ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_Monchai-S

มลทินดอกไม้-ตอนที่39

เริ่มโดย Monchai-S, พฤศจิกายน 26, 2021, 07:27:50 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Monchai-S




มลทินดอกไม้-ตอนที่39



"คุณพ่อบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย ก่อน ที่ลูกเนียงจะไปอังกฤษ"
พัดชาพูดด้วยซุ่มเสียง อ่อนโยน แต่ใบหน้าที่ดูเปลี่ยนไปของเด็กสาวนั้น
มันแสดงออกจนผิดสังเกต "เป็น อะไรไปล่ะ"

"เปล่า เปล่าค่ะ แต่ว่าหนู..." เด็กสาวลังเลใจ ไม่รู้จะพูดออกไปดีหรือไม่
"แต่อะไรล่ะ"
"หนู...หนูไม่อยากไปค่ะ" เด็กสาวพูดพร้อม กับส่งสายตาเหมือนจะวิงวอน
ขอความช่วยเหลือ
ไม่ให้ต้องไปในรถคันเดียวกับคนอย่างเจ้ากําบังที่น่ากลัว
"ทําไมล่ะ ก็คุณพ่อเขาอยากจะพบ" พัดชาพลันนึกไปถึงเรื่องความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่าง
เด็กสาวกับลูกชายของตัวจึงทําให้ถูกเนียงไม่อยากจากไปมากกว่า ตนเองก็ออกจะภูมิใจ
อยู่ไม่น้อย เมื่อใครต่อใครพากันชมเชยในความสมาร์ทของ รองพลและยิ่งรู้ว่าลูกเนียงคือ
คู่ครองในอนาคต สํานวนกิ่งทองใบหยกได้ยินไม่ค่อยจะขาดสาย

"หนู...หนูไม่ไปไม่ได้เหรอคะ" ลูกเนียงพยายามจะประวิงเวลาเอาไว้ให้มากเท่าที่จะมากได้
เพื่อรอให้รองพลกลับมาก่อน ถ้าจะไปก็ควร ไปในรถคันเดียวกับรองพลดีกว่าไปกับ
คนอย่างกําบังเป็นไหนๆ แม้จะเชื่อได้ว่าคงไม่มีอะไร เนื่องจากพ่อให้มารับแต่ก็ไม่กล้า
แม้แต่จะเข้าใกล้
เห็นหน้าไกลๆ ยังนึกแหยงสยองกับสิ่งที่มันฝากเอาไว้ ยิ่งคิดไปก็ยิ่งอาย
ที่มันได้รู้ได้เห็นได้สอดเข้ามา จนลึกไปถึงไหนๆ ยังไงๆ ก็ขอให้รองพล
กลับมาก่อนเถอะ แม้ในรถของกําบังจะมีลายตองอยู่ด้วยก็ตาม แต่เด็กสาว
ก็ไม่มีความไว้ใจลายตองเสียแล้ว ภาพที่ลายตองใช้ปากกับหน่อเนื้อของ
เจ้ากําบัง เป็นตัวอย่างให้ตนทำเช่นนั้นบ้างมันยังคิดตา มันช่างน่าเกลียด
สกปรก เคราะห์ดีที่คืนนั้นพ่อกลับมาบ้านทันเวลา มิเช่นนั้น...

แต่มาวันนี้ ตนจะต้องกลับไปบ้านตามคำสั่ง ของพ่อพร้อมกับกำบังและ
ลายตอง ไปในรถคันเดียวกันคิดแล้วมันช่างน่ากลัวและน่าอายเสียจริงๆ

กลิ่นตัวสาบฉุนดูเหมือนจะติดจมูกขึ้นมาทันที เนื้อหยาบ มีอสาก ขนแข็ง
หน่อเนื้อที่เสียดสีเข้ามา ในขนำเนื่อเริ่มเตือนให้รู้สึก

"คุณพ่อเรียกแล้วหนูต้องไปนะ ท่านอาจมีเรื่องอะไรที่จะสั่งเสียก็ได้"
พัดชาเอ่ยเตือนเมื่อเห็นเด็กสาวมีท่าทางอิดออด

"พรุ่งนี้ค่อยไปไม่ได้เหรกคะ" ลูกเนียงไม่กล้าบอกให้รองพลกลับมาค่อย
ให้เขาพาไป แต่ก็พูด เป็นนัยๆ ถึงความต้องการ

