ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_Monchai-S

มลทินดอกไม้-ตอนที่53

เริ่มโดย Monchai-S, ธันวาคม 06, 2021, 02:35:48 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

Monchai-S




มลทินดอกไม้-ตอนที่53




              เฉยโฉดสอดมือเข้าไปในม่อฮ่อมที่เด็กสาวเลื่อนมันลงมา
ปิดหน้าอก เขาบีบเคล้นสั่งเสีย ความตึงแน่นเบียดเต็มอยู่ในอุ้งมือจน
ไม่อยากจะปล่อย


ปากหนาของเฉยโฉดดูดปากอิ่มสีแดงสดทําราว กับว่าเนื้อตรงนั้น
มีอยู่เท่าไรจะกินให้หมด

เด็กสาวยกสองมือโอบรอบคอของเขาสนองตอบทุกอิริยาบถ
ที่เขาประทับทาบ
กระทั่งปมราคะที่ขมวดเอาไว้แน่น  เริ่มคลี่คลายออก
กลับเข้าที่หลบซ่อนของมัน

พอเฉยโฉดถอนตัวออก ลูกเนียงก็เอามือรวบชายผ้าถุงและเสื้อม่อฮ่อมให้เข้าที่
พลิกตัวคว่ำหน้าลงกับหมอนเส้นผมยุ่งสยาย..เสียงสะอื่นร่ำไห้ออก
มาเบาๆ ส่วนหลังเต็มหวั่นไหวเล็กน้อย

"หนูเป็นอะไรไป"
เฉยโฉดก้มตัวลงไปกระซิบถามเบาๆ   สองมือ..สอดเข้าไปในชายเสื้อ
ด้านหลังลูบไล้เนื้อเต็มไปมา และเลื่อนลงไปที่ฐานของเต้าซึ่งแลบออก
มาทางด้านข้าง
เด็กสาวส่ายหน้าเล็กน้อยไม่ยอมหันหน้ามาหา
"หนูร้องไห้ทําไม"
คําถามของเฉยโฉดกลับทําให้เด็กสาวร้องไห้ ออกมาอีก
เฉยโฉดจับร่างของเด็กสาวให้พลิกหงาย ลูกเนียงพยายามจะขัดขืน
แต่ไม่เป็นผลสําเร็จต้องพลิกตัวตามมือของเฉยโฉคจนได้
เด็กสาวยกสองแขนขึ้นปิดดวงตาแต่ก็ยังเห็น คราบน้ำตาออกมาชุ่ม

เฉยโฉดปลดสองมือของเด็กสาวออกจากดวงตา ลูกเนียงพยายามดึง
มือออกแต่เฉยโฉดจับเอาไว้แน่น
"หนูเป็นอะไรไป หนูเสียใจเรื่องอะไร"
เฉยโฉดมองเข้าไปในดวงตาของเด็กสาวซึ่ง เบือนหน้าหลบ
"ปล่อย...อาปล่อยมือหนูก่อน"
"ปล่อยแล้วหนูต้องบอกอานะ" เฉยโฉดปล่อย มือของเด็กสาว
ลูกเนียงยกสองแขนโอบรอบคอเฉยโฉดรั้งเข้ามาหาแล้วพูด
ด้วยเสียงแกมสะอื้น
"หนู...หนูคิดถึงอา"
หัวใจไม่ได้บงการให้พูด แต่สัมผัสที่สร้างความอิ่มเอม ราคะที่หลบซ่อน
อยู่ในตัวได้ออกมากินเหยื่อสมอยาก เลือดเนื้อของเฉยโฉดราวกับมีชีวิต
ชีวาเข้าไปอัดแน่นอยู่ในเนื้อหน้าท้อง   เยาว์วัยไม่รู้ว่าโดนวางยาด้วยฝิ่น
ขนหางม้าอ่อนใต้คางเจ้าเนื้อเหล็ก เหล่านี้ทําให้เด็กสาวพูดออกมา

เด็กสาวเหมือนอัปสรสวรรค์ในนิยายปรัมปรา ผู้มีความบริสุทธิ์ ลงมาเที่ยว
เกิดหลงอาถรรพณ์ในโลกมนุษย์จนไม่สามารถกลับไปสู่สวรรค์ได้

เหมือนคนจับนกปล่อยเอายาฝิ่นแช่น้ำให้นกกิน   คนซื้อไปปล่อย
ได้พบอิสระแล้วก็ยังต้องหวนกลับมาหากรงเดิมเพื่อกินน้ำผสมยาฝิ่น
ไปไม่พ้น

