ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ดอนป้าไม้re-story 3

เริ่มโดย DEVIL WORLD, มีนาคม 30, 2022, 09:19:34 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

DEVIL WORLD

   
ตามไปอ่านเต็มได้ที่ https://www.tunwalai.com/ebook/detail?ebookId=22990






     ด้วยความที่ผ่านการเดินป่ามานับครั้งไม่ถ้วน พนมและผู้ใหญ่สีก็เข้าใจดีว่า'ที่พรานซอลือร้องบอกให้หยุดพักสร้างที่นอนของคืนนี้กันตรงนี้ทั้งที่เวลาพึ่งจะ15:30นั้น เพราะเวลาในป่านั้นมันมักจะมืดเร็วกว่าข้างนอกและแน่นอนว่าหลังจากที่พรานซือลือร้องบอกนี้ คณะของพนมก็มีเวลาแค่เพียงชั่วโมงกว่าๆในการจัดเตรียมที่พักก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดลงจนมองอะไรไม่เห็น!         

ดังนั้นพอสิ้นคำบอกกล่าวของพรานหนุ่มซอลือ พนมก็ได้บอกให้มานพลูกชายและกลุ่มเพื่อนนั่งพักกันให้หายเหนื่อยก่อนสักแปบ ก่อนจะลุกไปช่วยกันจัดเตรียมที่พักสำหรับคืนแรกในป่า!

  ในเวลาเดี่ยวกันนี้'ทางลูกหาบ..อามูและจามี...ก็ได้รับคำสั่งจากพรานซอลือให้ไปหาตัดไม้มาจำนวลหนึ่งเพื่อจะใช้ขัดห้างทำที่พัก ซึ่งอามูและจามี...ก็เดินถือมีดพกไปตัดตามที่พรานซอลือสั่ง แล้วในช่วงเวลาถัดมาครู่หนึ่ง...มานพและชาตรีก็ได้เดินไปช่วย...อามู..จามีตัด!

    ก่อนจะหอบมากองไว้ใต้ต้นไม้ในแต่ละจุดที่พรานซอลือเลือกใช้ขัดห้าง และต้นไม้ที่พรานซอลือเลือกที่จะใช้ขัดห้างนั้น ก็เป็นจุดที่มีต้นไม้ยืนต้นคู่ๆกัน2-3ต้นและใหญ่พอที่จะรับน้ำหนักคนได้ไม่ต่ำกว่า3คน!

      เมื่อนำท่อนไม้ที่ช่วยกันตัดมากองไว้ข้างใต้ตนไม้ที่จะใช้ผูกขัดห้าง  ทางพรานซอลือ...อามู...จามี...ก็ได้ปีนขึ้นต้นไม้ในแต่ละจุดเพื่อผูกขัดห้างสำหรับพักผ่อน โดยด้านล่างก็มีพนม...มานพ..และชาตรี...คอยยื่นส่งไม้ให้!

แน่นอนว่าที่พรานซอลือเลือกให้คณะของพนมหยุดพักตรงนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะมีแหล่งน้ำใกล้ๆและอีกส่วนก็เพราะภูมิศาสตร์ที่มีต้นไม้ขึ้นติดๆกัน และต้นไม้ก็ใหญ่พอที่จะใช้ขัดห้างเพื่อรับน้ำหนักคน3คน!

      ถึงแม้ว่าแต่ละจุดของต้นไม้ที่ใช้ขัดห้างมันจะห่างกัน30เมตร แต่มันก็อยู่ในระยะที่ยังดูแลความปลอดภัยให้กันได้ นั้นจึงเป็นเหตุให้พรานซอลือเลือกตรงจุดนี้ในการขัดห้าง!!ฯ

     



     พอเวลาล่วงเลยไปจนขัดห้างเสร็จทั้งสามจุด ตอนนี้!มันก็ถึงเวลาเย็นย่ำเข้าช่วง17:20เศษๆแล้ว และช่วงก่อนที่ท้องฟ้าจะหมดแสงสว่างนั้น ทุกคนในคณะเดินทางก็ได้ก่อกองไฟทำอาหารกิน และทำธุระปลดทุกทิ้งหลังพุ่มไม้ให้เสร็จทุกคนก่อนจะแยกตัวกันขึ้นห้าง แล้วในเวลานั้นเองพรานซอลือก็ได้เอ่ยบอกบางสิ่งให้ทุกคนในคณะของพนมฟังพร้อมนำไปปฎิบัติหลังขึ้นไปบนห้าง!

