ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_Monchai-S

มลทินดอกไม้-ตอนที่44

เริ่มโดย Monchai-S, พฤศจิกายน 28, 2021, 08:59:37 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Monchai-S




มลทินดอกไม้-ตอนที่44



"อย่า"    หล่อนลดมือข้างหนึ่งจากพวงมาลัยมาปัดมือเขา
แต่ไม่เป็นผลเพราะมัน สอดเข้าใน ไปจนลึกถึงเนื้อหน้าขาเสียแล้ว


แววรัตนเกิดอาการพะวักพะวนกับหน้ารถที่ส่ายไปส่ายมา เพราะมือ
ข้างหนึ่งลงมาขัดขวาง ถนนพหลโยธินก็เป็นถนนเล็กๆ สองข้างทาง
เต็มไปด้วยต้นก้ามปู รถสวนกันต้องใช้ความระวังไม่ใช่น้อย

"โธ่... อย่าเพิ่งทําอย่างนี้ได้มั้ย"   หล่อนปล่อยมือจากมือกําบัง
เอาขึ้นมาช่วยบังคับพวงมาลัยรถ เพราะเมื่อครู่นี้เฉียดกับรถตู้
ที่สวนทางมาอย่างหวุดหวิด
"ผมคิดถึงคุณใจจะขาด   ขอผมเถอะ"   กําบังพยายามสอดมือเคลื่อนไหว
แต่ไม่สู้ถนัดเพราะความคับของยืนส์บีบเอาไว้
"เราจะไปไหนกัน
"อยุธยา"
"ตายจริง ไม่ได้"
แววรัตน์พยายามเบ่งหน้าท้องให้พองขึ้นมาเมื่อ รู้สึกถึงมือของกําบัง
เอาออกจากกางเกงพยายามแกะกระดุมเม็ดบนของยินส์
"ทําไมไม่ได้"    มือของกําบังง่วนอยู่ไม่ยอมปล่อย
"ฉันมีพี่น้องอยู่ที่นั่น เขาเห็นรถของฉันเขาต้อง จําได้"
"งั้นเลยไปสระบุรี"
"ไปไหนก็ไม่ได้ทั้งนั้น"
"อ้าว ที่นั่นก็คงมีคนรู้จักคุณอีกละสิ"
"ไม่ว่าที่ไหนก็มีคนรู้จักฉันเป็นส่วนมาก...อุ๊ย..."
แววรัตน์สะดุ้งเมื่อกระดุบเม็ดบนถูกแกะออกและซิปถูกลากลงไปข้างล่าง
เต็มแรงเสียงดัง "ควาก" กางเกงยีนส์ช่วงหน้าขาเปิดออกกว้าง...
ซับในตัวเดียวจะไปช่วยอะไรได้ มันถูกเลื่อนลงไป เนินประดับใยไหม
สีดําถูกประกบด้วยมือหนาหยาบของกําบังทันควัน  ปลายนิ้วชี้ของมันจี้
ตรงปลายดอกเกสรเนื้อ...
"โธ่   บัง"     หล่อนครางขอร้องแต่ไม่เกิดผล สายตามองที่กระจก
มองหลังเห็นแสงไฟรถตามหลังมาสองสามคัน ไม่รู้เหมือนกันว่าคันไหน
เป็นรถของพี่สาวกับตง กิโลเจ็ด
"เราจะไปที่ไหนกันดี"   กําบังพูดแต่มือไม่ยอมหยุดเพียงแต่เปลี่ยน
จากเนื้อหน้าขาขึ้นมาปลดกระดุม เสื้อยีนส์หนาๆออกอย่างรีบร้อน

ทั้งกลิ่นตัว กลิ่นจากปากที่มีเหล้าออกมาคลุ้ง มือของมันที่เปะปะ
หยาบคาย แววรัตน์อยากจะจอดรถแล้วถีบมันให้กระเด็นตกไป
เสียเหลือเกิน..แต่คงทําอย่างนั้นไม่ได้ ไม่มีทางออก เนื้อที่ของรถ
ก็คับแคบ สองมือของตนก็เหมือนสิ้นอิสระเพราะต้องคอยระวัง
อยู่กับพวงมาลัย..ดังนั้น...นอกจากกางเกงตรงหน้าขาจะเปิดเนื้อที่
ออกกว้างแล้ว เสื้อตรงหน้าอกยังเปิดกว้างออกอีก กระดุมไม่ได้เหลือ
กลัดติดสักเม็ดเดียว ข้างในเป็นเสื้อยืด คอและไหล่คว้านเห็นเนื้อขาว
ไปตลอดแขนและอิ่มที่ซ่อนอยู่ในทรวงอก

กําบังเลิกชายเสื้อยืดข้างล่างขึ้นมาสูง
"อย่า...โธ่..."


