ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_Monchai-S

มลทินดอกไม้-ตอนที่51

เริ่มโดย Monchai-S, ธันวาคม 05, 2021, 10:35:19 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Monchai-S



มลทินดอกไม้-ตอนที่51



             ธรรมชาติสร้างผัสสะมาให้มนุษย์ส่งให้จิตปรุงแต่ง
จุดที่รับการกระทบมีอยู่ ด้วยกันหกจุด


บัดนี้ ผัสสะทั้งหกจุดของเฉยโฉดและลูกเนียงได้ทําหน้าที่ส่งป้อนให้จิต
ปรุงแต่งโดยสมบูรณ์


ผัสสะที่ผ่านเข้ามาในดวงตาของเอยโฉดคือร่างอันอวบขาว ใบหน้ากิริยา
ที่ยังเยาว์หมาดๆ หน้าอกเหมือนเป็นเนื้อลาดลงมาจนถึงหน้าท้องกิ่วจนถึง
ฉนวนเนื้อทองลูกบวบ จะหารอยตําหนิไฝ่ฝีขี้แมลงวันสักนิดหนึ่งก็ไม่มี
วัยที่ฮอร์โมนกําลังอัดแน่นทั้งของเจ้าตัวและของตนระบายอัดเข้าไปช่วย
ให้เกิดความงามอิ่มเอิบ เป็นช่วงซึ่งพร้อมที่จะให้และพร้อมที่จะรับ
เฉพาะกลีบเนื้อทองลูกบวบ เนื้อนอกขาวสะอาด รําไรด้วยเส้นสาวบางๆ
เหมือนขนจากผลชมพู่ผลอ่อนๆ ส่วนกลีบเนื้อในนั้นแดงจัดจ้าน
ละไมด้วยความสด ราวกับเลือดในกายทั้งหมดจะมารวมกันอยู่ตรงนั้น
เพียงจุดเดียว...ผัสสะที่เข้ามากระทบทางดวงตาเหล่านี้ส่งไปให้จิต
ของเฉยปรุงแต่งจนเนื้อเหล็กของตนพองพลังขมวดตัวแน่น

ส่วนผัสสะที่ผ่านเข้ามาทางดวงตาของลูกเนียง แม้รูปร่างหน้าตา
ของเฉยโฉดจะไม่เป็นที่น่าพิสมัย แต่เจ้าเนื้อเหล็กหน้าขาของเขา
มันคล้ำแข็งใบหน้าแดงก่ำด้วยเลือดคั่ง มันแข็งราวกับมีธาตุเหล็ก
อยู่ภายในไม่ค่อยยุบง่ายๆ ผ่านจากลําตัวของมัน ข้างล่าง
เป็นพุ่มเป็นพวงคู่คอยถ่วงเหนี่ยวรั้ง แม้สีสันมันจะคราคร่ำไปตามอายุขัย
ด้อยในการรักษาความสะอาด และตรากตรํางานมามาก แต่มันสามารถ
ส่งกระแสสื่อเข้ามาให้จิตใจของตนเพริกไปกับมันได้อย่างปรีดา
ภาษากายของมันส่งออกมาได้อย่างสวยงาม...ผัสสะเหล่านี้จึงผ่าน
จากดวงตาส่งเข้าไปให้จิตปรุงแต่งจนขาดพินิจพิจารณาถึง
รูปร่างหน้าตาและวัย

ผัสสะที่เข้ามาทางหูของเฉยโฉด เสียงลมหายใจ เสียงครางกระอึกกระอัก
เมื่อเขาปล่อยเนื้อเหล็กลงไป ในลําคอหรือเนินเนื้อทอง เป็นเสียงที่ร้อง
ออกมาโดยขาดการควบคุม มันออกมาเองด้วยธรรมชาติ ไม่ใช่มายา
ยิ่งเสียงเสียดสีระหว่างฉ่ำชื้นแฉะด้วยแล้ว  ยิ่งเกิดการปรุงแต่ง
และเร่งแรงมากขึ้น

ส่วนลูกเนียงก็เช่นกัน ลมหายใจของเขาค่อนข้างแรง เสียงเนื้อบดเนื้อ
เสียงปลายลิ้นดูดรสหวาน จากรวงผึ้ง ปลายเต้า ริมฝีปาก เป็นเสียงที่แสน
จะไพเราะยิ่งกว่าได้ฟังท่วงทํานองเพลงแสนเสนาะใดๆ ทั้งสิ้น

ผัสสะที่เข้ามาทางจมูกของเฉยโฉด เป็นกลิ่นเนื้อใหม่ คาวเลือดคาวเนื้อ
แรงจัด คาวน้ำราวกับคาวปลานึ่งใหม่ๆ ลมหายใจหอมเหมือนยอดตอง
อ่อนๆ ที่เอามาขยี้แล้วสูดคม

