ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_Monchai-S

มลทินดอกไม้-ตอนที่35

เริ่มโดย Monchai-S, พฤศจิกายน 22, 2021, 11:22:17 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Monchai-S




มลทินดอกไม้-ตอนที่35



          ธรรมชาติสร้างกามมาให้สัตว์โลกได้เสพ เพื่อสืบประสานระหว่างกันและกัน
มันมีรสชาติของมันโดยเฉพาะ มันสามารถเชื่อมโยงถักทอสายเลือกให้เป็นสายเดียวกัน
ขณะเดียวกันมันก็ท้าทายสติปัญญาพิสูจน์คุณค่า ของผู้เสพจะทําความเข้าใจ
และเข้าถึงความสุขอันลึกซึ้งของมันได้แค่ไหน จะนําเอาพลังของมันมาสร้างสรรค์ความสุข
เพื่อชีวิตได้เพียงใด มันเป็นทั้งเหยื่อล่อดึงผู้เสพให้ลงต่ำ
มันเป็นทั้งเครื่องชี้นําให้สู่เบื้องสูง มันสารพัดเหลี่ยมสารพัดคม
มันนําความฉลาดปราดเปรื่องมาให้ ขณะเดียวกันก็ชักนําไปสู่ความโง่เขลา
มิใช่น้อย มันเป็นนรก มันเป็นสวรรค์ มันเป็นพันธุ์ไม้ที่ออกดอกแตกช่องดงาม
ขณะเดียวกันรากของมันก็ชอนไชเข้าไปทําลายกําแพง หรือแม้แต่คฤหาสน์
มันเป็นพลังสร้างสรรค์ ผลักดัน และเป็นพลังเหนี่ยวรั้งให้ผู้มีอํานาจ
ร่วงหล่นลงมาจากเก้าอี้ มันเป็นทุกอย่าง เป็นทั้งผู้สร้างผู้ทําลาย
มันบริสุทธิ์และสกปรก ทั้งนี้อยู่ที่สติปัญญาของผู้เสพ


เสียดายวัยสาวของอิ่มเนื้อเหน่อๆ ของมันควร จะได้เสพสุขสมวัย
ควรจะได้ลิ้มรสความหวานของมันสมกับเนื้อสาว
แต่เมื่อป้านุ่นและตัวของอิ่มเอง มีเป้าหมายจะใช้ความสาวหรือกาม
เป็นตัวนําไปสู่ชีวิตที่ดี และเมื่อมันไม่เป็นไปตามเป้าหมายจึงต้องมายืมมือ
ของกําบังช่วยทําลายความสาว

กะทิน้ำแรกจึงถูกคั้นออกมาอย่างเจ็บปวด มันเจ็บเหมือนปลาเนื้ออ่อนๆ
โดยเบ็ดยักษ์เกี่ยวติด ยิ่งดิ้นมันยิ่งเกี่ยวเข้าไปในปากและฝังลึกจนเลือด
ถั่งทะลัก ร่างทั้งร่างสิ้นอิสรภาพด้วยเบ็ดเพียงตัวเดียว

มีคํากล่าวว่าโดนกินหัวพุงหัวมันก็เป็นเช่นนี้เอง ตรงหน้าท้องมีคนเรียกพุงกะทิ
มันเป็นที่กลั่นกะทิ มีความสด ความมัน....และมีเลือด...

กําบังมันระบายความเถื่อนดิบออกมาร้อนจนเนื้อในของเด็กสาวแทบไหม้

วิญญาณสัตว์แฝงเร้นถูกเปิดปล่อยออกมากัดกิน เนื้อสดๆ ของเด็กสาวอย่างโอชะ

เป็นเวลาอันแสนจะทรมานค่อนข้างนานจนอิ่มนั้นสุดจะทนได้..เสียงของอิ่มเงียบหาย
สติสัมปชัญญะหมดสิ้นเหลือเพียงลมหายใจเท่านั้นที่บอกว่า มันยังมีชีวิตอยู่...
ป้านุ่นรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนของพื้นกระดานและเรือนไหวโยกแรงขึ้นๆ
เหมือนโดนพายุพัต หนักๆ ไม่มีอะไรจะไปหยุดยั้งเอาไว้ได้ มันสั่นคลอนไปหมด
ทั้งตัวและหัวใจของแก

จนกระทั่ง...
มีเสียงของกําบังดังออกมา... "เฮิ้บ"

แกรู้สึกถึงความไหวเยือกหนักและทอดจังหวะ ลงช้า...
มันหนักราวกับจะสั่งลาเป็นครั้งสุดท้าย...


