ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 46

เริ่มโดย เจตภูติ, กรกฎาคม 22, 2021, 10:26:08 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกเว็บอยากอ่านส่วนที่ซ่อนไว้ ในนั้นจะลงช้ากว่าที่เว็บนี้หนึ่งตอนนะครับ
https://www.tunwalai.com/v2/story/499798

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 46

ผ่านมาหลายวันหลังจากเจษฎาไปเคลีย์ปัญหากับเล็กไม่ลงตัว แต่จะเรียกว่าปรับความเข้าใจก็คงไม่ถูกนักเพราะยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ต้องสู้กันซะแล้ว เขาเห็นว่าการแก้ปัญหาเรื่องเล็กของไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในเร็ววัน ก็กลับมาเปิดสำนักให้ผู้คนได้เข้าหา หวังใช้ชาวบ้านเป็นโล่มนุษย์ป้องกันไม่ให้เล็กมีโอกาสลงมือได้ง่ายนัก ซึ่งก็ได้ผลเพราะเล็กเองเงียบหายไปไม่เห็นแม้แต่เงา

ในห้องทำงานของอ๊อดเจ้าของห้องกำลังง่วนอยู่กับการแก้ห่อพัสดุที่เพิ่งจะถูกส่งมาเมื่อตอนเข้ามือเป็นระวิง

"ของพร้อมแล้วพี่จะเอาไงต่อ" อ๊อดว่าพร้อมกับหยิบแบบจำลองลายนิ้วมือของณัฐฐาจากกล่องมาส่งให้เจษฎา

"งานเนี๊ยบดีมากเลย" เจษฎาพลิกดูแผ่นพลาสติกใสที่มีลายพิมพ์นิ้วมือตรวจสอบดูอย่างละเอียด

"พี่เจษจะลงมือเมื่อไหร่เหรอ"

"เร็วๆ นี่แหละ ทางพี่ก็เตรียมการพร้อมแล้ว"

"ทั้งเรื่องไอ้คนลึกลับนั้น แล้วยังเรื่องพี่เล็กอีก พี่ยังจะไปเอาของนั้นอีกเหรอ" สีหน้าอ๊อดเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

"แน่สิ" เจษฎาย้ำความตั้งใจหนักแน่น ยิ่งมีคนตามหาตัวเขามากเท่าไหร่การที่ได้ของนั้นมาไว้ยิ่งต้องทำให้เร็วมากเท่านั้น เพื่อที่จะได้มีไพ่ตายไว้ใช่ในยามฉุกเฉิน

"ถ้าได้ของนั้นมาแล้วพี่จะทำยังไงต่อ" อ๊อดถามอีกอยากจะได้แนวทางไว้ช่วยในการตัดสินใจ

"เอาไว้ให้ได้มาก่อนแล้วค่อยว่ากัน เดี๋ยวพี่ต้องไปเตรียมคนก่อนละ" เจษฎาตัดบทไปเสียก่อนเพราะเขาเองก็ยังไม่มีความแน่นอนในเรื่องอนาคตเหมือนกัน แล้วหยิบโทรศัพมือถือขึ้นมาต่อสายแล้วเดินออกไปจากห้อง

อ๊อดมองตามเจษฎาจนเข้าออกไปจากห้องก็หันกลับมมามองที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แล้วใช้ความคิดว่าต่อจะเอาอย่างไรดีถ้าเจษฎาได้ของที่ต้องการมาอยู่ในมือแล้ว ใจหนึ่งก็อยากจะติดตามเจษฎาต่อไป อีกใจหนึ่งก็คิดจะลงหลักปักฐานอาศัยอยู่ที่นี้ และถ้ามีโอกาศเป็นไปได้ก็อยากจะสานต่อความสัมพันธ์และสร้างครอบครัวกับคนที่ตนรัก แต่ก็กลัวว่าความลับที่เขาซ่อนไว้จะย้อนกลับมาเล่นงาน ยิ่งคิดก้ยิ่งไม่ได้คำตอบได้มองเข้าไปในจอแบบไร้จุดหมาย

.................................................