สิ่งที่เฉยโฉดอัดเข้าไว้ในกายและใจของเด็กสาว มันร้ายยิ่งกว่ายาเสพติด
แม้แต่คนเคยผ่านโลกมาโชกโชนโดนปรนเปรอด้วยกามยังหลงใหล
ชื่อเสียง เกียรติยศโดนทําลายป่นปี้ นับประสาอะไรกับคนผ่านโลก
มาน้อยอย่างลูกเนียง มาเจอเพลงยุทธกามชั้นครูของเฉยโฉดเข้า
มีหรือ...จะไม่หลงติด

"เราจะไม่ได้พบกันอีกจริงๆ หรือ"
เด็กสาวพูดเหมือนละเมอซึ่งความจริงประโยคนี้  เฉยโฉดเป็นฝ่ายถาม
มาแต่แรก คราวนี้กลับเป็นฝ่ายลูกเนียงถาม
"อาคิดว่า   โชคชะตาคงไม่ทํากับเราถึงขนาดนั้น"
เฉยโฉดค่อยๆ ปลดแขนของเด็กสาวออกจากคอลุกขึ้น หันไปหยิบกางเกง
ขาสั้นตัวเดิมมานุ่ง เจ้าเนื้อเหล็กของเขาไม่ขึ้นมาสําแดงอหังการเต็มที่
ก็จริง แต่มันก็ยังห่ามๆ อยู่

"เมื่อไหร่ล่ะ"
ลูกเนียงเอ่ยปากถามขณะที่ดวงตามองเจ้าเนื้อเหล็กของเขาหายเข้าไปในกางเกง
มันมีอาถรรพณ์ มันสะกดให้เด็กสาวลืมหมดทุกๆ อย่าง จําได้อย่างเดียว
คือใบหน้า รูปร่าง ลีลา ตลอดจนกระแสเลือดทะลักออกมาคลั่ก
มันเข้ามาอุ่นอยู่ในกลีบเนื้อทองในท้องเนื้ออ่อน...

และมีอะไรบางอย่างที่มันให้ความรู้สึกลึกๆ

"อาบอกหนูไม่ได้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ แต่อาเชื่อว่าเรา..
จะต้องได้พบกันอีกแน่ๆ "

เฉยโฉดใช้ปลายนิ้วเกลี่ยไกล่ที่ซอกหูของเด็ก สาวเบาๆ  ใจอยากจะขย้ำ
อีกสักครั้ง แต่ก็คิดว่าต่างฝ่ายต่างอิ่มแปล้ไปแล้ว ขยักเอาไว้ให้เด็กสาว
ถวิลหาไปก่อนดีกว่า

"ขออย่าให้โชคชะตา...แกล้งเราเลยนะ"
ลูกเนียงกอดเอวของเฉยโฉดจูบที่หน้าอกขนหนาของเขา
มือลูบเจ้าเนื้อเหล็กในเนื้อผ้าของเขาใจอยากจะหยุดเวลาเอาไว้แค่นี้
เพื่อจะได้อยู่ที่นี่กับเขาไปอีก

"อาคิดว่านอกจากโชคจะช่วยเราแล้ว เราต้องช่วยตัวเองด้วย"
"ถ้ากลับไปถึงบ้าน หนูคงไม่มีโอกาสหรอก"  ลูกเนียงพูดโดยไม่เงยหน้า
จากอกของเขาส่วนมือยังไม่ยอมปล่อยเจ้าเนื้อเหล็ก  ช่างเหมือนเด็ก
ได้พบของเล่นอันถูกใจไม่อยากปล่อยทิ้งไปง่ายๆ

"อาจะเป็นฝ่ายหาโอกาสเอง"
"หาได้เหรอ"
"ถ้าเราพยายามหามัน  จะต้องพบ"
"หนูจะช่วยอาหาด้วย"
"ช่วยได้รึ" มือเฉยโฉดสูบเส้นผมเด็กสาวเบาๆ
"หนูจะไม่ไปอังกฤษ"   ลูกเนียงพูดออกมาดามประสาความคิดของเด็กๆ

"แต่หนู..หนูคงจะต้องแต่งงานกับเขา"

