ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ตะลุยรักสาวงาม 1 (ซินเดอเรลล่า )

เริ่มโดย twintower, กรกฎาคม 20, 2021, 10:08:49 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

"ใครมีงานจ้างหนูหน่อยสิ ตอนนี้จะกินแกลบอยู่แล้วโดนแคนไปหลายงานแล้ว"

ผมหรือวรุตหรือรุตที่ใครเรียกติดปากเจ้าของบริษัทการตลาดและโฆษณาที่กำลังมาแรงในยุคนี้และช่างภาพฝีมือต้นๆของเมืองไทยอ่านโพสต์จากเฟซบุ๊กของ พริตตี้สาวสวยคนหนึ่ง แล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะใช้โทรศัพท์โทรไปหาเจ้าตัว

"เฮ้ยกินแกลบเลยหรือวะไอ้รองเท้าหาย"

ประโยคที่ทักอย่างคุ้นเคยแต่จริงๆแล้วผมเกือบจะหลุดปากเรียกไอ้จิ๋มใหญ่ แต่มีเลขาที่กำลังนั่งรายงานสรุปงานให้ฟังอยู่ตรงหน้าจึงยั้งปากทัน พร้อมกับเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย

"โหพี่รุต มีงานให้หนูทำหรือเปล่า แต่ถ้าถ่ายแบบโป๊หรืองานเอนหนูไม่รับนะรักษาภาพลักษณ์ แต่ถ้าเป็นงานของส่วนตัวของพี่รุตนะหนูรับนะ เป็นถ่ายแบบนี่หนูจะอ้าให้ถ่ายทุกซอกมุม หรืองานเอนนี่หนูบริการแบบถึงเนื้อถึงตัวเลย ราคากันเองพี่"

"เดี๋ยวผัวแก ก็มากระทืบพี่หรอก"

ผมตอบอีกฝ่ายด้วยเสียงหัวเราะแต่รู้ว่าอีกฝ่ายมักจะพูดกับผมแบบนี้มาตลอด

"โอ๊ยผัวอะไรหนูโสด"

"เอาจริงๆไอ้ซิน วันที่ 21ถึง24 นี้แกว่างหรือเปล่า"

ผมรีบเข้าเรื่องเพราะรู้ว่าไม่อย่างนั้นคุยยาวแน่นอน อีกฝ่ายเงียบไปชั่วคู่เหมือนจะเช็คตารางงานก่อนจะตอบ

"ว่างพี่ เดือนนี้หนูว่างมาก มีงานอะไรหรือพี่"

"พอดีทางพี่ได้งานโครงการคอนโดตัวใหม่ อยากได้ทั้งพริตตี้กับเอ็มซี มายืนที่บู๊ธ นะ พี่บอกทีมออแกนไนซ์ไปว่าตรงนี้พี่จะหาเอง มาได้หรือเปล่าละ หาเพื่อนมาด้วยอีก 2 คนเอาบุคลิกเหมือนเราๆดูหรูหน่อยๆ ถ้าได้เดี๋ยวพี่จะให้เลขาโทรหาซิน"

"ได้เลยพี่ ช่วงนี้กินแกลบกันหลายคนหนูจะโทรหาเพื่อนก่อน"

"เอองั้นเท่านี้ อีกครึ่งชั่วโมงพี่จะให้เลขาโทรไปหาแก เท่านี้นะ งานพี่เยอะ"

"ขอบคุณมากพี่ บุญคุณครั้งนี้หนูจะไม่ลืม ถ้ามีโอกาสได้ตอบแทนหนูจะบริการพี่อย่างถึงพริกถึงขิง"

"ไอ้บ้าเท่านี้ก่อนนะโว้ยพี่มีงาน"

ผมกดวางสายแล้วบอกเลขาเพื่อให้ประสานงานต่อในเรื่องนี้ เพราะรู้นิสัยซินดี มันกล้าที่จะพูดแบบนี้กับผมเพราะตัวจริงของเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่เรียบร้อย และที่ผมเรียกเธอว่า"รองเท้าหาย"เพราะชื่อเล่นซิน ผมจะนึกไปถึงซินเดอเรลล่า ในเทพนิยายชื่อดัง ผมเลยเรียกมันว่าไอ้รองเท้าหายตลอดมา

