ ไปก็น่ารักดีเนอะ บางมุมก็ดูน่ารัก อ่อนโยนกว่าน้องพลอยซะอีก กรวิทย์คิดในใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าที่ผ่านมา เพราะอะไรกันนะ เลยทำให้เขามัวแต่ไปเสียเวลากับผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นคุณค่าของตัวเอง จนเกือบลืมไปว่า ยังมีผู้หญิงอีกคนที่รอคอยตัวเองอยู่

"จะห้าทุ่มละ กูขอพาน้องเค้กกลับบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้น้องเค้กต้องเข้าคลินิกแต่เช้า" กรวิทย์และมนัสนันท์นั่งชิลภายในร้านอยู่สักพัก ทั้งคู่ก็ขอตัวลาเพื่อน ๆ กลับบ้านไปนอนพักผ่อนที่บ้าน

"ขับรถไหวไหมคะพี่กร?" ประโยคแรกที่หมอเค้กเอ่ยปากถามกรวิทย์ ที่เปิดประตูเข้ามาภายในรถ

"ไหว พี่ขับไหว ไม่ได้เมาสักหน่อย" กรวิทย์ยิ้ม "พี่แค่มีความสุขน่ะ"

"ความสุข? ความสุขเรื่องอะไรคะ?" มนัสนันท์ร่นคิ้วด้วยความสงสัย

"ก็ที่เค้กตกลงเป็นแฟนกับพี่ไงครับ" กรวิทย์ที่นั่งอยู่เบาะหน้ารถเอื้อมแขนไปจับมือมนัสนันท์ที่นั่งอยู่เบาะข้าง ๆ "พี่ขอโทษนะเค้ก ขอโทษที่..."

"พี่ไม่ต้องขอโทษอะไรเค้กหรอกค่ะ..." มนัสนันท์ยิ้ม "เค้กน่ะ รู้มาตลอดนั่นแหละว่าพี่กรรักผู้หญิงที่ชื่อพลอยมานาน เค้กรู้ตัวดีว่าเค้กคงไม่มีอะไรไปเทียบกับผู้หญิงที่ชื่อพลอยได้ เค้กเองก็แปลกใจเหมือนกัน ที่ทำไมพักหลังพี่กรถึงได้หันมาสนใจเค้กแบบนี้..."

เภสัชหนุ่มนิ่งหน้าเงียบ เหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มต้องหันกลับมามองน้องเค้กอีกครั้ง เป็นเพราะถูกปฏิเสธรักอย่างจริงจังจากผู้หญิงที่ตัวเองรักมั่นคงมานานนับสิบปีอย่างพลอยพรรณ

"พี่กับพลอยคงไปด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว..." กรวิทย์เอ่ยปาก "พลอยเค้าไม่ได้รักพี่ พลอยเค้าบอกพี่มาแล้ว พี่มันโง่เองที่ตามตื้อพลอยมานานเป็นสิบ ๆ ปี"

"พี่กรไม่ได้โง่หรอกค่ะ..." มนัส์นันท์ตอบ "บางครั้ง เพราะคำว่ารัก คนเราก็มักจะยอมทำอะไรที่คิดว่าโง่เสมอ คำว่ารักมันไม่มีเหตุผลหรอกค่ะพี่ เค้กเองก็เหมือนกัน เค้กน่ะ แอบรักผู้ชายคนนึงมานานเป็นสิบ ๆ ปีเหมือนกันนะคะพี่กร?"

"น้องเค้ก..." เภสัชหนุ่มเหมือนรู้ตัวว่า ผู้ชายคนนั้นที่น้องเค้กพูดถึง ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นตัวเขาเอง

"คงไม่ต้องบอกใช่ไหมคะ ว่าผู้ชายคนนั้นเค้กหมายถึงใคร?" สัตวแพทย์สาวยิ้ม "สำหรับเค้ก พี่กรคือคนที่ใช่ที่สุดเสมอมาค่ะ เค้กอยากบอกให้รู้ว่า ขอแค่พี่กรมีความสุขกับผู้หญิงที่พี่กรรัก เค้กก็ดีใจแล้ว แต่ถ้าพี่กรคิดจะรักเค้ก เพื่อให้เค้กเป็นตัวแทนของใคร ขอเถอะค่ะพี่กร อย่าทำแบบนั้นเลย..."