แววรัตน์ห้ามแต่ไม่สําเร็จเพราะกําบัง จูบลงที่ปลายเต้า
มือไต่ลงไปต่ำคว้าเนื้อ หน้าขา


แวรรัตน์รู้สึกถึงความสกปรกและขยะแขยง เมื่อมันเลื่อนใบหน้าจาก
อกลงไปล่างสุดเคล้าอยู่ตรงเนื้อหน้าขา ในเนื้อที่อันจํากัด เหตุการณ์
บีบบังคับ แววรัตน์ไม่มีอะไรนอกจากทน ทนให้มันขยี้ขยำ
อย่างหยาบคาย
กําบังมันทําเหมือนกับตายอดตายอยากมาเป็นเวลานาน ก็น่าจะให้มัน
ทําอย่างนั้นหรอก เพราะเนื้อที่สัมผัสมันยังอัดแน่นด้วยกล้ามเนื้อขาวงาม
หอมชวนหื่นกระหาย กล้ามเนื้อท่อนขาก็เบียดแน่น เฉพาะเต้ากับ
ปลายต้อยแม้จะคล้อยนิดๆ แต่ก็งามเหมือนอุบะมาลัยมะลิสีขาวหอม

"ผมว่า เดี๋ยวผ่านซอยที่ไหนเปลี่ยวๆ เราเลี้ยว เข้าไปดีกว่า"
แววรัตน์มองกระจกมองหลังรู้สึกใจชื้นขึ้นมานิดๆ  เพราะเห็นมีรถ
ตามมาอยู่คันเดียว แน่นอน ต้องเป็นรถของพี่สาวเธอกับตง กิโลเจ็ดแน่ๆ
ความคิดเดิมว่าจะไปให้ถึงคลองหลวงมันไกลไปเสียแล้ว เพราะสองมือ
ของมันรุกเร้าหนักเหลือเกิน มันพยายามบี้ พยายามปลูก แต่กลายเป็น
ปลุกความเกลียดชัง ขยะแขยงมากยิ่งขึ้น หล่อนกัดฟัน
ถ้าตัวของหล่อนห่อได้คงพับเก็บพ้นจากมือที่มันขยําไปแล้ว
แต่ทําอย่างงั้นไม่ได้มันจึงเจ็บ

แววรัตน์เปิดไฟกะพริบเลี้ยวซ้ายเป็น สัญญาณ

"เขาคงจะเลี้ยวเข้าซอยแถวๆ นี้แน่" พัดชาบอกกับตงซึ่งทําหน้าที่
ขับทิ้งระยะห่างพอสมควร
"ที่ไหนก็ได้" ตงพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
"นั่นไง เลี้ยวแล้ว" พัดชาชี้มือไปข้างหน้าเมื่อ เห็นรถของแววรัตน์เลี้ยว
เข้าไปในซอยซ้ายมือ เป็นซอยที่ดินจัดสรรซึ่งยังไม่มีใครมาปลูกบ้านอยู่
ถนนค่อนข้างจะขรุขระสักหน่อย

ตงเหยียบคันเร่งเก๋งสีดําสี่ประตูกลางเก่ากลางใหม่พุ่งออกไปข้างหน้า...
แต่ว่า...

บังเกิดแสงจากโคมไฟสูงหน้ารถหกล้อที่สวนมาส่องจ้า...ไม่ยอมหรี่
ตงกะพริบไฟเป็นสัญญาณให้คนขับรู้ แต่ไม่เกิดผลนอกจากไม่เกิดผลแล้ว
มันยังเซถลากินทางเข้ามาหา ตงพยายามเบี่ยงซ้าย แต่ไปไม่ได้มาก
เพราะเกรงต้นก้ามปูที่ยื่นเป็นแถวอยู่   ดังนั้น....

