ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

พิษสวาทบ่วงบาศกามา ตอน 6

เริ่มโดย Orgasmic writer, สิงหาคม 30, 2021, 08:29:50 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Orgasmic writer

ช่วงนี้ก็ยังจะเน้นปูเรื่องราวให้รู้จักกับตัวละครเอกอยู่นะครับ หวังว่าทุกคนจะลุ้นไปด้วยกัน

สุขุมจะได้สมหวังหรือไม่? ชะตากรรมของมายจะเป็นอย่างไร? คงจะได้รู้ในอีกไม่นานเกินรอ

--------------------
พิษสวาทบ่วงบาศกามา ตอน 6

ช่วงสายของวันอังคาร ในห้องประชุมผู้บริหารระดับสูงของบริษัท มนัสนันท์กำลังมุ่งมั่นนำเสนอผลการดำเนินงานที่ผ่านมาตามด้วยแผนการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ของฝ่ายการตลาดที่เธอเป็นหัวเรืออยู่ ให้ทางผู้บริหารเบื้องบนได้รับทราบ เธอเป็นคนที่มักจะใส่ใจในรายละเอียด จึงเตรียมข้อมูลในการนำเสนอมาอย่างครบถ้วนไม่มีขาดตกบกพร่อง ทำให้เหล่าผู้บริหารในบริษัทต่างประทับใจกับผลลัพธ์​ที่ได้เป็นอย่างมาก ยิ่งเมื่อผนวกกับใบหน้าอันแสนละมุน นัยน์ตาที่หวานหยาดเยิ้ม​ แล้วยังเติมแต่ง​ด้วยจมูกที่โด่ง​เป็นสัน สอดรับกับริมฝีปากบางได้รูปของเธอ ก็ยิ่งทำให้หนุ่มใหญ่ที่แม้จะเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวในชีวิตกันมานักต่อนัก ยังจิตใจหวั่นไหว อดเคลิบเคลิ้มไปกับความงดงามบนใบหน้ารูปไข่ของเธอเสียไม่ได้

การนำเสนอของมนัสนันท์ผ่านพ้นไปโดยไร้คำถามใด ๆ จากฝั่งผู้บริหารชายที่ดูเหมือนสติจะหลุดลอยอยู่ในภวังค์ จะมีก็เพียงแค่คำถามเล็ก ๆ น้อย ๆ จากทางผู้บริหารหญิงซึ่งมนัสนันท์ที่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีก็สามารถให้คำตอบได้อย่างคล่องแคล่วชัดเจนจนไม่มีข้อสงสัยเพิ่มเติม

"นำเสนอดีเหมือนเดิมเลยนะครับ" หลังจบการประชุมทุกคนก็ต่างแยกย้ายออกจากห้อง มนัสนันท์ที่กำลังจะกลับห้องทำงานของตน ก็ต้องหยุดเดินเมื่อมีเสียงของใครบางคนดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ซึ่งเธอจำได้ดีว่านั่นคือเสียงของท่านรองมนูญ​ หนึ่งในรองกรรมการผู้จัดการของบริษัท

"ชมเกินไปแล้วค่ะท่านรอง ต้องขอบคุณทีมงานของมายมากกว่าที่ช่วยกันทำงานอย่างเต็มที่" มนัสนันท์หันกลับไปแล้วส่งยิ้มให้อย่างมีมารยาท ก่อนจะพูดยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับลูกทีมของตน แม้มนัสนันท์จะมีอัตราการเติบโตในหน้าที่การงานที่รวดเร็วมาก แต่เธอไม่เคยเหยียบย่ำหัวใครเพื่อขึ้นมายืนอยู่ในจุดนี้ เธอมักจะคิดถึงลูกน้องของตัวเองอยู่เสมอ จึงทำให้เป็นที่รักใคร่ของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา

"ก็ต้องชื่นชมหนูมายด้วยแหละครับ ถ้าไม่ได้หัวเรือที่ดี งานคงไม่ออกมาไร้ที่ติแบบนี้หรอกครับ"