เสียงเงียบหายหยุดนิ่งไปหมดทั้งเรือน
ป้านุ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก เรื่องพรรณนี้แกเคยผ่านมาไม่น้อย
แกรู้ว่าไอ้อิ่มหลานสาวของแกต้องรับงานหนัก เพราะแกนั่งอยู่ข้างนอกยังพลอย
หัวสั่นหัวคลอนไปด้วย แกต้องสูดลมหายใจหนักๆ เพื่อเรียกลมเข้ามาในปอดมากๆ
เพราะหัวใจมันสั่นหวั่นหวิวๆ ชอบกล แกเอนหลังพิงลูกกรงอ่อนอกอ่อนใจ
กลิ่นหอมของพยอมพื้นบ้านดูจะช่วยแกได้ ไม่ใช่น้อย

ป้านุ่นแกนั่งอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งกําบังมันเดินออกมาจากห้อง
เนื้อตัวของมันโชกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ราวกับเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ พุงทุ่ยทุ้ยของมัน
ยื่นออกมาป่องเหมือนเพิ่งกินข้าวมาใหม่ๆ

"เรียบร้อยแล้วป้า"   เสียงของมันบอกความ กระหยิ่ม
"หลานของป้ามันดื้อไปหน่อย กว่าจะจัดการได้สําเร็จก็เล่นเอาฉันแทบแย่ไปเหมือนกัน"
มันรายงานความสําเร็จเหมือนได้รับคําสั่งให้เข้าไปซ้อมจนเหยื่อบอบช้ำไปกับมือ

"ค่อยๆ พูด  นายแกยังนั่งอยู่ที่นั่น"   ป้านุ่นบุ้ยใบ้ ใบหน้าของแกไปทางซุ้มนมแมว
"ฉันไปก่อนนะป้า"
"เออ...ออกทางหน้าต่างครัว อย่าเดินออกทางหน้าเดี๋ยวนายแกเห็นเข้า"

กําบังพยักหน้าเข้าใจ เดินกางแขนไปด้วยท่าที ยโสทระนงในความสําเร็จ
ของตนที่จัดการกับเนื้อ อ่อนๆ สาวๆ ของไอ้อิ่มจนอยู่มือ และสาแก่ใจ
ได้มีโอกาสระบายความแค้นตอบแทนที่มันเอาตีนถีบหน้าตน

พอกําบังหายเข้าไปในครัว ป้านุ่นแกก็เข้ามาในห้อง แสงจันทร์ส่องกระจ่าง
เห็นร่างเปลือยขาวเว่อของหลานสาวแกนอนสลบไสลไม่เป็นสารรูป
อยู่บนที่นอนผ้าปูขยุกขยุย สายมุ่งขาดกระจุย ถูกรวบไปไว้บนหัวนอน
ผ้าถุงและเสื้อชั้นในของมัน วางสุมกองอยู่ที่ปลายเท้า ผมเผ้าของมันยังเป็น
กระเซิง เนื้อตัวดูอ่อนปวกเปียกเหมือนไม้ในกระถางที่ขาดน้ำ
เริ่มโน้มกิ่งโน้มใบลงมาอย่างหมดแรง ทรงตัวรอวันตาย
รอยเลือดคาวกาม กลิ่นฉุนๆ หืนๆ ของกําบังค้างคาอยู่ในตัวของเด็กสาวและผ้าปูที่นอน
เนื้อขาวอิ่มกลายเป็นเนื้อขาวซีดๆ เหมือนถูกรีดเอาเลือดออกไปจากร่างจนเกือบหมด

ป้านุ่นแกเห็นสภาพของหลานสาวแล้วอดร้องไห้เพราะความสงสาร
มันไม่ได้ แกจัดแจงรื้อเชี่ยนหมากเอายาหม่องออกมาทา
ตามหน้าท้อง หน้าอก ขมับของหลานสาว ต่อจากนั้นจึงเอายาลม
มาขยี่กับฝ่ามือแล้วป้ายตรงจมูกของไอ้อิ่ม ใจหนึ่งก็นึกสาปแช่ง
ไอ้บังมันทํากับหลานสาวของแกรุนแรง ขนาดนี้ อีกใจหนึ่งก็โล่งอกไปที่ เพราะสภาพเนื้อตัว ตลอดจนเนื้อหน้าขาของไอ้อิ่มมันปรากฏอยู่โทนโท่ ว่าโดนข่มขืน หมอไหนๆ ก็ต้องลงความเห็นอย่างนี้ แล้วตําแหน่งเมียน้อยของนายกองทุนจะไปไหนเสีย ถึงจะไม่ถูกยกย่องขึ้นมาขนาดนั้นก็ต้องเรียกค่าเสียหายเอากันชนิดตั้งตัวได้เลย แกรู้ดีว่าขนหน้าแข้ง
ของนายกองทุนไม่ร่วงหรอก เขาต้องรักหน้ารักชื่อเสียงของเขามากกว่า

ป้านุ่นแกจัดการปฐมพยาบาลหลานสาวของแก เท่าที่คนพื้นบ้านอย่างแก
จะมีความรู้ บีบตรงโน้น นวดตรงนี้อยู่ครู่หนึ่งหลานสาวของแกจึงรู้สึกตัว
อิ่มลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง สติสัมปชัญญะยังปะติดปะต่อ
กันไม่เข้าที่ มันสลัดหน้าไปมา รู้สึกแรกที่เกิดขึ้นกับตัวคือความเจ็บปวด
เหมือนเนื้อในท้องขาดกระจุย กระดูกแขนกระดูกขาปวดราวกับโดนหัก
คอแห้งผาก จิตใจอ่อนระโหย ภาพใบหน้าของป้านุ่นที่พร่าพรางค่อยๆ ชัดขึ้นๆ
เหมือนปรับ เลนส์กล้องถ่ายรูปจนได้ที่ พอเห็นเต็มตาว่าเป็น ป้านุ่น อิ่มก็ครางออกมาเบาๆ
แล้วโผเข้ากอดป้านุ่น ร่ำไห้ออกมาอย่างน่าเวทนา

