ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_Monchai-S

มลทินดอกไม้-ตอนที่37

เริ่มโดย Monchai-S, พฤศจิกายน 24, 2021, 08:40:24 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Monchai-S



มลทินดอกไม้-ตอนที่37



"ถ้างั้นคุณพักอยู่ที่บ้านพี่พัดไปก่อน พักให้สบายใจ คุณจะอยู่สักกี่วันก็ได้
สุดแท้แต่คุณ หากวันไหนคุณเกิดความสงสาร ผมขึ้นมา คุณกลับมาหาผมนะ"
น้ำเสียงของกองทุนแหบแห้ง ราวกับหมดหวัง ไปหมดทุกๆอย่าง
"ผมจะรอคุณอยู่ในบ้าน อยู่กับบ้านที่ว่างเปล่า เหมือนกับโกดังร้าง
เพราะไม่มีคุณอยู่เสียคนหนึ่ง ไม่ว่าจะมองไปทางไหนไม่มีอะไรน่าชื่นชมเสียเลย"

แววรัตน์ร่ำไห้สะอึกสะอื้น...โธ่เอ๋ย...จะกลับไปได้อย่างไร
แผลที่ต้นคอเป็นรอยเขี้ยวขย้ำ และเจ้าของเขี้ยวมันก็ยังอยู่
ในบ้านมัน ซุ่มเหมือนเสือคอยตะครุบเหยื่อ ถ้ายังอยู่บ้านเดียว
กับมัน ไม่วันใดก็วันหนึ่งมันต้องหาโอกาสตะปบลากไปฟัด
จนแหลกเหลวอีก อย่างไม่ต้องสงสัย จะบอกสามีก็ไม่ได้
เขาจะรู้สึกอย่างไร เมื่อรู้ว่าเมียที่เขารัก เขาเทิดทูนบูชา
อย่างหลงใหล ถูกไอ้ไพร่สารเลวแอบขึ้นไปถลุงเอา
ถึงห้องนอน บนเตียงซึ่งเคยมีแต่เขาคนเดียวใช้กับตน
บัดนี้มีอีกคนหนึ่งไปนอนทับรอย ทับบนตัวของเมีย
มีอีกคนหนึ่งที่ไปนอนแก้ผ้าสองต่อสองกับเมีย
ทําเหมือนอย่างที่เขาทํา แต่รุนแรงกว่าเขามากนัก

"ฉันจะกลับไปหาคุณค่ะ ขอให้ฉันพักให้สบายใจสักระยะก่อน" แววรัตน์พูดเสียงเครือ
"ผมจะรอ"  กองทุนดีใจที่ได้ยินคําพูดเช่นนี้
"บางที...บางทีฉันจะไปส่งรองพลกับลูกเนียงที่อังกฤษกับพี่พัด"
"หา...ลูกเนียงจะไปอังกฤษ" ดูเหมือนเขาเพิ่งจะนึกได้ว่ายังมีลูกอยู่อีกคน
"เป็นความต้องการของพี่พัดกับรองพล เด็กหมั้นหมายกันไว้แล้ว
ก็ไม่อยากจะให้อยู่ห่างกัน ตารองแกจริงจังมาก แกรักลูกเนียง
และฉันก็เชื่อว่า แกจะไม่มีวันคิดนอกลู่นอกทางเป็นอันขาด คุณไม่ต้องเป็นห่วง
และฉันก็คิดว่าดีกว่าจะให้ลูกเนียงเรียนอยู่ที่นี่ อีกสักสี่ปีเมื่อจบกลับมาแล้ว
ก็จะได้แต่งงานกันเสียเลย..คุณเชื่อฉันหรือเปล่าคะ"
"เชื่อ ผมเชื่อคุณ เชื่อตารอง เชื่อพี่พัด เชื่อใคร ก็ได้ทั้งนั้นถ้าคุณบอกว่าเขาเป็นคนที่น่าเชื่อ
"ขอบคุณ"
"ผมจะไปส่งลูกเนียงด้วยได้มั้ย" เขาทําทีเป็นห่วงลูกสาวแต่ความจริงแล้วเขาอยากพบหน้า
อยากอยู่ใกล้เธอมากกว่า
"คุณไม่ต้องไปหรอกค่ะ คุณรอฉันอยู่ที่บ้านก็แล้วกัน"
"ครับ ผมจะรอคุณ รอจนกว่าคุณจะยกโทษให้ผม" เขาพูดอย่างน่าสงสาร