"ชมเกินไปแล้วค่ะ เดี๋ยวมายก็ตัวลอยกันพอดี" มนัสนันท์เมื่อถูกรองมนูญอวยเยอะเข้า ก็เขินจนหน้าแดง เริ่มทำตัวไม่ค่อยถูก

"คนเก่ง ๆ ก็ต้องได้รับคำชมสิครับถึงจะถูก เอ้อ ไว้เมื่อไหร่ว่าง เราไปหาอะไรทานกันตอนเย็นนะครับ ผมอยากจะเลี้ยงตอบแทนที่หนูมายตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่มาตลอด" นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่รองมนูญเอ่ยปากชวนมนัสนันท์ไปทานอาหารเย็น แต่เธอนั้นก็หาทางหลบเลี่ยง ไม่เคยไปกับเขาเลยสักครั้ง เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่าท่านรองนั้นเจ้าชู้ตัวพ่อ แถมยังมีเสียงซุบซิบนินทาว่าเขาชอบกินหญ้าอ่อนอีกด้วย แต่รองมนูญก็ไม่เคยลดละความพยายาม เมื่อมีโอกาสเขาก็จะเดินมาชวนเธออยู่เรื่อย

"อ๋อ ได้ค่ะ ไว้เดี๋ยวรอตอนงานซาลงกว่านี้หน่อยนะคะ งั้นมายขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ" เมื่อเริ่มรู้สึกว่าถูกรุกไล่หนักเข้า มนัสนันท์จึงตอบเลี่ยงไปเหมือนที่เธอเคยทำมาทุกครั้ง ก่อนจะรีบขอตัวหนีออกมาจากสถานการณ์อันแสนอึดอัดแบบนั้น

[เห้อออ เกือบแล้วซิเรา] มนัสนันท์คิดในใจ

มนัสนันท์ที่หนีเสือมาได้จนเดินมาถึงห้องทำงานของตน ก็ต้องมาพบกับใครบางคนที่นั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว แค่เพียงเห็นด้านหลังของเขาเธอก็รู้ทันทีว่านั่นคือสุขุม ลูกน้องของเธอ

"ผมมีเอกสารมาให้คุณมายเซ็นครับ" ทันทีที่สุขุมเห็นมนัสนันท์เดินเข้ามาในห้อง เขาก็รีบแจ้งจุดประสงค์ของเขาโดยไม่รอให้เจ้าของห้องเอ่ยปากถาม

"พี่สุขุมก็ ไม่เห็นต้องลำบากเอามาให้เองเลยนี่คะ ใช้น้อง ๆ เดินเอกสารให้ก็ได้" มนัสนันท์ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสุขุมจะต้องคอยเอาเอกสารมาให้เธอลงนามด้วยตัวเองทุกครั้ง แทนที่จะใช้ลูกน้องเหมือนที่คนอื่น ๆ ทำกัน

"เผื่อคุณมายมีคำถามผมจะได้ตอบให้เลยน่ะครับ พอดีงานนี้ด่วนหน่อย" สุขุมก็ยังเป็นสุขุม เขาคิดหาคำตอบให้ตัวเองรอดได้เสมอ ทั้งที่เจตนาจริง ๆ ของเขานั้น ต้องการมาแอบมองเวลาที่มนัสนันท์ต้องโน้มตัวลงเพื่อเซ็นเอกสารกองโตที่เขานำมา​ เขาจะฉวยโอกาสตอนนั้น​ลอบมองลอดคอเสื้อไปจดจ่ออยู่ตรงเนินหน้าอกขาวนวลเนียนด้วยใจที่เต้นระทึก และหวังว่าจะได้เห็นของดีที่ซ่อนอยู่ด้านในเข้าสักวัน

เมื่อมนัสนันท์​ลงนามในเอกสารจนครบถ้วน ก็เป็นอันหมดเวลาแห่งความเสียวของสุขุมแล้ว เขาจึงจำใจต้องยกเอกสารกองโตเพื่อนำออกไปจากห้อง