ที่หน้าบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ชาวบ้านกว่าร้อยชีวิตมารวมตัวกันตะโกนโวกเวกโวยด่าว่าผู้เป็นเจ้าของบ้านด้วยความไม่พอใจ โดยหัวข้อที่เจ้าของบ้านถูกกล่าวหาก็หนีไม่ผ้นเรื่องพฤติกรรมที่ข่มเหงรังแกชาวบ้าน อย่างเช่นเรื่องการทวงหนี้ที่ช่วงนี้เริ่มใช้ความรุนแรงมากขึ้นบ่อยครั้งกับเรื่องที่บีบบังคับซื้อเอาที่ดินของชาวบ้านอย่างไม่เป็นธรรม การชุมนุมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพราะชาวบ้านส่วนใหญ่เกรงกลัวอิทธิพลของกำนันประเสริฐ แต่ครั้งนี้ต่างไปจากเมื่อก่อนเพราะชาวบ้านได้รับการหนุนหลังทางการเงินจากเสี่ยพิพัทธ์และการยุยงปลุกปั่นจากอาจารย์อาคมอย่างเจษฎา ทำให้ชาวบ้านลุกหือขึ้นมาแบบไม่เคยมีมาก่อน

เจษฎาเตรียมการมาหลายวัน โดยให้อ๊อดช่วยปล่อยข่าวเสียหายของกำนันประเสริฐทางโซเชียลมีเดีย และให้ปิยะพงษ์ช่วยปล่อยข่าวลือเรื่องที่ดินที่จะถูกเอาไปทำเป็นโรงงานเผาขยะซ้ำเข้าไปอีก จึงทำให้ความไม่พอใจของชาวบ้านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งหมดทีทำมาก็เพื่อที่สร้างความวุ่นวายให้คนที่คอยดูแลความปลอดภัยในบ้านต้องมาระงับเหตุ เปิดช่องให้ฟิลด์ที่เข้านอกออกในบ้านได้อยู่แล้วมีโอกาสลอบเข้าไปถึงตัวบ้านไปจนถึงห้องนอนของเจ้าของบ้าน

ฟิลด์อาศัยความวุ่นวายที่เกิดขึ้นและฉวยโอกาสที่เจ้าของบ้านออกไปข้างนอก ลอบเข้ามาได้สำเร็จและตรงไปยังตู้เสื้อผ้าตามที่เจษฎาบอก ไม่นานเขาก็หาช่องลับเจอและใช้ลายพิมพ์นิ้วมือที่เจษฎาให้มาทำการเปิดเซฟเอาของที่อยู่ด้านใน

...นี่เหรอของที่อาจารย์อยากได้จนต้องลงทุนไปเกณฑ์ชาวบ้านมาประท้วง ของนี่ก็ดูธรรมดาๆ ไม่น่ามีค่ามีราคาอะไร แต่ก็นะความคิดของคนที่วิชาอาคม คนธรรมดาอย่างเราคงไม่เข้าใจ... ฟิลด์มองกำไลสีดำทำจากโลหะที่ดูเผินๆ เหมือนเถาวัลย์แห้งๆ ด้วยความสงสัยก่อนจะสลัดความคิดนั้นออกจากหัวแล้วหลบออกมาจากบ้านของกำนันประเสริฐได้โดยไม่มีใครทันสังเกตุเพราะมัวแต่วุ่นวายกับการประท้วงที่หน้าบ้าน

.................................................

ที่สวนมะม่วงห่างออกไปจากแหล่งชุมชนที่เจ้าของสวนดัดแปลงพื้นที่บางสวนเป็นสนามซ้อมยิงปืน และพื้นที่อีกหลายจุดทำเป็นป่าช้าสำหรับคนที่ขัดขวางเส้นทางการมีอำนาจของเขา ที่เพิงพักเล็กๆ ปลูกไว้ไม่ห่างจากจุดใช้ซ้อมยิงเป็นที่ที่เจ้าของสวนใช้นั่งพักและดูหน่วยก้านเวลาพวกลูกน้องมาซ้อมฝีมือ

"อยากเจอฉันมีเรื่องอะไร" เล็กมาถึงก็นั่งลงร่วมโต๊ะกับเจ้าของสถานที่และลูกน้องคนสนิท ทันทีที่นั่งลงก็ถามเข้าประเด็นโดยไม่ได้สนใจจะทักทายหรือให้ความเคารพกำนันผู้อิทธิพลที่มานั่งรอเขาอยู่เป็นชั่วโมงแล้ว