ส่วนลูกเนียงผัสสะเช่นนี้เหมือนกลิ่นเนื้อไม้ตากแห้ง อยู่กลางแดด
กลางฝนปะปนกันไปหมด เป็นไม้เนื้อดีหอมระเหยอยู่กลางดิน

ส่วนผัสสะที่ผ่านเข้ามาทางลิ้น สําหรับเฉยโฉด มันเป็นรสน้ำข้าว
จากหม้อดินเพิ่งดงลงมาใหม่ๆ มีรสเค็มผสมเกลืออยู่นิดๆ
สําหรับลูกเนียงมันมีรสเค็มปะแล่มๆ

ยิ่งผัสสะที่ผ่านมาทางกายด้วยแล้ว การเสียดสีของปาก ของมือ
ของเนื้อต่อเนื้อ และศูนย์กลาง ของลําตัวสอดเข้าไปลึก มันเป็นผัสสะ
อันยอดเยี่ยม เป็นแรงกระทบกระทั่งเสียดสีให้เกิดไฟ ไฟราคะ
ไฟเพื่อเผาไหม้อารมณ์ที่เก็บกด ไฟที่ทําให้เกิดความสว่าง
มันให้ความอิ่มอันสดชื่น

เหล่านี้มันเข้ามาทาง ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ส่งไปให้จิตใต้สํานึก
ปรุงแต่ง หลงติด

ความต้องการทางเพศของมนุษย์ผ่านเข้ามาทางผัสสะเหล่านี้ มนุษย์จึง
คิดค้นหาทางกระตุ้นเร้ากันมานาน

ทางธรรมนั้นถือว่าเป็นของไม่ดีไม่งามต้องพยายามหาทางกําจัดออกไป
ให้พ้น แต่ทางโลกถือว่าเป็นความต้องการทางร่างกายและจิตใจ
เป็นสิ่งจําเป็นจะต้องพยายามรักษามันเอาไว้ ลึกลงไปคือเพื่อมิ
ให้เกิดการสูญพันธุ์ เป็นการสร้างความสมดุลทางธรรมชาติเอาไว้

ตัดกลับมาที่เฉยโฉดและลูกเนียง...

ทั้งสองโต้ตอบสอบถามกันด้วยภาษากายในรูป 69

ลูกเนียงนั้นไม่มีอะไรอีกแล้ว..เธอสารภาพกับเขาจนหมดสิ้น
และเริ่มรู้จักใช้ภาษากายของกามออกมางดงาม ตัวเฉยโฉดเองก็
มีภาษากามสื่อออกมาได้อย่างมีรสชาติ สารในตัวของเขามันมีมาก
และรู้จักวิธีสื่อออกมาอย่างสวยหรู

ทุกคนมีสารมีสื่อ มีภาษาของกาม แต่การวางคําสละสลวยนั้นมันผิดกัน

ลูกเนียงระทวยทึ่งในการใช้ภาษากามของ เฉยโฉด...

ด้วยเหตุผลแล้ว เป็นเพราะเด็กสาวจัดอยู่ในขั้นมือไม่ถึง
ตามไม่ทันคนมากกว่า และตัวเฉยเองก็เพิ่งได้พบชนิดเนื้อติดดาว
เด็กเริ่มสาว คาวเนื้อหอมและในวัยที่ต่างกัน ดังนั้น มีสูตรอยู่เท่าไร
เฉยเอาออกมาปรุงให้ลูกเนียงจนหมด

เฉพาะยางฝิ่นสีดําที่เขาแอบทาเนื้อเหล็กป้อนให้เนื้อทองของเด็กสาว
เสพ ขนหางม้าที่ผูกใต้คางเนื้อเหล็ก มันตัวประกอบก็จริง แต่เป็นตัวประกอบ
ที่มีความหมาย หัวใจของเด็กสาวซึ่งเปราะบางอยู่แล้วจึงพานแตกเอาง่ายๆ


สายจัดตะวันจ้า ทิวข้าวในนาเปล่งสีเขียวในตัวออกมารับแสง ทิวข้าวกล้า
แผ่กระจายไปเต็มเนื้อที่ แต่ละแปลงซึ่งทําเป็นคันดินกั้นเอาไว้

นกตัวเล็กๆ เหมือนจะหลงทางบินหยอยๆ ไปตามยอดกล้า
นานๆ ยอดกล้าจะพลิ้วปลายเอนลู่ไปตามลมโชยเป็นระลอกเหมือน
คลื่นม้วนตัวเป็นเกลียวกลิ้งไปโดยไร้ทิศทางสุดแต่ลมจะนําไป