"เดี๋ยวก่อนค่ะพี่สุขุม" มนัสนันท์​เรียกสุขุมจนเขาต้องชะงัก

"มีอะไรหรอครับ" สุขุมถามด้วยความสงสัย

"อ้อ ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่จะบอกพี่และจะฝากไปบอกน้อง ๆ ในทีมด้วยว่าท่านรองมนูญแกชื่นชมแผนงานของเรามากค่ะ ขอบคุณพี่สุขุมและน้อง ๆ ด้วยนะคะที่ตั้งใจเตรียมข้อมูล​กันอย่างเต็มที่" มนัสนันท์​ไม่ลืมที่จะนำคำชื่นชมจากผู้บริหารระดับสูง​มาถ่ายทอดส่งต่อไปยังลูกทีมให้เป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานต่อไป

"เท่านี้แหละค่ะ" มนัสนันท์​พูดเสร็จก็ส่งยิ้มหวานกระชากใจให้กับสุขุม ก่อนจะก้มลงไปอ่านเอกสารที่ยังค้างคาอยู่เต็มโต๊ะทำงานของเธอ

[ไอ่มนูญ มึงอีกแล้วหรอ]​ สุขุมคิดในใจอย่างคนกำลังเคียดแค้น

.
.
.

มินตรา นักศึกษาสาวดาวคณะเศรษฐศาสตร์​ ผู้ที่มีความน่ารักสดใสประดับอยู่บนใบหน้าเป็นเอกลัษณ์​ประจำตัว แม้เธอจะไม่ได้สวยหยาดเยิ้มเหมือน​อย่างพี่สาว แต่ความน่ารักสมวัยของเธอก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร จนมีหนุ่ม ๆ ทั้งในและนอกคณะพากันมารุมจีบให้ควั่ก​ แต่จวบจนถึงตอนนี้ที่เธอใกล้จะจบการศึกษาในอีกหนึ่งเทอมข้างหน้าอยู่แล้ว เธอก็ยังไม่มีทีท่าจะตอบรับรักใครสักคนเดียว

มินตราเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย จึงทำให้มีเพื่อนฝูงมาก รวมไปถึงเพื่อนฝูงผู้ชายที่ลึก ๆ แล้วก็หวังจะเป็นมากกว่าเพื่อน แต่มินตราก็ไม่คิดอะไรกับใครเกินเลยไปมากกว่านั้น ยกเว้นเพื่อนในภาควิชาคนหนึ่งที่เธอนั้นรู้สึกดีด้วยตั้งแต่ตอนเข้าปี 1 แล้ว แต่ทั้งเธอและเขาต่างไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกในใจ​ให้อีกฝ่ายรับรู้นอกจากความเป็นเพื่อนเท่านั้น

กิ๊ฟท์ ก้อย เบิร์ด และบิ๊ก คือเพื่อนสนิทของมินตราที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน กิ๊ฟท์กับมิ้นท์นั้นจบชั้นมัธยมศึกษา​จากโรงเรียน​ที่เดียวกัน​ จึงทำให้พวกเธอสนิทกันได้เร็วเป็นพิเศษ​ ส่วนคนอื่น ๆ มินตรารู้จักหลังจากได้เข้ามาเรียนในภาควิชา แต่ใช้เวลาไม่นานก็สนิทสนม​กันเป็นอย่างดี อาจด้วยเพราะความอัธยาศัย​ดีของเธอที่เป็นศูนย์กลาง​นำพาทุกคนให้มารู้จักกัน

"นี่พวกเรา ธนาคารเรียกตัวชั้นไปสัมภาษณ์​รอบสุดท้ายแล้วนะ" ก้อย บอกข่าวดีของตัวเองให้เพื่อนในกลุ่มทราบ

"จริงหรอ!! ดีใจด้วยนะก้อย ขอให้ทุกอย่าง​ผ่านฉลุยเลยนะ" มินตรารู้สึกยินดี​กับก้อยไปด้วย ถือเป็นเพื่อนคนแรกในกลุ่มที่มีแนวโน้ม​จะได้งานเร็วที่สุดในตอนนี้