ใบหน้าซื่อๆ คมสันของรองพลปรากฏขึ้นมาในมโนภาพ   เขาสุภาพ
อ่อนโยนกับเธอมาตลอด สุภาพกระทั่งไม่กล้าให้ความสุขกับเธออย่าง
ที่อาเฉยให้และถ้าหากถึงคราวที่เขาจะให้...เขาจะให้เธอได้เหมือนกับ
อาเฉยหรือเปล่า..เด็กสาวกลับมาคิดวกวนอย่างเดิม

"ถ้าหนูไม่แต่งงานกับเขาล่ะ"  เด็กสาวปล่อยมือจากเจ้าเนื้อเหล็ก
เงยหน้าขึ้นมองเฉยโฉด
"หนูจะทําเช่นนั้นไม่ได้หรอก   หนูจะต้องแต่งงานกับเขา ผู้ใหญ่ได้
จัดการหมั้นหมายเอาไว้แล้วแม้คุณพ่อของหนูจะเป็นอะไรไป 
ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้   เชื่ออาเถอะ แต่เราจะต้องได้พบกันแน่ๆ "
"หนูจะรอ คงไม่นานสินะ"
เด็กสาวลุกขึ้นเป็นฝ่ายโอบร่างเขาเอาไว้ ศูนย์กลางของเนื้อทองกับเนื้อเหล็กเผชิญหน้ากัน
ในระหว่างมีผ้ากั้นกลางก็จริง แต่มันให้ความรู้สึกเสียดสีผ่านเนื้อผ้า...

เฉยโฉดรู้ว่าเด็กสาวคิดอะไร  ม้าของเขานอกจากฝีเท้าจะยอดเยี่ยมแล้ว
ยังมียาอีกด้วย สารของยากําลังเข้าไปออกฤทธิ์ในเนื้ออ่อนๆ ของเด็กสาว
มันเข้าไปครอบงํามีอิทธิพลต่อกายและใจของเด็กสาว...

แต่ถึงแม้ลูกเนียงจะไม่มียาไม่มีฤทธิ์เดชอะไร   หากความเป็นสาว เนื้อหนังมังสา
ส่วนเกินที่ธรรมชาติให้มามันก็มีอิทธิพลต่อเขาไม่ใช่น้อย

เขาขยับจะเกลือกกลิ้งจ้าเนื้อเหล็กกับเนื่อทองของเด็กสาว แต่ว่า...

มีเสียงของลายตองกระแอมมาจากข้างนอก เบาๆ

"รถมาแล้วค่ะคุณหนู"

ลูกเนียงเผลอรู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาแวบหนึ่ง เหมือนเด็กๆ กําลังดูหนังเพลินๆ
หนังเกิดขาดเอาดื้อๆ แต่เป็นเพียงชั่วนิดเดียว ความเขินอายก็เข้ามาแทนที่
เด็กสาวผละออกจากร่างหนาของเฉยโฉดทําเหมือนไม่มีอะไรกัน แต่สายตา
นั้นบอกให้รู้ถึงความรู้สึกแสนเสียดายและอย่าลืมนัดหมายที่สัญญา

"หนูไปก่อนนะ" เด็กสาวยกมือไหว้เฉยโฉด
"ไปเถอะ   โชคดีนะ"  เฉยโฉดยกมือรับไหว้   "ฝากดูคุณหนูด้วยนะ"  เฉยโฉด
หันมาพูดยิ้มอย่างมีเลศนัยกับลายตอง

"อาไม่ต้องกลัวหรอกค่ะ  ลายตองค้อนสายตา ชําเลืองลงล่างซึ่งเจ้าเนื้อเหล็ก
ของเขายังมีร่องรอยกร่างอยู่ไม่หายไปง่ายๆ  ใจก็คิด ว่างๆ ท่าจะต้องแอบมาหา
อาเฉยเสียแล้ว   คนอะไรไม่รู้  อายุอานามขนาดเพื่อนรุ่นพ่อ แต่กําลังวังชา
เครื่องเครา ไม่รู้ไปขนเอามาจากไหน เจ้ากําบังขนาดบิ๊กแล้วยังไม่ติดฝุ่น
ไม่รู้เมื่อคืนนี้คุณลูกเนียงกินเข้าไปกี่คํา อ้ำเข้าไปกี่อึก