"ไปก่อนเถอะน่า" พัดชาไม่รู้ความหมาย และไม่รู้ความเจ็บปวดความหวาดกลัว
ที่เด็กสาวได้รับมาจากเจ้ากําบังจึงไม่เข้าใจความหมาย
"ไป เถอะ เดี๋ยวตารองพลกลับมาแม่จะให้แกไปรับนะ"

พัดชาเรียกตัวเองว่าแม่อย่างสนิทปาก นอกจากรองพลแล้วพัดชาก็ดูจะ
หลงไหลลูกเนียงอยู่ไม่น้อย เพราะลูกเนียงเป็นเด็กสาวที่มารยาทอ่อนโยน
รู้จักฝากเนื้อฝากตัว พัดชาพลอยปลาบปลื้มไปกับลูกชายที่ได้เด็กสาวแสนบริสุทธิ์
ทั้งกายและใจอย่างลูกเนียงมาเป็นคู่หมั้นคู่หมาย

"หนู...หนูไปพร้อมพี่รองพลไม่ได้เหรกค่ะ" ลูกเนียงขอร้อง

"โธ่ คุณพ่อให้เอารถมารับแล้วก็ไปเถอะน่า" พัดชาพูดอย่างเกรงใจ
นายกองทุนเพราะเด็กก็แค่หมั้นหมายกันอย่างไม่เป็นทางการ
เอาลูกเขามาไว้ในบ้านฝ่ายชายเขายอมให้แค่นี้ก็นับว่าเขาไว้วางใจ
มากแล้ว ครั้นเขาจะขอให้ลูกไปพบเพียงชั่วครู่ จะไม่ยอมให้ไป
มันจะน่าเกลียด "แต่งตัวเข้าเถอะ อย่าเสียเวลาเลย เชื่อแม่สิ"

พัดชาพูดแล้วก็เดินออกไปจากห้องเหมือนเป็นการยื่นคําขาด
ที่เด็กสาวจะคัดค้านไม่ได้

เรื่องราวต่อไปนี้ ดูเหมือนจะเป็นความโหดร้ายของผู้กําหนดโชคชะตา
ของเด็กสาวอย่างลูกเนียงอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ดูมันจะร้ายแรงกว่าครั้งที่แล้ว
มาเป็นไหนๆ

ลูกเนียงถูกนําตัวมาขึ้นรถเหมือนสัตว์ที่โดนต้อนเอาไปฆ่า

เด็กสาวไม่กล้าขัดขืนดิ้นรนแต่ก็ทุรนทุรายอยู่ในความรู้สึก

ลําไส้ในช่องท้องมันดิ้นเหมือนอสรพิษสะบัดตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด

เจ็บหน่วงๆ ตรงช่องท้องและมดลูก

แผลตรงรอยเย็บด้วยเนื้อดูจะเจ็บขึ้นมาอีก เหมือนอักเสบกลัดหนอง

ลูกเนียงก้าวขึ้นไปนั่งด้านหลังพอลายตองก้าวตามขึ้นมา
ก็มีเสียงประตูรถปิด เหมือนเสียงกรงขังโดนล็อก


มันเป็นรถที่เคยนั่งมาเป็นเวลานาน มันซื่อสัตย์ มันรับใช้ตนมาแต่เล็กๆ
แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะทรยศ มันร่วมมือกันกักขังตนเอาไว้เสียแล้ว
มันทรยศเหมือนลายตองที่นั่งวางท่าปั้นปึ่งอยู่ข้างๆ ส่งสัญชาตญาณ
อันไม่น่าไว้วางใจออกมา

เมื่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ เจ้ากาบังมันนอนน้อม แสดงกิริยาออกด้วย
ความซื่อสัตย์ ซื่อเหมือนสัตว์ที่พร้อมจะกัดใครก็ได้ที่เข้ามาเพื่อ
ทําร้ายเธอ แต่บัดนี้...มันเปลี่ยนจากสัตว์ที่แสนซื่อ มาเป็นสัตว์หน้าขน
มันเลื่อนขั้นจากคนใช้ ขึ้นมาอยู่บนตัว มาเป็นผัว เป็นผู้ชายคนแรก
ที่บดแหลกความสาว สองมือที่เคยยื่นออกรับกระเป๋า ข้าวของจากตนเยี่ยง
นายกับบ่าว กลายเป็นสองมือที่ตระโบมตามหน้าอก หน้าขา หน้าท้อง
มันกระชากสองไหล่จนเจ็บกระทั่ง กล้ามเนื้อรับไม่อยู่ปวดไปถึงกระดูก
มันเปลี่ยนจากคนใช้มากลายเป็นผัว มันเป็นผู้ชายคนแรกที่โชคชะตาบงการ
ให้ขึ้นมาขย่มอยู่บนตัว เปิดเนื้อหน้าขา

และขณะนี้...

