ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

อ้ายเสือขย้ำ 1/3

เริ่มโดย zuper, กันยายน 23, 2021, 04:26:13 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

zuper

ในช่วงปี พ.ศ. 2490 สถานการณ์ต่างๆ ในโลกยังคงวุ่นวาย โดยเฉพาะเหตุการณ์รัฐประหารที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง ความเข้มงวดในการจัดการคุ้มครองประชาชนก็ลดลงตามความวุ่นวาย แต่สำหรับชุมทางรถไฟสงขลา ยังคงได้รับความคึกคักเป็นปกติ มีผู้คนเดินทางไปมาจำนวนมาก เกิดขึ้นเป็นตลาดขนาดกลางในบริเวณใกล้เคียงกับตัวสถานี มีขายทั้งอาหารแห้ง อาหารสด ของชำต่างๆ มากมาย และหากจะพูดถึงร้านที่ดูร่ำรวยที่สุดในตลาด คงจะต้องยกให้ ห้างทองเถ้าแก่เม้ง เป็นอันดับหนึ่ง

ด้วยความที่เป็นร้านทองที่เปิดกิจการมาอย่างยาวนาว มีคุณภาพเทียบเท่าร้านทองเยาวราชในกรุงเทพ เลยเป็นร้านที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เถ้าแก่เม้งมีลูกน้องมากมาย แต่ในจำนวนคนที่เข้ามาในร้านก็มีอีกหลายคนมากที่ไม่ได้มาเพื่อจุดประสงค์การอุดหนุนซื้อขายทอง เพราะพวกเขาโดยเฉพาะผู้ชาย ทั้งเด็กและแก่ เข้ามาเพื่อจะได้ยลโฉม ลูกสาวของเถ้าแก่เม้งทั้งสองคน ที่ปกติแล้วพวกเธอจะขึ้นไปเรียนหนังสือมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ จนถึงช่วงปิดเทอมถึงจะมาบ้าน และมาช่วยงานกิจการบ้านกัน

พี่สาวคนโต มุก นักศึกษาปี 3 แห่งคณะอักษรศาสตร์ สาวเชื้อสายจีนที่มีใบหน้าสวยที่ได้มาจากแม่ ที่เคยเข้าประกวดเวทีนางสาวสยาม ทำให้ทุกได่ความงามจากแม่มาแทบจะหมด สาวเรียบร้อยที่เพื่อนมอบตำแหน่งคุณแม่ประจำกลุ่ม เพราะบุคลิกอันอ่อนหวาน เธอจึงเป็นที่สนใจของหนุ่มๆ แต่สุดท้ายก็ตกลงคบหากับ อาจารย์ประหยัด อาจารย์หนุ่มที่เพิ่งกลับมาจากการเรียนต่อที่ยุโรป

มิ้นต์ น้องสาวคนเล็ก นักศึกษาปี 2 คณะรัฐศาสตร์ สาวที่ตั้งความหวังจะเป็นผู้ว่าราชการหญิงคนแรกๆ ของประเทศให้ได้ เธอมีใบหน้าที่คล้ายกับพี่สาว แต่ด้วยความใจกล้า กล้าลุย ถึก ทน เป็นสาวห้าวที่หาได้ยากในยุคสมัย เธอจึงเป็นที่ชื่นชอบของหนุ่มๆ จำนวนมาก แต่ก็ยังไม่มีใครที่เอาชนะหัวใจของเธอไปได้เลย



ปกติแล้วห้างทองเถ้าแก่เม้ง จะคึกคักเป็นปกติ แต่วันนี้คึกคักสุดๆ จากการบอกต่อกันปากต่อปากในกลุ่มชาย หลายคนที่พอมีเงินก็ทำทีเข้ามาซื้อทอง แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีมากกว่า พวกเขาได้แต่มองดูอยู่จากภายนอกร้าน และเมื่อมีคนมุงก็เกิดการลืออีกว่ามีโปรโมชั่น คนที่อยากซื้อก็เพิ่มมากขึ้น ทำให้ทุกคนในร้านวุ่นวายกันสุดๆ สองพี่น้องเองก็ต้องมาช่วยครอบครัวทำงานด้วยเช่นกัน เหตุการณ์วุ่นวายลากยาวจนถึงเกือบ 6 โมง คนถึงได้ซาลงไป