มันเป็นปัญหาที่หนักอกสําหรับแววรัตน์ ผู้ชายสองคนอยู่ในบ้านเดียวกัน
คนหนึ่งเป็นผัว อีกคนหนึ่งถึงไม่ใช่ผัวแต่ก็ทํากับตัวเหมือนเช่นผัวทํา
มันแอบเข้ามาลักหลับ ในขณะที่ตนกําลังเมา ฝีมือของมันจัดอยู่ในขั้นยอดเยี่ยม
มันสามารถปลุกระดมจนอารมณ์ของเธอเริดปล่อยเพริดไปกับมันด้วยความลืมตัว
ปล่อยให้มันฟัดเอาจนเฟะ

ทําอย่างไรจะตัดเอาส่วนเฟะนี้ออกไปได้ รอยเขี้ยวของมันฝังอยู่ที่คอ
แม้จะหายก็คงจะมีรอยแผลเป็น ให้สามีตนได้เห็นเข้าสักวัน มันปกปิดกันไม่ได้
ทุกครั้งที่เสพสมก็ปล่อยเหลือกันแต่เนื้อล้วนๆ ไม่มีส่วนไหนจะต้องมาปิดบัง
อําพรางกัน

กับเจ้ากําบังก็เหลือแต่เนื้อล้วนๆ เหมือนเปิดม่านให้เห็นหลังโรงละครจนหมดสิ้น

ความจริง ฝีไม้ลายมือของเจ้ากําบังมันจัดอยู่ในขั้นเกจิอาจารย์ทางเพศ
จังหวะหนักเบาขณะบรรเลงเพลงกามมันชวนให้ติดตามไปตลอด
มันเหนือกว่าสามีตน เหนือกว่าคนอื่นๆ ที่ตนเคยผ่านมาก่อนจะเป็นของกองทุน
เครื่องเคราของมันก็พิลึก กึกกือ ธรรมชาติออกแบบมาให้เป็นพิเศษ
ใบหน้า หน่อเนื้อของมันหักงอลงมางุ้ม เวลามันควักเหมือน ใช้จอบขุดคุ้ย...

แววรัตน์สลัดหน้าไปมาไล่ความคิดในแง่นี้ออก ไป มันไม่มีค่าอะไรที่จะต้องไปนึกถึงมัน

ปัญหาอยู่ที่จะจัดการกับมันอย่างไร แววรัตน์ต้องหลั่งน้ำตาออกมาให้กับปัญหา ที่แก้ไม่ได้อีกครั้ง

สงสารสามีที่ไม่รู้เรื่องราวต้องมาพลอยเสียใจ คิดว่าตนโกรธแค้น แต่ถึงอย่างไร
ก็จะบอกความจริง ให้เขารู้ไม่ได้ หัวใจของเขาไม่กว้างพอ เขาจะไม่ยอมให้อภัยแน่นอน
เขารักและหวงแหนเนื้อตัวของเธอมากขนาดไหน เขาถือว่าเธอเป็นของเขาแล้วต้องเป็น
สิทธิ์ของเขาเพียงคนเดียว คนอื่นจะมาทับรอยของเขาในตัวเธอไม่ได้

เธอเองก็หน้าไม่ด้านพอจะบอกว่าคนที่มาทับรอยของเขาเป็นไอ้ไพร่ไม่มีสกุลอยู่ในบ้าน
ไม่กล้าบอกว่ามันทํากับเธอขนาดไหนโดยมีรอยเขี้ยวที่ต้นคอเป็นพยาน...
ยิ่งคิดก็ยิ่งตีบตันหาทางออกไม่ได้

พัดชาเปิดประตูห้องเข้ามาเห็นน้ำตาของน้องสาวก็รู้ว่าเกิดเรื่องราวไม่ชอบมาพากลขึ้นเสียแล้ว
เพราะรู้ใจน้องสาวเป็นอย่างดีถ้าเรื่องไม่สะเทือนใจขนาดหนัก แววรัตน์จะไม่มีวันเสียน้ำตา
"มีเรื่องอะไรกันรี" พัดชาโอบไหล่น้องสาว
"พี่..พี่พัด" แววรัตน์กอดพี่สาวแล้วร้องไห้ออกมาอีก
เห็นน้ำตาและกิริยาของน้องสาวโผเข้ามา เหมือนหาที่พึ่งพัดชาก็เลยพลอยซึมไปด้วย
"ทะเลาะกับคุณกองทุนเขารี"
"เปล่าค่ะ" แววรัตน์สั่นศีรษะ
"แล้วมีเรื่องอะไรกันล่ะ บอกพี่ซิ แววไม่เคยปิดบังพี่ไม่ใช่เรอะ"
พัดชาลูบแก้มน้องสาวเบาๆ

