ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ครั้งหนึ่ง ณ.ร้านคาราโอเกะ Part5 ตอนที่ 62 ( ประสบการณ์ตรงของนายโมโนโทน )

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, กรกฎาคม 23, 2021, 12:11:16 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ หน่วงกันพอหรือยังล่ะคร๊าบ

ร้านคาราโอเกะเปิดแล้ว สองมือล้างแอลกอฮอล์

จับแมสค์ แล้วเข้ามาเลย

ยินดีต้อนรับสมาชิกร้านเกะท่านใหม่ๆด้วย

แล้วก็ขอบคุณสำหรับลูกค้าผู้ที่มาเยี่ยมร้านเกะตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงปัจจุบัน

รู้สึกขอบคุณมากๆเลยคร๊าบบบบบบ ขอบคุณทุกคอมเมนต์จริงๆครับ  ผมอ่านทุกตอมเมนต์นะครับ สั้นยาวผมก็อ่านหมด

และขอบคุณทุก EDIT และแสดงความคิดเห็นเพิ่มหลังอ่านจบ  มันเป็นกำลังใจอย่างดี

อย่างที่บอกครับกระทู้นี้ Free STYLE คอมเมนต์อะไรก็ได้ครับ เพื่อจะอ่านเนื้อหาที่ซ่อนไว้

ไม่จำเป็นต้อง EDIT ไม่ต้องกลัวผิดกฎใดๆ แต่ระวังกระทู้อื่นๆ หมวดอื่นๆด้วยนะครับ

เราต้องทำตามกฎของบอร์ดและกระทู้นั้นๆนะครับ เพราะเวลา MOD ลงดาบก็เด็ดขาดมา



★★★★★★★★★★★


ปล. สำหรับท่านที่ต้องการอ่าน ซีรีย์คาราโอเกะ หรือ ทุกซีรีย์ย้อนหลัง

สามารถคลิกที่ภาพ เพื่อวาร์ปไปห้องสมุดนายโทนได้เลยครับ







★★★★★★★★★★★



ปล.2 สำหรับใครสมาชิกใหม่ที่พึ่งสมัครเมมยูซเซอร์เข้ามาแล้วพออ่านเรื่องนี้แล้วอยากอ่านต่อก็ง่ายๆครับ
ตามภาพเลย ขั้นตอน 1 2 3  แต่ระวังการคอมเมนต์ไว้ให้ดีๆ อย่ามาแต่ อีโม นะ







★★★★★★★★★★★




ปล.3 อัดไป 41,000 ตัวอักษรหวังว่าจะไม่เยอะเกินไปนะครับ



★★★★★★★★★★★




ความเดิมตอนที่แล้ว


ผมกลับมาบ้านครับ กลับมาพักใจ พักเรื่องราวต่างๆที่วุ่นวาย

แต่ก็พักได้ไม่ทันไรก็มีแขกมาเยือน ซึ่งนั่นก็คือเหมียวครับ



★★★★★★★★★★★



ไดอารี่นายโทนตอนที่ 62




เดี๋ยวๆ เหมียวมาไงเนี่ย เหมียวบอกผมว่านี่จะให้ยืนคุยตรงนี้จริงอ่ะยุงกัดแล้วนะ ผมก็รีบเปิดประตูให้เข้ามาครับ พอปิดผมก็รีบถามว่าเหมียวมาได้ยังไงเนี่ย เหมียวก็บอกผมว่าลืมแล้วเหรอตอนทำนันทนาการที่ทะเล มีการแลกที่อยู่กันไว้เผื่อติดต่อยามฉุกเฉินไง



ผมก็หือ ? เหรอวะ ?? แล้วมาทำไมเนี่ยบ้านเรากับที่พักเหมียวมันไม่ได้ใกล้ๆกันเลยนะ เหมียวก็มองๆแล้วถามว่าไปทำอะไรมาอีกเนี่ย เหมียวจิ้มๆที่แผลซึ่งผมก็บอกว่าเจ็บนะเหมียว เหมียวบอกขอโทษน๊า แล้วก็ยิ้มๆ ผมก็เฮ้อทำไงได้ล่ะนอกจากเชิญเข้าบ้าน


พอเข้าไปถึงพ่อผมก็ถอดนั่งชันเข่าอ่านหนังสือมวยอยู่เลย พอผมก็สตั๊นไปละครับแบบนี้ใครมาอีก พ่อผมก็ลุกไปเลยเรียก แม่มึง แม่มึงงงงง แม่ผมที่ทำอะไรสักอย่างอยู่หลังบ้านก็เดินมา พอมาถึงก็สตั๊นเหมือนกัน ผมก็บอกว่าเหมียว พ่อกับแม่เรา



เหมียวก็ยกมือไหว้สวัสดีค่ะ สวัสดีค่ะ พ่อกับแม่ผมก็รับไหว้จ้ะ จ้ะ เหมียวแนะนำตัวว่าหนูเป็นเพื่อนที่ทำงานของโทนค่ะพอดีแวะเอาเอกสารมาให้โทนค่ะ พ่อผมก็มองหน้าแม่แล้วหันมายิ้มเจื่อนๆแล้วอื้มงั้นตามสบายละหนู แล้วแม่ผมก็เดินกลับไปหลังบ้าน ส่วนพ่อก็เดินกลับมานั่งที่เดิม



เหมียวถามว่าโทนเราขอเข้าห้องน้ำหน่อยได้มั้ย ผมก็หือ อ่อ อื้มๆ เดินระวังหน่อยนะเดี๋ยวลื่น พอเหมียวเดินเข้าไปในห้องน้ำพ่อผมมาล็อคคอเลยครับ ถามเฮ้ยไปหลอกเขามาเหรอ ผมก็บอกพ่อจะบ้าเหรอ ใครไปหลอกมา ก็เห็นว่าผมอยู่บ้านเนี่ย



พ่อผมก็บอก โอ้ ขุนแผนสำแดงเดช ตายละกูเลี้ยงไหวมั้ยวะเนี่ย ผมก็บอกพ่อใจเย็นๆๆ จะเลี้ยงหลานอะไร ผมยังไม่มีแฟน มีเมียเลยนะ แล้วพ่อผมทำไงรู้มั้ย พ่อผมยกมือขึ้นมานับ นับ นับ แล้วตบไหล่แปะๆ พกถุงเอาแล้วกันนะ พ๊อออ อะไรของพ่อเนี่ย



ผมก็ถามอะไรเนี่ยพ่อ พ่อผมก็บอกว่าที่ให้แนะนำให้เลิกเล่นยูโด เพราะอยากให้หาอะไรใหม่ๆ อยากให้ลองอะไรใหม่ๆในชีวิต ไม่ใช่พาผู้หญิงมาบ้านไม่ซ้ำหน้า ผมบอกไม่ใช่แล้วพ่อผมไม่ได้พามาเขาเอง พ่อผมถามว่านี่มึงแอบไปบูชาสีผึ้งจากวัดหลวงพ่อเปิ่น นครปฐมมาป่ะเนี่ย ผมก็บอกเปล่า พ่อผมถามอีกว่า