"ว่างๆ ก็มาเที่ยวบ้างนะ" เฉยโฉดพูดกับลายตองอย่างมีความหมาย
มันเป็นลูกสาวของเพื่อนซึ่ง เห็นมาตั้งแต่ตัวนิดๆ เดี๋ยวนี้มันเป็นสาว
แม้ดูท่าที่จะไม่สดเหมือนลูกเนียง แต่ถ้ามีโอกาสก็น่าจะเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
เจือจานให้กันและกันบ้างไม่เสียหายอะไร และแผนการที่คิดกันเอาไว้
จะต้องติดต่อกันไปอีกนาน ของพรรณนี้ยังไงเสียมันก็ต้องมีค่านายหน้า
ให้กับคนเดินเรื่องบ้างล่ะ
"จ้า" ลายตองตอบรับเสียงยานๆ   "ว่างๆ   ฉันจะมา"  พูดจบก็แลบลิ้น
ออกมาเล็กน้อยเป็นโค้ด

ออกมาข้างนอกห้องแสงแดดดูเหลืองอร่ามไปหมด  ลูกเนียงเริ่มรู้สึก
ขาอ่อนเล็กน้อยทําท่าเหมือนจะพับไม่ยอมยันพื้น  เพิ่งจะรู้สึกอ่อนระโหย
โรยแรงเมื่อเห็นแสงแดดจัด   เปลี้ยไปหมดทั้งเนื้อทั้งตัวราวกับนักโทษ
ทําความผิดอุกฉกรรจ์โดนขังเดี่ยวเพิ่งถูกปล่อย ให้ออกมาพบกับแสงแดด
ทําเอาเดินเกือบไม่ได้


ความคิดถึงการต้องจากอาเฉยมีส่วนทําให้ลูกเนียงเกิดอ่อนอกอ่อนใจ
ใจหายห่วงหา เมื่อไหร่เล่าจะมีโอกาสพบกันอย่างที่เขาบอก เรี่ยวแรง
แข้งขาเลยพานอ่อนไปหมด

แสงแดดยามสายจัดค่อนข้างแรงแทงเข้ามาจนนัยน์ตาพร่า จิตใต้สํานึก
รับเอาสิ่งที่เฉยโฉดฝังไว้แน่น ทั้งเนื้อ ทั้งยา ขนอ่อนๆ ของหางม้าโดย
ตนเองไม่รู้ประสีประสา
เด็กสาวเดินขาอ่อนเล็กน้อย จิตใจล่องลอยไปถึงสิ่งที่ฝังแฝง
มาสะดุ้งรู้สึกตัวเอาเมื่อได้ยินเสียงลายตองร้องออกมาอย่างตกใจ

"ว้าย..คุณหนู"

เด็กสาวหันมามองเห็นดวงตาของลายตอง เบิกกว้างคล้ายได้พบกับ
สิ่งผิดปกติที่ส่วนล่างของตนครั้นก้มลงมองหาก็ไม่เห็นมีอะไรที่ผิดแปลก
เสื้อและผ้าก็เป็นปกติดีทุกอย่าง
"อะไรรึตอง"   เด็กสาวเงยหน้าขึ้นถามลายตอง แล้วก้มหน้า
ลงมองที่เดิมอีกครั้ง
"ทําไมคุณไม่ดูให้เรียบร้อยเสียก่อน"   ลายตอง พูดเหมือนจะดุ
"ดูอะไร"
"ข้างหลังคุณน่ะซี"
"มีอะไร"  ลูกเนียงเอี้ยวตัวมองแต่ไม่เห็น  เอามือคลําตามเสื้อด้านหลัง
ก็ไม่มีอะไร
"ไม่ใช่ข้างบน  ข้างล่างค่ะ"
ลูกเนียงเอามือลูบตรงก้นด้านหลัง มือสัมผัสกับความชุ่มชื้นติดผ้าเป็นเมือก
ใบหน้าร้อนวูนวาบด้วยความอาย   ลูกเนียงหลบสายตาลายตองซึ่ง
มองอย่างรู้ทัน
นึกเจ็บใจตนเองไม่ตรวจดูให้เรียบร้อยเสียก่อน  อาเฉยก็น่าจะบอกกันบ้าง
แต่เขาคงจะไม่รู้เหมือนกับตนน่ะแหละ  คนอะไรไม่รู้เลือดเนื้อช่างมากมาย
เหลือเกิน  มากเสียจนกระทั่งหน้าท้องของตนเองรับเอาไว้ไม่หมด
ล้นออกมาเปื้อนผ้าให้ลายตองจับได้...ยิ่งคิดก็ยิ่งอายลายตอง