"แล้วพวกแกสมัครที่ไหนไว้แล้วบ้าง? ชั้นช่วยให้คำแนะนำได้นะ มี trick ตอบสัมภาษณ์​เพียบเลย" ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ๆ ก้อยที่ล้ำหน้าไปไกลกว่าคนอื่นจึงอยากจะแบ่งปันเทคนิคการสัมภาษณ์​ให้ทุกคนได้เอาไปลองใช้

"แหม มีอะไรดีดีก็เพิ่งคิดจะเอามาแบ่งปันกันนะ" บิ๊กเอ่ยปากแควะเพื่อน เขาเป็นคนพูดปากหมา ๆ มาแต่ไหนแต่ไร​ แต่ลึก ๆ แล้วเขาไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น เพียงแค่อยากแกล้งพูดให้เพื่อนสนุกสนานเฮฮากันก็เท่านั้น ซึ่ง​ทุกคนรู้จักนิสัยของบิ๊กดีจึงไม่ได้รู้สึกโกรธ​เคืองอะไรในคำพูดของเขา

"แล้วเบิร์ดล่ะ ไปสมัครงานที่ไหนไว้มั่งหรือยัง?" มินตราเอ่ยถามเบิร์ด เพราะปกติเจ้าหมอนี่เป็นคนพูดน้อย ต้องให้คอยถามถึงจะบอก

"เราว่าจะเรียนต่อปริญญาโท​น่ะ" เบิร์ดเป็นคนหัวดี ได้คะแนนเป็นอันดับต้น ๆ ของคลาสเรียนเสมอ เขาเปรียบเสมือน​ห้องสมุดเคลื่อนที่ และถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง​ที่คอยติวให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มสอบผ่านกันมาได้

"จริงหรอ!! ทำไมเราถึงไม่เคยรู้เลยล่ะว่าเบิร์ดจะเรียนต่อ" มินตรารู้สึกแปลกใจและก็แอบน้อยใจอยู่ไม่น้อย ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเบิร์ดมีแผนอยากจะเรียนปริญญาโท​

"พวกเราก็เพิ่งจะรู้เหมือนกันมิ้นท์ เจ้านี่เคยบอกอะไรใครที่ไหนล่ะ" กิ๊ฟท์​และคนอื่น ๆ ก็ดูเหมือนเพิ่งจะรู้เรื่องนี้เหมือนกัน จึงมีท่าทีแปลกใจไม่น้อย

"เราเพิ่งตัดสินใจได้น่ะ ตอนนี้ยังพอมีแรงเรียนไหว เลยว่าจะ..."

"สวัสดีครับมิ้นท์ พักเที่ยงนี้มีนัดหรือยังครับ ไปหาอะไรทานกันไหม?" ยังไม่ทันที่เบิร์ดจะพูดจบ ก็มีเสียงสอดแทรกของใครบางคนดังเข้ามา จนการสนทนา​ที่กำลังดำเนินอยู่ต้องหยุดลง ทุกสายตาต่างหันไปมองยังต้นเสียง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากอาร์ม เพื่อนในภาควิชาที่ยังคงตามตื๊อ​จีบมิ้นท์ไม่เลิกรา บ้านของอาร์มนั้นมีฐานะที่ร่ำรวยมาก เขาจึงมีรถหรูขับตั้งแต่ยังหาเงินด้วยตัวเองไม่ได้ ด้วยความที่เขานั้นเปิดเผยว่าครอบครัวมีฐานะ จึงมีสาว ๆ เข้าหาให้เขาได้เปลี่ยนตุ๊กตา​หน้ารถอยู่เป็นประจำ

"พอดีเรานัดกับในกลุ่มไว้แล้วน่ะอาร์ม ขอโทษทีนะ" มินตราตอบปฏิเสธไปอย่างถนอมน้ำใจ แม้เธอจะไม่ชอบอาร์มสักเท่าไหร่ เพราะความอวดรวยบวกกับการพูดจาขวานผ่าซากของเขาตามสไตล์ลูกคนรวย แต่อย่างน้อยเขาก็ยังเป็นเพื่อนในภาควิชา ทำให้เธอไม่อยากจะพูดจาหักหาญน้ำใจ แค่ทนอีกไม่กี่เดือนก็จะไม่ต้องเจอหน้าเขาแล้ว