"ก็ตามนี้แล้วกันอีกครึ่งชั่วโมงหนูดีโทรหาไอ้ซินมันแล้วบอกผมด้วย แต่ผมคิดว่ามันก็ชวนพวกเพื่อนๆมันมานั้นแหละ"

"ได้คะคุณรุต"


เลขารับคำก่อนจะลุกเดินออกไปนอกห้องส่วนผมก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ แต่ผมไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมองโทรศัพท์ไปด้วยรอยยิ้มที่จะได้มีโอกาสเจอผู้ชายที่ตัวเองปลื้มมานาน ซินหรือที่รู้จักในนามซินดี้พริตตี้ชื่อดังนั้น รู้จักกับผมมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนประจำจังหวัดชื่อดัง เธอเป็นรุ่นน้องผม1 ปี ตอนแรกนั้นซินไม่เคยไม่สนใจผมเลย เพราะตัวผมเป็นผู้ชายที่ธรรมดามาก ไม่เด่นทั้งเรื่องเรียน กีฬา หน้าตาก็ธรรมดา นอกเหนือจากเป็นนักดนตรีในวงโยธวาทิตของโรงเรียน แต่ช่วงกีฬาสีเธอได้เลือกให้เป็นดรัมเมเยอร์ตัวแทนของสีเพราะรูปร่างหน้าตาที่ดี ซินจึงมาซ้อมจังหวะเดินกับวงโยธวาทิตด้วย  ทำให้เธอรู้ว่าผมมีความสามารถในการเล่นเครื่องดนตีพวกเครื่องเป่ามาก ไม่ว่าจะเป็นพวกแซ็กโซโฟน ,คลาริเน็ต,ฟลุต  ฯลฯ เรียกว่าถ้าเป็นเครื่องเป่า ผมนั้นใช้ได้แทบทุกแบบ เธอมาสะดุดใจเพราะวันหนึ่งที่เธอมาซ้อมและช่วงพัก ผมได้เป่าเพลง Songbird ของเคนนี่ จี ที่เป็นศิลปินที่เธอชื่นชอบ เธอนั่งฟังจนจบเพลง ก่อนจะเดินไปถาม ผมที่นั่งอยู่ไม่ห่างออกไปนัก

"พี่ๆ พี่เล่นเพลงของเคนนี่ จีได้ด้วยหรือนี่"

ผมยิ้มๆก่อนจะพยักหน้า

"ก็ใช่เรารู้จักเพลงนี้ด้วยหรือ"

"รู้จักซิพี่ พ่อหนูชอบฟังเพลงพวกนี้หนูฟังในรถทุกวันเลยชอบตามพ่อ พี่เล่นเพลงอื่นได้อีกหรือเปล่านี่"

ผมยิ้มๆไม่ตอบเธอแต่เป่าเพลงอีกเพลงให้เธอฟังจนจบ ก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายถามอีกครั้ง

"พี่เก่งจัง พี่เล่นเครื่องเป่ามานานหรือยังละนี่ แต่เห็นแบบนี้คงนานแล้วเพราะเป่าแบบไม่ต้องดูโน๊ตเลย"

ด้วยคำตอบของผมทำให้เธอหายสงสัยเพราะอาของผมเป็นเจ้าของแตรวง และสอนหลานชายจนผมชำนาญและไปช่วยงานอาบ่อยครั้งในวันหยุด  รวมถึงการฝึกฝนด้วยตัวเอง ผมตอบเธอไปว่า

"พี่ก็มีแซ็กอยู่ตัวหนึ่ง อาให้มา เลยได้ฝึกบ่อยๆนะ ไม่ได้ไปเรียนที่ไหนหรอก ฝึกจากอากับคนเก่งๆในวงเอา"

ตั้งแต่วันนั้นซินสนิทกับผมมากขึ้น แต่ความสัมพันธ์เป็นแบบรุ่นพี่กับรุ่นน้องที่พูดจาเล่นหัวกันได้ แต่ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าความรู้สึกของซินที่มีต่อผมนั้นเปลี่ยนไป เธอให้ความสนใจผมมากขึ้นแต่ผมทำตัวกับเธอเหมือนเดิม แต่เราก็ไม่ได้ติดต่อกันหลังจากที่ผมสอบติดมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ แต่พอเธอสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซินมาสอบติดเดียวกับคณะที่ผมเรียน จนผมแกล้งบ่นกับเธอ

"อุตส่าห์หนีมาแล้วมันยังตามมากวนใจอีก"