แต่ลายตองแกล้งทําเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ทําตัวเป็นผู้ปรนนิบัติเอาใจใส่เด็กสาว
เหมือนอย่างเดิม จัดแจงปลคชายผ้าหมุนเอาด้านหลังที่เป็นดวง
เมือกชุ่มกระจายคล้ายกับนั่งทับน้ำข้าวมาหยกๆ  ไว้ทางด้านหน้า
แล้วทบผ้าปิดทับขมวดชายเอาไว้กับเอวของเด็กสาวเหมือนเดิม ยังดีอยู่บ้าง
ที่ผ้านุ่งเป็นผ้าพื้นเมือง สีน้ำเงินแก่จึงไม่ออกมาชัดมากนัก
"ตอง..อย่าบอกใครนะ"   ลูกเนียงพูดอย่าง หวาดๆ
"ตองจะต้องไปบอกใครคะ  เรารู้กันอยู่แล้ว"
"เขา...เขาเป็นอาของตองเหรอ"
"เขาเป็นเพื่อนของพ่อ   ไม่ใช่อาใช่เอออะไร หรอก" ลายตองเอามือ
จัดเสื้อของลูกเนียงให้ดูเรียบร้อย
"เขาดีนะ"   ลูกเนียงพูดดวงตาเหม่อลอย
"ถ้าไม่ได้เขา   ป่านนี้ไม่รู้คุณจะเป็นอย่างไร" ลายตองฉวยโอกาส
"จริงสิ เขาดุมากมั้ย"
"ทําไมคุณหนูคิดว่าเขาดุล่ะ"
"ก็...ก็ก้าบัง..."
"เขาทําเพื่อคุณหนูต่างหากล่ะ"  ลายตองเอาหวีออกมาจากตะกร้าเล็กๆ
"ดูสิผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด" ลายตองช่วยจัดการสางผมของลูกเนียง
ให้ดูเรียบร้อยขึ้นแล้วเกล้าให้เข้าที่เป็นมวยเล็กๆ อยู่ด้านหลัง
"มีอีกหลายเรื่องที่ตองจะต้องบอกกับคุณ"
"เรื่องอะไร"
"เรื่องมันยาว   บอกเดี๋ยวนี้ไม่ได้หรอก เอาไว้ให้ถึงบ้านถึงเวลาเสียก่อน
ไปเถอะค่ะ"
ลายตองจุงมือเด็กสาวผ่านซากรถเก่าๆ ที่โดนใช้งานมาแล้วอย่างหนัก
หากจะเอาออกวิ่งก็ต้องซ่อมต้องเช็คกันให้เรียบร้อยเสียก่อน...
เหมือนกับเด็กสาว...

ลายตองพาลูกเนียงมาขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดรออยู่หน้าโกดัง ลูกเนียงเหลียว
หลังไปมองอยากจะเห็นหน้าเขา...แต่ไม่ปรากฏแม้แต่เงา


ลายตองพาลูกเนียงเข้ามาในห้องคนไข้ที่โรงพยาบาล

พอเห็นสภาพของนายกองทุนผู้เป็นพ่อลูกเนียงก็โผผวาเข้ากอดร่ำไห้
สะอึกสะอื้น ชั่วเวลาไม่กี่วันนายกองทุนเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ เนื้อหนัง
เหมือนถูกรีดเอาออกไปเกือบหมดจนมองเห็นกระดูกออกมาชัด
และเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้ แม้แต่จะพูดก็ไม่รู้เรื่อง มีเพียงแววตาเท่านั้น
ที่ส่งภาษาออกมาแต่ใครเล่าจะอ่านออกนอกจากลายตอง ซึ่งมองตอบ
อย่างเย้ยหยันตรงข้ามกับคําพูดและน้ำเสียงที่ออกไปแสดง
ถึงความห่วงใย เสียใจในชะตากรรมของนายกองทุนเสียเหลือเกิน

แม้ประสาทของเขาจะไม่ทํางานบังคับให้เนื้อตัวเคลื่อนไหวให้ได้
แต่ความทรงจําก็ยังมีอยู่รางเลือน  ภาพของลูกเนียงที่เปลือยกาย
ถ่ายคู่กับเส้กําบังแต่ละท่ามันทารุณจิตใจเขาเหลือหลาย และลายตอง
ที่อยู่ต่อหน้าเขาเดี๋ยวนี้คือตัวการ แต่เขาก็ทําอะไรไม่ได้ บอกกับใครไม่ได้
แม้แต่จะยกมือไล่แมลงวัน ยังไม่มีความสามารถทําได้ นายกองทุน
ตกอยู่ในสภาพของผู้รับกรรมซึ่งตนได้ทําเอาไว้อย่างหนัก