     "อืมม...ก่อนที่จะขึ้นไปพักบนห้างไม้กัน...ผมอยากให้ทุกคนรับรู้เอาไว้ว่า?...เมื่อขึ้นไปแล้ว...ไม่ว่าจะปวดท้องปวดฉี่...รึมีธุระอะไรก็ตามแต่...เมื่อขึ้นไปอยู่บนห้างแล้ว...ห้ามลงมาเด็ดขาด...นายพนมกับลุงผู้ใหญ่อยู่ห้างนี้กับผม....นายนพกับนายผู้หญิงอยู่ห้างนั้นกับอามู....ส่วนนายชาตรีกับนายผู้หญิงอยู่ห้างโน้นกับจามี.."

พรานซอลือเอ่ยบอกกับทุกคนในคณะของพนมให้เข้าใจ ก่อนที่ทุกคนจะแยกตัวขึ้นไปอยู่บ่นห้างไม้ที่ขัดไว้สูงจากพื้นดินราวๆ5-6เมตร โดยก่อนขึ้นพรานซอลือก็ไม่ลืมที่จะสุมไฟทิ้งไว้เพื่อให้มีแสงสว่างด้านล่าง!

  แน่นอนว่า'ท้องฟ้าที่เคยมีแสงแดดส่องลอดทิวไม้ลงมานั้นก็เริ่มที่จะหายไป และกลายเป็นความมืดอึมครึมที่เริ่มเข้ามาแทนที่ เมื่อแสงสว่างของดวงอาทิตย์ที่ทำให้มองรอบๆข้างได้ชัดเจนนั้นค่อยๆตกลับของฟ้าไปทีละนิดๆ จนทัศนวิสัยรอบๆค่อยเปลียนเป็นมืดขมุกขมัวและท้ายที่สุดก็มืดสนิทหลังช่วง19:00น.


       เมื่อท้องฟ้าไม่มีแสงส่องสว่างป่าไพรก็มืดขมุกขมัวจนมองอะไรไม่เห็น เสียงบรรเลงแห่งป่าก็เริ่มลำพัน..เสียง'ของเหล่าสิงห์สาราสัตว์และจิ้งหรีดเรไรก็ดังตลบไปทั่วทั้งผืนป่า ในช่วงเวลานี้บนห้างทุกคนก็ต่างฟังเสียงบรรเลงนั้นอย่างเงียบเชียบ โดยบ้างก็นั่ง..บ้างก็เอนตัวพิงต้นไม้เพื่อนอนฟัง!


  ซึ่งในเวลาเดียวกันทางห้างอันแรกที่มีพรานซอลือ...พนมและอามูก็ได้นั่งฟังเสียงบรรเลงของเหล่าสิงสาราสัตว์กันอยู่เงียบๆโดยมิได้เอ่ยพูดอะไรกัน จนเมื่อพรานซอลือได้ล้วงเอาบุหรี่ยาเส้นขึ้นมาจุดดูด พนมก็ได้เอ่ยถามบางอย่างกับพรานซอลือขึ้นมาเบาๆ!


       "เออ...ซอลือ...ฉันขอถามอะไรหน่อยสิ..." เสียงเอ่ยถามเบาฟของพนมเมื่อตรงหน้าของเขามีแสงวูบแดงขึ้นมา หลังจากที่พรานซอลือทำการสูดเอาควันบุหรีเข้าปอด!

      "นาย...จะถามอะไรหรอ..." เสียงตอบรับของพรานซอลือที่เอ่ยตอบรับคำกล่าวของพนมด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่ง

       "อือ...มันเกิดอะไรขึ้นกับพรานมอแจ?...ทำไมเขาถึงได้เสียชีวิตในป่าได้...ทั้งที่คนอย่างพรานมอแจนั้นแทบจะเรียกได้หลับตาเดินในป่ายังได้.." พนมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัย เมื่อปมของการเสียชีวิตของอดีตพรานนำทางของพนมนั้นยังไม่เป็นที่กระจ่างกับเขา!