"ก็เห็นเงียบหายไปหลายวันแล้ว ก็อยากรู้ว่าพี่เล็กมีแผนจะจัดการกับไอ้หมอผีนั้นยังไงบ้าง" ไอ้รถถังออกปากถามความคืบหน้าแทนผู้เป็นนาย เพราะไม่อยากให้เล็กรู้สึกเหมือนถูกเร่งรัด หรือถูกกดดันจากกำนันประเสริฐโดยตรง จนอาจจะทำให้เล็กไม่พอใจแล้วหนีไป

"คืนนั้นฉันแค่ไปหยั่งเชิง ของมันมีดีพอตัวเลย" เล็กมีสีหน้าเรียบเฉย สวมรอยเป็นจอมขมังเวท แล้ววางทาพูดจากำกวมไปส่งๆ ตัดรำคาญ

"เหรอแล้วพี่เล็กพอจะจัดการมันได้ไหม มีของดีอะไรไปสู้กับมันบ้างรึเปล่า" ไอ้รถถังถามคำถามที่ผู้เป็นนายน่าจะอยากรู้เหมือนกันอย่างตื่นเต้น

เล็กลุกเดินไปที่จุดซ้อมยิงแล้วควักปืนพกสิบเอ็ดมิลเมตรคู่ใจออกมาพร้อมกับหันหน้าเข้าหากำนันหันหลังให้กับคันดินที่วางกระป๋องเครื่องดื่มไว้เป็นเป้าซ้อม ก่อนจะวาดปืนไปด้านหลังแล้วยิงออกไป ลูกกระสุนพุ่งไปเจาะสันดินใต้กระป๋องจนฝุ่นกระจาย กระป๋องเครื่องดื่มเปล่าถูกแรงปะทะดีดให้ลอยขึ้นไปบนอากาศสูงหลายเมตร จากนั้นกระสุนปืนนัดที่สองก็ถูกเล็กยิงออกไป กระสุนนั้นเจาะทะลุกลางกระป๋องที่ลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ แล้วตกลงมาตั้งที่เดิมอย่างอัศจรรย์

"แค่นี้ดีพอไหม" เล็กเดินกลับมานั่งพร้อมกับวางปืนลงบนโต๊ะแล้วมองไปที่ใบหน้าตื่นตะลึงของกำนันประเสริฐและไอ้รถถัง

"ดีพอจ๊ะ" ไอ้รถถังออกปากแทนผู้เป็นนายที่ยังนั่งอาปากค้างให้กับสิ่งที่เห็น เพร้อมจ้องมองเล็กอย่างเลื่อมใสจนแทบจะอยากไปฝากตัวเป็นศิษย์แต่ยังติดที่เกรงใจเจ้านายอยู่

ในขณะที่กำนได้แต่อึ้งจนพูดไม่ออก ตอนแรกที่เขาเห็นเล็กควักปืนออกมายังนึกว่าจะเอามายิงเขาเสียอีก ทำเอาใจเขาหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม ขวัญหนีกระเจิดกระเจิงกว่าจะตั้งหลักได้ก็เสียอาการไปเป็นนาที

"แบบนี้รึเปล่ากำนัน ที่เขาเรียกวิชากระสุนคตนะ" ไอ้รถถังหันไปถามเจ้านายเสียงเบา รู้สึกเป็นบุญตาที่ได้เห็นอะไรแบบนี้กับตา เหมือนตอนที่เห็นเจษฎาใช้วิชาหนังเหนียวไม่มีผิด

"ไม่รู้เหมือนกัน แต่ที่รู้แน่ๆ ไอ้นี่มันของจริง" กำนันกระซิบตอบเสียงสั่น รู้สึกดีใจ ถูกใจ และยิ่งอยากจะได้เล็กมาอยู่ในสังกัดมากขึ้นไปอีก

"พวกกำนันนี่ชอบกระซิบกันจังนะ แต่จะจัดการมันไม่ได้ง่ายเหมือนยิงกระป๋องแบบนี้หรอก ฉันยังต้องเตรียมอย่างอื่นให้พร้อมก่อน" เล็กเองก็พอจะได้ยินที่สองคนนั้นพูดกันก็ไม่ได้ปฏิเสธหรือรับสมอ้างอะไร ปล่อยให้พวกนั้นคิดกันไปเอง เขาจะได้ไม่ต้องโกหก

