ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 37

เริ่มโดย เจตภูติ, มิถุนายน 16, 2021, 08:44:04 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้หนึ่งตอนนะครับ
https://www.tunwalai.com/v2/story/499798

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 37

อากาศเย็นสบายยามเช้าใกล้กับเวลาเคารพธงชาติเจษฎาเดินทางมาที่ร้านกาแฟบรรยากาศดีแต่ตัวร้านหลบอยู่ในซอยลึกของย่านการค้าในตัวจังหวัด เขาแต่งกายมิดชิดมากกว่าทุกครั้งด้วยการใส่หมวกแก็บอำพรางใบหน้า หลังจากสั่งเครื่องดื่มเสร็จเขากมานั่งรอคนที่นัดไว้ที่โต๊ะด้านในสุดของร้านใกล้เค้าเตอร์และสามารถมองออกไปเห็นคนที่เดินผ่านไปมาหน้าร้านได้ง่ายและชัดเจน รวมถึงใกล้กับประตูหลังร้านเพื่อเตรียมหร้อมหากเกิดกรณีฉุกเฉิน

หลังจากที่ได้เครื่องดื่มเขาก็นั่งรอต่อไปอีกไม่นานสาวสวยร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อครอปเปิดไหล่สีเขียวเอิร์ธโทนอ่อนๆ กับกางเกงเอวสูงสีครีม ถือกระเป๋าสีครีมเรียบๆ ดูลงตัว เดินเข้ามาในร้านพร้อมกับหันซ้ายหันขวามองสำรวจภายในร้าน เจษฎาลอบมองออกไปตรวจสอบที่ด้านนอกจนแน่ใจว่าไม่มีใครตามเธอมาก็ถอดหมวกแสดงตัวและยกมือแสดงตัวให้หญิงสาวเห็น เมื่อสาวสวยเห็นดังนั้นก็เดินตรงเข้าไปหาเขาทันที

"ขอบคุณมาครับคุณปลา รบกวนคุณปลาแต่เช้าเลย" เจษฎายิ้มทักทายทอดสายตาแบบผู้ใหญ่ใจดี พร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้เกวลีนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม

หญิงสาวยยิ้มรับนั่งลงตามคำเชิญด้วยความเคารพ "หนูต่างหากที่ต้องขอโทษ อาจารย์พยายามจะช่วยแท้ๆ กลับต้องมาพลอยโดนลูกหลงไปด้วย"

"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจว่ากำนันกำลังโกรธ"

"ว่าแต่อาจารย์ก็คงไม่ได้โกรธพ่อหนู จนใช้วิชาอาคมทำอะไรพ่อหนู่ใช่ไหมค่ะ" ถึงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าผู้เป็นพ่อมีนิสัยแบบคนพาล ยังไงซะเธอก็ยังเป็นลูกของเขา การที่เห็นผู้เป็นพ่อต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะถูกผีหลอกก็ทำให้เธออดเป็นห่วงไม่ได้ และยิ่งโจทย์ของพ่อเธอคราวนี้เป็นจอมขมังเวทย์ผู้ทรงอาคมทำให้เธอยิ่งกลัวและเป็นกังวลมากกว่าทุกที

"แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน ผมไม่ถือสาหรอกครับ" เจษฎายังยิ้มออกมาแบบคนที่มีเมตตา เขาเองไม่ได้มองกำนันประเสิร์ฐเป็ศัตรูชนิดอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้อยู่แล้ว

"ได้ยินแบบนี้หนูก็โล่งใจค่ะ" หญิงแสดงออกอย่างที่พูดชัดเจนทั้งสีหน้าและภาษากาย แถมยังคิดไปว่าอาจารย์อาคมผู้ช่างมีจิตใจดีไม่ได้คิดแค้นหรือโกรธเคืองแม้แต่กับคนที่คิดจะทำร้ายเขา

"เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านของคุณหนูไม่ใช่ฝีมือผมหรอกครับที่พ่อคุณเข้าโรงพยาบาลน่าจะเป็นเพราะคนที่ทำคุณไสย์ใส่บ้านคุณหนูนั้นแหละครับ" เจษฎายังปั้นเรื่องต่อ แล้วก็ลอบสังเกตุว่าฝ่ายหญิงสาวว่าจะระแวงหรือสงสัยเขาหรือไม่

"แล้วจะทำยังไงดีคะอาจารย์ หนูก็หาดูจนทั่วแล้วแต่ไม่เจอ" เกวลีพูดเหมือนเด็กฟ้องคุณครู เธอมั่นใจมากว่าตรวจสอบภายในบ้านจนไม่เหลือจุดไหนให้ค้นหาอีกแล้ว

"ที่ขอพบคุณหนูก็เรื่องนี้นั่นแหละครับ" เจษฎาทำท่าขรึมเน้นเสียงให้เรื่องให้ที่กำลังคุยอยู่ให้มีความจริงจังมากขึ้นไปอีก

"อาจารย์มีวิธีแล้วเหรอคะ" หญิงสาวถามรัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

"ใช่ครับ" เจาฎาพยักหน้าจ้องตาสาวสวย

"ต้องทำยังไงบ้างคะ" หญิงสาวย้ำถาม

"คนในบ้านที่มีสายเลือดเดียวกับคุณหนูผมตรวจดูดวงชะตาแล้วไม่มีอะไรน่าสงสัย จะมีก็แต่ภรรยาของกำนันที่ผมตรวจดูแล้วมันคลุมเครือไม่ขัดเจน ผมอยากตรวจดูให้แน่ใจเลยต้องให้คุณช่วย" เจษฎาบอกเล่าเรื่องโกหกด้วยน้ำเสียงจริงจังน่าเชื่อถือราวกับเป็นเรื่องจริง

"บอกมาเลยคะ หนูพร้อมจะทำทุกอย่าง" หญิงสาวเร่งเอาคำตอบด้วยอาการร้อนลน

"ผมอยากได้ของใช้ส่วนตัวของภรรยากำนันครับ คุณหนูช่วยผมได้ไหมครับ" เจษฎาว่าเรียบๆ ด้วยหน้านิ่ง
หญิงสาวยังไม่เข้าใจจุดประสงค์แน่ชัดแม้จะคิดตามก่อนจะหลุดถาม "แล้วอาจารย์อยากได้ของแบบไหนละคะ หรือจะเป็นอะไรก็ได้"

"ขอของแบบที่เป็นผิวแก้วเรียบๆ อย่างพวกขวดน้ำหอม หรือเครื่องสำอางก็ได้ครับ" เจษฎาพูดจบก็หยิบถุงผ้าที่ด้านในซ้อนถุงพาสติกแบบที่ใช้สำหรับเก็บหลักฐานเอาไว้ส่งให้เกวลี

"เอาใส่ถุงนี่เหรอคะ" หญิงสาวเอียงคอทำตาใสใส่หนุ่มใหญ่

"ใช่ครับ ผมลงอาคมไว้แล้วเรียบร้อย" เจษฎาพยักหน้านิ่ง

"ได้ค่ะ หนูจะเอามาให้อาจารย์โดยเร็วที่สุด" หญิงสาวทำหน้าขึงขังรับคำหนักแน่นเหมือนกำลังได้ทำภารกิจลับ

"อย่าลืมนะครับ เรื่องนี้ขอให้เป็นความลับ" เจษฎากำชับเรื่องสำคัญอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะบอกลากันแล้วแยกย้ายกันไป

..................................................