ลูกเมียงนั่งตัวแข็งเมื่อมองเห็นหนอกที่ต้นคอและหัวอันใหญ่โตของมัน
ทางด้านหลัง สองไหล่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวของมัน ดันออกมานูน
ส่วนล่างของมันที่ต่ำลงไปจากพนักมองไม่เห็นแต่ก็จําได้เด่นชัด
ถึงอาวุธร้ายของมันซึ่งวางอยู่ตรงหน้าตัก ตอนที่มันเปล่าเปลือย
ก่อนจะสอดกระสวย...

ขนลุกขึ้นมาชูชันจนท่อนแขนสีขาวเห็นเป็นตุ่มเล็กๆ เต็มพร็ดไปหมด
ตะครั่นตะครอ ราวกับจะเป็นไข้ เมื่อนึกไปถึงอาวุธร้ายของ มัน
มันซ่อนเอาไว้ไม่ให้แลเห็น มันเป็นอาวุธที่เคยใช้ทําร้ายตนมาแล้ว
มันเข้ามาฉีกทำลาย... แม้จะไม่เห็นใบหน้า แต่ดวงตาโตๆ โปนๆ
ปากหนาๆ ของมัม...เด็กสาวรู้สึกเจ็บตรงริมฝีปากตรงที่มันเคยขบกัด
มันดูก มันสูดเอาความหวาน มันดูดกินเข้ามาในปากอย่างหนักหน่วง
สองมือสองขาของมันที่ขยำและกระชับขยับ เนื่อสาวที่กําลังจะเริ่มแตก
โดนมันแตกออกมาเสียก่อน มันตีจนแตกละลายออกมาเหมือนโดนไฟรน....

ลูกเนียงสลัดหน้าไล่ความคิดที่ฝังลึกอยู่ในความจําออกไป
สายตามองไปทางด้านข้างมองดูรถที่วิ่งสวนทางมา อยากจะให้รองพล
ขับรถสวนมาในเวลานี้เสียเหลือเกิน แต่โชคดูจะไม่อํานวย ไม่มีวี่แวว
ของเขา ไม่มีบังเอิญ ไม่มีเจ้าชายองค์ไหนขี่ม้าขาวมาดึงร่างของเธอ
ออกไปจากยานที่มีเจ้าซาตานกําลังควบขับทะยานไปด้วยความเร็ว
ราวกับใจของมัน ร้อนจะให้ถึงที่หมายไวๆ

ลูกเนียงไม่รู้ว่าเจ้ากําบังมันกําลังขับรถพาไป ทางไหน มันผิดไปจากถนนหนทาง
ที่เคยผ่านมา สองข้างทางไม่เคยผ่านสายตามาแต่ก่อน
มันเป็นเส้นทางที่ไม่เคยรู้จัก อย่าว่าแต่ลูกเนียง แม้แต่เข้ากําบังเองก็ไม่รู้
เพราะเห็นมันเอี้ยวตัวมาถามลายตองบ่อยๆ เป็นเส้นทางที่มันเอง
ก็ไม่เคยมา ลายตองคนเดียวเป็นผู้รู้ทิศทาง หล่อนเป็นคนบงการ
และดูเหมือนจะกลายเป็นคนบงการชะตาชีวิตของเด็กสาวด้วย
อํานาจทั้งหมดดูจะไปรวมอยู่ที่ลายตอง ลายตองนั่งตัวตรง
สองมือกอดอก คอแข็ง สายตามองไปข้างหน้า มองจากด้านข้าง
เห็นแก้มสีขาวอิ่มมีเส้นเลือดสีเขียวรางๆ เหมือนตัวพยาธิกําลังยั้วเยี่ยอยู่
ไหล่แขน ช่วงอกเหมือนจะเบ่งออกมาเต็มที่ ทั้งตัวของหล่อนพอง
ไม่ผิดอะไรกับสุนัขพองขนจังก้า เมื่อมองเห็นอสรพิษ มันเตรียมพร้อม
ที่จะกระโจนเข้าคว้าคอมิให้พลาด

ลายตองดูไม่ใช่คนเดิมเสียแล้ว มันน่ากลัวชอบกล ไม่มีแววลายตองคนเดิม
ที่ตนเคยรู้จัก เคยไว้ใจ เคยเอ่ยปากใช้สอยในฐานะนายกับบ่าว