แววรัตน์แนบแก้มกับมือของพี่สาวไปมาหลัง น้ำตาพร่างพรู
"บอกพี่สิ มีเรื่องอะไรบอกพี่"
แววรัตน์ผละออกห่างพี่สาวแล้วลุกขึ้นยืนพลางหลับตาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ต
จากเม็ดล่างมาจนเม็ดสุดท้าย...จากนั้นจึง ค่อยๆ แบะเสื้อออกเห็นหน้าอกสีขาว
ในยกทรงสีชมพูแล้วลดเสื้อต่ำลงมา กว่าช่วงหัวไหล่ทั้งสองเล็กน้อยเอี้ยวตัวให้พัดชา
ดูต้นคอด้านขวา..

"ว้าย"

พัดชาเผลอร้องออกมาสุดเสียงเมื่อเห็นรอยแผลบนต้นคอของน้องสาวเป็นแว่นเว่อ
ไม่ต้องบอกก็รู้มันเกิดจากอะไรและเป็นการกระทําที่เกิดขึ้นในตอนไหน
เห็นแล้วมันช่างน่าสลดหดหู อเนจอนาถใจอย่างเหลือหลาย
"เขาทํากับน้องถึงเพียงนี้เชียวรึ" พัดชาเอามือ ลูบตรงรอยแผล
"อุ๊ย..เจ็บ" แววรัตน์เอี้ยวตัวออกไปจากมือ ของพี่สาวน้ำตาไหลพราก
"อ้อ ขอโทษ พี่ลืมไป" ความสงสารน้องทําให้พัดชาร้องไห้ออกมาด้วย
และนึกเคียดแค้น มี อย่างที่ไหนหาความสุขจากเนื้อหนังของกันและกัน
แล้วยังทําร้ายกันอีกด้วย "พี่ไม่นึกเลย ว่าเขาจะกลาย เป็นคนอย่างนี้"
"เปล่า เปล่าค่ะ...ไม่ใช่เขา"
"อ้าว..ไม่ใช่เขาหรอก"
"ไม่...  ไม่ใช่" แววรัตน์เผลอตัวสั่นศีรษะ แต่กลับขมวดคิ้วนิ้วหน้าด้วยความเจ็บรอยแผล
"เขา ไม่ทํากับแววอย่างงี้หรอก"
"เอ๊ะ..ถ้าไม่ใช่เขาแล้วเป็นใคร"
แววรัตน์ยกสองมือปิดหน้าร้องไห้
"ใคร   บอกพี่ซิ" พัดชายเสียงหนักๆ ความรู้สึกของหล่อนก็เจ็บปวด
ไปกับน้องสาวไม่ใช่ น้อยๆ
"ไอ้..ไอ้บัง"   แววรัตน์บอกโดยไม่ยอมเอา
มือออกจากหน้า
"ไอ้บังไหน"
"ไอ้กําบัง"
"ต๊ายตาย"   พัดชาเอามือลูบอกตนเอง "ไอ้ กําบังคนรถคนสวนที่บ้านน่ะเหรอ"
"ค่ะ"
"ทําไมมันจึงเป็นไปได้"

พัดชารู้สึกขยะแขยงราวกับเจอมาด้วยตนเอง รูปร่างหน้าตาของมันจะหาแววงามสักนิด
ไม่มี สกุลรุนชาติก็ต่ำต้อย ทุ่ยทุ้ยเทอะทะเหมือนกับหมีควายหรือหมูสกปรก
คลุกอยู่กับโคลนและขี้ของมันเอง  ทําไมน้องสาวของตนไปยอมให้มันเจี่ยนเอาได้
แต่ความแปลกใจก็หายไปเมื่อน้องสาวเล่าความจริง ให้ฟังจนหมดสิ้น
และขอความช่วยเหลือให้หาทาง แก้ปัญหา