        "หือออ..." เสียงถอนหายใจยาวๆของพรานซือลือที่ถอนหายใจเหมือนว่าเรื่องที่พนมถามนั้นจะมีบางสิ่งที่มันทำให้พรานซอลือต้องรู้สึกเศร้าใจ แต่ถึงกระนั้นพรานซอลือก็ดูดเอาควันบุหรี่เข้าปอดเฮือกใหญ่ จนแสงไฟสีแดงส่องประการแดงฉานขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากเล่าให้แก่พนมฟังเบาๆ!

         "เรื่องมันเกิดขึ้นก่อนหน้านี้..ก่อนที่นายพนมจะมาไม่นาน...พรานมอแจกับผมได้เข้ามานั่งห้างในป่าด้วยกัน...ซึ่งห่างจากหมู่บ้านลึกพอควร...ในคืนนั้นทุกๆอย่างในป่าช่วงค่ำมันก็เป็นเหมือนตอนนี้...จิ้งหรีดเรไรและสิงสาราสัตว์ก็ต่างร้องระงมไปทั่งทั้งผืนป่า...แต่เมื่อถึงเวลาดึกสงัด...ทุกๆอย่างมันก็เปลียนไป...เปลียนไปแบบที่ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่ามันเกิดขึ้น...เมื่อเสียงที่ดังระงมไปทั่วทั้งป่ามันเงียบสงัดลงฉับพลัน...เงียบลงจนบรรยากาศรอบข้างมันน่ากลัว?

       "ผมและพรานมอแจเราทั้งสองรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกตินั้น...จึงได้นั่งกุมปืนในมือกันจนแน่น...ถึงขนาดที่ผมเองรู้สึกถึงเหงือที่ออกมาเปียกชุ่มมือ...และหลังจากที่ผมกับพรานมอแจนั่งเฝ้าระวังกันไม่นาน...พลันก็มีบางสิ่งผิดแปลกไป...เมื่อด้านล่างของห้างไม้ที่ผมและพรานมอแจนั่งอยู่...ได้มีเสียงดังกรอบแกรบของการเหยียบย่างบนใบไม้ดังมา?

        "เมื่อผมและพรานมอแจที่ได้ยิน...เราทั้งสองก็หันไปมองเพ่งตรงที่เกิดเสียงนั้นพร้อมกัน...และได้เห็นแววตาของสัตว์ชนิดหนึ่งที่ส่องประกายแวววาวอยู่ในความมืดตรงนั้น...และเพียงเสี้ยววิที่เห็นมัน...ผมกับพรานมอแจก็ต้องตกใจและรีบยกปืนขึ้นมายิงทันที...เมื่อเจ้าสัตว์ตัวนั้นมันวิ่งออกมาจากความมืดตรงมายัังที่ห้างไม้ที่เราทั้งสองอยู่...ซึ่งเจ้าสัตว์ตัวนั้นมันคือเสือตัวใหญ่...ใหญ่ขนาดที่เห็นด้วยตาเปล่าก็รู้ได้เลยว่าตัวมันใหญ่และยาวไม่ต้ำกว่า8ศอก!

        "ผมกับพรานมอแจก็ช่วยกันกระหนำยิงไม่หยัง...แต่!ก็ดูเหมือนว่ากระสุนจะไม่สามารถทำอะไรมันได้เลย...และในท้ายที่สุด....เจ้าเสือตัวนั้นมันก็ใช้การกระโดดเพียงแค่ครั้งเดียว...ขึ้นมาตะปบกระชากเอาพรานมอแจลงจากห้างไป....พร้อมๆกับเสียงอันแสนเจ็บปวดของพรานมอแจ...ที่ร้องระงมไปตามทางที่เสื้อมันกระชากไป....ซึ่งในวินาทีนั้นตัวผมเองก็ไม่อาจที่จะลงไปช่วยได้...เพราะอะไรนายพนมก็น่าจะรู้...ผมจึงได้แต่นั่งสลดใจและระวังตัวเองให้เข้มขึ้นเพื่อจะได้ตื่นตัวกับภัยอันตรายรอบตัว!