แต่อีกไม่นานซินมารู้ว่า ตัวผมมีปัญหากับบรรดารุ่นพี่3-4 คน เพราะผมนั้นปฏิเสธเรื่องเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องตอนเข้าเรียนปี 1 จนแทบจะกลายเป็นเรื่องใหญ่กับรุ่นพี่ที่อยู่ปี3 มันชื่อเอกลักษณ์หรือกัปตัน ทำให้อาจารย์ต้องเข้ามาไกล่เกลี่ย มันทำให้ผมมีเพื่อนน้อยมากแต่ผมไม่สนใจแถมขยันเรียนมากขึ้นจนผลการเรียนดีทำให้เพื่อนๆหลายคนเริ่มมาขอคำปรึกษาในเรื่องเรียน อีกทั้งเรื่องความสามารถในเรื่องการเล่นดนตรีจนถูกชักชวนให้เข้าชมรมดนตรี แต่ความเป็นปฏิปักษ์ของผมกับกัปตันดูจะไม่มีทีท่าที่ทำให้มันกับมันและเพื่อนของมันอีก 2-3นั้นไม่พูดคุยกันได้ ถ้างานไหนมีมันเข้าร่วมเพราะมันบ้ากิจกรรม ผมจะไม่มายุ่งเกี่ยวแม้บางครั้งจะถูกร้องขอ แต่ผมปฏิเสธทันที เช่นเดียวกับมันที่จะไม่มาเข้าร่วมกิจกรรมถ้ารู้ว่าผมมาช่วยงาน ทุกคนดูออกว่าทั้งคู่เกลียดกันมาก  จนกัปตันเรียนจบ ด้วยผลการเรียนแบบกระท่อนกระแท่นแทบจะถูกรีไทร์ก่อนหน้านี้ ส่วนผมนั้นถึงจะขึ้นเป็นรุ่นพี่ใหญ่แต่ไม่สนเรื่องกิจกรรมรับน้องเลย เพราะผมเคยบอกกับทุกคนอยู่บ่อยๆว่า

"มันจะอะไรกันนักกันกับไอ้คำพูดที่เจอแค่นี้มันเรื่องเล็ก น้องๆต้องไปเจอหนักกว่าตอนทำงาน อยากรู้เหมือนกันไอ้คนพูดนะมันเคยทำงานจริงๆหรือเปล่า หรือจำขี้ปากเขามา"

ประโยคนี้ผมเคยพูดใส่หน้ากัปตันตอนที่มันมาบังคับให้ผมไปเข้ากิจกรรมรับน้อง จนกลายเป็นทะเลาะกัน เพราะตัวผมเองนั้นเองก็ถือว่าตนเองนั้นทำงานแล้วตั้งแต่เรียนมัธยมถึงจะไม่ใช่งานประจำแต่ตัวผมก็ถือว่าเคยทำงานกับแตรวงของอามาตลอดตั้งแต่ก่อนที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยผมเริ่มศึกษาเรื่องการถ่ายภาพที่ได้จากพ่อเลยรับงานเป็นผู้ช่วยช่างภาพอีกงาน ผิดกับกัปตันที่เป็นลูกชายเจ้าชองบริษัทไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากเรียนกับเที่ยวและใช้ชีวิตอย่างหรูหรา ยิ่งกัปตันมันเป็นพวกเจ้าอารมณ์มีคนขัดใจไม่ได้จนขึ้นมึงขึ้นกูกับผมและก่อนที่จะกลายเป็นการชกต่อย ผมกับมันถูกรุ่นพี่และเพื่อนๆมาห้ามปรามและแยกออกจากกันก่อน ยิ่งผมทำไม่ใส่ใจถึงจะมีเพื่อนน้อยเพราะหลายๆคนถูกขู่จากรุ่นพี่แต่พอหลายๆคนเห็นความสามารถในเรื่องของดนตรีบวกกับความขยันเรียนจนหลายๆคนให้ความสนใจ