"เอี้ยด"   เป็นเสียงเบรกก่อนจะมีเสียงดัง  "โครม"

เจ้ารถหกล้อกัดติดพารถของตงครูดถอยหลังไปเล็กน้อย จนประกบติดกับ
ต้นก้ามปู กระจกหน้ารถแตกกระจาย เลือกตามตัวของตงกับพัดชา
ออกมาเล็กน้อย

"ไอ้บ้า"   ตงคําราม 
"คุณลงไปก่อน รีบตามแววรัตน์ไปเถอะ ฉันรับหน้าทางนี้เอง" พัดชายังมีสติดีอยู่
ตงผลุนผลันเปิดประตูลงจากรถขณะเดียวกับ ที่รถสวนทางมาและตามมา
ข้างหลังเริ่มจอดเพราะ ท้ายรถหกล้อขวางถนนอยู่
ตงหลบออกด้านหลังท้ายหกล้อได้ก็เดินไปอย่างรวดเร็ว พอพ้นระยะห่างออกมา
เขาก็เริ่มวิ่งมาจนถึงปากซอยที่เห็นรถของแววรัตน์เลี้ยวเข้าไป

มันมีแต่ความมืดไม่เห็นแสงไฟท้ายรถของแววรัตน์ ในซอยมีแยก
หลายแยกเนื่องจากเป็นซอยจัดสรรเพื่อปลูกบ้าน ไม่รู้รถของแววรัตน์
เลี้ยวเข้าไปจอดในแยกไหน

ตงตัดสินใจวิ่งเข้าไปในซอยซึ่งทอดยาวไปไกล เห็นแสงไฟจากบ้าน
ของชาวนาอยู่ลิบๆ สายตาเขาสอดส่ายตามแยกแต่ก็ไม่เห็นวี่แวว
ของแววรัตน์...


พอแววรัตน์หักรถเลี้ยวเข้าซอยกําบังก็ใช้เท้าของเขากดลงบนเท้า
ของหล่อน ที่คันเร่งสองมือเขาช่วยจับพวงมาลัย รถสปอร์ตของหล่อน
จึงพุ่งทะยานไปบนความขรุขระของถนน มันมืดและมีพงหญ้าขึ้นเต็ม
ไปหมด เนื่องจากยังไม่มีใครมาปลูกบ้านกัน


กําบังตัดสินใจหักพวงมาลัยเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง แล้วเลี้ยวขวา
"จอดตรงนี้แหละ" เขาเหยียบเบรกขยับกุญแจรถดับเครื่อง
และดับไฟหมด

สองข้างทางเป็นพงหญ้าและมะขามเทศบ้างตะขบบ้าง
ถ้ามองจากถนนใหญ่ของซอยแล้วจะไม่เห็นรถเนื่องจาก
โดนปกปิดด้วยพันธุ์ไม้เหล่านี้

แววรัตน์ใจหายวูบเมื่อเหลียวมองหลังไม่เห็น แสงไฟรถของใครเข้ามา
ไม่ทันที่แววรัตน์จะพูดอะไรออกไปเพื่อหาทางประวิง คอของหล่อนก็โดน
แขนขวาของกําบังล็อค กระชากเข้ามาหา มันกดปากหนาลงบนปาก
ของหล่อนกลิ่นเหล้าออกมาคลุ้ง
หล่อนพยายามผลักดันแต่ตัวมันหนาหนักกว่ากันมาก มือซ้ายมันบีบ
ขยําตรงเต้าข้างขวาเหมือนจะคั้นมะพร้าวให้ออกมาเป็นน้ำกะทิ

"เดี๋ยว..." แววรัศน์เอ่ยขึ้นเมื่อมันถอนปาก เปลี่ยนจุดลงไปที่ปลายเต้า
ตอนนี้เสื้อยืดเปลือยแขน สีขาวถูกเลิกขึ้นมาสูง ยืนส์ทั้งเสื้อและกางเกง
ช่วยอะไรไม่ได้แม้จะหนาเตอะเพราะมันถูกแหวะออกกว้างทั้งตรงหน้าอก
และหน้าขา มือของมันเปลี่ยนไปที่หน้าขา ปากเปลี่ยนมาดูด ความจริง
จะเรียกว่ามันกัดก็ได้ เพราะหล่อนรู้สึกเจ็บด้วยฟันของมันขบ