[ พ่อ ]  :  หรือขุนแผนที่คอมึงออกฤทธิ์


[ ผม ]  : โอยยยยยย อย่าถามแบบนั้น


[ พ่อ ]  :  หรือพระปิดตาหลวงปู่โต๊ะ


[ ผม ]  :  ไม่ใช่แล้วพ่อ แขวนอยู่บนห้องนู่น


[ พ่อ ]  :  แล้วเบี้ยแก้ล่ะ ยังอยู่มั้ย


[ ผม ]  :  ก็ติดตัวไว้อยู่



พ่อผมก็ถาม ๆ ๆ ๆ  แล้วเหมียวก็ออกมาจากห้องน้ำครับ แล้วด้วยความที่ห้องน้ำบ้านผมมันค่อนข้างฝืดเวลาเปิดก็เสียงดัง พอเหมียวเปิดแอ๊ดดดด มาผมกับพ่อก็หยุดทะเลาะกันครับ พ่อผมก็นั่งอ่านหนังสือมวย หนังสือพระของเขาไปต่อ เหมียวออกมา ผมก็ถามว่ากินอะไรยังเนี่ยมาไกลขนาดนี้


เหมียวก็ทำท่าอิดๆออดๆ ผมก็บอกมากินข้าวเลยค่อยคุยกัน ผมถามเหมียวว่ากินพวกผักลวกได้มั้ย เหมียวบอกได้ๆๆ ผมก็เดินเข้าครัวไปเปิดตู้กับข้าวหยิบของมาให้เหมียวครับ บ้านผมแปลกอย่างนึงคือจะหมดเงินกับข้าวสารไปเยอะมาก อาจจะฟังแล้วดูแปลกๆ แต่ที่บ้านจะกินแต่ข้าวหอมมะลิครับ


พ่อบอกว่าทำงานมาเหนื่อยๆก็อยากกินข้าวที่มันอร่อยๆ แพงยังไงก็ซื้อครับ แต่ดูเหมือนว่าบ้านผมจะไม่ต้องกังเวลเรื่องข้าวอ่ะ เพราะว่าข้าวหอมมะลิกองพะเนินอยู่ในห้องเก็บของแห้ง ขอนอกเรื่องนิดนึงเนื่องจากบ้านผมมันก็เป็นบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้ แล้วก็ไม่ได้มิดชิดอะไร



มันก็เสี่ยงที่จะชื้นอ่ะแหละครับ พ่อเลยทำห้องเก็บของแห้งครับ ก็พวกของกินอะไรนี่แหละ แล้วตอนนี้คือพื้นที่ครึ่งนึงของห้องคือถูกแทนที่ด้วยข้าวหอมมะลิหลายกระสอบเลย แถมยังมีไม้พาเลทมาวางให้เรียบร้อยเลย ซึ่งไม่รู้แหละว่าจากพ่อพี่แมนหรือพ่อคุณรุกะ แต่ก็ขอขอบคุณเขาไว้เลย อ่ะกลับมาต่อ ๆ ๆ 



ผมตักข้าวมาให้เหมียวนะ ซึ่งเธอก็นั่งตรงนั้นแหละ มีผักลวกอยู่ น้ำพริกปลาทู มีต้มยำขาหมูในหม้อ มีไข่ตุ๋นอีก ผมถามเหมียวว่ากินได้มั้ยถ้ากินไม่ได้เราจะไปหาซื้ออะไรเพิ่มมาให้ เหมียวบอกกินได้ๆ ๆ ๆ  ซึ่งเธอก็กินได้จริงๆนั่นแหละ ผมก็นั่งลงแล้วถามว่าถึงนี่ได้ไงเนี่ย



เพราะที่อยู่ที่เขียนไปก็แค่บ้านเลขที่นี่ เหมียวบอกว่าก็แค่ถามว่าบ้านโทนอยู่ตรงไหนคะ หนูมาจากที่ทำงานโทน เขาก็บอกทางมานี่แหละ เหมียวยังบอกว่าดีเนาะเป็นคนของประชาชนดีจังถามใคร ใครก็รู้จัก ผมกุมขมับเลย โอ่ยยย อะไรวะเนี่ย



ผมก็ถามว่าแล้วนี่มายังไงอ่ะ เหมียวบอกว่า TAXI ก็ออกมาจากที่ทำงานตอน 4 โมงเย็นอ่ะ ที่แผนกวุ่นวายชะมัดเลยไม่อยากอยู่ ผมก็ถามว่ามันวุ่นวายได้ไงล่ะ ก็หัวหน้าประชุมทุกคนก็น่าจะได้พักสบายๆนี่นา เหมียวตักข้าวไปเคี้ยวไป พอหมดคำเธอก็บอกว่าก็เพราะผมไม่อยู่ ไม่มีคนประสานงาน หลักๆ ผมก็ถอนหายใจแล้วพูดไปนะ



ทำงานกันไม่เป็นหรือไงหัวหงอกกันจะหมดแล้ว แล้วแม่ผมก็บอกว่าจะพูดถึงคนที่อายุเยอะกว่า เลือกคำให้ถูกหน่อย ถึงเขาจะดีจะเลวยังไงก็อายุเยอะกว่า ทำงานมาก่อน  ผมก็อือรู้แล้ว ผมถามว่าแล้วเอาอะไรมาให้เหรอ เหมียวก็บอกว่ากินข้าวก่อนได้มั้ยง่าเราหิวข้าวมากมายย



ผมก็บอกอื้มๆ แล้วก็ลุกไปหยิบน้ำเย็นมาให้เธอ ผมก็มองนาฬิกานะ อุ่ยย จะทุ่มนึงแล้ว หลังจากที่กินเสร็จเรียบร้อยแม่ก็บอกว่าเอาจานไว้นั่นแหละเดี๋ยวแม่เก็บจานเองไปคุยเรื่องงานกันเถอะ แล้วจะไปคุยตรงไหนล่ะ..... แล้วบ้านผมพอเริ่มมืดแล้ว ก็ไม่อยากพาคนแปลกหน้าไปเดินครับ ไม่ใช่ไรหรอก



ผมกลัวว่าแขกผมจะเจอเจ้าของบ้านตัวจริง เดินแว๊ปไปแว๊ปมาแค่นั้นเอง พี่หมิวพี่เตยอ่ะเจอบ่อยเลยตอนมาบ้านแรกๆ  แล้วรอบๆบ้านผมมันก็ยังไงดีล่ะอันนี้พูดในสายตาคนที่ไม่เคยมานะ มันก็มืดๆแหละครับ ใครไม่เคยมาก็จะวังเวงหลัง ระวังหลัง แต่กลางวันมันก็สวยแหละ มีแต่คนบอก... อื้มมันยังเหลืออีกที่นึงนี่นา




ก็กระท่อมของผมนั่นแหละ อย่างที่เคยบอกไปหลายตอนก่อนว่า มันเคยเป็นที่เก็บของ พวกเครื่องมือต่างๆของพ่ออ่ะ พอเราขยับขยายบ้านพ่อก็เลยไม่ได้ใช้งาน ผมก็เลยบอกงั้นขอเอาไว้เก็บของที่ไม่ได้ใช้ แต่เอาจริงๆถ้าไม่ใช่หน้าหนาว หรือ อากาศเย็นๆ ผมก็ไม่ค่อยได้เข้าไปนอนหรอก



จริงอยู่ที่ตัวบ้านถูกทำใหม่เปลี่ยนจากสังกะสีมาเป็นหญ้าคาและใบจาก ถ้าเกิดว่าวันไหนแดดเปรี้ยงๆมันก็ร้อนอยู่ดีแหละครับ แต่ว่าวันนี้แทบไม่มีแดดเลย อืมมม จำตำนานเทพวายุตอนที่40 ได้ไหมล่ะ ที่บอกว่าในเขตอาคม จริงๆแล้วผมก็หน้าด้านเอาบ้านเล็กๆของผมนี่แหละไปเป็นต้นแบบ คือบ้านหลังนี้มันค่อนข้างกว้างนิดนึงนะ พูดภาษาชาวบ้านคือ


