ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ.ร้านคาราโอเกะ Part 5 ตอนที่ 55 ( ประสบการณ์ตรงของนายโมโนโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, มิถุนายน 05, 2021, 01:06:39 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับผม เวลาเดิมเลย

อย่าลืมนะครับ ใส่ Mask พกเจล เพื่อความปลอดภัย

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



★★★★★★★★★★★


ปล. ภาพนี้มีเสียงว่า " มองไร ไอ้บ้ากาม "







★★★★★★★★★★★


ความเดิมตอนที่แล้ว


ผมกำลังจะไปประชุมครับ ซึ่งก็ต้องเดินทางมากับเหมียว

แต่ระหว่างนั้นเหมียวได้ขอกลับเข้าคอนโดก่อน

อ่ะโอเคผมก็ไปนะ แต่พอประตูปิดเท่านั้นแหละ

เหมียวก็แปลงร่างเป็นเสือสาวเลยครับ เธอปลดเสื้อผ้า

เหลือเพียงชุดชั้นใน เธอเดินมาหาผมแล้วพูดว่า

" ยังไม่ครบ สองโหลนะ "




★★★★★★★★★★★




คาราโอเกะ ไดอารี่ ตอนที่ 55





เหมียวเดินมาทั้งๆที่ตัวมีแต่ชุดชั้นในแล้วนั่งตุ้บบนตักผม เธอขยับเอวเข้ามา ซึ่งรู้เลยล่ะว่าเป้าของเรามันครูดกัน เหมียวคล้องคอผมไว้แล้วบอกว่ายังไม่ครบ สองโหลเลยน๊าไม่ทำต่อเหรอ คือเสียงของเหมียวตอนนี้ให้นึกถึงหนังเรื่องจันดาราอ่ะครับ


ฉากที่ไอ้เคนอาบน้ำแล้วก็มีผู้หญิงที่ชื่ออะไรนะจำไม่ได้มาชวนบร๊ะกัน นั่นแหละเสียงประมาณนั้นเลย โอยย แล้วผมอยู่ในสภาพแบบนั้นคิดว่าจะไม่คิดอะไรเหรอ คิดดิ่กรูคิดเลย แต่เดี๋ยวก่อนสิ่ เหมียวพูดเองนี้ว่าจบที่ทะเล เชื่อมั้ยว่าตอนนั้นผมตอบตัวเองได้ไม่อยากเลยว่าผมจะไม่เอา



นั่นเพราะมีงานอยู่ไง อีกไม่ถึง 1 ชั่วโมงงานก็จะเริ่มแล้ว โอยให้เหมียวบ๊วบให้ผมก็อยากจะใช้เวลาสัก 10 นาทีแล้วล่ะครับ กว่าจะล้วง จก คลึง บี้ ขยี้ บอกเลยชั่วโมงเดียวไม่พอ เอาวะใครด่าควายก็ช่างผมบอกเหมียวเลยนะ ว่ายกไว้คราวหน้าได้ป่ะ เหมียวหน้ามุ่ยเลยครับแล้วบอกเชอะ ไม่ให้แล้วไม่ต้องมาขออีกนะ


แล้วเธอก็ลงจากตักผมไปเลยล่ะครับ ผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีนะที่ต้องพูดไปแบบนั้น มันอาจจะทำให้เหมียวเสียเซลฟ์ก็ได้ แต่ทำไงได้อ่ะครับ งานมันจะเริ่มแล้วด้วย เฮ้อ ผมเดินไปกอดเหมียวเบาๆแล้วบอกว่างานรออยู่น๊า เหมียวบอกอือรู้แล้ว น้ำเสียงของเธอดูเซ็งๆ นะตอนนั้น ถ้าเป็นวันอื่นล่ะก็ผมบอกเลยว่าตอนนี้เหมียวคงกำลังจะนั่งอยู่หว่างขาผม


และผงกหัวบ๊วบแน่นอน ตัดใจ ตัดใจ ตัดใจ งานต้องมาก่อน ไหนๆก็มาแล้วผมก็เลยถือโอกาสขอยืมห้องน้ำอาบน้ำเลยครับ แล้วก็อย่าหวังล่ะว่าจะได้อ่านบทอีโรติดใต้สายน้ำฝักบัว เพราะผมล็อคประตู 5 5 5 5 5 5 5 ก็นั่นแหละครับผมมีงานที่รออยู่ ซึ่งหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยก็... คิดว่าจะออกไปโรงแรมเลยครับ



แต่เหมียวก็นั่งเงียบกริบเลยผมก็หืมอะไร... ผมถามนะว่าเหมียวเป็นอะไรเหรอ เหมียวก็ทำหน้ามุ่ยๆแล้วบอก.. เมื่อกี้เราทำอะไรลงไปเนี่ย ผมก็ถามหืมทำอะไรเหรอ อ๋อที่ยั่วแล้วถามเราว่าเมื่อไรจะจัดสองโหลอ่ะเหรอ เหมียวมองตาขวางเลยตีผมดังเผี๊ยะ !!!



