ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

Ice Princess Side Story " เทพีบ้านไพร " บทที่ 2

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, กรกฎาคม 30, 2021, 01:19:01 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ความเดิมตอนที่แล้วไม่สปอยแล้วกัน





หืมยืนอยู่นี่ไง เมียพี่ยืนอยู่นี่ไง เดี๋ยวๆๆ นี่อะไรกันเนี่ย แล้วมิ้นต์พูดไม่พอจ้องหน้าผมอีก กลับกลายเป็นผมที่ต้องเขินแทน ผมก็รีบพูดเลยว่าไปดูของกินเพิ่มกันมั้ย มิ้นต์บอกอื้มๆไปสิ่ ผมก็เดินไปซื้อพวกไก่ พวกหมูย่างครับ ซื้อหลายอย่างเลยแล้วก็ไม่ลืมซาลาเปา ปาท่องโก๋แน่นอน


ซึ่งพอซื้อเสร็จเราก็กลับมาที่มอไซค์และบิดกลับบ้านเลยล่ะครับ ช่วงเช้าๆ หมอกริมรั้ว ลอยอยู่บนต้นไม้ระดับสายตา เย็นมากๆเลยล่ะ ขากลับเจ้าหญิงน้ำแข็งกอดเอวแล้วบอกว่า ขับช้าๆหน่อยดิ่พี่โทนหมอกสวยดี ผมก็ถามว่าแน่ะ ให้ขับช้าเพราะอยากกอดพี่นานๆอ๊ะเปล่า มิ้นต์บอกนะว่าอยากดูหมอกเหอะ ผมก็จ้าๆ แล้วก็บิดฟีโน่ ไปเรื่อยๆ แล้วอยู่ดีๆเจ้าหญิงน้ำแข็งก็กอดผมแน่นเลย เธอบอกว่า กลับไปบ้านค่อยกอดก็ได้ อ่ะเฮื้ออออออออ ผมเสียดายนะ ที่ไม่สามารถหาภาพบรรยากาศตอนเช้าๆมาให้ทุกท่านได้เห็นกัน แต่ก็ต้องเข้าใจทาง Google ล่ะครับว่าเขาก็ทำตามหน้าที่ของเขาจริงๆ



ถนนที่นี่ก็อยากที่เห็น แค่เป็นปูนเทเพื่อให้เดินทางได้สะดวก ไหล่ทางก็เป็นเขตสวนเขตไร่ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า หมอกมันอยู่รอบๆตัวนั่นเองครับ ตามภาพท่านก็คงเห็นว่า ถนนเป็นแค่สองเลนสวนกันไปมา ไม่มีตีเส้นแบ่งเลนอีกต่างหาก  ตอนขับลงมาอาจจะไม่ชัดแต่ขากลับนี่ขัดเลยว่าผมกำลังขับมอเตอร์ไซค์ขึ้นเนิน



มิ้นต์กอดเอวแล้วเอี้ยวตัวมาดู บอกนี่บ้านป้าอยู่บนเขาจริงๆง่ะ ผมก็บอกอื้มก็ใช้น่ะสิ่ยัยบ๊อง มิ้นต์บอกว่า มิ้นต์ไม่ได้บ๊องนะพี่โทน ผมก็บอกจ้า ๆ ๆ มิ้นต์กอดผมแน่นขึ้นแล้วบอกว่า อยู่ที่นี่ได้กี่วันเหรอ





ผมก็ถามหืมทำไมล่ะ มิ้นต์บอกว่าอยากอยู่สัก 2-3 วัน ผมก็บอกว่าตามใจสิ่ก็ตั้งใจพามาเที่ยว ก็ต้องตามใจอยู่แล้ว มิ้นต์กอดเอวผม คือมองไม่เห็นแต่คงจะเอียงหน้าซบหลังแหละครับ ผมขับมาเรื่อยๆจนมาถึงทางเลี้ยวไปบ้านป้า




แต่ว่ายังครับยังก่อน ผมแวะร้านค้าก่อนขับตรงไปแล้วจะเป็นร้านค้า ที่ผมว่าใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านนี้นะ ถ้าพูดถึงร้านค้าแว๊ปแรกคิดถึงอะไรครับ ขนม เครื่องดื่ม น้ำเย็น ยาสีฟัน แปรงสีฟัน แล้วก็อื่นๆจริงมั้ย แต่นั่นมันในกรุงเทพฯครับ



แล้วที่นี่คือต่างจังหวัดซึ่งเป็นแหล่งปลูกสับปะรด เพราะงั้นของที่ขายในร้านนี้มันมีมากกว่านั้นครับ เรียกได้ว่าเป็นร้านที่มีทุกอย่างเท่าที่จำเป็นต้องใช้เลยล่ะ ถ่านหุงข้าว เตาอั้งโล่ หวดนึ่งข้าวเหนียว ไม้หวาด ปุ๋ยเม็ด ปุ๋ยน้ำ เมล็ดพันธุ์พืช น้ำมันรถไถแบ่งใส่แกลลอน หมวกไอ้โม่งคลุมหน้า