ความเสียใจ เสียดาย เสียสาว เข็ดคร้าม เข็ดเขี้ยวประดังเข้ามาในความจํา....
นี่หรือที่ส้มเช้าและองุ่นเคยพูดกันเล่นๆ ว่ามันดีนะ...แค่สะอื่นยังเสียวยอกไปหมด
ทั้งทรวง มันจะดีได้ยังไง

ริมฝีปากด้านนอกบวมเจ่อเพราะแรงขนกัดของมัน แต่ริมฝีปากด้านในแตกเพราะคมฟัน
ของตนเองขบกัดเพื่อระงับความเจ็บปวด ขยะแขยง สองเต้าขัดยอกข้าระบม
เนื้อหน้าขาแสบร้อนราวกับจะไหม้เพราะแรงเสียดสีจนเลือดออกมาปรี่ปริ่ม....
ด้านในนั้นไม่ต้องเอ่ยถึง มันขาดกระจุยไม่มีชิ้นดีไปหมดแล้ว มันตายไปหมด
โลกที่เคยแจ่มใส ดอกไม้ที่เคยหอม ลมเคยโขยชายเยือกเย็น อิ่มไม่มีโอกาสได้รับรู้
ในความสุขสดชื่นเหล่านั้นอีกแล้ว เพศขายที่ เคยอยู่ในความคิดฝัน
กลายเป็นเพศมารอันน่าหวาดกลัว ไม่น่าไว้วางใจอีกต่อไป

ยิ่งคิดอิ่มยิ่งร่ำไห้...

ป้านุ่นเข้าใจความรู้สึกของหลานสาวดี แกปลอบโยนด้วยการลูบหลังอิ่มเบาๆ
พลางกระซิบ
"ค่อยๆ หน่อย เดี๋ยวนายได้ยินนะ เขายังนั่งอยู่ใต้ซุ้มนมแมว"
"หนู...หนูเจ็บ" อิ่มพูดระคนเสียงสะอื่น"
"ทนเอาหน่อย ไม่กี่วันก็หาย"
"เขา...เขาโหดร้ายเหลือเกิน..หนู..หนูกลัว"   อิ่มเม้มริมฝีปากระบม
"ไม่ต้องกล้วมันป้ายังอยู่ มันจะทํากับเองได้เพียงหนเดียวเท่านั้น
เอาไว้ให้เรื่องของเอ็งกับนายเรียบร้อยเสียก่อน ป้าจะหาทางเฉดมันออกไปจากบ้าน"
ป้านุ่นพูดอย่างเคียดแค้นแทนหลานสาว แต่ผลที่หวังอาไว้มันคืบหน้ามาใกล้เหลือเกิน
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ก็พอจะมองเห็นความหวังชัดขึ้นเหมือนเมฆรวนตัวทิ้งลงมาต่ำ
โชคร้ายจริงๆ นั้นแหละจึงจะโดนลมเปลี่ยนทิศทางพาเมฆหนีไม่มีสายฝน แต่ถึงไงก็ต้องโปรยปรายลงมาบ้างหรอก
แค่ละอองก็คงจะทําให้ไม้แห้งๆ อย่างแกกับหลานสาวได้ชุ่มชื่นกันบ้าง
ถ้าโชคดีฝนทิ้งตัวลงจากฟ้ามาห่าใหญ่ มิแตกดอกออกช่อกันงาม
สะพรั่งไปทั้งป้าและหลานกันหรือ

"ไม่มีขาดทุนเสมอไป ไม่มีกําไรเสมอมา...
เมื่อเสียอะไรไป มันก็ต้องได้อะไรมา"

มันเป็นเนื้อของลูกคู่ลำตัดคณะพ่อสายทอง ที่แกเคยได้ดูได้ฟังมาแค่สาวๆ
มันเป็นบทกลอน และเนื้อความที่น่าฟัง แกจึงจํามันเอาไว้มาจนแก่เฒ่า
มันเป็นประโยคและทํานองง่ายๆ แต่ฝังใจ ป้านุ่นแกไม่มีสติปัญญาความคิดแตกฉาน
แต่คนอย่างแกลองเชื่อแล้วเป็นความเชื่ออย่างงมงายกันเลย เหตุนี้แกจึง
เชื่อว่าสิ่งที่ไอ้อิ่มมันเสียไป มันต้องได้อะไรคืนมาอย่างพ่อสายทองนักเล่นลําต้ค
คนโปรดของแกร้องเอาไว้

"ไปอาบน้ำเสียก่อนเถอะไป"