[ เหมียว ]  :  อย่าแซวเราดิ้


[ ผม ]  :  อ่ะ ๆ ๆไม่แกล้งละ


เหมียวหน้ามุ่ยๆแล้วบอกไปทำงานเหอะ ผมบอกอ่ะจ้ะไปกันแล้วเหมียวก็ลุกเดินไปเลย แต่ผมรู้สึกอะไรบางอย่างนะ เหมียวดูเกร็งแปลกๆ ไม่ได้ว่ะเอาตรงๆแบบนี้มีผลต่องานแน่ๆ ถ้าเหมียวเกิดไม่เต็มร้อย


หรือไม่เป็นธรรมชาติระหว่างการพรีเซ็นต์งานหรือการประชุมคราวซวยอาจจะมาเยือนแผนกเราก็ได้ ก่อนที่เหมียวจะเดินถึงประตูผมก็ดันเหมียวไปติดกำแพงเลยครับ ดันก็ไม่ดันธรรมดาแต่ดันแล้วกดตัวแนบไปด้วย



[ เหมียว ]  :  ว๊าย โทน โทน.. ทำไรเนี่ย


ผมถามว่าไม่รู้สิ่เหมียวเป็นอะไรเหรอหืม เหมียวบอกเปล่า ผมถามว่ารู้สึกแย่ที่ยั่วเราแล้วเราไม่ทำเหรอ นี่ไงใช่จริงๆด้วย พอผมถามไปแบบนั้นเหมียวเงียบเลย เฮ้อเอาจริงๆมันก็น่าจะรู้สึกแย่แบบที่เธอเป็นแหละ


ผู้หญิงที่ฮอตขนาดนี้ลงทุนจะบ๊วบให้ผมในที่ทำงาน แถมยังพอผมมาคอนโดแต่ผมดันพูดจนไม่ได้ทำอะไรกัน แบบนี้เธอก็คงเสียเซลฟ์และรู้สึกแย่เป็นธรรมดาแหละ ผมกดเป้าของผมอัดเข้าที่ก้นเด้งๆของเหมียวอีกครั้งแล้วถามว่า


จำได้มั้ยว่าที่ทะเลผมจัดเหมียวไปกี่ชั่วโมง แล้วเหมียวเด้งสู้ได้กี่ชั่วโมง เท่านั้นแหละครับเหมียวโวยวายเลยว่าไอ้โทนบ้าพูดอะไรเนี่ย ผมก็บอกเหมียวว่าจะรู้สึกแย่ทำไมล่ะ นี่เราทำเพื่อเหมียวเลยนะที่ไม่จับเหมียวกดลงเตียงอ่ะ



เหมียวก็บอกว่าอะไรที่บอกทำเพื่อเรา เราอุตส่าห์ทำแบบนี้เราก็รู้สึกแย่นะเว้ย นี่ไงยอมพูดออกมาจริงๆด้วยผมก็เลยถามอีกครั้งว่า ก็จำไม่ได้เหรอว่าที่ทะเลเราจัดเหมียวไปกี่ชั่วโมง ถ้าเราทำตอนนี้ถามจริงๆว่าจะได้ไปประชุมกันเหรอ



พอพูดแบบนั้นเหมียวก็บอกไอ้บ้าโทนจะเอาเหมือนที่ทะเลไม่ได้นะ ผมก็ถามว่าทำไม่ได้ล่ะก็อืมม ตอนนี้ก็อยู่กับสองนี่นา ผมพูดแล้วก็ลูบไปที่ก้นแน่นๆของเธอ แล้วจับเอวเหมียวโก้งๆโค้งๆ เหมือนว่าจะกระแทกเธอ คราวนี้เหมียวเด้งตัวบอกไอ้บ้าโทน เดี๋ยวก็ไม่ได้ประชุมกันพอดี ไปได้แล้วเชอะ



เฮ้อออ สบายใจครับแบบนี้ เหมียวกลับมาเหมือนเดิมแล้ว เราสองคนเดิมออกมาจากห้องตอนที่ผมกำลังจะปิดประตูผมก็ทำท่ายึกๆยักๆ เหมียวก็ถามว่าทำอะไรอ่ะไม่ไปเหรอ ผมก็บอกว่า... อืมเปลี่ยนใจแล้วอ่ะเข้าไปทำกันสักรอบมั้ยค่อยไปประชุม เหมียวบอกไอ้บ้า ไอ้บ้าโทน


แล้วเดินดุ่ยๆๆไปเลย เฮ้อน่ารักดี คงกลับไปเป็นเหมียวคนเดิมแล้วสิ่นะ เราเดินมาที่ลิฟต์ครับ แต่ลงไปคนละรอบ ไม่รู้สิ่ผมคิดว่าไม่ควรลงไปพร้อมๆกัน แล้วก็คือแยกกันไปนะ เหมียวไป Taxi ก่อนและผมตามไปทีหลัง ซึ่งพอผมไปถึงโรงแรม



มันก็เหลือเวลาอีกเยอะพอดู ผมก็เดินไปหาพี่จักรก่อนเลยครับ พยายามถามเขาว่าวันนี้เราต้องทำอะไรกันบ้างหว่า พี่จักรบ่นผมก่อนเลยว่าเฮ้ยนี่ไปไหนมาเนี่ยดูสิ่เหมียวยังมาก่อนเอ็งเลย ผมก็ได้แต่ขอโทษครับพี่พอดีมีธุระนิดหน่อยครับ



เหมียวก็ทำเป็นพูดว่า เฮ้ออ ไม่ไหวอ่ะแย่จัง เฮ้ย !!! ไม่รู้สึกโกรธหรือเคืองเลย แต่รู้สึกดีที่โดนกวนตีนแบบนี้ แสดงว่าเหมียวกลับมาเป็นคนเดิมแล้วจริงๆเฮ้อสบายใจไปกู ผมคุยกับพี่จักรสักพักหัวหน้าก็เดินมาคุยเรื่องงาน วันนี้คนมาเยอะพอสมควรครับ