มันก็มีแบบดีๆตามภาพเลยนะ 90 กว่าบาท แต่ก็จะมีแบบถูกๆคือเอาเศษผ้ามาเย็บรวมๆกันก็ 30 บาท มันจะเป็นนะพวกนี้น่ะ แล้วอย่าลืมนะครับว่าสวนที่ผมกำลังบอกมันคือไร่สับปะรดที่อยู่บนภูเขา มันเป็นพื้นราบสลับชันบนภูเขา ไม่มีต้นไม้ที่จะให้หลบแดดเลยครับ



คือไม่ใช่ว่าไม่มี คือมี มีเยอะด้วย แต่ว่าพื้นที่ไร่สัปปะรดมันจะโล่งเหมือนสนามฟุตบอลเลยว่างั้นเถอะ อีกอย่างถุงมือครับต้องมีก็ถุงมือก่อสร้างทั่วไปแหละครับ แล้วก็มีอีกสารพัดเลย ร้านนี้คือของเยอะมากครับ แล้วก็มีพวกมีดหั่นหมาก มีดพร้า ใบพลู เอาง่ายๆคือของที่ไม่ค่อยมีขายในร้านกรุงเทพนั่นแหละ



มิ้นต์มองแล้วแบบเหมือนเด็กเห็นของเล่นอ่ะ พี่โทนนั่นไรอ่ะ พี่โทนนั่นไรอ่ะ ผมก็ต้องตามบอก บอก บอก แทบจะทุกอย่าง ผมจูงมือมิ้นต์มาตรงมุมชุดทำงาน ผมก็หยิบหมวกเลือกให้มิ้นต์ ผมบอกมิ้นต์ว่าถ้าเข้าไปในสวนมันจะร้อนมาก มิ้นต์ต้องใส่นะห้ามดื้อ



มิ้นต์ก็ถามว่าแล้วถ้าดื้อล่ะ จะดุมิ้นต์เหรอ ผมก็ถามว่าพี่เคยทำแบบนั้นเหรอ มิ้นต์บอกเคยสิ่ พี่เคยดุมิ้นต์ โอยย แล้วคือทำหน้าแบบเหมือนงอนๆอ่ะ น่าร๊ากกก มิ้นต์ใส่หมวกชาวสวนแล้วทำหน้างอนๆแบบนี้ก็น่ารักดีนะครับ ผมลูบหัวเบาๆแล้วบอกว่าไม่ดุแล้ว ไหนบอกว่าดีกันแล้วไง




มิ้นต์บอกอื้มยกโทษให้ก็ได้ ผมก็ถามว่าเดี๋ยว ๆ ๆ ๆ อะไรใครยกโทษให้ มิ้นต์ก็บอกว่าไม่รู้อ่ะ ไม่รู้ เธอเดินไปส่องกระจกจับหมวก ๆ ๆ หมุนๆให้เข้ารูปแล้วหันมาถามผมว่าสวยมั้ย ซึ่งคำตอบเดียวที่ผมตอบไปก็คงเป็นคำตอบที่ทุกคนอยากจะพูดแหละครับ



แล้วลุงเจ้าของร้านก็เดินมา เอ้าาาาาาา  บักโทนมาบ้านแม่นบ๊อ  ผมไหว้แล้วบอกครับ มาเยี่ยมป้า แล้วลุงหันมาก็ถามว่า โอ้มาเมียมาเยี่ยมเลาบ่อ ผมก็ตอบว่าครับ ลุงเขาเดินไปหยิบของต่อมิ้นต์ก็ถามว่าพี่โทน มะกี้แปลว่าอะไร พามาเยี่ยมเลา ผมก็บอกว่าอ๋อ ลุงเขาถามว่า พาเมียมาเยี่ยมเขาเหรอ เลาก็คือเขานั่นแหละ เขาก็คงหมายถึงป้า



มิ้นต์บอกงื้มๆเข้าใจแล้ว แต่เอ๊ะทำไมมิ้นต์ไม่แปลกใจที่ผมเรียกว่าเมียเลยนะ มิ้นต์หันมามองแล้วถามว่าอะไร มองไมไม่เคยเห็นคนสวยเหรอ อ่ะเฮื้อออ ไม่ไหวแย๊ว นี่มิ้นต์เป็นไรไปเนี่ยยย ผมก็บอกว่าก็ลุงเขาเรียกว่าเมีย ไม่เห็นแอบตีพี่เหมือนปกติเลย มิ้นต์ก็บอกว่า ก็แกล้งเนียนๆเป็นเมียไปงั้นแหละ



อ่ะจ้า ผมคิดในใจ พอเราซื้อของกันเสร็จผมกับมิ้นต์ก็ขึ้นมอไซค์และกลับเข้าบ้านเลย มื้อเช้าพร้อมอยู่แล้วครับ จริงๆแล้วการมาอีสานก็ไม่จำเป็นต้องกินแต่อาหารอีสานหรอก เพราะตอนเช้าก็เป็นอะไรที่ง่ายๆอย่างเช่นแกงฟักทอง ต้มอึ่ง ผัดกระเพรา แล้วก็ยำมะเขือยาว ที่ตอนเช้ากินกันง่ายๆเพราะว่าต้องเข้าสวนครับ