       "เมื่อถึงตอนเช้าที่พระอาทิตย์ขึ้น...และผมเองก็ได้เวลาลงจากห้าง...ผมก็เดินตามร่องรอยที่คาดว่าเป็นรอยที่เสือมันลากพรานมอแจไป...และท้ายที่สุด...ผมก็ไปพบกับร่างของพรานมอแจ...ที่สภาพหน้าตาและเนื้อตัวล้วนมีแต่แผลจากกรงเล็บของเสือที่มันตะปบฉีกกระฉากไปทั้วร่าง...แต่!ตรงที่ข้างๆกันผมก็ได้พบกับร่างของเสือที่นอนตายโดยมีมีดของพรานมอแจเสียบอยู่ที่ส่วนอกที่น่าจะเป็นหัวใจ...ผมจึงคิดว่า..ในวินาทีสุดท้ายที่ชีวิตจะดับลง...พรานมอแจคงใช้มีดเสียบหัวใจของเจ้าเสือตัวนั้น...ก่อนจะจบชีวิตไปพร้อมกัน!


   หลังจบคำกล่าวของพรานซอลือ พนมก็หายส่งสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพรานมอแจ และได้นั่งคิดทบทวนเรื่องราวระหว่างตนกันมอแจที่เคยได้เดินป่าด้วยกัน และพนมก็นั่งถอนหายใจอย่างเศร้าใจกับสาเหตุของการจากไปของพรานมอแจ!

     
      บนห้างที่3 ที่ชาตรีและสานั่งรวมอยู่กับจามีลูกหาบชาวพม่า ซึ่งชาตรีก็นั่งอยู่นั่งอยู่ริมฝั่งซ้าย....จามีนั่งอยู่ฝั่งขวา..ส่วนสาก็นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างชาตรีกับจามี ซึ่งสาก็ได้นั่งเยื้องๆไปทางฝั่งของชาตรีเพื่อเว้นระยะห่างจากจามีอยู่เกือบหนึ่งแขน และก็สานั่งพิงชบไหล่ของชาตรีเพราะความรู้สึกกลัวเมื่อในป่าเริ่มมืดขมุกขมัวจนมองรอบข้างไม่ชัด!

    สาและชาตรีนั่งพิงนั่งซบกันและกันอยู่อย่างนั้นไม่ห่างและเมื่อเวลาค่อยๆย่างเข้าสู้ช่วงดึกมากขึ้นๆ ความมืดก็ค่อยๆกลืนกินวิสัยทัศน์รอบๆข้างของห้างไม้จนหมด และเมื่อกองไฟที่ก่อไว้ด้านล้างค่อยๆม้วยมอดลงจนเหลือแต่กองถ่านไฟสีแดง  พลันรอบๆข้างของห้างไม้ก็มืดสนิทจนมองอะไรไม่เห็น และด้วยความมืดนี้เองก็ทำให้สายตาของทุกคนนั้นมองเห็นแบบเลือนลางแค่ในระยะ1เมตรเท่านั้น!


      "จากที่น่ากลัวอยู่แล้ว...พอไฟดับ...บรรยากาศรอบๆ...มันก็ยิ่งน่ากลัวมากขึ้นมาอีกนะเนี้ย...พี่ตรี..." เสียงเอ่ยกระซิบเบาๆของสาที่เอ่ยกระซิบคุยกับชาตรี พร้อมกับที่เธอพิงซบไหล่ชาตรีแนบแน่นขึ้น

      "อือ...แถมมืดมาก...มองไม่เห็นอะไรเลย...แต่สานอนพักเถอะ...ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก...เดี๋ยวจามีจะคอยเฝ้าระวังให้เราเอง...ใช่มั้ย!" ชาตรีเอ่ยกระชิบตอบสาเบาๆ พร้อมกับหันหน้าไปพูดกับจามีแม้ว่าความมืดจะทำให้มองเห็นจามีแค่ลางๆขมุกขมัว!

       "ครับนาย...เดี๋ยวผมจะเฝ้าระวังให้..." เสียงจามีเอ่ยตอบเบาๆ

   เมื่อได้ยินคำเอ่ยตอบจากจามี ทั้งสาและชาตรีก็คล้ายกับเบาใจลงกับความมืดที่มันมืดและเงียบจนน่ากลัวลง ด้านชาตรีที่นั่งฟังเพลงผ่านหูฟังของโทรศัพท์ในกระเป๋าก็เริ่มที่จะมีอาการง่วงเมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเกือบๆ21:00น. และแน่นอนว่าด้วยความเหนื่อยล้าที่เดินฝ่าดงพงไพรมาเกือบทั้งวัน ท้ายที่สุดชาตรีก็ผลอยหลับไปพร้อมกับเสียงกลนเบาๆที่ดังลอดออกมาจากลำคอ!

