ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 39

เริ่มโดย เจตภูติ, มิถุนายน 24, 2021, 09:57:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้หนึ่งตอนนะครับ
https://www.tunwalai.com/v2/story/499798

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 39

เก๋งญี่ปุ่นราคาแพงแล่นผ่านประตูรั้วอัลลอยด์บานใหญ่ของคฤหาสน์ที่มีชายฉกรรจ์ท่าทางดุดันหลายคนทำการตรวจตราเข้มงวด เช่นเดียวกับที่แนวกำแแพงบ้านที่มีคนเดินลาดตะเวนเป็นพักๆ หลังจากที่เกิดเหตุเมื่อคืน เสี่ยพิพัทธ์ก็สั่งเพิ่มคนคุ้มกันความปลอดภัยให้มากกว่าปกติ ส่วนเรื่องที่ถูกคนลอบทำร้ายก็ง่ายเงินให้ตำรวจและญาติผู้เสียชีวิตให้เรื่องจบที่เป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์

สาวสวยร่างกระทัดรัดเดินลงจากรถด้วยท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย ถึงไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงมีคนในบ้านเยอะกว่าปกติแต่ก็พอจะเข้าใจได้ เพราะงานของของเจ้าคฤหาสน์ก็มีบ้างที่จะสร้างความโกรธแค้นให้กับคู่แข่ง จนอาจจะถึงขั้นส่งคนมาทำร้าย จากนั้นหญิงสาวก็เดินตรงเข้าไปในบ้านอย่างคุ้นเคย ทันทีที่หญิงสาวก้าวผ่านประตูบ้านมีสาวหมวยหน้าตาดีวิ่งมารับและสวมกอดด้วยความคิดถึง พร้อมกับมองหน้าแล้วเอ่ยถาม "พี่ดิวมาแล้ว เรื่องทางนั้นเป็นยังไงบ้าง"

"อืมใกล้จะเรียบร้อยแล้ว ว่าแต่เจ็กอยู่ไหม พี่อยากคุยอะไรด้วยหน่อย" หญิงสาวดันร่างของสาวหมวยให้เลิกกอดเธอ แล้วหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าของคฤหาสน์

"อยู่...แต่ป๊าเขามีเรื่องยุ่งมาทั้งคืน เพิ่งจะได้นอนเมื่อสว่างนี่เอง พี่ดิวรอจนป๊าตื่นก่อนได้ไหม" สุธิภาจูงมืออริสาพากันเดินไปนั่งที่ชุดโซฟาหรู แล้วเรียกแม่บ้านให้เตรียมเครื่องดื่มมาให้อริสาดับกระหาย

"ว่าแต่เจ็กมีเรื่องอะไรเหรอ" อริสาตีหน้าสงสัยปนกับความเป็นห่วง

"เมื่อคืนไฟไหม้ที่โกดังเก็บปุ๋ย แล้วป๊ารีบไปดูจนรถเกิดอุบัติเหตุ" สุธิภาว่าน้ำเสียงแฝงความกังวลที่เกิดเรื่องร้ายติดๆ กันภายในคืนเดียว

"อะไรนะ แล้วเจ็กเป็นอะไรมากไหม" อริสาตกใจถามเสียงดัง ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้

"ป๊าไม่เป็นอะไร แต่พวกลูกน้องเจ็บหลายคนเลย" ดวงตาสวยฉายแววความเป็นกังวลแม้คนที่รักจะไม่ได้รับบาดเจ็บ
สองสาวพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอยู่พักใหญ่ ซึ่งสุธิภาก็ทำได้แค่ถ่ายทอดเรื่องรางที่เธอได้ฟังมาจากพ่อของเธอและลูกน้องที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้น แค่นัันก็ทำให้อริสารู้ว่าทำไมถึงมีการคุ้มกันบ้านแน่นหนาอย่างที่เห็น ก่อนที่สาวสวยผู้พี่จะถามถึงงเรื่องที่คาใจอีกเรื่องขึ้นมา

"พี่มีเรื่องจะถามนุ่นหน่อย..." สาวสวยเกริ่นออกมาเบาๆ

"เรื่องอะไรเหรอ" สุธิภาเอียงคอใช้ดวงตาสดใสมองกลับไปซื่อๆ

"พี่ติดต่ออาจารย์เจษไม่ได้ นุ่นพอจะรู้ข่าวอะไรบ้างไหม"