ต้องทำอะไรที่ไม่เสียเวลามาก และเอาเข้าไปกินในสวนได้ แต่ถามว่าต้องเข้าสวนทุกวันมั้ยก็ไม่หรอกครับ ส่วนระยะไหน ช่วงไหน บอกตามตรงผมเองก็ไม่รู้ เพราะว่าเอาตรงๆเรื่องสวนสับปะรดนี่ ผมก็พึ่งรู้มาไม่กี่ปีว่าป้าหันมาเอาดีด้านปลูกสับปะรดกับต้นยางครับ




โชคดีนะเนี่ยที่ผมซื้อพวกไก่ พวกคอหมูย่างมาจากตลาดแล้ว มิ้นต์ก็เลยกินได้แบบสบายๆ แล้วตอนเช้านั่งกินข้าวกันหน้าบ้าน อ่าส์เย็นอ่ะบอกเลย มองเห็นภูเขาไกลลิบๆ แค่นี้ก็สดชื่นแล้วล่ะ ตอนเช้ามิ้นต์ดูไม่เกร็งเหมือนวันแรกแล้วล่ะครับ ป้าผมถามว่าจะเข้าไร่ใช่มั้ย



ผมก็ถามก่อนเลยว่าไปไร่ไหน เพราะป้าผมมีไร่อยู่ 2 ที่ นี่ไงถึงบอกว่าป้าเขามีฐานะระดับนึงเลยนะ ป้าบอกไปไร่ใหญ่ตรงภูเขานู่น อ้อโอเคเลยครับ พูดแล้วก็เสียดายที่ไม่มีภาพให้ดูว่ะท่านผู้อ่าน คือสวยฉี๊บบบบบบหายเลยก็ว่าได้ มิ้นต์ถามว่าอยู่ในเขาเลยเหรอพี่โทน



ผมก็บอกว่าอื้มก็ใช่น่ะสิ่ แต่ตรงนั้นจะเห็นว่าเป็นภูเขาชัดๆเลยล่ะ มิ้นต์บอกงื้มๆๆอยากไป แล้วหลานของป้าก็เอาชุดมาให้ครับ เป็นชุดเสื้อแขนยาวทั่วไปนี่แหละ แต่จะเป็นเสื้อเชิร์ตลายทางเก่าๆ อย่างที่ผมบอกไปแหละครับว่าใบสับปะรดมันเหมือนใบเลื่อย ถ้าไม่ป้องกันได้แสบยิบๆๆๆแน่




ป้าก็บอกว่าถ้าจะไปก็พาเมียไปอาบน้ำก่อนไป ผมก็ครับๆๆๆ ส่วนป้ากับลุงและหลานๆ ก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อสตาร์ทรถ แล้วก็การสตาร์ทต้องใช้ประแจหมุนเอาครับ หมุนเครื่องที่อยู่ข้างหน้า หมุนๆๆ แล้วก็ แต้กๆๆๆๆๆๆ แล้วเขาก็ขับออกไปเลย ส่วนผมก็มาอาบน้ำครับ



มิ้นต์ร้องฮืออ พี่โทนมิ้นต์ไม่อาบน้ำได้มั้ย มิ้นต์หนาวววว ผมก็บอกว่าอื้มได้สิ่ แต่ตัวจะเหม็นเอานะ มิ้นต์บอกฮืออ มันเกินคำว่าหนาวแล้วนะพี่โทน น้ำในอ่างนี่มันขั้วโลกเหนือแล้วนะ ผมก็ถามว่าแล้วจะทำไงล่ะ อาบด้วยกันมั้ย มิ้นต์บอกไอ้บ้าพี่โทน หนาวแบบนี้ยังจะทำอะไรมิ้นต์อีกเนี่ย



ผมก็บอกเอ้าจริงๆก็หนาวด้วยกันนี่แหละ ไม่ได้ทำอะไรหรอก ไหนบอกอยากไปสวนไง มิ้นต์บอกแล้วบอกงื้อ รู้แล้ว ผมเดินไปปิดประตูหน้าต่างและล็อคไว้เลยนะตอนนั้น มิ้นต์ถือผ้าขนหนูแล้วเดินไปที่ห้องน้ำ ผมก็เทน้ำใส่มือใส่ขานะ คืออาจจะคิดไปเอง แต่ผมคิดว่าทำแบบนี้แล้วผมจะปรับอุณหภูมิในตัวได้ไง



แต่พอมิ้นต์เดินมาเหยียบเท่านั้นแหละ ฮืออ พี่โทนมิ้นต์หนาวขา ผมก็บอกเดี๋ยวๆๆ หนาวคืออะไร มิ้นต์บอกมันเย็นเกินไปนะ ผมก็บอกมานี่มากอดกัน มิ้นต์เดินมาและเหยียบเท้าผมไว้ครับ ผมก็ค่อยๆถอดเสื้อให้เธอ จนพอสักพักมิ้นต์เหยียบพื้นได้ เธอก็ค่อยๆถอด ๆ ๆ จนล่อนจ้อน