     ด้านสาเองที่นั่งซบตัวของชาตรีเองก็ไม่ต่างกันเธอเองก็เริ่มง่วงหนักหลังเวลาย่างเข้า21:00และเช่นเดียวกันกับชาตรี ด้วยความเหนื่อยล้าที่สาเองก็เดินมาเกือบทั้งวัน เธอเองก็ไม่อาจที่จะทนฝืนความง่วงอยู่ถ่างตาระวังภัยอะไรได้ เธอจึงได้วูบหลับไปแว๊บนึงและสดุ้งตัวตื่นเพราะตกใจที่หัวเธอไหลตกจากการพิงไหลของชาตรี นั่นจึงทำให้สาที่สดุ้งตัวนั้นดีดตัวกลับขึ้นมานั่งงัวเงีย ก่อนจะเอนตัวล้มลงไปนอนและแทนที่ตัวของสาจะเอนล้มไปทางซ้ายที่ๆชาตรีแฟนหนุ่มของเธอนั่งหลับสนิทอยู่  มันกลับกลายเป็นว่าการสด้งตื่นดีดตัวของสานั้น มันทำให้เธอเปลียนทิศทางเอนตัวไปทางขวาทางฝั่งที่จามีนั่งอยู่!

     ซึ่งแน่นอนว่าพอสาเอนตัวไปทางขวา..จามี'ที่นั่งเงียบอยู่ก็มีอาการตกใจเล็กน้อย เมื่อกลิ่นหอมของตัวสาลอยเตะจมูกพร้อมกับหัวของสาที่ซบลงมาที่ตักของจามี โดยหน้าของสานั้นซบลงใส่เป้าของจามีเต็มๆ และในวินาทีนั้น'จามีลูกหาบชาวพม่าก็ถึงกับกลืนน้ำลายเอือกใหญ่
พร้อมๆกับอารมณ์ความตื่นเต้นที่พุ่งกระชูดขึ้นมาข้างใน เมื่อบนตักมีหน้าของสานอนแนบชิดเต็มเป้า!

      ในเวลานั้นจามีนั้นตื่นเต้นอย่างหนักและอารมณ์หื่นก็พุ่งกระฉูดขึ้นมาอย่างมากมาย มันจึงทำให้จามีคิดที่จะทำอะไรบางอย่างกับสา และด้วยความที่รอบข้างมันมืดสนิท มืดจนจามีมองชาตรีที่นั่งอยู่ข้างๆแทบไม่เห็น!

จามี'หายใจสูดแรงอย่างตื่นเต้นก่อนจะยื่นมือไปเขย่าตัวสาเบาๆพร้อมกับเงี่ยงหูฟังว่าสาจะตื่นรึป่าว แต่ก็แน่นอนว่าพอ..จามี'ทำการเขย่าตัวสาเบาๆเธอก็ไม่ตอบสนองใดๆทั้งสิ้น จามี'จึงเขย่าตัวสาแรงขึ้นอีก..แต่!ถึงกระนั้นสาก็ยังหลับสนิทไม่ตอบสนองใดๆ จามีจึงรับรู้ได้ว่า..ความเหนื่อยล้าทำให้สานั้นหลับลึกเกินกว่าที่จะตื่นได้ง่ายๆแล้ว!

      ด้วยความืดที่คนอื่นๆเองก็คงมองทางห้างของจามีไม่เห็นและด้วยความที่สาเองก็หลับสนิท จามี'ลูกหาบชาวพม่าที่ตอนนี้อารมณ์ความตื่นเต้นกำลังพุ่งกระฉูด จึงได้ค่อยๆเอื่อมมือซ้ายไปวางกุมที่หน้าอกของสาเบาๆ ก่อนที่จามีจะสูดปากสบถอย่างแผ่วเบา?

"หูยยยย!..นมใหญ่ชิบหาย...ไม่ได้เจอตั่งนาน...สาวๆสวยๆ...นมใหญ่ๆ...อือออออออออ..!!!

