ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 40

เริ่มโดย เจตภูติ, มิถุนายน 28, 2021, 10:10:57 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้หนึ่งตอนนะครับ
https://www.tunwalai.com/v2/story/499798

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 40

บ่ายคล้อยที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของเสี่ยพัทธ์ รอบตัวบ้านถูกจัดวางกำลังรักษาความปลอดภัยไว้แน่นหนาด้วยการให้ชายฉกรรจ์มากกว่าสองโหล่ ทั้งตั้งจุดตรวจตรา และคอยลาดตะเวน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเจ้าของบ้านเพิ่งจะถูกดักทำร้ายมาได้ไม่นาน

โครม...เสียงดังสนั่นและแรงสั่นสะเทือนที่ประตูรั้วคฤหาสน์ของเสี่ยพิพัทธ์ เป็นเสียงของรถหกล้อดั๊มพ์คอกรั้วสองเส้นทีพุ่งชนเข้าใส่จนพังราบแล้ววิ่งทับประตูรั้วอัลลอยด์ฝ่าเข้าไปตามถนนทางเข้าบ้านด้วยความเร็ว

ปัง...ปัง...ปัง...กระสุนปืนกระหน่ำใส่รถบรรทุกไม่ยั้ง ยางถูกยิง จนยุบ ก็ยังไม่หยุดตะบึงพุ่งตรงไปที่ร้านลานหน้าตัวคฤหาสน์ แล้วจอดนิ่งสนิทอยู่อย่างนั้นนสภาพที่หน้ารถเสียหายจากการชนและรอยกระสุน

รถใหญ่ไร้การเคลื่อนไหวจนกระทั่งพวกลูกน้องที่อยู่หน้าประตูวิ่งแห่กันมาล้อมรถ แล้วตามด้วยพวกที่ที่อยู่รอบบ้านๆ ทยอยกันมาสมทบ จนมีคนอยู่ที่ลานจอดรถร่วมยี่สิบคน ทุกคนต่างล้วงเอาอาวุธคู่ใจออกมาจากที่เก็บมากุมถือไว้ให้อุ่นใจ ปลายทางของปืนทุกกระบอกชี้ไปที่รถคันนั้นดูท่าที แต่ก็ยังไม่มีใครกล้าเปิดฉากยิง

ปุ...ปุ...ปุ... เสียงดังทึบๆ มาจากกระบะท้ายของรถบรรทุกและเริ่มมีกลุ่มควันลอยขึ้นมา ก่อนจะกระป๋องนับสิบถูกโยนออกไปรอบๆ ตัวรถ กระป๋องเหล่านั้นตกลงมากระทบพื้นแล้วส่งเสียงแบบเดียวกันก่อนหน้า แล้วปล่อยควันออกมาเป็นกลุ่มใหญ่ นั่นยิ่งทำให้เกิดกลุ่มควันหนาแน่นลอยคละคลุงมากขึ้นไปอีก ทำให้ทั่วบริเวณถูกบดบังทัศนวิสัยจนแทบจะมองไม่เห็นคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เพียงชั่วพริบตาควันเหล่านั้นก็ออกฤทธิตามสารเคมีที่ผสมอยู่ ส่งผลให้เหล่าลูกน้องของเสี่ยพิพัทธ์กว่ายี่สิบคนเกิดการระคายเคืองเยื่อบุต่างๆ ที่ดวงตา จนไม่สามารถลืมตาได้ นอกจากนี้ ยังมีอาการน้ำมูก น้ำลายไหล ไอ หายใจลำบาก พวกมันพากันหาทางวิ่งออกจากกลุ่มควันกันจ้าละหวั่น

เปรี้ยง...เปรี้ยง... ขณะที่ผู้คนรอบรถกำลังวุ่นวายกับควันพิษที่ถูกปล่อยออกมา คนขับรถก็เปิดประตูลงมาจากรถเหมือนกำลังจะวิ่งหนี กลับถูกกระสุนลั่นเข้าใส่จนล้มลง ด้วยฝีมือคนหนึ่งจากกลุ่มของลูกน้องเสี่ยพิพัทธ์ที่ยิงออกมาส่งๆ เมื่อได้ยินเสียงจากรถบรรทุก

