ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_Monchai-S

มลทินดอกไม้-ตอนที่45

เริ่มโดย Monchai-S, พฤศจิกายน 29, 2021, 09:18:45 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Monchai-S




มลทินดอกไม้-ตอนที่45




       ไม่ว่าใครหากอยู่ในสภาพอย่างเฉยโฉด ก็ต้องเก็บความงาม
จากเรือนร่างอันเปล่าเปลือยตลอดจนโพสท่าต่างๆ อันแสนจะวิลิศพิสดาร
ของเด็กสาวอย่างลูกเนียงเอาไว้ ในความทรงจําไม่มีวันลืม
เนื้อสดๆ ขาวๆ อวบอูมตลอดจนตุ่มไต ส่วนยื่น ส่วนเว้า
เนินเนื้อ ไรขน กระดูกอ่อนๆ แววตาวาวหวาน มันผ่านเลนส์กล้อง
เข้ามาในสายตา แล้วเลยเข้าไปพิมพ์ผนึกไว้ในความทรงจํา


วัยที่กําลังบานและบูม เนื้อที่เพิ่งผ่านมือเดียวและมื้อเดียว
มันขยายเปล่งประกายสาวออกมาโดยธรรมชาติ แม้จะอยู่ในความ
หวาดกลัว แต่เนื้อสาวคาวจัดไม่ได้กลัวไปด้วย มันสวยไปหมด
ไม่ว่าจะยิงด้วยกล้องในมุมไหน
คนนะ...ไม่ใช่รูปปั้นจากอิฐหินดินทราย ทุกชัตเตอร์ที่ยิงออกไป
นอกจากจะดึงเอาภาพงามๆ ของเด็กสาวเข้ามาไว้ในฟิล์ม
มันยังเข้ามาอยู่ในความคิดของเฉยโฉด

เขาวางบทให้กับตนเองเหมือนกับทําไปโดยเสียมิได้ เขาเอาความ
สงสารเข้ามาไว้ในดวงตาและใบหน้า เฉยโฉดผ่านโลกเฉพาะเพศ
ตรงข้ามมาไม่ใช่น้อย  เขารู้ยามนี้ลูกเนียงกําลังต้องการผู้ช่วยเหลือ
ผู้เห็นใจ

ฉะนั้น บางครั้งกําบังมีท่าที่ฮึดฮัดทําท่าจะล่วงล้ำเข้าไปในตัว
ของเด็กสาวเพราะทนไม่ไหว เฉยโฉดจึงกําราบเอาด้วยคําพูด
และท่าทีจริงจัง ซึ่งแต่ละคํามันบอกว่าหากกําบังไม่เชื่อก็ต้องลอง
กันหน่อยละ กําบังเองก็วัดดูแล้ว ตัวไม่มีทางเทียบกับคนที่
ลายตองเรียกอาเฉยได้  เพราะเนื้อของแกมันแข็งยังกับเหล็ก
แต่เนื้อตัวเองมันเริ่มจะออกฉุๆ  และฟ่าม ไม่แน่นในเหมือนเนื้อของอาเฉย
กําบังจึงไม่กล้าขัดขืน ต้องยอมแสดงเพียงแค่แอคชั่นในแบบ
การถ่ายภาพนิ่งซึ่งแสนจะทรมานจิตใจเหลือหลาย เรื่องพรรณนี้
มันลืมได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่ ยิ่งได้มาเสียดสี ได้กลิ่นหอมคาวเนื้อ
แต่ไม่มีโอกาสได้บด กําบังจึงคลั่งแทบบ้า...

ระหว่างการถ่ายทํา ลูกเนียงรู้สึกหวาดกลัวเกลียดชังกําบังกับลายตอง
จิตใจอันหยาบช้าของคนทั้งสองแสดงออกมาให้เห็น นึกไม่ถึงว่าคนที่ตน
ไว้เนื้อเชื่อใจอย่างลายตองจะทํากับตนได้ลงคอ และยิ่งต้องมาแอคชั่น
ในท่าต่างๆ กับคนอย่างกําบังซึ่งรู้แล้วว่ามันหลอกเข้าไปอัดฉีดในตัวตน
เมื่อหนก่อนยิ่งเพิ่มความเกลียดชังมากขึ้น แต่ความหวาดกลัว
น้ำกรดที่เห็นกับตาตอนที่ลายตองมันราดลงบนเศษผ้าร้อนไหม้
เป็นควันขึ้นมาทันตามีมากกว่า จึงจําต้องยอมไปหมดทุกท่าทาง
ที่ออกมาเป็นคําสั่ง