ยาว 7 เมตร กว้างประมาณ 6 เมตร สูงก็จะ4 เมตรแหละ ให้นึกถึงตู้คอนเทนเนอร์อ่ะครับ แต่แค่กว้างกว่าแค่นั้น ที่ต้องยาวขนาดนี้ เพราะเมื่อก่อนเอาไว้เก็บไม้ไผ่ครับ มันเลยต้องยาวเกือบ 8 เมตรเหมือนทางเดินหลวงปู่เค็มแบบนี้ แต่พอเอาพวกไม้ไผ่พวกของอะไรออกไปแล้วข้างในก็จะมีพวกของที่ผมไม่ค่อยได้ใช้ หรือไม่มีเวลาใช้ ตัวอย่างเช่น พวกกระจกที่เมื่อก่อน


ตัดสติ๊กเกอร์แล้วกัดเป็นรูปต่างๆ จอมเกบลูมั่ง โดเรมอนมั่ง ดิจิมอนมั่ง แล้วก็พวกอุปกรณ์ต่อกันดั้มที่ผมไม่ได้ใช้ อ้อที่นี่ก็มีพวกแคร่ พวกตั่ง พวกที่ผ้าห่มแหละครับยามฉุกเฉิน ซึ่งผมก็กดเปิดไฟนะต่อไฟมาจากในบ้าน พอเข้ามาอื้มก็สว่างดี เหมียวถามว่าเปิดไฟทำไมอ่ะ



ผมก็บอกว่าไปคุยหลังบ้านกันและถามเหมียวว่านั่งคุยข้างในได้มั้ย เหมียวมองแล้วบอกอื้อได้สิ่ เหมียวจับมือผมไว้นะซึ่งกระท่อมมันก็ห่างจากบ้านราวๆ 10 เมตรครับไม่ไกลมากหรอก พอเข้าไปถึง ผมก็เปิดไฟก่อนเลย ตอนแรกเหมียวดูงงๆนะ แต่พอได้มองไปรอบๆ เธอก็ดูผ่อนคลายขึ้น ผมก็นั่งที่โต๊ะแล้วผมก็ถามว่าอื้อมีงานอะไรมั่งเหรอ



เหมียวก็หยิบเอกสารมาให้ ผมหยิบๆมาดูก็พบว่ามันเป็นเอกสารเกี่ยวกับงานที่พึ่งไปทำที่เชียงใหม่มา ผมถามว่าทำไมเหรอ มีอะไรเหรอ เราไม่เข้าใจงานพวกนี้ เหมียวบอกว่าอยากให้ผมช่วยสรุปให้อีกรอบ เพราะว่าที่ทำงานไม่มีคนเข้าใจเลย โทนไปเอาคำศัพท์ยากๆพวกนี้มาจากไหน



ตอนนั้นผมเอนหลังเลยนะ บอกโอยยยย มันทำงานกันมากี่ปีเนี่ย คือพูดแบบลืมตัวเลย เหมียวจับมือผมแล้วบอกใจเย็นนะโทนเป็นอะไรเนี่ยช่วงนี้เหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเองเลย ผมก็บอกว่าเหนื่อย เหนื่อยมันทุกอย่าง เหมียวก็บอกใจเย็นๆนะโทน เราไม่น่ามาเลยเนี่ยดูดิ่ทำให้เครียดอีก



ผมก็บอกไม่หรอก เหมียวไม่ได้ทำอะไรนี่ อย่าคิดมากดิ่ แล้วถ้าเราพูดอะไรแรงๆไปช่วยทำเป็นหูทวนลมทีนะ เราก็เก็บอาการไม่ค่อยอยู่เหมือนกัน แล้วผมก็เงยหน้าขึ้นมาหลังจากเอนหลังห้อยอยู่เกือบ 30 วินาที แล้วเป็นยังไง วูบสิ่ครับ เคยป่ะเหมือนเลือดมันมาเลี้ยงไม่ทัน



อยู่ดีๆผมก็หน้ามืดหัวทรงตัวไม่อยู่หัวกระแทกโต๊ะเลย อูยย เจ็บชิบหาย เหมียวก็ว๊ายย โทนเป็นไรผมก็ก้มหน้าทั้งๆแบบนั้นแหละ เอาหน้าแนบโต๊ะไว้จะได้ไม่รู้สึกว่ากำลังลอย ผมบอกไม่เป็นไร ไม่เป็นไร มึนหัวนิดหน่อย ตอนนี้ในหัวคือ มันวึ้บ วึ้บ วึ้บ


อธิบายไม่ถูกเหมือนว่ามันมีภาพเบลอๆดำๆ ผ่านตาแว๊ปไปแว๊ปมา ไม่ใช่สิ่งเล้นลับนะแต่เป็นบ่อยตอนที่วิ่งกลางแดด ผมต้องนั่งนิ่งๆเกือบนาที มันถึงจะดีขึ้น พอเงยหน้ามาอีกทีเหมียวก็หน้าตาดูกังวลเลย ผมบอกไม่เป็นไรแล้วล่ะ เหมียวก็บอกโทนเป็นไรอ่ะ ไม่เคยเห็นโทนเป็นงี้เลย




เฮ้อ คือผมขอถามท่านผู้อ่านนะเคยเป็นแบบผมป่ะ ตอนที่ยังปกติดีอะไรทนได้เราก็ทนนะ แต่พอเราเริ่มคิดลบแล้ว อะไรที่ผ่านๆมาเราทนได้ แต่เราเลือกที่จะไม่ทันเพราะคิดว่ามันคงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะวะ เหมียวพูดว่าโทนคนเดิมหายไปไหนน๊ากลับมาเร็วๆนะ ผมก็บอกเหมียวว่า ไม่กลับแล้ว



แต่เหมียวก็ลุกแล้วมากอดเลย เธอยืนแล้วกอดผมเลยนะตอนนั้นหน้าผมก็นะซบอกเธอไปโดยปริยายนั่นแหละ เหมียวบอกว่าไม่เอาดิ่ เป็นคนเดิมอ่ะดีแล้ว ตอนนี้ก็อาจจะเป๋ๆไปบ้างแหละไม่เป็นไรหรอกโน๊ะ ผมก็เงยหน้าคือรู้แหละว่าโดนหน้าอกของเธอแล้ว



ผมว่าเหมียวเองก็รู้สึกได้ เธอกอดที่หัวผมไว้แล้วพูดว่าเข้าใจมั้ย ผมก็ทำหน้าเซ็งๆ เหมียวก็บอกว่า เอ.... คนที่เรียกพี่เหมียวครับ พี่เหมียวครับไปไหนเนี่ย เจอแต่คนหน้าบูดเนี่ย ไม่น่ารักเลย ผมก็บอกปล่อยเลยไม่ใช่เด็กแล้วนะ เหมียวก็บอกว่าแต่ตอนนี้ทำตัวเป็นเด็กอยู่นะ




ผมก็ก้มหน้าซบร่องอกเธอนั่นแหละ กลิ่นตัวเหมียวก็หอมเหมือนกันนะนิ แต่ก่อนที่ผมจะเคลิ้มไปมากกว่านี้ ผมก็ถามว่าจะกลับกี่โมงจะได้ไปส่ง เหมียวถามว่าโหจะไปส่งถึงคอนโดเลยเหรอ ผมก็อึกๆอักๆนะ บอกตามตรงว่าไม่อยากจะเดินทางไกลตอนนี้ มันกระอักกระอ่วนบอกไม่ถูกนะ