"พี่จะรักเค้กเพราะเค้กเป็นเค้ก..." กรวิทย์กุมมือมนัสนันท์แน่น "พี่จะไม่ให้เค้กเป็นตัวแทนของใคร พี่สัญญาครับ"

"พรุ่งนี้เค้กลางานสักวันก็ได้นะคะพี่กร..." หมอเค้กเอ่ยปากกับพี่กรด้วยใบหน้าแดงก่ำ "คืนนี้เค้กอยากอยู่กับพี่กร...นะคะ"

แล้วหนุ่มกรและสาวเค้กก็จูบปากกันภายในรถอย่างดูดดื่ม ก่อนที่กรวิทย์จะขับรถยนต์ Nissan Almera สีแดง มุ่งตรงไป ณ ที่ไหนสักแห่งในกรุงเทพมหานคร เพื่อสานต่อเรื่องความความรักบทใหม่กับผู้หญิงที่ชื่อมนัสนันท์

สาวน้อยที่เดินตามพี่กรมาตั้งแต่เด็ก จนถึงปัจจุบันที่ทั้งคู่เติบโตอยู่ในช่วงวัยหนุ่มสาว น้องสาวคนนั้นก็ยังเหมือนเดิม เธอยังคงเฝ้ามองพี่ชายคนนั้นของเธอจากด้านหลังตลอดมา เธอยังรอคอย รอจนกว่าพี่ชายคนนั้นจะหันกลับมา และรู้ว่ายังมีใครอีกคนที่รอคอยอยู่

...ในที่สุด นาฬิกาของคนสองคนที่เฝ้าแต่รอคอยก็เดินในจังหวะเดียวกันเสียที และในค่ำคืนนี้ หัวใจของกรวิทย์และมนัสนันท์จะเชื่อมต่อเป็นหัวใจดวงเดียวกันด้วยคำว่า 'รัก' นั่นเอง

.................................

ตัดมาที่วิทยาลัยพยาบาล ในช่วงเช้าของวันศุกร์สุดสัปดาห์ สองสาวเพื่อนสนิทอย่างเดือนดาราและอรัญญาต่างรีบแต่งชุดนักศึกษาเพื่อไปเรียนในช่วงเช้า

"วันนี้ครูเบสท์ลาป่วยนะจ๊ะ ครูเลยมาสอนแทนนะทุกคน อาทิตย์หน้าครูเบสท์ถึงจะกลับมาสอนตามปกติน่ะจ๊ะ" ครูพี่เอ๋ สาวใหญ่รองหัวหน้าคณะพยาบาลศาสตร์เดินเข้ามาทักทายนักศึกษาพยาบาล

"ครูเบสท์เป็นอะไรของเค้านะ?" ยัยหมวยเอ่ยปากถามอีฟที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยความสงสัย

"มาถามเรา แล้วเราจะรู้ไหมละหมวย?" สาวอีฟตอบ "เรียนก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยมาว่ากันอีกที"

แล้วครูพี่เอ๋ รองหัวหน้าคณะก็เริ่มทำการสอนแทนภัคจิราที่ลาป่วย โดยก่อนหน้านั้นครูพี่เอ๋ได้โทรไปถามอาการป่วยจากครูเบสท์ ที่ได้ฝากฝังให้รุ่นพี่คณะช่วยสอนหนังสือเด็กนักเรียนแทนในช่วงที่ตัวเองนอนพักฟื้นอยู่ที่บ้าน

"แปลกจัง ก็พี่เห็นเบสท์เมื่อวันก่อนยังแข็งแรงอยู่เลย?" ครูพี่เอ๋พูดคุยกับครูเบสท์ผ่านทางโทรศัพท์เมื่อสองวันก่อน