ไอ้หน้าโหดคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นลงมาจากรถกระบะทันทีที่รถจอดสนิท แล้วตะโกนเข้าหากลุ่มคนที่กำลังสนทนากันอยู่ตั้งแต่ไกล "กำนัน แย่แล้วที่บ้านเกิดเรื่อง"

"เรื่องอะไรวะ" กำนันตะโกนสวนออกไป

"แฮ่กๆ ...ชาวบ้าน...มาประท้วงกันเต็มเลย กำนัน...รีบกลับไปดูก่อนเถอะ" ไอ้หน้าโหดวิ่งมาหยุดที่โต๊ะพูดไปก็หอบไป

"เออๆ สงสัยไอ้หมอผีนั้นก่อเรื่องอีกแล้ว เล็กต้องรีบจัดการมันแล้วนะ ก่อนที่มันจะก่อเรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้" กำนันหันไปบอกเล็กที่นั่งทำหน้าไม่สนใจโลกอยู่ข้างๆ

"ฉันรับปากแล้วว่าจะจัดการ ก็คือจัดการ อย่างมาเรื่องมากน่า" เล็กบ่ายเบี่ยงไม่ใช่แค่ยังหาวิธีจัดการไม่ได้ ยังมีเรื่องที่เขาจะตัดใจฆ่าเจษฎาได้หรือไม่มาเป็นเรื่องให้หนักใจอีกเรื่องหนึ่ง

.................................................

"ฮู้วววว...อาจารย์นี่ยังไง นัดมาในที่หน้ากลัวเป็นบ้า นี่ขนาดยังไม่มืดนะเนี้ย" ฟิลด์ออกจากบ้านกำนันประเสริฐเดินมาถึงสถานที่ที่นัดหมายไว้กับเจษฎา พอมาถึงก็ปาดเหงื่อถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งใจที่สามารถออกจากบ้านมาก่อนที่กำนันประเสริฐหรือคนอื่นในครอบครัวจะเข้ามาที่บ้าน แต่บรรยากาศในที่นัดหมายก็ทำให้เขาต้องบ่นอุบที่เจษฎานัดเขามาเจอที่สุสานคนจีนประจำชุมชนที่ดูแล้ววังเวงชอบกล

"ทำไม ไม่ชอบเหรอ แถวนี่บรรยากาศดีออก" เจษฎาเดินออกมาจากที่ซ่อนด้านหลังหลุมศพขนาดใหญ่ แล้วเข้ามายิ้มทักทายฟิลด์

"แหะๆ ถ้าเลือกได้ไม่มาดีกว่า" ฟิลด์หันไปตามเสียงแล้วหัวเราะแห้งๆ

"แล้วของละ" เจษฎาเข้าเรื่องทันที

"นี่ครับ" ฟิลด์ยื่นถุงใบหนึ่งให้ชายหน้าเข้ม

เจษฎารับถุงมาแล้วล้วงเข้าไปหยิบของชิ้นนั้นแล้วสวมใส่เข้าที่ข้อมือ ก่อนจะหลับตาเหมือนกำลังทำสามธิ จากนั้นเขาก็ลืมตาแล้วเดินเข้าไปใกล้ฟิลด์ แล้วกระซิบที่ข้างหู "งานแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอหรอก เลิกเป็นนักเลงซะแล้วไปหางานสุจริตทำดีกว่า"

"ครับ อาจารย์" ฟิลด์รับคำอย่างว่าง่ายแล้วเดินแข็งทื่อไปที่รถเหมือนกับคนเบลอๆ

เจษฎามองฟิลด์ทำตามคำพูดเขาอย่างพอใจ ก่อนจะมีมีอาการปวดแปล๊บขึ้นมาที่ศรีษะนั้นเป็นสิ่งยืนยันได้ว่าสิ่งที่เขาได้มานั้นเป็นของจริงอย่างแน่นอน

.................................................