ผมก็เงยหน้ามองเธออีกทีเหมียวก็ยังกอดคอผมไว้นะ ผมก็พูดตัดบทว่าทำงานต่อกันเถอะเดียวมันดึกนะ เหมียวก็บอกว่าไม่มีแล้ว มาแค่นี้แหละ ผมก็ฮึ๊ !!!?? แค่เนี๊ยะ !!! เหมียวบอกอื้อก็แค่นี้แหละ แค่นี้ก็น่าปวดหัวแล้วไม่ใช่เหรอ ผมก็นิ่งแล้วบอกอือ เหมียวถามนะเหนื่อยมั้ย ถ้าเหนื่อยให้ยืมซบ




ผมก็เหนื่อยนะ แต่ก็ต้องบอกว่าไม่เป็นไร อยู่เหมียวก็กอดแน่นเลยแล้วบอกอ่ะพักๆๆ ผมบอกไม่เป็นไรไปข้างนอกกันแล้วตอนนั้นมันก็วูบๆครับ หรือเมื่อวานเสียเลือดเยอะไปวะ เพราะตอนที่เลือดไหลก็ไม่ได้สนใจอะไรด้วย เวรละไง ผมก็อึ้ก เบลอๆ ๆ ๆ ๆ



เหมียวถามเป็นอะไรโทน เป็นอะไรโทน ผมก็ค่อยๆพยุงตัวแล้วบอกโทษนะขอเราพัก 5 นาที ผมเดินไปที่พื้นยกระดับ หรือพูดให้ถูกก็ถือพื้นที่ที่เป็นที่นอนครับ ผมเดินไป 2 – 3 ก้าวก็ถึงพื้นในกระท่อมนี้เป็นดินนี่แหละ แต่ก็จะมีพวกฟางข้าวแห้งๆเอาไว้ ไม่รู้เว้ยบางทีก็ชอบเดินเท้าเปล่ามันฟินดี



ผมเดินมาแล้วก็ทิ้งตัวนอนเลยเหมียวก็ถามว่าไหวมั้ยผมบอกอื้อ มึนหัวเฉยๆ เหมียวเข้ามาจับหน้าของผมแล้วถามว่าไปมีเรื่องมาอีกแล้วเหรอ หน้าถึงช้ำแบบนี้ ผมบอกเปล่าหรอก เรานอนพักแปปนะ ตอนนั้นคือโกยผ้า โกยอะไรมารองหัว แต่ผมลืมไปว่า แม่น่าจะเก็บไปหมดแล้ว



ตอนนั้นเหมียวก็บอกมานี่เลย แล้วเธอก็ดึงผมไปหนุนตักเลย เหมียวบอกว่านี่แหละจะไปไหน ผมก็บอกไม่เอา เหมียวบอกนอนเลย 5 นาทีไม่เป็นไร ผมก็เถียงไม่ไหวแล้วรู้ตัวดีเลยตอนนั้นว่ามึนหัว ผมก็นอนหนุนตักเหมียวบนที่นอนไป แล้วก็หายใจเข้าลึกๆ ลึกๆ เฮ้อออ



เหมียวถามว่าไปมีเรื่องที่ไหนมาอีกเนี่ย ทำไมเดี๋ยวนี้เอะอะก็มีแผลหืม ผมก็บอกเปล่านี่ไม่มีไรหรอก เหมียวก็บอกหลักฐานอยู่บนหน้าเนี่ยยังจะบอกว่าเปล่าเหรอ ผมก็ตัดบทถามเลยว่าแล้วเหมียวจะกลับเมื่อไร แล้วพอถามเนี่ย ครืนนน เอาแล้วไง กรมอุตุฯ เล่นกูแล้วไง




ไหนบอกว่าวันนี้แค่มีเมฆ จะไม่มีฝนตก แต่นี่ฮึ่ม ๆ ๆ ๆ ๆ มาแต่ไกลเลย ผมก็บอกป่ะเหมียวเดี๋ยวเราไปส่งขึ้น Taxi ดีกว่า เหมียวก็บอกว่าโหย มายังไม่ทันหายเหนื่อยเลยเนี่ยขอนั่งอีกแปปไม่ได้เหรอ ผมก็บอกว่าถ้าฝนมันตกมันจะออกไปยากนะ เหมียวก็เห็นนี่ว่าบ้านเราอ่ะ มันไม่มีรถโดยสาร นอกจากมอเตอร์ไซค์วิน



แล้วถ้าฝนตกจะกลับไงเนี่ยยยย ผมก็บ่นๆเหมียวครับแล้วก็จะลุกไปส่ง เหมียวทำหน้ามุ่ยๆแล้วบอกเชอะ ผมก็เอ้าอะไรละนั่น แล้วบรรยากาศในเมืองกับบ้านสวนมันต่างกันนะเวลาฝนจะตก คือพอในเมืองเนี่ยเวลาเจอเมฆมืดๆก็จะแบบโอ๊วว ฝนมาแน่ ฝนมาแน่



แต่ในบ้านสวนมันจะแตกต่างออกไปนิดหน่อย เวลาคุณเดินผ่านต้นไม้ตอนล้มพัดแรงๆคุณยังกลัวมันโค่น ยังกลัวเสียงมันเลยจริงมั้ย แล้วคิดดูว่าตอนนี้ผมมีต้นไม้เป็นร้อนต้นล้อมรอบสิ่ เสียงใบไม้สะบัด เสียงต้นไม้โยกตามแรงลม มันจะมากกว่าปกติกี่เท่า แล้วที่สำคัญไอ้กระท่อมของผมเนี่ยมันก็มีสั่นมีไหวเหมือนกันนะ



คือลมที่พัดเข้ามา มันเป็นลมเย็นๆเหมือนว่าพัดผ่านเม็ดฝนมา รู้เลยว่าตกแน่ๆ ผมก็บอกว่าเหมียวเราว่าฝนจะตกแล้วล่ะ เดี๋ยวเราไปส่งหน้าปากซอย แต่มันก็ไม่ทันแล้วครับ ซ่าาาาาา ฝนตกลงมาแล้วววว เอ่อก่อนอื่นเลยผมต้องกราบขออภัยท่านผู้อ่านนะครับ



ที่ก่อนหน้านี้บอกว่าบ้านตรงนี้เป็นสังกะสี มันเป็นความคลาดเคลื่อนนิดหน่อยครับ พึ่งกลับมานั่งดูรูปในช่วงๆนั้นปรากฏว่าบ้านหลังนั้นถูกเปลี่ยนจากสังกะสีเป็นหลังคาใบจาก ใบหญ้าคา สารพัดพืช เลยครับแล้วครับ รอบๆตัวบ้านก็เหมือนกัน อ่ะกลับมาต่อครับ ฝนเทลงมาแล้วล่ะครับ



อืมมม จะพูดยังไงดีล่ะถ้าอยู่บนถนนก็จะได้กลิ่นปูนเปียกน้ำ ถ้าอยู่บนป่าหรือหรือพื้นที่ที่หญ้าเยอะๆ คุณก็จะได้กลิ่นหญ้าที่เปียกน้ำลอยเข้ามาในจมูก ผมชอบกลิ่นแบบนี้นะ เหมียวก็ดึงคอเสื้อ ใช่ครับท่านฟังไม่ผิดเหมียวดึงคอเสื้อผมแล้วบอกว่ามานอนนี่เลย ไม่ใช่ว่าเพราะเลือดไหลเยอะจนตาลายเหรอเนี่ย



เหมียวพูดแล้วก็ดึงผมลงไปนอนหนุนตักเหมือนเดิม แล้วเสียงที่มันดังตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นเสียงธรรมชาติรังสรรค์ราวกับว่านี่คือ วงดนตรีธรรมชาติ เสียงลม เสียงฝนกระทบสิ่งรอบๆ หลังคาใบจาก ต้นไม้ ประตู หรือพื้นดิน อ่าส์หรือว่าผมจะกลับมาอยู่บ้านดีกว่าไปดิ้นรนข้างนอกดีนะ และเสียงที่ผมได้ยินตอนนี้เป็นเสียงนี้ครับ พยายามคัดแบบใกล้เคียงมาแล้ว