ก็นะประชุมกับคู่ค้าทั้งที พวกระดับสูงๆก็ต้องมากันแหละครับ แล้วตอนนั้นก็.... ว่าไงลูกลิง ผมนี่หันควั่บเลย เพราะคนที่เรียกผมแบบนี้มีคนเดียวครับ เธอคนนี้เดินมาด้วยท่าทีที่สง่ามาก เพียบพร้อมไปด้วยกิริยาและท่าทางของกุลสตรี และเธอคนนั้น ก็คือแม่ของพี่แมน หรือ คุณท่านผู้หญิงที่เมตตาผมนั่นเอง



ผมหันไปที่ไหว้แทบไม่ทัน สวัสดีครับ ผมนี่ก้มหัวอย่างไวผมไม่แปลกใจเลยครับว่าพี่หมิวนั้นได้ความสง่านี้มาจากใคร แล้วก็ไม่ได้มาแค่คนเดียวเพราะคุณท่านก็มาด้วย ก็น๊านี่มันประชุมใหญ่นี่นา คำว่าลูกลิงนี่ผมก็ถูกคุณท่านผู้หญิงเรียกนั่นแหละครับ



ผมยกมือไหว้พ่อพี่หมิวด้วยแล้วผมต้องเว้นระยะห่างนิดนึงเพราะผมรู้ตัวดีว่าพนักงานระดับล่างแบบผม จะทำตัวสนิทกับหุ้นส่วนกับบริษัทแบบนี้ไม่ได้ และอีกอย่างผมก็กลัวคำครหา ซึ่งไม่ใช่เกิดขึ้นกับตัวผมนะ


ไอ้คำพวกนี้ผมชินแล้ว ผมโดนจนบ่อยแล้วไอ้เด็กเส้นบาง เด็กปั้นบ้างบลาๆ อันที่จริงจะบอกว่าชินแล้วก็ไม่เชิง จะบอกว่าไม่รู้สึกก็ดูตอแหลไป แต่เอาเป็นว่าผมพอจะมีภูมิคุ้มกันกับคำพวกนี้ แต่ไม่เด็ดขาด ผมจะไม่ให้คำพวกนี้ไปถึงคุณท่านทั้งสองคนแน่ๆ



แล้วลูกพี่ผมก็เหมือนจะรู้ว่าผมกำลังคิดอะไรอยู่ เขาเดินมาไหว้พ่อกับแม่ของพี่หมิวทันทีแล้วเริ่มพูดคุย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้วล่ะให้เขาคุยดีกว่าผมคุยจริงๆครับ คนอื่นก็มองแล้วคงอ้อนั่นหัวหน้าแผนก ซึ่งมันคงดีกว่าผมเข้าไปคุยแล้วเอ๊ะไอ้นั่นใคร เข้าใจความรู้สึกผมใช่มั้ยครับท่านผู้อ่าน



หลังจากที่คุยเกือบๆนาที คุณท่านทั้งสองก็เดินไปครับแต่ก่อนจะไปท่านก็หันมาบอกผมว่าให้ตั้งใจทำงาน ผมก้มหน้าเงียบๆเพื่อจะบอกท่านทั้งสองว่าผมรู้แล้วครับ ตอนนั้นแม่พี่หมิวก็เดินมาหาผมนะ จงใจเดินมาหาผมแล้วพูดว่า กว่าแม่จะมีวันนี้ ก็ผ่านคำนินทา ครหา สบประมาทมาเยอะนะ


ถ้าเด็กคนนึงจะประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วแลกกับคำนินทานิดๆหน่อยๆ มันก็ไม่ได้เสียหายนะโทน เฮ้อน้ำตาจะไหล เหมือนแม่พี่หมิวรู้เลยว่าผมคิดอะไรอยู่ แม่เขาตบไหล่ผมแล้วบอกว่าตั้งใจทำงานล่ะ พอท่านทั้งสองเดินไปแล้ว พี่จักรก็เดินมาหาเลยแล้วถาม



เฮ้ย นี่รู้จักคุณ ( ชื่อแม่พี่หมิว ) ด้วยเหรอ ไม่ใช่ว่ารู้จักแค่คุณแมนเหรอวะน่ะ ผมก็เลยบอกว่าเคยทำงานที่บ้านพี่แมน เคยไปไหนมาไหนกับพ่อพี่แมนกับแม่พี่แมนบ่อยๆครับ พี่จักรกุมหัวแล้วบอกโอ้โหไอ้นี่แล้วไม่เคยคิดจะบอกเลย ผมก็ถามว่าบอกไปมันก็ไม่ดีหรอกพี่



ขนาดผมทำงานเฉยๆยังมีคนนินทาเลย แล้วถ้ายิ่งรู้ว่ารู้จักคนใหญ่คนโตแบบนั้น วุ่นวายแน่นอนชีวิต พี่จักรบอกผมนะว่ายังไงซะมันก็เป็นความจริงที่เลี่ยงไม่ได้ทำใจเถอะว่ะ ผมหันไปมองเหมียวแล้วถอนหายใจเลยครับตอนนั้น การประชุมเริ่มขึ้นครับ



แต่แทนที่จะเป็นการประชุมผมว่ามันเหมือนสัมมนาแบบย่อมๆประมาณว่าแนะนำคุณเคย์มากกว่า ในงานก็จะมีแนะนำคุณเคย์ครับ พูดแนวโน้มนู่นนี่นั่น วิสัยทัศน์ และข้อมูลเกี่ยวกับตลาดบลา ๆ ๆ  ผมนั่งจด ๆ ๆ ๆเหมือนคนบ้าเลยครับ