"เฮ้ยอย่าเพิ่งยิงเดียวโดนพวกเดียวกัน" มันคนหนึ่งตะโกนออกมาหลังจากได้ยินเสียงปืน ทั้งที่พยายามปิดปากปิดจมูกและกำลังหาทางออกจากกลุ่มควัน

ทันใดนั้นเองฝาท้ายรถบรรทุกก็เปิดออก พร้อมกับร่างของชายตัวสูงร่างหนาในชุดเสื้อคลุมทหารลายพรางสวมหน้ากากกันแก๊ส ในมือมีมีดเดินป่าแบบมาเชเต้ทั้งสองข้าง ชายคนนั้นกระโดลงจากท้ายรถแล้วไล่ฟันลูกน้องของเสี่ยพิพัทธ์ที่ไม่อยู่ในสภาพที่จะตอบโต้ได้จนบาดเจ็บล้มลงทีละคนสองคน

การสร้างความโกลาหลครั้งนี้เกิดขึ้นรวดเร็วและไม่มีใครคาดคิดว่าคนร้ายจะลงมืออีกหนในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่นานด้วยความกลัวจากเสียงร้องโอดโอยของพวกเดียวกัน และอาการทรมานที่เกิดจากสารเคมีในควัน ก็ทำให้มันหลายคนเกิดอาการสติแตกยิงกราดไปทั่วโดยไม่สนใครเป็นใคร ชายสวมชุดพรางจึงฉวยโอกาสใช้กลุ่มควันอำพรางวิ่งจนทะลุไปถึงตัวอาคารได้สำเร็จ แล้วปล่อยให้พวกลูกน้องของเสี่ยพิพัทธ์ยิงกันเอง

..................................................

เสียงวุ่นวายหน้าบ้านทำให้เจษฎาวิ่งออกจากห้องมาลอบสังเกตุดูสถานการณ์จากในบ้าน ในเวลาแบบนี้เขาไม่คิดว่าจะมีใครบุกเข้ามาได้นอกจากใหญ่ จึงรีบวิ่งตรงไปที่ห้องของอริสาและสุธิภาก่อนที่จะพาทั้งสาวสองมาอยู่ในห้องเดียวกัน

"คุณดิว คุณนุ่น อยู่ในห้องนะครับอย่าออกไปไหน ผมจะไปดูเสี่ยก่อน" เจษฎาว่าน้ำเสียงรีบร้อนและจริงจังเพราะถ้าฃ้าไปจะไม่ทันการ

"ได้ค่ะ" สองสาวรับคำพร้อมเพรียง

เจษฎารีบวิ่งออกไปต่ออย่างร้อนใจก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของเสี่ยพิพัทธ์ ปรากฏว่าไม่คนอยู่ เขาจึงรีบวิ่งไปต่อที่ห้องทำงานทันที โชคยังดีที่มีลูกน้องสองคนมาเฝ้าอยู่ก่อน แต่เจษฎาก็โล่งใจอยู่ได้ไม่นานเมื่อสองคนที่หน้าห้องถูกชายสวมชุดทหารลายพรางโผล่ออกมาจากทางเดินฝั่งตรงกันข้ามแล้วเข้าไปทำร้ายจนคนทั้งสองหมดสภาพไปต่อหน้าต่อตา ห่างจากตัวเขาไม่ไกล

"ยืนดูเหี้ยอะไรอยู่ได้" พ่อบ้านที่วิ่งมาจากทางด้านหลังเจษฎาตะโกนใส่เขาก่อนจะลั่นไกส่งกระสุนใส่ผู้บุกรุกตรงหน้าแบบไม่นับนัด แต่ก็ยิงโดนแต่ข้างฝาและเสาเป็นส่วนใหญ่และมีบางสวนลอยไปตามทางเดินแล้วฝั่งเข้าไปในผนังสุดทางเดิน เพราะชายคนนั้นถอยหลบเข้าที่กำบังไปได้ก่อนแล้ว

"มึงเป็นเหี้ยอะไรทำไมไม่ยิงมัน" ชายสวมชุดจีนตวาดใส่อย่างไม่พอใจ

"ผมไม่มีปืน ไม่จำเป็นต้องใช้ด้วย" เจษฎาว่าน้ำเสียงจริงจัง เอาเข้าจริงๆ ก็เป็นเพราะเขาไม่เคยได้ยิงปืนจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง

"...งั้นมึงเข้าไปดูแลเสี่ย เดี๋ยวตรงนี้กูจัดการเอง" พ่อบ้านหันมันมามองอย่างหมั่นไส้ก็จะตะคอกสั่งเสียงดังใส่หน้าเจษฎา

เจษฎาเห็นด้วยกับขอเสนอรีบวิ่งเข้าไปในห้องทำงานที่ว่างเปล่าก่อนจะเดินหาจนทั่วห้องแล้วไปเจอเสี่ยพิพัทธ์ซุกตัวหลบอยู่ใต้โต๊ะทำงาน ในขณะที่พ่อบ้านยิงคุ้มกันให้

"เสี่ยไม่เป็นไรนะ" เจษฎาเข้าไปดูอาการเสี่ยพิพัทธ์ที่กำลังตื่นตะหนก

"อาจารย์เจษช่วยอั๊วด้วย" เสี่ยพิพัทธ์ลนลานเข้าไปเกาะแขนเจษฎา

"ผมไม่ปล่อยให้มันทำร้ายเสี่ยหรอก ไว้ใจได้เลย" เจษฎายืนยันทั้งที่ไม่ค่อยมั่นใจว่าจะหยุดมือสังหารที่เขารับมือได้ยากหรืออีกนัยหนึ่งคือไม่อยากจะรับมือได้หรือไม่

..................................................

ด้านนอกทำงานพ่อบ้านก็ทำการจ่อปืนขู่ไปทางคนร้ายก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือกดล็อคลูกบิดแล้วปิดประตู

ปัง...ปัง...แชะ ชายชุดจีนสาดกระสุนใส่เงาแวบๆ ที่วูบเข้าออกจากเสาที่คนร้ายหลบอยู่ แต่กระสุนที่ยิงออกไปพลาดเป้าเพราะอีกฝ่ายเพียงขยับหลอก ชายชุดจีนทำหน้าเครียดเมื่อรู้ว่าหลงกล ระหว่างที่เหลือบมองดูปืนที่สไลค์ค้างไปแล้ว

ทันทีที่สิ้นเสียงนกสับแต่ไร้เสียงระเบิด คนร้ายก็เผยตัวออกมาจากที่ซ่อน แล้ววิ่งเข้าหา พ่อบ้านที่กำลังจะเปลี่ยนซองกระสุน ไม่ทันที่จะบรรจุซองกระสุนเข้าที่ ชายร่างหนาก็เข้ามาประชิดแล้วฟันใส่จนปืนหลุดออกจากมือ
พ่อบ้านกระโดดถอยหลังออกมารักษาระยะได้หวุดหวิดไม่ทันได้ถูกฟันซ้ำ ชายชุดจีนจำใจต้องสู้โดยไร้อาวุธก่อนจะสูดหายใจลึกยกแขนตั้งท่าป้องกันหมัดแบบมวยหยงชุนที่เขาถูกพ่อเคี่ยวเข็ญให้ฝึกมาตั้งแต่เด็ก

ชายสวมหน้ากากกันแก๊สมองดูชายตรงหน้าแล้วส่ายหน้าก่อนจะสืบเท้าเข้าหาพร้อมกับฟันเข้าใส่อย่างรวดเร็ว
พ่อบ้านหลบมีดและปัดออกได้สองสามครั้งก่อนจะถูกแทงเข้าที่โคนขาแล้วตามด้วยเท้าที่สวมคอมแบทถีบเข้าใส่หน้าอกจนล้มกลิ้ง จากนั้นชายสวมชุดทหารลายพรางจึงเดินตามเข้าไปกระทืบใส่ใบหน้าอีกครั้งจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายหมดสติ จึงได้เดินกลับไปที่หน้าห้องทำงาน

..................................................