ผมเองก็ถอดเหมือนกัน ทันทีที่ถอดหมดก็แน่นอนแหละครับ โด่สิ่แบบนี้ มิ้นต์บอกว่าพอเลยพี่โทนบ้าหนาวแบบนี้ยังจะหื่นอีก ผมก็บอกเอ้าก็เห็นผู้หญิงแก้ผ้าแบบนี้ ถ้าไม่แข็งสิ่แปลก มิ้นต์ก็บอกว่าตอนนี้ไม่ให้ทำนะหนาวง่ะงืออ มันไม่เหมือนที่กรุงเทพนะ



ผมก็บอกว่าจะทำอะไรเล่ายัยบ๊องเอ๊ย มิ้นต์บ่นอะไรทำไม ว่ามิ้นต์ไม่น่ารักเหรอ ผมจับจูบเลยพูดมากนัก มิ้นต์ก็อื๊ออ อื๊อออ แล้วก็ยอมให้ผมชิมลิ้นครับ เราแลกน้ำลายกันครู่หนึ่งมิ้นต์ก็ถามว่าไหนบอกไม่ทำไง มิ้นต์เม้มปากและก้มมองที่แท่งหรรษาของผม เธอจับมันดันขึ้นแนบหน้าท้องของผม และก็เข้ามากอดผม เธอถามอีกว่าไหนบอกจะไม่ทำมิ้นต์ไงมันหนาวง่ะ




ผมก็บอกว่าก็ไม่ทำไง แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่จุ๊ปนี่ จุ๊ปไม่ได้เหรอ พอบอกแบบนั้นมิ้นต์ก็จับหน้าผมดึงไปจุบุอีกทีแล้วพูดว่า ก็ไม่ได้บอกสักหน่อย ผมก็ยิ้มเลยตอนนั้นน่ารักแท้ๆ ผมกอดเอวมิ้นต์ไว้แล้วบอกว่าอาบน้ำเลยนะ มิ้นต์บอกฮืออ หนาวพี่โทน ผมก็บอกงั้นนับ 1 – 3 มิ้นต์ทำหน้างอแง ผมตักน้ำขึ้นมาใส่ขันครับ โอย เย็นว่ะอารมณ์เหมือนตอนเล่น ice bucket challenge เลย มิ้นต์มองขันน้ำเหมือนเห็นขันน้ำมนต์ แล้วก็นับนะ 1 2  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด





ยังไม่ทัน 3 ผมก็ราดเลยครับ มิ้นต์สะดุ้งโหยงกอดผมแน่นเลย บอกพี่โทน หนาว หนาว หนาว จริงๆมันเย็นแค่ขันแรกนะครับ ขันต่อไปชาเลย เฮ้ยไม่ใช่ พอร่างกายเรามันเจอน้ำเย็นๆมันก็ปรับตัวไง ผมราดน้ำ ราด ราด ราด มิ้นต์ตัวสั่นผมก็ช่วยถูสบู่นะ มิ้นต์ก็ตัวสั่นแหละ อ่ะแฮ่ม หนาวจนปลายจุกเสียวขึ้นเป็นเม็ดละมุดเลย แฮ่



มิ้นต์ก็บ่นว่าพี่โทนใจร้ายจำไว้เลยทำมิ้นต์หนาว ฮือออ มิ้นต์บ่นไปก็ถูสบู่ไปจังหวะที่ก้มลงไปถูที่ขา อื้อหือ กลีบสวาทนี่เด่นออกมาเลย ถ้าเป็นกรุงเทพผมคงจับใส่ท่ายืนแล้วล่ะ แต่ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ผมกัดฟันแล้วก็ฟอกสบู่กันต่อไป จนจะราดน้ำอีกมิ้นต์ก็บอกฮืออออออออ



แต่ก็ต้องราดแหละครับ เพราะฟองเต็มตัวเลย แล้วมันมีจังหวะนึงมิ้นต์พูดขึ้นมาเลยว่า คืนนี้มิ้นต์จะต้มน้ำอาบ โอ๊ยย แล้วเสียงแบบงอแงสุดๆ จากนั้นเราก็พากันไปแต่งตัวครับ โอยสดชื่นว่ะแต่มิ้นต์นี่สิ่ทำหน้างอนๆ บอกพี่โทนแกล้งมิ้นต์เหรอ ราดมาได้ไง มันหนาวนะ ผมก็บอกโอ๋ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ  แล้วก็จุ๊บเหม่งไปที




เราสองคนแต่งตัวแปปเดียวครับ มิ้นต์ไม่ได้แต่งหน้ามา 2 วันแล้ว ทาแป้งเบาๆเฉยๆ หลังจากแต่งตัวแล้วผมฮากร๊ากเลย แบบไม่ได้เหยียดหรืออะไรนะครับขอแจ้งไว้ก่อน แต่ตอนนี้มิ้นต์แต่งตัวเหมือนไม่ใช่มิ้นต์เลย ใส่เสื้อยืดบางๆข้างใน แล้วก็ใส่เสื้อเชิร์ตแขนยาวลายสกอต กางเกงขายาวหนาๆ