มันมีทั้งศัพท์ทางธุรกิจ มีทั้งเทคนิค หรือ ทริค อะไรบางอย่างที่มันออกมาจากปากผู้มีประสบการณ์ ซึ่งมันจะเป็นประโยชน์กับผมมากๆเลยครับ พอมานั่งย้อนมองตัวเองตอนเรียนมหาวิทยาลัย การจดเลคเชอร์เป็นอะไรที่ผมโคตรเกลียดมาก



ไม่รู้ว่าใครเป็นเหมือนผมบ้างวะ ด้านวิชาการโคตรน่าเบื่อ แต่พออะไรที่ได้ลงมือทำเลยนี่โคตรสนุก เฮ้อช่างมันเถอะ ๆ ๆ  ต่อไปเป็นคุณรุกะออกมา พรีเซนต์บ้างครับ ผมก็นั่งฟังแล้วก็จดไปเรื่อย วันนี้เธอดูสมาร์ทมากเลยครับ เสื้อแขนกุด กางเกงสแลค เสื้อคลุมอีกตัว แถวเส้นผมยังจัดทรงมาอย่างดี


ไม่เจอกันไม่ถึงเดือนผมเธอยาวเร็วมากนะตอนนี้คือประบ่าแล้ว ท่าทางของเธอก็ดูสมกับเป็นลูกสาวของคุณเคย์เลยครับ สายตาของหนุ่มๆมองไปที่เธอไม่กระพริบเลยผมเองก็เหมือนกัน ถ้าจะบอกว่าตั้งใจทำงานอย่างเดียวก็คงจะโกหกเกินไปครับ



ผมมองคุณรุกะพูดไปด้วย เขียนยุกยิก ๆ ๆไปด้วย ไม่ได้มองที่จดนะค่อยไปแกะทีหลังว่ากูจดอะไรลงไปบ้าง แล้วมีแว๊ปนึงหันมาประสานสายตาพอดี ผมนี่รีบก้มเลยแล้วเป็นไงรู้มั้ยครับ คุณรุกะพูดต่อไปว่ารู้สึกประทับใจการต้อนรับของบริษัทจากประเทศไทย รู้สึกประทับใจการได้แช่ออนเซ็นทั้งๆที่ไม่อยู่ประเทศบ้านเกิด



อื้อหือสะดุ้งเลยครับผม !!! ผมว่ามันคงจะบังเอิญแหละเอาตรงๆ แล้วตอนเวลาที่โคตรรพีคก็มาถึง เมื่อท่านประธานถามว่าแล้วสำหรับทีมงานที่ทำการต้อนรับคุณเคย์มีอะไรจะแจกแจงมั้ย อะไรที่คิดว่าต้องปรับปรุงในการต้อนรับลูกค้าต่อไป อื้อหือเกร็งเลยกรู



เพราะทีมงานที่เขาพูดถึงก็มีแค่ผมคนเดียวนี่แหละครับ ผมจึงลุกขึ้นแล้วพูดขออนุญาตครับ จากนั้นก็เริ่มอธิบาย อธิบาย อธิบาย มันเป็นอะไรที่ลำบากใจว่ะที่ต้องพูดถึงข้อเสีย เพราะมันจะหมายความว่าทีมยังมีข้อบกพร่องอยู่ แต่ทำไงได้ล่ะโกหกก็ไม่ได้ด้วย



แต่ยังมีวิธีลูบหลังนี่หว่า พูดข้อเสียไปแล้วค่อยแทรกข้อดีไปนิดหน่อยให้มันช่วยหักลบกัน ผมยืนอธิบายพร้อมแจกแจงเอกสารอยู่เกือบ 5 นาที พอได้นั่งแล้วคือหมดแรงเลย เหมือนว่าการพรีเซนต์เมื่อกี้ผมได้รวบรวมพลังทั้งหมดออกไป



คือเข้าใจผมใช่ไหมครับว่าเวลาต้องพรีเซนต์งานใหญ่มันรู้สึกยังไง อารมณ์เหมือนยกมือขึ้นฟ้าส่งพลังไปรวมบอลเกงกิอ่ะ หมดแรง แล้วพอผ่านไปอีกสักพักก็ได้เวลาพักเบรกครับ แล้วมันก็เป็นอะไรที่คุ้นเคยอีกเช่นเคย


มันจะมีซุ้มเล็กๆสำหรับบริการเครื่องดื่มร้อนๆ กาแฟครับ ชาครับ โอวัลตินครับ ผมก็งงนะว่าเอ่องานก็ใหญ่ นี่เสิร์ฟกาแฟแบบนี้เลยเหรอ ซึ่งพวกผู้บริหารระดับสูงๆก็คงไม่ดื่มหรอกครับ แต่ผู้น้อยชนชั้นเกือบล่างแบบผมก็กินสิ่ รออะไร


แต่ทำไมว๊า ทำไมต้องเอาทอฟฟี่เค๊กมาตัดรสชาติด้วยเนี่ย อ่ะเฮ้อหวานเจอหวานก็จบสิ่ครับ ผมไม่กินท็อฟฟี่เค๊กครับ ซัดโอวัลตินแทน แต่...มันก็อร่อยสู้ไมโลตามโรงเรียนสมัยก่อนไม่ได้แฮะไม่รู้เพราะอะไร เฮ้ออออ เฮ้อเปลี่ยนๆ เปลี่ยนไปกาแฟดีกว่า



แต่ตอนนั้นเหมียวกับพี่จักรก็เดินมาแล้วบอกเฮ้ย กาแฟไม่ได้เดี๋ยวปวดท้องอีก ผมกำลังจะยกกินเลยครับ เบรกดังเอี๊ยดด เอ่อไม่กินก็ได้วะ หัวหน้าผมก็เดินมาครับตอนนั้นเขาบอกว่าเอ้อพรีเซนเตอร์ดีกว่าเดิมนิดหน่อยว่ะ เอาจริงๆผมก็เอ่อคิดนะว่า แค่นิดเดียวเองเหรอ