"แล้วพี่ดิวได้ติดต่อไปที่สำนักรึงยังคะ" สุธิภาถามกลับอยากรู้ว่าพี่สาวเธอได้ข้อมูลมาแบบไหนจะได้เตรียมคำตอบได้ถูก

"คุยมาแล้ว ลูกศิษย์แค่บอกว่าอาจารย์เจษเข้าป่าไปบำเพ็ญเพียร แต่ก็ไม่ได้บอกว่าไปที่ไหน" อริสาอธิบายตามที่ได้ยินมา ซึ่งเธอก็ยังคิดว่ามันแปลกๆ

"นุ่นก็รู้มาแบบนั้นเหมือนกัน" สาวหมวยตอบตามน้ำถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเจษฎาแค่แกล้งตายแล้วหลบซ่อนตัวอยู่ แต่คำตอบของเธอไม่ใช่คำโกหกซะทีเดียวเพียงแค่บอกความจริงไม่หมดเท่านั้นเอง

"แต่ก็มีบางคนเขาลือกันว่าอาจารย์ตายไปแล้วนะคุณหนู" ป้าแม่บ้านยกน้ำและขนมเข้ามาพร้อมกับเล่าเรื่องที่ชาวบ้านร้านตลาดพูดถึงกันเป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ในช่วงเวลานี้ตีคู่มากับเรื่องไฟไหม้และอุบัติเหตุของเสี่ยพิพัทธ์

"หา! ว่ายังไงนะ ทำไมละ" อริสาหน้าเสียตกใจถามรัว

"ป้าก็ไม่แน่ใจหรอกนะคะ แต่พวกวัยรุ่นที่ตลาดลือกันไปทั่วว่าที่อาจารย์เจษหายไปเพราะโดนนายทุนเจ้ามือหวยสั่งเก็บ แล้วก็มีคนลือกกันอีกว่าพวกทวงหนี้กับเด็กเดินยาเจอผีหน้าตาเหมือนอาจารย์เจษเล่นงาน เมื่อหลายวันก่อนพวกเด็กๆ ของกำนันเล่ากันว่ามีหมอผีชื่อดังจากจังหวัดข้างๆ มาปราบ" ป้าแม่บ้านร่ายยาวตามประสาคนชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน

"ทำไมข่าวมันมั่วๆ ฟังดูแล้วไม่ค่อยเข้าท่าเลย" สุธิภาแย้งแม่บ้านกลัวว่าพี่สาวจะคิดมากเกินไป

"ก็นั่นแหละค่ะ ข่าวลือก็คือข่าวลือ พอคนไม่อยู่ก็พูดกันไปเรื่อย ป้าขอตัวก่อนนะคะ" ป้าแม่บ้านหลังจากได้พูดไปเรื่อยจนพอใจก็กลับไปทำงานต่อ

"พี่ดิวอย่าไปสนใจเลย ว่าแต่อยากเจออาจารย์ทำไมเหรอ" สุธิภาจ้องหน้าอริสาจริงจัง ร้อนใจอยากรู้ว่าพี่สาวเธอจะคุยอะไรกับเจษฎา หรือจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่เพราะพี่สาวเธอกำลังหย่าสามี

อริสาหลบตาก่อนจะพูดแก้เก้อออกมาเบาๆ "ก็แค่อยากจะดูดวงนะ ก็ตอนนี้ชีวิตพี่มีเรื่องให้ตัดสินใจเยอะ"

"แค่ดูดวงอย่างเดียวเหรอคะ" สุธิภาจ่อหน้าเข้าไปใกล้ๆ เหมือนกำลังจะจับพิรุธอะไรบางอย่าง

"อือ" อริสาพยักหน้ารับเรียบๆ ก่อนจะชวนคุยเรื่องอื่นระหว่างที่รอให้เสี่ยพิพัทธ์ตื่นนอน

..................................................