ทศพลตื่นสายกว่าทุกวันเพราะกินดื่นเล่นยามาทั้งคืนหลังจากที่ตอนบ่ายของเมื่อวานเขาได้รับเอกสารเกี่ยวกับการหย่าร้างที่ส่งมาจากทนายความส่วนตัวของพ่อตา เขาลุกขึ้นมาไม่ได้สนใจจะทำกิจวัตรประจำวัน เมื่อหายงัวเงียก็เอาแต่นั่งมองซองเอกสารไม่วางตา ในหัวว่างเปล่าจิตใจเลื่อนลอย เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ที่ปลุกเขาดังขึ้นมาเป็นรอบที่สาม ไม่ว่าเสียงจะดังแค่ไหนเขาก็ไม่ได้รำคาญแต่ก็ไม่อยากรับสาย เพราะดูที่หน้าจอแล้วเป็นเบอร์โทรศัพท์ของภรรยาที่รักของเขาที่น่าจะโทรมาเพราะต้องการคุยเรื่องหย่านั่นเอง

เสียงเรียกเข้าดังขึ้นเป็นรอบที่สี่ ในที่สุดเขาก็จำยอมกดรับสายในที่สุด "มีอะไรเหรอดิว"

"ก็จะคุยเรื่องหย่านะสิ" อริสาตอบเสียงห้วน

"ดิวไม่คิดจะให้โอกาสพี่ซักน่อยเหรอ" ทศพูดสียงอ่อน ขอร้องให้เธอทบทวนเรื่องหย่าอีกครั้ง เรื่องทรพย์สินก็เรื่องหนึ่ง ทว่าความรู้สึกที่เขามีต่ออริสานั้นเป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่า

"เซ็นต์ใบหย่าซะ ฉันให้ทนายจัดการเรื่องเอกสารเรียยบร้อยแล้ว" หญิงสาวตัดบทไม่อยากรับฟังคำอ้อนวอนเพระสุดท้ายก็คงจะได้ยินแต่คำโกหก

"เดี๋ยวก่อนสิดิว" ชายหน้าหล่อยังคงทำเสียงอ้อน

"ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น มาเซ็นต์ซะให้จบๆ อย่าให้เรื่องต้องถึงพ่อดิว" อริสารู้ดีว่าทศพลยังไม่ยอมตัดใจง่าย จึงยกเอาพ่อขึ้นมาขู่ ซึ่งเขาน่าจะเกรงใจ และเกรงกลัวอยู่บ้าง

"ดิวจะไม่ให้โอกาสพี่เลยเหรอ" ทศพลยังคงยื้อต่อแต่ก็ไม่มีอะไรใหม่เพราะไม่สามารถหาเหตุผลดีๆ มาสนับสนุนการกระทำของตัวเองได้

"คิดว่าฉันโดนขนาดนั้นแล้วจะไม่คิดอะไรอย่างงั้นเหรอ"

"พี่รู้พี่มันเลว ให้อภัยพี่เถอะ" ทศพลพูดไปอย่างนั้นไม่ได้รู้ผิดอะไร เพียงแค่ต้องการให้เธอใจอ่อน ถ้าจะให้เขาเก่าเขาหอน เขาก็ทำให้ได้

"ฉันให้อภัยคุณได้ อโหสิให้คุณได้ เรื่องนั้นมันต้องใช้เวลา แต่ดิวจะไม่มีวันกลับไปอยู่กับพี่ได้เหมือนเดิมหรอกนะ" หญิงสาวยืนยันเสียงหนักแน่น เพราะเตรียมใจไม่อย่างดี ไม่คิดที่จะใจอ่อนให้สามีเลยสักนิด

"ไม่นะดิว พี่รักดิว ทั้งหมดมันเป็นความผิดของไอ้เจษต่างหาก" ทศพลเหมือนสติแตก พลั่งพรูความในใจออกมา

"คนรักกันเขาทำกันแบบนี้เหรอ แล้วก็หยุดโทษคนอื่นได้แล้ว" อริสาหลุดขึ้นเสียงใส่เมื่อได้ยินชื่อเจษฎาหลุดออกจากปากของทศพล เจษฎามีความผิดในเรื่องนี้ก็จริง แต่ทศพลเองก็ใช่ว่าจะเป็นเจ้าทุกข์เสียเมื่อไหร่ เพราะทั้งคู่ก็ต่างสร้างแค้น และแก้แค้นกันไปมา จะมีเหยื่อจริงๆ ก็แค่เธอเท่านั้น