"งั้นไม่เป็นไร เราไปก่อนนะมิ้นท์" อาร์มแสดงจุดประสงค์ชัดเจน ว่าเขาตั้งใจจะมาคุยแค่กับมิ้นท์คนเดียวเท่านั้น และไม่ได้ต้องการจะเสียเวลาคุยกับคนอื่น ๆ เขาเองไม่ได้ต้องการมีสังคมอะไรอยู่แล้ว เพราะสำหรับเขา เงินตราสามารถเนรมิตทุกสิ่งที่ต้องการมาให้ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น เขาจึงไม่ได้แคร์คนที่อยู่นอกสายตา

[เล่นตัวนักนะ อย่าให้ถึงทีกูก็แล้วกัน] อาร์มคิดในใจ ลึก ๆ แล้วการที่เขาถูกมิ้นท์ปฏิเสธมาทุกครั้ง ก็ทำให้เขาเสียหน้าอยู่ไม่น้อย ตอนนี้ความคิดที่อยากจะได้มิ้นท์จึงเริ่มเปลี่ยนไป จากเมื่อก่อนที่เขาคิดจะคบกับเธอเป็นแฟนจริง ๆ จัง ๆ เหลือเพียงแค่ความต้องการที่อยากจะเอาชนะก็เท่านั้น สำหรับอาร์มในตอนนี้มันก็เป็นแค่เกมเกมนึงที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นกระชุ่มกระชวย

.
.
.

เย็นวันนี้ ชไมพร มนัสนันท์ และมินตรา สาวงามสามวัยได้มานั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน ชไมพรลงมือจัดเตรียมอาหารชุดใหญ่ โดยได้รับความช่วยเหลือจากลูกมืออย่างมนัสนันท์ที่พอจะเอาดีด้านนี้ได้อยู่บ้าง ซึ่งแตกต่างจากมินตราลิบลับที่ไม่ว่าจะช่วยหยิบจับสับหั่นอะไรก็มักจะทำเละไปเสียหมด จนทุกคนลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าให้เธอนั่งรออยู่เฉย ๆ จะดีกว่า

"มิ้นท์ไปนั่งรอที่โต๊ะนู่นไป อีกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว" ชไมพรเอ่ยปากบอกลูกสาวให้ไปนั่งรอ ไม่ต้องมาเดินเพ่นพ่านในครัว น่าจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นมากที่สุด

"ก็มิ้นท์อยากช่วยนี่คะ" ลูกสาวคนเล็กทำหน้าบูดบึ้งใส่ แต่ก็รู้ดีว่าตัวเองคงช่วยใครไม่ได้สักเท่าไหร่ จึงย้ายร่างตัวเองไปนั่งรออยู่ที่โต๊ะทานอาหาร

"ทำอาหารไม่เป็นสักอย่างแบบนี้ จะหาแฟนได้ไหมเนี่ย" ชไมพรเอ่ยแซวมินตราด้วยความเอ็นดู

"ไม่เห็นต้องมีฟงมีแฟนเลย อยู่กับแม่กับพี่มายแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว"

"เดี๋ยวสักวัน แกก็ต้องมีแฟนมีครอบครัว จะอยู่กับพี่อยู่กับแม่ไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอกนะ" มนัสนันท์บอกน้องสาวเพราะยังไงสุดท้ายวันนึง เธอก็คงต้องแต่งงานไปมีครอบครัว

"แต่ว่าจะเลือกคบใครก็ดูให้ดีนะ อย่าไว้ใจคนอื่นให้ง่ายเกินไป คนสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ" มนัสนันท์ยังคงพูดย้ำเรื่องนี้กับน้องสาว เพราะเธอไม่อยากให้น้องสาวต้องเสียใจ ถ้าเกิดเลือกคบคนผิด