"เรื่องแผลไม่เป็นไร" พัดชาออกความเห็น หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง
"ไปส่งตารองกับลูกเนียงที่อังกฤษ หมอที่นั่นเขาจัดการให้ได้ ไม่มีแผลเป็นด้วย
พี่รู้จักหมอคนนี้ดี ตอนนี้อย่าเพิ่งพบหน้าผัวของน้องก็แล้วกัน
เอาไว้ให้แผลหายเรียบร้อยกลับจากอังกฤษแล้วค่อยเจอกันดีกว่า"
"แต่เรื่องเจ้ากําบังล่ะพี่" แววรัตน์เบ้ปากเล็กน้อย
เมื่อเอ่ยถึงชื่อไอ้คนที่มีส่วนเป็นผัว
"ก็มีอยู่ทางเดียว คือซื้อมัน เอาเงินให้มันก้อนหนึ่งเป็นค่าปิดปากและออกไปจากบ้าน"
พัดชาออกความคิดซึ่งเห็นแล้วว่าไม่มีทางไหนดีไปกว่าการใช้เงิน
"เรื่องเงินฉันไม่เกี่ยง เท่าไรก็ได้ แต่ถ้าหากมัน ได้แล้วมันไม่ไป
หรือไปแล้วมันกลับมารีดมาไถเอาอีกล่ะ เพราะมันถือว่ามันเป็นต่อเราอยู่แล้ว
ถ้าเราไม่ยอมมัน มันก็จะบอกคุณกอง"
"ถ้ามันทําอย่างงั้น ก็ฆ่ามันเสียเลย" พัดชาพูดเสียงเครียด

"ฆ่า?"

แววรัตน์ตกใจไม่น้อยเมื่อได้ยินพี่สาว พูดออกมาเช่นนี้ มันไม่เคยอยู่ในความคิด
ของตนมาก่อน มันเป็นคําพูดสั้นๆ แต่กินลึก เข้ามาในหัวใจ มันหมายถึงความตาย
โหดร้ายผิดกฎหมาย เป็นบาปติดตัวไปจนตลอด ชีวิตส่งผลไปถึงชาติหน้าภพหน้า...


"เอากันถึงขนาดนั้นเชียวรี" แววรัตน์เช็ดน้ำตามองหน้าพี่สาว

"ถ้ามันทําอย่างที่น้องว่า มันก็ต้องเอากันขนาดนั้น คนพรรณนี้เอาไว้ได้รึ
ความจริงมันน่าจะตายไปโดยเราไม่ต้องจ่ายเงินซื้อมันด้วยซ้ำ
คนอย่างมันตาย ก็เหมือนหมาตายตัว ไม่มีความสําคัญอะไร
คนอย่างนี้ค่าหัวหมื่นสองหมื่นก็หาคนทําได้"
"ฉันไม่อยากให้เป็นไปถึงเช่นนั้น"
"พี่รู้ น้องเป็นคนใจอ่อนมาแต่ไหนแต่ไร ถึงได้ ให้น้องจ่ายเงินซื้อมันไงล่ะ...ตกลงนะ
พี่จะเป็นคนพูดกับมันเอง"
แววรัตน์นิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงพยักหน้ายอมรับ

ยุคนั้น ยังไม่มีศูนย์สรรพสินค้า ไม่มีเธค ไม่มีห้องอาหารหรือผับเหมือนปัจจุบัน
คนหนุ่มคนสาวส่วนมากอาศัยโรงภาพยนตร์ เป็นที่นัดพบและหาความบันเทิง

คืนนั้น รองพลจึงขออนุญาตกับแววรัตน์พาลูกเนียงไปดูหนัง

ความเป็นหนุ่มของรองพลรูปร่างหน้าตาคมสัน
และเนื้อตัวของลูกเนียงเริ่มส่งประกายเปล่งปลั่งบูม
ขึ้นมาตามมือของกําบังเคล้นขย่าตามธรรมชาติ
ตกเป็นเป้าสายตาของผู้พบเห็น

ผู้ชายหลายคนนึกอิจฉารองพลอยู่ในใจที่ได้ควงเด็กสาวสวยซึ้งงามผ่านตาเข้าไปซ่านอยู่ในหัวใจ

ผู้หญิงหลายคนก็นึกอิจฉาลูกเนียงที่ได้มี โอกาสควงหนุ่มร่างสมาร์ท
ท่าทางองอาจแฝงด้วยความอ่อนโยนอย่างรองพล

รองพลเองก็อดจะภูมิใจเสียมิได้ที่มีโอกาสพาลูกเนียงมานั่งเบียดแนบข้างอยู่ในโรงภาพยนตร์