ผมก็จำใจ จำใจจริงจรี๊งงงง จำใจขึ้นมานอนหนุนตักเหมียวครับ พอได้หลับตา พอได้สูดกลิ่นที่คุ้นเคย ผมหมายถึงกลิ่นดิน กลิ่นหญ้าครับ มันผ่อนคลายจริงๆนะ สักพักเหมียวก็บอกว่าอิจฉาโทนจังบ้านอยู่ใกล้แค่นี้ แถมรอบบ้านก็ดีมากๆเลยอ่ะฝนตกนี่สวรรค์เลย ผมก็ถาม เหรอ เหมียวตอบอื้มจริงสิ่



ผมก็บอกเหมียวนะว่า แต่เอาจริงๆก็ไม่น่าลำบากมานี่เลยนะไกลก็ไกล เหมียวบอกว่าบ่นอีกแล้ว เราไม่ได้เดินมาซักหน่อย เรานั่งรถ taxi มานะ ไกลไม่ไกลไม่ใช่ปัญหาเลย เหมียวก็บอกว่าเฮ้อมีพนักงานบริษัทที่ไหนเป็นแบบโทนมั่งเนี่ย หน้าเขียว หน้าช้ำไปทำงานทุกวัน



พวกพนักงานคนอื่นๆเขาก็อยากหล่อ อยากดูดี ให้สาวๆดูแต่โทนนี่สิ่ Don't care เลย ผมก็บอกเหมียวว่าถ้าต้องทำถึงขนาดนั้นเพื่อให้คนมองมันก็ไม่ไหวหรอก แค่เราแต่งตัวไปทำงานแค่นั้นก็ว่าดีแล้วนะ เพราะว่าพอถึงที่ทำงานเราก็เข้าห้องทำงานเลย ไม่มีเวลาไปเดินโฉบแผนกอื่นๆหรอก


เหมียวดีดหัวผมแล้วบอก นี่แน่ะเวลาสาวๆพูดอ่ะฟังมั่งสิ่อิตาบ้า ผมก็เฮ้อ ก็เพราะฟังสาวๆไงเลยมีสภาพแบบนี้ อันนี้ผมคิดในใจนะ พอซักพักฝนก็แผ่วๆลงหน่อยนึงแหละ ผมมองนาฬิการุ่นเก่าที่ไขลาน จะมีเสียงดังก๊องแก๊งๆ ทุกๆครึ่งชั่วโมงข้างๆฝาผนัก อืมจะทุ่มครึ่งแล้ว....



ผมเริ่มคิดว่าจะเอาไงต่อดีนะ ผมบอกเหมียวนะว่าป่ะไปที่บ้านกันจะได้เตรียมตัวกลับเดี๋ยวเรานั่ง Taxi ไปส่ง เหมียวก็อื้อๆ แต่ด้วยความที่ว่าเหมียวเธอใส่รองเท้าคัทชู แล้วตอนนี้ดินมันค่อนช้างชุ่มไปด้วยน้ำฝน หรือพูดให้ดีคือถ้าเดินไปเหยียบละก็ไม่หัวทิ่มก็เละเทะอ่ะครับ ผมเลยบอกว่าเดินระวังๆหน่อยนะ เหมียวก็บอกไอ้บ้าโทนพูดง่ายๆแบบนั้นใครจะไปทำได้ล่ะ



ผมก็เฮ้อ อุ้มเลย ก็อุ้มแบบอุ้มเจ้าสาวแหละ ก็จะให้ขี่หลังมันก็ยังไงอยู่กระโปรงทำงานมันเสี่ยงจะขาด ผมก็อุ้ม อุ้มเดินมา เหมียวก็บอกว่าแน่ะจับหน้าอกเราเหรอ ผมก็บอกก็นี่มันท่าบังคับนี่นาจะให้ทำไงได้ล่ะเหมียวก็บอกชิพวกฉวยโอกาส ผมเลยพูดเล่นๆว่าเดี๋ยวจะพาขึ้นห้องไปขยำเลย




เหมียวบอกพูดเองน๊า พอมาใกล้ๆบ้านซึ่งมันจะเป็นพื้นปูนผมก็วางเหมียวลงครับ ตอนนั้นพ่อแม่ก็ถามว่าจะไปส่งหนูเหมียวเมื่อไรนี่ก็ดึกแล้วนะ แล้วพอแม่ผมพูดเท่านั้นตายห่าแล้วววววว เทวาดาซักผ้าหรือไงวะ ฝนตกหนักกว่าเดิมอีก เหมียวหันมามองหน้าผมเลย รวมถึงพ่อแม่ด้วย



แล้วเคราะห์ซ้ำกรรมซัดฝนก็ตกหนักม๊ากกก มากๆเลยก็ว่าได้ครับ แม่ผมบอกแย่แล้วสิ่แบบนี้กว่าจะได้ออกไปไม่ดึกดื่นหมดเหรอเนี่ย แม่มองๆแล้วถามว่าหนูเหมียวจะค้างที่นี่ก่อนมั้ยลูก ถ้าออกไปตอนนี้กว่าจะกลับถึงบ้านคงเป็นหวัดแน่ๆ


ฮ๊ะ !!! เดี๋ยวสิ่ขอรับพระมารดา เมื่อกี้พระมารดาพูดว่าอะไรนะ ผมเดินไปพูดกระซิบเบาๆเลย แม่ แม่พูดไรเนี่ย แล้วจะให้เหมียวนอนไหนล่ะ แม่บอกว่าก็ให้นอนที่ห้องไง แล้วโทนก็ลงมานอนข้างล่างมุ้งก็มี อื้อหือออออ คิดเร็วทำเร็ว เจ็บจี๊ดเลยแม่ผม



พ่อก็บอกว่า... พ่ออาบน้ำละ เอ้า พ่อไหงงั้นล่ะ แม่ก็ถามอีกครั้งว่าหนูเหมียวนอนได้มั้ยลูก ห้องเจ้าโทนก็บ้านๆนี่แหละ อาจจะไม่ได้สะดวกสบายเท่าไร แต่ก็อาจจะดีกว่าต้องเดินทางตอนนี้ รู้มั้ยครับเหมียวตอบว่าไง เหมียวบอกว่านอนได้สบายเลยค่ะ ดูดู๊ดู เหมียวตอบแบบไม่ลังเลเลยอ่ะ แม่ก็บอกอื้ม งั้นโทนลงมานอนข้างล่างนี่นะ



แล้วแม่ผมก็เดินกลับไปหลังบ้านเพื่อปิดประตูอีกรอบผม ก็เดินขึ้นไปในห้องเลยซึ่งก็แน่นอนแหละครับเหมียวตามมาด้วย ห้องตอนนี้ก็เย็นๆแล้วครับไม่ร้อนเท่าไร เปิดปุ๊ปก็ปิดปั๊ป ผมบอกว่าเหมียวนอนนี่น่ะ เหมียวก็เกาะแขนไว้แล้วถามว่าจะไปนอนข้างล่างจริงง่ะ ผมก็บอกอื้มเดี๋ยวลงไปนอนข้างล่างเอง