เถ้าแก่เม้งกับลูกน้องได้แยกกันไปสรุปบัญชีที่หลังร้าน เหลือเพียงมุกกับมิ้นต์ ดูแลจัดเก็บหน้าร้านเท่านั้น สองพี่น้องในชุดไปรเวท แต่งกายคล้ายกัน ใส่เสื้อเชิ้ตสีเหลืองอ่อน ที่บางอยู่พอควร แต่สองสาวใส่เสื้อซับในไว้ด้านใน และกางเกงสแลคสีครีม หุ่นของสองสาวเป็นที่น่ามองเป็นอย่างมาก
"เหนื่อยจังเลยเจ้" มิ้นต์บ่นออกมา
"เอาน่า ปกติเราก็ไม่ได้ทำงานอะไร อยู่กรุงเทพก็สบายๆ คิดว่าหาประสบการณ์ไง" มุกตอบน้องสาว
"ไม่รู้แหละ ทำงานหนักขนาดนี้ ป๊าต้องให้ค่าขนมด้วย" มิ้นต์บ่นต่อไป มุกได้แต่ยิ้มกับความเป็นเด็ก ที่ไม่ยอมโตของน้องสาว ทั้งสองคนจัดเรียงข้าวของกันไป ประตูร้านที่เป็นกระจกเลื่อนลงมาครึ่งหนึ่ง
"ก๊อกๆ" มีเสียงเคาะประตูจากหน้าร้านดัง
"เดี๋ยวหนูไปเอง" มิ้นต์บอก เธอเปิดประตูออกไป ก็เห็น ลุงเจษ อดีตคนงานของร้าน ที่เคยเห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยความที่เป็นคนคุ้นเคยมาก่อนเลยทักทายตามปกติ
"อ้าว ลุงเจษ ไม่เห็นหน้ากันนานเลย" มิ้นต์ทักทาย ด้วยความคุ้นเคย
"ลุงไปอยู่เมืองอื่นมานะ พอดีแวะมา ว่าจะมาเยี่ยมเยียนที่ทำงานเก่า" ลุงเจษเดินเข้ามาในร้าน มุกได้เห็นก็ยกมือไหว้ตามประสาคนคุ้นเคย

"แหม่ อยู่กันสองพี่น้องเลยนะ จำแทบไม่ได้ สวยขึ้นเป็นกองเลย" ลุงเจษเอ่ยชม
"ไม่หรอกคะ" มุกตอบตามมารยาท ลุงเจษมองไปรอบๆ ร้าน มุกกับมิ้นต์ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคงเป็นการมองที่ทำงานเก่าด้วยความคิดถึง
"ให้ไปตามป๊ามั้ยคะ" มิ้นต์ถาม
"อ้อ ไม่เป็นไรๆ" ลุงเจษตอบ