ลูกเนียงลงไปลอยคออยู่ในน้ำกลางสระด้วยเนื้อตัวเปล่าเปลือย
เย็นฉ่ำทั้งกายและใจ สัมผัสของเฉยโฉดเกาะติดแน่นอยู่ในความรู้สึก

จะได้พบกับเหตุการณ์อย่างเมื่อคืนเกือบทั้งคืน อีกไหมหนอ

ในรูปธรรมนั้นเขาหาความงามไม่ได้ แต่ในนามธรรมนั้นเขางาม
เหลือล้น
แต่คิดไปแล้วก็อดใจหายมิได้ ตนจะต้องจากเขาไปแล้วในวันนี้...
โอกาสอย่างเมื่อคืน จากย่ำค่ำยันย่ำรุ่ง ประกายราคะถูกจุดติดต่อเนื่อง
เทียนดอกแล้วดอกเล่า จุดต่อสืบแสงไฟไม่ขาดสาย แสงมันริบหรี่ลงไป
ช่วงหนึ่งเมื่อใกล้สาง เผลอผล็อยม่อยหลับกันไปทั้งสอง เขารู้สึกตัวขึ้นมา
ก็เริ่มจุดขึ้นมาใหม่ พลกามของเขามีอยู่ตลอดเวลา มันอัดแน่นอยู่ในเนื้อเหล็ก
ซึ่งเขาใช้มันเข้ามาขุดคุ้ย ปลุกเร้า เหนี่ยวรั้งดึงเอาสิ่งที่หลบซ่อนในตัว
ของเธอออกมา เลือดของเขาแต่ละครั้งที่ฉีดออกมามันเพิ่มพลัง
เพิ่มความหวัง และหลายต่อหลายอย่างซึ่งยากจะบอกได้ให้กับเธอ...

เขาช่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เนื้อเหล็กของเขาก็กลับเป็นเหมือนแม่แรง
มันดูดให้เธอโลดลิ่วติดปายเนื้อของเขาไปไหนต่อไหน เขาสูบเอาเลือด
เนื้อ เอาวิญญาณเข้ามาให้ และขณะเดียวกัน ก็สูบเอาเลือดเนื้อของ
เธอออกไปพร้อมกับวิญญาณ ต่างฝ่าย..ต่างแลกให้กันอย่างคุ้มค่า


แรงอัดฉีดของเขาราวกับสายน้ำทะลักออกจากท่อที่หลุดตรงรอยต่อ
มันออกแรงเข้าไปอุ่นโชกอยู่ในเนื้อหน้าท้อง หลามไหลเข้าไปจนถึง
หัวใจ กลายเป็นกลิ่นไอออกมาทางลมหายใจหอมไม่รู้หาย

นึกแล้วยังอดแปลกใจไม่ได้ ไฉนรองพลจึงไม่ทํากับตนเช่นนี้บ้าง
ทั้งๆ ที่ตนก็เคยแสดงท่าที่เปิดโอกาสให้ หากเป็นรองพลทํา เขาจะ
ทําได้อย่างอาเฉยคนนี้ไหมหนอ..

ลูกเนียงขึ้นจากน้ำด้วยผ้าถุงกระโจมอกผืนเดิม มันเก่า มันยู่ยี่ มันมีกลิ่น
ก็คงจะเหมือนกับลูกเนียงในขณะนี้

อาเฉยบอกว่าออกไปตลาดเพื่อหาอะไรมาให้กินก่อนจะพากลับไปส่ง
บ้านและต้องรอลายตองอีกด้วย อดคิดไม่ได้ว่าลายตองคนนี้มีอะไร
หลายอย่างที่น่าเกรงขาม แม่ตายก็ไม่มีใครนอกจากลายตองคอยดูแล
เอาใจใส่ และลายตองอีกน่ะแหละชักนําให้ลงไปโดนเจ้ากําบังมันขย้ำ
เอาจนกระทั่งมาถึงอาเฉย

ทีแรกก็ไม่นึกว่าลายตองจะใจร้ายกับตนถึงเพียงนี้ ขู่เข็ญบังคับให้ตน
แก้ผ้าถ่ายรูปสารพัดท่ากับเจ้ากําบัง มารู้ภายหลังทั้งหมดเป็นเพราะ
ลายตองโดนบังคับจากปากของอาเฉย

ก็คงจะจริงอย่างอาเฉยบอก เพราะดูเจ้ากําบัง มันโหดร้ายเหลือหลาย
และเมื่ออาเฉยยืนยันแล้วจะไม่เชื่อได้อย่างไร ในเมื่อเดี๋ยวนี้เด็กสาว
เหมือนคนโง่ ด้วยราคะครอบงําเอาเสียจนอยู่มือเขาเสียแล้ว