ยิ่งทำให้กัปตันขุ่นเคืองใจแต่ทำอะไรไม่ได้ ส่วนซินยิ่งได้มาเรียนที่เดียวกับผู้ชายที่แอบชอบมันสร้างความสดชื่นในหัวใจอย่างมากถึงจะมีคนมาจีบเธอมากแต่เธอไมสนใจ ถึงความสนิทจะเพิ่มมากขึ้นแต่ผมทำตัวกับเธอเหมือนเดิม และช่วงที่เธอเรียนปี 2 มีแมวมองมาติดต่อให้เธอรับงานถ่ายแบบ ตอนแรกเธอทำท่าจะปฏิเสธแต่เห็นว่าผมน่าจะรู้เรื่องในวงการนี้เพราะทำงานเป็นผู้ช่วยช่างภาพด้วยน่าจะเคยถ่ายงานโฆษณามาบ้างแล้ว ซินเลยปรึกษากับผมซึ่งผมสนับสนุนและหาข้อมูลเพิ่มให้เธอ ทำให้ซินตัดสินใจรับงานและถือเป็นจุดพลิกผันในชีวิตของเธอ หลังจากนั้นมีคนมาติดต่อให้เธอถ่ายแบบมาโฆษณาสินค้ามากขึ้น  ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ดีและมีเสน่ห์จนมีคนมาชวนเธอให้ไปแคสเป็นพริตตี้ ซึ่งซินเห็นว่าเป็นช่องทางหาเงินเพิ่มให้กับตัวเองเธอจึงตกลง ทำให้ซินกลายเป็นดาวรุ่งของวงการพริตตี้ขึ้นมา

มีอยู่2-3ครั้งที่ผมถ่ายภาพให้เธอในงานโฆษณาแต่งานพริตตี้นั้นผมไม่เคยไปถ่ายรูปเธอ จนผมเรียนจบและไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอกทันทีเพราะผมได้รับทุน ตอนนั้นผมกับซินไม่ได้ติดต่อกัน แต่ซินนั้นเธอมีชื่อเสียงมากในอาชีพของนางแบบกับพริตตี้จนกลายเป็นพริตตี้ระดับแถวหน้า หลังจากเรียนจบเธอตัดสินใจยึดทำอาชีพนี้เพราะมันทำรายได้ให้เธออย่างมากจนวันหนึ่งผ่านไปร่วม 4 ปี ในงานบ้านและคอนโด หลังจากผมกลับมาจากต่างประเทศได้เกือบปีผมเรียนจบปริญญาโทที่สหรัฐและตัดสินใจมาเรียนเพิ่มเติมที่ญี่ปุ่นอีก 1 ปีก่อนกลับมาทำงานที่บริษัทด้านการตลาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในตำแหน่งผู้ช่วยประธานบริหาร ชื่อตำแหน่งมันดูหรูจริงๆสำหรับคนจบใหม่กับบริษัทที่มีพนักงานเพียง 20 คน

ผมรู้จักกับเจ้าของบริษัทตอนสมัยเรียนที่สหรัฐ เรารู้จักกันแปลกมาก ช่วงนั้นผมหางานพิเศษทำตลอดเพราะเงินที่ได้มาไม่พอใช้และที่บ้านก็ใช่จะมีฐานะร่ำรวย นอกเหนือจากทำงานในร้านอาหารแล้ว ผมยังใช้เวลาว่างที่เหลือความสามารถทางดนตรีมาเป่าฟลุตที่อาให้และผมนำมาสหรัฐด้วยเพราะคิดไว้แล้วว่าจะเอามาช่วยหาเงินและมันน้ำหนักไม่มากเท่าไหร่นำติดตัวมาได้ ผมใช้สวนสาธารณะที่อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยเป็นพื้นที่ในการแสดงเปิดหมวกและมันทำรายได้ให้ผมพอสมควรนอกเหนือจากเป็นลูกจ้างในร้านอาหาร และมันเป็นผลดีต่อผมอนาคตอย่างมาก เพราะมีร้านอาหารกึ่งผับมาติดต่อให้ผมไปเล่นดนตรีที่ร้าน เจ้าของร้านเป็นคนอเมริกันและภรรยาเป็นคนญี่ปุ่นแต่ได้สัญชาติอเมริกันแล้วทั้งคู่มาเห็นผมเล่นดนตรีจนชอบใจก่อนจะมาชวนให้ผมไปทำงานด้วยกัน มันทำให้ผมมีรายได้มากขึ้นกว่าเดิมและตัดสินใจรับทำงานที่ร้านนี้ที่เดียว ยิ่งผมนั้นพอจะสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้บ้างเพราะไปเรียนเพิ่มตอนช่วงเรียนปริญญาตรี จึงสื่อสารกับภรรยาเจ้าของร้านได้และถือเป็นการฝึกฝนไปในตัว ทั้งคู่ต่างให้ความเมตตากับผมมาก จนผมมาพบกับพี่ไนท์ ลูกชายของนักการเมืองชื่อดังในตอนนั้นที่มาเที่ยวสหรัฐ จนพี่ไนท์แวะมาที่ร้านอาหารแห่งนี้และเจอผม ทำให้เรารู้จักกันจากการพูดคุยทำให้ผมกับพี่ไนท์ถูกชะตากันมากจนพี่ไนท์เอ่ยปากชวน