ป้านุ่นหันไปหยิบผ้านุ่งของไอ้อิ่มผืนเดิมที่ถูกกระชากออกไปวางกองอยู่ที่ปลายเท้า แกยกขึ้นมากคลี่ดูหมุนไปหมุนมาแล้วบ่นเบาๆ

"แม่มันฉีกเสียจนขาดเกือบหมด..เอ้า นุ่งเข้าห้องน้ำ ไม่มีใครเห็นหรอก"
แกส่งผ้าให้หลานสาว
"พรุ่งนี้เอามันทําผ้าขี้ริ้วเสียเลย"
อิ่มรับผ้ามาคลี่ดูเห็นรอยปริขาดตรงตะเข็บเป็นผ้าผืนใหม่ค่อนข้างบาง
เอาไว้นุ่งเวลานอนมัน ค่อยรู้สึกเบาตัวสบายตัว มันจึงทนทานมือของกําบัง
ไม่ได้ถึงกับฉีกขาด ..เหมือนเนื้อของตัว..นับประสาอะไรกับผ้า
หรือจะไปทานมือของมันได้ เนื้อแน่นๆ ของตัวยังโดนเนื้อของมันฉีกจนขาด
แต่ผ้ามันไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดเหมือนเจ้าของผ้าหรอก

อิ่มค่อยๆ ขยับเอาขึ้นมาสวมทางศีรษะขมวดชายกระโจมอก
รู้สึกเจ็บระบมไปหมด ค่อยๆ ขยับตัวจะลุกขึ้นแต่แข้งขาดูท่าจะอ่อน
รับน้ำหนักส่วนบนไม่ไหว ทั้งเจ็บทั้งแสบตรงรอยตะเข็บเนื้อหน้าขา
ขยับเขยื้อนไม่ค่อยถนัด ความปวดแปลบมันบีบบังคับ อิ่มชําเลืองดูบ้านุ่น
เพื่อขอความเห็นใจ ป้านุ่นรู้อยู่แล้วจึงช่วยประคองหลานสาวให้ลุกขึ้นยืน
"ไปไหวมั้ย"   แกถามด้วยความเป็นห่วง
เพราะดูท่าทางแล้วเหมือนมันจะล้มพับเอาง่ายๆ
"ไหว"
อิ่มกัดฟันตอบ ค่อยๆ เกาะข้างฝาพยุงตัวออกไปนอกห้อง
แต่ละก้าวต้องใช้ความระมัดระวังมิให้ มันก้าวยาวเกินไปเพราะมันพาให้เจ็บ
ราวกับถูกคมแฝกซึ่งเต็มไปด้วยเสี้ยนเสียบติดเอาไว้
ขยับตัวคราวใดก็ให้เจ็บคมเสี้ยน

พอหลานสาวออกไปจากห้องป้านุ่นก็หันมาจัดการกับผ้าปูที่นอนที่เขรอะไปด้วยเลือด
และคาวเมือก หากไม่เป็นการขอร้อง การสมยอม กําบังมาทํากับหลานสาวของตน
อย่างนี้มันต้องเจอดีแน่

สีขาวของผ้าปูที่นอนเป็นดวงๆ แดงฉานด้วยเลือด เลือดของมันสาวสดสมบูรณ์
มันจึงออกมาแคง

เอาเหอะ...ถึงยังไงมันก็คุ้มค่ากันอยู่หรอก...
แnปลอบใจตัวเองพลางม้วนๆ ผ้าปูที่นอนแล้วโยนไปสุมเอาไว้ที่มุมห้อง
จัดการพลิกที่นอนเอาด้านบนลงข้างล่างเพราะเลือดเมือกมันซึมจากผ้าลงมาเลอะ
ที่นอนเห็นเป็นรอยซืมชัด แกจัดการเอาผ้าห่มปูแทน ผ้าซึ่งมีอยู่ผืนเดียว
แล้วหันมาจัดการกับสายมุ้งที่ขาดกระจุยอุปาทาน
ทําให้แกได้กลิ่นเหมือนสาบสวงของไอ้กําบังทําให้แกต้องกระพือสะบัดแรงๆ
ให้กลิ่นมันออกไปให้หมด แกผูกสายมุ้งกางมุ้งและกันเรียบร้อย
ก็ออกมานั่งจีบพลูเจียนหมาก เอามาเคี้ยวอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

อิ่นมันค่อยๆ อาศัยเลาะข้างฝาพยุงตัวเองเข้ามาจนถึงห้องน้ำ
เอาขันตักน้ำในตุ่มมาลูบหน้าลูบแขน ต้นคอเบาๆ เพื่อช่วยคลี่คลายและให้ร่างกาย
ได้รับรู้ความเย็นเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ ปลดชายผ้าที่ขมวดติดอยู่กับเนินเนี้อหน้าอกออก
ปล่อยผ้าตกลงไป กองอยู่ที่ปลายเท้า พอเผลอตัวก้มลงไปหยิบผ้า
ความเสียวเจ็บปลาบก็เบียดเข้ามาในช่วงหน้าท้อง และตรงชายกระเบนเหน็บ
เหมือนหลังจะหัก ท้องจะทะลุ ต้องรีบยึดตัวเองขึ้นมาสูดหายใจลึกๆ