แต่เพียงไม่กี่นาที ประตูหลังร้านก็เปิดออก เถ้าแก่เม้งเดินออกมา ตอนแรกเขาตั้งใจจะมาคุยกับลูกสาวทั้งสอง แต่พอได้เห็นหน้าเจษ จากใบหน้ายิ้มแย้มก็แปรเปลี่ยนไปเป็นโกรธ
"ไอ้เหี้ยเจษ มึงกล้ากลับมาอีกหรอว่ะ ไสหัวจากร้านกูไป!!!" เถ้าแก่เม้งตะโกนลั่นร้าน ทำให้สองพี่น้องตกใจ
"ใจเย็นเถ้าแก่ อั้วแค่มาธุระแปปเดียว"
"มึงไสหัวไปเลย ไอ้เหี้ยเลี้ยงเสียข้าวสุก กูดูแลมึงเหมือนคนในครอบครัว ลูกมึงทั้งสามคน กูก็ช่วยออกค่าเทอมให้ ไอ้เก๋าเจ้ง ดันให้ลูกชายมาขโมยทองร้านกู" สองพี่ต้องต่างมองหน้ากัน เพราะพวกเธอไปอยู่กรุงเทพมาเป็นเกือบ 2 ปี เลยไม่รู้
"โธ่ เฮีย อั้วไม่รู้ด้วยจริงๆ ไอ้จง มันทำของมันเอง อั้วไม่รู้ด้วยเลย" เจษพยายามอธิบาย
"มึงจะไม่รู้ได้ไงว่ะ วันที่มันขโมย มีแค่มึงคนเดียวที่ถือกุญแจ ไม่ได้มีการงัดแงะ แล้วมันจะเข้ามาเอาไปได้ไงว่ะ" เถ้าแก่เม้งยังคงด่าด้วยเสียงดัง
"เออๆ อั้วรู้เห็นก็ได้ แต่เฮียก็เอาหม๋าต๋ามาจัดการลูกชายอั้วไปแล้ว มันเข้าคุกไปแล้ว โดนพวกในนั้นซ้อมอีก อั้วก็ตกงานชีวิตลำบากจะตาย" เจษยังคงอธิบาย
"ก็สมน้ำหน้ามึง ไอ้ขี้ขโมย ครอบครัวขี้ขโมย กูละสะใจเว้ย มึงรีบไปเลย รีบออกจากร้านกูไปเลย ไปไกลๆ ตีนกูเลย" เถ้าแก่เม้งยกไม้ขึ้นเขวี้ยงใส่ ไม้ตกลงพื้นใกล้ๆ กับตัวเจษ เขาหันมามอง แววตาที่เขามองเถ้าแก่เม้ง ทำให้สองพี่น้องรู้สึกหวาดกลัวแบบบอกไม่ถูก เมื่อเจ้าของบ้านไล่ขนาดนี้ เจษก็ไม่ทนอยู่ต่อ เขาเดินออกไปจากประตู วินาทีที่จะก้าวออกไป
"เรื่องราวของพวกเรา จะได้รับการตอบแทนแน่เฮีย" แล้วประตูก็ปิด ไม่ทันที่เถ้าแก่เม้งจะได้พูดอะไร เมื่อประตูปิดลง เป็นเวลาหลายนาทีกว่าที่เถ้าแก่เม้งจะสงบสติลงได้
"เกิดอะไรขึ้นนะป๋า" มุกถามด้วยความสงสัย
"เมื่อปีก่อน ป๋ามาตรวจสอบทองในร้าน เห็นหายไปเกือบร้อยบาท ก็พยายามให้คนสืบดู แล้วพบว่าทองนะหายทุกครั้ง ทุกวันที่ให้เจษมันปิดร้าน" เถ้าแก่เม้งยังคงอารมณ์ขึ้น พูดด้วยเสียงหอบๆ
"ป๋าก็เลยให้สารวัตรมาตามสืบดู แล้วก็พบว่าไอ้จง มันเข้ามาขโมยของในร้านไป" เถ้าแก่เม้งพูด สองพี่น้องนึกถึงลูกๆ ของเจษ พวกเขาก็โตมาไล่เลี่ยกัน ในวัยเด็กจำได้ว่า ลูกสาวของเจษยังเรียนรุ่นเดียวกันกับพวกมุกและมิ้นต์เลย พวกเธอนึกถึงใบหน้าของเพื่อนในวัยเรียน แม้จะเป็นลูกสาวของคนงานร้านทอง แต่พวกเธอก็ดูดีระดับดาวโรงเรียนเลย แต่แปลกที่พวกเธอไม่เคยเห็นหน้าแม่ของเพื่อนๆ มาก่อน

จอย เพื่อนรุ่นเดียวกับมุก แม้จะไม่ได้สนิทกันมาก แต่ก็พอรู้จักกัน มุกที่เป็นสาวดาวโรงเรียนสายเรียบร้อย ก็มีจอยเป็นเหมือนคู่เปรียบเทียบ เพราะจอยเป็นสาวดาวโรงเรียนสายเปรี้ยว เธอกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่มีนิสัยคล้ายกัน มีเรื่องตบตีกับเพื่อนในโรงเรียน และลามไปถึงโรงเรียนอื่นๆ อีกด้วย แต่ใบหน้าสวยๆ ที่ขัดกับนิสัย ก็ชวนให้รุ่นพี่หลายคนหลงรัก แม้จะคบหาหลายคนแต่ยังไม่เคยได้ยินเรื่องมีอะไรกันแล้วมาก่อน