"เบสท์ไม่ไหวจริง ๆ ค่ะพี่เอ๋..." ภัคจิราที่นอนซมอยู่ในบ้านเพราะพิษไข้ แต่อาจารย์สาวคงไม่มีทางบอกรุ่นพี่แน่นอนว่าทั้งหมดเป็นเพราะถูกลุงพล อดีตนักการภารโรงของวิทยาลัยพยาบาลที่ผันตัวมาขายน้ำเต้าหู้ล่อลวงไปเปิดซิงจนไข้ขึ้น "เบสท์ไปหาหมอแล้ว เดี๋ยวอาทิตย์หน้าเบสท์จะกลับไปทำงานต่อ และจะเอาใบรับรองแพทย์ไปให้นะคะพี่"

"ได้จ๊ะเบสท์" สาวใหญ่เอ่ยปากด้วยความเป็นห่วง "เดี๋ยวถ้ายังไง พี่สอนหนังสือให้ในช่วงที่เบสท์ลาป่วยก็แล้วกันนะ"

"ค่ะ ขอบคุณมากนะคะพี่เอ๋" ครูเบสท์เอ่ยปากขอบคุณ

"พี่ว่าพี่ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของเราแล้ว" รุ่นพี่คณะพยาบาลศาสตร์เอ่ยปากขึ้นมา "พักผ่อนเยอะ ๆ นะเบสท์ เดี๋ยวพี่จัดการเรื่องสอนหนังสือเด็กให้เอง"

ด้วยเหตุนี้เอง ครูพี่เอ๋ อังศุมาลิน เลยต้องมาสอนหนังสือแทนครูเบสท์ที่เป็นรุ่นน้องแทนไปก่อนในสัปดาห์นี้ ซึ่งครูพี่เอ๋ก็ทำหน้าที่แทนรุ่นน้องได้เป็นอย่างดี จนกระทั่งเลิกคาบเรียน เหล่าบรรดานักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่หนึ่งต่างแตกย้ายกันไปเรียนตามวิชาที่ตัวเองได้ลงทะเบียนเอาไว้

"อีฟ ไปหาข้าวกินกันก่อนไหม? ตั้งแต่เช้าเรายังไม่ได้กินอะไรเลย?" เดือนดาราเดินออกมาจากห้องเรียน พร้อมกับเอามือกุมที่ท้องน้อยด้วยความหิว

"อือ กินที่โรงอาหารดีไหม?" อรัญญาแสดงความเห็น

"เหอะ!!! ไปกินที่อื่นดีกว่าไหม? ไม่อยากไปกินที่นั่น!!" ยัยหมวยร่นคิ้วด้วยความไม่พอใจ เมื่อรู้ว่าเพื่อนรักอยากไปกินข้าวที่โรงอาหาร เหตุผลไม่ใช่เพราะที่นั่นอาหารไม่อร่อย แต่เป็นเพราะลุงพล เป็นร้านขายน้ำเต้าหู้อยู่ในนั้น "ไม่อยากเจอหน้าคนบางคน..."

"อ้อ..." อรัญญาพยักหน้าทันที เหมือนรู้ว่าเพื่อนรักอย่างเดือนดารากำลังหมายถึงใคร "ลุงพลน่ะเหรอ?"

"อีฟ บอกตรง ๆ นะ เรายังไม่หายโกรธอีฟเรื่องนั้น" ยัยหมวยทบทวนสิ่งที่เพื่อนรักได้ทำกับเธอเอาไว้ นั่นคือการร่วมมือกับยัยนาถและพี่อุ๊เพื่อล่อลวงเธอไปให้ลุงพลทำมิดีมิร้าย "ที่ชวนไปกินข้าวที่โรงอาหาร นี่เป็นเพราะหิวข้าวใช่ไหม? ไม่ใช่ว่าคิดถึงหรือติดใจใครบางคนหรอกนะ?"