ปัง...ปัง...เสียงปีศาจร้ายคำรามใส่ลูกบิดประตูพร้อมกับลูกตะกั่ว ก่อนที่ประตูห้องจะถูกดึงเปิดด้วยมือของมัจจุราชสวมหน้ากากกันแก๊ส เจษฎารีบพุ่งออกมายืนขวางระหว่างมันคนนั้นกับโต๊ะทำงานที่เสี่ยพิพัทธ์ใช่หลบภัยทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันบรรยายกาศอึดอัดตึงเครียด

"ถอย...ไป..." เสียงขู่ผ่านหน้ากากกันแก๊สฟังไม่ชัดแต่แววตาใต้แผ่นใส่ทรงกลมนั้นแสดงให้เห็นถึงความจริงจังของคนพูด

"ไม่ได้หรอก" เจษฎายืนยันเจตนาหนักแน่น สองมือกำหมัดจนเหงื่อซึม

เหมือนคำตอบจะกระตุ้นโทสะผู้บุกรุก มีดดาบถูกขว้างพุ่งแหวกผ่านอากาศห่างจากศรีษะของเจษฎาไปแค่ไม่กี่นิ้ว ก่อนที่เชายหน้าเข้มจะมองตามมีดที่ลอยไปปักเข้าที่ผนักพิงเก้าอี้ของเสี่ยพิพัทธ์ ทำเอาเจ้าของบ้านที่หลบอยู่ใต้โต๊ะสะดุ้งใจหายจนตัวสั่นเผลอถีบเก้าอี้ให้ห่างจากตัวด้วความตกใจกลัว

ดาบสองตามอย่างรวดเร็วปลายมีดแหลมคมแทงเข้าใส่ใบหน้าของเจษฎาทันทีที่หันกลับมา เจษฎาดึงหน้าหลบได้ไม่พ้นโดนคมมีดบาดเข้าที่แก้มถึงไม่ได้แผล แต่ความเจ็บจำลองถูกส่งจากผิวที่แก้มเข้าสู่สมอง นอกจากความเจ็บที่เจษฎาได้รับ คมมีดนั้นยังส่งบางอย่างที่เย็นวาบวิ่งขึ้นมาตามกระดูกสันหลังแล้วแผ่กระจายไปทั่วร่าง ใช่แล้วมันก็คือความกลัวนั้นเอง

หลังจากนั้นพายุคมมีดก็กระหน่ำเข้าใส่เจษฎาราวกับอยากจะบดเนื้อของเขาให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ครั้งนี้เจษฎาเตรียมใจมาสู้ในระดับหนึ่ง ทว่าแรงใจอย่างเดียวไม่ช่วยให้ผลลัพธ์เปลี่ยนไปจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านเช่า ยังคงเป็นเขาที่ถูกผู้บุกรุกฟันอยู่ข้างเดียว อาวุธหมัดเท้าที่เขาสวนออกไปก็ไม่ได้เฉียดโดนร่างของชายชุดพรางแม้สักนิด เขาต้องยอมรับเลยว่าการสู้กับชายคนนี้เพียงคนเดียวนั้นลำบากกว่าสู้กับพวกนักเลงเป็นสิบๆ คนพร้อมกันเสียอีก

ขณะที่เจษฎาพุ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการรับมือกับคมมีดที่ฟันเข้ามาอย่างไม่หยุดไม่หย่อนก็เผลอเปิดช่องให้มือสังหารเตะหนักๆ เข้าใส่ชายโครงจนเกิดอาการจุกเสียด ร่างเซถลาล้มลงก่อนที่มันจะใช้มีดแทงใส่ที่เสื้อยึดร่างของเขาให้ติดอยู่กับพื้นแล้วเตะซ้ำเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง ทำเอาเจษฎามึงงมองอะไรไม่เห็นไปครู่ก่อนจะรู้ตัวอีกทีชายคนนั้นก็ตรงไปที่โต๊ะทำงานที่เสี่ยพิพัทธ์ซ่อนตัวแล้ว

ชายสวมชุดทหารลายพรางเดินตรงไปหยิบมีดที่ปักอยู่ที่เก้าอี้ ในขณะที่เสี่ยพิพัทธ์มีปืนในมือกลับกลัวเกินกว่าที่จะหันกระบอกปืนเข้าใส่มือสังหารได้แต่คลานหนีออกจากใต้โต๊ะมาที่มุมห้องโดยที่ชายคนนั้นเดินตามมาติดๆ แล้วเงื้อมือขึ้นจะฟันใส่

เจษฎาเห็นดังนั้นก็ดึงมีดออกจากเสื้อ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วขว้างออกไปด้วยพลังงานที่รอยสักสะสมเอาไว้ได้จากการถูกทำร้าย มีดยาวกว่าสิบสองนิ้วพุ่งจากจุดที่เจษฎาอยู่เข้าไปปักลึกใส่ผนังปูนกว่าครึ่งของใบมีดขวางร่างของมือสังหารกับเสี่ยพิพัทธ์ได้พอดิบพอดี