ผมเห็นแล้วกร๊ากเลย มิ้นต์บอกขำอะไรเนี่ยพี่โทน ผมบอกเปล่าจ้า ๆ ๆ แล้วผมก็เอารองเท้าบู๊ทให้เธอครับ มีไซส์พอดีด้วยล่ะ ส่วนผมเองก็แต่งตัวแบบเดียวกับมิ้นต์แหละครับ พอทุกอย่างพร้อมเราก็ขับรถออกนอกบ้าน แล้วก็ปิดประตูไม้หน้าบ้านด้วย ที่นี่มีกล้องวงจรปิดชั้นดีที่เรียกว่า เพื่อนบ้านครับ



อย่างที่บอกว่าระยะเวลาการทำไร่ของแต่ละคนจะเริ่ม และลงมือใกล้ๆกันแต่ไม่พร้อมกัน เวลาหยุดก็จะหยุดไม่ตรงกันใครอยู่บ้านก็จะช่วยสอดส่องให้กันและกันครับ ผมขับรถออกจากหมู่บ้านเลย คือออกจากหมู่บ้านจริงๆ เพราะไร่ของป้าที่กำลังจะไปอยู่นอกหมู่บ้าน แต่ก็ไม่ไกลมากนัก ซึ่งมันเป็นทางไปมอหินขาวครับ นี่ไงครับทางออกหมู่บ้าน






พอออกจากหมู่บ้านมาเป็นทางลาดยางแปลกมะ 555 ช่างมันเถอะ มิ้นต์ก็ถามว่าไปทางนี้เหรอพี่โทน ผมก็บอกอื้มใช่ครับทางนี้แหละ แล้วเราก็ขับไปกันอีกประมาณ 1 กิโลเมตรครับ ถ้าท่านสังเกตภาพที่เอานำมาให้ดูจะเห็นนะว่า เริ่มเห็นแล้วว่าที่นี่เป็นพื้นที่เนินเขาจริงๆ






พื้นที่จะลาดเอียงไปตามภูมิศาสตร์ของมันอยู่แล้ว และข้างทางก็ยังมีสวนของชาวบ้านอีก ถึงที่นี่จะขึ้นชื่อเรื่องสับปะรดแต่ก็มีปลูกอีกหลายๆอย่างเลย







มิ้นต์เห็นก็มองซ้าย มองขวาไม่หยุดเลยบอกพี่โทนทำไมต้นไม่เยอะจังที่นี่ปลูกอะไรกันมั่ง ผมก็อธิบายไปครับจนมาถึงทางเข้า ซึ่งก็นะเป็นธรรมดาแหละ เพราะทันทีที่มิ้นต์เห็นมิ้นต์ก็ถามว่าตรงนี้แน่เหรอ






ผมบอกอื้มตรงนี้แหละ และถ้าท่านสังเกตคือจะไม่มีถนนแล้ว เข้าไปคือจะเป็นดินภูเขาเลย ถ้าเจอฝนก็มีเละบ้าง ดินขี้โคลน ขี้เลนเลยล่ะ นี่แหละคือเหตุผลที่ต้องใส่รองเท้าบู๊ทมา แต่ก่อนจะเข้าไปในส่วน ผมขอพาท่านขับรถเลยมานิดนึงไม่ถึง 500 เมตร






เห็นหลังคาส้มๆตามภาพไหมครับ อ่ะถ้าไม่ชัดผมพามาดูข้างหน้าครับ








ใช่ครับที่นี่คือวัดป่า วัดนี้มีเท่านี้จริงๆครับ มีเท่าที่เห็นจริงๆ และท่านสังเกตมั้ยว่า ที่นี่ตลอดทางไม่มีเสาไฟเลย แล้วผมบอกได้เลยว่าวัดป่านี้ ขึ้นชื่อมากเรื่องความเฮี้ยน คือเจอแน่ๆ เจอแน่นอนอยู่ที่ว่าใครจะจิตแข็งเท่านั้น พระท่านที่จำพรรษาที่นี่บอกเลยว่าถ้าไม่แกร่งจริงๆ อยู่ไม่ได้ เจอขามั่ง เจอเดินผ่านมั่ง แล้วที่สำคัญไม่ต่ำกว่า 10 เอาล่ะครับเปลี่ยนเรื่องเถอะกลับไปที่ทางเข้าต่อ




พอเข้ามาก็เลี้ยวเลยครับ เข้ามาก็จะเจอพวกต้นยูคาลิปตัสเยอะมาก แล้วก็แน่นอนสลับด้วยไร่สับปะรด และสวนต้นยางพารา ทางมันไม่ได้คดเคียวมากครับ แต่ขับยากเพราะเป็นดินและพื้นที่ไม่เรียบ แล้วพอเข้ามาก็ต้องผ่านหลังวัดป่าซึ่งเห็นโกดังเก็บศพชัดเลยล่ะครับ