"รุตเรียนจบพอกลับไปเมืองไทยแล้วไปทำงานกับพี่นะ พี่เปิดบริษัทด้านการตลาดอยู่กำลังขยายงานด้านโฆษณาด้วยพี่อยากได้คนมีความสามารถอย่างรุตมาทำงานกับพี่"

ตอนแรกผมนึกว่าพี่ไนท์พูดเล่น แต่พี่ไนท์พูดจริงและติดต่อผมมาตลอดหลังจากกลับเมืองไทย จนผมจะเรียนจบแต่ตอนนั้นผมมีความคิดที่จะไปเรียนที่ญี่ปุ่นต่ออีกสักปี ผมแจ้งไปยังพี่ไนท์ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร และผมได้รับคำแนะนำจากภรรยาเจ้าของร้าน ความตั้งใจของผมคือ ผมจะไปเรียนภาษาให้เข้าใจมากขึ้นพร้อมกับการเรียนหลักสูตรการตลาดด้วยภาษาญี่ปุ่นซึ่งมันคงใช้เวลาสัก 1ปี โดยใช้เงินสะสมที่ผมเก็บไว้เป็นทุนในการไปเรียน ชีวิตในญี่ปุ่นจะว่าลำบากก็ลำบากเพราะค่าครองชีพสูง ผมเช่าห้องพักเล็กๆไว้นอนเท่านั้น ช่วงแรกผมเน้นเรียนภาษาให้เข้าใจมากขึ้นก่อนจะเริ่มหาหลักสูตรการตลาดที่เปิดอบรมตามมหาวิทยาลัย พร้อมกับทำงานที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งไปด้วย ตอนแรกมีคนมาติดต่อให้ผมไปทำงานเป็นผู้ช่วยไกด์ที่รับนักท่องเที่ยวจากไทย แต่ผมปฏิเสธเพราะมันจะไปกระทบกับเวลาที่ผมเรียน จนผมกลับมาเมืองไทย และเข้าทำงานกับบริษัทพี่ไนท์ทันที

บริษัทนี้เป็นบริษัทที่มีพนักงานไม่มากแต่มีทั้งเงินทุนและบารมี เพราะพ่อของพี่ไนท์ถึงจะไม่เล่นการเมืองแล้วแต่ยังมีบารมีอยู่มาก ทำให้ได้รับงานโปรเจ็คใหญ่บ่อยครั้ง ผมทำงานไม่เท่าไหร่ได้รับเลื่อนเป็นผู้ช่วยพี่ไนท์ซึ่งผมใช้ความรู้ความสามารถที่เรียนและอบรมมาอย่างเต็มที่ และเป็นตากล้องให้กับบริษัทด้วย จนทำให้ผมมาเจอกับซินที่ตอนนี้เป็นพริตตี้ที่มีชื่อเสียง ผมไปเจอเธอที่ห้องอาหารของศูนย์ประชุมที่กำลังจัดงานขายบ้านและคอนโด เธอนั่งทานข้าวอยู่กับพวกเพื่อนๆ ผมเดินผ่านเธอโดยไม่หันไปสนใจแต่ได้ยินเสียงเรียกที่ดังมาก

"เฮ้ยพี่รุตหรือเปล่า"

ผมหันไปเห็นเธอลุกขึ้นยืนแล้วชี้มือมาที่ผม

"อ้าวไอ้ซิน"

เธอรีบเดินมาหาผมทันทีโดยที่มีสายตาของเพื่อนๆพริตตี้ที่อยู่ในโต๊ะมองตาม ซินจับแขนผมด้วยความดีใจ

"พี่รุตกลับมาเมื่อไหร่นี่ "