เสียงหน้าแข้งและเสียงกำปั้นที่หุ้มด้วยนวมประทะกระสอบทรายดังหนักแน่นจริงจัง เมื่อผู้เป็นนายออกมาจากโรงพยาบาลแล้วมานั่งอยู่ในห้องทำงาน ทำเอานักมวยในค่ายไม่มีใครกล้าที่จะทำตัวเยาะแหยะเหมือนหลายๆ วันที่ผ่านมา เพราะสิ่งที่เจ้าของค่ายนำออกจากโรงพยาบาลไม่ได้มีแค่สุขภาพที่เป็นปกติแต่ยังมีอารมณ์ขุ่นมัวโกรธเกรี้ยวจากข่าวที่เพิ่งได้รับมาด้วย

"อะไรวะ พลาดอย่างนั้นเหรอ" กำนันประเสริฐคำรามดังลั่นน่ากลัวเหมือนจ้าวป่าที่กำลังประกาศศักดาความมีอำนาจ ทำเอาคนในห้องทำงานหน้าซีดขาสั่นไปตามๆ กัน

"มันบอกว่าไม่ต้องห่วง จะจัดงานต่อเอง ไม่ว่ายังไงก็จะทำจนสำเร็จ" ไอ้รถถังรายงานเรื่องทีรู้มาเสียงอ่อย

"มันจะจัดการยังไง ขนาดเราสร้างโอกาสเหมาะเจาะนาดนั้น มันยังพลาดได้ ต่อจากนี้มันคงจะโง่เปิดช่องให้เราเล่นงานได้อีกหรอก โธ่โว้ย นี่ถ้ามันเป็นคนของกูปานนี้ไม่กลายเป็นปุ๋ยก็เป็นอาหารปลาไปแล้ว" กำนั้นประเสริฐยังเกรี้ยวกราดไม่หยุด อะไรใกล้มือก็ถูกขว้างใส่ลูกน้องคนแล้วคนเล่า

"ผมก็ไม่รู้ เออ..มีอีกเรื่องหนึ่งนะกำนัน มันบอกว่ามีคนมาขวาง แล้วไอ้คนที่มาขวางก็ฟันไม่เข้าด้วย" ไอ้รถถังหลบจนตัวลีบเขยิบเข้าไปปพูดด้วยเสียเบากลัวจะไปเพิ่มความโกรธให้

"มึง...หมายความว่า..." กำนันประเสริฐว่าแล้วทิ้งเสียงไม่อยากพูดถึง

"ระแวกนี้ก็มีอยู่คนเดียวนั่นแหละครับ" ไอ้รถถังเสริม

"มึงว่าไอ้ที่มันเจอนั่นคนหรือผีวะ" ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบจากลูกน้องคนสนิทเสียงเคาะที่ประตูห้องก็ดังขึ้นมาเหมือนระฆังพักยกเสียก่อน ทันทีที่พวกลูกน้องได้ยินเสียงก็รีบกุลีกุจอวิ่งไปเปิดประตูให้แล้ววิ่งออกจากห้องไปแบบต้องการจะหลบหน้าเจ้านาย หลังจากประตูถูกเปิดก็ปรากฏร่างของชายร่างสูงผิวขาวซีดที่ยืนยิ้ม ในมือถือกระเช้าเครื่องดื่มบำรุงร่างกายขนาดใหญ่

"สวัสดีครับคุณประเสริฐ ผมมาเวลาไม่เหมาะรึเปล่าครับ" ชายสวมสูททักทายกำนันประเสริฐเรียบๆ แบบมีมารยาท

"อ้าวผู้จัดการ ไม่เป็นไรครับ เข้ามาเลยๆ" กำนันประเสริฐกวักมือเรียกแขกคนสำคัญสีหน้าบอกได้ถึงความประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าเขาจะมาหาได้

"อาการเป็นยังไงบ้างครับ ขอโทษนะครับที่ไม่ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล พอผมเสร็จธถระก็รีบมาทันทีเลย" ชายผิวขาวสีดในชุดสูทผูกไทสีเข้มเรียบเนี้ยบยิ้มกว้างขณะที่ยื่นส่งกระเช้าให้ลูกน้องของกำนันประเสริฐ

"ไม่เป็นไรครับ ผมสบายดีตรวจแล้วไม่ปัญหาอะไร หมอให้ออกมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มาๆ เข้ามานั่งก่อนคุยกันก่อนครับ" กำนันหุ่นหมีตอบรับแขกผู้มาเยือนอย่างมีไมตรีและมีมารยาทผิดกับก่อนหน้านี้หน้ามือเป็นหลังมือ ถึงเขาจะไม่ค่อยชอบรอยยิ้มที่ดูไม่ค่อยจริงใจของอีกฝ่าย แต่เพราะเรื่องผลประโยชน์ทำให้เขาแสดงออกมาอย่างให้เกียรติ