ผมก็ไม่มองเลยนะเอาตรงๆ ยิ่งชอบเห็นอะไรแปลกๆอยู่ด้วย แล้วป่าเขาแบบนี้บอกเลยว่าแรงครับ อ่ะกลับมาต่อ พอขับเข้ามาข้างในมิ้นต์ก็เง้ออออออ เลยทีเดียว เพราะทางเข้ามันแคบแต่พอเข้ามาคือกว้างสุดลูกหูลูกตาเลยล่ะ ข้างในก็มีชาวไร่ ชาวสวนอีกเป็น 10 หลังคาเรือนทำงานกันอยู่





มิ้นต์ก็ถามพี่โทนนั่นอะไร พี่โทนนี่อะไร ถามไม่หยุดเลยแต่น่าร๊ากกกก พอใกล้มาถึงสวนมันจะเป็นทางเนินลงเลยล่ะ ตรงนี้อันตรายนะบอกตรงๆ เสียวตกเขามากๆ ก็ต้องขับช้าๆครับ พอลงมาก็ต้องใส่เกียร์ 1 เหมือนไต่ทางชันขึ้นไปอีก มิ้นต์ก็ทั้งกลัว ทั้งอยากมอง หน้านี่เปลี่ยนไป ทุกๆ 10 วินาทีเลยก็ว่าได้





จริงๆแล้วในรูปเป็นแค่เนินธรรมดา ทางลาดธรรมดาครับ เพราะเนินที่บอกมันชันกว่านี้ จนเราเดินทางมาถึงครับ ซึ่งแน่นอนแหละว่าตรงนี้ดีที่สุดแล้วในการจอดรถ เราจอดตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งผมไม่รู้นะว่าเป็นต้นอะไร แต่เป็นต้นไม่ยืนเดียวน่าจะราวๆ  1 คนโอบนี่แหละ โอบแบบสุดวงสวิงเลยนะ พอลงมามิ้นต์ก็งื้ออเลยเพราะว่าไร่ของป้าผมนั้น มันเป็นที่เนินเขา คือโค้งๆขึ้นไป





มิ้นต์บอกเคยเห็นแต่ในละคร ซึ่งพอมิ้นต์ลงรถก็จะวิ่งไปอย่างเดียวเลย ผมก็บอกเดี๋ยวๆๆๆ แล้วก็หยิบหมวกมาใส่ให้ ผมถามว่าได้ทากันแดดมามั้ยมันร้อนนะ มิ้นต์บอกงื้มๆ ไม่เป็นไร แดดร้อนแต่ลมเย็นสบายๆ มิ้นต์ยิ้มแล้วก็เดินไปเลย ถุงมือ รองเท้า พร้อม ผมก็ลุยไปเลยล่ะครับ



แล้วจะรู้เลยล่ะว่ามันคือภูเขาจริงๆ มันวิ่งด็อกแด๊กๆๆ ได้แปปเดียวแล้วก็บอกพี่โทนมันชันอ่ะ มิ้นต์ไปไม่ไหว ผมก็เลยจับมือเธอแล้วพาเดินเป็นแนวขวางครับ ซึ่งมันก็เป็นแนวเดินปกติที่ใช่หว่านปุ๋ยนั่นแหละ แต่มิ้นต์ไม่ได้มองเอง แล้วพอขึ้นมาบนเนินแล้ว มิ้นต์จับมือผมแน่นเลย เพราะมันคือพื้นที่ที่ลาดเอียงลงไปตามธรรมชาติ เป็นต้นไม้สลับกับที่ทำไร่สับปะรดของชาวบ้าน หลังอื่นๆ






ก็นี่แหละครับภาพจากสถานที่ ไร่สับปะรดของแท้เลยล่ะ สวยมากจริงๆ แล้วเนินที่ตัดกับเส้นขอบฟ้านั่นแหละครับ พี่ผมกับมิ้นต์ไปยืนมองข้างล่างด้วยกัน มิ้นต์บอกว่า สวยมากเลยพี่โทน สวยมากๆ


เราพากันเดินลงมาครับย้ายไปอีกแปลงนึง แปลงนี้ติดกับสันดินภูเขาเลย แต่ว่าสวยไม่สวยลองดูรูปสิ่ครับ






ผมกับมิ้นต์เดินมาครับ ซึ่งก็ถือถุงปุ๋ยแหละ เวลาหว่านไม่ใช่ว่าสาดกระจายแบบในโฆษณานะ เราจะหยอดไว้รอบๆต้นสับปะรดครับ ให้มันซึมลงดินและเข้าไปในรากมันโดนตรง มิ้นต์บอกงื้ออ พี่โทนเดินยากง่ะ ดินมันยวบๆๆ ผมก็บอกว่าสงสัยฝนคงตกวันก่อนน่ะ เพราะงั้นถึงมาใส่ปุ๋ยไง มันประหยัดน้ำ



ผมบอกมิ้นต์ว่าเอาเท่าที่ไหวนะมิ้นต์ พี่พามิ้นต์มาเที่ยวนะไม่ได้มาทำงาน มิ้นต์บอกงื้อๆๆ กำลังสนุกเลยค่ะ เราเดินมาเรื่อยๆจนถึงจุดๆ คือทุกก้าวรู้เลยว่ามันเป็นพื้นที่ชัน ข้อเท้านี่เกร็งไปหมด จนมาถึงสวนยางพาราของป้า