"เดี๋ยวก่อน"   หล่อนพยายามยันร่างของมันออกห่าง
"อะไรเล่า"  ปากมันพูดพร้อมกับง่วนอยู่ตรง หน้าอกขาวๆ
"เธอจะทํากับฉันให้มันดีๆ สักหน่อยไม่ได้เรอะ"
"อย่างงี้ยังไม่ดีอีกรี" คราวนี้มันใช้ริมฝีปากเม้มหน้าอก
มือซ้ายล้วงเข้าไปที่หน้าขา
"แล้ว...แล้วบนรถอย่างงี้จะทําได้ยังไง" เธอพยายามประวิงเวลานึกเจ็บใจ
พี่สาวมัวไปหลงเสียที่ไหน ไม่เห็นแสงไฟหรือเสียงรถวิ่งเข้ามาในซอยเลย

"ผมรู้ ในรถแคบๆ อย่างงี้ทําให้คุณมีความสุขไม่ได้หรอก"   มันเลื่อนปาก
ขึ้นมาที่หัวไหล่ไล่เดียะ ขึ้นมาตรงซอกคอ มือซ้ายมันย้ายมาดึงมือของ
หล่อน ให้ไปสัมผัสดูผลงานของหน่อเนื้อที่ตั้งขึ้นมาเป็นฉาก
แนวตรงดิ่ง

"ลงไปข้างล่างเถอะ" แววรัตน์ตัดสินใจกะหนีเอาตัวรอดไปก่อน
เธอเชื่อว่าร่างอันอุ้ยอ้ายทุ่ยทุ้ย ของมันไม่มีทางวิ่งตามได้ทันแน่ๆ
"เดี๋ยวก่อน  ให้ผมเผาหัวให้ร้อนก่อน"   มันพูดพลางมือก็ขยี้ขยํา
ไปตามเนื้อตัวของหล่อนเรื่อยๆ คนมันเคยได้ใจ ไม่ว่าจะเป็น ลูกเนียง
ลายตอง ส้มเช้า อิ่ม  หรือแม้แต่แววรัตน์เองมันก็บดเบียด ขยี้ขยำ
เอาตามความพอใจ ไม่เคยต้องใช้ความนุ่มนวลอ่อนโยนค่อยๆ บ่ม
ดังนั้น มันจึงไม่มียั้งมือ

แววรัตน์พยายามสะกดกลั้น มือของมัน หนัก เนื้อตัวมันเหม็น น้ำลาย
ของมันเลอะไปหมดตามแก้ม ปาก คอ ใบหน้า ตลอดจน หน้าอกของเธอ

คิดไปถึงพัดชาแล้วพานให้เกิดความน้อยใจ ไม่รู้ไปโง่อยู่เสียที่ไหน
น้ำตาพานไหลซึมออกมา แต่ความมีสติยังดีอยู่เธอจึงเอ่ยขึ้น
"พอแล้ว..พอเถอะ"   หล่อนพูดเหมือนจะครางออกมาเบาๆ 
สูดหายใจลึกๆ คล้ายกับมีความรู้สึกไปตามกระแสกระสันที่มันกําลังสัมผัส
สองมือลูบเบาๆ ที่ศีรษะอันใหญ่หนาของมัน

การเสแสร้งแสดงออกของหล่อนกลายเป็นการ ยั่วยุให้มันได้ใจ
กําบังคิดว่ามันพบความสําเร็จในการปลุกอารมณ์ของหล่อนได้แล้ว