แต่ในสภาพของการจํายอมต้องรับความทรมาน ทางจิตใจเช่นนี้
เด็กสาวมีความรู้สึกเหมือนว่าคนที่เห็นอกเห็นใจ มีความสงสาร
ในสภาพที่ตนเองได้รับการขู่เข็ญนั้นมีอยู่ คืออาเฉย
การแสดงออกของอาเฉยบางครั้งเหมือนกับว่าต้องจําใจจํายอม
เพราะอะไรบางอย่าง และพยายามกีดกันเท่าที่จะสามารถทําได้
หลายครั้งที่สบสายตา มันมีแววของความเห็นอกเห็นใจ
ความสงสารซ่อนเร้นอยู่ในนั้น
เป็นแววตาที่บอกให้รู้ว่ายังไม่สิ้นหวังเสียเลย

บางคมของคนมันคมจนแทบไม่คิดว่านี่คือคน

เฉยโฉดเป็นคนมีคม แต่เป็นคมความคิดที่มิจฉา

อ่อนความคมบริสุทธิ์ความคิดอย่างลูกเนียง หรือ จะมีทาง
ลู่คมความคิดของเฉยโฉดได้

เฉยโฉดชักใยด้วยสายตาวาจาท่าทีของเขาไปเรื่อยๆ คนอย่างเขา
มีความคิดพอจะอ่านความรู้สึกของเด็กสาวได้ไม่ยากเย็น ตอนนี้
ลูกเนียงเหมือนคนลอยอยู่กลางน้ำ แม้แต่ซากของหมาเน่า
ก็ต้องเกาะเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองให้รอดจากการจมน้ำตาย

ขณะกําบังออกไปหาความตาย

ลายตองเปิดโอกาสหลบหน้าตามแผนการของเฉยโฉดที่ร่างเอาไว้

เป็นคืนที่มืดสนิทแสงไฟไม่กี่แรงเทียนในห้องถูกความมืด
ช่วยขับดันให้กระจ่าง

เหมือนเนื้อเด็กสาวขาวด้วยสีของผ้าถุงสีดํากระโจมอก
เพียงผืนเดียวขับให้ขาวผ่อง

เฉยโฉดเริ่มต้นเกมโหดของเขาด้วยความนุ่มนวลของคําพูด
มันเป็นคําพูดของความกะล่อน ที่กลั่นกรองไว้แล้วเป็นอย่างดี

"อาสงสารหนูเหลือเกิน แต่อาก็ไม่รู้จะทํายังไงได้
แต่อาก็พยายามช่วยหนูเท่าที่จะช่วยได้ อย่างที่หนูเห็นนั่นแหละ"

เขาวางลอบวางไซหาทางต้อนเด็กสาวเข้ามุม สายตาจับสองไหล่อวบ
ต้นคอ ไหปลาร้าและ หน้าอกมาจนถึงต้นขาขาวเรียวยาวไปจรดปลายเท้า

ลูกเนียงสะอื้นออกมาเบาๆ ความรู้สึกเชื่อครึ่ง ไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็เหมือน
ได้ฟังนักให้หวยอ้างตัวเลขนักเล่นกลขายอภินิหารพระเครื่อง
มีแนวโน้มที่จะคล้อยตาม เพราะการพูดมีหลักเกณฑ์น่าเชื่อถือ

เฉยโฉดแกล้งทําเป็นถอนใจหนักๆ เหมือนพลอยอัดอั้นตันใจ
ไปกับเด็กสาว แต่ใจจริงแล้วมันอยู่ที่หน้าอกชูชันดันเนื้อผ้า
เป็นเนื้อหน้าอกที่ตนเห็นมาก่อน แม้มันจะซ่อนอยู่ในร่มผ้า
ก็ยังตระหง่านติดตา มันติดตาไปหมดตลอดจนสะโพก
เนินเนื้อหน้าขา หน้าท้อง ทุกกระเบียดเติบอิ่มด้วยรอยยิ้มเนื้อสาว

เขาได้เตรียมลับเอาไว้แล้วอย่างคมกริบ ทั้งคารมและคมเนื้อ
พร้อมที่จะเชือดเฉือนเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน

ในเนื้อของเด็กสาวมีทอง เขาจะต้องขุดมันออกมา เหมือนอย่าง
ที่เขาเคยขุดเอามาจากใครต่อใครหลายคน เขาเป็นคนมีโชค
ในเรื่องเพศตรงข้าม แม้รูปร่างจะไม่ติดตา แต่วาจาเล่ห์เหลี่ยม
ความแข็งแกร่ง การปรนเปรออันยอดเยี่ยม ทําให้เขาเคยเป็น
หนูตกถังข้าวสารมาแล้วแต่หนุ่มๆ หากเขาเป็นคนโชคร้าย
ในด้านการพนัน มันผลาญเขาหมดทุกๆอย่าง จนกระทั่งอายุ
มากเข้าต้องกลายเป็นคนเฝ้าโกดังเศษเหล็ก ให้กับเถ้าแก่
ที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาบ้าง