อีกสองสัปดาห์ต่อมานายกองทุนก็ถูกนํากลับ มาอยู่บ้านในสภาพของคนที่ค่าน้อย
กว่าขยะ ขยะยังพอมีประโยชน์บ้าง แต่เขาไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว
นั่งรอนอนรอความตายซึ่งไม่ค่อยจะมารับเอาไปง่ายๆ ราวกับจะเป็นใจให้เขา
ได้อยู่  อยู่เพื่อรับรู้รับเห็นผลกรรมที่ตนสร้างได้สะท้อนกลับมา

เรื่องของลูกเนียงกับรองพลถูกนําขึ้นมาหารือระหว่างแววรัตน์กับพัดชา
"ตารองแกต้องการเอาลูกเนียงไปเรียนต่อด้วย" พัดชาพี่สาวเอ่ยขึ้นก่อน
"คุณพ่อของลูกเนียงอยู่ในสภาพนี้จะให้ทิ้งไปได้ยังไง"
"ลูกเนียงอยู่จะช่วยอะไรได้เล้า" พูดชาเอ่ยเสียง แหลม
"อย่างน้อยก็ให้กําลังใจ"
"กําลังใจอะไร นายกองทุนของเธอน่ะแกหมดสภาพรับรู้อะไรทั้งสิ้น"
"ฉันว่าคุณกองทุนเขารู้ แต่พูดออกมาไม่ได้ เพราะฉันพูดอะไรสังเกต
ดูดวงตาของแกเข้าใจคําพูดทุกประโยค"
"แต่พี่ว่าเธอต้องให้ลูกเนียงไปกับรองพลเพื่ออนาคตของเด็ก"
พัดชาพูดเหมือนยื่นคําขาด
"ฉันก็อยากให้ไป  แต่ว่า.."
"แต่ว่าอะไร"
"เด็กหนุ่มเด็กสาวไปด้วยกันตามลําพัง และไม่ใช่ใกล้ๆ"
พัดชาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว  "ถ้าอย่างนั้นก็ให้แต่งงานกันเสียก่อน
แล้วค่อยไป"
"มันจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ"  แววรัตน์ติดอยู่ ครู่หนึ่งจึงเอ่ย
"เร็วยังไง"
"ลูกเนียงยังเป็นเด็กอยู่"
"สิบหกแล้วไม่ใช้รึ"  แววรัตน์พยักหน้า
"ถ้าไม่มีลูกเนียงไปด้วย ตารองแกไม่ยอมไปคนเดียว" พัดชายืนยัน
"ตารองแกบอกอย่างงั้นรึ"
"ใช่   เธอต้องเห็นแก่อนาคตของตารองด้วย ถึงไงก็เป็นหลานของเธอ
ทําอย่างงี้ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งตารองและลูกเนียง"
"ฉันคิดว่าเรื่องนี้ควรปรึกษากับคุณกองทุน ก่อน"
พัดชาเผลอระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น
"พี่หัวเราะอะไร"
"หัวเราะเธอปรึกษาคนเป็นอัมพาตพูดไม่ได้นะสิ"  พัดชาพูดกลั้วหัวเราะ
"แต่คุณกองทุนแกรู้นะ อะไรเป็นอะไร"
"แต่แกพูดไม่ได้แล้วจะได้ประโยชน์อะไรเคลื่อนไหวอะไรก็ไม่ได้
พี่เป็นห่วง ห่วงจริงๆ"   พัดชาพยายามส่อความหมายให้มาถึงตัวแววรัตน์
น้องสาวอีกด้วย เพราะเมื่อนายกองทุนอยู่ในสภาพนี้ต่อไปน้องสาว
ของตนจะทําอย่างไร จะยอมตายอดตายอยากด้วยความซื่อสัตย์
เหมือนผู้หญิงสมัยโบราณอย่างงั้นหรือ

พัดชาใช้เวลาพูดด้วยเหตุผลกับแววรัตน์อีกไม่นาน เรื่องของรองพลกับลูกเนียง
ก็เป็นอันตกลงกันได้เรียบร้อย พัดชาอาสาจะเป็นคนไปหาพระ
เพื่อขอฤกษ์ขอยามเอง