เหมียวเปลี่ยนมากอดเอวผมนะ แล้วก็บอกว่านอนด้วยกันนี่แหละ จะให้เจ้าของห้องลงไปนอนข้างล่างมันก็แปลกๆแหละ ผมบอกว่าให้นอนด้วยกันนี่แหละแปลก เหมียวก็ถามว่าตอนไปทะเลก็นอนด้วยกันมาแล้วง่ะ ไม่เห็นต้องอาย อย่าอายดิ่ หรือว่าเขินเรา ผมกอดเอวแล้วถามกลับไปว่า



ลืมแล้วเหรอว่าที่ทะเลใครกันที่ร้องไม่เป็นศัพท์เลย เหมียวตีผมดังเผี๊ยะเลยตอนนั้นบอกไอ้บ้าก็ตอนนั้นมันไม่เกี่ยวอ่ะ เธอลงไปนั่งที่ฟูกนอนเลยล่ะ ผมก็ลงไปนั่งข้างๆแล้วก็ทิ้งตัวลงนอนเลยล่ะครับ บอกว่าเดี๋ยวรอพ่อกับแม่อาบน้ำก่อนเหมียวค่อยไปอาบนะ แล้วผมก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้า



เอ่ออย่าเรียกว่าเดินเลย เรียกว่าก้าวขาดีกว่า เพราะไม่มีก้าวก็ถึงมุมห้องแล้ว ผมถามว่าใส่เสื้อผ้าของเรานอนได้มั้ย เหมียวบอกอื้อๆได้แล้วผมก็หยิบมาให้เธอ เป็นกางเกง JJ กับเสื้อยืดตัวนึง พอผ่านไปสักพักผมได้ยินเสียงประตูห้องแม่ปิดอีกครั้งก็บอกว่าป่ะเหมียวไปอาบน้ำ


ซึ่งมันก็เป็นปกตินะที่พ่อกับของผมจะนอนเร็วเพราะตอนเช้าก็ต้องตื่นมาใส่ปุ๋ย ก็ถ้าวันไหนฝนตกนะ วันรุ่งขึ้นพ่อกับคนข้างๆบ้านจะรีบมาช่วยกันใส่ปุ๋ยเลย มันเป็นการประหยัดน้ำไปในตัวครับ พ่อกับแม่ผมก็นอนแล้ว เหมียวที่จะค้างที่บ้านผมก็อาบน้ำครับ



ผมถามว่าแน่ใจนะจะค้างน่ะ เหมียวก็บอกว่า 3 ทุ่มแล้วง่าไม่อยากกลับแล้ว ผมก็อื้มเอาเถอะ ก็ที่ทะเลก็ทำกันซะขนาดนั้นแล้ว คงไม่ต้องอายหรือเขินอะไรกันแล้วล่ะ แต่ก่อนอื่นเพื่อความแน่ใจ ผมถามเหมียวว่าตอนนี้ยังไม่ได้มีแฟนเป็นตัวเป็นตนใช่มะ เหมียวก็มองๆแล้วถามว่าทำไมถามแบบนั้นล่ะ



ผมก็เกาหัว แกร่กๆแล้วบอกว่า มันจะรู้สึกไม่ดีอ่ะถ้าต้องนอนค้างห้องเดียวกับผู้หญิงที่มีแฟนแล้วอ่ะ จะว่าผมคิดมากก็ได้แต่ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆแหละครับ ผมยิ้มแล้วบอกว่าม่ายมี มีคนมาจีบแต่ไม่ได้สนใจอะไร ตอนนี้ไม่ได้เหงาอะไร แค่ทำงานก็เหนื่อยแล้ว ยังไม่อยากมีแฟนเป็นตัวเป็นตน สบายใจยัง




ผมก็อื้มโอเคครับ แล้วเธอก็บอกว่าไม่เหมือนใครบางคนหรอก มีสาวๆมาหาไม่เว้นแต่ละวัน ผมก็สะอึกนิดนึงแล้วบอกไปๆๆ ไปอาบน้ำ เดี๋ยวเราลงไปนั่งข้างล่างเป็นเพื่อน แล้วเหมียวก็หันมาบอกอื้อดีจังเพราะก็กลัวๆเหมือนกัน กลัวว่าเวลาสระผมแล้วผีจะมาแฮ่ ผมก็บอกว่าคิดมากน่ะ




เหมียวลงไปอาบน้ำทั้งๆชุดนั้นแหละแล้วค่อยเปลี่ยนในห้องน้ำเอา ผมก็ค่อยๆเดินล่ะนะเพราะไม้มันก็เอี๊ยดอ๊าดเวลาเดิน แน่นอนล่ะอย่าได้คิดเชียวว่าจะทำกิจกรรมเข้าจังหวะอะไร เพราะยังไงก็คงได้ยินลั่นบ้านแน่ๆ ผมเดินลงมาก่อนเหมียวนะ เพราะบันไดบ้านผมมันค่อนข้างชันสำหรับคนทั่วไป



ผมก็ให้เธอจับมือเดินลงมาเรื่อยๆ เหมียวก็ถามผมว่าแน่ะ จับมือแบบนี้คิดทำอะไรป่ะเนี่ย จะบิ๊วเราเหรอ ผมก็บอกว่าตลกแล้วทำอะไรล่ะ เหมียวถามทำไมเหรอออ ผมก็บอกเธอไปว่าขนาดที่ทะเลยังร้องดังขนาดนั้น แล้วที่บ้านนี่ไม่ได้ยินไปถึงปากซอยเลยเหรอ



เหมียวตีหน้าอกผมเบาๆ แล้วบอกว่าก็ใครทำแรงล่ะเชอะ แล้วเธอก็เดินไปห้องน้ำครับ แต่ก่อนจะเข้าห้องไป ผมถามว่าใช้พวกแชมพูได้แน่นะ มันมีแต่ซันซิลน่ะ เหมียวบอกว่าได้แหละ แค่วันเดียวผมมันไม่เสียหรอก อ่ะโอเคตามนั้น พอเธอเข้าไปอาบน้ำ ผมก็นั่งรอข้างนอกนะ เธอก็เรียกผมมาเรื่อยๆ ซึ่งผมก็อื้มอยู่ๆ




จนผ่านไปราวๆ 10 นาทีมั้งไม่แน่ใจเท่าไรนะ เหมียวก็เปิดประตูออกมา ตอนแรกผมก็งงใครวะ อ้อเหมียวนี่เองโทษทีครับ พอหน้าสดแล้วจำไม่ได้ ถามว่าสวยฟริ๊งเหมือนตอนแต่งหน้ามั้ย ก็ไม่ แต่คือน่ารักแบบใสๆอ่ะ สำหรับเหมียวการไม่แต่งหน้านั้น !!!