ครั้นลายตองเอาเหยื่ออย่างเด็กสาวมาให้ สันดานโฉดอย่างเขา
ก็มองเห็นลู่ทางทะลุปรุโปร่งไปหมด...
เขามองเห็นทองเนื้อในของเด็กสาว

"หนาวมั้ย" เขาถามเบาๆ เหมือนเฒ่าผู้มีความเมตตาเป็นพื้นฐาน
เด็กสาวส่ายหน้าสายตามองไปที่หน้าต่างซึ่งมีลูกกรงเหล็กเส้นกลมๆ
ข้างนอกไฟค่อนข้างสว่างแต่ก็มองฝ่าความมืด
ไปได้ไม่ไกลนัก

"หิวมั้ย"  เขาถามด้วยน้ำเสียงอย่างเดิมมือแตะ ที่ต้นแขนเบาๆ
กระแสอุ่นของเลือดผ่านเข้ามาทางปลายนิ้ว

แต่กระแสจิต ที่เขาส่งออกไปมันเป็นความเมตตาปรารถนาดี
เขาไม่ได้มีอํานาจจิต ไม่มีเวทมนตร์ อาถรรพณ์
แต่เป็นจิตวิทยาเล็กๆ น้อยของการเริ่มต้นด้วยการห่วงใยอาทร
เหมือนรอยยิ้มที่ส่งให้กันด้วยไมตรี แม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
แต่ก็เกิดผลไม่มากก็น้อย ใครเล่าจะไม่รับรอยยิ้มที่ยื่นมาให้
เฉพาะอย่างยิ่งเด็กสาวที่เหมือนอยู่ในความมืดมน อย่างลูกเนียง
ไงก็ดีกว่ามองไม่เห็นความเป็นมนุษย์มนาจากใครสักคนในยามคับขัน
ไม่รู้ชะตากรรมของตนในยามนี้

ลูกเนียงเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้าเนื้อตัวของเขาดูจะหนาดก
ไปด้วยขนดําแกมขาวไรๆ  คางสี่เหลี่ยม จมูกโด่งเป็นสัน
กลีบจับตรงหางตา ใบหน้าเขาดูเรียบเฉย ดวงตาบอกความเป็นมิตร
และยิ้มเห็นฟันสีขาว แขนขาข้อลําล่ำสันบอกความแข็งแกร่ง
แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เป็นเครื่องกีดขวางไมตรีจากเขา เพราะเด็กสาวกําลังหิวจริงๆ

ชะรอยเขาจะอ่านความรู้สึกของเด็กสาวออก จึงพูด "มีแอปเปิ้ล
และก็บะหมี่ลวกน้ำร้อนเดี๋ยวเดียวกินได้เลย รอก่อนนะ"

เขาออกไปจัดการติดเตาแก๊สแบบปิกนิกที่อยู่หน้าห้อง เสียงเขา
ทําอะไรกุกกักๆ อยู่พักหนึ่งก็กลับเข้ามาพร้อมกับชามบะหมี่
กําลังร้อนๆ อย่างที่เขาบอกและแอปเปิ้ลสีแดงคล้ำอีกสองผล

ความหิวทําให้เด็กสาวเห็นความสําคัญของเขา

หลังจากลูกเนียงจัดการกับหมี่ลวกหมดไปแล้ว เขาปอกและตัดแอปเปิ้ล
ออกเป็นชิ้นๆ พอคําให้อีกมันกรอบหวานอร่อยไม่ว่าอะไรในยามหิว
และคนที่ช่วยให้หายหิวจะเป็นใครก็ตาม อดที่จะขอบใจ
ในเจตนาดีของเขาเสียมิได้

เขาลุกออกไปและกลับเข้ามาด้วยเหยือกน้ำเย็น มันเป็นน้ำฝน
ลูกเนียงรู้สึกสดชื่นและสิ่งสําคัญคือ ค่อยเบาใจนึกสังหรณ์ว่าตน
จะต้องปลอดภัยเพราะเขาแน่ๆ โดยหารู้ไม่ว่ากําลังจะตกเป็นเหยื่อ
ของคนอย่างเฉยโฉด เขาไม่ใช่นักจิตวิทยา แต่ก็เหมือนนักพูดที่
ขายของเล่นกล รู้การปล่อยจังหวะ การดึงคนให้รวมกลุ่ม
เพื่อขายสินค้าของเขา

"ไม่หนาวเลยเรอะ" เขามองดูเนื้อขาวๆ ในผ้าถุงเก่าๆ สีดําด้วยใจอกุศล
"ไม่หนาวเท่าไร" ลูกเนียงตอบตามความจริง เพราะห้องเล็กๆ
เพดานสังกะสีต่ำๆ ตลอดจนเศษเหล็กภายนอกคายความร้อน
ที่อมเอาไว้เมื่อตอนได้แสงแดดเวลากลางวันเอาไว้ออกมาเรื่อยๆ
กว่าจะหมดพิษสง ก็คงจะเป็นตอนน้ำค้างลงนั้นแหละ

"หนูท่าจะไม่ค่อยสบาย ปากคอซีดไปหมด" เขาถือโอกาสพิศ
ดูหน้าของเด็กสาวอย่างเต็มตา
"หนู..หนูไม่เป็นอะไร"เด็กสาวตอบเสียงสะอื้นเมื่อมีคนถามอย่างเอาใจใส่
"เป็นไข้หรือเปล่า" เขาใช้หลังมืออังที่หน้าผากและที่แก้ม
ของลูกเนียง
"เปล่าค่ะ"
"จริงสิ ตัวไม่ร้อน"
"แต่หนู...หนูปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว" เด็กสาวบอกเหมือนจะฟ้อง
ซึ่งมันก็ต้องเป็นเช่นนั้น เพราะตลอดเวลาของการถ่ายภาพมันยกแข้ง
ยกขากว่าจะได้มุมได้ที่มันเสียเวลาไม่ใช่น้อย แต่ละท่าเนื้อตัวถูกมือ
ของเจ้ากําบังมันจับ แม้จะเป็นภาพนิ่ง แต่ก็บีบแน่นเหมือนคีมจับ
มันจึงพานให้ปวดเมื่อยไปหมด

เฉยโฉดไม่นึกเหมือนกันว่าเด็กสาวจะหลงเข้า มาในกับดักง่ายๆ อย่างงี้

"อาจะนวดให้เอามั้ย"

เฉยโฉดจับข้อมือของเด็กสาวกดตรงชีพจร เบาๆ และค่อยๆ เน้น
ลูกเนียงทําท่าจะดึงมือออก แต่สัมผัสที่เขาบีบกดเบาๆ มันเป็น
ความปรารถนาดี จึงเกิดความไว้วางใจ เฉพาะวัยที่แตกต่างกันเช่นนี้
เขาเหมือนผู้ใหญ่ที่มีแต่ความปรานี สิ่งสําคัญคือลูกเนียงพอมองเห็น
ช่องทาง มีเหตุผลที่จะพูดกับเขาให้พาเธอพ้นไปจากที่นี่
พากลับไปส่งบ้านโดยปลอดภัย... ไม่รู้ว่าอยู่ต่อไปอะไรจะเกิดขึ้นกับตน
เธอจึงปล่อยมือให้เขากดบีบไปเบาๆ เรื่อยๆ

เฉยโฉดพลิกมือของเด็กสาวคว่ำ ใช้นิ้วกดบนหลังมือ ส่วนหัวแม่มือ
สอดลงใต้กดแถวๆ กลางอุ้งมือ มันเป็นจุดเชิญชวน เป็นเครื่องหมาย
ชวนร่วมเพศ แต่เด็กสาวไม่เข้าใจ เฉยโฉดก็รู้ว่าลูกเนียงไม่รู้เรื่อง
แต่มันก็เป็นจุดหนึ่งที่เรียกความรู้สึกเริ่มต้น

เขาเน้นอยู่ที่มือของเด็กสาวครู่หนึ่งจึงไต่ขึ้นมา ตามท่อนแขน
สองกล้ามตรงท่อนแขนถูกสองมือของเขาเน้นคลึง
ก่อนจะเลยขึ้นมาถึงสองไหล่

เพียงแค่ผ้าถุงเก่าๆ ผืนเดียวเท่านั้นกั้นระหว่าง เนื้อเหล็กกับเนื้อนุ่ม
มันจะครนาอะไร แต่เฉยโฉดก็ฉลาดพอที่จะไม่เร่งรัด

เขาคลึงตรงช่วงไหล่และใช้สองหัวแม่มือไต่ขึ้นไปกดตรงเส้น
ข้างต้นคอคลึงขึ้นไปจนถึงหลังใบหู
"หนักไปไหม" เขาถามถึงน้ำหนักมือที่กดด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ค่ะ" เด็กสาวหลับตามพริ้มตอบ
"เบาไปมั้ย"
"กําลังดีแล้วค่ะ"

เขาคลึงอยู่อย่างงั้นครู่หนึ่งจึงจับร่างของเด็กสาว ให้หันหลังให้เขา
ใช้สองหัวแม่มือกดตรงกล้ามเนื้อสองข้างกระดูกสันหลังจากต้นคอ
เนิบๆ   ช้าๆ   ลงมาถึงชายกระเบนเหน็บแล้วกลับขึ้นมาที่เดิม
วนไปวนมาอยู่เช่นนั้นแผ่นหลังของเด็กสาวที่อยู่ในผ้าถุงขาว
เต็มแผ่กว้าง ต่อจากนั้นเขาใช้อุ้งมือคลึงไปจนทั่วแผ่นหลังวนไปวนมา

มันเป็นสัมผัสที่ให้ความแปลก และดูจะเริ่มบทแรกอันพิลึกขึ้นมา
ในความรู้สึกของลูกเนียง เด็กสาวเคยโดนมือกําบังมาแล้ว
แต่มันหนักหน่วงรุนแรงไม่แผ่วเบา ผ่อนคลายความปวดเมื่อย
เหมือนเช่นนี้ และมันเหมือนมีพลังเสียดสีที่เรียกร้อง...เลือดในตัว
มันเริ่มอุ่นนิดๆ เกิดคิดอายซ่านเมื่อนึกได้ว่าเขาเห็นหมดทุกส่วนมาแล้ว

"หนูนอนคว่ำลงสี อาจะนวดขาให้ หนูจะได้เบาเนื้อเบาตัวสบายกว่านี้"

เด็กสาวลังเล..ผ้าถุงผืนนี้หรือก็ดูจะเล็กเสียเหลือเกิน..ไม่ทันจะบอกอะไร
ก็ถูกมือของเขาค่อยๆ จับร่างของเธอให้นอนคว่ำลง มือของเขา
ดูนุ่มเบาและอ่อนโยน ลูกเนียงจึงตามใจเขาแต่ไม่วายใช้
สองมือช่วยจัดชายผ้าถุงที่โคนขาให้แนบชิด

เฉยโฉดมองดูที่ท่อนขาขาวเต็ม..แค่ถลกผ้าถุงเลิกขึ้นไปนิดเดียว
เท่านั้นจะมีอะไรเหลือ

แต่เขาก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่ามันยังไม่ถึงเวลา

สองหัวแม่มือของเขาจึงคลึงสองฝ่าเท้าของเด็กสาวเบาๆ อันเป็นศูนย์
รวมของร่างกาย แล้วจึงเลื่อนขึ้นมาที่น่องขาวแน่น กล้ามเนื้อน่องของเด็กสาว
แน่นจริงๆ เขาใช้หัวแม่มือแข็งๆ รีดเนื้อกล้ามจากปลายเท้า
ขึ้นมาจนถึงขาพับ ทําให้ชายผ้าถุงเลิกขึ้นไปสูงเล็กน้อย
แล้วรีดกลับลงมา
ความหวาดกลัวของเด็กสาวหายไปกลายเป็นความรู้สึก
ที่ซ่อนลึกของธรรมชาติเริ่มไหวตัวเบาๆ

เด็กสาวดึงสองมือที่กุมหน้าอกตนเองขึ้นมาปิดหน้าทั้งๆที่นอนคว่ำอยู่

ลูกเนียงรู้สึกว่าเขาผละจากเธอไปครู่หนึ่งกลับมา คราวนี้รู้สึกว่ามือ
ของเขาร้อนและเหนียวไปด้วยน้ำมัน มันเป็นน้ำมันหม่อง เขาทาให้
ตามข้อเท้า เอ็นร้อยหวาย ตามน่อง ข้อพับ ทาไปนวดไปคลึงไปกระทั่ง..
เด็กสาวเผลอตัวยกสองขาหลังขึ้นงอเมื่อมือที่ร้อน ด้วยน้ำมันหม่อง
ของเขาสอดเลยขาพับขึ้นมาแถวๆ โคนขา...

เด็กสาวรู้สึกว่าชายผ้าถุงถูกชะเวิกเลิกออกไปมาก แต่ปากเหมือน
โดนอะไรมาปิดไม่กล้าเอ่ยห้าม เพราะสิ่งที่เขากําลังทําอยู่เดี๋ยวนี้
เป็นการกระทําที่เด็กสาวคิดว่ามีเจตนาดี เจตนาช่วยให้พ้นความปวดเมื่อย

มือของเขาคลึงแถวๆ โคนขา..ลูกเนียงรู้สึกถึงความร้อนมันเลย
เรื่อยขึ้นจนสองแก้มสะโพกบีบคลึงราวกับจะขยายความแข็งแน่น
ของมันให้คลี่คลายออกเพื่อบันเทาความปวดเมื่อย

ลูกเนียงเจอเข้าไม้นี้ถึงกับถอนใจออกมาหนักๆ

สองแก้มสะโพกก็ดูเหมือนจะผายออกมารับมือของเขา...เขาคลึงมัน
ค่อนข้างจะหนัก เพราะเนื้อส่วนนั้นมันมาก ต่อจากนั้นจึงสอดเข้ามา
ตรงชายกระเบนเหน็บ ใช้สองหัวแม่มือกดเอาไว้ มันเป็นจุดเรียกร้อง
และกระตุ้น

ลูกเนียงเคยผ่านมือกําบังมาแล้ว มันไม่มีความอ่อนโยนนุ่มนวลเหมือนมือ
ของเขา มันไม่ใช่ความใจง่าย แต่เป็นหัวใจที่เชื่อคนง่าย และยิ่งเชื่อ
มากขึ้นไปอีกเมื่อได้ยินเสียงของเขา

"หนูอยากกลับบ้านมั้ย"

"อยากค่ะ หนูอยากกลับบ้าน" เด็กสาวจึงรีบบอกอย่างละล่ำละลัก
น้ำตาพานไหลซึมออกมาอีก

"หนูรู้มั้ย  ตอนนี้คุณพ่อไม่สบาย คุณพ่ออยากพบหนู"
"หนูอยากไปหาพ่อ"

เด็กสาวพลิกตัวหันหน้ามาหาเขาโดยไม่รู้ว่าการทําเช่นนี้
เท่ากับเร่งให้เขาลงมือจัดการกับตนเร็วขึ้น นึกอย่างเดียว
อยากกลับบ้าน กลับไปหาพ่อ และเกิดความไว้วางใจเขาขึ้นมา


"หนูรู้มั้ย ที่ลายตองเขาทํากับหนูอย่างงี้เพราะ โดนไอ้กําบังมันบังคับ
ถ้าไม่ทํามันจะฆ่าทิ้งเสียลายตองจึงต้องแสดงละครให้สมจริงสมจัง"

เขาพูดตาก็มองเนิบหน้าอก หน้าท้อง และหน้าขา
พลางใช้มือเริ่มบีบนวดตรงข้อเท้าของเด็กสาวเบาๆ

"นั่นสิ   ความจริงลายตองกับหนูก็ไม่มีอะไรกัน เขาไม่น่าทําอย่างนี้"

"เพราะเขาถูกบังคับ ตอนนี้เขากําลังจะหาทางเล่นงานมันอยู่
อาจะเป็นคนจัดการกับมันเองแล้วอากับลายตองจะพาหนูกลับไปบ้าน
ไปหาพ่อหนู"   เขาไต่มือขึ้นมาถึงเนื้อหน้าขาใช้สองหัวแม่มือ
กดเส้นตรงหน้าขาเพื่อสกัดเลือดให้หยุดเดินเวลาปล่อยจะได้รู้สึกร้อน

"จริงเหรอคะ"     เด็กสาวยกมือขึ้นกอดอก เหมือนจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า
ก้อนเนื้อมันพุ่งออกไปหาสายตาเขามากเหลือเกิน

"อาจะเป็นคนพาหนูไปส่งบ้านเอง ลายตองก็จะไปด้วย ยังไงเสีย
เราต้องไปกันก่อนพรุ่งนี้เช้าดีมั้ย"
"ค่ะ   ดีค่ะ" เด็กสาวรีบรับคํา
"เพราะถ้าไม่ไปก่อนพรุ่งนี้  มันก็จะเอาหนูไป..."
"ไปไหนค่ะ"
"ทีแรกเขาต้องการเรียกค่าไถ่จากพ่อหนู  แต่ตอนนี้พ่อของหนูป่วย
ไม่สามารถติดต่ออะไรได้" เขาแกล้งทําเสียงให้ฟังดูเศร้าสลด
"พ่อเป็นอะไรคะ"
"หนูกลับไปบ้านแล้วก็จะรู้เอง ตอนนี้อารู้แต่ ว่า..."  เขาปล่อยนิ้วมือ
ออกจากหน้าขาทําให้เด็กสาว รู้สึกร้อนวูบไปจนจรดปลายเท้า
"รู้อะไรคะ"   ลูกเนียงสนใจคําพูดอันมีความหมายของเขามากกว่า
มือของเขาที่กดลงบนหน้าท้องของตน ซึ่งมันกลายเป็นการช่วยเหลือ
ผ่อนคลายในแบบหมอนวดไปเสียแล้ว
"เขาไม่เอาหนูไว้หรอก"
"เขาจะทําไมหนู"   เด็กสาวถามด้วยความตกใจ
"ไอ้กําบังมันกําลังไปติดต่ออยู่"
"ติดต่อใครคะ"
"ติดต่อคนมารับซื้อหนูน่ะซี"
"เขาจะเอาหนูไปไหน" น้ำตาพานไหลออกมา อีกขณะที่มือของเฉยโฉด
คลึงต่ำลงไปเกือบถึงหัวเหน่า มันวนเวียนอยู่ต่ำกว่าสะดือเล็กน้อย
"เขาจะเอาหนูไปขายซ่อง"
"ซ่อง"   ลูกเนียงก็งงๆ  เหมือนกันเพิ่งได้ยินคํานี้เป็นครั้งแรก
"หนูไม่รู้จักหรอกเรอะ"   เขาเลื่อนมือไปลูบ ตามหน้าขาเบาๆ
คราวนี้ไม่ใช่เป็นการนวดแต่เป็นการลูบไล้เรียกความรู้สึก
"ไม่รู้หรอกค่ะ"  ลูกเนียงพูดไปตามความจริง
เพราะบริสุทธิ์จนไม่รู้ว่าซ่องหมายถึงอะไร 
"ซ่องหาเงิน"
"ซ่องหาเงิน"   เด็กสาวทวนคํา
"ใช่ หนูรู้จักคําว่าโสเภณี  ผู้หญิงขายตัวไหม  ซ่องนั่นแหละ
เป็นที่ขายตัวของผู้หญิงพวกนี้"

คราวนี้ลูกเนียงก็เกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ยกสองมือปิดหน้า
ปล่อยโฮออกมาทันที เผยให้เห็นซอกรักแร้ขาวสะอาดทั้งสองข้าง
และหน้าอกกระเพื่อม...ลูกเนียงเข้าใจความหมายถึงการเอาไปขาย
ในซ่องดีแล้ว...ถ้ามันเป็นเช่นนั้น...เด็กสาวยิ่งไห้หนักเข้าโดยไม่มี
ความรู้สึกถึงมือสองข้างที่ลูบไล้สองขาเลยแม้แต่น้อย
ตรงข้ามมันกลับเรียกความรู้สึกของเฉยโฉด...
จนไอ้โฉดของเขาออกมาโชติช่วง

"หนูไม่ต้องร้องไห้ นิ่งเสียเถอะ" เขาเอื้อมมือขึ้นมากดแถวๆ หน้าท้อง
ของเด็กสาวเบาๆ รู้สึกถึงความแข็งคล้ายกับเป็นดาน แต่มันเป็นความแข็ง
โดยธรรมชาติ ถ้าจะนวดกันแบบแผนโบราณจริงความแข็งขนาดนี้ต้อง
คุกเข่าใช้สองมือกดพร้อมกับปล่อยน้ำหนักตัวลงไปด้วยจึงจะคลาย
ความแข็งของดานออกได้ แต่แข็งแบบนั้น มันเป็นความแข็ง
เกิดจากความสมบรูณ์

"อาต้องช่วยหนูนะ อาอย่าให้เขาเอาหนูไปขาย.. นะ"
เด็กสาวใช้หลังมือป้ายน้ำตา
"ทําใจดีๆ อายังอยู่ อาจะไม่ยอมให้เขาทํากับ หนูอย่างงั้นหรอก
อาตกลงกับลายตองแล้ว ต้องพาหนูกลับไปบ้านให้ได้"

มือเขาคลึงหน้าท้องค่อนข้างแรง ลมหายใจเขาระบายออกมาหนักๆ
"อาจะไม่ยอมให้เขาทํากับหนูอย่างงั้นเด็กขาด" เขาบีบบี้เนื้อหน้าท้อง
เหมือนจะหยิกเบาๆ "แต่ว่า..."
"แต่ว่าอะไรคะ" เสียงของลูกเนียงค่อยหายสะอื้น

สองมือของเขาเลื่อนไปมาตามหน้าท้องทําให้ผ้าที่กระโจมอกขมวด
เอาไว้ค่อยๆ เลื่อนลุ่ยลงมาจนเด็กสาวรู้สึกตัวรีบคว้าชายผ้ามาขมวด
เอาไว้...เขาเปลี่ยนสองมือไปลู่แถวๆ สีข้างของเด็กสาวไปมาเบาๆ
มือจับผ้าขยุ้มเอาไว้ ปลายผ้าที่เด็กสาวขมวด จึงไม่เข้าที่มันเผยให้
เห็นฐานเนื้อเต้าสีขาวแย้มออกมา เปล่งตัดกับสีผ้าดำเก่าๆ

