ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 42

เริ่มโดย เจตภูติ, กรกฎาคม 06, 2021, 09:26:11 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้หนึ่งตอนนะครับ
https://www.tunwalai.com/v2/story/499798

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 42

หลักจากเสียงปืนที่ดังลั่นไปทั่วบริเวณเงียบหายไปพร้อมกับกลุ่มคนที่เพิ่งขับรถจากไป เจษฎาที่ซ่อนตัวอยู่ก็ได้จังหวะออกมามุมมืดจุดหนึ่งในอาคารคลังสินค้า เขาได้ทำการเข้าไปสำรวจภายในอาคารออฟฟิศอย่างละเอียด และเก็บข้าวของที่คาดว่าจะเป็นของปิยะพงษ์และกันธิชาติดมือมาด้วย จากนั้นจึงค่อยออกไปจากอาคารทันทีที่ได้ยินเสียงไซเรนของรถตำรจที่ดังแววมาแต่ไกล ชายหน้าเข้มเดินลัดเลาะออกไปตามทางเล็กรกชัดด้านหลังโกดังเก่าแลัวลุยดงหญ้าไปต่อจนถึงจุดที่อ๊อดจอดรถรออยู่ห่างออกไปจากจุดเกิดเหตุพร้อมกับตัวประกันทั้งสองคนเพิ่งจะช่วยออกมา

"เป็นไงบ้างพี่เจษ" อ๊อดรีบวิ่งเข้าไปหาแล้วถามขึ้นทันทีที่เห็นเจษฎาเดินมาถึงที่รถ พร้อมกับสำรวจร่างกายของเจษฎาหาบาดแผลหรือร่องรอยความเสียหายอย่างละเอียด

"ไปกันหมดแล้ว น่าจะยังไม่รู้ตัว" เจษฎาพูดจบก็ขยับเข้าไปกระซิบบอกบางอย่างกับอ๊อด จากนั้นอ๊อดก็รีบวิ่งขึ้นไปบนรถแล้วเปิดคอพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คแล้วลงมือทำตามแผนที่ได้นัดกันไว้ก่อนหน้า
หลังจากเจษฎาคุยกับอ๊อดเสร็จก็เดินไปหากันธิชากับปิยะพงษ์ระหว่างนั้นก็แอบลอบมองสำรวจหญิงสาวไปด้วย ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไรทีส่อให้เห็นพิรุธนอกจากตัวสั่นและมีท่าทางตื่นกลัวเล็กน้อยแต่ก็ยังคอยดูอาการบาดเจ็บของปิยะพงษ์อยู่ไม่ห่าง

"ลำบากแย่เลยนะ ทั้งสองคน ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม" เจษฎาขยับเข้าไปดูอาการของปิยะพงษ์ และปลอบขวัญคนทั้งคู่อย่างใจดี

ปิยะพงษ์ยิ้มเจื้อนๆ เขินอายที่ทำตัวเป็นภาระต้องคอยให้อาจารย์มาช่วยอยู่ตลอด ก่อนจะเปลี่ยนมาห่วงสุขภาพของอาจารย์ "ผมนะไม่เป็นอะไรมากหรอก ว่าแต่อาจารย์เถอะยิงกันเละขนาดนั้นเป็นอะไรรึเปล่า"

"นี่อาจารย์เจษนะ" เจษฎากางแขนพร้อมกับบิดตัวไปมาเล็กน้อยให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาไร้รอยขีดข่วน ก่อนจะตบไหล่ปิยะพงษ์เบาๆ เป็นการบอกว่าไม่ต้องคิดมากอย่างเอ็นดู

"แล้วมือละ ผมเห็นอาจารย์ถืออะไรไว้ก็ไม่รู้แล้วระเบิดคามือเลย" ปิยะพงษ์ยังไม่หายเป็นห่วงจับมือแกร่งของเจษฎามาพลิกดูไปมา

"เคยได้ยินแต่เปี๊ยกเล่าให้ฟัง ไม่คิดว่าของจริงจะยิ่งกว่าที่บอกมาซะอีก" สีหน้าของกันธิชายืนยันได้ถึงความรู้สึกประหลาดใจ เพราะการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว พละกำลังมหาศาล และความทนทานน่าเหลือเชื่อ ที่เจษฎาแสดงให้เห็น ไม่ใช่สิ่งที่จะพบเจอได้ง่ายๆ