ลูกเนียงให้ความสนิทสนมเป็นกันเองกับเขาอย่างรวดเร็วเหมือนเด็กๆ รู้จักคนง่ายไว้ใจเชื่อใจคนง่ายๆ
หากได้รับความเอาอกเอาใจ แววตาของเด็กสาวบริสุทธิ์แจ่มใสไร้มายา ริมฝีปากอิ่มยิ้มเจรจา
เสียงจ๋อยๆ เด็กสาวมีความสุข เริงร่าเหมือนนกน้อย รู้จักโผผินบินไปมาตามคบไม้อย่างอิสระ
ความเจ็บปวด มลทินจากเพศตรงข้ามที่
เจ้ากําบังฝากฝังลึกเอาไว้ถูกลืมไปเมื่อได้อยู่ใกล้กับรองพล ประกอบกับความไม่ประสีประสา
บริสุทธิ์เกินกว่าจะนึกถึงเรื่องอันน่าบัดสีที่ผ่านมา

ในโรงภาพยนตร์ เด็กสาวนั่งแนบข้างเบียดอยู่ กับเขาเหมือนไม่หวงเนื้อหวงตัว แต่รองพลไม่ฉวย
โอกาสเกินเลยมากไปกว่าจับมือของเด็กสาวมากุม เอาไว้ เขาเห็นว่าลูกเนียงยังเป็นเด็กที่ไร้เดียงสา
เสียเหลือเกิน เขาจึงถนอมเด็กสาวเอาไว้กลัวความเปราะบางจะแตกยับไปเสียก่อนด้วยมือของตน
เขาจะไม่ทําเช่นนั้นจนกว่าจะถึงวันแต่งงาน เขาไม่ต้องการ ให้เด็กสาวมีมลทินก่อนจะถึงวันนั้น

เรื่องเพศตรงข้ามแม้เขาจะเคยรู้มาบ้างแต่ก็ไม่
เคยผ่าน ไม่เคยทดลองเหมือนวัยหนุ่มเป็นส่วน
มาก ประกอบกับนิสัยความเป็นสุภาพบุรุษ เขาจึงให้เกียรติเด็กสาวที่เขารัก

ตรงข้ามกับลูกเนียง เด็กสาวเคยผ่านมือเพศตรงข้ามมาแล้ว
ได้รู้รส รู้พลัง รู้ถึงการเจาะลึก เข้าไปในกลีบเนื้อ
รู้ถึงรสมือขยี้ขยําตามเต้าไปจนทั่วเนื้อตัว
รู้ถึงสิ้นสากหยาบเลียได้เร่าร้อน ปากที่เน้นและขบกัด
เด็กสาวเกิดความรู้สึกอยากให้เขาทํากับ ตนเหมือนที่กําบังมันทํา...ถ้าเป็นเขาจะมีความสุข
สักแค่ไหน....แต่ทําไมเขาจึงไม่เกิน เลยไปกว่านี้..ลูกเนียงลูบคลํานิ้วมืออันแข็งแรง
สะอาดสะอ้านของเขาเล่นเบาๆ

ธรรมชาติในตัวเบ่งบานออกรับสัมผัสจากเขา

สองต้อยปลายเต้าชูชัน ริมฝีปากเผยอเหมือนริมฝีปากของทารก
เผยอรอรับน้ำนมบริสุทธิ์จากมารดา

กระแสซ่านจี๊ดจ๊าดไปมาในหน้าท้องและเลยต่ำไปจนหน้าขา

ลมหายใจเข้าออกหนักๆ จนอกกระเพื่อมไหวน้อยๆ

เลือดในตัวร้อนผ่าว..แผ้ว...
หยาดน้ำผึ้งย้อยฉ่ำรวงงามชุ่ม


เด็กสาวเอียงศีรษะพิงไหล่กว้างของเขา เสนอเพื่อรอรับผลสนอง..