เจน เพื่อนร่วมรุ่นของมิ้นต์ สำหรับคู่มุก-จอย เป็นเหมือนคู่เปรียบเทียบ ที่ไม่ได้สนิทสนมอะไรกัน แต่เจนกับมิ้นต์ต่างออกไป เพราะพวกเธอเป็นเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกัน แม้ว่าหลายๆ ครั้งมิ้นต์จะรู้สึกแปลกๆ กับความสัมพันธฺของพวกเธอ เพราะหลายครั้งที่เจนมักแสดงออกในทางอิจฉามิ้นต์ แต่หลายครั้งก็ทำดีสนิทสนม

ตั้งแต่ที่พวกเธอเข้ามหาวิทยาลัย สองพี่น้องร้านทองได้เข้าเรียนในกรุงเทพ แต่สำหรับสองพี่น้องลูกจ้างไม่มีทุนไปเรียนต่อในเมือง แถมสอบชิงทุนก็ไม่ได้ เท่าที่มิ้นต์ได้ข่าว คือ เจน ไปเข้าเรียนวิทยาลัยอาชีวะใกล้บ้าน เพื่อจะได้หางานทำได้ง่ายๆ แต่ก็นะด้วยความที่ต้องไปใช้ชีวิตกรุงเทพ การติดต่อก็ลำบากเลยทำให้ห่างๆ กันไป

ท่าทีของเถ้าแก่เม้งทำให้สองพี่น้องไม่กล้าถามอะไรต่อ เพราะใบหน้าของเม้งหน้าแดง หูแดง ดูน่ากลัวเอามากๆ สองพี่น้องได้แต่นั่งทำงานกันไปเงียบๆ จนเป็นเวลาเกือบ 1 ทุ่ม พวกเธอก็ได้ลุกออกไปหลังร้านเพื่อกินข้าวตามปกติ จากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามห้องส่วนตัวของแต่ละคน เพราะบ้านของครอบครัวก็อยู่ในตึกเดียวกับร้านทองเอง



ในห้องนอนส่วนตัวของมิ้นต์ มิ้นต์ได้อาบน้ำเรียบร้อยแล้ว อยู่ในชุดนอนที่นำมาจากกรุงเทพ สาวน้อยกำลังนอนเอกเขนกอ่านหนังสือสบายอารมณ์ หนังสือนิยายรักที่ซื้อมานานแล้วแต่ไม่ได้มีเวลาได้อ่านเสียที เธอกำลังอ่านต่อไปอย่างสนุกสนาน ลุ้นไปกับเหตุการณ์ที่พระเอกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย เพื่อช่วยเหลือนางเอก จนสามารถช่วยเหลือนางเอกออกมาได้อย่างปลอดภัย พร้อมทั้งเขาได้จุมพิตนางเอก บทบรรยายเพียงแค่เล็กน้อยก็กระตุ้นความเสียวบริเวณร่องเสียวของสาวบริสุทธิ์ได้ ในยุคสมัยที่เรื่องราวทางเพศยังไม่เปิดกว้าง เพียงบทบรรยายเล็กๆ น้อยๆ ก็ทำให้สาวน้อยรู้สึกร่วมไปได้โดยง่าย มือของเธอลูบไปมาตรงหว่างขาภายนอกกางเกงชุดนอนขายาว เธอชอบทำแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ มันมีความเสียวที่ทำให้หลับฝันดี

"ปัง!!!" เสียงปืนดังขึ้นจากภายนอกร้าน มิ้นต์ตกใจจนหนังสือหลุดจากมือ เธอรีบชะโงกหน้าไปตรงหน้าต่าง มองลงไปก็เห็นกลุ่มคนในชุดสีดำกว่า 30 คนกำลังยืนอออยู่หน้าร้านของเธอ แต่มองได้เพียบแว่บเดียวก็ต้องรีบก้มหัวหลบทันที เพราะแสงไฟจากปืนได้พุ่งออกมา พร้อมกับเสียงปืนดังลั่น และเสียงตะโกนถ้อยคำที่ใครได้ยินต้องตกใจขวัญหนีดีฝ่อ
"อ้ายเสือบุก!!!" สิ้นเสียงตะโกน ก็มีเสียงเฮดังตามมา มิ้นต์ตกใจจนทำอะไรแทบไม่ถูก เธออยากจะออกไปหาคนในครอบครัวก่อน แต่เสียงปืนก็ยังคงดังต่อเนื่องหลายสิบนัด มิ้นต์กดล็อคประตูห้อง ก่อนที่มิ้นต์จะมองลงไปจากห้องของเธอที่อยู่ชั้น 3 จะกระโดดลงไปก็คงไม่รอด แถมเหล่าคนร้ายยังล้อมรอบบ้านของพวกเธอไว้ มิ้นต์พยายามจะมองหาที่ซ่อนภายในบ้าน แต่เพราะเป็นห้องนอนส่วนตัวเลยไม่มีที่อะไรจะให้ซ่อนได้เลย