ความสังหรณ์ไม่มีออกมาเป็นคําพูด แต่มันบอกในความรู้สึก
มันเป็นสื่ออันลึกลับ ลูกเนียงแน่ใจว่า ตนกําลังตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว

"ตอง ตองจะพาฉันไปไหน" ถูกเนียงละสายตาจากข้างทางหันมา
ถามลายตอง

วาวในแววตาของลางตองฉายแวบออกมาดูน่ากลัว "พาไปบ้าน"
เป็นคําพูดห้วนๆ และน้ำเสียงกระด้าง ไม่เหมือนแต่ก่อน

"บ้าน...ไปบ้านทําไมไปทางนี้.." ขาดคำของเด็กสาวก็มีเสียงหัวเราะ
ด้วยความพอใจของกําบัง ถึงจะไม่เห็นหน้าแต่ก็รู้ว่าหน้าตาของมัน
ตอนนี้คงดูน่าเกลียดเหมือนในตอนนั้น...

"คุณพ่อของคุณบอกให้แวะไปเอาเครื่องอะไหล่ ที่อู่ก่อน"
ลายตองตอบเด็กสาวแล้วพูดกับกําบัง "ตรงไปข้างหน้าแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไป"

รถเลี้ยวเข้าไปใน แต่ลูกเนียงเห็นว่ามันไม่ควรจะเรียกว่าอู่
มันควรจะเป็นโกดังมากกว่า เพราะมันถูกล้อมเอาไว้ด้วยลวดหนาม
ในนั้นเป็นเครื่องเหล็กเก่าๆ ตัวถังรถยนต์ หม้อไอน้ำและแท็งค์น้ำ
ที่สนิมจับเขรอะ มันกองกันอยู่ระเกะระกะ มีหญ้าขึ้นแซมไปทั่ว
มันเป็นกองขยะเหล็ก มันไม่มีกลิ่นเน่า แต่ความใหญ่โตและความแข็ง
แกร่งของเนื้อเหล็กทําให้ดูน่ากลัว คล้ายกับมันจะซ่อนความร้ายกาจ
เอาไว้ภายใน หลังสุดเป็นบ้านคล้ายๆโรงนาอยู่ติดรั้วลวดหนาม
มีบ่อน้ำขนาดใหญ่ นอกรั้วออกไปเป็นท้องนาข้าวกําลังชูรวงเขียวชอุ่ม
ความอ่อนช้อยของรวงข้าวตรงกันข้ามกับเนื้อเหล็กที่อยู่ในรั้ว
นอกรั้วออกไปเป็นความงามความบริสุทธิ์ แต่ในรั้วเข้ามาเป็นเขต
ของความโหดร้าย ไร้ความงาม

ลูกเนียงถูกพาตัวเข้ามาอยู่ในโรงเหล็ก ความรู้สึกของเด็กสาวหวาดผวา
จนความงามของรางข้าวเขียวไม่เข้ามาอยู่ในความคิด

รถมาจอดที่หน้าบ้านพัก พอดับเครื่องสนิท ชายฉกรรจ์วัยกลางคน
เปลือยอกเห็นเป็นแผงหนาทั้งกล้ามและขน หนวดเคราครื้มอยู่ในกางเกง
ขาสั้นตัวเดียวเผยให้เห็นกล้ามเนื้อขาแน่น ก็ปรากฏออกมาที่หน้าห้องพัก
ใบหน้าของเขาเฉยเมยเหมือนจะไม่ยอมรับรู้ความดีความชั่วอะไรทั้งสิ้น
ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว เป็นคนประเภทเอายังไงก็ได้ทั้งนั้น แต่ในโรงที่เต็มไป
ด้วยเหล็กอย่างนี้ มันบอกแทนเขาได้ว่าคนอย่างเขามันเหล็กขนาดไหน
ในตัวของเขาดูจะมีรังสีอันตรายอยู่ไม่น้อย

กําบังเองยังรู้สึกคร้ามๆ ชอบกลความรู้สึกบอกตนเองว่ามาเจอคน
ที่เหนือกว่า บุคลิกของคนคนนี้ที่แสดงออกมาเป็นการท้าทาย