"แล้วผมทำอะไรผิดละ ถ้าไม่มีเจษทุกอย่างมันก็ไม่มีทางเป็นแบบนี้" ทศพลยังไม่ยอมรับความจริงและขึ้นเสียงกลับ

"พี่นี่มันเกินเยียวยาจริงๆ พอแล้ว ต่อไปก็คุยกับทนายฉันไปละกัน อ้อแล้วก็อย่าเรื่องมากอีกละ ฉันไม่อยากจะขึ้นศาล แต่ถ้าต้องขึ้นจริงๆ ฉันก็พร้อมนะ" หญิงสาวหมดความอดทนไม่อยากได้ยินเสียงของสามีต่ออีกแม้เพียงวินาทีเดียว พูดจบก็ตัดสายใส่ทันที

"ไม่นะดิว เดี๋ยวอย่าเพิ่งวาง โธ่โว้ย" ทศพลโมโหสุดขีดขว้างโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในในมือลงพื้นก่อนจะคว้าหยิบอะไรก็ตามที่อยู่ใกล้มือเขี้ยวใส่กำแพง

ทศพลระบายอารมณ์ไปพักใหญ่จนเหนื่อยเหลือบไปเห็นขวดเหล้าที่เหลืออยู่ครึ่งขวดรอดจากการปลดปล่อยโทสะของเขาไปได้ก็คว้าขึ้นมาดื่มแล้วตามด้วยการหยิบเอาผงสีขาวที่เป็นของกำนัลจากเสี่ยวีรชัยขึ้นมาเสพ แล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก

..................................................

เจษฎาหลังจากแยกกับเกวลีก็ถือโอกาสแวะซื้อข้าวของเครื่องใช้จำเป็นที่ย่านการค้าก่อนจะเดินทางกลับบ้านเช่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว ระหว่างที่กำลังเดินดูสินค้าสายตาที่คอยสอดส่องดูความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของสิ่งต่างๆ ก็เหลือบไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งรูปร่างหน้าตาดูคุ้นเคยมาก คล้ายว่าจะเป็นคนรู้จัก เขาจึงตัดสินใจเดินตามดูโดยทิ้งระยะห่างอยู่พอสมควร

เจษฎาเดินตามชายคนนั้นอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นเขาเดินเลี้ยวเข้าไปในตรอกเล็กๆ เมื่อเขาเลี้ยวตามเข้าไปก็พบว่าตรอกนี้ค่อนข้างเงียบและเปลี่ยว ที่สำคัญชายคนที่เขาเดินตามก็หายไปเสียแล้ว ชายหน้าเข้มเดินลึกเข้าในตรอกพร้อมกับมองสำรวจไปด้วย ก็ไม่รู้ว่าชายคนนั้นเดินไปทางไหนก็ตัดใจ แล้วจะเดินกลับไปที่รถ

ทันใดนั้นชายคนดังกล่าวก็พุ่งออกมาจากมุมอับของสายตาเจษฎาใช้ท่อนแขนกดเข้าที่คอของเขาแล้วดันร่างผอมสูงเข้าไปจนติดกำแพง

"มึงเป็นใคร ตามกูมาทำไม" ชายคนดังกล่าวพูดเสียงเหี้ยมหน้าตาขึงขัง แล้วยังจ่อมีดสั้นไว้ที่ท้องของเจษฎา

เจษฎามองไปที่ชายตรงภาพใบหน้าของคนรู้จักซ้อนทับเข้ากันพอดี จะต่างกันนิดหน่อก็แค่ทรงผมและหนวดเครา "พี่ใหญ่นี่ผมเอง"

ชายใบหน้าดุมีรอยเหี่ยวย่น ผมยาวประบ่ามัดรวบ หนวดเคราดก ไหล่กว้าง ลำตัวหนา แขนใหญ่ ความสูงพอๆ กับเจษฎา ทำหน้าเหมือนกำลังนึกถึงอะไรบางอย่างก่อนจะหลุดปากออกมาด้วเสียงตกใจ "...เจษใช่ไหม"