มันขยับตัวออกห่าง...เสื้อยีนส์เนื้อหนา หลุดออกไปจากตัวของหล่อน...
เพื่อให้สมจริงหล่อนต้องยอมให้มันเปลื้องเอาออกไปแต่โดยดี...เหลือ
เพียงเสื้อยืดเปลือยแขนและไหล่กับกางเกงและซับใน...
"ลงไปข้างล่างเถอะ"  หล่อนแกล้งกระซิบที่หูของมัน
"เครื่องคุณร้อนแล้วเหรอ"
"ร้อนนานแล้ว"  หล่อนอ้าปากรับปลายลิ้นและกลิ่นเหม็นของมัน
พอมันปล่อยปากและมือออกไปจากร่างของหล่อน
แววรัตน์ก็คว้าเสื้อยื่นส์เปิดประตูรถ
"เดี๋ยว"   มันคว้าแขนเอาไว้   "เอาเสื้อลงไป ทําไมล่ะ"
"จะให้ฉันนอนกับดินโดยไม่มีอะไรรองบ้างเลยเรอะ เจ็บออก"
หล่อนแสร้งค้อน
มันดึงแขนของหล่อนเข้ามากัดขย้ำตรงเหนือ ข้อศอกอย่างมันเขี้ยว
"โอ๊ย" หล่อนร้องออกมาด้วยความเจ็บ
"เจ็บเรอะ" กําบังหัวเราะอย่างย่ามใจ
"เจ็บน่ะสิ"   คอฉันเป็นแผลยังไม่หายเลย"
"ไหนดูซิ" กําบังยืนหน้าเข้ามา
"ลงไปข้างล่างก่อนเถอะ"   แววรัตน์ผลักร่าง ของมันออกห่าง 
เปิดประตูรถดึงแขนจากมือของกําบังให้เป็นอิสระ

พอเท้าสองข้างของหล่อนแตะพื้น...
กําบังก็เปิดประตูอีกด้านหนึ่งออกอย่างรวดเร็วราวกับมันจะรู้

ร่างของหล่อนกับมันจึงยืนประจันหน้ากันอยู่โดยมีรถสปอร์ตขวางกลาง
แววรัตน์รู้ว่าทางท้ายรถเป็นทางออกไปสู่ถนนใหญ่ของซอย เช่นเดียว
กับที่กําบังรู้ว่าแววรัตน์จะต้องออกทางด้านนั้น
เหตุนี้ พอแววรัตน์ออกวิ่งกําบังก็ถลันตาม...แม้ร่างของมันจะทุ่ยทุ้ยอุ้ยอ้าย
แต่การตัดสินใจของมันดีเยี่ยม...มันพุ่งตัวเข้ารวบขา
ถ้าหากพลาดก็เจ็บเปล่า...
แววรัตน์รู้สึกขาข้างขวาไม่ทันจะยกตาม ขาซ้ายซึ่งนําออกไปก่อน
โดนมือหนามันคว้า เอาไว้

"พลั่ก"   เป็นเสียงหน้าอกของหล่อนกระทบดินเข้าอย่างถนัด
ดีที่ใช้แขนขวางหน้าของตัวเองเอาไว้ได้ หน้าจึงไม่ฟาดกับพื้น
แต่ก็เจ็บและ...หมดอิสรภาพ...

แววรัตน์ขยับจะพลิกตัวกลับแต่ไม่ทัน ร่างหนาใหญ่ของกําบัง
ขึ้นมาขี่คร่อมเอวเอาไว้
"โอ๊ย"
หล่อนร้องออกมาอีกครั้งด้วยความเจ็บเพราะแขนข้างขวาถูกมันจับ
ไพล่ไปข้างหลังและดันขึ้นมาสูงเล็กน้อย มือซ้ายของมันกดต้นคอ
ด้านหลังของหล่อนเอาไว้ เสียงมันหัวเราะอย่างพอใจที่ได้ยินเสียงร้อง
ด้วยความเจ็บปวดของหล่อน เสื้อยีนส์ไม่รู้กระเด็นหลุดมือไปอยู่ที่ไหน

"เจ็บเรอะ" มันดันแขนของหล่อนขึ้นอีกเล็กน้อย
"เจ็บ"   หล่อนครางออกมาด้วยความปวดร้าวไปหมดตลอด
ท่อนแขนข้างขวา
"นึกแล้วว่าคุณจะต้องทําอย่างนี้" มันหัวเราะ
พลางลดมือลงผ่อนคลายความเจ็บปวดให้หล่อน
"อย่าคิดหนีผมเลย..ไม่มีทางหรอก"
กําบังปล่อยเเขนเลิกชายเสื้อด้านหลังขึ้นมาจนสุด...แผ่นหลังขาวเต็ม
แผ่กว้างพลางก้มหน้าลงไปจูบไซ้  พยายามเหมือนกันที่จะใช้ฟันขบเนื้อ
แต่ความแน่นตึงทําให้ไม่มีเนื้อเข้ามาในปาก