ลายตองลงจากรถเดินเข้าไปหาเขาอย่างคุ้นเคย

"นั่นไง เด็กที่ฉันบอกกับอาเฉย" ลายตอง หันมามองลูกเนียง

คนชื่ออาเฉยมองมาที่ลูกเนียง ซึ่งหลบสายตาด้วยความกลัว

"สวยดีนี่หว่า" อาเลยพูดเบาๆ สายตาไม่ละไปจากลูกเนียง

"อาเตรียมพร้อมหรือยัง"
"พร้อมแล้ว"
"ลงมือกันเดี๋ยวนี้ได้เลยใช่มั้ย"
"เออ...ไอ้บ้านั้นมันชื่ออะไรวะ"
"กําบัง"
"ไอ้นี่เหรอ ที่เอ็งบอก"
"ใช้"
"อือ...เมื่อเช้าพ่อเอ็งเขามา"
"เขาว่าไง"
"เขาก็บอกแล้วแต่เอ็ง"
"ดีแล้ว"
ลายตองกลับมาหาลูกเนียงที่รถเปิดประตูออก "ลงมา" ลายตอง
ออกคําสั่งสั้นๆ

เด็กสาวมองซ้ายมองขวาด้วยความตื่นตระหนก ความหวาดกลัว
ที่มีต่อกำบังหายไปกลายเป็นกล้ว ผู้ชายแปลกหน้าที่ยืนทะมึน
อยู่หน้าห้องพักอย่างจับใจ เด็กสาวมองกําบังซึ่งหันหน้ามาหา
เหมือนจะขอความช่วยเหลือ แต่กลับได้พบกับใบหน้าและแววตา
ที่เปลี่ยนแปลง มันไม่ใช่ใบหน้าของคนกระหายราคะ หยาบคายหื่นระห่ำ
แต่มันเป็นใบหน้าของคนที่มีความหวาดกลัวพอๆ กันกับตนเอง

"ลงมาสิ" ลายตองกระแทกเสียงซ้ำ
"ฉัน...ฉันจะกลับบ้าน" เด็กสาวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นเครือ
เพราะรู้อยู่แล้วว่าอะไรจะเกิดขึ้น
"ลงมาพักที่นี่ก่อน" สายตาของลายตองเกรี้ยวกราด
"อย่าเลย...ตอง...ตองพาฉัน...พาฉันกลับบ้าน เถอะ"
"บอกให้ลงมาก่อนก็ลงมาสิ บ้านน่ะไปเมื่อไหร่ก็ได้"
"ไม่...ไม่เอา"  เด็กสาวกระเถิบตัวหนีไปชิดประตูรถอีกด้านหนึ่ง
"จะลงหรือไม่ลง" ลายตองตะคอก
"ไม่"
ลายตองก้าวเท้าขวาขึ้นมาบนรถจับแขนของเด็กสาวดึง
ลูกเนียงใช้มือซ้ายเหนี่ยวขอบหน้าต่างรถเอาไว้

"บัง ช่วยฉันด้วย"
แทนที่กําบังจะช่วยกลับเอื้อมมือมาแกะมือของลูกเนียง
ที่คว้าประตูเอาไว้ออกพร้อมกับหัวเราะ อย่างย่ามใจที่มือของลูกเนียงหลุดออกจากที่เกาะ...
ร่างของเด็กสาวจึงถลาออกไปนอกรถตามแรง
กระชากของลายตอง แม้จะพยายามใช้มือคว้าประตู รถเอาไว้
อีกก็ไม่สําเร็จ เนื่องจากกําบังคอยปัดออก

ตะวันบ่ายแดดยังเริงแรงชัด โรงที่มีแต่หลังคาสังกะสีเก็บซากเหล็กเก่าๆ
ที่มองเห็นได้แต่ไกล โดดเดี่ยวอยู่กลางทุ่ง แรงร้อนจากเหล็กเก่าสะท้อน
ขึ้นรับตะวันระยับ ดูมันจะสันโดษเพราะอยู่ห่างออกมาจากบ้านของชาวนา
เสียไกล หรือไม่มันก็เก็บงำ ความจริงอะไรเอาไว้ ชาวบ้านแถบนั้นที่รู้ก็เห็น
มันอยู่กับชายฉกรรจ์วัยกลางคนเพียงคนเดียว กับหมาที่ดุอีกสองตัว
ไม่มีใครให้ความสนใจมันเพราะ ไอ้คนที่อยู่ก็ไม่ค่อยจะสนใจใคร
มันทําตัวเหมือนจะพูดภาษามนุษย์ไม่รู้เรื่อง ทุกคนจึงเห็นมันเป็น
โรงที่เอาไว้เก็บซากรถซากเหล็กเก่าๆ แต่มันก็ประกาศไม่ให้ใคร
ล่วงล้ำเข้าไปด้วยรั้วลวดหนามอันแข็งแรง ยิ่งอยู่ในฤดูร้อนทั้งโรง
ก็มีความเย็นเพียงแค่น้ำในสระซึ่งขุดเอาไว้กินไว้ใช้สําหรับตนเฝ้า
เพียงคนเดียว นานๆ จะมีรถบรรทุกเหล็กหรือตัวถังรถเก่าๆ
เอามาทิ้งไว้สักคันสองคัน

ดังนั้น ป่วยการที่ลูกเนียงจะส่งเสียง ร้องขอความช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร
พอโคนกําบังที่ตามลงมาจากรถคว้าข้อมือเข้า ร่างของลูกเนียง
ก็เเทบจะปลิวตามมือไปทันที...