พอพัดชาคล้อยหลังออกไปไม่นานลายตองก็เข้ามาหาแววรัตน์
"คุณคะ เมื่อคืนประตูหลังบ้านท้ายสวนโดนงัด ค่ะ" สายตองบอก
"ฮ้า...จริงเรอะ"
"จริงค่ะ  บังเอิญป่านุ่นแกตื่นขึ้นมาเพราะหมามันเห่า แกเปิดไฟที่เรือนครัว
เลยไม่มีใครเข้ามา"
"แล้วทําไงล่ะ"
"ตองไปเรียกตาแม้นปากซอยมาซ่อมแล้วค่ะ"
"ไว้ใจไม่ได้เสียแล้ว" แววรัตน์รู้สึกหวาดๆ
"เมื่อก่อนกําบังมันอยู่ ไม่มีใครกล้าทําแบบนี้ นะคะ"

แววรัตน์รู้สึกเสียวๆ เมื่อลายตองเอ่ยชื่อของกําบัง แม้จะไม่ค่อยเชื่อเรื่องผีๆ สางๆ
แต่นี่มันเป็นผีตายโหง ตายเพราะตนเป็นคนจ้างฆ่า และเฉพาะอย่างยิ่งมันก็เคย
เข้ามาซัดตนจนไม่มีอะไรเหลือ


"ไม่รู้ใครหลอกเอามันไปฆ่า" ลายตองมองหน้าแววรัตน์หารอยพิรุธกลายๆ
"อย่าไปพูดถึงมันเลย  รถของเรามันก็ขโมยเอาไป ไม่รู้เอาไปขายที่ไหน
มันคงไปทํามิดีมิร้ายกับใครเขาเข้าน่ะสิ คนเราถ้าจะฆ่ากันมันต้องเหลือ
อดเต็มทน"   แววรัตน์พูดไปก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรเอาเรื่องเจ้ากําบัง
ขึ้นมาเอ่ยถึง   "เราจะทํายังไงดีล่ะ  แววรัตน์ถามลายตองขอความเห็น
"แบบนี้บ้านเรา ไม่ปลอดภัยแน่"
"นั่นสิคะ  เพราะบ้านเราไม่มีผู้ชายอยู่เลย มีคุณกองทุนคนเดียวก็ช่วย
อะไรไม่ได้"
"ฉันคิดว่า เราน่าจะหาใครที่ไว้วางใจได้มาอยู่สักคน"
"ตองกําลังคิดอยู่เหมือนกันค่ะ  บ้านเราต้องมีผู้ชายมาอยู่เพื่อช่วย
เหลือกันบ้าง แต่ตองว่าต้องเอาคนที่ไว้ใจได้และเชื่อฝีมือได้ด้วย"
"จะไปหาที่ไหน  ดีไม่ดีไปได้คนไม่ซื่อแอบเป็นสายให้พรรคพวก
เข้ามาปล้นเราล่ะก็แย่เลย"
"ตองคิดว่าพอจะหาได้ค่ะ"
"มีใครรึ"
"เป็นอาของตองเอง  ก็ไม่ใช่อาที่เเท้หรอกค่ะ แต่เป็นคนนับถือกัน"
"เชื่อใจได้เรอะ"
"ถ้าตองรับรองคุณจะเชื่อมั้ยค่ะ"
"เขาไม่มีงานทํารึ"
"แกเป็นยามเฝ้าโกดังให้อาเสี่ย เป็นโกดังรถเก่าๆ แกบ่นว่าอยากจะออกเพราะเสี่ย
ไม่มีน้ำใจกับแก ถ้าไม่ได้แกก็คงโดนขโมยขนเอาไปหมดแล้ว คนแถวนั้นร้ายหยอกใคร ดีที่อาแกเป็นคนจริง"
"แล้วเขาจะมารึ"
"ตองเชื่อว่าแกต้องมา"
"งั้นลองไปตามมาสิ  ถ้าได้มาก่อนวันลูกเนียง แต่งงานก็ดี"
"คุณหนูจะแต่งงานรึคะ"
"ฮื่อ" แววรัตน์พยักหน้า  "แต่งงานแล้วเขาจะไปอังกฤษกันเลย"
"ค่ะ ตองจะให้แกมาพบคุณ"
"เมื่อไหร่"
"พรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ

"ก็ดีเหมือนกัน" 
แววรัตน์เอนหลังพิงพนักหลับตา ปิดการสนทนากับลายตอง





จบตอนนี้แล้ว ต้นฉบับตอนที่ 54 ขาดหายไป 1ตอน ตอนต่อไปมาต่อตอนที่ 55 ครับ
แล้วจะขอหยุดพักก่อนนะครับ พยามคัดลอกให้จบช่วงฟินช่วงนี้แล้ว
และเผอิญงานก็เริ่มยุ่งมากขึ้นแล้ว เอาไว้มีเวลาว่างใหม่ ค่อยพบกับช่วงฟินช่วงต่อไปกันนะครับ

Darkreader

#1
ขอบคุณที่สละเวลาไม่ให้ช่วงนี้ค้างคาครับ ดีที่ช่วงฟินต้นฉบับยังอยู่ครบเลยฟินกันยาวไป

ตอนแรกนึกว่าจะเอารูปไปแบล็คเมลล์ ที่ไหนได้ เอามาให้พ่อลูกเนียงดูจนป่วยหนักซะงั้น

เฉยโฉดเข้าบ้านได้ บ้านได้กลายเป็นฮาเร็มแน่ๆ

cdx

#2
ขอบคุณมากๆ ครับ /ยังไงก็อย่าหายไปนานนักนะครับ /รอตอนต่อไปอยู่ระหว่างศึกของคุณแววรัตน์ กับตาเฉย

rinrin

ขอบคุณมากครับสำหรับผลงานดีๆอย่างนี้ / เฉยโฉดเข้าบ้านงี้ คงเหมาทั้งบ้านแน่ๆ

schareon

ขอบคุณครับสำหรับการแบ่งปันความฟิน เสียดายจริงๆที่ต้นฉบับมีไม่ครบ / ส่วนเนื่อเรื่องเปลี่ยนจากกำบังมาเป็นเฉยโฉด อ่านแล้วฟินกว่าเยอะเลยครับ

midobun001

ติดตามเนื้อเรื่องหลัก และแนว Erotic จาก readawrite นะครับ
ผลงานผม จะเป็นแนว BiSex หน่อยๆนะครับ

ถ้าคอมเม้น ฝากให้คะแนนผลงานด้วยครับ
เนื้อเรื่องเข้าใจง่าย / ฉาก เซ็กส์ซีน / คำบรรยาย / มุมมองการเล่า
จำนวนหน้ากระดาษ / การใช้คำเปรียบเทียบ / ตอนที่ชอบมากที่สุด

เพื่อใช้ปรับปรุงเนื้อหาในเนื้อเรื่องถัดๆไปครับ

รวมวาป
https://xonly8.com/index.php?topic=252283.msg2330925#msg2330925

peddo

ช้วงที่ผ่านมาฟินจริงๆครับ โดยเฉพาะวันนี้ที่ควบสองเลย ถ้าเฉยโฉดเข้ามาอยู่บ้านนี้ ท่าทางสาวน้อยสาวใหญ่จะแอบชายหูชายตา แต่ว่า นอกจากลูกเนียงก็มีแววรัตน์นี่แหละที่เฉยน่าจะสน
ขอบคุณครับ

1819

 ช่วงต้อนที่หายไป เกิดอะไรกับ กองทุน แต่ก็คงเป็นอย่างที่เดา ลายตองเอาเฉยเข้ามาแน่ๆ หลังจากนี้ ทั้ง ลูกเนียง  แววรัตน? ได้ฟินยาวๆ เลย   ไม่ทรมานเหมือนเหมือนกำบัง  กองทุน ก็ อัมพาตแล้วหมดกัน เรื่องนี้  ดูไร้การชนะของกองทุน   คนเลวอย่างลายตองก เฉย เป็นปู้ชนะได่กับได้
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

zaa2518

ขอบคุณมากครับ จะรอติดตามตอนต่อไปครับ

swss2511

ลายตองจัดการแบบนี้สบายอาเฉยไปเลย

suriyamahajit

ต้องติดตามตอนต่อไปสนุกแน่ๆ

Blucifer

ขอบคุณมากครับ อยากอ่านภาคต่อแล้ว เสิร์จอากู๋ไปไม่เจอเลย แต่งได้ฟินมากครับ  เสียดายนิยายดีๆที่หายไป เคยไปแอบอ่านหนังสือนวลนางของพ่อบางเรื่องบางตอน สมัยนี้นิยายแบบนี้หายากแล้ว

ngern

สวัสดี​ครับ​ ถ้าว่างแล้ว
รบกวน​ลงตอนต่อไปด้วยนะครับ
นิยายสนุกมาก
ภาษาดีมาก เป็นวรรณกรรม​เลย