ตะวันคล้อยยามบ่ายแก่ๆ ที่ปากทางเข้าบ้านเช่าของเจษฎามีรถกระบะหนึ่งคันจอดซื้อของอยู่ที่หน้าร้านขายของชำ คนภายในรถเห็นเจษฎาขับมอเตอร์ไซค์เลี้ยวเข้าไปก็รีบโทรไปหาลูกพี่ที่สั่งมันมาเฝ้าจับตาดูเจษฎาทันที

"เจอตัวมันแล้วพี่ทศเอาไงต่อดี"

"มึงจับดูมันไว้ ถ้ากูไปช้ามึงก็จัดการก่อนได้เลย"

ทศพลว่างสายอย่างรีบร้อนก่อนจะเรียกระดมพลลูกน้องที่ฤทธิทิ้งไว้ให้รีบออกเดินทางไปที่บ้านเช่าของเจษฎา

.................................................

เจษฎากลับมาที่บ้านเช่าเพื่อเตรียมตัวจะเอาเงินบางส่วนที่เขาซ่อนไว้เพื่อเตรียมจะหลบหนี ระหว่างที่เขากำลังกำลังยุ่งอยู่นั้นก็ต้องตกใจเมื่อมีคนเปิดประตูเข้ามาในบ้าน เขาหันไปดูที่ประตูพร้อมกับตั้งท่าเตรียมที่จะหนี แต่เมื่อมองเห็นว่าแขกไม่ได้รับเชิญในชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์เป็นใครก็ต้องเปลี่ยนใจ

"เธอมาได้...มาทำไม ของอยู่ในมือฉันแล้ว ถ้าจะมาแย่งไปมันคงไม่ง่ายหรอกนะ" เจษฎาเปลี่ยนคำถามก่อนจะหยิบกำไลออกมาจากกระเป๋าเตรียมจะใช้ความสามารถของมัน

"รู้แล้วถึงได้มาคนเดียวนี่ไง แค่อยากมาคุยด้วย" สาวใหญ่พูดจาแบบสบายๆ แสดงให้เห็นว่าเธอเตรียมตัวมาดี ณัฐฐาที่ได้ข้อความแจ้งเตินว่ามีคนกำลังเปิดตู้นิรภัยก็รีบเปิดมือถือตรวจดูกล้องวงจรปิดจนเห็นฟิลด์เดินออกจากตัวบ้านด้วยท่าทางาลุกลี้ลุกลน ก็รีบสั่งให้ลูกน้องรีบตามหาตัวจนเธอตามมาทันตอนที่ฟิลด์ส่งของให้เจษฎาไไปแล้ว เห็นว่าจะเข้าไปชิงมาก็คงทำไม่ได้ก็เลยให้ลูกน้องกลับไป แล้วจึงลอบสะกดรอยตามด้วยตัวเองจนมาถึงมาเช่า

"คุยเรื่องอะไร" เจษฎาถามเสียงเข้มเพราะถือไผ่เหนือกว่า

"คนมีความสารถอย่างเธอจะหาเงินสักก้อนแล้วใช้ชีวิตปกติก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนี่ แล้วจะอยากได้ของที่เหมือนกับมีคำสาปไปทำไม" ณัฐฐาพูดจาหว่านล้อมหวังถ่วงเวลา เพราะตอนนี้เธอก็ไม่วิธีที่จะแย่งเอากำไลออกมาจากมือเจษ

"เธอก็พูดได้สิ ใครมันจะอยากจะมาทำธุรกิจกับคนตัวเปล่าอายุสี่สิบที่เคยติดคุกคดีฉ้อโกง" เจษฎาสวนกลับด้วยเสียงเศร้าๆ ปนน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา และผลจากการกระทำของผู้หญิงตรงหน้า

"...เธอรู้ใช่ไหมว่าของนั่นมีเจ้าของ" ณัฐฐาว่าไปก็ค่อยขยับตัวเข้าหาเจษฎา

"รู้สิ ก็มันเคยส่งคนมาหาตั้งหลายครั้ง" เจษฎายกมือห้ามไว้ พร้อมกับทำท่าจะสวมกำไล

"แต่คงไม่รู้ใช่ไหมว่าเสี่ยวีรชัยไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง" ณัฐฐาหยุดเท้าแล้วจ้องมองกำไลตาไม่กระพริบ

"...เธอว่าไงนะ" เจษฎาแสร้งทำเป็นตกใจ ที่จริงเขาไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่ เพราะอย่างเสี่ยวีรชัยไม่น่ามีปัญญาหาของแบบนี้มาเองได้ ต่อให้หามาได้ก็คงเก็บเอาไว้ใช้เองมากกว่า การที่เอามาใช้ก็คงมีเบื้องหลังจริงๆ