ภาพยนตร์ที่ฉายเป็นเรื่องดี แต่ลูกเนียงไม่มีอารมณ์สนุกคล้อยตามกับผลงาน
อันยอดเยี่ยมของผู้สร้าง ผิดกับรองพล เขามีความสุขเพลิดเพลิน
ไปกับความสวยงามจากการถ่ายทํา บทบาทของผู้แสดง การเดินเรื่องและ
ไดล็อกคมคายที่ทําให้เขาหัวเราะออกมาเบาๆ เขามีความสุขเต็มเปี่ยมที่ได้มา
ดูหนังดีๆ กับเด็กสาวที่เขารัก มีความสุขที่ได้พาคนรักมาดูผลงานดีๆ

ธรรมชาติ ดวงชะตา พรหมลิขิต กรรมเก่าหรือ อะไรก็ตามสุดแต่ความเชื่อ
ได้ทําความไม่สมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างรองพลกับลูกเนียง

เหมือนอาชาที่เคยรู้รสแส้ รู้แรงโยก แรงไสของคนขี่มาแล้ว
พร้อมที่จะให้คนขึ้นมานั่งบนหลังทําอย่างเช่นนั้นอีก จะได้ห้อตะบึงไปด้วยความ
ฟิตพร้อมอย่างเต็มเหยียด แต่คนที่มีสิทธิ์จะขึ้นขี่กลับนิ่งเฉยดูดาย ปล่อยให้อาชา
ตะกุยตะกายดิ้นพล่านอยู่ในคอก...ความรู้สึกของเด็กสาวเป็นเช่นนั้น...

แต่ความรู้สึกเหล่านี้หายไปเมื่อภาพยนตร์เลิก เจ้าปีศาจราคะถอยห่างออกไป
หลังจากมันได้ใช้ความพยายามแล้วไม่เป็นผลสําเร็จ ความรู้สึก สนุกแบบเด็กๆ
ก็กลับมาอย่างเดิม เป็นนิสัยเปลี่ยนแปลงไปมาง่ายๆ ตามธรรมชาติจิตใจของเด็กๆ

รองพลขับรถพาลูกเนียงรับลมเล่นอยู่พักหนึ่ง จึงกลับมาบ้าน
เขาจูบเด็กสาวเบาๆ ที่หน้าผากก่อนจากกันที่หน้าห้องของลูกเนียง
"ฝันถึงพี่ด้วยนะ" รองพลตบต้นแขนเด็กสาวเบาๆ
"ค่ะ เนียงจะฝัน และจะให้ความฝันเป็นสีด้วย ค่ะ" เด็กสาวทําตาโตล้อเลียน
รองพลหัวเราะออกมาเบาๆ กับความน่ารักของเด็กสาว
"นอกจากสีแล้วยังจะให้มีกลิ่นหอมอีก ด้วย" ลูกเนียงสูดหายใจเข้าลึกๆ หลับตาพริ้มยิ้มละไม

หวานน่ารักไปหมดทั้งตัวอย่างนี้มันน่าจะดึง
เข้ามากอดรัดแล้วจูบให้ทั่วใบหน้า...รองพล
ได้แต่คิด ไม่กล้าที่จะทํากลัวเด็กสาวซึ่งไร้เดียงสา
ในสายตาของเขาจะมีมลทินในหัวใจเสียเปล่าๆ
"ซักกี่รอบดีคะ"
"รอบเดียวก็พอ" รองพลตอบพร้อมกับยิ้ม ด้วยความเอ็นดู
"ค่ะ รอบเดียวยันสว่างเลยค่ะ"
"เอาละ นอนเถอะ" รองพลเอื้อมมือมาขยี้ผมเด็กสาวเบาๆ เหมือนพี่ชายหยอกล้อน้องสาว

สายตาของเด็กสาวก่อนจะปิดประตูสื่อความหมาย
ออกมาชอบกล แต่รองพลอ่านรหัสจากสายตา
ของเด็กสาวไม่ออก เขายืนรอจนประตูปิดสนิท
และมีเสียงลั่นกลอนจึงกลับมาห้องของตน


บ่ายวันรุ่งขึ้น

ลายตองมาบอกกําบังว่านายกองทุนต้องการพบตัว
"รู้มั้ยเรื่องอะไร"  กําบังถามใจคอไม่ค่อยดี เนื่องจากนายกองทุนไม่ค่อยจะได้เรียกหาบ่อยนัก
เรื่องของตนกับไอ้อิ่มเพิ่งผ่านไปหยกๆ  คนมันมีพิรุธอยู่แล้วเลยชักปอดๆ
"ไม่รู้ซิ" ลายตองตอบตามความจริงซึ่งตนเอง ก็อยากรู้เหมือนกัน
นายกองทุนเรียกตัวกําบังอย่าง เร่งด่วนเพราะเรื่องอะไร
"เรื่องไอ้อิ่มหรือเปล่า" กําบังจับมือลายตองบีบ เบาๆ ราวกับจะคั้นให้พูดความจริง
"คงไม่หรอก"
"หรือเรื่องลูกเนียง"
"ไม่มีทาง
"หรือเรื่องคุณแววรัตน์"
"เอ๊ะ  ถามอยู่ได้ ฉันจะไปตรัสรู้ได้ยังไง"
ลายตองชักฉุนดึงมือออกจากการเกาะกุม
"กลัวไม่เข้าเรื่อง เขาเรียกก็ไปหาเขาเหอะน่า" ลายตองพูด
แล้วผลุนผลันออกไปจากห้อง