"ผมว่านี่ยังน้อยไปนะ" ปิยะพงษ์ยิ้มอย่างภูมิใจที่ได้เป็นศิษย์คนมีวิชา

"พอแล้วๆ เลิกโม้ได้แล้ว นี่ไม่ใช่ของที่เอามาอวดกันเล่นๆ นะ มีไว้ใช้ยามจำเป็นเท่านั้นแหละ" เจษฎากลบเกลือนเรื่องอาคมที่เขาไม่มีทันที ไม่อยากให้ตีความกันเลยเถิดไปมากกว่าเดิม

"พี่เจษ เรียบร้อยแล้ว ไปจากที่นี่กันก่อนเถอะ" อ๊อดตะโกนออกมาจาในรถ ทำให้ทุกคนหันไปมองพร้อมกันแต่ต่างความคิด

"ได้ๆ" เจษฎาตอบรับเรียบๆ ก่อนจะหมองไปที่ชายหญิงทั้งคู่แล้วพยักหน้าให้ "งั้นเรากลับไปที่บ้านกันก่อนเถอะ แล้วค่อยว่ากันต่อ"

..................................................

ที่อดีตบ้านสวนช่วงกลางดึกเงียบสงัดรถเก๋งแล่นฝ่าความเงียบนั้นเลี้ยวเข้ามาจอดหน้าตัวบ้าน พอรถจอดประตูทั้งสี่เปิดผ่างออกแทบจะพร้อมๆ กัน ชายสามหญิงหนึ่งทยอยลงจากรถด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อนหลังจากผ่านเหตุการณ์ระทึกมาหมาดๆ อ๊อดพาปิยะพงษ์เข้าไปนั่งพักที่ใต้ถุนบ้าน ก่นที่เจษฎาและกันธิชาจะตามเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ

"อาจารย์หายไปไหนมาตั้งหลายวัน ถามพี่อ๊อดก็เอาแต่บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง อาจารย์สบายดี รู้ไหมพออาจารย์ไม่อยู่ก็มีแต่เรื่อง ผมเป็นห่วงอาจารย์มากเลยนะ" ปิยะพงษ์บ่นอุบเพราะน้อยใจที่เจษฎาไม่ได้ติดต่อมาหลายวัน แต่คำพูดช่วงๆ ท้ายทำเอาตัวเองกระดากปากอยู่ไม่น้อยถ้าอาจารย์ของเขารู้ว่าโดนจับตัวไปโดยอยู่ในสภาพไหน แต่อย่างน้อยความเป็นห่วงของเขาก็มาจากใจจริง

"ก็หลังจากถูกพวกกำนันจับแล้วฉันหนีอออกมาได้ ก็เลยไม่อยากให้ไปวุ่นวายกับเปี๊ยกก็เลยเก็บตัวอยู่เงียบๆ สักพัก ไม่คิดว่าจะเป็นการเปิดช่องให้ไอ้พวกนี้มันเล่นงาน"

"ว่าแต่พวกมันเป็นใคร อาจารย์พอจะรู้ไหมครับ"

"แล้วมันพูดอะไรกับอ๊อดบ้างละ" เจษฎาตอบคำถามด้วยคำถาม หยั่งเชิงดูก่อนว่าปิยะพงษ์ได้รับข้อมูลมาแบบไหนและมากน้อยเพียงใด เพื่อที่จะได้เตรียมคำแก้ตัวหรือข้อมูลมาหักล้างเพื่อรักษาความเชื่อใจ

"มันก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกับผมมากนักหรอกครับ เอาแต่บังคับให้ผมบอกรหัสปลดล็อคมือถือ เพื่อจะได้ติดต่อหาอาจารย์ ตอนแรกผมก็ไม่ยอมหรอก..."