"ของเนี้ยมีคนใช่ให้เสี่ยวีรชัยเอามาให้นายลองใช้" ณัฐฐาว่าเสียงเรียบในหัวก็คิดหาทางแย่งกำไลไปด้วย

"เธอรู้ได้ยังไง แล้วไอ้คนที่เธอว่ามันเป็นใคร" เจษฎาแกล้งโง่เพื่อหาข้อมูล

"ไม่ใช่ใคร แต่พวกไหนต่างหาก ก่อนที่ฉันจะหนีมาอยู่ที่นี้ฉันทำงานให้กับกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง พวกนั้นเรียกตัวเองว่าบริษัท แต่เป็นบริษัทอะไรฉันก็ไม่รู้หรอกนะ" ณัฐฐาบอกข้อมูลออกมาเรื่อยๆ ดึงความสนใจของเจษฎา

"บริษัทอะไรทำไมมันดูลึกลับจริง แล้วไอ้บริษัทที่ว่านี่มันทำอะไร"

"ถ้าเธอตกลงว่าจะให้ฉันเป็นเก็บของนั้นไว้ฉันจะเล่าเรื่องทุกอย่างที่ฉันรู้ และเหตุผลที่ฉันทำกับเธอแบบนั้นให้เธอฟัง" ณัฐฐาลองยื่นข้อเสนอ

"เธอต่อรองได้ด้วยเหรอ" เจษฎาทำท่าไม่เห็นด้วยเพราะยังไงซะถ้าเขาสวมกำไลก็เค้นข้อมูลจากเธอได้อยู่ดี

"...อย่างที่บอกฉันเคยทำงานกับบริษัทมาก่อน ส่วนงานที่ฉันทำก็คือเป็นสายข่าว คอยรายงานความเคลื่อนไหวของเธอ และผลกระทบกับร่างกายของเธอระหว่างที่ครอบครองกำไลนั้น" ณัฐฐารู้ทันความคิดเจษฎาก็ชิงเล่าออกมาก่อนเพื่อถ่วงเวลา

"เดี๋ยวก่อนนะ งั้นเธอก็หลอกฉันมาแต่แรกเลยสิ" เจษฎาเพิ่งจะฉุกคิดขึ้นมาได้ ยิ่งอารมณ์เสียขึ้นไปอีก

"...ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนั้นตอนนี้" สาวสวยรู้สึกผิดนิดๆ ถึงที่ผ่านมาเธอจะอยู่กับเขาเพราะเป็นเรื่องงาน แต่สิ่งดีๆ ที่เขาทำให้กับเธอมันก็ทำให้รู้สึกดีมากจริงๆ

"ถ้าเธอมีหน้าที่แค่เฝ้าดูฉัน ทำไมเธอถึงหักหลังฉันแล้วขโมยกำไลนั้นหนีมาละ หรือว่านั้นเป็นคำสังของบริษัท" เจษฎาถามต่อ

"บริษัทไม่ได้สั่ง แต่ฉันจำเป็นต้องทำ..." สาวใหญ่แสดงออกว่าอึดอัดคล้ายกับลำบากใจที่จะพูดต่อ

"จำเป็นยังไงเธอก็พูดบอกมา ถ้าไม่อธิบายให้ฉันเข้าใจ ฉันก็จะไปแล้ว"

ณัฐฐาถูกดดันมากเข้าโพล่งออกมา "ฉันมีลูก"

"...ลูกของเราเหรอ" เจษฎาอึ้งไปเล็กน้อยไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเรื่องนี้

"......." หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า "ก่อนหน้าที่ฉันจะมาทำการจับตาดูเธอ ฉันเคยไปจับตาดูเป้าหมายอื่นมาก่อน แล้วระหว่างที่ทำงานอยู่ฉันก็พลาดท้อง"

"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเรา" เจษฎาโล่งใจขึ้นมาทันทีเพราะถ้าเป็นลูกของเขารู้มันจะยากมากขึ้นไปอีก