ลูกเนียงมองดูใบหน้าและรูปร่างของตนเองในกระจกเงาบานใหญ่
กระจกมันร้าวแตกเป็นเส้นๆ มองเห็นใบหน้าของตนเองอิ่มไปด้วย
เลือดฝาด ริมฝีปากหนาขึ้นกว่าเดิม แววตามีประกายใสด้วยน้ำหล่อเลี้ยง

ลูกเนียงสลัดใบหน้าจนเส้นผมไสวน้ำเกาะปลายเส้นผมกระเซ็น
ก่อนจะค่อยๆ ลดชายผ้าถุงที่ขมวดปมกระโจมอกลงมาเผยให้เห็นสองเต้า
แม้กระจกมันจะร้าว แต่สองเต้าไม่ได้ร้าวไปด้วย มันเต็มขึ้นมาประกาศ
ตัวเองด้วยความอิ่ม มันอิ่มเพราะโดนกระตุ้น เคล้นเกล้า สองมือ สองชาย
คนแรกนั้นมันผิดกว่าคนหลัง แต่คนนี้..เด็กสาวลองส่ายหน้าอกของตนเองไปมา
เต้าเริ่มเคลื่อนไหวน้อยๆ ย้อยปลายลงมานิดๆ ไม่เกาะติดเนื้อแจ
เหมือนแต่ก่อน มันเป็นด่านหน้าของการตั้งรับเพศตรงข้ามก่อนเข้าตี
แต่ปลายของมันยังแดงจัดแผ่เป็นวงกลมเหมือนตะวันทรงกลด
บนฐานสีขาวเหมือนเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีรอยช้ำ

เด็กสาวค่อยๆ ถอชายผ้าต่ำลงมาอีก..สองจิต สองใจ...ในที่สุดก็ปล่อย
มันไป จากหน้าท้องเนื้อขาวเว่อต่ำลงไป..กลีบเนื้อทองอูมขึ้นมา
เผยอแย้มรอยแยกเป็นสีชมพูอ่อนๆ มันไม่ขมวดม้วนกลีบเข้าหากันเหมือน
แต่ก่อน มีไรขนเท่านั้นที่ยังอ่อนเกินไปจึงไม่เห็นรอยกระจุย

มโนภาพเห็นเนื้อเหล็กของอาเฉยแล้วลูกเนียง..ถึงกับถอนใจเฮือก
เมื่อนึกถึงตอนโดนลุย

คิดไปคิดมาก็หันเข้าหาความคิดเดิม..รองพลจะทําได้เช่นนี้ไหมหนอ
อดเปรียบเทียบเนื้อเหล็กของอาเฉยกับรองพลไม่ได้ ไม่เคยเห็นของรองพล
ก็จริง แต่ดูรูปร่างความสุภาพอ่อนโยนของเขา มันคงจะไม่เหมือนกับของ
อาเฉยแน่ๆ ผิดกันราวกับแมนลูกทุ่ง และแมนลูกกรุง

นึกถึงตรงนี้ก็ให้รู้สึกจี๊ดจ๊าดที่ต้อยปลายเต้าและลามมาถึงกลีบเนื้อ
ในเนื้อทองลูกบวบ

ธรรมชาติของมนุษย์...

สิ่งที่ต้องการคือบํารุงสรีระ ให้เกิดความแข็งแรงและสวยงาม นอกจาก
อาหารแล้ว ราคะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องเสพให้อิ่มเอมในยามต้องการ
มันเป็นตัวพลังเร่งเร้าตัวหนึ่ง ให้มนุษย์เรามีความหวัง ความคิดแจ่มใส
ช่วยให้คิดสร้างสรรค์ เฉยโฉดได้ให้สิ่งนี้มาแล้วกับลูกเนียงเขานาบเนื้อ
คายคาว ถ่ายเท ให้เด็กสาวสมความปรารถนา

สิ่งต่อมาคือความปลอดภัย มั่นคง แน่ใจ ซึ่งเฉยโฉดมีให้เด็กสาวด้วย
ความแยบยล ซ่อนเร้น ความฉ้อฉลเอาไว้ก็จริง แต่ลูกเนียง
แน่ใจว่าตนอยู่ในมือของเขามีความปลอดภัย อบอุ่น ไม่เจ็บปวด
หาความปลอดภัยไม่ได้เหมือนอยู่ในมือของเจ้ากําบัง ซึ่งมันสับเอาแต่ใจ
มันเป็นการทําร้าย ไม่ใช่ทําด้วยความห่วงใย อาทรถามไถ่ถึงความ
เจ็บปวดเหมือนอย่างอาเฉย