ชายหน้าเข้มลุกขึ้นกระชากเสื้อที่ขาดรุ่งริังออกจากตัวแล้วพุ่งเข้าหาผู้บุกรุก ชายคนนั้นชะงักไปเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจที่ได้เห็นมีดของตัวเองจมลึกเข้าไปเนื้อปูน เปิดช่องให้เจษฎาสามารถเข้าไปสัมผัสตัวได้เป็นครั้งแรก ก่อนจะถูกเจษฎาจับร่างแล้วทุ่มออกไปด้วยพลังงานส่วนที่เหลือ

ร่างหนาของมือสังหารลอยสูงขึ้นไปบนอากาศตามแรงทุ่มแล้วตกใส่โต๊ะกระจกกลางชุดรับแขกที่อยู่อีกฝากของห้อง จากนั้นร่างหนาก็ไถลไปกระแทกโซฟาตัวยาวก่อนจะไหลยาวไปติดกำแพงทั้งคนทั้งโซฟาในสภาพที่โซฟาทับร่างชายคนนั้นไว้

เจษฎายืนโซเซหอบหายใจแรง ทั้งเจ็บทั้งปวดไปทั่วร่าง การเคลื่อนไหวก็รู้สึกขัดๆ จนอยากจะทิ้งตัวนอนอยู่เฉยๆ หรือไม่ก็ตายไปซะจะได้พ้นทุกข์ แต่สายตายังคงมองที่ร่างหนาอย่างไม่ประมาทแม้ผู้บุกรุกจะนิ่งไปแล้วก็ตาม
เสี่ยพิพัทธ์มองไปที่อีกฝากของห้องอย่างสงสัย แล้วหันไปถามเจษฎาด้วยเสียงสั่นๆ "จบแล้ว...ใช่ไหม"

เจษฎาไม่กล้าฟันธงอะไรยังคงมองไปที่ชายสวมชุดทหารลายพราง ซึ่งเขาก็คิดไม่ผิดเมื่อชายคนนั้น ดันโซฟาออกจากร่างแล้วลุกขึ้นมายืนด้วยท่าทางที่ไม่เหมือนคนได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะเดินไปหยิบมีดที่ทำหลุดมือตอนกระแทกโต๊ะมาถือตั้งท่าเตรียมจะสู้ต่อ

"อาจารย์ยิงแม่งเลย" เสี่ยพิพัทธ์ยื่นปืนให้

เจษฎาส่ายหน้า เป้าหมายตรงหน้าของเขาไม่ใช่การฆ่าเพียงต้องการให้ชายคนนั้นวางมือแล้วถอยกลับไป เมื่อเป็นดังนั้นเจษฎาก็จำเป็นต้องเล่นงานให้มือสังหารบาดเจ็บจนให้มากกว่านี้แต่ก็ต้องไม่มากจนไม่สามารถหนีออกจากคฤหาสน์ได้

ชายหน้าเข้มฝืนความเจ็บสุดกำลังวิ่งเข้าใส่ผู้บุกรุก อีกฝ่ายก็ทำแบบเดียวกัน แต่การปะทะกันครั้งนี้ชายหน้าเข้มรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนไหวได้ช้าลงกว่าเดิม เขาสามารถส่งหมัดเข้าไปโดนตัวอีกฝ่ายได้บ้างแล้ว แต่ก็ทำได้แค่หมัดธรรมดามีแต่แรงที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขาแค่อย่างเดียว เพราะเขาไม่สามารถรับรู้ได้ถึงความร้อนที่ผิวหนังได้เลย นั้นหมายความว่ารอยสักของเขาไม่เหลือพลังงานที่สะสมเอาไว้แล้ว เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าจะรวบรวมพลังงานได้ก่อนหรือว่าเขาจะหมดสติไปก่อนกันแน่

ด้านอีกฝ่ายแม้จะช้าลงแต่ความแม่นยำและความรุนแรงกลับไม่ต่างไปจากเดิม ยังสามารถจ้วงแทงและฟันเข้าใส่จุดสำคัญของเจษฎาได้อย่างสบาย

..................................................

