ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 43

เริ่มโดย เจตภูติ, กรกฎาคม 10, 2021, 09:05:31 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้หนึ่งตอนนะครับ
https://www.tunwalai.com/v2/story/499798

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 43

กลิ่นและควันของธูปลอยฟุ้งแทรกตัวอยู่ในอากาศทั่วบริเวณโถ่งที่ใช้จัดงาน ผู้คนด้านในล้วนแต่งกายด้วยชุดที่แสดงออกถึงการไว้อาลัยให้กับผู้ที่จากไป ในงานศพของใหญ่ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นแบบคนจีนที่อาคารของวัดจีนแห่งหนึ่ง ในงานมีเพื่อนในสังกัดของกู๋ซันหลากหลายสายอาชีพมาร่วมแสดงความไว้อาลัยกันหนาตา ผู้คนที่มาก็ล้วนแต่เป็นคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องผิดกฎหมายหรือไม่ก็เป็นอาชญากรเสียเอง คนเหล่านั้นมีทั้งที่เลิกทำไปแล้วและยังทำอยู่

"พี่ใหญ่ตายได้ยังไง" เล็กหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบปีรูปร่างสูงโปร่งร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้าม หน้าตาเกลี้ยงเกลาดูดีพอประมาณ คิ้วเข้ม ไว้ผมรองทรงยาวสวมแว่นกันแดด อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายสก๊อต เขาคำรามออกมาราวกับเสือร้ายขึ้นมากลางงานไม่สนใจสายตาของแขกที่มาร่วมงานทันทีที่เดินมาถึง พร้อมกับมองกวาดไปที่แขกที่กำลังหลบหน้าหลบตาไม่มีใครกล้าสบตาเขาสักคน นั้นยิ่งทำให้อารมณ์ของเขาร้อนอยู่แล้วยิ่งร้อนมากขึ้นไปอีกราวกับน้ำที่กำลังเดือดจัด

"ลื้อก็รู้กฏดี เราจะไม่พูดเรื่องนี้อีก" กู๋ซันชายวัยหกสิบกว่าตัวเตี้นร่างท่วมหัวล้านแบบง่ามเทโพหน้าตาท่าทางใจดี เดินเข้ามาปรามเล็กให้อยู่ในความสงบ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล แล้วย้ำถึงกฎที่ว่าห้ามเปิดเผยข้อมูลใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวกับงานให้คนอื่นแม้แต่ญาติของคนที่รับงาน
ชายคิ้วเข้มยังคงมีท่าทีแข็งกร้าวน้ำตาที่คล่อเบ้าถูกปกปิดไว้ใต้แว่นกันแดดสองมือกำแน่น กรามสองข้างบดกันจนหน้าสั่นระริก ทุกคนในที่นั้นเงียบกริบไปยิ่งกว่าตอนที่ถูกตวาด ต่างก็กลัวคนที่กำลังมีความแค้นอัดแน่นแทบกระอัก คนที่รู้จักใหญ่ทุกคนต่างรู้ดีถึงนิสัยของเล็ฏที่ปกติก็มุทะลุบ้าเลือดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แล้วพี่ชายที่เป็นญาติเพียงคนเดียวมาจากไปแบบนี้ ก็เหมือนกับสัตว์ร้ายที่ขาดโซ่ล่ามคอ ไม่รู้ว่าจะลุกขึ้นมาทำอะไรบ้าๆ รึเปล่า จนแทบจะอยากออกไปจากงานซะเดี๋ยวนี้เลย

"งั้นผมลาออก" พูดจบเล็กก็ล้วงเอาปืนพกกึ่งอัตโนมัติ 'โคลท์ สิบเอ็ดมิลลิเมตร' คู่ใจออกมาจากเอวแล้วชี้ไปที่เพื่อนร่วมอาชีพที่มาร่วมงานไว้อาลัย ผู้คนในงานเมื่อเห็นแบบนั้นต่างลุกฮือขยับไปคนละทิศละทาง คนที่ทำงานด้านข่าวสารหรืองานทางเทคนิคก็วิ่งหาที่กำบังกันชุลมุน ส่วนคนที่ทำงานออกภาคสนามก็กุมที่อาวุธประจำกายเตรียมจะป้องกันตัวเอง ก่อนชายเลือดร้อนจะประกาศให้ได้ยินกันทั่วทั้งศาลา "เฮ้ยพวกมึง ใครรู้เรื่องอะไรก็รีบบอกกูมาซะ ไม่งั้นก็ไม่ต้องออกไปจากที่นี่"

"ไอ้เล็ก!" กู๋ซันตวาดลั่นคนทั้งศาลาก็เงียบและหยุดสิ่งที่ทำอยู่และกำลังจะทำ แม้แต่เล็กที่กำลังเลือดขึ้นหน้าก็ยังไว้หน้าคนที่เป็นเหมือนพ่อคนที่สองด้วยการลดปืนลงและเอานิ้วอกจากไกปืน

"กู๋อย่าห้ามผม ผมจะทำทุกอย่างให้ได้รู้ความจริง" ชายคิ้วเข้มแค่นว่าน้ำเสียงปนเปกันไปหมดทั้งความแค้นความเศร้าความสับสนความเกรงใจ สายตาที่ซุกซ่อนใต้แว่นกันแดดหันไปจ้องหน้าชายชราหน้าตาใจดีก่อนจะถอดมันออกให้เห็นถึงความตั้งใจ

กู๋ซันถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นดวงตาที่แน่วแน่ของเล็กแต่ก็ยังต้องย้ำให้เขาเข้าใจ "มึงต้องไปสืบเอาเองแต่ไม่ใช่ที่นี่ ตอนนี้"

"ได้ครับกู๋..." เล็กรับปากทั้งดวงตายังแข็งกร่าวแล้วนิ่งไปครู่หนึ่ง หลังจากสงบจิตใจและอารมณ์ที่เดือดพร่านให้เย็นลงได้นิดหน่อยก่อนจะเก็บปืนเข้าที่ ซึ่งเหล่าเพื่อนร่วมอาชีพก็ละมือจากอาวุธแล้วกลับไปนั่งเข้าที่เช่นกัน ทุกคนต่างเตรียมทำพิธีไว้อาลัยให้กับบุคคลอันเป็นที่เคารพรักของพวกเขาต่อ ก่อนที่คนในงานจะขนลุกซู่เมื่อถูกเล็กถอดแว่นออกแล้วมองด้วยสายตาดุดันไปที่พวกเขาทีละคนแล้วว่าด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ "จบงานพี่ใหญ่เมื่อไหร่ก็ช่วยเตรียมคำตอบไว้ให้ด้วยละกัน แล้วก็อย่าทำเป็นหลบหน้าละเวลาที่ฉันไปหา..."

สิ้นคำประกาศพิธีไว้อาลัยก็ได้ฤกษ์ดำเนินพิธีต่อจากที่ค้างไว้ บรรยากาศในงานเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้เล็กน้อย คือยังโศกเศร้าอยู่แต่ก็ปนได้ด้วยความหวาดระแวงที่ไม่รู้ว่าน้องของชายผู้วายม์จะลุกขึ้นมาอาละวาดอีกเมื่อไหร่ แม้แต่หลวงจีนหรือนักบวชในศาสนาพุทธนิกายมหายานที่มาสวดทำพิธีก็ยังท่องมนต์ไปด้วยเสียงอันสั่นเครือ เพราะกลัวจะโดนลูกหลงหากมีอะไรเกิดขึ้น หลังจากที่ได้เห็นเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นต่อหน้าชัดเจนตังแต่เริ่มจนสงบ

..................................................

ที่บ้านพักหลังใหญ่ในจังหวัดติดชายแดนทางภาคตะวันตกของประเทศไทย ภายในบ้านมีกระสอบขนาดใหญ่วางอยู่เป็นจำนวนมาก ใกล้กันมีชายหัวโล้นร่างท้วมกำลังยืนหน้าเครียดคุยโทรศัพท์อยู่ หลังจากวางสายชายคนนั้นก็เดินกลับมานั่งที่วงเหล้าในห้องครัวของบ้าน

"เป็นอะไรไปพี่ฤทธิสีหน้าไม่ดีเลย" ทศพลที่นั่งดื่มอยู่ร้องถามทันที่เห็นท่าทางผิดปกติของลูกพี่ร่างท่วม

"เสี่ยโดนจับไปแล้ว เอาไงดีวะทศ เราหาคนไปประกันเสี่ยออกมาดีไหม" ฤทธิด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เพราะขณะที่เขากำลังคุมงานจัดเก็บยาเสพติดอยู่เสี่ยวีรชัยกลับไปลงมือจับตัวเจษฎาแล้วพลาดท่าถูกตำรวจจับได้ระหว่างทาง
ทศพลวางแก้วเหล้าลงทันทีรู้สึกเหมือนกับถูกฟ้าผ่า ก่อนจะนั่งนิ่งใช้ความคิดอยู่ครู่ใหญ่แล้วว่าสิ่งที่เขาคิดได้ให้ลูกพี่ของเขาฟังด้วยน้ำเสียงเรียบๆ เหมือนไม่ได้มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น "...จะไปช่วยออกมาทำไม"

"ทศคิดจะทำอะไร" ชายร่างท้วมขมวดคิ้วไม่เข้าใจว่าทำไม่ทศพลยังทำใจเย็นอยู่ได้

"พี่จะอยู่เป็นลูกน้องเสี่ยไปจนตายเลยรึไง" ทศพลถามหยั่งเชิงด้วยใบหน้าจริงจัง อยากรู้ว่าฤทธิจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

"จะให้ข้าทรยศเหรอ" ฤทธิโพล่งหลุดปากเสียงดังด้วยความตกใจ

"อย่าเรียกว่าทรยศสิ พี่ทำงานให้เสี่ยมาตั้งนาน นี่เป็นสิ่งที่พี่สมควรจะได้อยู่แล้ว เรียกว่าเป็นการเติบโตตามสายงานจะดีกว่า" ทศพลอธิบายแบบยิ้มๆ ไม่รู้ว่าเพราะยาหรือสุราที่ทำให้เขากล้าตัดสินใจเช่นนี้ทั้งที่เพิ่งจะเข้ามาทำงานในเส้นทางสายอาชญากรได้ไม่นาน

"...แล้วข้าจะไปทำอะไรได้ เงินก็ไม่มี อำนาจก็ไม่มี" ฤทธิที่ก็ไม่ได้ซื่อสัตย์กับเสี่ยวีรชัยอยู่แล้ว จนใจแต่เขาบารมียังไม่พอจะตั้งตัวเป็นใหญ่ได้ ึงกับตัดพ้อให้ลูกน้องที่เพิ่งจะเลื่อนให้เป็นคนสนิทได้ไม่นานฟัง

"พี่รู้ไหมใครฝอกเงินให้เสี่ย"

"รู้สิ ว่าแต่จะถามทำไมตอนนี้"

"เอาย่างนี้ไหม เราก็อาศัยจังหวะนี้พาคนไปบังคับให้พวกมันเอาเงินของเสี่ยออกมาให้เราสิ พอเรามีเงินเดี๋ยวก็มีอำนาจเองแหละ ของส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ที่พี่ แหล่งผลิตพี่ก็รู้จักดีดำเนินงานต่อได้สบาย แล้วพอเสี่ยที่แทบจะไม่เหลืออะไร ออกมาได้ก็ไม่มีปัญญาทำอะไรพวกเราหรอก"

"...อืม เข้าท่า แล้วพวกมันจะยอมทำตามเราเหรอ"

"เราก็เชือดไก่สักตัวสองตัวเดี๋ยวพวกมันก็ยอมเองแหละ ผมไม่เชื่อหรอกว่าพวกมันจะรักเสี่ยมากว่าชีวิตของตัวเอง แล้วต่อจากนั้นเราก็ให้ผลประโยชน์พวกมันมากกว่าที่เคยได้จากเสี่ยยังไงพวกมันต้องยอมเราแน่ แล้วพอเราเข้มแข็งแล้วค่อยเขี่ยพวกมันทิ้งทีหลัง พี่ว่าดีไหม"

"ก็ดีนะ เอาเป็นว่าเราจะทำตามที่เอ็งว่าก็แล้วกัน"

ฤทธิรีบเร่งดำการตามแผนการที่ทศพลวางให้ โดยเริ่มจากการขนย้ายยาเสพติดที่อยู่ในบ้านไปพักไว้ที่อื่นก่อนที่ตำรวจจะรู้ตัว แล้วจึงทำการรวบรวมคนเตรียมตัวจะไปยึดเงินผิดกฏหมายของเสี่ยวีรชัยไว้ใช้เป็นทุนในการสร้างอิทธิพล

..................................................

แสงแดดยามสายสาดส่องเกวลีทำตัวลึกลับแอบกลับมาที่บ้านตอนที่คนออกไปแล้วพร้อมกับกำชับทีมงานรักษาความปลอดภัยให้เก็บเรื่องที่เธอมาที่บ้านไว้เป็นความลับ ก่อนจะตรงดิ่งขึ้นบ้านไปยังห้องนอนของผู้เป็นพ่อ แล้วไปหยุดอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง หญิงสาวสำรวจดูอย่างระมัดระวังหาสิ่งของแบบที่อาจารย์เจษระบุ โดยเลือกเอาจากอันที่ไม่ค่อยสะดุดตาและดูราคาถูกที่สุดเพื่อไม่ให้เจ้าของทรัพย์รู้สึกผิดสังเกตุ หญิงสาวใช้ถุงที่ได้มาเข้าไปหุ้มน้ำหอมขวดนั้นอย่างระวังไม่ให้โดนมือตัวเองตามที่ถูกกำชับมา ในที่สุดก็ได้ของตามที่อาจารย์เจษต้องการ

หญิงสาวดึงเชือกที่ปากถุงให้รัดแน่นปิดสนิทแล้วจับถุงในมือให้มั่นเหมาะเตรียมจะออกจากห้อง แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวออกจากจุกที่ยืนอยู่ก็ได้ยินเสียงคนกำลังคุยกันและเสียงนั้นก้เข้ามาใกล้เรื่อย จนเธอสามารถเดาได้ว่ากำลังมีคนเดินเข้ามาที่ห้อง หญิงสาวหันซ้ายขวามองหาที่ซ่อนตัวก่อนจะเหลือบไปเห็นช่องว่างใต้เตียงซึ่งหน้าจะสูงพอให้เธอเข้าไปซ่อนได้ ก่อนที่ประตูจะเปิดออกเพียงไม่กี่วินาที หญิงสาก็สามารถซุกตัวเข้าไปนอนอยู่ใต้เตียงได้สำเร็จ

"นานๆ ทีจะเห็นคุณลืมของแบบนี้ได้ แปลกจริงๆ" เจ้าของห้องว่าออกมาทีเล่นทีจริง หยอกเอินภรรยาคนสวย

"ช่วงนี้มีเรื่องปวดหัวเยอะละมั้ง" ณัฐฐาตอบแบบไม่หันไปมองสามี สายตาสำรวจหาของที่ลืมไว้

"พูดถึงเรื่องปวดหัวแต่ก็ยังมีเรื่องดีอยู่ดีอยู่บ้างนะ พวกเด็กๆ มันไปเอายากลับมาได้แล้ว รู้ข่าวรึยัง"

"อือ ได้ยินแล้ว" สาวใหญ่พราวเสน่ห์เดินไปหยิบนาฬิกาออกมาจากลิ้นชัก ขณะที่กำลังสวมนาใส่ก็ถามผู้เป็นสามีไปด้วย "พี่รู้ไหมว่าคนที่มาซื้อเป็นใคร"

"ไม่รู้จัก แต่ก็ให้คนไปสืบแล้ว" กำนันประเสริฐเข้าไปโอบเอวภรรยาจากด้านหลังก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนร่าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดพร้อมกับจ้องไปที่ดวงตาคู่สวยของณัฐฐาที่สะท้อนอยู่ในกระจก "แต่พี่ว่ามันจะต้องเกี่ยวกับไอ้หมอผีนั้นแน่ๆ"

"ก็เป็นไปได้ เมื่อเช้ามีคนมารายงานว่ามันกลับไปที่สำนักแล้ว นี่ปล่อยได้แล้ว อย่าซนสิต้องรีบไปงานต่อ" ณัฐฐาแกะมือผู้เป็นสามีออกแล้วมองค้อนเบาๆ ก่อนจะเดินออกจากห้อง

เกวลีที่นอนอยู่ใต้เตียงรู้สึกจุกแน่นที่หน้าอกตลอดเวลาเธอรู้แค่ว่าพ่อของเธอมีทำธุรกิจผิดกฎหมายที่เรียกกันว่าธุรกิจสีเทาเพียงเท่านั้น ไม่คิดว่าพ่อของเธอจะยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วย และยิ่งได้ได้ยินด้วยหูของตัวเองจากปากผู้เป็นพ่อยิ่งทำให้เธอรู้สึกแย่เข้าไปอีก แต่เธอก็ไม่สามารถออกไปต่อว่าได้แต่เก็บความผิดหวังไว้ในใจแล้วรอจนแน่ใจแล้วว่าทั้งสองคนออกไปจากบ้านจึงรีบออกจากห้องไป

..................................................

ที่หน้าบ้านเช่าหลังหนึ่งมีรถยุโรปคันใหญ่ขับมาจอดที่ข้างทางก่อนที่ชายดวงตาเรียวเล็กผิวขาวซีดสวมสูทสีเข้มจะก้าวลงจากรถแล้วเดินตรงไปที่ประตูรั้วแล้วตะโกนเรียกหาคนที่อยู่ในบ้าน ชายคนนั้นยืนรออยู่ไม่นานก็มีหนุ่มใหญ่หน้าเข้มในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวติดกระดุมข้อมือกับกางเกงสแล็คสีเข้มเดินออกจากตัวบ้านมาที่หน้าประตู

เจษฎามองสำรวจชายที่แต่งตัวเหมือนเซลขายเครื่องกรองน้ำที่จู่ๆ ก็มาปรากฎตัวที่หน้าบัานเช่าอย่างมีพิรุธ อีกทั้งยังส่งรอยยิ้มที่เต็มด้วยความไม่น่าไว้ใจ

"คุณเป็นใครครับ มาทำอะไรที่นี่" เจษฎาทักขึ้นมาโดยทิ้งระยะห่างพอสมควร

"ผมมารับคนของผมที่คุณจับตัวไว้นะครับ" ชายสวมสูทพูดเสียงเรียบดวงตาเรียวเล็กมองหน้าเจษฎาคล้ายกับรู้เขาทำอะไรมา

"ใครจับตัวใครอะไรกันครับ ผมไม่เข้าใจ" เจษฎาแกล้งซื่อ ทำเป็นไม่รู้เรื่อง จากแผนการของเขาที่คิดจะปล่อยให้กันธิชาหนีออกไปแล้วค่อยสะกดรอยตามไปกลับถูกอีกฝ่ายไหวตัวทันและชิงลงมือ มาถึงตัวก่อนจนเขาไม่มีเวลาตั้งตัว ถึงจะไม่รู้ว่าชายคนนี้มีวิธีอะไรถึงตามกันธิชามาจนถึงที่นี่ได้ แต่ก็ทำให้เขาได้รู้ว่ากำลังเจออยู่กับคนที่ดูจะมีสามารถอยู่ไม่น้อย

ชายสวมสูทยิ้มให้อีก เหมือนจะบอกให้เจษฎารู้ว่าเขารู้ทุกอย่างหมดแล้วไม่จำเป็นต้องเล่นละคร เขารู้ได้อย่างง่ายดายว่ากันธชาอยู่ที่นี่หลังจากที่ติดต่อเธอไม่ได้ เพราะบริษัทก็มีระบบที่ติดตามตัวผนักงานได้แม้มือถือจะปิดอยู่

"ถ้าคุณข้องใจก็เข้าไปดูในบ้านก็ได้นะครับ ว่ามีใครอยู่รึเปล่า" เจษฎายังคงสีหน้าให้นิ่งได้เป็นปกติ พร้อมกับท้าให้อีกฝ่ายเข้ามาพิสูจน์ความจริง

"ได้อย่างนั้นก็ดีครับ" ผู้มาเยือนตอบรัยอย่างสุภาพแม้จะเดาไม่ถูกว่าอีกฝ่ายวางกับดักเอาไว้หรือไม่ แต่ก็เดินเข้าไปในเขตบ้านโดยไม่เกรงกลัว

เจษฎาพิจารณาดูชายผิวขาวซีดตรงหน้าดูแล้วเหมือนคนอมโรคท่าทางไม่น่าจะเกินความสามารถของเขาที่จับตัวมาเพื่อรีดเอาข้อมูล เมื่อตัดสินใจว่าคนตรงหน้าคงจะเคี้ยวได้ไม่ยากเจษฎาก้สืบเท้าเดินเข้าหา หมัดขวาชกออกไปฉับพลันแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เป็นการลงมือลอบจู่โจมจากทางด้านหลังไม่ให้อีกฝ่ายได้เตรียมตัวป้องกันตัว

ทว่าชายหน้าขาวซีดดึงร่างหลบหมดของเจษฎาง่ายดายทั้งที่หันหลังให้เหมือนกับรู้ล่วงหน้า ก่อนจะเอี่ยวตัวแล้ชกหมัดขวาสวนเข้าครึ่งจมูกครึ่งปากของเจษฎาหนึ่งหมัด

ชายหนัาเข้มโดนสวนกลับโดยไม่คาดคิดและไม่ทันได้ตั้งตัวก็หน้าหงายเซถอยหลังไปตั้งหลักก่อนจะยกมือขึ้นมากุมจมูกตามปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกายก่อนจะนึกขึ้นได้ง่าร่างกายเขาไม่ได้รับบาดเจ็บจริงๆ จึงปล่อยมืออกจากจมูกแล้วถอยห่างออกมาตั้งการ์ดเตรียมรับมือ

"ร่างากายคุณน่าสนใจดีนะครับ" ชายผิวขาวซีดรับรู้ถึงสิ่งแปลกๆ ได้ทันทีที่สัมผัสโดนผิวหนังของเจษฎา เพราะหมัดของเขาไม่สามารถรับรู้แรงสะท้อนใดๆ จุดที่เขาชกเข้าใส่ได้เลย ราวกับว่าแรงที่เขาส่งไปถูกดูดหายไปเฉยๆ ทว่าฝ่ายตรงข้ามก็เซถอยหลังไปตามแรงชก ซึ่งทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันดูขัดแย้งแต่ก็น่าไม่ใช่การแกล้งทำ

"แกรู้เหรอว่ามันคืออะไร" เจษฎาเป็นงงกับพูดของฝ่ายตรงข้ามที่แฝงความนัยว่ารู้เบื้องลึกเบื้องหลังบางอย่าง ยิ่งทำให้อยากจะจับตัวมาเค้นความลับ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่กี่วินาทีก็รู้ได้เลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายแน่ๆ และอาจจะไปจบที่กรณีแย่ที่สุดคือเขาเองที่จะเป็นฝ่ายถูกจับ

"แน่นอนสิครับ" ชายผิวขาวซีดตอยเสียงเรียบรวกับเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่เป็นเรื่องปกติทั่วไป

"อย่างนั้นก็ช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่ามันคืออะไร" ชายหน้าเข้มลองหยั่งเชิงซื้อเวลาให้เขาได้คิดหาทางอออก

"ได้ครับ แต่คงต้องคุยกันยาว ถ้าป็นไปได้ผมขอเชิญคุณไปที่แห่งหนึ่งด้วยกันกับผมหน่อยได้ไหมครับ"

"...ไม่ดีกว่า เกรงใจ" ความจริงเจษฎาก็อยากจะรู้เรื่องสิ่งที่อยู่ในตัวเขาเป็นอย่างมากแต่อีกฝ่ายก็ดูลึกลับจนเกินไป ถ้าจะให้เขาไปด้วยเพื่อสืบหาความจริงก็คิดว่ามันเสี่ยงเกินไป ซึ่งสิ่งที่ควรทำตอนนี้คือหาวิธีถอยไปตังหลักเสียก่อน เพราะการที่เขาออกตัวว่ารู้ความลับของสิ่งนั้นเป็นสัญญาณที่บอกว่าคงไม่ปล่อยให้เขาหนีไปได้ง่ายๆ แน่

"...ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตใช้กำลังพาตัวคุณไปก็แล้วกันนะครับ"

เจษฎาไม่ได้โต้ตอบอะไรอีก เอาแต่คิดหาทางเอาตัวรอดทันที ถึงอย่างนั้นก็ยังช้ากว่าฝ่ายตรงข้ามที่ลงมือรวดเร็ว เข้ามาประชิดร่างของเขาแล้วออกอาวุธหมัดเท้าเข้าใส่เป็นพัลวัน

ชายหน้าเข้มพยายามปัดป้องและสวนกลับแต่ก็ทำไม่ได้ถนัดนัก เพราะการจู่โจมของชายสวมสูททั้งรวดเร็ว รุนแรง และแม่นยำ และยังมีเทคนิคการใช้วิธีจับมือหักข้อต่อส่วนต่างๆ ของร่างกาย ผสมกับเทคนิคการเตะ ต่อย และเทคนิคการทุ่ม อีกทั้งท่วงท่ายังสอดครองกับการเคลื่อนไหวของเจษฎาราวกับอ่านใจได้

เจษฎาถูกเล่นงานจนอยู่หมัดเจ็บปวดไปทั่วร่างทั้งจุกทั้งเจ็บตามข้อต่อ จนต้องผละถอยออกห่างไม่กล้าสุ่มสี่สุ่มห้าเขาไปปะทะ หลังจากดูเชิงอยู่เล็กน้อยเจษฎาก็รวบพลังงานที่สะสมไว้ไว้ที่กำปั้นขวาและขาทั้งสองข้างหวังจะพุงเข้าไปประชิดด้วยความเร็วเสูงและใช้หมัดนี้เป็นตัวตัดสินผลการต่อสู้

เมื่อวางแผนเสร็จเจษฎาก็ลงมือทันที ความเร็วในการเคลื่อนที่จากพลังงานที่สะสมไว้ส่งให้ร่างของเขาเข้าไปประชิดด้วยเวลาเพียงช่วงกระพริบตา หมัดขวาที่เตรียมไว้ก็ถูกส่งออกไปได้ตามแผน

ไม่คาดคิดว่านอกจากการเคลื่อนที่เร็วจนมองเกือบไม่ทันกับหมัดที่อัดแน่นด้วยพลังงานจะไม่สามารถส่งไปถึงร่างของเป้าหมายได้ ยังถูกฝ่ายตรงข้ามใช้มือสองข้างเปลี่ยนทิศทางของหมัดให้พุ่งเข้าใส่หน้าท้องของตัวเองจนกระเด็นกลิ้งเป็นลูกขนุนไปทางด้านหลังของตัวเองจนกระแทกเข้ากับตั้นไม้ทำให้รู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัสจนไม่สามารถลุกขึ้นมาได้

ชายผิวขาวซีดมองเจษฎาที่นอนกลิ้งอยู่ใต้ต้นไม้ด้วยแรงหมัดของตัวเองประกอบกับการพิจารณาการเคลื่อนไหวก่อนนี้เป็นการยืนยันได้อย่างดีว่าเจษฎามีของบางอย่างที่เป็นวิทยาการแบบเดียวกับสินค้าของบริษัทอยู่กับตัวแน่นอน เมื่อได้ทำการยืนยันได้ดังนั้นเขาก็คิดที่จะจับตัวเจษฎากลับไปพร้อมกับการช่วยเหลือกันธิชาไปด้วยในตัว

ยังไม่ทันที่ชายผิวขาวซีดจะได้เดินมาจับตัวเจษฎาเก๋งญี่ปุ่นคันหนึ่งแล่นเข้ามาในบ้านด้วยความเร็วหมายจะพุ่งชนเข้าใส่ชายสวมสูทแต่ก็พลาดไป เมื่อชายที่เป็นเป้าหมายกระโดดหลบได้ทัน ก่อนที่เก๋งคันนั้นจะเบรกจนท้ายปัด ตัวรถไถลเข้าหาร่างของเจษฎาก่อนจะหยุดลงแล้วประตูฝั่งคนนั่งก็เปิดออก

"พี่เจษ ขึ้นมา" อ๊อดตะโกนบอก

เหมือนโชคจะยังเข้าข้างเจษฎาเพราะก่อนหน้านี้ได้โทรนัดอ๊อดให้มาหาเพื่อจะติดเคื่องติดตามไว้กับกันธิชามา และอ๊อดก็ได้เวลาพอดิบพอดี เขากระเสือกกระสนพาร่างบอบช้ำปีนขึ้นเบาะยังไม่ทันจะได้ปิดประตูอ๊อดก็หักพวงมาลัยแล้วกระทืบคันเร่งพาเก๋งทะยานพุ่งออกไปทางหน้าบ้านอย่างรวดเร็วจนชายสวมสูทได้แต่มองตาม

..................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

ผู้เฒ่าเซราะกราว

พี่ใหญ่ตายคราวนี้เล็กน้องชายคงจะตามข้อมูลจนเจอเจษฎา แต่เจษฎาจะเอาตัวรอดจากบริษัทได้นานแค่ไหนนะ....????

Lucitor

อื้อหือ ของที่อยู่ในร่างน่าจะมาจากบริษัทนั้นแล้วแหละ แสดงว่ายังมีอีกเยอะ ยาวๆกันไปครับ

hunterkung

ทั้งคนเก่าคนใหม่ สนุกแน่  น้องของใหญ่อีก 

outsider

จารย์ต้องวางแผนใหม่แล้วแหละ ผู้จัดการมันร้ายนะจารย์

Channarong Saekow

เจอคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้ออีกคนแล้วไง  แล้วยังจะมีเล็กอีกคนนึ่ง งานนี้มันพ่ะย่ะค่ะ


singkanong

จารย์เจษเจอคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าแล้วทำไงดีถ้าอ๊อดมาได้จังหวะคงกะอักอ่อมเป็นแน่แท้

vigoblack

เจอคู่ต่อสู้ที่ไม่อยากทำร้ายกันจะทำยังไงเจษฎา

pornpat tammalangka

ไม่นาน เล็กคงตามมาถึงตัว ไหนจะเจอกับผู้จัดการอีก เหนื่อยอีกเยอะเลยละ

Ttum1188

เจษยังขาดความรอบคอบเจอของจริงเข้าไปเกือบไม่รอด

เอเค

อาจารย์ไม่มีฝีมือมีแต่กำลังแพ้อย่างเดียว

NNGGOO

คนตามล่าอาจารย์เจษเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยไป ของดีที่อาจารย์เจษมีอยู่ จะสู้กับชายลึกลับได้แค่ไหน

ชายชรา

อาจารย์เจษเริ่มเจอคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวขึ้นเรื่อยๆติดตามครับ

เดช12341

ถ้าเล็กรู้ความจริงอเจษจะเดือดร้อนแค่ไหน