"นี่หมวย..." พอเจอคำพูดเหน็บแนมของยัยหมวย ก็ทำเอาอรัญญาเริ่มไม่พอใจ "เราก็ขอโทษไปแล้วไง จะเอาอะไรอีก? คิดเหรอว่าเราอยากทำแบบนั้นน่ะ ห๊ะ!!"

สุดท้าย อรัญญาก็เลยหันหลังใส่เพื่อนรักด้วยความไม่พอใจ ทำเอาเดือนดารามองค้อนด้วยความไม่พอใจ

"อ่าว? แล้วอีฟจะไปไหน?" เดือนดาราเอ่ยปากถามเพื่อนรักที่หันหลังเดินหนีไปอย่างไม่สบอารมณ์



"เรานึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วนต้องไปทำน่ะ หมวยไปกินข้าวก่อนเถอะนะ" ความจริงก็คือสาวอีฟไม่พอใจที่ถูกเพื่อนรักรื้อฟื้นความผิดพลาดของตัวเองขึ้นมา ก็เลยเกิดอาการนอยด์เพื่อนนั่นเอง

"อะไร? พูดแค่นี้ทำเป็นโกรธ?" สาวหมวยเอาแต่ใจส่ายหน้า "เห๊อะ!!! กินข้าวคนเดียวก็ได้"

ว่าแล้วเดือนดาราก็เลยตัดสินใจเดินไปหาร้านข้าวกินข้างนอกวิทยาลัยพยาบาล โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่า กำลังมีใครบางคนเฝ้ามองเธออยู่

"ยัยหมวยกับยัยอีฟทะเลาะกันเหรอ?" นาถลดาที่แอบดูอยู่ห่าง ๆ คิดในใจ "ทะเลาะเรื่องอะไรกันนะ หรือว่าเรื่องของลุงพล?"

นาถลดา กำลังครุ่นคิดถึงแผนการเอาคืนสามสาวอย่าง ยัยอีฟ ยัยหมวย และพี่อุ๊ โทษฐานที่ทั้งสามคนดักรุมตบเธอเมื่อวันก่อนแล้วถ่ายภาพแบล็คเมล์เพื่อเอาคืน ด้วยเหตุนี้เอง เลยทำให้นาถลดาผูกใจเจ็บ และรอคอยเวลาเพื่อเอาคืนสามสาวแบบทบต้นทบดอก

...ระวังตัวให้ดีเถอะ ใครทำให้สาวนุ้ยหาดใหญ่โกรธ ระวังชีวิตจะหาไม่ คอยดูแล้วกัน นาถลดากำหมัดแน่นด้วยความแค้น กับสิ่งที่ทั้งสามคนได้กระทำกับเธอเอาไว้

.................................

"โอ้ยยย!!! ร้อน!!!" เดือนดาราตัดสินใจเดินข้ามสะพานลอยมาที่ซอยฝั่งตรงข้ามวิทยาลัยพยาบาล เพื่อมาหาข้าวกิน หมวยสาวเหลือบไปเห็นร้านข้าวแกงข้างทางที่มีโต๊ะว่าง แต่เธอกลับตัดสินใจไปเลือกร้านอาหารที่มีห้องแอร์และราคาแพงกว่า ด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่า เธอเป็นลูกคุณหนูที่ค่อนข้างรักสวยรักงาม และไม่อยากนั่งร้อนข้างถนนนั่นเอง

"เมนูที่สั่งได้แล้วคะ!!!" บริกรเดินหยิบเมนูอาหารที่เดือนดาราสั่งมาวางบนโต๊ะ

"ขอบคุณค่ะ!!" เมนูที่เดือนดาราสั่งก็คือข้าวผัดทะเล และน้ำส้มปั่น ทั้งหมดคิดเป็นเงินเกือบหนึ่งร้อยบาท ความจริงถ้าสาวหมวยยอมนั่งกินร้านข้าวแกงด้านนอก ก็จะประหยัดเงินไปไม่ต่ำกว่า 50 บาท แต่นั่นแหละ ด้วยความเป็นลูกคุณหนูของเธอ เดือนดาราก็เลยเลือกสิ่งที่คิดว่าดีที่สุดให้กับตัวเอง