มันทรมานจนหมดสภาพจะต่อต้านเอาไว้ได้ ธาตุในตัวรวมกันไม่ติด

ธาตุดินในตัวที่ช่วยเป็นพื้นฐาน มั่นคง หนักแน่น รองรับทุกอณูของอุณหภูมิ
ช่วยให้ร่างกายมั่นคง แข็งแกร่ง บัดนี้กลายเป็นอ่อนยวบยาบ เหมือนโดนขุด
จนกระจุย ขาดการรวมตัวเป็นฐานรองรับ อันมั่นคงได้เหมือนแต่ก่อน

ธาตุน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิต สร้างความชุ่มฉ่ำ นุ่มนวล อาบเอิบ ก่อให้เกิดความเยือกเย็น
หมุนเวียนแผ่ซ่านไปตามอวัยวะต่างๆ ก็พลันลดน้อยราวกับมีรูรั่ว
ให้มันไหลออกไปจากตัว ที่เหลืออยู่แต่น้อยก็มีความร้อนไม่เย็นเยียบ
ไม่พอแก่การหล่อเลี้ยง อวัยวะต่างๆ ให้แช่มชื่น

ธาตุลมเคยช่วยกระพือพัตภายใน หมุนเวียน ถ่ายเทเข้าออก
ระบายเอาสิ่งเก่าๆออกไปรับเอาสิ่งใหม่ๆเข้ามา ก็ดูเหมือนจะลดราลงไป
อวัยวะภายใน ที่เคยเคลื่อนไหวไปมาด้วยธาตุลม ก็พลอยบรรเทาความเคลื่อนไหว

ธาตุไฟเคยจุดประกายความคิด ความหวัง จุดความรู้สึกให้กระตือรือร้น
กระหาย ปรารถนา โลดแล่นด้วยความร้อนก็พลันเพลาแรงร้อนแรงโหม
เหลือเพียงเปลวน้อยๆ ริบหรี่ๆ

ธาตุทั้งสี่ด้อยพลังประสานกลมกลืนกันด้วยความแรงลงไป
อาการของอิ่มมันจึงอ่อนระโหย หมดแก่จิตแก่ใจและหวาดกลัว
โดยเฉพาะกลัวการร่วมเพศอย่างจับจิต

อิ่มมันคิดไปเรื่อยเปื่อยตามประสาของคนเพิ่งรับการลงทัณฑ์
มาใหม่ๆ หากต่อไปนายกองทุนยอมตกลงรับเลี้ยงตนเป็นน้อย นายกองทุนจะต้องทํากับตน
เหมือนที่กําบังมันทํา แล้วตนจะทนรับได้รึ มันไม่ใช่เป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติ
ความสุขเหมือนตามที่ตนเคยไฝ่ฝัน

ยามเผลอตัวเคยเอามือลูบคลําหน้าอก และบี้ต้อยปลายเต้า กระแสเสียวมันจี๊ดจ๊าดๆ
ส่งไปถึงซอกเนื้อหน้าขา อิ่มไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรแต่ก็ส่งผลดีทางใจพิลึก

มาบัดนี้...ได้เจอของจริงเข้า มันไม่จี๊ดจ๊าด วี้ดว้ายเหมือนแต่ก่อน มันซูมเข้าซูมออกด้วย
ความเจ็บปวดอันแสนจะทรมาน หน้าอกและจุดเด่นปลายเต้าร้าวระบม มันไม่เหมือน
อย่างที่คิด มันร้ายเสียจนนึกไม่ถึง ผู้ชายทุกคนคงเป็นเช่นนี้ คงทํากับตนอย่างนี้
มันเป็นสิ่ง ที่รับเอาไว้ได้ยากเสียแล้ว

ดูสิ...เลือดไหลออกมาจากซอกเนื้อเป็นทางลงไปตามหน้าขาอ่อนสีขาว
มันช่างน่ากลัวเสียเหลือประมาณ มันขยายลงไปฝังลึกอยู่ในสมอง พร้อมจะ
ส่งออกมาเป็นภาพพจน์แสนน่ากลัว เป็นประสบการณ์อันลืมได้ยาก
แต่ละครั้งที่มันกระหน่ำลงมาเข้ามา เหมือนโดนทําร้ายด้วยไม้เนื้อแข็ง
เจ้าคนตีมันมีประสบการณ์มามาก มันตีเหน็บ ตีกด ตีราด
ตีงัด ตีตัด ตีปาด ตีกระตุก ปลายยังกระทุ้งแทงอัด มันตีให้ช้ำอยู่ข้างใน
ทําเอาคนโดนตีบอบช้ำไปนาน