"มีปัญหาอยู่เหรอครับ เกี่ยวกับเรื่องที่ดินรึเปล่า ถ้าเรื่องนั้นบอกผมได้นะครับ" ชายผิวขาวซีดถามเรื่องที่เขาบังเอิญได้ยินออกมาเพราะอยากรู้ว่าเป็นเรื่องเดี่ยวกับงานของเขาหรือไม่

"ไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ดินหรอกครับ เรื่องนั้นผมจัดการได้สบาย อีกไม่กี่เดือนก็น่าจะได้ครบแล้วครับ" กำนันประเสริฐรีบบอกปัด ถึงจะเป็นเรื่องเกี่ยวที่ดินมีปัญหาเขาก็คงไม่พูดออกไปอยู่แล้ว เพราะอย่างนั้นเรื่องเสี่ยพัทธ์ก็ไม่มีทางหลุดออกไปถึงคนนอกแน่นอน

"ได้ยินอย่างนั้นผมก็สบายใจครับ" ผู้จัดการพยักหน้า ส่งรอยยิ้มที่ดูเป็นมิตรจนน่าสงสัย ก่อนจะถามหาความคืบหน้าเรื่องการกว้านซื้อที่ดิน ทั้งคู่พูดคุยกันอยู่พักใหญ่ก่อนที่การสนทนาจะถูกขัดจังหวะเมื่อสาวสวยหุ่นดีเดินเข้ามาในห้อง

"จ๋ามาได้จังหวะเลยพี่มีคนอยากแนะนำให้คุณรู้จักพอดี นี่ผู้จัดการเขามาเรื่องที่ดินที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง ผู้จัดการนี่จ๋าภรรยาผม" กำนันประเสริฐแนะนำให้คนทั้งคู่ได้รู้จักกันเพราะจะได้ให้ช่วยเป็นธุระให้ในอนาคตต่อไป

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ" ชายผิวขาวซีดหันไปยิ้มทักทายด้วยรอยยิ้มและใบหน้าที่อ่านความรู้สึกไม่ออก

"เช่นกันค่ะ..." สาวใหญ่รับคำมองฝ่ายตรงข้ามดวงตาไม่กล้ากระพริบ แค่มองไปที่ชายผิวขาวซีดที่กำลังขยับดวงตาเพียงเล็กน้อย ปากที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ นิ้วเรียวที่ขยับเบาๆ ดูราวกับอสรพิษที่กำลังจะเลื่อยมาพันรอบคอของเธอ สิ่งเหล่านั้นมันทำให้เธอรู้สึกอึดอัดเหมือนหายใจไม่ออก เหงื่อเม็ดเล็กๆ ก็ผุดขึ้นทั่วร่าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเวลาเพียงช่วกระพริบตามันทำให้เธอรู้ว่า เธอไม่ชอบชายคนนี้

"รู้จักกันไว้นะเพื่อมีเรื่องด่วน ถ้าไม่เจอผม จ๋าเขาตัดสินใจแทนผมได้เต็มที่ทุกเรื่อง" กำนันประเสริฐเห็นทั้งคู่มีท่าทีกระอักกระอ่วนก็แทรกขึ้นมาทำลายความเงียบ

"น่าอิจฉาเลยนะครับ ที่มีภรรยาพึ่งพาได้แบบนี้" ชายผิวขาวซีดออกปากชมช่วยสร้างบรรยากาศ

"ผู้จัดการนี่ตาถึงจริงๆ ภรรยาผมก็เก่งจริงๆ นั้นแหละ ฮาๆ" กำนันประเสริฐหัวเราะชอบใจหลังจากคุยธุระเสร็จก็ยังออกปากชวนให้ผู้จัดการไปทานข้าวด้วยกัน แต่ผู้จัดการก็ปฏิเสธไปด้วยเหตุผลว่ามีงานต้องไปทำต่อ โดยที่ณัฐฐาเองก็ออกไปในเวลาไล่เลี่ยกัน

..................................................