"ลูกขอฉันถูกลักพาตัวไป แล้วไอ้คนที่มันจับลูกฉันไป มันสั่งให้ฉันส่งเธอเข้าคุก จากนั้นมันก็ขโมยเงินกับกำไลนั้นมาให้ฉัน ก่อนจะบอกให้ฉันมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่ยังไงละ" สาวใหญ่ว่าออกมาหมดเปลือกเหมือนได้ระบายความในใจ

"ไอ้คนนั้นมันเป็นใคร" เจษฎามีสีหน้าขึงขังขึ้นมาเมื่อเข้าใกล้คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด

"ฉันไม่เคยเจอตัว เคยได้ยินแต่เสียงที่พูดผ่านเครื่องดัดเสียง"

เจษฎายืนนิ่งเคว้งคว้างในความมืดทั้งความมืดจริงๆ และความมือบอดทางความคิด เขานึกไม่ออกจริงๆ ว่าทำอะไรให้ใครผูกใจเจ็บจนถึงขนาดหาทางส่งเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในคุกเป็นสิบปี แถมยังหาเรื่องวุ่นวายผูกพันเขากับกลุ่มคนประหลาดลึกลับ และยังชักจูงเขาให้ต้องมามีปัญหากับผู้มีอิทธิพลอีก ชีวิตที่เขาคิดว่าสามารถควบคุมได้ด้วยเองกว่าสี่สิบปีที่ผ่านกลับกลายเป็นว่าเวลาเกือบครึ่งหนึ่งของชีวิตถูกใครก็ไม่รู้ที่ไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้าคอยชักใยมาตลอด

"แล้วเธอต้องการอะไร" เจษฎาถามเสียงเข้ม

"ขอร้องละ ส่งของนั้นมาให้ฉันเถอะ ถ้าเธอหนีไปพร้อมกับ ลูกฉันคงจะมีอันตราย" ใบหน้าและแววตาของณัฐฐาฉายความเศร้าและความกังวลออกมา อีกทั้งน้ำเสียงก้สอดคล้องกับสิ่งที่เธอเล่า

เจษฎานิ่งไปยังไม่ทันได้ตัดสินใจจะทำอย่างไรับเรื่องนี้ก็ได้ยินเสียงดังโครมใหญ่มาจากทางหน้าบ้าน

.................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

wichan9418


oddsk

มีความสุขกับถ่านไฟเก่าอีกสักรอบจะเป็นไรไป

pimmy121

ทำไมเรื่องเจษมันวุ่นวายขนาดนี้ ความลับของบริษัทนี้มันอะไรกันแน่ ใครจะบุกมาให้เจษลองพลังของกำไลให้คนอ่านได้รู้มีเถอะ

au2000

เรื่องยุ่งยากมากขึ้นอีก อาจารย์ไหวมั้ย

จรัญ บุญชู

อาจารย์คืนให้ก็โง่ล่ะครับ...ตอนที่เขาอยู่กับจารย์...เขาอยู่เพราะงานของเขา

nar007

มาแบบนี้ อ.เจษมีเจ็บตัวอีกแน่เลยวันนี้ ถ้านายเล็กมาสมทบอีกนี่รอดยางเลย

Fazz

อาจารย์คงไม่พลาดเสียเชิงเมียเก่านะครับ

Chan_Som

ในที่สุดของลึกลับนั้นก็ปรากฎออกอย่างชัดเจน แต่พลังของลึกลับนั้นสิ น่าสนใจยิ่งกว่า มันสามารถทำอะไรได้บ้างต้องติดตามต่อ  ::Ahoo::

ชาย ชุดแดง

 ::HeyHey:: ::YehYeh::สงครามจักรวาลที่แท้จริงได้อุบัติขึ้นแล้วโลกต้องแตกเป็นเสี่ยงแน่นอน


××Mon××

ถ้าจ๋ามีลูก ไม่ใช่ว่าเป็นธิชาหรือป่าวน้อ เพราะเธอก็ทำงานให้กับบริษัทนั้น

x99

ดราม่าเรื่องจ๋า จะทำให้จารย์เราเปลี่ยนใจหรือป่าว เล็กก็อันตรายมาก จารย์เจษท่าจะแย่แล้ว

munkza

เป็นนางนกต่อมาโดยตลอด ถึงเค้าทำดีให้เท่าไหร่ก็ไม่รักหรอก

ภูเขา

ลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนจริงๆ​ ตกลงใครอยู่เบื้องหลังเนี่ย