"แค่กๆ ...ครับผมเอง" เจษฎาสำลักอากาศเมื่อใหญ่หรือพี่ใหญ่คนที่คอยดูแลให้ความช่วยเหลือเขาตอนอยู่ในคุกยกท่อนแขนออกจากคอของเขาแล้วเก็บมีดเข้ากระเป๋า

"โอ้โห ไม่เจอกันนาน จำแทบไม่ได้" ใหญ่ตบไหล่เจษฎาเบาๆ

"ใช่ผมเอง แค่กๆ" เจษฎากุมมือที่คอพร้อมกับพูดไปด้วย

"เอ้าๆ ไปหาที่นั่งคุยกันก่อนดีกว่า" ใหญ่ยิ้มอ่อนที่มุมปากอย่างดีใจที่ได้เจอเพื่อนเก่า

..................................................

ที่ห้างใหญ่ใจกลางเมืองเวลาใกล้เที่ยงหญิงสาวนั่งรอคอยการมาของคนที่นัดไว้อยู่ในร้านกาแฟได้ครู่หนึ่งแล้ว ก่อนยิ้มล่าลุกขึ้นเมื่อเห็นเขาเดินมา

"ทางนี้ค่ะ คุณอนัน" เกวลีร้องเรียกเสียงดังพร้อมกับโบกมือไปด้วย เมื่อมองเห็นอ๊อดกำลังจะเดินลผ่านหน้าร้านไปด้วยความดีใจจนลืมตัว จนคนรอบข้างหันมามองเป็นตาเดียวกัน

อ๊อดได้ยินเสียงเรียกออกมาจากร้านแม้จะมีกระจกกั้น เขาเดินตัวลีบเข้าไปในร้านพร้อมกับมองไปรอบๆ รู้สึกเขินนิดๆ กับสายตาของผู้คนที่จ้องมา สำหรับคนที่ชอบใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหมกตัวอยู่ในห้องไม่ค่อยได้ออกมาโดนแสงแดด การต้องมาเป็นเพื่อนเดินห้างกับหญิงสาวหน้าตาดีก็ไม่ใช่เรื่องที่สะดวกใจนักแม้ลึกๆ จะดีใจมากก็ตาม

"ขอบคุณนะคะคุณอนันที่อุตสามาเป็นเพื่อน ไม่คิดเลยว่าคุณจะอยู่ใกล้ๆ นี่เอง" หญิงสาวขยับเข้าใกล้ชายหนุ่มที่เดินเข้ามอยู่ตรงหน้าเธอ จนเขาได้กลิ่นน้ำหอมอ่อน กับรอยยิ้มสดใสชวนมอง

"ไม่เป็นไรครับ เรื่องเล็กน้อย" อ๊อดยกมือขึ้นเกาศรีษะลดอาการประหม่าของตัวเอง หลังจากที่แยกกันวันนั้นเขาก็ติดต่อส่งข้อความคุยกับเธอเป็นประจำจนเหมือนเป็นเพื่อนคนหนึ่งของเธอกลายๆ อย่างวันนี้เขาก็ตอบรับคำชวนของเธอที่ให้มาเป็นเพื่อนซื้อของแบบงงๆ

ถึงจะเป็นการฝืนตัวเองอยู่นิดหน่อย มันก็คุ้มที่จะได้ใช่เวลาอยู่กับหญิงสาวที่เขาชอบ และที่สำคัญการที่เธอชวนเขามาก็น่าจะหมายความว่าเธอมีใจให้เขาอยู่บ้าง หรืออย่างน้อยที่สุดเธอก็เห็นเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่งที่สามารถใช้เวลาสร้างความทรงจำร่วมกันได้

ชายหนุ่มหญิงสาวต่างช่วยกันเดินเลือกซื้อของใช้อย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง โดยอ๊อดเป็นคนเข็นรถเข็น แล้วมีเกวลีเป็นคนคอยนำทางว่าจะเดินไปที่โซนไหนหรือซื้ออะไร ช่วงเวลานี้ทำให้หญิงสาวได้ลืมเรื่องร้ายๆ ที่เกิดขึ้นไปได้ชั่วคราว ส่วนอ๊อดก็ได้หย่อนใจจากเรื่องเครียดๆ ที่เจษฎาขยันหามาให้เขาช่วยทำ ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาแห่งความผ่อนคลายกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงเล็กใส่เหมือนกับรูปร่างของเจ้าของเสียงก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

"พี่ปลาๆ" ธันย์ชนกสาวตัวเล็กสวมแว่นกลมใหญ่ร้องเรียกเสียงสดใสวิ่งปรี่เข้าไปหาพี่สาว ก่อนจะต้องชะงักร่างด้วยความประหลาดใจที่เห็นผู้ชายที่ไม่ใช่ลูกน้องของพ่อมาอยู่กับพี่สาวสองต่อสอง ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพราะจากทั้งนิสัยของพ่อเธอที่ห่วงลูกสาวยิ่งกว่าอะไร และนิสัยของพี่สาวที่ไม่ค่อยเห็นว่าเธอจะสนใจผู้ชายในเชิงชู้สาวง่ายๆ

"ปิ่น พี่เอิร์ธ" เกวลีหันมาแสดงสีหน้าประหลาดใจไม่แพ้น้องสาว และยิ่งเห็นคนที่ด้วยกัน ยิ่งทำให้เธอรู้สึกประหม่ามากขึ้นไปอีก

"นี่ใครนะ แฟนเหรอ" สาวน้อยแว่นกลมถามพร้อมกับยิ้มแบบมีเลศนัย

"จะบ้าเหรอ นี่คุณอนันเพื่อนพี่" เกวลีแก้ตัวเสียงรัว

"เพื่อนแน่เหรอ มาช้อปปิ้งกันสองคนเนี้ยนะ ถ้าบอกว่าเป็นแฟนกันมาซื้อข้าวของเขาบ้านยังน่าเขชื่อกว่าอีก" สาวน้อยแหย่พี่สาวต่อ

"เดี๋ยวก่อนนะ ผมว่าเพื่อนคุณปลานี่หน้าคุ้นๆ นะครับ" วิศวัทแทรกขึ้นมา

"ผมมันคนหน้าโหล่นะครับ" อ๊อดบอกปัดพร้อมกันหันหน้าหนีทำเป็นมองดูสินค้านู่นนี่กลบเกลื่อน

"เอ๋ พี่เอิร์ธเคยเห็นคุณอนันด้วยเหรอคะ"

"ผมจำได้แล้ว ผมเคยเจอคนตอนที่ไปรับคุณหนูที่ร้านอาหาร แต่ตอนนั้นเขาบอกว่าชื่อทศ"

"คุณทศเหรอคะ" เกวลีมองหน้าอ๊อดด้วยสีหน้าประหลาดใจ

"เอ่อ..." อ๊อดอึกอักจนเกือบเก็บสีหน้าไว้ไม่มิด

"แกโกหกคุณปลาทำไม ต้องการอะไร" วิศวัททำหน้าเครียดเดินเข้ามาจะเอาเรื่องแต่ถูกเกวลีมาขว้างไว้ก่อนที่เธอจะหันไปมองหน้าอ๊อดด้วยสีหน้าแบบเดียวกัน

"ตอนนั้นมีคนมาขอร้องให้ผมอยู่เฝ้าคุณปลาแทนกว่าจะมีคนมารับนะครับ เขาบอกให้ผมบอกกับคนที่มารับว่าชื่อทศ ผมเห็นว่าคุณปลาเมามากแล้วไม่มีคนดูแลก็เลยยอมรับปากช่วยดูให้แค่นั้นเองครับ" ไวกว่าความคิดปากของอ๊อดปั้นน้ำเป็นตัวแต่งเรื่องขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนแม้แต่ตัวเขาเองยังแปลกใจ คงเพราะเรียนรู้จากเจษฎามามากหรือเปล่าก็ยืนยันไม่ได้