เด็กสาวพยายามรวบชายเอาไว้แม้จะไม่มิดชิดก็ยังดีกว่าปล่อย
ให้หลุดออกไปขาวเว่อ

เขาหยุดมือทั้งสองมองดูหน้าอกในร่มผ้า เมื่อตอนถ่ายภาพ
ได้เห็นมาหมดแล้วแต่ไม่ได้สัมผัสอย่างช่ำมือ แต่คราวนี้..อีกไม่นาน..
"แต่ว่าอะไรคะ"   ลูกเนียงย้ำให้เขาบอกความจริงออกมา และไม่ได้
รู้สึกถึงความผิดแปลกในแววตา กรามที่ขบแน่นของเขา
ใจมัวพะวักพะวนกับถ้อยคํา ความหมายของเขามากกว่า

"ถ้า...ถ้าหากว่า...อาพาหนูกลับไปบ้าน หนูจะให้อะไรอา"

"หนูจะบอกพ่อ ขอเงินพ่อ ให้ตามที่ต้องการ อาจะเอาเท่าไรก็ได้"
เด็กสาวรีบบอก
"หนูจะให้เท่าไร"
"อาจะเอาเท่าไร" เด็กสาวเอียงคอมองหน้าเขา เล็กน้อย
"หมื่นหนึ่ง แสนหนึ่ง ล้านหนึ่ง" ลูกเนียง พูดอย่างคนไม่รู้คุณค่าของเงิน
วัยของเธอยังไม่มีสิทธิ์เพียงนั้น

"แสนหนึ่ง ล้านหนึ่งหรือสองล้าน ไม่มีความ หมายสําหรับอา"
ความคิดโฉดของเฉยเริ่มเข้าเป้าหมาย

"แล้วอาต้องการอะไร"

เฉยโฉดเปลี่ยนมือจากหน้าท้องมาลูบแก้มอิ่มแดงเรื่อๆ ของเด็กสาว
พราวน้ำตายังเกาะอยู่

"อะไรเล่าที่มันมีค่ามากกว่าเงิน"

เสียงของเฉยโฉตแตกพร่า...
เลือดในตัววิ่งกันไปร่วมคั่งกันอยู่ที่ฉมวกชายโฉด

เด็กสาวพยายามห่อไหล่เข้าหากันเมื่อมือของเขาเลื่อนมาคลึง
ตรงรักแร้และส้นมืออยู่ที่ฐานเต้า ซึ่งพลัดออกมานอกผ้าเป็น...
เป็นสัมผัสที่เคยผ่าน...เหมือนเตือนความจําย้ำความรู้สึก...


Darkreader

ลูกเนียง น่าจะรู้แล้วว่าต้องเจออะไร หวังว่ามันคงไม่รุนแรง ตอกย้ำฝันร้ายนะ

peddo

#2
ตั้งชื่อได้ตรงใจมาก เฉยโฉด ตัวโหดกว่ากำบังมาแล้ว ว่าแค่ ลีลาจะโหดเหมือนโกรธใครมารึเปล่า อยากให้ลูกเนียงได้มีความสุขกับเซกส์บ้าง เดี๋ยวจะสติแตกแบบอิ่มไปเสียอีกคน
ตัดจบได้ดีมากเลยครับ คนอ่านต้องคอยอ่านอย่างใจจดใจจ่อแน่

cdx

จะว่าไปแล้ว เฉยโฉดขั่วนี่ละ คือพระเอก

sunnie06


1819

#5
ถ้าเปรียบ กำบังคือสัตว์ ก็คงเป็นเหมือนพวก  หมีควาย ใช้แต่กำลังเข้าพุ่งเข้าตะปป เหยื่อ แต่ อาเฉย คงเปรียบเป็นจิ้งจอกเฒ่า หรือ  ไฮยี่น่า จะไม่จู่โจมตรงๆ แต่มีลูกล่อลูกชนทำให้เหยื่อตายใจสับสน แต่ อย่างน้อยเหยื่อไม่ลูกเนียงก็คงไม่โดนรุนแรง เพราะลีลาเฉย มันต้องให่เหยื่อ มีความสุขไปด้วย
   ลายต้องก็ไม่ต่างกับอสรพิษ อาฆาตรุนแรง   แววรัตน์รอดจากไอ้บังแล้ว แต่ชะตะกรรมยังไม่แน่นอน  ไอ้บังก็ไม่รู้จะตายจริงไหม  ยิ่งเป็นประเภท ใช้แรงด้วย  ไม่รู้ว่า เจ้า กิโล7จะเช็คงานได้ รอบครอบหรือเปล่า
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

swss2511