ต่อมาคือความรัก แม้จะเป็นวัยที่แตกต่าง แต่อากัปกิริยาของอาเฉย
แสดงออกถึงความรักตลอด เวลาที่เข้ามาดิ้นพล่านอยู่บนตัวและในตัว
บางครั้ง เมื่อเขาเผลอไผลรุนแรง ก็จะเปลี่ยนแปลงเป็นปลอบประโลม
ด้วยรักสุดห่วงใย

การเป็นผู้ได้รับการยอมรับนับถือ มีผู้เห็นความสําคัญของตน สิ่งนี้
แม้เฉยโฉดจะไม่มีให้โดยตรง แต่ก็มีให้ทางอ้อมด้วยชั้นเชิงสุดเล่ห์
เขาพร่ำพรรณนาถึงความงาม ผิวพรรณ เนื้อหนังอันสมบูรณ์ของเด็กสาว
และเกียรติสกุลของเด็กสาวสารพัดที่จะเยินยอ และเขาทําให้เธอ
เผลอไผลหวามหวิวไปกับจังหวะจะโคนได้อย่างยอดเยี่ยม
เหมือนจะซ่อนความยอมรับนับถือเธอเอาไว้ด้วย

สุดท้ายคือมนุษย์มีความปรารถนาอยาก แสดงออก ลูกเนียงได้มี
โอกาสแสดงออกอย่างเต็มที่ ราวกับเขาเป็นฝ่ายประคองเธอให้ออกไป
พลิ้วลิ่วๆ อยู่กลางฟลอร์ เธอได้ย่างเยื้อง สอดรับจังหวะหน้าขาขยับ
ขับเคลื่อนไปตามความต้องการที่จะแสดงออก แสดงความสามารถ
ในการสนองรับ ซึ่งคิดว่ามีเฉพาะตัวเท่านั้นที่ทําได้ดี

ห้าประการเหล่านี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ต้องการ
แผนชั่วของเฉยโฉดจึงสัมฤทธิผลโดยใช้กามประยุกต์กับสิ่งที่มนุษย์ต้องการ

เฉพาะอย่างยิ่ง ลูกเนียงไม่รู้สีรู้สาว่าเนื้อทองลูกบวบของตนได้เสพยางฝิ่น
สีดําเข้าไปเต็มปากเต็มคํา มันเข้าไปชโลมเซลล์ให้รู้สึกระยิบระยับชอบกล
มันไม่มีตัวตนให้มองเห็น แต่รู้สึก...

ไม่นานลายตองกับอาเฉยก็กลับมาถึง ทั้งสองหอบข้าวของกันมาพะรุงพะรัง
พอวางของลงจากมือจนหมดสิ่งแรกที่ลายตองทํา คือบีบน้ำตาออกมา
ไหลพรากพร่ำรำพันสารภาพความผิด ฟูมฟายขอโทษขอโพยและ
เท้าความไปถึงความเลวทรามของเจ้ากําบังที่มันบังคับให้ตนเองต้องทํา
ตามคําสั่งของมันสารพัด ถ้าหากไม่ยอมทําตาม

"คุณดูสิคะ"   ลายตองเลิกผ้าถุงให้เห็นโคนขา มีรอยแผลโดนน้ำกรด
น่าเสียวไส้   "คุณเห็นมั้ยมันทํากับลายตองถึงขนาดนี้ ทีแรกตองปฏิเสธ
ไม่ยอมทําตามคําสั่งของมัน มันเลยเอาน้ำกรดสาดที่หน้าขาก่อน ถ้ายัง
ขืนปฏิเสธอีกคราวต่อไป"

ลายตองทําเป็นปิดหน้าร่ำไห้ออกมายิ่งกว่าเก่าราวกับนักแสดงผู้ช่ำชอง
ซึ่งความจริงแล้วมันเป็นการลงทุนไม่ใช่น้อยเหมือนกัน ลายตองทน
เจ็บปวดเอาน้ำกรดหยดลงไปบนเนื้อท่อนขาของตนเองเพื่อให้ดูสมจริง
ยิ่งขึ้น และก็ได้ผลเพราะอาเฉยได้ปูพื้น กรุยทางเอาไว้ก่อนแล้ว ลูกเนียง
เลยพลอยร้องไห้ไปกับความเจ็บปวดที่เธอเข้าใจว่าลายตองได้รับจาก
เจ้ากําบัง

"คราวต่อไป" ลายตองย้ำ  "มันจะราด ราดให้ตองหมดโอกาส
ได้มีลูกมีผัวกับเขาไปชั่วชีวิตเลย ค่ะ"   ลายตองร้องไห้สะอึกสะอื้น   
"คุณรู้จากอาเฉย แล้วใช่มั้ย" ลายตองหันมาทางเฉยโฉดที่แสร้งทํา
เป็นยืนหน้าสลดอยู่