"นั่นไงฉันว่าแล้วเคยเจอคุณมาก่อนหน้าที่เราจะรู้จักกัน" เกวลีเผลอหลุดปากดีใจว่าตัวเองคิดถูก แทนที่จะโกรธเรื่องที่เพื่อนใหม่แสนดีโกหกเธอ

"ขอโทษครับที่โกหก ผมแค่ไม่อยากให้คุณรู้สึกอึดอัดที่ผมเคยเห็นคุณอยู่ในสภาพเมาปลิ้นแบบนั้น" อ๊อดยังคงโกหกด้วยหน้าซื่อๆ ของเขา

"ใครเมา..." เกวลีเสียงหายเมื่อภาพตอนที่เมาแล้วเข้าไปหาอ๊อดถึงในห้องผุดขึ้นมาในหัวจนหน้าแดงขึ้นมากลางวงสนทนา

"พวกพี่พูดเรื่องอะไรกัน" ธันย์ชนกท้วงเพราะไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวจนรู้สึกเหมือนเป็นคนนอก

วิศวัทรู้สึกเหมือนถูกหลอกและไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่อ๊อดพูดสายตาคมดุจเหยี่ยวจ้องมองชายที่ท่าทางไม่น่าไว้ใจที่หาเรื่องเข้ามาตีสนิทลูกสาวเจ้านาย ก่อนจะชี้หน้าแล้วจะพูดข้อสงสัยในใจออกมา "ก็ไอ้นี่..."

"พอเลยนี่เพื่อนฉันนะ จะมาไอ้นั่นไอ้นี่อะไร เรื่องนั้นก็ช่างมันเถอะ ว่าแต่ปิ่นเถอะมาทำอะไรทำไมมากับพี่เอิร์ธ" หญิงสาวขัดขึ้นมาก่อนที่วิศวัทจะได้พูดจนจบ แล้วหันไปหาน้องสาวพร้อมกับเปลี่ยนประเด็นกลัวจะบานปลาย และคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

"มาซื้อของทั่วไปนี่แหละ แต่พ่อไม่ยอมให้มาคนเดียวก็เลยต้องให้พี่เอิร์ธมาด้วย" สาวน้อยตอบตรงๆ เพราะเหตุการณ์วุ่นวายสารพัดที่เกิดขึ้นกับธุรกิจและที่บ้านของกำนันประเสริฐ จึงทำให้คนในครอบครัวจะไปไหนก็ต้องมีคนคอยดูแลความปลอดภัย จะมีก็แต่เกวลีที่ไม่ได้เข้าบ้านตั้งแต่เมื่อเรื่องคราวนั้นและเธอก็ไม่ค่อยชอบเวลามีลูกน้องของพ่อเธอมาคอยเดินตามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

"แล้วพี่ปลาเมื่อไหร่จะกลับไปอยู่บ้าน" สาวน้อยดึงหน้าเศร้าทันทีเพราะช่วงนี้เรียนหนักก็ไม่ค่อยได้เจอพี่สาวอยู่แล้ว นี่พี่สาวยังไม่ยอมอยู่บ้านอีกโอกาสเจอยิ่งน้อยลงไปอีก

"พี่ยังไม่อยากกลับ" เกวลีก็ทำหน้าไม่ต่างจากน้องสาว สำหรับเรื่องของพ่อนั้นเธอยังไม่สามารถจะตัดสินใจได้จึงอยากจะหลบหน้าต่อไปก่อน

"งั้นถ้าพี่ไปอยู่ไหนก็บอกหนูด้วยนะ หนูจะได้แวะไปหาได้บ้าง" สาวน้อยยื่นเงื่อนไขด้วยแววตาเศร้าๆ ไม่เข้าใจความคิดของพี่สาวแต่ก็เคารพการตัดสินใจ