อิ่มค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งด้วยความระมัดระวังการปวดแปลบที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครู่
แม้จะค่อยๆ เบาแสนเบาก็ยังอดเจ็บยอกมิได้ ทรุดตัวลงนั่งก้นไม่ทัน
ถึงพื้นก็หมดแรงขายันถึงกับหงายหลัง ดีที่สองมือยังพอยันเอาไว้ได้
จากการเคยนั่งยองๆ ทําความสะอาตมา กลายเป็นนั่งราบกับพื้นใช้น้ำโกรกราด...
ยิ่งโคนน้ำ มันยิ่งเพิ่มความแสบตรงรอยแยก   อิ่มพยายามกัดฟันใช้น้ำชะล้างคราบเลือด
แต่ก็ดูเหมือนจะช่วยได้เพียงเล็กน้อย เฉพาะคราบเมือก มันส่งกลิ่นคาวจัด
มันเหยอะหยะเหนอะหนะอยู่ตามซอกเนื้อและลึกเข้าไปในหน้าท้อง
มันถูก ฉีตอัดเข้าไปลึกจนเอาไม่ออก กลายเป็นคาวค้างคาน่าสะอิตสะเอียน
เหมือนอาเจียนของสุนัข...

นึกไปถึงเนี้อตัวหน้าตาของกําบังแล้วก็เลยพานคลื่นไส้ถึงกับขย้อนและอาเจียนออกมา
ข้าวและกับที่กินเข้าไปเมื่อตอนเป็นยังย่อยไม่หมดจึงผสมปนเปกันออกมา...
มีเท่าไรดูมันจะออกมาจนหมด กระทั่งเหลือเพียงน้ำใสๆ ยืดๆ เป็นยางเหนียว

อิ่มตักน้ำมาราดอาเจียนไหลออกไปตามทางระบายจนหมด
และหันมาเอาน้ำโกรกแรงๆ ที่เนื้อหน้าขา เลือดไหลลงพื้นจางใสเป็นเลือดที่ออกมา
จากตัว ออกมาจากความสาว มันไม่ได้เป็นความสุข เป็นสิ่งอันแสนจะทรมาน
คล้ายกับตัวเองเป็นเครื่องมืออะไรสักอย่างให้เพศตรงข้ามระบายความสกปรก
ความหยาบคายกักขฬะ ลมหายใจของตนเองที่เข้าออกดูเหมือนจะมีกลิ่นของกําบัง
แทรกอยู่ด้วย กลิ่นตัวของมันยังติดอยู่กับปลายจมูก เหงือกาฬคราบไคลของมัน
ติดอยู่กับเนื้อตัว
อิมพยายามทนฝืนความเจ็บ ใช้สบู่ถูจนทั่วตัวเพื่อขจัดกลิ่นคาว แม้จะเจ็บแสนเจ็บ
ก็ต้องทนควักทนล้วงเข้าไปทําความสะอาดในซอกกลีบเนื้อ

เนื้อตัวมันทําความสะอาดได้ แต่ในหัวใจมันเข้าไปทําความสะอาดไม่ได้
มันช่างทรมานทรกรรมเสียจริงๆ ยิ่งรู้ว่าต่อไปนี้จะต้องมีการกระทําซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในแบบนี้จากเพศตรงข้าม อิ่มมันยิ่งเครียด ยิ่งกลัว กลัวการลงทัณฑ์
ด้วยเครื่องมืออันโหดเหี้ยม ของเพศตรงข้าม

มนุษย์เป็นทาสของความคิด ประสบการณ์ การเรียนรู้เป็นการสะสม เพาะชำเป็นวัตถุดิบ
ข้อมูลขยายออกงอกงาม ดีชั่วแล้วแต่การเพาะชําความคิดเอาไว้ด้วยสิ่งใด
มนุษย์เรียนรู้จากภายนอกมากกว่าเรียนรู้ในตนเอง จึงรู้จักการหามาให้มากที่สุด
และการให้น้อยที่สุด กลายเป็นความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ โดยไม่รู้ว่านั่นแหละ
คือความทุกข์ที่สุด...


กองทุนเกิดความว้าวุ่นด้วยความโง่เขลาที่ตนเองได้ก่อกรรมทําเอาไว้ เขาเป็นคนมีปัญญา
ความรู้ดี แต่ขาดสติกํากับ เมื่อถึงคราวจึงจนมุมเอาง่ายๆ เขาตัดสินใจไม่ถูก
หากหมอมาพิสูจน์ แล้วอิ่มมีร่องรอยการโดนข่มขืนจริงๆ เขาจะทําอย่างไร
อิ่มไม่ใช่ลายตองหรือเด็กคนอื่นๆ ที่เขาใช้เงินซื้อได้ อิ่มมีป้านุ่นเป็นผู้ปกครอง
อยู่ทั้งคน และคนอย่างป้านุ่นแกไม่ค่อยยอมใครง่ายๆ เสียด้วย