  แน่นอนว่าจามีกุมมือสัมผัสหน้าอกของสาด้านนอกเสื้ออย่างตื่นเต้นและตื่นตัวสุดขีด จามี'รับรู้ได้ถึงความอวบใหญ่ของก้อนเนื้อหน้าอกของสาที่อยู่ข้างในเสื้อ ซึ่งมันก็ทำให้จามีอดไม่ไหวที่จะออกแรงบีบมันเบาๆแม้ว่าจะมีเสื้อและชุดชั้นในคั้นอยู่!

   "อืออ...ทั้งใหญ่ทั้งนิ่มเลยวุ๊ย...อยากดูด...อยากบีบ...อยากเย**โว้ย...แม้ง!...กูจะล่อให้น้ำค*ยล้นรูห*เลยมึง...!!

  เมื่อมือหยาบกรานสัมผัสกับเนินหน้าอกของสาด้านนอกเสื้อจนรับรู้ได้ถึงความอวบใหญ่และนุ่มนิ่ม จามี'ก็อารมณ์พุ่งกระฉูดตื่นเต้นจนตัวสั่นเทาและอดรนทนไม่ไหวจึงตัดสินใจทำบางอย่างกับตัวของสา!

   ด้วยความที่..จามี'นั้นเป็นหนุ่มพม่าคนหนึ่งที่ร่ำเรียนด้านวิชาอาคมคุณไสย์ของทางพม่าจนแตกฉาน แต่ไม่แสดงออกและปกปิดความจริงนั้นไว้ไม่ให้ไครรู้ และก็เคยแอบใช้มันทำความต้องการของตัวเองสำเร็จมาแล้วหลายหน มันจึงทำจามีนั้นนึกย้อนไปถึงช่วงก่อนที่ตนจะหนีเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านดอนป่าไม้!

    แน่นอนว่า..อดีตที่จามีนึกถึงนั่นมันคือช่วงเวลาที่จามีเคยทำงานอยู่ในเมืองหลวงของไทยเรา ซึ่งในช่วงเวลานั้นจามีที่พึ่งเป็นหนุ่มกลัดมันและพึ่งสำเร็จการร่ำเรียนอาคมคุณไสย์ใหม่ๆ ตัวจามีจึงเป็นหนุ่มที่ร้อนวิชาและอยากจะรองใช้มันทำสิ่งที่ตนต้องการ?

    แล้วด้วยความที่พึ่งเจอกับสังคมคนเมืองที่มีแสงสีและผู้คนมากหน้าหลายตา มันจึงทำให้จามีหนุ่มพม่าคนนี้หลงไหลในสิ่งยั่วยุมากมาย และเรื่องที่ทำหนุ่มพม่าจามีขาดสติยับยั้งชั่งใจก็คือเรื่องของ...ผู้หญิง!

      แน่นอนว่าด้วยอารมณ์ของเพศสภาพที่เป็นชาย จามีจึงมักเกิดอารมณ์ความอยากทุกๆครั้งที่เจอกับสาวๆสวยๆ และถ้าหญิงคนไหนที่หุ่นดีๆหน้าอกใหญ่ๆจามี'ก็จะออกอาการอยากจะได้จนแทบอดรนทนไม่ไหว!

      แล้วหนึ่งในเรื่องฉาวโฉดที่จามีก่อก็คือเรื่องระหว่างจามีกับภรรยาของวิศวกรหนุ่ม อดีตนายจ้างของจามีช่วงที่เขาเข้ามาทำงานเป็นคนงานก่อสร้างในไทยช่วงแรกๆ ซึ่งเรื่องมันเกิดขึ้นจากการที่จามีได้พบเจอกับภรรยาสาวของหนุ่มวิศวกรคนนั้นในช่วงกลางวันของวันหนึ่ง ขณะที่ตัวจามีกำลังทำงานของตนอยู่ที่ไซร์งานก่อสร้างที่วิศวกรหนุ่มรับผิดชอบ!