"เจษ เปิดประตูหน่อยพี่มีเรื่องจะคุยด้วย" เสียทุบประตูและเสียร้องเรียกดังลั่น ทำให้เจษฎาเพิ่งจะหลับไปได้พักใหญ่หลังจากที่กลับมาจากบ้านเสี่ยพิพัทธ์ต้องตื่นขึ้นมาแบบไม่เต็มใจ

"...อะไรกัน..." เจษฎาที่กำลังงัวเงียหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ทันทีที่เปิดประตูออกไปเห็นชายหน้าตาดุดันยืนทำหน้านิ่งก่อนจะหลุดเรียก "พี่ใหญ่"

"ฝีมือเอ็งใช้ไหม" ใหญ่พูดเสียงเข้มพร้อมกับมองหน้าเจษฎาแล้วเดินเข้ามาในบ้านจนทำให้เจษฎาต้องถอยหลังไปด้วยพร้อมๆ กัน

"มันช่วยไม่ได้จริงๆ พี่ ฉันปล่อยให้เสี่ยกวงตายไม่ได้จริงๆ" เจษฎาไม่รู้จะเลี่ยงยังไงเพราะแถวนี้ก็มีแค่เขากับอ๊อดที่รู้ภูมิหลังของใหญ่  เลยบอกความจริงไปบางส่วน

"ไอ้เสี่ยนั้นมันเกี่ยวข้องอะไรกับเอ็ง" ใหญ่เค้นถามสร้างความตึงเครียดภายในบ้านให้เพิ่มขึ้น

"ฉันทำงานกับเสี่ยอยู่ พี่วางมือจากเรื่องนี้ไม่ได้เหรอ เรื่องเงินฉันหามาชดใช้ให้ได้นะ" เจษฎาพยายามโน้มน้าวแม้จะรู้เต็มอกว่าคงเปลี่ยนใจใหญ่ไม่ได้ แต่ก็ยังอยากจะลองดูก่อน

"ไม่ได้ มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน รับงานมาแล้วก็ต้องทำให้เสร็จ ไม่อย่างนั้นกู๋จะเสียความน่าเชื่อถือ" ใหญ่ยืนยันหนักแน่น

"ไม่ได้จริงๆ เหรอ ขอผมลองคุยกับกู๋ก่อนได้ไหม" เจษฎายื่นข้อเสนอที่เขาเองก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม เขารู้ดีว่าใหญ่เคารพและซื่อสัตย์กับกู๋ซันมากแค่ไหน ถึงขนาดยอมติดคุกเพื่อไปเก็บคนที่อยู่ข้างในตามคำสั่งของกู๋ซันใหญ่ก็ทำมาแล้ว

เจษฎาเคยเจอคนที่ใหญ่เรียกว่ากู๋ซันหลายครั้งผ่านการเยี่ยมญาติ เพราะใหญ่ที่ถูกใจเขาอยากจะแนะนำฝากให้ไปทำงานอยู่ด้วยกัน ภายนอกกู๋ซันก็ดูเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่น่าเคารพนับถือ แต่ลึกลงไปกลับอ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ใหญ่บอกว่ากู๋ซันมีอาชีพเป็นนายหน้าหางาน คอยจับคู่งานกับแรงงานที่เหมาะสม ขึ้นชื่อในหมู่ผู้มีอิทธิพลเรื่องเก็บความลับไม่ให้สาวไปถึงตัวผู้จ้างวานอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเป็นงานอะไร ทำให้ราคาต่องานนั้นนั้นสูงริบ และการันตีความสำเร็จได้เกือบจะร้อยเปอร์เซ็น

"ไม่จำเป็น ยังไงกู๋ไม่ยอมแน่ เพราะอย่างนั้นเอ็งอย่ามาขวางอีกเลยนะ ถือว่าพี่ขอละกัน" ใหญ่มองหน้าเจษฎาด้วยสีหน้าจริงจังเพราะเขาทำพลาดไปครั้งหนึ่งแล้วมันส่งผลต่อชื่อเสียงของคนที่เขาเคารพ

"พี่ใหญ่เห็นใจผมหน่อยเถอะนะ ผมจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จากเสี่ยกวงอยู่" เจษฎาอ่อนวอนไม่อยากจะผิดใจกับผู้มีพระคุณแบบนี้ แต่เสี่ยพิพัทธ์ก็ยังเป็นคนสำคัญในแผนที่เขาวางเอาไว้ ถ้ามีทางเลือกอื่นเขาพร้อมที่จะทำเต็มที่
"ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว หรือเอ็งจะหักกับพี่" ใหญ่ตัดบทเสียงหนักแน่น

"ผมไม่อยากมีปัญหากับพี่ แต่ว่า..." เจษฎาตอบด้วยความหนักใจ จะเลือกสู้กับใหญ่หรือถอยให้เสี่ยพิพัทธ์ถูกฆ่าไม่ว่าทางไหนก็มีแต่เขาที่เสียประโยชน์

"งั้นพี่ก็คงต้องทำให้เอ็งไม่ให้มายุ่งได้แล้วละ" ชายร่างหนาไม่ทนกับคำตอบของเจษฎาที่ไม่เลือกเอาสักทาง ล้วงเข้าไปมีดออกมาจากระเป๋าเสื้อผ้าแล้วชักออกจากซอง ก่อนจะฟุงเข้าไปฟันใส่เจษฎา เจษฎาก้มหลบคบมีดลงไปเจอกับเจอฝ่าเท้าของชายร่างหนาที่ถีบออกมาหลังจากฟันเสร็จอย่างรู้ทัน จนร่างผอมกระเด็นไปกระแทกผนังบ้านเสียงดังสนั่น

"นี่พี่จะฟันผมจริงๆ เหรอ" เจษฎาหน้าเสียไม่นึกว่าเพื่อนรุ่นพี่ที่เคารพและสนิทกันกันจะลงมือกับเขาได้ลงคอ

"เออ" ใหญ่ตอบห้วนน้ำเหี้ยมเกรียม

พูดจบใหญ่ก็สืบเท้าควงมีดเข้าไปฟันใส่อีกหลายครั้ง เจษฎาไม่ได้โต้ตอบเรียกว่าไม่มีโอกาสตอบโต้จะเหมาะกว่า เขาทำได้แค่หลบหลีกและวิ่งหนีคมมีด อะไรใกล้มือก็คว้าเอามาขว้างใส่รักษาระยะห่าง ชายร่างหนาก็จัดการฟันของเหล่านั้น ยังแล้วเข้าไปฟันโดนเข้าแบบถากๆ หลายครั้ง ถึงอย่างนั้นเขาก็พอจะเอาตัวรอดไปได้บ้าง

แต่นั่นก็เป็นเพราะใหญ่ยังยั้งมือไว้ไมตรีไม่ได้ฟันเข้าจุดตาย เพียงแค่ฟันเข้าใส่ตามส่วนที่มีกล้ามเนื้อหนาอย่างต้นแขนและต้นขาเป็นหลัก เขาหวังว่าจะทำให้เจษฎาบาดเจ็บจนขยับไม่ไหวแล้วไม่สามารถไปขัดขวางการจัดการเป้าหมายของเขาได้เท่านั้น

ลึกๆ เจษฎาก็ไม่รู้ว่าทำไมใหญ่ถึงเลือกมีดเป็นเครื่องมือในการทำงาน แต่ใหญ่เคยเล่าแบบติดตลกให้เขาฟังว่าก่อนหน้านี้ใหญ่ก็เคยใช้ปืนเหมือนมือปืนทั่วๆ ไป แต่รู้สึกว่างานมันง่ายจนรู้สึกไม่ท้าท้ายจนเกือบจะเลิกทำอาชีพนี้ ก็เลยเปลี่ยนมาลองใช้มีดดู พอหลังจากเปลี่ยนเครื่องมือเขาก็รู้สึกตื่นเต้นในการทำงานมากขึ้นก็เลยใช้มาตลอด สำหรับเหตุผลนี้เจษฎาก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เรื่องพวกนั้นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรถ้าคนที่ถูกคมมีดของใหญ่หันใส่ไม่ใช่เขาหรือเสี่ยพิพัทธ์

ใหญ่มองชายร่างผอมที่เสื้อผ้าขาดหลายจุดแต่ไม่รอยแผลบนตัวแม้แต่น้อยอย่างประหลาดใจก่อนจะหลุดปากว่า "นี่เอ็งหนังเหนียวจริงๆ เหรอวะ ตอนเล่าให้ฟันทีแรกข้านึกว่าเอ็งอำเล่นซะอีก ขนาดเรื่องเมื่อคืนข้ายังคิดว่าเอ็งใช้ลูกเล่นอะไรซะอีก"

"...ใช่" เจษฎาตอบสั้นเริ่มหอบหนักๆ ความเจ็บปวดตามจุดที่โดนฟันเริ่มเล่นงาน แม้ว่าจะเป็นความเจ็บแบบแผลตื้นๆ ถ้าเขาไม่ได้ผิวหนังพิเศษแบบนี้คงจะขยับตัวแถบไม่ได้