เฮ้ย ไม่ใช่เวลามานอยด์มาคิดมากเว้ย แล้วตอนนั้นหัวหน้าก็ตบไหล่ผมแล้วบอกว่า มึงอย่าคิดเชียวนะว่าได้แค่นี้ก็ดีแล้ว ไม่งั้นมึงก็จะได้แค่นี้ ชิบหายแล้วนี่พี่เป็นเอสเปอร์ป่ะเนี่ย พวกที่แตะตัวแล้วอ่านความนึกคิดได้อ่ะ หัวหน้าผมบอกว่าถ้ามึงบอกตัวเองว่าแค่นี้ก็ดีแล้ว


มันก็จะเท่ากับมึงเริ่มย่ำอยู่กับที่ ผมก็นิ่งไปแปปแล้วถามว่าแล้วผมต้องทำไงครับ คำตอบจากหัวหน้าก็คือ ทำซ้ำ ทำเหมือนเดิม ทำให้ดีขึ้นในทุกๆครั้ง แค่นั้นแหละครับที่พี่เขาบอกผม หลังจากนั้นเราก็กลับเข้าไปประชุมกันอีกครั้ง คราวนี้เปลี่ยนไปเว้ย


คุณรุกะเธอมาในชุดกิโมโนลายหงส์ คือสวยสัดๆ สวยเหี้ย เสียงฮือฮาก็มากันเยอะเลยครับ ส่วนมากก็จะเป็นพวกชายโสดที่ตำแหน่งสูงๆ บางทีผมก็แอบอิจฉาพวกนั้นน่ะ หล่อก็หล่อ หน้าที่การงานก็ดี เฮ้อสักวันผมต้องไปยืนในตำแหน่งนั้นให้ได้ แต่มันก็เหมือนจะยากเหลือเกิน


คราวนี้เป็นทางบริษัทผมบ้างครับ เขาก็พูดยินดีนู่นนี่นั่นบลา ๆ ซึ่งเอาจริงๆผมก็ฟังผ่านๆอ่ะไม่รู้สิ่ แต่พอพ่อพี่หมิวขึ้นไปพูด ผมนี่นั่งตาแข็งตั้งใจฟังมากๆเลย พ่อของพี่หมิวพูดยินดีที่ได้มาร่วมงานกับคุณเคย์อีกครั้ง เอาละกูตงิดๆละ ฮื้มไม่น่า



สองคนนี้เคยร่วมงานกันก็ไม่แปลกหรอก เพราะว่าท่านทั้งสองก็เป็นนักธุรกิจใหญ่การจะได้เจอกันตามงาน คุยกันถูกคอมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกๆหรอก แต่เดี๋ยวนะแต่คุณเคย์ไม่ค่อยชำนาญภาษาอังกฤษนี่หว่า... ซึ่งระหว่างที่ผมกำลังนั่งคิดอยู่นั้น พี่จักรก็พูดขึ้นมาว่าคนอะไรเก่งชิบหาย


ผมหันไปมองพี่จักรซึ่งเป็นอย่างที่ผมคิดเพราะพี่จักรมองพ่อพี่หมิวด้วยแววตาที่มันมีความเคารพเป็นอย่าง คือพูดไม่ถูกนะแต่แววคือ นับถือ ศรัทธา และ เชื่อมั่น ประมาณนั้นแหละ ผมถามว่าอะไรเหรอครับพี่จักร พี่จักรก็บอกว่าคุณ ( ชื่อพ่อพี่หมิว ) นี่แหละ



โคตรสุดยอดของคนเลย เกือบล้มมารอบแล้วกลับมาได้แบบนี้ไม่รู้จะพูดว่าอะไรแล้ว ผมก็เอ่อคงจะเป็นช่วงปี 40 ที่พี่แมนเคยบอกสิ่นะ แล้วคือน้ำเสียงของพ่อพี่หมิวเหมือนน้ำอ่ะ คือถ้าพูดแบบสมัยนี้ก็ประมาณว่าน้ำเสียงของพ่อพี่หมิวจะสามารถใช้ได้ดีในการสร้างแรงบันดาลใจ ชักจูงใจ เหมือนไลฟ์โค๊ชสมัยนี้



แต่พ่อของพี่หมิว เขาไม่ได้มาสอนว่าเราต้องทำนี้ๆ ๆ อันนั่นไม่ดี อันนี้ไม่เหมาะ เขาแค่พูดในสิ่งที่เขารู้สึกเกี่ยวกับงาน เกี่ยวกับบริษัท และความรู้สึกยินดีที่คุณเคย์มาร่วมเป็นคู่ค้า พอพูดจบเสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มไปทั่วห้องเลยครับ


แล้วพิธีการต่างๆก็ผ่านไป บอกเลยวันนั้นผมได้อะไรมาเยอะเลยครับท่านผู้อ่าน เราเลิกประชุมกันตอนเย็นๆเกือบ 4 โมงครับ จะเรียกว่าประชุมมันก็ยังไงๆอยู่ เรียกว่าการแสดงความรู้สึกหลังได้เซ็นสัญญาแล้วกัน ก็นะหลังจากที่ออกมาจากโรงแรม พวกผมก็จำเป็นต้องกลับไปที่ทำงานนะ