ก่อนจะตามด้วยคำถามเป็นชุดๆจนผมตอบแทบไม่ทัน ดูเธอจะดีใจมากเราคุยกันอยู่นานพอสมควรก่อนจะแยกย้ายเพราะผมจะไปดูบู๊ธที่ของโครงการคอนโดที่บริษัทรับทำโฆษณาให้อยู่โดยผมให้นามบัตรหลังจากนั้นๆอีก2-3วันหลังจากงานบ้านและคอนโดจบซินโทรมาหาผมทันที ซึ่งเธอนัดผมมาทานข้าวที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเราคุยกันหลายเรื่องจนมาถึงเรื่องก่อนที่ผมจะกลับไทย

"ทำไมพี่รุตถึงไปเรียนต่อญี่ปุ่นละ ซินว่าภาษาญี่ปุ่นพี่ก็ดีแล้วนะ"

เธอจำได้ดีว่าสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเธอเห็นผมถือหนังสือนิยายภาษาญี่ปุ่นทำให้เธอรู้ว่าผมพูดและอ่านภาษาญี่ปุ่นได้

"ก็อยากเรียนจากต้นตำรับนะ แถมไปอบรมเรื่องการตลาดมาด้วยทำให้รู้แนวคิดของพวกญี่ปุ่นยิ่งอบรมแบบภาษญี่ปุ่นแล้วยิ่งได้ข้อคิดใหม่ๆ ตอนแรกก็ไม่อยู่ในความคิดหรอกแต่ตอนทำงานที่สหรัฐนะ พี่อินไปกับแนวคิดของเมียเจ้าของร้านที่เป็นคนญี่ปุ่น นอกเหนือจากไอ้ยุ้ย พี่เลยอยากไปลองศึกษาที่นั่นสักปีแล้วมันก็ได้อะไรมาเยอะ"

ซินพยักหน้าเพราะรู้ว่าไอ้ยุ้ยที่ผมพูดคือ เพื่อนรุ่นเดียวกับผมสมัยเรียนมัธยมที่เป็นสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไทยที่เป็นคนจุดแรงบันดาลใจให้ผมอยากรู้ภาษาญี่ปุ่น ก่อนที่มันจะเล่าให้ผมฟังต่อว่าเพื่อนๆที่เป็นพริตตี้ของมันต่างสนใจผมมาก ที่สนนะไม่สนเรื่องรูปร่างหน้าตาของผม แต่สนตรงงานที่ผมทำที่ดูทั้งเรื่องการตลาดและโฆษณามันดึงดูดพวกเธอมากเพราะถ้ารู้จักผมมันอาจจะทำให้พวกเธอมีงานเข้ามามากขึ้น ทำให้พวกนั้นอยากรู้จักกับผมอย่างมาก  ผมยิ้มๆไม่ตอบเธอในเรื่องนี้

"แต่พี่ก็ขยันเหมือนเดิมนะ เรียนจบมีงานรอแถมยังได้ตำแหน่งสูงอีก ซินยอมพี่เรื่องนี้เลยนึกถึงเมื่อก่อนตอนเรียนมหาวิทยาลัยที่พี่จะนั่งรถตู้กลับบ้านเย็นวันศุกร์แล้วไปช่วยงานอาพี่ พอเย็นวันอาทิตย์ก็นั่งรถกลับมาที่ห้อง วันธรรมดาถ้าพี่ไม่รับงานถ่ายภาพก็จะไปเรียนภาษาญี่ปุ่น ซินยอมใจพี่เลย เลยไม่แปลกใจที่พี่ทำงานไปเรียนไปตอนไปที่สหรัฐกับญี่ปุ่น"

ซินพูดออกมาพร้อมสีหน้าที่แสดงความชื่นชมผมอย่างจริงใจ แต่ลึกๆนั้นผมรู้ว่าเธอต้องการอะไร ผมไม่โง่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นอยากได้อะไร แต่ผมนั้นเลี่ยงมาตลอดตั้งแต่ตอนเรียน เพราะส่วนหนึ่งผมมองว่าเธอคือรุ่นน้องและเป็นคนบ้านเดียวกัน ซินทำท่าเชิญชวนผมตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแต่ผมนั้นทำเฉยๆ จนถึงวันนี้และความรู้สึกเมื่อก่อนของผมกับเธอมันเปลี่ยนไปแล้ว ตอนใช้ชีวิตที่สหรัฐผมแทบไม่ขาดผู้หญิง ยิ่งตอนทำงานเป็นนักดนตรีผมมีโอกาสหิ้วทั้งสาวๆและบรรดาสาวแก่แม่หม้ายอารมณ์เปลี่ยวหลากหลายผิวสี มาบำเรอกาม มาถึงตอนนี้วัยที่สาวขึ้นสัดส่วนที่อวบอิ่มขึ้นมีทั้งธรรมชาติและการเสริมแต่งด้วยมีดหมอ ทำเอาผมห้ามใจตัวเองไม่ได้ พอเธอบอกว่า