ที่ห้องนอนของสุธิภาและอริสายืนรอฟังเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่งจนได้ยินเสียงปืนและเสียงโครมครามที่นอกห้องก็รู้สึกเป็นห่วง จนเจ้าของห้องวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบกล่องบางอย่างที่ล็อคกุญแจไว้ออกมาเปิด

"พี่ดิวเราไปช่วยอาจารย์กับป๊ากันเถอะ" สาวหมวยพูดไปก็เปิดกล่องแล้วหยิบปืนลูกโม่ขนาดกระสุนจุดสามแปด ลำกล้องยาวหนึ่งจุดเก้านิ้วนิ้ว ที่พ่อเธอซื้อให้ไว้เพื่อป้องกันตัวยามฉุกเฉินเอามามาบรรจุกระสุน

"นุ่นมีปืนด้วยเหรอ" อริสามองหน้าญาติผู้น้องด้วยความสงสัย

"อือ...พี่เคยยิงไหม" สุธิภาพยักหน้าแล้วถามกลับ

"พ่อพี่เคยพาไปซ้อมยิงมาบ้างตอนวัยรุ่น แล้วนุ่นละ"

"เคยยิงสองสามครั้งตอนได้มาใหม่ๆ ไม่ได้ยิงมาสี่ห้าปีละ"

สิ้นเสียงคำพูดของสุธิภาทั้งคู่ก็ได้เงียบมองหน้ากันเจื้อนๆ ก่อนที่ญาติผู้น้องจะยื่นส่งของอันตรายให้กับผู้ที่มีวัยวุฒิสูงกว่า อย่างน้อยด้วยอายุที่มากกว่าก็น่าจะช่วยให้ตัดสินใจได้รอบคอบกว่าตัวเธอเอง

อริสารับปืนมาจากญาติผู้น้องแล้วตรวจดูเซฟปืนอย่างระมัดระวังจะได้ไม่พลาดโอกาสถ้าจะต้องช่วยเหลือเสี่ยพิพัทธ์หรือเจษฎา ทั้งคู่มองหน้ากันอีกครั้งเหมือนจะย้ำให้แน่ใจ เมื่อทั้งคู่พยักหน้าเป็นอันว่าเข้าใจตรงกันก็พากันออกจากห้องไปดูสถานการณ์

สองสาวเดินเกาะกันอย่างกล้าๆ กลัวๆ และยิ่งกลัวมาขึ้นเมื่อเดินมาถึงหน้าห้องทำงานที่มีคนบาดเจ็บนอนจมกองเลือดอยู่ที่ทางเดิน ก่อนจะมองเข้าไปในห้องแล้วเห็นว่าเจษฎากำลังเสียท่าโดนรุกไล่อยู่ฝ่ายเดียว อริสาเดินเข้าไปที่ประตูพ้รอมกับอาวุธปืนในมือ ก่อนจะตั้งท่าเตรียมจะยิงเข้าใส่ชายทั้งคู่ที่กำลังต่อสู้ติดพันกันอยู่

"เฮ้ย เดี๋ยว" เจษฎาเปล่งเสียงได้แค่นั้น กระสุนห้านัดถูกจุดระเบิดต่อเนื่องทยอยวิ่งออกจากลำกล้องพุ่งลงพื้นไปสองอีกสามนัดปะทะโดนร่างเจษฎาเต็มๆ มีนัดหนึ่งถูกที่กลางหน้าผากแม้จะไม่ได้แผลแต่ก็ทำเอาเจษฎาล้มทั้งยืน ส่วนผู้บุกรุกนั้นกระโดดหลบไปอยู่หลังโซฟาตั้งที่อริสายังไม่เริ่มยิงจึงรอดจากคมกระสุนไปได้

"อาจารย์..." สองสาวตกใจร้องลั่นยืนสั่นทำตัวไม่ถูก

ผู้บุกรุกได้ยินเสียงปืนที่เงียบไปพร้อมกับร่างของเจษฎาที่ล้มลง ก็เห็นช่องรีบลุกขึ้นมาหวังจะปิดบัญชีเก็บงานให้เรียบร้อย แต่ยังวิ่งไปไม่พ้นจุดที่เจษฎานอนอยู่ ก็ถูกเจษฎาที่ดึงสติลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะและกำลังรู้สึกเหมือนมีน้ำที่อุ่นมากกำลังไหลผ่านไปตามผิวหนังทั่วร่าง ลุกขึ้นมาพุ่งชนคนร้ายอย่างแรงด้วยพลังงานจากลูกกระสุนปืนที่เพิ่งรับมา