      เพียงแว๊บแรกในวันนั้นที่จามีได้พบได้เห็นภรรยาสาวของหนุ่มวิศวะกร จามีก็เกิดอารมณ์แห่งความหลงไหลและอยากจะได้เธอคนนั้นมาครอบครอง ซึ่งก็ด้วยความที่ภรรยาสาวของหนุ่มวิศวกรนั้นเป็นสาวที่หุ่นดี..มีน้ำมีนวล...ผิวขาว!..หน้าตาสวย!..แถมหน้าอกหน้าใจก็อวบอิ่มใหญ่โต!  ตัวของเธอจึงยิ่งเป็นที่ถูกตาต้องใจของจามีเป็นอย่างมาก!

       แน่นอนว่าพอได้พบได้เจอกับภรรยาสาวของหนุ่มวิศกรนายจ้าง จามีก็เริ่มไม่เป็นอันทำงานหลังจากวันนั้น และพอนานเข้าจามีก็เริ่มแอบใช้ช่วงเวลาพักงานหรือว่างงานหาทางไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวออฟฟิศของหนุ่มวิศวกรนายจ้าง ซึ่งที่นั่น..จามี'ก็ได้พบกับภรรยาสาวของหนุ่มวิศวกรที่มาเคลียงานด้านเอกสารช่วยสามี!

       จามีเที่ยวใช้เวลาว่างไปแอบมองแอบส่องถรรยาสาวของหนุ่มวิศกรที่ออฟฟิศเกือบทุกวัน จนจามีนั้นเริ่มที่จะอดรนทนไม่ไหวกับการที่ตนนั้นได้แค่แอบมองหุ่นสวยๆของภรรยาสาวหนุ่มวิศวกรนายจ้าง  และในวันนึงที่จามีแอบใช้เวลาว่างไปแอบมองภรรยาของหนุ่มวิศวกรนายจ้าง จามีก็สบโอกาสได้เข้าไปในห้องออฟฟิศของหนุ่มวิศกรนายจ้าง หลังจากที่หนุ่มวิศกรและภรรยาออกไปทำธุระด้วยกัน!

       ซึ่งนั้นมันก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้จามีนั้นได้เส้นผมของภรรยาหนุ่มวิศวนายจ้าง แล้วหลังจากนั้นต่อๆมาไม่นานจามีก็ได้เล็บและวันเดือนปีเกิดภรรยาของหนุ่มวิศวนายจ้างตามมาในช่วงเวลาแค่ไม่ถึงเดือน และแน่นอนว่าพอได้ของทุกอย่างครบตามที่จามีต้องการ พิธีการปลุกเสกคุณไสย์มหาเสน่ห์สะกดภรรยาสาวของหนุ่มวิศวนายจ้าง ให้มาหลงรักในตัวของจามีก็เริ่มขึ้น!
เจ็บกว่าตัวสำรอง ก็คือตัวสำรองของตัวสำรอง

Nasan

ตามไปเสียเงินเรียบร้อยครับ รีเฟรชรอทั้งวัน สนุกมากครับ

Rutt Non

 ตามไปซื้อแล้วนะครับท่านเรื่องราวลึกลับดี
ยังรอเรื่องอื่นๆ อยู่นะครับ

ones26421


drof666

กำลังสนุกเลยมีไสยศาสตร์ด้วย

peddo

#5
เคยอ่านเรื่องที่พระนางได้เสียกันบนห้างไม้แบบนี้ตอนเด็กๆ ยังติดใจไม่หาย ความคับแคบไม่เป็นอุปสรรคของความเสียวครับ

bmaII

มีอาคม มีวิชา เลยร้อนวิชา มาลองวิชา ไม่รู้จะได้เรื่อง หรือจะเป็นเรื่อง

iiouxsoe

ตามไปแล้วนะครับ  
ขอบคุณครับ  กดลิ้ง59 บาท ในแอ็พ69บาทชะงั้น

Birdza


skykesperqaz

ใช้วิชาให้สาวๆหลงได้มั้ย

1819

จามีจอมขมังเวทย์  ข้าน้อยอยากเรียนวิชาบ้าง หุๆ
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

swss2511

ในป่าที่ร้ายกว่าเสือคือคนนี่แหละ

brother1

มีวิชาติดตัวแบบนี้ จัดได้ไม่อั้นเลยละ  จะรีบไปอุดหนุนนะครับ

haelonn

แนวแอบขโมยเสียว ลุ้นๆ อ่านสนุกสุดยอด

ddd555

มีวิชานี้เอง คงได้สองสาวแน่ๆ