"จ้าาาาาาา นี่หนูฟังพี่บอกเรื่องนี้มาล้านรอบแล้วมั้ง" มินตราพูดสวนด้วยน้ำเสียงประชดประชัน​ เพราะมนัสนันท์ย้ำบอกกับเธอเรื่องนี้มาแล้วหลายต่อหลายรอบจนแทบจะจำได้ขึ้นใจ

"แต่ก็นะ ใครจะไปหาแฟนดีดีได้เหมือนพี่มายล่ะ ทั้งหล่อ ทั้งดูดี แถมยังรวยอีก" มินตรายังแอบรู้สึกอิจฉาพี่สาวไม่ได้ ที่มีแฟนสุดแสนจะสมบูรณ์แบบในทุกด้าน เธอเคยเจอเขาอยู่หลายครั้งแล้ว ในตอนที่พี่สาวพามาทานข้าวที่บ้านด้วย ซึ่งเขาก็เข้ากับทั้งชไมพรและมินตราได้เป็นอย่างดี

"จะว่าไป ช่วงนี้ไม่ค่อยพามาบ้านเลยนะ ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันใช่ไหมลูก?" พอพูดถึงแฟนหนุ่มของมนัสนันท์ ผู้เป็นแม่ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อน มนัสนันท์จะพาเขามาทานข้าวที่บ้านให้แม่และมิ้นท์ได้เจออยู่บ้างนาน ๆ ครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ แต่ช่วงหลังมานี้เหมือนเขาจะหายไป เลยไม่รู้ว่าทั้งคู่ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า

"ช่วงนี้เขางานยุ่งนะค่ะแม่ แต่เมื่อวานก็เพิ่งไปทานข้าวกลางวันมาด้วยกันเองค่ะ" มนัสนันท์พูดตอบพร้อม ๆ กับที่รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฎขึ้นบนใบหน้า ซึ่งบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าทั้งคู่ยังรักกันแนบแน่นเหมือนเดิม

"โอ้ยยย หวานจนเลี่ยนเลยแฮะ สงสัยมิ้นท์ไม่ต้องใส่น้ำตงน้ำตาลเพิ่มแล้วมั้ง" มนัสนันท์ที่แสดงความสวีทหวานจนออกนอกหน้า ทำเอามินตราอดพูดแซวพี่สาวไม่ได้

"หยุดแซวพี่มายได้แล้ว มา ๆ กินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวหายร้อนหมด" สุดท้ายต้องเป็นชไมพรที่รีบเปลี่ยนเรื่อง ก่อนที่พี่น้องทั้งสองจะพูดแซวกันจนไม่ได้กินข้าว

.
.
.

ในยามค่ำคืนที่เด็กมหาลัยควรจะอยู่บ้านหรืออยู่หอพักเพื่อทบทวนความรู้ที่เรียน  

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

nan bhuket


นาสตา

สาวมหาลัยคนไหนจะโดนสอยนะเเล้วจะโดนใครสอยละเนี่ย

thadtanone2002


mario

สงสารล่วงหน้าสำหรับชะตากรรมของมายและมิ้นท์เลย

peemark


a821405


ไม่มีชื่อ


noknoi13

ความสวยของสองสาว ใครจะเจอสิ่งร้ายๆก่อนกัน


DarkGearmour

เดาได้ว่าผู้เขียน
คงชอบนางเอก ละครหลังข่าวนะครับ
ชื่อตัวนางแต่ละคนนี้ อดีตนางเอก
ติดตามครับ  ขอบคุณครับ

schareon

สงสัยงานนี้ มีการล่อทั้งพี่ปี้ทั้งน้อง ไม่รู้มีแถมแม่ด้วยหรือเปล่า

boonza boy


petergg

อะไรกันครับเนี่ย

peddo

สุขุมขะตามมาสอยมิ้นด้วยไหมนะ หรือจะกลายเป็นพระเอก ช่วยมิ้นจากอาร์ม คราวนี้จะได้เป็นฮีโร่ในสายตามายด้วย
ศัตรูรุมล้อม สุขุมคงต้องเดินเกมเร็วหน่อยนะครับ