เอาจริงๆคือผมสงสารเหมียวนะ แทนที่จะได้กลับเลยเพราะคอนโดก็อยู่แค่นี้ แต่ต้องกลับไปที่ทำงาน ซึ่งพอมาถึงคนในแผนกก็ถามว่าเป็นไงมั่ง ตรงส่วนนี้พี่จักรเป็นคนอธิบายไป ผมก็กลับเข้าห้องทำงานมาเก็บของครับ เหมียวเองก็คงกลับไปเก็บของครับ


วันนี้พวกเราเหนื่อยกันมากบอกตรงๆ แล้วหัวหน้าก็บอกว่า โอเควันนี้กลับบ้านกันได้เลย เวลาตอนนั้นเกือบๆ จะ 5 โมง ทุกคนก็เฮเลยครับ เฮ้ยเอาตรงๆนะ 30 นาทีสำหรับวันศุกร์มันเป็นอะไรที่มีความหมายนะ


คุณจะได้กลับบ้านเร็ว รถจะไม่ติดเลย คุณจะผ่านแยกไฟแดงนรกได้แบบสบาย ๆ  คุณจะได้กลับไปพักเร็วขึ้น หรือคุณจะได้เดินทางไปนัดปาร์ตี้เร็วขึ้น ผมเดินออกมากินน้ำแล้วก็เจอเหมียวครับ เหมียวก็หยิบแก้วแล้วมองหน้า ... อืม ผมจะไปไหนดีล่ะกลับบ้านดีไหม หรือจะเกเรไปห้องเหมียวดี



ผมไม่พูดอะไรนะกินน้ำเสร็จก็เดินออกมาเลย แต่ว่าเหมือนว่าสวรรค์กำหนดมาให้วันนั้นผมกลับครับ เพราะเพื่อนของเหมียวยกขโยงกันมาแล้วบอกเหมียวแก วันนี้ไปนอนค้างบ้านชั้นอย่าลืมนะ พอพูดแบบนั้นเหมียวก็อ๋อใช่ ๆ ๆ ดีนะมาเตือนเกือบเลย


อ่าส์สบายใจ ที่ไม่ต้องเลือกเพราะเหมียวเลือกไปแล้ว ผมเก็บของแล้วก็ไหว้ๆพี่ๆ แล้วเดินลงมาเลยครับ ผมจะกลับไปไหนดีล่ะ ซึ่งแน่นอนแหละนะต้องไปคอนโดแก้ม เพราะเอาตรงๆ หอพักผมมันก็ยังแปลกๆอยู่ ผมยังไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับเรื่องของพี่เตยดี



ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพี่หมิวจะคุยกับพี่เตยยังไงบ้างเรื่องที่อดีต พี่เตยแอบกิ๊กกับผม แต่ด้วยเหตุการณ์ที่พี่หมิวเลี้ยงพิซซ่ามันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมาครับว่าพี่หมิวคงไม่เกลียดผมหรอก ผมเดินผ่านกลุ่มเพื่อนเหมียวซึ่งก็ทักทายกับตามประสาเพื่อนร่วมองค์กรครับ


เหมียวก็เดินตามผมมา เพื่อนๆก็แซวเลยแหม มาพร้อมกันเลย เหมียวก็บอกอะไรของพวกแกเนี่ย ไปพูดแบบนี้เดี๋ยวสาวๆในเครือของคุณโทนก็แหก อก ชั้นพอดี คราวนี้เพื่อนๆก็วี๊ดว๊ายเลยครับแล้วบอก โห ร้ายอ่ะโทนเห็นเงียบๆ นี่มีเป็นเครือเลยเหรอ



ผมก็บอกว่าบ้าแล้วไปเชื่อเหมียวมาก แล้วนี่จะไปไหนกันเหรอหืม ผมก็ถามไปเป็นมารยาทแหละครับ เพื่อนๆก็บอกว่าวันนี้ไปพักผ่อนที่บ้านเพื่อนคนนึงนัดก๊วนสมัยเรียนมหา'ลัยไปน่ะ ผมก็อ้ออื้มงั้นเราไปก่อนนะ ผมบอกกับพวกคุณเธอแบบนั้นแล้วก็เดินออกมา



แต่ว่าเหมียวบอกเดี๋ยวๆ คุยเรื่องเอกสารแปป เหมียวบอกเพื่อนแปปนึงแล้วก็ดึงผมไปข้างๆ ผมถามเอกสารไรหว่าไม่มีแล้วนี่ เหมียวก็บอกว่าอยากคุยเฉยๆ ผมถามอื้มมีอะไร เหมียวก็บอกว่าห้ามบอกใครนะที่เธอทำวันนี้ ผมก็ถามว่าทำไรอ๋อที่ถอดเสื้ออ่ะนะ


เหมียวตีเผี๊ยะแล้วบอกไอ้บ้าโทน ถ้าบอกโกรธจริงๆนะ ผมก็เลยถามเหมียวว่าแล้วตลอดเวลา หลังจากกลับมาจากทะเล ผมเคยพูดอะไรสักคำไหมล่ะ เหมียวบอกอื้อไม่เคย ผมก็บอกอื้มนั่นแหละผมยังรักษาสัญญานะว่าเราจบที่ทะเลแล้วจะกลับมาทำงานแบบเพื่อนเหมือนเดิม



ไม่รู้ว่ะท่านผู้อ่าน อาจจะเพราะผมช้ำจากเหมียวมาทีนึงแล้วมั้งเลยคิดว่าการคบกับเธอมันอาจจะไม่เวิร์ค หรืออาจจะเพราะทุกวันนี้ตอนผมเหงาๆผมก็มีคนคุยเรื่อยเปื่อยไม่ว่าจะเป็นดาว มิ้นต์ หรือ แก้ม  แล้วแต่ละคนก็ป่วนเหลือเกิน มันจะเอาเวลาไหนไปเหงาเนี่ย