มิ้นต์ได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของเหล่าคนงาน เพราะพวกเขานอนกันในชั้นสอง เป็นสัญญาณบอกได้ชัดว่าพวกคนร้ายบุกมาถึงที่ชั้นสองแล้ว เสียงปืนยังคงดังต่อเนื่อง มิ้นต์มองไปที่ตู้เสื้อผ้า มันคงจะเป็นทางเลือกสุดท้าย ทางเลือกเดียวแล้วที่จะซ่อนตัวได้ เธอรีบพุ่งไปที่ตู้ ก่อนจะรีบมุดตัวเข้าไปข้างในตู้เสื้อผ้า แล้วปิดประตูให้สนิท ในตู้มืดสนิทมองอะไรไม่เห็นเลย เธอได้แต่พยายามเงี่ยหูฟังเสียงเรื่องราวต่างๆ นอกห้อง หลายครั้งเสียงก็เงียบไปหลายนาที ก่อนจะมีเสีงกรีดร้องดังตามมา เสียงปืน เสียงร้อง ทำให้มิ้นต์ตกใจแทบเสียสติไป แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอภาวนาขอให้ป๊า เจ้มุก รอดปลอดภัย
"มึง อย่าทำอะไร อย่าทำอะไรครอบครัวกู" เสียงอันคุ้นเคย เสียงของเถ้าแก่เม้ง พ่อของเธอดังออกมาด้วยเสียงอันสั่นกลัว
"มึงพาคนในครอบครัวมึงออกมาให้หมด ถ้าไม่ครบ กูยิงทิ้งแน่" เสียงอันโหดเหี้ยมดังออกมา มันเป็นกลยุทธ์ง่ายๆ ที่พวกโจรชอบใช้ เพราะเวลามันบุกปล้นบ้าน จะให้ออกไปค้นหาผู้คนในบ้านก็คงจะเสียเวลาเปล่า มิ้นต์แอบอยู่ในตู้เสื้อผ้าเลยฟังไม่ค่อยถนัด เธอตัดสินใจไม่ออกเลยว่าจะเลือกเส้นทางไหนดี จะหลบซ่อนตัวต่อไปหรือยังไงดี เหงื่อไหลท่วมตัวของมิ้นต์

"ปัง" เสียงปืนดังอีกครั้ง มันใกล้ตัวมิ้นต์เอามาๆ จนเธอต้องเอามืดอุดปากไว้
"ห้องนี้ ซ่อนอยู่ไหนน้า" เสียงพูดคุย มันมีคนเดินเข้ามาในห้องของมิ้นต์ เธอพยายามนิ่งให้ได้มากสุด
"ทำไมมึงรู้ว่ะ" มีอีกเสียงหันไปถาม
"โอ๊ย คิดง่ายๆ ถ้าไม่มีคนอยู่ ใครจะล็อคห้องได้ว่ะ ประสบการณ์หน่อยสิเว้ย" คนแรกหันไปตอบ ทำให้มิ้นต์รู้สึกคิดผิดที่ไปล็อคประตู แถมถ้าได้เข้ามาในห้องคงจะเดาได้ไม่ยากว่ามีคนอยู่แน่ เพราะไฟเปิด พัดลมเปิด มันเป็นหลักฐานชั้นดีว่าห้องนี้มีคนอยู่ มิ้นต์พยายามทำตัวให้นิ่งๆ พยายามเอาเสื้อมาปิดคลุมตัวไว้ ไม่ให้ใครเห็น เสียงก้าวเดินในบ้านไม้ เกิดเป็นเสียงเอี๊ยด อ๊าด ไปมา มิ้นต์พยายามฟัง เสียงก็เงียบไป
"ไม่เจอว่ะๆ มึงบอกผิดป่าวว่ะ ไปห้องอื่นเถอะ" คนที่สองพูดออกมา มิ้นต์รู้สึกโล่งใจ แต่ก็ต้องร้องกรี๊ดออกมา เมื่อประตูตู้ถูกเปิดออก
"สวัสดีสาวน้อย แหม่ คิดว่าพวกพี่โง่หรือไงจ๊ะ ห้องแค่นี้ มีที่ซ่อนที่เดียวแหละ มาๆ รีบออกมา คนสวย" มิ้นต์ได้มองไป โจรคนแรกมีรูปร่างอ้วน ใช้ผ้าขาวม้าพันบริเวณจมูกไว้ มิ้นต์ถูกมันจับตัวตรงรักแร้ช้อนอุ้มออกมา หน้าห้อง พอออกจากประตูห้องได้ ก็เห็น ป๊า เจ้มุก และคนอื่นๆ ถูกจับมานั่งรวมกันที่กลางห้อง