เขาตกอยู่ในสภาพเหมือนคนผู้ประหัตประหารความเป็นสาว
ทําลายพรหมจารีของเด็กๆ มาเป็นจํานวนมาก ปีศาจพรหมจารีที่เขาเข่นฆ่า
ขณะนี้ กําลังตามมาหลอกหลอนขา มาทวงหนี้บาปที่เขาฆ่าความสาวให้ตายไปอย่างเลือดเย็น
เขาจะต้องใช้หนี้ความเหี้ยมโหค ความเห็นแก่ตัว โดยไม่คํานึงถึงบาปบุญคุณธรรมใดๆ
หนี้บางส่วนเขาได้ใช้มันไปแล้ว...แววรัตน์เชื่ออย่างแน่นอนว่าเขาเป็นคนทําลาย
ความสาวของอิ่ม เขาจะทําอย่างไรกับหล่อน เขาแน่ใจว่าชีวิตนี้เขาจะขาดแววรัตน์ไม่ได้แน่
เขาจะใช้หนี้ โดยเสียแววรัตน์ไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด แต่ทําอย่างไร
เขาจึงจะได้ตัวหล่อนกลับมา..เขาคิดถึงแต่แววรัตน์ เพียงผู้เดียว
ไม่ได้นึกถึงลูกเนียงลูกสาวคนเดียวของเขาเลย

กองทุนคิดสับสนอยู่จนกระทั่งฟ้าพลิกตัวจากความมืดรับแสงตะวัน
สลัวๆ เห็นฟ้าขาวๆ รางๆ

เสียงการ้องมาแต่ไกล ไม่ทันขาด เสียง...

เสียงของป้านุ่นก็โหยร่ำไห้ฟังไม่ได้ศัพท์ออกมาจากเรือนครัว
เสียงของแกดังเหมือนสัตว์โดนทําร้ายบาดเจ็บ คนแก่เวลาเกิด
ความเจ็บปวดทางใจขึ้นมาจะร้องไห้เหมือนเด็กๆ เรียกร้องความสงสาร แกเดินพล่านไปมาเหมือนหาทางออกให้ตนเองไม่ได้
ความคิดโดนอุดตันทําอะไรไม่ถูก น้ำตา ขี้มูก น้ำลาย
ผสมน้ำหมากออกมาเปรอะดูน่าเกลียด

ส้มเช้ากับองุ่นรีบผลุนผลันมาที่เรือนครัวก่อน ต่อมาจึงเป็นลายตอง

"ป้าเป็นอะไรไปน่ะ" ส้มเช้าเอ่ยขึ้นก่อนด้วย สีหน้าอันตกอกตกใจไปกับอากัปกิริยาของแก
องุ่นก็มีความรู้สึกไม่ผิดอะไรกับส้มเช้า เพราะไม่เคยเห็นป้านุ่นแกอยู่ในลักษณะนี้มาแต่ก่อน
ผิดกับลายตองซึ่งดูเฉยเมยแต่ไม่ละสายตาไปจากป้านุ่น ที่กําลังส่งเสียงโอดครวญน่าเวทนา

"ป้าเป็นอะไรไป" องุ่นถามย้ำ
"ไอ้อิ่ม...ไอ้อิ่ม" แกพูดได้แค่นี้ก็ปล่อยโฮ ออกมาอีก
"อิ่มทําไม อิ่มมันเป็นอะไรเหรอ" ส้มเช้ามองผ่านประตูเข้าในห้องของแก
"อิ่มมันหนีไปเสียแล้ว"   ป่านุ่นพูดสายตาแกมองมาที่ลายตอง
คล้ายกับจะบอกให้ลายตองรู้โดยเฉพาะ
"ไม่จริงมั้ง" ล้มเช้าไม่เชื่อ "มันคงออกไปหา ซื้ออะไรมั้ง"
"นั่นสิ" องุ่นก็เชื่อเช่นนั้น
"มันไปแล้ว มันหนีไปแล้ว มันเอาเสื้อของมันไปสองชุด
กับเงินในเชี่ยนหมากของข้าไปสามร้อย" แกยกมือขึ้นลงอย่างไร้ความหมายร้องไห้สะอึกสะอื้น
"ทําไมมันถึงทําอย่างงั้นล่ะ"
องุ่นเอ่ยขึ้นมาบ้าง ความจริงก็ถามไปอย่างงั้นเองเพราะรู้อยู่แล้วว่าสาเหตุมันมีมาจากอะไร
เท่าที่รู้ๆมาก็คือไอ้อิ่มมันโตนนายกองทุนข่มขืน ส้มเช้าก็รู้เหมือนอย่างองุ่น

มีลายตองเท่านั้นที่รู้ดีกว่าคนทั้งสอง และคาดคะเนเอาว่าอิ่นมันคงหนีไป
เพราะกําบังทํารุนแรงกับมันเกินไปจนเด็กเกิดความเข็ดขยาดหวาดกลัว
ตนเองก็เคยร่วมงานบนเตียงกับกำบังบ่อยๆ บางครั้งยังต้องออกปากปรามๆ
มันเอาไว้เมื่อกําบังเผลยตัว แล้วเด็กสาวๆ อย่างไอ้อิ่มมันเคยงานเสียเมื่อไหร่
มือมันยังใหม่จะไปรู้อะไรกับการลดความรุนแรงของกําบัง จะร้องก็ร้องไม่ได้
เพราะเหตุการ มันบังคับ โดนขนาดนี้เข้าไปมันเลยหมดแก่จิตแก่ใจ
ไม่อยากได้ใคร่ดีอะไรกับที่ป้านุ่นแกหวังเอาไว้ ลายตองแน่ใจว่าต้องเป็นเช่นนี้
ไม่เช่นนั้นไอ้อิ่มมันจะหนีไปทําไม เช้าวันนี้หมอก็จะมาตรวจอยู่แล้ว
หลักฐานพยานบาดแผลมีพร้อม