หลังจากกินข้าวเสร็จ เดือนดาราก็เดินแวะหาซื้อผลไม้ น้ำดื่มและลูกอมในร้านสะดวกซื้อ เพื่อเตรียมตัวเดินข้ามสะพานลอยกลับไปเรียนในคาบวิชาต่อไป

แน่นอน เธอเจอกับอรัญญาด้วย แต่ดูเหมือนว่านางงามมิตรภาพยังงอนอยู่หรือยังไงไม่ทราบ อรัญญาเลยหนีไปนั่งตรงมุมห้อง ปล่อยให้เดือนดารานั่งอยู่คนเดียว จนกระทั่งมีเพื่อนร่วมคณะมาขอนั่งด้วย

"ขอนั่งด้วยคนนะหมวย?"

"อือ!! ได้ซิ!!!"

เดือนดาราเหลือบไปมองเพื่อนรัก ในใจก็คิดว่าสงสัยยัยอีฟคงยังงอนอยู่ ก็เลยตั้งใจว่าถ้าเลิกเรียนคาบนี้ จะขอคุย ขอเคลียร์เป็นการส่วนตัวสักหน่อย

.................................

"กริ๊งงงง!!!!" เสียงกริ่งเตือนดังขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณว่าหมดคาบแล้ว เหล่าบรรดานักศึกษาพยาบาลทั้งชายและหญิงต่างถอนหายใจโล่งอก

"อย่าลืมการบ้านที่อาจารย์ฝากไว้นะคะทุกคน วันนี้พอแค่นี้ก่อนค่ะ" อาจารย์ประจำวิชาเอ่ยปากกับนักศึกษาพยาบาลภายในห้องก่อนเดินจากไป ยัยหมวยพอเห็นว่าสบโอกาส ก็เลยลุกขึ้นเดินไปหาสาวอีฟเพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจ แต่ว่า...

"สวัสดีหมวย?" อยู่ดี ๆ นาถลดาก็โผล่เข้ามาขวาง ทำเอาเดือนดาราถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ

"อะไรเนี่ย?" ยัยหมวยร่นคิ้วใส่เพื่อนสาวผู้น่ารำคาญ "มีอะไร?"



"ก็ไม่มีอะไร? เราจะเดินไปหยิบกระเป๋า อยู่ดี ๆ หมวยมาขวางเราทำไม?" สาวนุ้ยมองหน้ายัยหมวยลูกคุณหนูเอาแต่ใจด้วยท่าทางยียวน แบบไม่สนและไม่กลัวเลยว่าภาพลับ ๆ ของตัวเองจะถูกปล่อยลงโลกโซเชียล

อรัญญาหันมามองคนทั้งสองด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนตัดสินใจเดินสะพายกระเป๋าแล้วรีบเดินจากไป ปล่อยให้เดือนดาราหัวเสียอยู่แบบนั้น

"หึ..." นาถลดายิ้มกรุ่มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์ สาวนุ้ยยืนกอดอกแล้วเดินจากไป ปล่อยให้ยัยหมวยหัวร้อนเล่นไปแบบนั้น

"ยัยนาถ..." เดือนดาราเรียกชื่อเพื่อนตัวแสบ

"ว่าไงจ๊ะ?" นาถลดาหันมาพร้อมกับยิ้มอ่อนบนใบหน้า

"ทำอะไรระวังตัวไว้บ้างนะ..." ยัยหมวยจ้องมองจอมปั่นจากปักษ์ใต้ตาขวาง "อย่าลืมว่าชั้นมีความลับของเธออยู่ในมือ ระวังตัวไว้ด้วย"

เดือนดาราทิ้งบอมบ์ลูกใหญ่เอาไว้ ก่อนเดินสะพายกระเป๋าแล้วจากไป ปล่อยให้สาวนุ้ยจอมปั่นจากหาดใหญ่ยืนกำหมัดแน่นด้วยความแค้น

"ระวังตัวให้ดีเถอะยัยหมวย..." นาถลดาแอบซ่อนความโกรธภายใต้ใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างแนบเนียน "ระวังตัวให้ดีเถอะ..."