ผมก็บอกเหมียวว่าพักผ่อนให้เต็มที่นะ ดูจากทรงแล้ววันจันทร์งานน่าจะมาเยอะเลย เหมียวบอกอื้อกินข้าวด้วยเดี๋ยวปวดท้องผมบอกอื้อรู้แล้ว หลังจากเหมียวเดินไป ผมก็กลับแหละครับ อย่างที่บอกว่าแค่ 30 นาทีที่ได้กลับก่อนเวลามันมีค่าจริงๆ



วันนั้นนั่งรถเมล์ผ่านฉลุยทุกแยกไฟแดงเลยครับ แล้วผมก็เผลอนั่งรถไปลงที่หอพักอีกจนได้ โอยลืม แต่ก็ดีผมจะได้มาเอาของใช้ส่วนตัวด้วย แต่คือเคยป่ะหลบจนหลอนอ่ะ ผมเห็นพี่เตยแล้วผมแทบจะเทเลพอร์ตเลย ซึ่งในชีวิตจริงทำไมด๊าย ด้วยความที่ผมเหนื่อย


ทั้งประชุม ทั้งเอ่อการรีดน้ำจากดาวไปเมื่อคืนมันทำให้ผมหลบไม่พ้นครับ พี่เตยมองเห็นผมจังๆเลย เฮ้อ หลบไม่พ้นแล้วจะให้ทำไงผมก็ตีหน้านิ่งเดินเข้าไปเลยตอนนั้น พี่เตยมองผมตาขวางเลยอูยยยยยยย ผมจะไปยังไงต่อ ผมรีบจ้ำๆๆๆ ๆ ๆ ๆ   เดินผ่านไป


ขึ้นลิฟต์แล้วเดินขึ้นไปที่ห้องของผม เฮ้อเอาล่ะเตรียมของๆ เอ่อะ... เสียบกุญแจไม่ได้.... หรือผมรีบจนกดลิฟต์ผิดชั้น ผมมองหน้าห้องอีกที มันก็ห้องผมนี่... ทำไมผม... ไขกุญแจห้องไม่ได้.... พี่เตยเปลี่ยนกุญแจเหรอ ผมไม่ได้คิดมากนะ แต่มันคิดได้แค่นั้นจริงๆ



ผมยืนอยู่หน้าห้องแต่เข้าห้องตัวเองไม่ได้ ไขกุญแจห้องไม่ได้ พี่เตยเปลี่ยนกุญแจไม่ให้ผมเข้าไปเหรอ ผมทรุดตัวนั่งลงหน้าห้องคิดว่าจะทำยังไงดี กระโดดถีบแบบพี่หมิวก็คงไม่ดีข้าวของเสียหายหมด แล้วผมจะทำยังไงดี จริงอยู่ที่ของที่มีติดตัวตอนนี้


ร่วมถึงเสื้อผ้าที่มีอยู่ในคอนโดของแก้ม มันก็พอใช้ได้อยู่ถ้าซักบ่อยๆ แต่มันก็อยากเปลี่ยนบ้างนี่หว่าจะบ้าเหรอ ให้ใส่กางเกงในซัก เปลี่ยนซักเปลี่ยน แต่ในเมื่อเข้าห้องไม่ได้ก็คงต้องเอาเท่าที่มีอ่ะแหละ เฮ้อ อึ้ดด หน้ามืด สงสัยนั่งก้มหน้าเยอะไป พอเงยหน้าวู่บ ๆ ๆ เลย



เอาวะไหนๆก็ไหนๆนั่งพักมันเลยแล้วกัน ผมนั่งหลังพิงประตูตั้งเข่าขึ้นท่ามาตรฐานสากลแล้วก็พักสายตาเลยล่ะครับ แล้วโหพอหลับตาแล้วเหมือนมันวู๊บบบบบบบ ไปเลยแบบหัวหมุนๆแล้ววู๊บบบ เหมือนยังไงวะพูดไม่ถูก เหมือนสไลด์ถอยหลังแล้วมืดๆ คงประมาณนั้น




ผมก็วู๊บบไปแบบนั้นสักพักแล้วก็มีเสียงเฮ้ยโทนมานั่งอะไรเนี่ย ผมลืมตาขึ้นมาก็เจอเพื่อนร่วมชั้นครับ เขาอยู่อีกห้องถัดไป ผมก็บอกเอ้อว่าไง มันถามว่าไปไหนมาวะช่วงนี้ไม่ค่อยเจอเลย ผมก็บอกงานเยอะ มันบอกเอ้อเหนื่อยก็เข้าห้องนอนดีๆสิ่วะ มานั่งอะไรแบบนี้



ผมก็สะอึกจะพูดยังไงดีว่าเข้าห้องไม่ได้ ผมบอกเออๆขอนั่งอีกแปป มันก็บอกเออๆตามใจๆ แล้วมันก็เดินไปไขกุญแจเข้าห้องไปเลย เชี่ยแม่งอยู่ดีๆน้ำตาก็ไหล มันเดินเข้าห้องได้แต่ผมเข้าห้องไม่ได้ แม่งเป็นแค่จุดเล็กๆที่ทำให้ผมร้องไห้ได้อ่ะ