"อาบอกคุณแกหมดแล้ว" เฉยโฉดสอดรับ
"ใช่ อาเฉยเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว ฉันเข้าใจดี"
"คุณไม่โกรธตองใช่มั้ยคะ"  ลายตองเอื้อมมือ มาจับมือเด็กสาวไปกุมไว้
"ฉันเห็นใจตอง   คนเราถ้าไม่จําเป็นจริงๆ ไม่ยอมจํานนง่ายๆ หรอก"
"ขอบคุณค่ะคุณหนู"
"แล้วเดี๋ยวนี้เขาไปไหน"   ลูกเนียงพูดพร้อมกับมองไปรอบๆ
ราวกับหวาดผวาว่ากําบังจะมาแอบได้ยินหรืออยู่ที่ไหนสักแห่ง

โชคดีมีเท่าไรโชคร้ายก็มีเท่านั้น ความจริงมันมีอยู่เท่ากัน แต่คนเรา
ส่วนมากมองเพียงด้านเดียวชาวไร่ที่ถือเคียวอยู่กลางนากับนักธุรกิจ
ที่ถือปากกาอยู่ในห้องแอร์ต่างก็มีโชคร้ายโชคคีเท่าเทียมกัน ไม่ใช่
คนถือปากกาจะมีโชคดีกว่าคนถือเคียวอยู่ในนา จริงอยู่คนถือปากกา
มีความเป็นอยู่ดี แต่ทุกเวลานาทีมีแต่ความหวาดระแวง แต่ละก้าวที่ย่าง
ออกไปเหมือนจะมีขวากมีหนามวางดัก คอยเล่นงาน คนถือเคียวแม้
จะมีความเป็นอยู่ไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้มีชีวิตอยู่ในความหวาดระแวง
ทุกก้าวสามารถปล่อยตีนเปล่าๆ ลงบนพื้นโดยไม่ต้องกลัวขวากหนาม

ยิ่งสวมรองเท้าราคาแพงเท่าไรทุกก้าวที่ย่างออกไปต้องระแวงมากเท่านั้น
แม้ลูกเนียงจะโชคร้ายที่ตกมาอยู่ในมือของ เฉยโฉด แต่ก็โชคดีได้รับ
ความอิ่มเอมจากกามรสที่เฉยโฉดป้อนให้

และคราวนี้โชคดีนําหน้ามาก่อนโชคร้ายและมันบังเอิญลงล็อคจริงๆ

ลายตองเหลียวซ้ายแลขวาเหมือนจะให้แน่ใจว่า ไม่มีคนอื่นแปลกปลอมเข้ามา
"คุณ..คุณอย่าไปบอกใครนะ" ถึงจะไม่กระซิบกระซาบแต่ก็ทําบทบาท
หน้าตาราวกับมันเป็นความลับอันสุดยอด
"บอกเรื่องอะไร"
"มันตายแล้ว"
"ใครตาย"   ลูกเนียงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินลายตองพูดเกี่ยวกับความตาย
มันช่างเป็นเรื่องน่ากลัวเสียจริงๆ แค่ได้ยินชื่อมันก็หวาดวิตกเสียแล้ว
"ไอ้บังน่ะสิ" ลายตองพูดเหมือนกําชัยชนะเอาไว้ในมือ
"กําบังตายแล้วเหรอ"
"ตายแล้ว"
"เป็นอะไร"
ลายตองทําเป็นมองดูอาเอยซึ่งเจ้าตัวแกล้งทํา ไม่รู้ไม่ชี้หยิบเอาข้าวสาร
ใส่หม้อเดินออกไปข้างนอก
"เป็นเพราะความระยําของมันน่ะสิ มันถึงได้ตาย"
"ตายเมื่อไหร่"
"เมื่อคืนนี้เอง"
"ทําไมตองรู้ล่ะ"
ลายตองเดินไปที่ตะกร้าหยิบเอาหนังสือพิมพ์ รายวันซึ่งออกในตอนเช้า
มาส่งให้ลูกเนียง
"พบศพชายโดนเชือดคออย่างทารุณในที่จัดสรร กลางทุ่ง"
เป็นพาดหัวหนังสือพิมพ์ ลูกเนียงเลื่อนสายตา มาที่ภาพ..
ไม่ต้องพินิจพิจารณากันมาก แค่เห็นเธอก็จําได้ว่าคนที่นอนตายอยู่นั้น
คือกําบัง แม้จะเป็นภาพขาวดํา เลือดที่ออกมาจากคอเป็นสีดํา
แต่ก็ทะลักออก มามากมายเหลือเกิน
"เขา..เขาถูกฆ่า"
"ก็ใช่นะสิ"
"ใคร..ใครฆ่าเขา"
ลายตองทําเป็นมองออกไปข้างนอกที่อาเฉยซึ่งกําลังซาวข้าวอยู่
"เขาบอกคุณแล้วใช่มั้ย เขาจะจัดการกับมันเอง เขาไม่ต้องลงมือ
ทําเองหรอก เขามีพรรคพวกเพื่อนฝูงมากมาย พออาศัยไหว้วานกันได้"