"มันก็เลยซ้อม..." เจษฎาแทรกขึ้นมาก่อนจะแอบแอบถอนหายใจเบาๆ โล่งใจไปได้นิดหน่อยที่พวกมันไม่ได้หลุดบอกเรื่องอดีตของเขาให้ปิยะพงษ์รับรู้ หลังจากที่เขาได้มองเข้าไปดวงตาของชายหนุ่มที่ดูไร้แววของการโกหกใดใดหรือมีความในใจอะไรแฝงอยู่

"ใช่ครับ ผมก็ไม่ยอมบอกนะ แต่มันขู่ว่าจะทำร้ายคุณธิช่า ผมก็เลยต้องจำใจบอกมัน ขอโทษนะครับที่ทำอาจารย์เดือดร้อน" ปิยะพงษ์หลบสายตามองต่ำ ตั้งแต่ที่เขาเจออาจารย์เจษนอกจากช่วยเหลือเรื่องที่พักแล้วก้ไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้กับผู้มีพระคุณที่ช่วยให้สภาพชีวิตความเป็นอยู่ของเขาดีขึ้นเลยสักครั้ง

"เดือดร้อนอะไรกัน ฉันสิต้องขอโทษ คุณธิช่าคงกลัวแย่เลยนะครับ ผมต้องขอโทษคุณจริงๆ ที่ทำให้ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้" เจษฎายิ้มปลอบปิยะพงษ์ แล้วหันไปโค้งศรีษะขอโทษให้หญิงสาว

"ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว แล้วอาจารย์ก็ช่วยออกมาได้แล้ว แค่ตกใจนิดหน่อย" หญิงสาวที่หายจากอาการตกใจยิ้มรับพร้อมกับส่ายหัว

"แล้วไอ้คนที่เหมือนเสี่ยๆ มันได้พูดอะไรไหม" เจษฎาถามอีก อยากรู้ว่าเสี่ยวีรชัยได้เปิเเผยความลับอะไรของเขาหรือไม่

ปิยะพงษ์ทำท่าใช้ความคิดแล้วส่ายหน้าก่อนจะว่า "ไม่นะครับ แล้วอาจารย์รู้จักพวกมันเหรอครับ"

"ไอ้พวกนี้มันเป็นคนที่ฉันเคยไปมีเรื่องบาดหมางก่อนที่จะมาที่เจอกับเปี๊ยกนะ ฉันไปทำให้พวกมันเสียผลประโยชน์ พวกมันคงจะผูกใจเจ็บแล้วตามมาแก้แค้น" เจษฎาอธิบายที่มาที่ไปตามจริงแต่ไม่ได้ลงรายละเอียด

"แล้วพวกไหนที่มาช่วยเรา" ปิยะพงษ์ตีหน้าสงสัยมองไปที่เจษฎา

เจษฎามองหน้าอ๊อดซึ่งชายหนุ่มก็ส่ายหน้าเบาๆ ทำให้เจษฎาเข้าใจว่าคงไม่อยากให้เจษฎาบอกความจริงออกไป ก่อนที่เขาจะหันไปบอกกับปิยะพงษ์ "พวกเด็กแก็งค์ซิ่งรถนะ"

"พวกนั้นมันพวกของกำนันไม่ใช่เหรอ" ปิยะพงษ์ตั้งข้อสงสัย

"พวกนั้นอยากจะได้ของดีไว้ติดตัวนะ ก็เลยยอมทำตามที่ฉันขอ แต่ก็อย่างที่เห็นไอ้พวกนี้มันบ้า พวกมันคงอยากจะยิงปืนเล่นซะมากกว่า แต่ช่างพวกมันเถอะไม่ได้สำคัญอะไร คนแบบนี้ได้ของดีไปก็เก็บไว้กับตัวไม่ได้หรอก" เจษฎาผสมเรื่องโกหกปนเรื่องจริงบางส่วนช่วยให้คำพูดของเขาน่าเชื่อถือ

"อืม.." ปิยะพงษ์พยักหน้าคิดตามแล้วเห็นด้วย จากที่กำลังจะคิดน้อยใจว่าอาจารย์จะให้ของดีกับคนอื่นก่อนตนก็เลิกความคิดนั้นไป

"พอแค่นี้ก่อนดีกว่า นี่ก็ดึกมากแล้วเปี๊ยกกับอ๊อดก็ขึ้นไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปส่งคุณธิช่าให้เองนะ"

"คืนนี้ให้คุณธิช่าค้างที่นี้ไม่ได้เหรอครับ" ปิยะพงษ์ออกอการเป็นห่วงความปลอดภัยของกันธิชาไม่อยากให้หญิงสาวอยู่คนเดียว

"ไม่ดีหรอกเปี๊ยก ที่นี้มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น แล้วถ้าพวกมันจะย้อนกลับมาเล่นงานก็คงต้องมาที่นี่ อย่าพาคุณธิช่ามาเสี่ยงอีกดีกว่า" อ๊อดออกความเห็นแล้วมองไปที่หญิงสาวเหมือนจะถามความเห็น ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้าเห็นด้วยตามที่อ๊อดว่ามา

"ครับ...ฝากอาจารย์ดูแลด้วยนะครับ" ปิยะพงษ์รับคำอ๊ฮดแล้วหันมากำชับกับอาจารย์อย่างเห็นห่วง ก่อนจะบอกลาหญิงสาวแล้วขึ้นไปพัก

..................................................

เจษฎาขับรถไปส่งกันธิชาที่โรงแรม ระหว่างทางเขาก็เหลือบสายตารอบชำเลืองมองหญิงสาวเป็นระยะ แม้จะตั้งใจแค่ดูอากัปกริยาของสาวสวย แต่ด้วยเสื้อผ้าของกันธิชาที่เป็นเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเข้มแต่ก็บางราวกับปีแมลงปอ ส่วนด้านล่างก็เป็นกางเกงผ้าข้าสั้นถึงจะไม่ได้สั้นมากทว่าขากางเกงก็กว้าง และเมื่ออยู่ในท่านั่งทำให้ขากางเกงยิ่งร่นขึ้นมาจนเห็นโคนขาผิวสีแทนเนียนละเอียดผิดจากสาวๆ ส่วนใหญ่ที่เขาได้เจอในช่วงนี้ ซึ่งพอรวมกับใบหน้าที่สวยเก๋ก็มำให้เธอมีเสน่ห์ดึงดูดไปอีกแบบ

เจษฎาสั่นหัวดึงความคิดออกจากภาพสวยงามตรงหน้า แล้วเอ่ยถามเรื่องที่เขาสงสัยเพื่อทำลายความเงียบ "คุณเป็นใครกันแน่"

"ถามทำไมเหรอค่ะ อาจารย์ก็น่าจะรู้จักหนูแล้วนี่ค่ะ" กันธิชาเลิกคิ้วมีสีหน้าประหลาดใจไม่เข้าใจว่าเจษฎาต้องการอะไรถึงเลือกที่จะเปิดเผยฐานะของเธอในเวลานี้

"เลิกเล่นละครได้แล้ว ผมรู้นะว่าคุณเกี่ยวข้องยังไงกับเสี่ยวีรชัยแล้วผมก็มีหลักฐานด้วย ผมแค่อยากให้คุณเลิกยุ่งกับเปี๊ยกซะ แล้วผมจะปล่อยคุณไปตกลงไหม" เจษฎาว่าเสียงเข้ม

"หนูขอโทษที่โกหก หนูไม่ทางเลือกจริงๆ ไอ้เสี่ยนั้นมันให้หนูมาคอยรายงานความเครื่อยไหวของพวกอาจารย์ ที่แลกหนู่จะไม่ทำแต่มันขู่หนู" หญิงสาวรับสารภาพเสียงอ่อนโดยใช้สถานะนางนกต่อที่เสี่ยวีรชัยว่างไว้ให้เห็นการบังหน้า พยายามใช้มารยาหญิงเข้าหลอกล่อให้เขาเห็นใจแล้วคิดว่าเธอทำไปเพราะถูกบังคับจริงๆ เพราะเท่าที่เธอเห็นเจษฎาเป็นคนฉลาดและรอบครอบ คงไม่ยกเรื่องแบบนี้มาพูกลอยๆ โดยที่ไม่มีมูลแน่นอน

"แค่นั้นเหรอ..." เจษฎาเหลือบมองดวงตาคมของสาวหน้าเก๋พยายามหาพิรุธ ทว่าเขาก็ดูไม่ออกว่าหญิงสาวบอกความจริงกับเขามากน้อยแค่ไหน ถึงเขาไม่ค่อยเชื่อที่หญิงสาวพูดเท่าไหร่แต่ก็ไร้ข้อมูลที่จะยืนยันความคิดนั้น เขาคงต้องหาทางทำอะไรบางอย่างเพื่อไขข้อสงสัย

"เชื่อหนูเถอะนะคะ แค่นี้หนูก็ลำบากมากแล้ว ไม่รู้กลับไปนี่หนูจะโดนพวกมันทำอะไรอีก นะคะ" หญิงสาวไม่พูดเปล่าๆ มือเรียวสวยยังลูบไปที่หน้าขาของเจษฎา พร้อมกับส่งสายตาขอความเห็นใจหวานเยิ้ม จนชายหน้าเข้มไม่กล้าหันไปสบตา ความรู้สึกสยิวแล่นผ่านไปทั่วร่างที่มาสุดก็คงเป็นส่วนหัวของอวัยวะสืบพันธ์ุ ทำเอาเจษฎาเกือบจะไม่มีสมาธิขับรถ

บรรยากาศในรถจากความอึดอัดก่อนกน้าเริ่มจะเปลี่ยนไปเป็นความสับสนแปลกๆ ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันต่อ เจษฎานิ่งไปเล็กน้อยสายตาจ้องมองมองถนนก่อนจะลดความเร็วแล้วเลี้ยวรถจอดข้างทางอย่างระมัดระวัง ก่อนจะเริ่มใช้ความคิดทบทวนข้อมูล

"อาจารย์จอดรถทำไมคะ" หญิงสาวหันหน้าไปถาม

"คือ...อ๊ากกก...." เจษฎาร้องลั่นทันทีที่จะหันไปตอบคำถาม

"ไอ้กระจอกเอ้ย" หญิงสาวฉวยโอกาสที่เจษฎาไม่ทันระวังลอบหยิบเครื่องซ็อตไฟฟ้ามาจากกระเป๋าถือแล้วจี้ใส่หน้าอกของเจษฎาจนเขาสลบไป เมื่อตรวจดูว่าเขานิ่งไปแล้วจึงได้ลงจากรถแล้วรีบกดโทรศัพท์มือถือโทรออก

"มีเรื่องอะไรเหรอ" ปลายสายให้หญิงสารออยู่เพียงไม่นานก็รับโทรศัพท์

"ผู้จัดการค่ะ หนูว่าไอ้หมอนี่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทมากกว่าแค่เป็นคนที่เคยใช้สินค้าทดลองค่ะ" กันธิชารายงานข้อสงสัย

"คนที่ขโมยของไปคนนั้นนะเหรอ" ชายผิวขาวซีดถามกลับเพื่อความแน่ใจ

"ใช่ค่ะ วันนี้เขาบุกไปช่วยคนที่เสี่ยวีรชัยจับตัวไป หนูเห็นกับตาเลยค่ะว่าเขาใช้ความสารถที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปออกมาให้เห็นค่ะ แล้วก็ไม่ใช่ความสารถของสินค้าทดลองด้วยนะค่ะ" กันธิชาย้ำ

"จะบอกว่าเขามีของอย่างอื่นของบริษัทไว้ในครอบครองอย่างนั้นเหรอ" ชายผิวขาวซีดแปลกใจนิดหน่อยกับข้อมูลที่ได้รับ แต่น้ำเสียงยังคงสุขุม

"เป็นไปได้สูงเลยค่ะ" กันธิชายืนยันความคิด เพราะสิ่งที่จะทำให้คนมีความสามารถเหนือมนุษย์ได้แบบนั้นไม่ได้มีให้เลือกซื้อได้ตามตลาดทั่วไป

"แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน"

"หนูคุมตัวเขาไว้ได้แล้วค่ะ"

"งั้นจับตาดูเขาไว้ ผมจะทำเรื่องรายงานไปทางบริษัทก่อน แล้วจะรีบไปหา" ปลายสายสั่งการก่อนจะวางสายไป
ทันทีที่หญิงสาวว่างสายก็ต้องใจหายวาบเมื่อมองกลับไปที่รถแล้วเห็นประตูฝั่งคนขับเปิดอยู่ และในรถก็ไม่มีใคร ก่อนจะต้องหันไปทำหน้าตกใจเมื่อได้ยินเสียงเรียก

"โทรไปหาใครเหรอครับ พอจะเล่าให้ฟังได้ไหม" เจษฎาลุกออกจากรถมาทันได้ยินหญิงสาวคุยโทรศัพท์แค่ช่วงท้ายๆ ไม่ใช่แค่หญิงสาวที่ตกใจ ชายหน้าเข้มเองก็ตกใจไม่ต่างกัน ไม่คิดว่ารอยสักชนิดพิเศษจะสามมารถตูดซับพลังงานจากกระแสไฟฟ้าได้ด้วย ถึงอย่างนั้นไฟฟ้าก็เล่นงานเขาจนไร้ความรู้สึกไปทั้งตัว ที่ยังขยับตัวออกจากรถมาได้ก็อาศัยเพียงแค่ความคิดที่คิดว่าร่างกายยังเป็นปกติไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ ความชาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความรู้สึกจำลองที่รอยสักสร้างขึ้นมา

"นี่แก...แกล้งสลบอย่างงั้นเหรอ" หญิงสาวทั้งตกใจและโกรธที่ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปในแบบที่คิดไว้

"ใช่ครับ..." เจษฎายิ้มเหมือนกำลังเย้ยหญิงสาว ทั้งที่ความจริงเขาไม่รู้สึกว่าเท้ากำลังเหยียบอยู่บนพื้นแล้วด้วยซ้ำ

"จะเรื่องอะไรก็ไม่เกี่ยวกับแก" สาวผิวแทนว่าเสียงแหวปรี่เข้าไปหาชายหน้าเข้ม ก่อนจะวาดลวดลายเตะต่อยรวดเร็วทะมัดทะแมง แสดงให้เห็นว่าเธอมีการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาอย่างดี และมีพรสวรรค์ใช้ออกมาได้อย่างคล่องแคล่ว
เจษฎาแม้ตัวจะยังชาอยู่แต่ก็ใช้ความคิดและความตั้งใจขยับหลบการโจมตีได้บ้างบางส่วน แต่ส่วนใหญ่ก็หลบไม่พ้น ถึงอย่างนั้นความรุนแรงยังมีไม่มากพอที่จะปิดบัญชีให้ชายหน้าเข้มที่ฝึกฝนการทนความเจ็บปวดล้มพับลงไปได้ อีกร่างกายที่ไร้ความรู้สึกจากการถูกช๊อตด้วยกระแสไฟฟ้ากลับมามีความรู้สึกได้เมื่อได้รับความเจ็บปวดจากการถูกชกต่อยซะอย่างนั้น

ชายหน้าเข้มรู้สึกเคลื่อนไหวได้สะดวกขึ้นก็ขยับเข้าประชิดตัวหญิงสาวด้วยพลังงานที่สะสมไว้ที่ขาอย่างรวดเร็วแล้วชกใส่เข้าที่ท้องน้อย จนหญิงสาวร่วงลงไปกองและหมดสติไปทันที

..................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

karin117


thongdaeng_skk

เจษต้องจัดการให้ธิชาติดใจรสสวาท​ให้ได้จะได้มาเป็นพวก

ขาวน้อย

เรื่องซับซ้อนแล้วเหนือธรรมชาติอีก
ติดตามๆๆ

จรัญ บุญชู

มาวัดใจอาจารย์ว่าจะจัดเด็กของลูกศิษย์หรือไม่

ภูเขา

ธิขาต้องโดนจัดหนักให้สมกับความร้าย

dwarf

ขอบคุณ​ครับ.. ตกลงอาจารย์​เจษฎา​มีความสามารถพิเศษจากยันต์ที่สักมาจากคุกหรือว่าสินค้าพิเศษจากบริษัทลึกลับกันแน่

Dark Wasabi

เจษจับตัวได้สงสัยโดนจัดแน่สาวน้อยหอยชำนาญ

pm2015

น่าติดตามครับ อะไรคือสินค้าทดลอง เกี่ยวข้องอะไรกับรอยสัก

bangsan

เจษเจอแต่ปํญหาทั้งนั้นเจษน่าจะรอดนะแล้วจับกันธิชาล่อซะให้เข็ด

winnythepooh


singkanong

ระหว่างหญิงสาวที่ไม่ธรรมดากะจารย์เจษใครจะเหนือกว่ากันชิงไหวชิงพริบกันหวังว่าจารย์เจษคงไม่เสียเหลียมนะแห่ะๆ

ผู้เฒ่าเซราะกราว

นึกว่าเจษฎาจะไม่รู้เท่าทันกัณทิชาเสียแล้ว  กัณทิชานี่สงสัยว่าจะถูกฝึกมาดี สามารถโจมตีเจษฎาได้ นี่ถ้าไม่ได้รอยสักช่วยเจษฎาก็คงจะลำบากเหมือนกัน ว่าแต่จัดการกัณทิชาได้แล้วจะทำอย่างไรต่อนะ....????

zero008


NNGGOO

เผยตัวตนเรียบร้อย อาจารย์เจษต้องจัดการกักตัวไว้ในฮาเร็มของอาจารย์อีกคน