เฮ้อ กลับดีกว่า แล้วตอนนั้นก็จะลุกครับ เอาตรงๆมันก็ยังไม่ค่อยดีขึ้นหรอก ผมค่อยๆลุกและยันตัวขึ้น ผมลองบิดลูกประตู ลองเสียบลูกกุญแจอีกครั้ง ผมคิดว่าผมอาจจะเบลอจนเสียบผิดฝั่งก็ได้เฮ้ย แต่พอเสียบอีกครั้งมันก็ยังเหมือนเดิม



จนมีคนเดินมาผมก็รีบเก็บกุญแจเลย ไม่รู้อยู่ดีๆก็อายขึ้นมาเฉยเลย เสียงนั้นเดินมาหยุดที่ใกล้ๆผมก็รีบเดินก้มหน้าไปเลย


" คงจะเข้าได้หรอก ลูกบิดมันเก่าเลยเปลี่ยน "


เสียงที่รู้จักก็พูดมาอ่ะครับผม เสียงพี่เตยนั่นเองผมเงยหน้าไปมองก็เห็นพี่เตยยืนอยู่ เธอยื่นกุญแจมาให้แล้วบอกว่าดอกเก่าทิ้งไปได้แล้ว มันใช้ไม่ได้ ผมก็งงๆ เบลอๆครับ พี่เตยถามจะเอามั้ยกุญแจ ผมพูดครับสั้นๆแล้วก็หยิบกุญแจมา แล้วทรุดลงไปนั่งเลย



ไม่ใช่จะสำออยนะแต่เหนื่อยจริงๆ ผมกำกุญแจและนั่งพักอีกที เฮ้ยเวลาคนเราจะไม่มีแรงคือไม่มีแรงจริงๆนะ ไม่ใช่ว่าออกกำลังหายสม่ำเสมอแล้วจะแข็งแรงตลอดเวลา มันมีช่วงที่จะช็อตเหมือนกัน ผมหลับตาแล้วก็คิดๆ ๆ ว่าจะอาบน้ำแล้ว... แล้วไปไหนดี ผมก็เข้าห้องได้แล้วนี่ ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนแก้มอีกแล้วนี่นา



แต่เอาเถอะสัญญาว่าจะไปแล้วนี่ ผมลืมตามาอีกทีพี่เตยก็หายไปแล้วครับ เอ่อคงจะกลับไปที่ออฟฟิศแหละ ผมก็ค่อยๆลุกขึ้นนะ ไม่อยากลุกพรวดพราดเดี๋ยวหน้ามืดอีก ผมกลับเข้ามาในห้องมันก็สะอาดนะหรือว่าที่พี่หมิวบอกว่าพี่เตยมากวาดมาถูให้จะเป็นเรื่องจริง



ผมเข้ามาก็เปิดแอร์ก่อนเลยกดไป 20 องศา เอาวะเดือนนี้ไม่ค่อยได้เปิดเลย จัดหนักๆ ผมเปิดแอร์ เปิดพัดลม นั่งจนมันเย็นๆก็ไปอาบน้ำ ฟู่วววว สบายชิบเลยอ่ะคร๊าบ พอออกมาก็ใส่เสื้อผ้า โทรศัพท์ หืม 2 miss call  ชิบหายแล้วเจ้าหญิงน้ำแข็ง



แล้วตอนนั้นพอผมจะโทรกลับเสียงประตูก็ก๊อกๆ ๆ ๆ ผมเดินไปเปิดเลยไม่ได้ส่องตานกแก้ว พอเปิดมาก็เจ้าสาวสวยคนนึงยืนหน้าบูดเป็นตูดลิงอยู่เลยล่ะครับ


ทำไมไม่รับสายทำไรอยู่


แค่อ่านบทพูดก็รู้แล้วใช่ไหมครับว่าใคร ช่ายครับเจ้าหญิงน้ำแข็งครับ มิ้นต์เธอยืนหน้าบูดเป็นตูดลิงเลยล่ะ แต่ก็น่ารักนะ ผมบอกว่าอาบน้ำอยู่ไม่ได้ยินเลยครับ นี่ไงหัวยังเปียกๆอยู่เลย มิ้นต์มอง แล้วไม่มองเปล่า ยื่นมือมาขยำๆเส้นผมด้วย แล้วถามว่านี่เอาน้ำเทใส่ป่ะ



ผมบอกอาบน้ำจริงๆนี่ไงกลิ่นสบู่นกแก้วยังติดตัวอยู่เลย ผมจะจับมิ้นต์มากอด มิ้นต์ก็บอกพอเลยไอ้บ้ากาม ผมก็ถามว่าเข้ามาก่อนมั้ย มิ้นต์ก็ถามกลับมาว่า มาถึงที่แล้วคงนั่งหน้าห้องมั้ง..... จ้า จ้า ผมนี่กำหมัดเลยจ้า




 
















 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน


game14974

ตอนนี้มิ้นต์น่ารักสุดๆเลย ส่วนเหมียวนี่ดูท่าทางจะไม่จบแหะ น่าจะมีภาคต่อแน่ๆเลย

Danai Tee


syncbkmz0011

เหมียว*เหมียว=24  555+

อ่าวเหมียว 555+ อด
จริงๆคุณเคย์ก็ดูเอ็นดูโทนๆมากๆ เหมือนกันนะ
แต่ที่แน่ๆ บ้านเจ้หมิวนี่ดันมากๆ

Paragraph<BB>


civil2



AWN




au2000


102030

คำสุดท้ายก่อนซ่อนนี่คือ กำหมัด หรือ กำหนัด ครับ อิอิ
นี่เป็นอีกตอนที่บรรยายรายละเอียดการทำงานได้อารมณ์มาก โดยที่ไม่ลงเนื้องานด้วย สุดยอดครับ 
ข้าน้อยขอคารวะ