"อือ ได้จ๊ะ" เกวลีตอบรับแล้วยิ้มให้พร้อมกับลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดู

สาวน้อยยิ้มสดใสอีกครั้งเบาใจไปได้เรื่องหนึ่ง แล้วก้มมองดูนาฬิกาก่อนจะบอกลาพี่สาว "งั้นหนูไม่กวนแล้ว พี่เอิร์ธไปเถอะ"

"แต่ว่า..." วิศวัทไม่อยากไปเพราะไม่ไว้ใจอ๊อดแต่ก็ถูกสาวน้อยขัดเอาไว้เสียก่อน

"ก็แล้วแต่นะ ถ้าพ่อรู้ว่าพี่ไม่ตามดูหนู..." สาวน้อยแว่นกลมจ้องด้วยดวงตาสวยใส

"ครับ" ไม่ต้องรอให้ธัรย์ชนกพูดจบถึงจะห่วงปลาแค่ไหนก็ไม่กล้าขัดใจลูกสาวเจ้านาย และยิ่งไม่กล้าขัดคำสั่งของเจ้านาย

ทันทีที่แยกกับน้องสาว เกวลีก็จ้องหน้าอ๊อดเขม็งคล้ายอยากจะเค้นเอาความจริงจากเขา "ถ้าอย่างนั้นที่คุณไปช่วยปลาตอนนั้น เพราะแอบตามปลามาเหรอคะ"

"เปล่านะครับ วันนั้นมันบังเอิญจริงๆ" อ๊อดโกหกหน้าตาย ในใจก็กลัวว่าเธอจะโกรธ
หญิงสาวนิ่งไปเหมือนำลังใช้ความคิดก่อนจะว่า "แน่นะค่ะ"

"ครับ" อ๊อดยืนยันเสียงหนักแน่น

เกวลีได้ยินคำยืนยันก็กลับมาคิดทบทวน ถ้ารวมกับครั้งที่เจอกันที่ทะเลเขาก็มีโอกาสที่จะเอาเปรียบเธอถึงสองครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้ทำนั่นแสดงให้เห็นว่าเขามีความเป็นสุภาพบุรุษแล้วก็ไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง ทำให้หญิงสาวยิ้มออกมาได้และนั่นก็ทำให้อ๊อดรู้สึกโล่งใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะไปเดินเลือกซื้อของต่อ

..................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Taizen


unicrons


เดช12341


x99

ดิวจะได้หย่าหรือป่าว ไอ้ทศยิ่งเลวๆอยู่ ที่สำคัญกลัวไอ้ยักษ์ยังไม่ตายเด่วจะก่อเหตุอีก

สมใจมาก


nar007

เกือบไปแล้วอ้อด แต่แบบนี้คุณปลาก้อมีใจให้อ้อดแน่นอน แต่จะลงเอยกันได้หรือเปล่านี่ซิลุ้นๆ

Ttum1188

เจษจะมีคนช่วยเพิ่มอีกไหมหนอ ส่วนอ๊อดเกือบไปแล้ว

artherox

อ๊อดนี่ก็ไหลได้เรื่อยเหมือนกันนะ  ::DookDig::
จะได้กับคุณปลาอีกมั้ย

soidao

มีตัวละครมาเพิ่มอีกตัวแล้ว พระเอกเรานี่ผู้ช่วยเยอะจริงๆ

ชายชรา

คู่อ้ออดกับคุณปลาก็น่ารักตอนนี้คิดถึงคุณดิวกับอาจารย์เจษแล้วครับ

bangsan

ตอนนี้อ๊อดเป็นพระเอกสำหรับเกวลิเลยนะ

dawdom


NNGGOO

อาจารย์เจษน่าจะได้ผู้ช่วยอีกคน คงจะเบาแรงลงบ้าง

Channarong Saekow

พี่ใหญ่ของเจษฎานี้เป็นฝ่ายดีหรือเปล่าน่ะ