หมาสองตัวที่หมอบอยู่ข้างคนที่ชื่ออาเฉย เห็นเหตุการณ์ผิดปกติ
มันลุกขึ้นเห่ากรรโชกทําท่าจะกระโดดเข้ากัด แต่มันก็ต้องหยุดเสียงเห่า
และกลับหมอบลงตามเดิมเมื่อได้ยินเสียงคนเป็น เจ้าของตวาด
มันมองดูเด็กสาวโดนกระชากลากตัว หายเข้าไปในห้อง
พร้อมกับเจ้าของๆมัน

มันเป็นห้องสี่เหลี่ยมค่อนข้างกว้าง ฝาทําด้วยไม้หลายชนิด หลังคา
สังกะสีเก่าๆ ค่อนข้างต่ำมีหน้าต่างเพียงบานเดียวตีด้วยลูกกรง
เหล็กกลมๆ เล็กๆ สนิมจับจนออกสีค่อนข้างแดงแก่ พื้นห้องเป็นปูน
มีรอยเเตกร้าวเป็นแนวยาวสองสามแห่ง
เตียงไม้เก่าๆ วางอยู่ชิดหน้าต่าง มุ้งสีคล้ำถูกรวบชายเอาไว้
กองรวมกับหมอนที่ปลอกเป็นสีดําเพราะรอยหนุน เสื่อผืนเดียว
ก็มีรอยคล้ำเพราะคราบไคลของคนนอนเช่นกัน ทั้งห้องแทบจะหา
มุมสะอาดไม่พบ เสื้อกางเกงก็คร่ำคร่าแขวนเอาไว้ตามตะปู ระเกะระกะ
เมื่อร่างของเด็กสาวถูกผลักเข้ามา ผิวสาวขาวสะอาดจึงตัดกับสีคล้ำ
ของคราบไคลและฝุ่นละอองภายในห้อง

ใบหน้าดวงตาของเด็กสาวฉายความหวาดกลัวออกมาชัด เหมือนใบหน้า
ของนักแสดงในภาพยนตร์ ถูกโคลสอัพด้วยกล้องออกด้วยความตกใจ
อย่างสุดขีด

ตรงข้ามกับใบหน้าของลายตองที่เฉยเมย แต่ก็ปราศจากเววของความ
เป็นมิตร มันแฝงไว้ด้วยอันตรายอย่างน่ากลัว

ผิดกับใบหน้าและดวงตาของกําบัง..มันกระหายหิว หิวด้วยกิเลส
ตัณหา เหมือนเสือเคยลิ้มรสเนื้อคนมาแล้วก็อยากจะกินอีก

ส่วนใบหน้าของชายที่ชื่อเฉยแม้มันจะเฉยสมชื่อ แต่ก็ดูจะเหมือน
กับใบหน้าของดาราผู้สวมบทบาทนาซีผู้อยู่ต่อหน้าเชลยชาวยิว
มันเยือกเย็น เย็นเหมือนศพเพิ่งกําลังสิ้นใจได้ไม่นาน

สภาพของลูกเนียงยามนี้จึงไม่ผิดอะไรกับลูกกระต่ายสีขาวตัวน้อยๆ
หลงมาอยู่กลางฝูงสุนัข พวกมันพร้อมที่จะฉีกเนื้อเหยื่อออกเป็นชิ้นๆ
ความหวาดกลัวสะกดเด็กสาวไม่ให้เคลื่อนไหว ตึงชา ไปหมดทั้งแขนขา
ขาดเรี่ยวแรงจะขยับ เฉพาะเจ้าสุนัขสีดําร่างอ้วนหนาไปด้วยไขมัน
ที่เคยกัดเคยฟัดมาแล้ว ดูมันจะตื่นออกมาเเล้วเต็มตัว ร่างทุ่ยทุ้ยของมัน
ยืนจังก้า ยิ้มที่มันติดว่าสวยเผยอออกกว้าง ส่งสายตาในเบ้าออกมา
โชกโชนและร้อน ร้อนจนลูกเนียงต้องก้มหน้าหลบสายตาของมัน