" ผ่าน ผ่าน ผ่าน "



เหมียวถามว่ามองไรเนี่ย ผมก็บอกเปล่านี่ เหมียวหยิบเสื้อผ้าออกมาพับ พับ พับ แล้วบอกแล้วโทนไม่อาบน้ำเหรอ ผมก็บอกอื้มเดี๋ยวอาบแล้ว เหมียวบอกก็อาบสิ่เดี๋ยวจะรอ ผมบอกว่าเดี๋ยวพาขึ้นไปส่งก่อนเหมียวก็บอกว่าไม่เอาดิ่ อุตส่าห์นั่งรอเรา เราก็นั่งรอได้



อื้ม ผมตอบไปแบบนั้นเพราะขี้เกียจเถียงแล้วล่ะ ผมขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูลงมา แล้วก็เข้าไปอาบเลยครับ แต่คราวนี้เหมียวกลับมาถามผมว่าสบายม๊ายยยย  เสร็จยางงงง เฮ้ออะไรของเขาก็หลังจากอาบน้ำเสร็จ ออกมาเหมียวก็รออยู่เหมือนเดิมแหละครับ แต่ผมที่สระเหมือนจะแห้งแล้วนะ



ผมก็ถามว่าขึ้นไปห้องเลยมั้ย เหมียวก็บอกอื้อไปสิ่ ตอนนั้นผมก็ให้เธอเดินนำหน้าไปนะ เพราะถ้าเวลาก้าวขึ้นบันไดพลาด ผมก็จะคอยรับ แต่ก็โชคดีไปที่ไม่มีอะไร ความรู้สึกตอนนี้มันก็คล้ายๆกับที่ทะเลนะ แต่มันก็แค่คล้ายเฉยๆ เพราะความกว้างของห้องและความหรูหรา เทียบกันไม่ได้เลย




เข้าไปก็คือพร้อมนอนเลย ผมก็ถามว่านอนได้แน่นะเหมียว เหมียวบอกอื้อก็แค่นอนเอง ผมเข้ามาก็นั่งเป่าผมหน้าพัดลมนั่นแหละครับ อืมม พออยู่เงียบๆแล้วก็เริ่มคิดหนักอีกแล้วสิ่ผม แต่ว่าตอนนั้นเหมียวก็มานั่งข้างๆถามว่าโทนเป็นอะไรมั้ย ผมถามว่าหืมหมายความว่าไงเนี่ย


ผมพูดแล้วก็สลัดความคิดในหัวออกแล้วก็ก้มหัวสางผมให้พัดลมเป่าเข้าไปให้โดนทุกซอกรูขุมขน เหมียวก็บอกว่าตอนนี้เราคิดว่าโทนมีเรื่องไม่สบายใจอ่ะ ผมก็เงียบแล้วเหมียวก็บอกว่าก็อาจจะมากกว่า 1 เรื่องแหละ ผมก็ถามว่าทำไมเหมียวคิดแบบนั้นล่ะ ซึ่งเหมียวก็ตอบว่า


" ก็โทนทำหน้า เหมือนตอนที่รู้ว่าเราเป็นแฟนนัทอ่ะ "



อื้อหืออ บักนัท บักนัท บักน๊าททททท เฮ้อช่างมันเถอะ ผมก็ถามว่าเหรอ เราไม่เห็นรู้เลย เหมียวก็เข้ามาและบีบหน้าผมแน่นเลย ผู้หญิงเขาเป็นอะไรชอบบีบหน้าน๊อออ เหมียวบอกว่าก็ทำหน้าแบบนี้แหละ แต่ตอนนั้นไม่เห็นอาละวาดจนแผนกระเบิดแบบนี้เลย



ผมก็บ่นอู้อี้ไปว่าไม่เห็นจำได้เลย เหมียวบอกผมอีกนะว่ารู้ป่ะเนี่ย ว่าตอนนี้หัวหน้าองค์ประทับมากเลย ใครทำงานอะไรก็หงุดหงิดไปหมด ผมบอกไม่รู้สิ่ วัยทองมั้ง เหมียวบีบหน้าผมแน่นกว่าเดิมแล้วบอกว่าหัวหน้าพึ่งจะ 30 กลางๆนะวัยทองอะไรกันเนี่ย



ผมก็บอกไอ้อู๊ ไม่รู้ ไม่รู้ นาฬิกาก็ไม่รู้ เอ่อ... ผมว่าไม่ใช่ละ กลับมาก่อน ผมบอกว่าไม่รู้นิ แล้วตอนนั้นเว้ยไม่รู้ว่าอะไรดลใจทำให้ผมมองไปที่จุด ที่เหมียวกองเสื้อผ้าไว้ แล้วอยู่ดีๆเหมือนผมเบิกเนตรสีขาวได้ ผมเห็นเสื้อในของเหมียวที่พับไว้มันโผล่ออกมา



เดี๋ยวๆ ๆ ๆ  ถ้าเสื้อในเหมียวอยู่ตรงนั้นงั้นก็แปลว่า ผมหันมามองเหมียวแล้วก็... ก้มมองหน้าอกแบบเผลอเลยนะ แล้วเป็นไงรู้มะ เหมียวบอกว่าก็มีอยู่ชุดเดียวอ่ะก็ต้องตากป่ะ ผมก็อ่ออื้ม ซึ่งพอผมเส้นผมแห้งแล้ว ผมก็ถามว่าเหมียวนอนบนฟูกเราได้ใช่มั้ย



คือไม่ได้อยากจะอะไรนะ แต่บอกตามตรงการนอนเสื่อน้ำมันในสภาพฝนปรอยๆงี้มันเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบเลย เพราะเวลาหนาวมันหนาวจนพูดไม่ออกจริงๆนะ ผมก็ตั้งใจจะนอนฟูกแหละ ถึงมันจะไม่ได้ใหญ่เหมือนที่นอนคิงไซส์ที่ก็นอนได้สองคนสบายๆแหละ



เหมียวบอกอื้มนอนได้สบายมาก ผมก็ทิ้งตัวลงนอนนะ แล้วพี่แกก็ลงมานอนข้างๆ ผมก็ถามว่าไม่อึดอัดเหรอไงเนี่ย เหมียวบอกว่าก็เปล่า แล้วตอนนั้นฝนก็เพิ่มระดับจากปรอยๆ มาเริ่มทำให้เปียกๆได้แล้วล่ะ เหมียวถามผมนะว่าไหวมั้ย ผมถามอะไรอีกเหรอ แล้วตอนนั้นมือถือเหมียวก็สายเข้าครับ



ผมก็ไม่ได้อยากที่จะวุ่นวายเรื่องของเหมียวเธอรับแล้วมานอนซุกแขนผมผม ฮัลโหลค่ะ เหมียวพูดทันทีที่กดรับสาย แล้วก็มีคนพูดมาอู้อี้ อู้อี้ เป็นเสียงผู้ชายครับถามว่าเหมียวทำอะไรอยู่เหรอครับ ผมก็หืมนี่เหรอบอกว่าไม่มีแฟนเนี่ย ผมก็นอนๆหันหน้าไปไปข้างๆนะ



แต่อยู่ดีๆเหมียวก็ถามออกมาดื้อๆว่าไปไหนเนี่ย แล้วก็เขยิบๆเข้ามาชิดกว่าเดินจนจะสิงร่างอยู่แล้ว จากนั้นก็ทุบอกผมดึงปึ้ก !!!  ผมก็โอ๊ย เจ็บนะเนี่ยเหมียวทุบทำไมเนี่ย ผมก็พูดออกไปเลยก็มันเจ็บนี่หว่า เหมียวก็บอกว่าก็นอนอยู่ดีๆเขยิบหนีทำไมล่ะโดนซะมั่งหมั่นใส้



ผมก็พูดว่าเอ้าอะไรเนี่ย แล้วคนปลายสายเหมียวมันก็พูดออกมาว่าเอ่อเหมียวอยู่ไหนเหรอ เหมียวก็บอกว่าอ๋อโทษนะพอดีมาบ้านแฟนน่ะ แล้วเชื่อป่ะหลายสายวางสายไปเลยเว้ย ตื้ด ๆ ๆ ๆ  ผมก็มองเหมียวละทีนี้ เหมียวก็วางโทรศัพท์และแหงนมามองผมแล้วยิ้ม พูดฮี่ ฮี่



ผมก็ถามนะที่มาเนี่ยเพราะแบบนี้เหรอ เอาจริงๆถ้าย้อนเวลาไปได้ผมก็อยากตบหัวตัวเองนะ ตอนนั้นคิดอะไรก็ลบๆไปหมด เหมียวก็บีบจมูกแล้วบอกว่า มันบังเอิญเท่านั้นแหละค่าคุณขา เราไม่ลงทุนนั่งรถมาเมื่อยก้นเพราะเหตุผลแค่นี้หรอก มันบังเอิญที่เขาโทรมาพอดี