ถึงตอนนี้ แววรัตน์ก็หมดเรี่ยวแรงจะขัดขืนมันเสียแล้ว เพราะแขนขวา
ปวดร้าวไปถึงกระดูกราวกับมันจะหัก ความปวดมันไปรวมกันอยู่ตรงแขน
จนหมด พลังจากกล้ามเนื้อทั้งหมดพลอยหดหายไปชนิดไม่มีเหลือ

หล่อนร้องไห้ออกมาสะอึกสะอื้น ไม่รู้เวรกรรมอะไรทําให้ต้องมาตก
อยู่ในสภาพและกับคนเช่นนี้

มันจับร่างของหล่อนพลิกหงาย ความเจ็บร้าวที่ แขนขวาทําให้หล่อน
ร้องครางออกมาเบาๆ
คราวนี้มันนาบตัวลงบนเนื้อของหล่อน
ศูนย์กลางของเนื้อหน้าขาต่างยันเข้าหากันพอดี

"ควาก"

เสื้อยืดของหล่อนขาดหลุดติดมือของมันไป... หน้าอกออกมาเต็ม...
หล่อนไม่มีเรี่ยวแรงจะปัดป้อง แค่มือของมันถูกเข้าตรงแขนขวา
ของหล่อนเบาๆ ก็ยังเจ็บร้าว

เสียง "ควากๆๆ"  ดังอีกสองสามครั้ง...ส่วนบนของหล่อน
ก็ไม่มีอะไรเหลือนอกจากเนื้อล้วนๆ

หล่อนเบี่ยงหน้าหลบเมื่อรู้สึกถึงน้ำลายของมัน ที่หยดออกมาจากปาก
ลงบนหน้า
"ไม่น่าจะทําให้ผมต้องออกแรงเลย" เสียงของมันหอบแกมหื่น
"คราวนี้แหละ คุณจะโดนหนัก ยิ่งกว่าคราวที่แล้ว"

มันผละออกไปจากการทาบทับอยู่บนร่างของหล่อน...ขอบกางเกงยีนส์
ของหล่อนถูกมันดึงรูดลงไปทางปลายขา
"อย่าดิ้นนะ" มันจับแขนข้างขวาของหล่อน บีบเมื่อสองขาของหล่อนขัดขืน
ไม่ยอมให้มันเอายีนส์ออกไปจากตัว
แขนข้างขวาของหล่อนกลายเป็นโดนไม่ได้ โดนเป็นต้องปวด...หล่อน
จึงหยุดขัดขืนปล่อยให้มัน ทําตามความพอใจ...

แววรัตน์หลับตาไม่อยากเห็นอะไรทั้งสิ้น
แต่ความรู้สึกมันหลับไม่ได้เหมือนดวงตา...
ยีนส์ถูกดึงลงไปต่ำกว่าสะโพก
แก้มก้นเริ่มระคายเพราะปลายแหลมยอดหญ้า


ซับในโดนรูดตามลงไปด้วยขอบของมันม้วนตัวกลมเล็กๆ ตามยีนส์ลงไป

เสียงของมันหัวเราะกลั้วลมหายใจ...

ทันใด...แววรัตน์รู้สึกเหมือนของหนักๆ ตกลงมาจากฟ้า...

"เฮ้ย" เสียงกําบังร้องพร้อมกับกระเด็นออกไปจากร่างของหล่อน

แววรัตน์ลืมตาขึ้นก็เห็นร่างสูงๆ ของ ตง กิโลเจ็ด
หล่อนสะดุ้งสุดตัวเพราะความเจ็บ เมื่อเผลอใช้แขนขวายันร่างให้ลุกขึ้น...
พอทรงตัวได้หล่อนก็ดึงยืนส์กลับขึ้นมาที่เดิม ๆ

หล่อนได้ยินเสียงเท้าของตงกระทบร่างของกําบัง เสียงมันร้อง

แววรัตน์ไม่อยากจะอยู่ดูเหตุการณ์ต่อไป เพราะรู้อยู่แล้วว่าอะไรจะ
ต้องเกิดขึ้น หล่อนรีบขึ้นรถบิดกุญแจสตาร์ท


เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของกําบังประสาน กับเสียงเครื่องยนต์

หล่อนต้องใช้แขนซ้ายช่วยไม่ใช่น้อยเพราะแขนขวาปวดร้าว
หล่อนถอยรถสปอร์ตเล็กน้อยแล้วตีวง เหยียบคันเร่งเต็มตีน
มันพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

พอเลี้ยวออกถนนใหญ่ในซอยหล่อนก็ต้องดับไฟ และจอดรถ
อยู่กับความมืด เพราะมองออกไปที่ถนนใหญ่ หล่อนเห็นรถติด
กันอยู่ยาวเหยียด แววรัตน์พอจะรู้ว่าถ้าออกไปก็จะมีคนเห็นรถ
ของหล่อน และในวันต่อไปเมื่อมีการพบศพของเจ้ากําบัง
อาจมีพยานบางคนจํารถของหล่อนได้   อยู่ดีๆมีรถสปอร์ต
คันงามวิ่งออกไปจากซอยที่ไม่มีบ้านคนอยู่สักหลัง บางคนอาจ
จะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา เพราะมีหนุ่มสาวบางคู่อาศัยซอยเปลี่ยวๆ
เป็นที่จอดรถระบายความต้องการ...แต่เมื่อมีการพบศพเข้า
มันไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว

แววรัตน์รู้สึกหนาวเพราะส่วนบนของร่างกาย ไม่มีอะไรช่วย
ให้อบอุ่นได้เลย เสื้อยีนส์ก็หลุดหายไป เสื้อยืดชั้นในก็ขาดกระจุย
ไปหมด เพราะมือของไอ้กําบัง ในรถก็มีเพียงผ้าสําลีเช็ครถผืนเล็กๆ
จะมาช่วยอะไรได้ แม้จะปิดแอร์ปิดกระจกแล้วก็ยังรู้สึกหนาว
ใจคอสั่นเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา บ้านนี้เจ้ากําบังโดน
จัดการเรียบร้อยไปแล้ว หล่อนยังจําเสียงร้องโหยหวนของมันเป็น
ครั้งสุดท้ายได้ก่อนจะออกรถมา

นิสัยสันดานอันหยาบคายของมันก็สมควรแล้ว ที่จะต้องตาย
แต่คิดไปแล้วก็ให้เกิดความกลัวอย่างไรชอบกล เนื้อตัวสั่นเทา
ราวกับจะเป็นไข้...

ตนเองกลายเป็นผู้มีส่วนในการฆาตกรรม...ความตาย...ใครหนอ
เป็นผู้ลิขิตชีวิตของเรา ช่างไม่มีความปรานีปราศรัยเสียบ้างเลย...
ยิ่งคิดยิ่งหวาดกลัว...ยกมือขึ้นกอดอกเอาไว้ก็ยังไม่หายหนาว...
คิดอย่างพะวักพะวนไม่รู้จะทําอย่างไร


พอดีกับมีเสียงประตูรถทางด้านซ้ายดังขึ้น...
แววรัตน์หันไปมองก็เห็นร่างของ ตง กิโลเจ็ด ยืนอยู่ในมือของเขา
มีเสื้อยีนส์ของหล่อนยื่นมาให้

แววรัตน์รีบรับเอามาสวมกลัดกระดุมหมดทุกเม็ด รู้สึกอบอุ่น
ความหวาดกลัวหายไปคล้ายกับผู้ชายคนนี้มีพลังบางอย่าง
ที่ช่วยให้ตนเกิดกําลังใจ และเบาใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้