ร่างหนาถูกดันไปกระแทกหน้าต่างดังสนั่นจนกระจกแตกละเอียด กรอบหน้าต่างหักเป็นชิ้นๆ แผงเหล็กดัดบิดงอหลุดกระเด็น ผนังปูนรอบๆ แตกหัก ทำให้ร่างของคนทั้งคู่พุ่งทะลุหน้าต่างออกจากอาคารชั้นสอง

ชายร่างหนาแม้จะตกใจและเจ็บจุกจากการถูกอัดเข้ากับหน้าต่าง แต่ก็มีประสบการณ์และฝีมือที่เหนือชั้น เขาพลิกร่างกลางอากาศใช้ร่างเจษฎาเป็นเบาะรองรับแรงกระแทกได้ก่อนที่จะตกลงพื้น

ร่างของเจษฎาตกลงมาหลังกระแทกกับพื้นอย่างแรง ด้านบนก็มีคนหนักเจ็ดสิบกว่ากิโลกรัมตกตามลงมาทับ ถึงผิวหนังแบบพิเศษดูดซับแรงเอาไว้ได้หมดจนไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ชายหน้าเข้มก็ทำได้แค่นอนแผ่ไม่สามารถขยับร่างกายได้เพราะความเจ็บหลอนเล่นงานสมองหนักหน่วง

ใหญ่เมื่อเห็นว่าเสียเวลามากเกินไปและร่างกายก็ได้รับบาดเจ็บพอสมควร หลังจากประเมินแล้วว่าไม่อาจทำงานให้สำเร็จได้ชายร่างหนาก็ก็วิ่งกะโพลกหายไปทางหลังบ้าน

ในขณะที่เจษฎานอนนิ่งหายใจรวยริน รับความเจ็บหลอนจากอาการบาดเจ็บทั้งหลายที่ได้รับมา ไม่ว่าจะเป็นอาการไม่มีความรู้สึกที่ช่วงล่างจากตกจากที่สูง ความเจ็บจากคมมีดทั่วร่าง และที่หนักที่สุดก็คงจะความเจ็บจากคมกระสุนที่รู้สึกเหมือนยังมีลูกตะกั่วฝั่งอยู่ในร่างกาย

..................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Kuma_77

จารเจษโชว์ของอวดเสี่ยแบบนี้น่สจะได้รางวัลอย่างงาม

gigantic

พระเอกโชว์ของแล้ว สองสาวดูแลใกล้ชิดแน่นอน

Ttum1188

นึกว่าเจษจะได้ใหญ่มาช่วยกลับกลายเป็นได้ศัตรูที่เก่งกาจมาเพิ่มอีก

x99

แสกหน้า จารย์ยังไม่ตายเลย แต่ตอนนี้เจอคู่กัดที่สมกันแล้วก็ดี ไม่อย่างนั้นจะเก่งเกิน

Sak2563

อาจารย์ต้องให้สองสาวช่วยรักษาอาการถึงจะหาย

Csc It

 ::Ajark::อาจารย์เจษยอมเสี่ยงชีวิตขนาดนี้เพื่อเสียพิพัฒน์หรือคุณดิวกันแน่ท่าทางหนนี้จะเจ็บหนักมากเลยนะอาจารย์

teerapong2534m

งาน​นี้​อ.เจต​น​์​เจ็บ​ตัว​สุด​ๆ​อย่าง​ช่วย​ไม่ได้​

nkikuji


soidao

สองสาวต้องช่วยกัน รุมดูแลพระเอกนะครับ

ภูเขา


oddsk

สงสัยจะได้ทั้งลูกสาวและหลานสาวเป็นสิ่งตอบแทน

Fazz


singkanong

คนหนังเหนียวจะตายเหราะซัำไนกันนะครับแห่ะๆแถมโดนจุดสามแปดกลางหน้าผากอีกจะรอดไปได้กี่น้ำเนี่ย

Nong5670

รอบนี้โดนหนักเลยนะอาจารย์ จะรอดมั่ยเนี้ย