เดือนดาราใช้ชีวิตตามกิจวัตรประจำวันไปตามปกติ จนถึงคาบสุดท้ายของเย็นวันศุกร์ ที่มีควิซสอบเก็บคะแนนในช่วงเย็นวันนั้นพอดี หลังสอบเสร็จ ทัดเทพก็โทรเข้ามาเพื่อนัดแนะลูกสาวกลับไปบ้านเพื่อเตรียมตัวเจอกับมิสเตอร์มาร์ตินและโทนี่ ที่ลงทุนเดินทางมาจากฮ่องกงเพื่อดูตัวว่าที่ลูกสะใภ้ตระกูลซ่ง

"ฮัลโหล? อาหมวย? เดี๋ยวป๊ากำลังขับรถมารับนะ ไม่เกินทุ่มนึงน่าจะถึง ลื้อไปอาบน้ำ นั่งรอที่หอรอป๊าก่อน เดี๋ยวป๊าขับรถไปถึงแล้วจะโทรหา"

"อือ..." เดือนดาราตอบแบบไม่สบอารมณ์ จนทำให้ทัดเทพผู้เป็นพ่อไม่พอใจ

"นี่อาหมวย!!! ลือนี่ชักเอาใหญ่แล้วนะ!!!" ทัดเทพเทศน์ใส่ลูกสาว "อั๊วเป็นป๊าลือนะ พูดจากับอั๊วดี ๆ หน่อย!!!"

"ก็ได้ป๊า!!! ป๊าจะเอาอะไรกับอั๊วอีก!!!" ยัยหมวยตัดพ้อด้วยความน้อยใจ

"เดี๋ยวก่อนเถอะ!!! กลับมาถึงบ้านอั๊วต้องอบรมสั่งสอนลื้อชุดใหญ่แล้ว!!!" ทัดเทพร่ายยาว "นี่ไง แม่ลื้อเอาใจลื้อจนเสียเด็กแล้วเห็นไหม? อั๊วพูดอะไรลื้อไม่ฟังอั๊วเลย!!!"
"อั๊วขอโทษ!!!" เพราะความเป็นห่วงแม่ เลยทำให้เดือนดาราต้องรีบเอ่ยปากขอโทษทัดเทพผู้เป็นพ่อ เพราะกลัวว่าจันทราผู้เป็นแม่จะโดนพ่อต่อว่า ครอบครัวของหมวยเป็นครอบครัวคนจีน ที่ยกให้ผู้ชายเป็นใหญ่ในบ้านนั่นเอง

"ครั้งนี้อั๊วจะยกโทษให้" ทัดเทพตอบ "จำไว้ว่าเวลาอยู่ต่อหน้าพ่อลูกตระกูลฟ่ง ทำตัวให้ดี ถ้าลื้อทำอะไรให้ป๊ากับม๊าลื้อต้องอับอาย เราเห็นดีกันแน่อาหมวย แค่นี้แหละ!!! อั๊วจะขับรถ!!!"

แล้วทัดเทพก็กดวางสายทันที ส่วนเดือนดาราก็ยืนทำหน้าจ๋อย ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะต้องมาเจอเหตุการณ์คลุมถุงชนแบบในละครกับตัวเองด้วย นี่ถ้าคนที่จะมาหมั่นหมายกับตัวเองเป็นกงยูละก็ น้องหมวยคงไม่ปฏิเสธแน่นอน

"นึกหน้าไอ้โทนี่แล้วอยากจะอ้วก!! หึ้ยยยยย!!!!" เดือนดารายังจำภาพของโทนี่ ฟ่ง หนุ่มฮ่องกงหุ่นหมี ได้เป็นอย่างดี ทั้ง ๆ ที่อรัญญาเพื่อนสนิทของเธอลงความเห็นว่า พี่โทนี่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ออกจะดูเสี่ย ๆ ใจดี แต่ลูกคุณหนูเสป็คสูงอย่างเดือนดาราต้องการอะไรที่มากกว่านี้

เดือนดาราชอบผู้ชายมีอายุ หุ่นดี หน้าตาดี และที่สำคัญดูอบอุ่นเฟรนด์ลี่แบบกงยู กงยูเท่านั้น!!