ลายตองอดกระหยิ่มไม่ได้เรื่องมันช่างมาลงตัวกันเข้าพอดิบพอดี
ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากําบังโดนใครฆ่า แต่เมื่อมันเกิดตายขึ้นมา
ก็ต้องสวมรอยเอาความดีเข้าตัวไว้ก่อนเพื่อวันหน้า
ต่อจากนั้นความชั่วจริงบ้างหรือไม่จริงเสียเป็นส่วนมาก
ก็ถูกโยนให้กับกําบังจนหมด

คนชั่วก็มีจิตวิทยาของความชั่ว มีการพูดจาโน้มน้าวให้เกิดความเชื่อได้ง่ายๆ

อาชีพตกทอง เอาทองเก้มาแลกทองดี มันมีมาหลายสิบปีแล้ว
สื่อมวลชนก็ออกข่าวมาให้อ่านพบเสมอ แต่ปัจจุบันก็ยังมีคนเอา
มาหากินกันได้ เพราะคนพวกนี้มีการพูดจาหว่านล้อมเหมือนกับมี
การเรียนสําเร็จมาทางนี้โดยเฉพาะ

ลูกเนียงจึงหลงเชื่อลายตองทุกถ้อยกระทงความ เกิดศรัทธาในตัวอาเฉย
เพิ่มยิ่งขึ้น ที่เขาเจ็บร้อนแทนเธอถึงกับลงมือกับกําบังเช่นนี้

เฉยโฉดกลับเข้ามาจัดการกับหม้อข้าวขึ้นเตา ลายตองเข้าไปช่วยวุ่นวาย
อยู่กับพวก หมู ปลา ผัก

เด็กสาวนั่งมองดูคนทั้งสองสาละวนอยู่กับการทําอาหาร ดูเขาช่างคล่อง
แคล่วสอดคล้องกันไปทุกส่วน การแล่ปลา หั่นผัก หั่นเนื้อ เป็นหน้าที่ของ
อาเฉย การปรุงการผัดการต้มเป็นเรื่องของลายตอง พักเดียวกลิ่นหอม
ชวนกินก็โชยกลิ่นขึ้นมา ครั้นมันผ่านปากเข้าไปหาลิ้น ก็ได้รู้รสของ
ความอร่อย ประกอบด้วยความหิวและการใช้แรงมาเกือบตลอดคืน
ทําให้ลูกเนียงกินได้มากกว่าปกติ เป็นอาหารที่ถูกปาก..เหมือนกาม
ที่เฉยโฉดปรุงแต่งให้เธอกิน

หลังจากอิ่มแล้วลายต่องจึงสาธยายเรื่องของนายกองทุนให้ลูกเนียงรู้
และที่สําคัญก็คือลูกเนียงจะต้องทําเป็นว่าเพิ่งกลับมาจากเหนือ
โดยลายตองเป็นคนไปรับมาจากบ้านย่า หลังจากนัดแนะทําความ
เข้าใจเรียบร้อยแล้ว ลายตองก็แก้ห่อกระดาษเอาเสื้อผ้าที่เตรียมมาให้
ลูกเนียงและขอตัวออกไปข้างนอก เพื่อเรียกแท็กซี่

ก่อนไปลายตองยังปรายสายตามาทาง อาเฉยอย่างมีเลศนัย คนอย่าง
เฉยโฉดมีหรือ จะไม่รู้ซิกจากลายตองที่เปิดโอกาสให้ตนได้อยู่ตามลําพัง
สองต่อสองกับเด็กสาว...อีกครั้งหนึ่ง

จิตคิดอย่างไรชีวิตก็เป็นเช่นนั้น

ความงามของกามราคะเคลือบคลุมจิตใจของลูกเนียงจนขาดสติปัญญา
ที่จะคิดเห็นสิ่งใดผิดสิ่งใดถูก สิ่งเดียวที่เธอยึดมั่นถือมั่นคือสิ่งที่เฉยโฉด
ปรนปรันให้

"จะไปละเหรอ"