กําบังรู้สึกโล่งอกขณะมานั่งพับเพียบอยู่ต่อ หน้านายกองทุนและได้ยินคําสั่ง
ด้วยท่าทีของคนผู้เป็นนายกับบ่าว "
"คุณพัดชาเขาซื้อยางรถมาใหม่ เขาอยากให้แกไปช่วยเปลี่ยนยางรถให้เขา
ไปช่วยเขาหน่อยนะ" เสียงของกองทุนกระด้างหาความนุ่มนวลสักนิดไม่มี
บอกถึงความรู้สึกเหยียดหยามวางตนเหนือกว่าอย่างเด่นชัด
"ครับ ได้ครับ" กําบังรับคําอย่างนอบน้อม แต่ท่าทีและน้ำเสียงของนายกองทุนทําให้อดคิด
อย่างห่ามๆ ไม่ได้ว่า   
"ไอ้เบื๊อกเอ๊ย... ทั้งเมียและลูกสาวของมึงน่ะ  เสร็จกูหมดแล้ว
ยังทําเป็นวางท่าอยู่ได้ ไอ้งั่งงอก"   แล้วสิ่งที่กําบังไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
เมื่อได้ยินกองทุนสั่งเพิ่มเติม
"เอารถของเราไป ขากลับรับลูกเนียงกลับมาด้วย"

"เฮ้ย..จริงหรือนี่" กําบังคิดอยู่ในใจ

"ไปกับลายตอง..ตอง" กองทุนหันไปเรียก ลายตองที่นั่งรอรับใช้อยู่หน้าประตูด้านหลัง
"เอาเสื้อผ้าไปให้คุณแววรัตน์เขาหลายๆ ชุดหน่อย และ รับลูกเนียงกลับมาด้วย
ฉันบอกคุณพัดเขาแล้ว ก่อนลูกเนียงไปนอกฉันอยากจะคุยอะไรกับลูกเล็กน้อย"

ประโยคสุดท้ายกองทุนเบือนหน้ามาจากลายตองเหมือนพูดอยู่คนเดียว
ราวกับเรื่องส่วนตัวคนใช้ในบ้านไม่มีสิทธิ์จะมารับรู้

ลายตองผละขึ้นบันไดไปข้างบน กําบังค่อยๆ
เดินถ่อมตัวหลังค่อมจนเกือบโค้งออกมาข้างนอก
ที่ต้องเดินอย่างนี้เพราะไอ้เจ้ากรรมนายเวร
มันทําท่าจะคึกชันขึ้นมาเมื่อนึกถึงขากลับ
ให้พาลูกเนียงมาด้วย

แค่นึก..ก็เกิดมโนภาพเห็นเนื้อขาวๆ บ๊ะๆ
แน่นทุกกระเบียดของเด็กสาวขึ้นมาทันควัน


นายกองทุนอุตส่าห์ตีกรอบกันเอาไว้ตามธรรมเนียม ลูกสาวไปไหนจะต้องมีหญิงคนใช้
ตามไปด้วย หารู้ไม่ว่าลายตองเป็นตัวการอันสําคัญที่ชักน้ำเข้าสึกชักศึกเข้าเนื้อ