"ว่าแต่ฝนตั้งท่าจะตกแหะ รีบกลับหอดีกว่า..." เดือนดาราเหลือบมองท้องฟ้าที่กำลังมืดครึ้ม ก็รับรู้ได้ว่าฝนกำลังจะตก ก็เลยรีบเดินกลับหอพัก แต่ระหว่างที่กำลังจะเดินกลับ เสียงข้อความจากเฟสบุ๊คก็ดังขึ้น "ใครส่งอะไรมาเนี่ย?"

"Muay? Is that you? It's me Tony Fong" (หมวย นั่นเธอใช่ไหม นี่เราเอง โทนี่ ฟง)

"ไอ้โทนี่เองเหรอวะ?" ที่แท้ก็เป็นพ่อหนุ่มหุ่นหมีโทนี่จากฮ่องกง ที่ลงทุนส่งข้อความมาทักทายยัยหมวยบนเฟสบุ๊ค พร้อมกับแอดขอเป็นเพื่อน

"Can't wait to see you N'Muay U know?" (อดทนรอที่จะเจอหมวยไม่ไหวแล้ว รู้ไหมจ๊ะ?)โทนี่พิมพ์ภาษาอังกฤษขายขนมจีบใส่เดือนดาราชุดใหญ่ ดูเหมือนว่าตาโทนี่จะศึกษาสไตล์การใช้ภาษาอังกฤษแบบคนไทยมาบ้าง ก็เลยใช้คำว่า N' แทนคำว่าน้อง "Your name meaning The Moon and the Star Right? It's beautiful name you know?" (ชื่อของเธอหมายถึงดวงจันทร์กับดวงดาวใช่ไหม ชื่อเพราะมากเลย คุณรู้ไหมจ๊ะ?"

"เห้อ...พ่นภาษาอังกฤษซะไฟแลบเลยเหอะ มายุ่งอะไรกะชื่อเราด้วย เป็นอะไรมากป่ะ อวดภูมิความรู้จังเลยนะไอ้อ้วน หึ้ยยยย!!!" เดือนดาราชะลอความเร็ว ก่อนพิมพ์ภาษาไทยตอบกลับไปว่า "เสือกไรด้วย..."

แต่สุดท้ายหมวยสาวก็ลบทิ้ง ก่อนส่งสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนไปให้ ก่อนตอบเป็นภาษาอังกฤษสั้น ๆ กลับไปว่า "Yes I'm Muay and I busy right now please contact with me later" (ใช่ หมวยเองค่ะ และตอนนี้หมวยยุ่งมากเลยละ ติดต่อกลับที่หลังนะ)

"Ok See you in Thailand Tomorrow, N'Muay Jub Jub" หนุ่มโทนี่พิมพ์ภาษาอังกฤษกลับมา (ได้จ๊ะ แล้วเจอกันที่เมืองไทยพรุ่งนี้นะจ๊ะ น้องหมวย จุ๊บ จุ๊บ)

"เออ..." เดือนดาราส่งสติ๊กเกอร์แทนคำตอบ ก่อนที่เก็บสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋า "อ่าว...ฝนตกลงมาแล้ว โอ้ยยย!!!"

แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร อยู่ดี ๆ เดือนดาราก็ทรุดตัวลงไป เพราะเหมือนมีอะไรบางอย่างมากัดที่ข้อเท้าของเธอ หมวยสาวหันไปดู ก็เห็นงูที่กำลังเลื้อยหนีไปทางท่อระบายน้ำ

"โอ้ยยย!!! งูกัด!!! โอ้ยยย!!!!" เดือนดาราที่ทรุดลงไปนอนกองกับพื้น ร้องขอความช่วยเหลือจากใครก็ได้ที่อยู่ในระแวกนั้น "ช่วยด้วยค่า โอ้ยยย!!!"