มิ้นต์ถามว่านั่นไรง่ะ เฮ้อถามบ่อยจริงๆผมก็บอกว่าสวนยางพารา ผมพามิ้นต์เดินมาดูแค่ทางเข้า แล้วเชื่อป่ะเย็นเลยล่ะ มันร่ม มันแดดส่องไม่ถึงนะ แต่เอาจริงๆผมไม่กล้าเดินเข้าไป ผมรู้สึกไม่ไว้ใจยังไงไม่รู้นะบอกตามตรงๆ มิ้นต์ก็บอกว่าถ้าตอนมืดๆนี่น่ากลัวมากแน่ๆเลย



เราสองคนเดิมกลับมาข้างนอกครับ ผมโดนป้าด่าเลยว่าพาเมียมาเที่ยวก็พากันไปเดินเล่นไป มิ้นต์บอกไม่เป็นไรค่ะ มิ้นต์สนุกมากเลย ป้าบอกว่าไม่ได้ๆๆจะมาให้ทำงานไม่ได้หรอก ป้าบอกโทนพาเมียไปเดินเล่นไป ผมวางถุงปุ๋ย ถอดถุงมือแล้วก็ล้างมือ แล้วก็พาเมีย เอ้ยๆๆ พามิ้นต์มาเดินเล่นต่อครับ





พอพามาเนินตรงนี้ มิ้นต์ก็บอกเราอยู่ในภูเขาจริงๆด้วยง่ะ มิ้นต์กอดแขนผมแน่นเลยแล้วถามว่า พี่โทน... อยู่อีกนานๆได้มั้ย ผมก็ถามหืมยังไงเหรอ มิ้นต์บอกเพิ่มจาก 2-3 วัน เป็นมากกว่านี้ได้มั้ย ผมบอกอื้มตามใจเลย มิ้นต์ก็บอกอื้อๆ ตามใจเมียแล้วได้ดีทุกคนแหละ ผมหันควั่บเลย พูดว่าไรนะ มิ้นต์บอกเปล่านี่นา



ตอนนั้นแดดเริ่มร่มครับ ผมเดินกลับมาที่เพิงที่เอาไว้นั่งกินข้าว ป้าบอกว่ากลับไปก่อนได้เลย เดี๋ยวฝนคงตกแหละ ผมก็บอกอื้มๆงั้นผมกลับก่อนนะครับ ผมกับมิ้นต์ก็เดินกลับมาที่รถเลยล่ะครับ มิ้นต์บอกว่าอยากมาอีก ผมก็บอกอื้มๆ ถ้าลงมาจากมอหินขาวแล้วจะพามาอีก มิ้นต์โดดมาจุ๊บแล้วบอกว่าให้รางวัลร่วงหน้า อื้อหือตายๆๆ



เราขับรถออกมาก็จะผ่านทางเดิมๆนั่นแหละ แต่ว่าด้วยแสงที่น้อยลง มุมมองมันก็เลยทำให้เปลี่ยนไปด้วย ผ่านต้นกล้วย ต้นสน ต้นยูคา ต้นยาง




มิ้นต์บอกนะว่าพี่โทนงืมมม ผมก็หืมอะไร มิ้นต์บอกเปล่า ผมก็หืมบอกมามีอะไร มิ้นต์ก็บอกว่าเย็นนี้พาไปตลาดหน่อยสิ่ ผมหัวเราะเลยตอนนั้น เอ้อมีอะไรก็บอกกันสิ่ครับ มิ้นต์บอกก็นี่ก็พามาสวนแล้วอ่ะ กลัวว่าจะเหนื่อย ผมไม่ได้ลูบหัวเธอนะ เพราะต้องขับรถ ผมบอกว่าแค่นี้เองไม่เหนื่อยหรอก



เราใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงบ้านครับ แน่นอนแหละว่าพอกลับมาแล้วก็ต้องอาบน้ำ ตอนนี้หลานของป้าแวะกลับมาบ้านครับ บอกว่ามาเอาข้าวเพิ่ม ผมก็ช่วยจัดเตรียมหาเลย ส่วนมิ้นต์เข้าบ้านไปอาบน้ำแล้ว หลานผมก็ถามว่าเมียคืองามทแท้อ้าย



ผมก็บอกว่าเหรอ สวยเหรอ หลานผมก็บอกงามคั่กๆๆ  หลังจากที่เตรียมอะไรเรียบร้อยแล้วหลานผมมันบิดมอไซค์ออกไปเลย ผมก็กลับเข้ามาในบ้านครับ ผมเรียกมิ้นต์ มิ้นต์ก็ตอบงื้มๆๆ เปลี่ยนชุดอยู่ ผมก็ถามว่ากล้าอาบด้วยเหรอเนี่ย มิ้นต์ก็บอกว่า ไม่หนาวเท่าเมื่อเช้าหรอกไอ้คนใจร้าย