"ทําไมคุณไม่ไป" เสียงของเขาฟังดูเป็นกันเอง
"ไม่รู้อะไรเกิดขึ้นที่ปากซอยรถติดกันยาวเหยียด"
"อ๋อ  รถของผมน่ะสิ ผมเห็นแล้วรถของคุณ เลี้ยวเข้ามาในซอย
แต่เหมือนโชคจะแกล้ง โดนรถโกดังเบียดจนติดก้ามปู
สงสัยคนขับมันคงจะเมา พี่สาวคุณเลยให้ผมวิ่งตามรถคุณมา
พอเข้ามาในซอยก็มืดไปหมด ไม่รู้รถของคุณหายไปทางไหน
ยังดีที่บางตอนลูกรังมันหายไปพอมองเห็นรอยล้อรถของคุณได้
แต่ก็คลำอยู่นาน เพราะบางแยกลูกรังมันก็ยังอยู่ เต็มที่เต็มทางของมัน
แต่ผมก็ไม่สายเกินไปใช่ไหม"
"ค่ะ...ขอบคุณ..เขา...เขาเป็นไง"
"เรียบร้อยแล้วครับ" เขาพูดเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
"ขึ้นมานั่งก่อนสิคะ"  หล่อนเพิ่งนึกขึ้นได้
"ครับ"   เขาก้าวขึ้นมานั่งข้างหล่อนแล้วปิดประตูรถ
แววรัตน์รู้สึกเหมือนได้กลิ่นคาวเลือด

"รถของคุณเป็นไงบ้าง"
"ไม่รู้จะซ่อมได้หรือเปล่า"
"ฉันจะจัดการให้เอง"
"ก็ดีครับ"   เขาเอนหลังพิงพนักปล่อยตัวตามสบาย
"ดูเหมือนจะไปได้แล้วล่ะครับ"

แววรัตน์มองไปที่ถนนใหญ่เห็นแสงไฟ จากรถที่ติดกันอยู่เริ่มเคลื่อนไหว
"คุณอย่าเพิ่งเปิดไฟนะ พอออกปากซอยแล้ว ค่อยเปิด เลี้ยวซ้ายไปเรื่อยๆ
นะครับ ถึงดอนเมืองแล้วค่อยกลับเข้ากรุงเทพฯ" เขาแนะนํา
"แล้วพี่พัดล่ะ"
"ป่านนี้ยังคงโวยวายอยู่กับตํารวจกระมั้ง พี่สาวคุณนี่สติดีจริงๆ
ผมเสียอีกพอรถโดนเบียดเข้าก็ กะจะลงไปกระชากไอ้คนขับ
รถโกดังคันนั้นลงมาพูดกัน แต่พี่คุณรีบบอกให้ผมตามคุณมาก่อน"
"ค่ะ ที่พัดหัวไวกว่าฉัน"
"แต่ไม่สวยกว่าคุณ" เขาหันมามองหล่อน
"ขอโทษ ผมพูดตรงๆ นะครับ ไม่ค่อยอ้อมค้อม หรอกครับ"
เขาหัวเราะ "ไปเถอะครับ"

หล่อนออกรถและปฏิบัติตามคําบอก ของเขา

Darkreader

#1
กำบัง กรรมตามสนองแล้ว ที่อยากรู้คือ วันนั้นลูกเนียงรอดมั้ย ชะตากรรมจะเจออะไรอีก ลายตองน่าจะไม่จบง่ายๆ

peddo

ตง กิโลเจ็ดนี่ชื่อมันยังไงๆ อยู่นะครับ เหมือนจะพาไปทำอะไรที่ออกเสียงคล้ายๆ กัน อย่างน้อยก็ขออย่าให้บุ่บ่ามแบบกำบังก็แล้วกัน
ในหนัง ตัวร้ายมักไม่ตายสนิท ต้องระวังกำบังกลายเป็นผีมาจับหัวนะครับ

sunnie06

กําบังไม่รอด​ ลายตองก็คงเหมือนกัน​ กรรมตามสนองเร็วดีจริง

1819

  แง่ๆๆ ข้ามต้อนหายไปตั้ง3ต้อน เปิดต้อน44มา   แววรัตน์กำลังจะตกเป็นของไอ้บังแล้ว      สงสันต้อนนี้ที่ไม่มี แววคงวางแผนกับพัดไว้   แต่ ตง กิโลเจ็ดเป็นใคร นักฆ่าเหรอ   ไม่ใช่หนีเสือปะจรเข้นะ     แต่ไอ้บัง ตายแน่ เหรอ       แววรัตนรอดคร่าวนี้  แล้วจะรอดอีกกี่ครั้ง ลายตองเป็นไง ลูกเนียงอีก
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

cdx

เพิ่งได้รู้ตอนนี้เอง ว่าเจ้ากำบัง หายไปใหน /คิวต่อไปคงเป็นตาเฉยละ

swss2511

แววรัตน์จะหนีเสือปะจระเข้หรือเปล่า