"ไปต่อที่ห้องหนูไหมพี่"

ผมตอบตกลงทันทีไม่พูดอะไรมากเมื่อฝ่ายหญิงเชิญชวนขนาดนี้ พอออกจากร้านอาหารผมขับรถตามรถของเธอไปที่คอนโดที่เธอพักอยู่ ภายในห้องหลังจากที่เราเข้ามาในห้อง ซินเอามือทั้งสองคล้องที่คอผมพร้อมดึงหน้าผมลงไปหาเธอเราแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม จนเธอดึงหน้าออกมาพร้อมซุกหน้ามาที่ตัวผม

"รู้ไหมหนูรอวันนี้มานานแล้วพี่"

ผมเชยคางเธอขึ้นพร้อมเอาปากไปประกบเธออีกครั้ง ซินสนองตอบผมอย่างดีลิ้นเราเกี่ยวกันไปมาจนเธอกระซิบบออกผมหลังจากที่ผมดึงหน้าออกมา

"ไปอาบน้ำก่อนไหมพี่"

"ไปอาบด้วยกันซิ"

เธอพยักหน้าอย่างอายๆ และเดินนำผมไปที่ห้องน้ำภายในห้องน้ำร่างที่เปลือยของเรานั้นยืนกอดรัดในอ่างอาบน้ำภายใต้กระแสน้ำอุ่นจากฝักบัว หัวนมสีน้ำตาลอ่อนที่บานขยายออกบนเต้าอันตึงที่เป็นของจริงไร้การเสริมใดๆ เพราะซินนั้นเป็นคนที่นมพอดีกับตัวอยู่แล้ว ถูกผมดูดดื่มสลับไปมาทั้งสองเต้าที่ยังแข็งอยู่ ก่อนที่เจ้าของเต้าจะกดหัวผมให้ลงไปด้านล่าง ผมทรุดการลงไปตัวมือโอบรอบสะโพกที่ผายกว้าง หีของซินนั้นใหญ่จริงๆผมดูไม่พลาดจากที่เคยมองมาเวลามันใส่กางเกงยีนส์ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย รับกับหมอยที่ดกดำแต่เจ้าของต้องมีเล็มเพื่อตกแต่งไม่ให้รกและแพลมออกมาตอนถ่ายแบบอย่างแน่นอน ผมใช้ปากเล็มไปที่หมอยอันเปียกชุ่ม ซินกดหน้าผมให้แนบกับโคกหีเธอทันที


""เลียให้หนูหน่อย"

ผมเกร็งลิ้นและกวาดเข้าไปในรูหีทันที พร้อมแตะไปที่เม็ดแตด

"อูยยยย พี่ซี๊ดดดดด ซินเสียววววว"


ก้นเธอส่ายไปมาส่วนมือจับบ่าผมแน่นเมื่อผมสนองตอบความต้องการของเธอ ผมทั้งเลียทั้งดูดไปที่เม็ดแตดของเธอด้วยจนเธอร้องออกมา

"พี่รุตขาหนูทนไม่ไหวแล้ว อีกนิดคะ จวนแล้วอูยยยยย เสียว ซี๊ดดดดดดด"

ร่างของเธอเกร็งพร้อมมือที่บีบบ่าผมแน่น ผมยังเลียหีเธอไม่หยุดทั้งๆที่เธอถึงแล้วจนเธอประคองหน้าผมขึ้นมา

"พอก่อนคะพี่หนูถึงแล้ว ลิ้นพี่นี่แซ่บจริง"

ผมก้มหน้าไปจูบเธออีกครั้ง

"ดีไหมละ"

"ดีสิพี่ อย่างที่หนูคิดเลยแถมของพี่ก็ใหญ่ด้วย"

เธอตอบพร้อมเอามือมาลูบควยที่แข็งตัวเต็มที่ของผม พร้อมรูดไปมาและขยับตัว จากประสบกามผมรู้ว่าซินต้องการอะไร ผมดันตัวเธอให้ชิดผนังพร้อมปิดน้ำและยกขาข้างขวาของเธอขึ้นมาที่เอว เธอเปลี่ยนเอามือมาคล้องรอบคอผมตอนนี้ควยผมจ่อไปที่ปากรูหีของเธอ