ลูกเนียงรู้สึกว่ามีเสียงและการเคลื่อนไหวของใครคนหนึ่ง ต่อมาจึงรู้สึกว่ามือ
ของลายตองยื่นเข้ามาแตะที่หัวไหล่
"ถอดเสื้อออกสิ" เสียงของลายตองออกคําสั่งอย่างเดิม

เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองลายตองและส่ายหน้า ไม่ใช่เป็นเชิงปฏิเสธ
แต่เป็นความเสียใจน้อยใจ นึกไม่ถึงว่าลายตองจะทํากับตนอย่างนี้

"บอกให้ทําอะไรก็ทําไปเถอะ อย่าขัดขืน"
ลายตองพูดด้วยหางเสียงอย่างเดิม
"โธ่...ตอง..." น้ำตาของเด็กสารพร่างพรูออกมา...

ฉับพลัน...ภาพที่มองเห็นจากหลังม่านน้ำตาก็ปรากฏขึ้น...คนที่ชื่อเฉย
ถือกล้องถ่ายรูปปรับโฟกัสเล็งมาที่ตน คงจะไม่เป็นที่ถูกใจจึงย้ายมุม
ใหม่ไปเรื่อยๆ ลูกเนียงเข้าใจเจตนาของคนพวกนี้ได้ดี...
"บอกให้ถอดก็ถอดออกสิ" ลายตองเน้นเสียง หนักมากขึ้น
"ไม่...ไม่" ลูกเนียงส่ายหน้ายืนกราน
"เห็นมั้ยนี่อะไร"
เด็กสาวเพิ่งมองเห็นขวดขนาดย่อมใส่น้ำขาว ในมือของลายดองที่ยกขึ้น

"น้ำกรดนะ"  ลายตองเอ่ยเสียงเครียด
"หากไม่ทําตาม หยดของมันเข้าไปโดนตรงไหนมันก็จะไหม้ตรงนั้น
หยดเข้าที่หน้า หน้าก็จะเสียโฉมไปชั่วชีวิต หยดเข้า ที่ตา ตาก็จะบอด
ตลอดไป ดู..."

ขาดคำลายตองก็เปิดจุกขวดออก   รินมันลงไปบนเศษผ้าเก่าๆ
ปลายตีนเตียง..พอน้ำของมันแตะเข้ากับผ้าก็กลายเป็นควันลอยขึ้นมา
และมองเห็นรอยไหม้ขึ้นมาทันควัน...

"ลองดูมั้ย" ลายตองขยับขวดมาที่เด็กสาว
"อย่า" ลูกเนียงร้องห้ามเสียงหลง
"อย่าก็ถอดออกสิ" ลายตองตะคอก
"โธ่ตอง" เด็กสาวร่ำไห้ "ทําไมตองต้องทํากับฉันอย่างนี้
ฉันเคยทําอะไรให้ต้องเจ็บช้ำน้ำใจ นักรึ"
เด็กสาววิงวอนอย่างน่าสงสาร

ลายตองเค้นหัวเราะออกมาเบาๆ
"คุณไม่ได้ทําอะไรฉันหรอก แต่ พ่อของคุณ เป็นคนทํา
ทําลายฉันหมดทุกๆ อย่าง แม้กระทั่งที่นาของพ่อฉัน พ่อคุณก็ใช้เล่ห์
เพทุบายโกงเอาไป อย่างหน้าด้านๆ"
"ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันจะพูดกับคุณพ่อ ตอง ต้องการอะไร
ฉันจะบอกให้คุณพ่อจัดการให้"

ลูกเนียงพูดออกไปอย่างไร้เดียงสาคิดว่าเป็นข้อเสนอที่ดีที่สุด
แต่กลับได้รับเสียงหัวเราะของลายตอง ตอบกลับมาอย่างเย้ยหยัน

"ตะวันคล้อยลงไปมากแล้ว" เป็นคําพูดของ อาเอย
"เร็วเข้าเถอะ เดี๋ยวจะเสียเวลาไปเปล่าๆ แสงไม่พอจะถ่ายไม่ติด"
พูดจบเขาก็ยกกล้องขึ้น เล็งเพื่อให้แน่ใจอีกครั้งมาที่ร่างของเด็กสาว

"ถอดเสื้อออก" ลายตองยกขวดน้ำกรดขึ้นเงื้อง่า
"อย่า..."
เด็กสาวยกมือห้าม ตกอยู่ในสภาพจนมุมใดยไม่มีทางเลี่ยง...

กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกปลดออก...

เนื้อนวลช่วงสองไหล่ออกมาเป็นแผงเต็มลาด นูนเนื้อหน้าอก
ดันซับในสีดําออกมาเด่น งามวิไลกระจายรัศมีออกมากระจ่าง
ลมหายใจโรยอ่อน  หน้าท้องกิ่วคอดขมวดตัวเองเอาไว้ราวกับหล่มหลุม
เป็นเนื้อมือเดียวและมื้อเดียวที่กําลังงามได้ที่

ลายตองก้าวเข้ามาจัดการให้ลูกเนียงนั่งลงบนเตียง สองแขนยัน
ไปข้างหลังกับพื้นเตียง ดันหน้าอกตนเองให้ขึ้นมาลอย ๆ

"หลับตา เงยหน้าขึ้นแล้วหายใจลึกๆ"

ลายตองจับคางของเด็กสาวเชิดขึ้นเล็กน้อย แล้วถอยออกมาเปิดทาง
ให้กล้องในมือของอาเฉย ทํางานโดยเปลี่ยนมุมไปเรื่อยๆ

ห้องที่มีแสงสว่างสลัวๆ ดูเหมือนจะสว่างขึ้นมาด้วยเนื้อสาวสีขาว
ดุจประทีปในโคนขับแสงผ่านโคมแก้วออกมานวลปลั่งส่องแสงกระจ่างไป
ทั้งห้อง สิ่งสกปรกรกรุงรัง กลับพลอยรับรังสีความงามโดยถ้วนทั่ว
ความสวยอันบริสุทธิ์กลายเป็นกระแสคลื่นส่งมาสู่เครื่องรับ...เนื้อหน้าขา
ของกําบังเริ่มเบ่งตัวออกมารับเช่นเดียวกับอาเฉย...

แล้วลูกเนียงก็เกิดอาการสะดุ้งขึ้นมา สุดตัวเมื่อลายตองกระชาก
ยกทรงออกไปจากอกเต็มแรง สองมือของเด็กสาวคว้าเอาไว้
แต่ไม่ทัน...เสื้อมันหลุดออกไปจากตัวเห็นสองเต้าเต็มเต่ง...พร้อมกับ
กล้องในมือของอาเฉยทําหน้าที่...


Darkreader

สงสารลูกเนียง ท่าทางจะหนักกว่าครั้งที่แล้ว แถมเจอถ่ายรูปไว้ เอามาเป็นเครื่องต่อรองที่ขัดขืนไม่ได้ด้วย

กรรมพ่อทำแต่ดันมาตกที่ลูกสาว

peddo

อาเฉยที่น่ากลัวยิ่งกว่าจ่าเฉย ขนาดกำบังยังเกรง นอกจากกล้องถ่ายรูป เกรงว่าลำกล้องแกคงน่ากลัวเหมือนกัน ถ้าลูกเนียงโดนแค่ใครคนหนึ่งก็คงแย่ ถึงขนาดโดนรุมคงไม่ไหวแน่

Korn Phawat


1819

 เป็นต้อนที่รู้สึกกดดัน และ โหดร้ายน่ากลัว แทนลูกเนียง คือที่แล้วมาว่า   ทั่กำบังทำลูกเนีนงว่า โหด แต่นี้ รู้สึกได้ถึงความกลัว ของเนียงเลย ยัยป้าว่าที่ผัวพัดชา    ไม่เฉลียว เลยแม่ง ทั้งๆมี่ก๋เอ๊ะใจ      แล้ว แวว ทำไมไม่แอบมาบอกไม่ให้ไป วะ รู้ทั้งรู้ว่าไอ้กำบัง มันทำอะไรกับแวว ไว้   กับลูกเนียง ยิ่งง่ายเข้าำปใหญ่ คือ ผู้ใหญ่ โง่ๆ แพ้ทาง ลายตอง ตลอด  อารมณ์เสีย ไม่มีความเก่งความรู้ ที่จะทันคนเลย
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

mario

น่าสงสารลูกเนียงมากสุดๆ
ถ้าเป็นชีวิตจริง
ขออย่าได้มีใครมีชะตากรรมโหดร้ายแบบนี้เลย

cdx

แล้วมาต่อด้วยนะครับ จะรอ ขอบคุณยิ่งนัก

sunnie06


suwit009

ลูกเนียงจะเสียตัวอีกแล้วเหรอกรรมแท้ๆ

swss2511

ลูกเนียงจะเจอกับคืนวันอันโหดร้าย