เหมือนฟ้าจงใจแกล้งเดือนดาราหรือยังไงไม่ทราบ พระเอกขี่ม้าขาวที่ปรากฏตัวตรงหน้าหมวยสาวไม่ใช่หนุ่มใหญ่หน้าตาดีสไตล์เกาหลีแบบกงยู แต่เป็นหนุ่มใหญ่วัยเกษียณที่มีชื่อว่าลุงพล ที่กำลังเดินไปเก็บหม้อไหที่ร้านกลับไปที่รถ

"หมวย!!! นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!" ลุงพลที่กำลังจะเดินกลับไปเอาของที่โรงอาหารถึงกับตกใจ เมื่อเห็นน้องหมวย เดือนดารานอนกองบนพื้น "นี่หมวยโดนงูกัดเหรอเนี่ย!!!"

"ลุงพล..." เดือนดาราถึงกับตกใจ เมื่อเห็นหน้าตาเฒ่าหื่นที่ล่อลวงเธอไปปู้ยี้ปู้ยำที่ห้องพักภารโรงเมื่อไม่กี่วันก่อน "ไปให้พ้นนะ!!! อย่ามายุ่ง!!! โอ้ยยย!!!"

"ลุงก็ไม่ได้อยากยุ่งกับหมวยหรอก แต่ลุงทำไม่ได้!!" ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ ลุงพลเลยรีบเดินเข้าไปดูอาการ คนขายน้ำเต้าหู้เอื้อมมือแตะข้อเท้าของหมวยสาวเพื่อดูรอยแผล "มีสองเขี้ยว ตายแล้ว!!! สงสัยเป็นงูพิษ ต้องรีบพาไปหาหมอด่วน!!!"



"อย่ามายุ่งกับหนู!!! เห้ยลุง!!!! พูดไม่รู้จักฟังหรือไง!!!" เดือนดาราถึงกับตกใจ เมื่ออยู่ดี ๆ ลุงพลก็อุ้มเธอขึ้นมา "ปล่อยนะ!!! ไอ้บ้า!!! ปล่อย!!!"

ตอนแรกลุงพลตั้งใจจะอุ้มน้องหมวยไปที่โรงพยาบาล แต่ด้วยความรู้ที่เรียนมาหรือเปล่าก็ไม่ทราบ ลุงพลเลยตัดสินใจวางน้องหมวยลงไปก่อน แล้วถึงก้มตัวไปดูดพิษที่ข้อเท้าของนักศึกษาพยาบาลเป็นอันดับแรก

"ลุง!!! ลุงทำบ้าอะไรของลุงเนี่ย!!" เดือนดาราตกใจมาก ที่เห็นลุงพลกล้าทำแบบนี้ "หยุดนะ!!! อย่าทำแบบนี้!!"

"อยู่เฉย ๆ ซิจ๊ะน้องหมวย ลุงกำลังช่วยหมวยอยู่นะ!!" ลุงพลทำเสียงดุใส่เดือนดารา ที่มีท่าทีอ่อนลง ก่อนลงไปบ๊วบข้อเท้าหมวยสาวเพื่อถอนพิษออก

 

โปรดติดตามตอนต่อไป...

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของผมด้วยนะครับ

https://web.facebook.com/Nato87.The.Storyteller

amagusto

และแล้วพี่กรก็จะได้มีคนมาดามใจ เป็นตัวละครที่น่าสงสารมาก




blackburn421



Alligator

ดูดครั้งนี้สำคัญมากเพราะมันน่าจะเป็นใบเบิกทางให้ลุงพลคนหื่นได้ดูดกลีบน้องหมวยอีกครั้ง

แมวหง่าว





Pm Nuttakan


Darkreader


dectai