เหมียวเข้ามานอนเบียดแล้วบอกว่า จริงๆเขาก็หล่อนะแต่นิสัยไม่ไหวเลยชอบโชว์นู่นนี่นั่น น่าเบื่อ ทำอย่างกับว่าเราทำอะไรไม่เป็น ผมก็บอกเดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ๆ   บอกเฉยๆไม่ต้องลูบ ช่ายครับเพราะตอนนี้เหมียวเธอกำลังล้วงมือเข้ามาลูบท้องของผมอยู่ เหมียวก็บอกแบร่ ๆ ๆ  ไม่น่ารักเลยอ่ะน้องโทน




ผมก็บอกเดี๋ยว ๆ ๆ อะไร น้องโทนอะไร เหมียวก็บอกนะว่าเมื่อก่อนยังเรียกพี่เหมียวอยู่เลย อะไรเนี่ยน่าน้อยใจจังเลย ผมดีดหน้าผากเธอเบาๆเลย แล้วถามว่า ใครล่ะที่บอกว่าไม่ต้องเรียกพี่ เพราะไม่อยากดูแก่น่ะหือ เหมียวก็บอกห๋อยยย จำไว้เลย



เธอขยับเข้ามานอนกอด ผมก็บอกว่าเดี๋ยวๆไหนบอกจะนอน เหมียวก็ถามกลับว่าแล้วตอนนี้เธอนั่งอยู่เหรอไง แล้วเป็นไงต่อรู้มะอยู่ดีๆเพื่อนร่วมงานคนสวยก็ขึ้นมานั่งคร่อมแล้วบอกว่านี่ไงนั่งแล้ว ผมก็บอกจ้ะ จ้ะ แล้วเหมียวก็ขยับนิดๆแล้วก็หัวเราะเหมือนแกล้งผม


เธอบอกทิ้งตัวลงมาซบอกแล้วบอกว่า เหนื่อยง่ะนั่งรถมาเนื๊อยเหนื่อยผมก็บอกว่างั้นนอนเลยพรุ่งนี้อาจจะต้องนั่งรถแต่เช้า ต้องกลับไปคอนโดแล้วค่อยไปทำงานไม่ใช่เหรอ เหมียวส่ายหัวแล้วบอกว่าพรุ่งนี้เขาหยุดกันเหอะ ผมก็ถามหืมหยุดอะไรเหรอ เหมียวบอกว่าก็มีประชุมฝ่ายนี่นา



อ่าส์ให้พวกท่านจำไว้ว่าตอนนี้เหมียวนอนหนุนแขนขวา เหมียวพูดแล้วก็ถามว่ามือยังเจ็บมั้ยเนี่ย ผมก็บอกว่าไม่เจ็บแล้ว แล้วอยู่ดีๆเหมียวก็ง่ำเข้าที่ข้อมือ ผมร้องโอ๊ยเลยครับตอนนั้น เหมียวก็บอกนะว่านี่ไงยังเจ็บอยู่ เหมียจับมือมาลูบ ๆ ๆ ๆ แล้วบอกว่า เลิกทำตัวอวดเก่งเฮ๊อะ




ผมก็อ่าส์... หยิบผ้าห่มมาปิดช่วงล่างไว้เพราะมันก็ดึ๋งดั๋งตามปกติของมันนั่นแหละนะ เหมียวก็ถามว่าแล้วหัวหน้าสั่งพักงานกี่วันอ่ะ ผมก็บอกว่าอาทิตย์นึงแหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะกลับไปทำงานดีเปล่า เหมียวบอกว่ากลับไปเถอะโทน งานมันยิ่งหายากๆอยู่ ทำงานแค่ปีเดียวแต่มาได้ขนาดนี้มันหายากนะ




แล้วถ้าเริ่มงานใหม่ ก็เท่ากับต้องเรียนรู้งานอื่นใหม่หมดเลย แถมที่สำคัญเงินเดือนก็ยังลดอีก ค่าใช้จ่ายมันก็เยอะแบบนี้ถ้าลดรายรับไปมันจะไม่แย่เหรอโทน สิ่งที่เหมียวพูดมามันไม่มีข้อไหนที่ผมจะเถียงได้เลยครับ เพราะบอกตามตรงว่างานที่ทำตอนนี้มันไม่ได้ตรงสายที่เรียนมา



พูดตรงๆก็คือความรู้ที่เรียนมา4 ปีแทบไม่ได้ใช้เลย แล้วตอนเริ่มงานใหม่ๆที่นี่มันก็ไม่ได้ง่ายเลยจริงๆครับ ผมนอนไปเหมียวก็บีบๆนวดๆมือไป มันก็เงียบ ๆ เลยล่ะตอนนั้นได้ยินเสียงเม็ดฝนตกกระทบสังหลังคากระเบื้องเลยล่ะ ขอรีรันคำพูดเดิมๆครับว่า ยุคที่ผมกำลังเล่านั้น



สมาร์ทโฟนยังไม่บูมเท่าไร อินเตอร์เนทไร้สาย คนก็ยังไม่ค่อยเข้าถึงแน่นอนว่า พอผมปิดBB และไม่ได้เปิดคอมพิวเตอร์เท่ากับผมคือคนป่าเลยทีเดียว เหมียวก็เหมือนกัน เหมียวบีบๆมือไปเรื่อยๆ ผมก็ทำเหมือนนิ่งๆนะแต่ช่วงล่างมันก็แข็งโด่ตามประสาของมัน



ถ้าผมบอกว่ามันไม่แข็ง ไม่โด่ มันก็ดูจะเหนือมนุษย์เกินไปจริงมั้ย เหมียวก็ถามว่าหนาวเหรอห่มผ้าอ่ะ ผมก็บอกอื้ม ผมก็บอกว่านอนเถอะดึกแล้ว เหมียวก็ร้อง ง่าาาา  3ทุ่มเนี่ยนะดึกไรเนี่ย ผมเลยพลิกตัวไปถามเหมียวว่าจะนอนมั้ยเนี่ย เหมียวขยับมาจุ๊ปแล้วบอกม่ายนอน




 


เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Joepure~☆

ร้านเปิดแล้ว ขอนั่งหัวโต๊ะโลด
โพสดีใจก่อนค่อยมา edit เอา


Edit: ดาวมาละจ้า
"พี่โทนกำลังเข้าใจผิด"
มีอธิบายกันยาวแน่นอน!!
วาร์ปไปตอน 63 เลยได้ม่ะเนี่ย อยากรู้วุ้ย!!

GU Koy


wangdora29


deamondear

ตัวประกอบมาทำมายยยย กลับปายยยย

ปล.เป็นครั้งแรกตอนแรกเลยที่โครตขัดใจและไม่ตั้งใจอ่านเรื่องของเหมียวเลื่อนๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆมาอ่านด้านล่างตอนจบแทน

ต้องขอโทษที่ไม่ตั้งใจอ่านตอนนี้ด้วยครับ อารมณ์เหมือนเหมียวกลัวตกขบวนมากกว่าจะมาด้วยใจจริง อ่านละหงุดหงิดอ่าาา



ปู่หมาป่า

มาแล้วหรือโทน รอกันหลายคนเลย หายดีแล้วนะหลาน รักษาสุขภาพนะ


ryg123456


only1A

จองโต๊ะแถวหน้าเลย วันนี้ ลุยๆ

ดาวมาง้อแล้วๆ



Darkreader


au2000