"เอานะ"

ผมบอกไปที่เธอซึ่งเจ้าตัวพยักหน้า ผมดันควยเข้าไปทันทีและมันเป็นไปอย่างที่คิดรูหีของเธอยังฟิตอยู่ ซินคงเคยผ่านมาบ้างแล้วแต่ไม่มากเท่าไหร่ ผมค่อยๆดันเข้าไปจนสุดไม่กล้าดันแรงๆแล้วเริมขยับเอวอย่างช้าโดยเจ้าของร่างที่กำลังถูกควยผมทะลวงอยู่นั้นหลับตาพริ้มใบหน้าเงยขึ้นเล็กน้อยพร้อมเสียงครางที่แผ่วเบาดังออกมาเป็นระยะ

"ดีคะพี่รุตดี อูยเบาๆหน่อยคะซี๊ดดดด"

"ก็มันฟิตนะ"

เธอค้อนให้ผมก่อนจะตอบ

"ชอบละสิ"

ผมเอามือไปบีบนมเธอแรงๆแทนทำตอบและซินเด้งรับตามจังหวะกระเด้าของผมเป็นจังหวะ จังหวะรักของเราประสานกันอย่างดี มีบางครั้งที่ผมก้มลงไปจูบเธอซึ่งซินรับการจูบอย่างเร่าร้อน จนร่างกายผมส่งสัญญาณว่าจวนจะถึงจุดหมายแล้วซึ่งคงเหมือนกับเธอที่เสียงครางนั้นดังขึ้น

"อูยยยยพี่ขาจวนแล้วอีกนิดคะ อีกนิด ซี๊ดดดดด โอ่ววววววววววว"

เธอร้องมาสุดเสียงพร้อมเด้งตัวสวนรับการเย็ดของผมที่ตอนนี้หลั่งน้ำกามออกมาเหมือนกัน ขาของซินเลื่อนลงมาอยู่บนพื้นมือยังกอดที่คอผมอยู่เราต่างหายใจกันถี่ๆจนผมบอกเธอ

"อาบน้ำกันเถอะ"

ซินพยักหน้าก่อนจะแล้วดึงหน้าผมลงมาหอมแก้มเบาๆ เราต่างช่วยกันล้างตัวอีกครั้งและเดินจูงกันไปที่เตียงนอนหลังจากผลัดกันเช็ดตัวซึ่งผมหากำไรจากเรือนร่างเธอตลอดจนเรามานอนอยู่บนเตียง และเราไม่พูดอะไรมากเพราะโตๆกันแล้วมันเป็นความต้องการของเธอและผมสนองตอบให้เป็นอย่างดี จนเธอนอนพลิกตัวที่เปลือยขึ้นมาอยู่บนตัวผม

"หนูมีความสุขมากเลย"

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน


Phongphan Phetcharat

 ::YehYeh::ยังนี้ต้องเอาทั้งคืนถึงจะสุดยอด

absolteone


zaar65

ระลึกความหลังกับน้องซิน แบบนี้ ก็ต้องจัดเต็มที่นะครับ

♤judas♤

มีเล่าย้อนความเป็นมาว่าทำไมถึงรู้จักน้องซินมาก่อน แต่ดูแล้วน้องซินน่าจะร้อนแรงเลยทีเดียว

Channarong Saekow

แนวไหนกันน่ะ  อยากรู้จัง ต้องติดตามช่ะแล้ว

pssbr

ในที่สุดซินก็สมหวัง ได้ฟันพี่รุตจนได้

akennya



Komsan Tanunchai Olympus

ตอนแรกก็ได้รุ่นน้องพริตตี้แซ่บแล้ว

จรัญ บุญชู

ต้องจัดหนักจัดเต็ม...น้องซินจะได้ติดใจ


singkanong

เรื่องนี้มาแบบธรรมดาแต่คงไม่ธรรมดาแน่อยู่ในวงการแบบนี้จะมีฟริตตี้มาเสนอตัวเยอะแน่ๆเลย

Nithiwit Sakfan

จะมีแบบว่าให้ลุ้นไหมครับ ที่จะการสานต่อแบบคบกันยาวๆ