ลายตองหิ้วกระเป๋าใบใหญ่อัดเสื้อผ้าของคุณแววรัตน์ไว้เต็มลงมาที่โรงรถ
ก็เห็นกําบังกําลังเอาผ้าเช็ดรถฮัมทํานองเพลงเบาๆ อยู่ในลำคอด้วยอากัปกิริยา
ของคนกําลังมีความสุขอย่างเหลือหลาย
"มีความสุขจริงนะ" ลายตองเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นกระเป๋า
ให้กําบังรับเดินไปที่ท้ายรถ
"โธ่... เห็นหน้าใครจะมีความสุขเหมือนเห็นหน้า ตองเล่า" กําบังยักคิ้วยิ้มเผล่
"อย่ามาพูดเป็นเล่นกับฉันนะ เดี๋ยวก็อดหรอก" ลายตองพูดอย่างรู้ใจและด้วยเจตนา
ร้ายของตนเองที่ ไม่มีวันเลิกรา
"อย่าโกรธซี่ทูนหัวของผม"
กําบังเปิดท้ายระเอากระเป๋ายัดเข้าไปแล้วปิดเดินอ้อม
มาเปิดประตูรถด้านขวาพร้อมกับสายลองเปิดประตู
ขึ้นมานั่งทางด้านซ้าย
"ลูกเนียงจะไปนอก" ลายตองเอ่ยขึ้นหลังจาก ปิดประตูรถเรียบร้อย
"นั่นสิ อยากจะสั่งเสียอะไรกับเด็กมันเล็กน้อย"พ่อเขาสั่งเสียลูกของเขาอยู่แล้ว"
"มันไม่เหมือนฉันสั่งเสียลูกหรอกน่า"
"เมื่อไหร่"
"วันนี้แหละ"
"ตอนไหน"
"ขากลับ ฉันจะแวะเข้าโรงแรม"
"เอาอย่างงั้นเชียวเรอะ"
"โธ่ ลายตองก็" กําบังเอื้อมมือมาลูบท่อนขาของลายตองแล้วบีบหนักๆ
"จะกลับมาถึงบ้านผิดเวลา"
"ไม่ผิดหรอก อ้างว่ารถเสีย อย่างมาก ไม่เกินสองชั่วโมง"
"อย่าทําอย่างไอ้อิ่มนะ ทําเอาจนเด็กมันเกือบพิการ ถึงกับหนีออกจากบ้าน"
"ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า"   
กําบังพูด อย่างมันเขี้ยว ขบกรามจนขึ้นเป็นสัน
เมื่อนึกไปถึงเนื้อหนังมังสาของลูกเนียง...


mario

อยากรู้จุดจบของนายกำบัง
และภาวนาให้ตอนจบลูกเนียงมีชีวิตที่ดีนะครับ

oit758

กำบังชักจะใช้ชีวิตติดประมาทเกินไปละได้คืบจะเอาศอกทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังใช้แต่ความต้องการเป็นตัวขับเคลื่อนพฤติกรรมการใช้ชีวิต แถมตัวละครแบบพัดชาที่ใส่เข้ามานี่ท่าทางจะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ดูแล้วปลายทางชีวิตของบังนี่จบไม่น่าจะสวยแน่ๆ

sofee

กำลังจะไปอังกฤษแล้วแท้ๆ ลูกเหนียงจะรอดไหมนั่น

1819

 พลิกไปพลิกมาอีกแล้ว  ถ้า เป็นแผนของพัด  ให้กำบังไปหา  มีหรือ จะให้มันกลับมากับลูกเนียง แบบลอยนวล แต่  พัด กับแวว หรือคน อื่นก็ไม่รู้ว่าเนียง โดนกำบังแล้วอีกคน จะประมาทให้กลับมากัน สองต่อด้วยดิ ลายตองถึงจะไปด้วย ก็ข้างไอ้บัง แถมเป็นจอมวางแผนอีก  มีพลิกไปมาตลอดเลย
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

peddo

พัดชาจะเสร็จก่อนรึไม่ และทำให้แววรัตน์กับลูกเนียงตกที่นั่งลำบากขึ้นมาอีก หรือรองพลจะมาช่วยไว้ ท่าทางเรื่องจะอีกยาว ลูกเนียงคงไม่พ้นเคราะห์ง่ายๆ
ขอบคุณครับ

sunnie06

ลูกเนียงจะโดนซํ้าอีกมั้ยเนี่ย

MBCLK

รออ่านพัดชาเสร็จมันด้วย
อาจจะสนุกกว่าแววรัตน์

peddo

ไม่น่าเชื่อว่าพัดชาจะยอมให้ลูกเนียงกลับกับกำบังเมื่อรู้ว่ากำลังทำอะไรกับแววรัตน์
ถึงลูกยังไม่เคยโดนมาก่อนก็คงโดนฟาดตอนขากลับ แม่ลายตองจะมาด้วย คงได้กินหอยปูปลากันเพลินที่บาง ปู

swss2511