"ฟันไม่เข้าก็ช่างมันแต่เอ็งเจ็บได้ใช่ไหมละ งั้นคราวนี้ข้าจะฟันจนกว่าเอ็งลุกไม่ขึ้นเลย" ใหญ่ว่าเสียงเข้มมือกำดาบแน่นตั้งใจจะทำอย่างที่พูด ถึงเขาจะไม่สามารถบอกได้ว่าคมมีดของเขาจะผ่านหนังที่เหนียวของเจษฎาได้หรือไม่ก็ตาม

"เดี๋ยวก่อน..." เจษฎาถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อรู้สึกว่ามือมีดระดับพระกาฬตั้งท่าจะเอาจริง เพราะแค่ก่อนหน้านี้ก็หลบมีดเขาแถบจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

ใหญ่กวัดแกว่งมีดมาเชเต้ยาวกว่าสิบสองนิ้วเข้าหาเจษฎา ชายหน้าเข้มหลบไปพรางหาจังหวะหยุดการเคลื่อนไหวของใบมีดไปพราง ด้วยความต่างชั้นของฝีมือและประสบการณ์ ชายหน้าเข้มทำอะไรไปไม่ได้มากกว่าปัดป้อง คมมีดที่แม่นยำและรวดเร็วจนเกือบมองไม่ทันทิ้งร่องรอยความเสียหายจากการถูกฟันไว้ที่เสื้อผ้า และทิ้งความเจ็บหลอนไว้ทั่วร่างของชายหน้าเข้มอย่างแสนสาหัส ไม่ต่างจากข้าวของภายในห้องที่ถูกฟันเสียหายหลายชิ้น

ชายร่างหนาจับสังเกตุได้ว่าเจษฎาพยายามอย่างมากที่จะแตะตัวเขาให้ได้ ถึงจะไม่รู้เจตนา สัญชาตญาณก็บอกเขาว่าห้ามชายหน้าเข้มสัมผัสร่างของเขา ใหญ่จึงรักษาระยะแล้วเข้าออกรวดเร็วไม่เปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามได้ทำตามที่คิด

เจษฎาพยายามฝืนขยับร่างกายให้เป็นปกติที่สุด รวบร่วมพลังงานมาสะสมไว้ที่มือ ต้องการที่จะหยุดการเคลื่อนไหวของชายร่างหนาให้ได้สักนิด แต่เมื่ออีกฝ่ายว่องไวและเหมือนจะอ่านการเคลื่อนไหวของเขาออกจนเขาไม่สามารถแตะตัวได้ แรงมหาศาลที่เก็บไว้ก็ไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง

เจษฎาถูกฟันอยู่ฝ่ายเดียวอย่างน่าเวทนา ความเจ็บหลอนเล่นงานสมองของเขาอย่างหนัก จนส่งผลให้เกิดอาการหน้ามืดเหมือนกับกำลังเสียเลือดมากขึ้นมาจริงๆ เมื่อคิดว่าอยู่สู้ไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา เขาย้ายพลังงานมาที่ขาทั้งสองข้างแล้วกระโดดพุ่งตัวออกไปทางหน้าต่าง การกระโดดครั้งเดียวพาร่างเขาลอยไกลออกไปกว่าห้าเมตร ก่อนจะตั้งหลักแล้วออกแรงวิ่งหนีอย่างสุดกำลังจนหายลับออกไปจากสายตาของมือมีด

..................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

arsenyo


outsider

สองคนนี้ไม่ได้ทะเลาะกันเล่นๆใช่มั้ย ไม่เอาแบบถึงจุดนึงมานั่งหัวเราะไม่เอานะ

kpkp

I love Xonly

Lucitor

พี่ใหญ่นี่ของจริงเลย วิชากับความสามารถแน่นมาก อาจารย์เจษจะทำไงดี


จรัญ บุญชู

อาจารย์คืออุปสรรคการทำงานของใหญ่แน่นอน...

asper7352


sommchai


ชาย ชุดแดง


ข้าจะแทงเจ้า

นึกแล้วว่าต้องเป็นพี่ใหญ่จริงๆด้วย จะทำยังไงดีละทีนี้ ลุ้นจริงๆ

bangsan

เจษเจอคนเก่งอย่างพี่ใหญ่ซะแล้วเจษจะหาทางออกยังไงละที่นี้

pakykit


mana0440


soidao

นึกแล้วว่าต้องเป็นพี่ใหญ่ แล้วพระเอกของเราจะรับมือยังไงล่ะครับ