ผมหัวเราะเลยแล้วบอกโอ๋ ๆ ๆ ๆ  ผมเดินเข้ามาบอกว่างั้นมิ้นต์อาบก่อนเลยนะ ส่วนผมก็นั่งเป่าพัดลมไปก่อน จนพอแห้งแล้วผมก็ผ้าขนหนูพาดบ่าเลยเตรียมไปอาบมั่ง เสียงมิ้นต์ยังเงียบอยู่ ผมก็ถามหืมทำไมอ่ะมิ้นต์ มิ้นต์ตอบว่า ฮืออ มันยังเย็นอยู่เลยอ่ะพี่โทน โอ๊ยย ผมฮากร๊ากเลย บอกอ่ะ ๆ ๆ ค่อยๆจุ่มแขนไป ผมก็พูดแหย่ไปเล่นๆว่าให้พี่อาบด้วยมั้ยล่ะ



มิ้นต์ตอบอื้อมาคำเดียว ผมก็เดินเข้าไปโทงๆแบบนั้นแหละ มิ้นต์ก็บอกไอ้บ้าพี่โทน แล้วก็เหมือนเมื่อเช้าครับ ค่อยๆราดและ ซู่วว ซู่ววว ซู่วววว มิ้นต์ก็งืออ หนาว หนาวว หนาววว เธอสั่นงั่กๆๆๆเลยนะ หลังจากที่ถูสบู่ ขัดทุกซอกทุกมุมแล้ว ล้างตัวเสร็จ ผมเองก็ต้องรีบพาเธอกลับเข้าห้องแล้วเช็ดตัวให้แห้ง เธอก็เช็ดของเธอไปผมก็เช็ดตัวของผมนะ


ตอนนั้นมิ้นต์ถามว่าล็อคประตูยังอ่ะพี่โทน ผมเช็ดๆๆหัวแล้วก็บอกอื้มล็อคหมดแล้วล่ะ แล้วอยู่ดีๆมิ้นต์ก็กอดผมจากข้างหลังครับ หน้าอกสุดสะบึมของเธออัดเข้ากับหลังของผมจนรู้สึกได้เลย ผมถามหืมยังไม่หายหนาวเหรอ มิ้นต์บอกงืมๆๆ ทำให้ตัวอุ่นหน่อยดิ่ แล้วมิ้นต์ก็ล้วงมือมาจับที่กระสวยของผมครับ เธอเริ่มชักๆ ๆ



อูยย ขนลุกบอกเลย ผมก็ถามว่าอะไรล่ะนั่นทำให้อุ่นอะไรหืม มิ้นต์เธอหยุดชักครับแล้วจับผมหมุนตัว ซึ่งผมก็หมุนไปแหละไม่ได้ฝืนอะไรแล้วมิ้นต์ก็นั่งลง ชักๆๆ สองสามทีและงั่มมม เธออ้าปากบ๊วบหัวกระสวยเข้าไปเลยครับ อมรูด อมรูด อมรูด จนผมนี่เริ่มขึ้นละ ผมลูบหัวเธอเบาๆ และส่งเอวดันกระสวยเข้าไปอีกนิด อีกนิด อีกนิด



ผมก็ถามมิ้นต์ว่าตกลงทำอะไรเนี่ยหืม มิ้นต์หยุดบ๊วบครับ เธอจับมือผมและออกแรงดึง ซึ่งผมก็ย่อตัวลงไปหาเธอ มิ้นต์ดึงผมลงไปจูบ ลิ้นของเราเกี่ยวนัว พันพันกันอยู่เป็นนาที นาทีเลยครับ ซึ่งพอหยุดจูบมิ้นต์ก็ตอบผมว่า


" ก็ทำอย่างที่ผัวเมียทำกันไง "


 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

spty24

แพ้ครับแบบนี้ แพ้เลย อ่านไปละยิ้มตามตลอดเลย ขอยาดย้ายเรือชั่วคราวครับ555

only1A

มาแอบดูตรงชายป่าเลย
ขออ่านก่อน

ฟินทุกช๊อต บรรยากาศเป็นใจเหลือเกิน น้องมิ้นก็น่ารักซะ

thanetza



guang_k

เจ้าหญิงหวานจนเบาหวานขึ้นตาแล้ว ไม่รู้ว่าแถวนั้นมีป่ามันสับประหลังหรือเปล่าถ้าช่วงที่มันสูงแค่เอวนี่ก็สวยดีนะครับ มินต์น่าจะชอบเพราะมันจะดูสดชื่นดีด้วย

sunnies

แฮ่ๆชอบจังเลยประโยคนี้​.. ก็ทำอย่างที่ผัวเมียทำกัน​ไง..  บรรยากาศมันพาไปจริงๆ

warpzone

บรรยากาศและอารมณ์เหมือนมาฮันนี่มูนเลยนะเนี่ย กลัวกลับไปแล้วจะเป็นเหมือนเก่าปรับตัวไม่ทันนะ

I2ta3ta3


Best21795


Mubin9999

 ::Thankyou::บรรยากาศพาไป คำๆนี้ชนะความอัดอั้นในใจผู้หญิงได้จริงๆครับ จากประสบการณ์ส่วนตัวครับไม่คิดว่าจะได้แค่พาออกจากกรุงเทพมาเที่ยวกลับได้ซะเฉยเลย5555