หมากแต้มนี้ลายตองรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่เป็นไปอย่างที่ตนวางเอาไว้

"กูจะฆ่ามัน ไอ้ใครที่มันทําให้หลานสาวของกูต้องหนีไปกูจะไม่เอามันไว้"

ป้านุ่นพูดออกมาอย่างเคียดแค้น ขาดสติยับยั้ง นัยน์ตาของแก
ดูมันขวางๆเล่นเอาองุ่นกับส้มเช้าต้องเลี่ยงหลบไปเหลือเพียงลายตอง

"ป้า"
ลายตองเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหนักๆ จ้องสายตาป้านุ่นเขม็ง
"ป้าจะพูดอะไรคิดดูให้มันดีเสียก่อน อย่าสักแต่ว่าผีเจาะปากให้พูด
ก็พูดออกมาส่งเดช"

ลายตองเพึ่งจะมีน้ำเสียงและท่าทีเช่นนี้กับป้านุ่นเป็นครั้งแรก สายตาที่จองแกนั้น
บอกว่ามันไม่มีความกลัวอะไรแกเลย ด้วยเหตุที่ลายตองเป็นคนรู้อะไรต่ออะไรได้ดี
เป็นคนวางแผน เป็นคนถือไพ่เหนือกว่าแก ป้านุ่นจึงพลาการโกรธเกรี้ยวลงไป
โดยอัตโนมัติ แต่ก็ยังไม่วายคร่ำครวญ

"มันโหดร้ายกับหลานสาวของกู มันทําตามใจของมัน หลานของกูยังเป็นเด็กอยู่แท้ๆ
มันข่มเหงรังเกกันอย่างไม่ปรานีปราศรัย คอยดูข้าจะกรวดน้ำแช่งแม่มันทุกวันทุกคืน
มึงอย่าได้ไปผุดไปเกิดอีกเลย  ถ้าเกิดก็จงเกิดเป็นหมาห้าร้อยชาติ เป็นเหี้ยอีกห้าร้อยชาติ"

ป้านุ่นร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็กๆ
ดูแล้วน่าทุเรศมากกว่าน่าสงสาร


peddo

เรื่องราวพลิกอีกแล้ว เดาได้ชอตเดียว เดี๋ยวตอนหน้สก็พลิกอีก น่าตื่นเต้นดีครับ เศร้าอึดอัดมาเกือบจบตอน กลัวอิ่มจะฆ่าตัวตาย หวังว่าเธอคงมีโอกาสเจอความสุขนะครับ
ปล. คุณ Monchai-s ขยันมากครับ ขอบคุณครับ

Monchai-S

อ้างจาก: peddo เมื่อ พฤศจิกายน 23, 2021, 12:03:59 ก่อนเที่ยง
เรื่องราวพลิกอีกแล้ว เดาได้ชอตเดียว เดี๋ยวตอนหน้สก็พลิกอีก น่าตื่นเต้นดีครับ เศร้าอึดอัดมาเกือบจบตอน กลัวอิ่มจะฆ่าตัวตาย หวังว่าเธอคงมีโอกาสเจอความสุขนะครับ
ปล. คุณ Monchai-s ขยันมากครับ ขอบคุณครับ

ช่วงนี้พอมีเวลาครับ แต่อีกสักพักคงไม่ถี่แบบนี้ครับ เผอิญช่วงนี้คิดถึงเรื่องนี้เลยหยิบขึ้นมาอ่านและคัดลอกไปด้วยครับ

1819

พลิกเรื่องไปอีกแล้ว สนุกดี  ต่างฝ่ายต่างหักเหลี่ยมเชือดเฉือน กัน   ผลกรรมที่สาหัสเลยไปลงที่หลาน  แต่ก็เพราะเลือกหนทางลัด ก็ต้องรับแรงดระทบที่รุนแรงแบบนี้  ต้อนหน้า จะมีอะไรพลิกอีกไหมนี่ แต่ อยากเห็นจุดจบของกำบัง จัง
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

sunnie06

เนื้อเรื่องเดาได้ยากว่าจะเกิดอะไรขึ้น​ ต่อจากนี้

swss2511


therasak

ระหว่างป้ากับนายกองทุนก็เลวพอกันทั้งคู่ ใช้เด็กเป็นเครื่องมือหาประโยชน์เข้าตัว

Onena

เนื้อเรื่องมีความป็นเหตุเป็นผลในตัวเอง ยิ่งบทเดายาก ยิ่งลุ้น และชวนติดตามว่าจะไปทางไหน ภาษาที่ใช้สื่อเยี่ยมจริงๆ