"แหม่ คนสุดท้ายเลยนะ" มิ้นต์หันไปมอง คนที่น่าจะเป็นหัวหน้าโจร สะพายปืนไว้ที่ข้างเอวถึงสองกระบอก สวมหมวกไหมพรม ปิดบังตัวไว้ เขามีรูปร่างที่ค่อนข้างเล็ก เมื่อเขามองไปรอบๆ ห้องก็ถอดหมวกไหมพรมออก ใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฎ เถ้าแก่เม้งถึงกับหน้าถอดสี เช่นเดียวกับมุกและมิ้นต์ เพราะใบหน้าที่อยู่ภายใต้หมวกไหมพรม คือ เจษ ลูกน้องเก่าของเถ้าแก่เอง
"ว่าไงเถ้าแก่ ตอนนี้จะเรียกอั้วว่า ไอ้เจษไม่ได้แล้วนะ เพราะเถ้าแก่คนเดียวเลย ที่ทำให้ไอ้เจษต้องกลายมาเป็นเสือเจษ ขอบคุณเถ้าแก่นะ ที่มอบโอกาสดีๆ แบบนี้ให้อั้ว"
"แก แกจะเอาอะไร"
"ผมก็จะมาตอบแทนที่เถ้าแก่มอบอะไรหลายอย่างให้อั้วนะสิ" 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
รับจ้างแต่งนิยาย 18+ ติดต่อ twitter @secretxwar ตอนละ 250 บาท

psycho-field

เรื่องนี้จะดาร์คแค่ไหนครับเนี่ย ถ้าติดตามจากเรื่องก่อนเหมือนไรท์อยากใส่ดาร์คอยู่นะครับ

arch25202520

แนวนี้ชอบแนวนี้ชอบมากขอบคุณครับ

Nakarin Satthamnuwong


ชายชรา

แนวนี้ไม่มีให้อ่านมานานแล้วติดตามครับ

กฤษดา บุญมา

ซวยแล้วมิ้น พวกมันหาเจือแล้ว

ryg123456


baibon

 ::DookDig::ชแบแนวนี้ เพิ่มเรื่องรัก ๆ เข้าไปจะดีมากครับ

po3026

ในเมื่อลูกชายโดนซ้อมในคุก การเอาคืนคือซ้อมกับลูกสาวของเถ้าแก่ในห้องเป็นการเอาคืนที่เจ็บมาก

Csc It

สงสารเถ้าแก่ได้ลูกน้องไม่ดีลูกสาวทั้งสองน่าจะไม่รอดแน่เลยเถ้าแก่จะทำใจได้หรืแเปล่า

TuTee

เนื้อเรื่องย้อนสมัยแบบนี้ ดิบเถื่อนได้ตามใจชอบ

kupong


teeieie123

สงสัยจะโดนจัดหนักทั้งพีื่สาวน้องสาว  ::DookDig:: ::DookDig:: ::DookDig::

สุชาติ งามละออ


than.ya

แบบนี้น่าจะเสดอ้ายเสือเจษหมดแน่ๆ  ::Horror:: ::Horror::