เฉยโฉดเอ่ยถาม เด็กสาวหันหน้ามาจากกระจกบานร้าว อิ่มพราวอยู่ในชุด
คนเมือง ซิ่นมีเชิงลายงาม เสื้อม่อฮ่อมตรงกลางระหว่างหน้าอกใช้ผ้าทํา
เป็นเชือกผูก ดันให้เห็นอกอวบ แขนเสื้อถูกพับม้วนขึ้นไปสูงเห็นท่อนแขน
ขาวกลึง ผมถูกเกล้าขึ้นไปสูงไม่ค่อยเรียบร้อยนักแต่ก็ดูน่ารักไม่จืด
เสื้อผ้าลายตองเป็นคนเตรียมมาให้เพื่อจะได้สมเหตุผลว่าขึ้นไปรับตัว
มาจากบ้านย่าที่ลําปางจริงๆ

เด็กสาวจึงขาวสวยไปอีกแบบ สวยเหมือนสาวชาวบ้านเชิงดอยอยู่ใน
บ้านหลังคามุงด้วยตองตึงหอม เมี่ยงเคล้าสะล้อซึงและไอลมหนาว
ไม่สวยเหมือนสาวเหนือที่เข้ามาอยู่ในห้องแอร์ที่โดนรีดเอาเลือดเนื้อ
ออกไปทุกวันทุกคืน เพราะอาชีพขายเนื้อสดเป็นส่วนมาก พวกนี้จะขาว
ซีดๆ อยู่ไปนานๆ ย้ายสถานที่ลดราคาลงไปเรื่อยๆ ยิ่งขาวซีดเหมือนศพ
ที่เพิ่งสิ้นลมหายใจไปไม่นาน

ย่าเป็นคนลําปางอยู่แล้วเมื่อได้ยินเฉยโฉดถาม ลูกเนียงจึงตอบออกมา
ด้วยสําเนียงสาวเหนือแม้จะไม่ชัดเจนนักก็ยังมีเค้าสําเนียงอยู่บ้างดัง
"เจ้า..."   พลางหัวเราะทั้งปากและดวงตาส่งมาล้อเลียนท้าทาย...
ความกล้าเริ่มมีมากขึ้น

"เมื่อไหร่เราจะได้พบกันอีก" เฉยโฉด ไม่พลอยสนุกไปกับเสียงหัวเราะ
และท่าทีท้าทายของ เด็กสาว

ได้ยินคําพูดเช่นนี้ใบหน้าและแววตาของลูกเนียงพลันเปลี่ยนไปทันที

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีความรักอันชาบซึ้งเหมือนหนุ่มสาว แต่ตัวกาม
มันเป็นสื่อ เป็นสากล ตอนที่เขาปรนเปรอ ความต่างวัยไม่ปรากฏ
มันผสมกลมกลืนราวกับสีแก่กับสีอ่อน เขียนออกมาเป็นภาพอันงดงาม
ในนามธรรม


ตาวาวของเฉยโฉดมองไปทั่วเนื้อตัวของเด็กสาว ผิวขาวสดถูกตัดด้วย
สีน้ำเงินเข้ม ร่างของลูกเนียงเหมือนเครื่องดนตรีชิ้นเยี่ยม ซึ่งเล่นมาแล้ว
ทั้งคืน เป็นเครื่องมือที่มีเสียงเพราะปานแก้ว สลักลายเงางา อันสวยงาม
ควรหรือ...จะไม่เล่นอีก เป็นเพลงสุดท้าย...ก่อนเลิกรา


peddo

รอบก่อน ล่อไปสามตอน บทส่วท้ายอาเฉยจะเอาอีกสักกี่ตอนหนอ ทองลูกบวบคงจะรับงานหนักจนกลายเป็นลูกฟ้กแล้วมั๊ง

Darkreader

เก็บทุกเม็ด จนนาทีสุดท้ายแบบนี้ ลูกเนียงไม่น่าจะไปไหนรอด

cdx

ก็เข้าใจว่านี่คือเรื่องเขียนเมื่อ30ปีก่อน/หากเป็นเรื่องเขียนในยุคนี้ ลูกเนียนคงครางเรียกตาเฉยว่า ผัวจ๋าแล้ว/

rinrin

จะเรียก ntr ได้มั้ยเนี้ย พระนางยังไม่แต่งกันเลย โดนสอนซะเป็นงานแล้ว

1819

ลูกเนียงโดนจัดไปทั้งคืนแบบนี้     เปอร์เซ็นท้อง มีสูงนะเนี่ย ยสตน ทั้งคืน        และถ้าท้องจริง ละก็งามไส้เลย   ว่าแต่กำบัง ตายแล้ว ตายโคตร ง่าย      เมื่อไหร่ จะถึงคราว ลายตอง เฉยโฉด นะ  
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

swss2511

มีเสียวสั่งลาแต่คงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย