ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

หมอชันสูตรกับวิญญาณ(ไฮโซสาว) 6

เริ่มโดย twintower, มิถุนายน 24, 2022, 02:26:44 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

จากคนเขียน
ถ้าตอนไหนไม่มีบทเสียวผมจะบอกก่อนอยู่แล้วว่าตอนนี้ไม่บทเสียว แต่ถ้าไม่มีบอกไว้หมายถึงมีครับ แต่จะมีตรงที่ซ่อนไว้ก็แล้วแต่เนื้อหาครับ

พวกมารีพลาย์หรือคอมเมนท์แบบมักง่าย เช่นใช่อิโมจิ หรือใช้คำมักง่ายซ้ำๆกันอย่างตามหรือติดตามต่อๆกัน ผมรายงานทีมแอดมินตลอดนะครับ


twintower
---------------------------------------------------------------------------------------------------------

แต้วดึงตัวผมให้ลงมาอยู่บนตัวเธอ ปากของเราประกบกันอีกครั้งหลังจากที่ปลุกอารมณ์ในห้องน้ำกันมาอย่างดุเดือด พอเราแลกจูบกันอย่างพอใจ ผมจึงเลื่อนหน้ามาที่ใบหูพร้อมงับไปเบาๆที่หูของแต้วแล้วเลื่อนจมูกมาตรงลำคอที่ขาว ผมไซร้ไปมาทั่วลำคอของเธอ ก่อนจะเลื่อนหน้าลงไปที่ทรวงอกขนาดใหญ่ แต้วกดหน้าผมให้แนบไปเต้านมอวบใหญ่ของเธอ ผมเอาจมูกไปฝังที่ร่องนม เพื่อสูดหาความหอมหวานจากตัวเธอ ก่อนจะเลื่อนหน้ามาที่หัวนมสีน้ำตาลที่ชูชัน ผมดูดสลับไปมา พร้อมกัดแรงๆ ทำเอาแต้วร้องออกมาด้วยความเสียว

"อู้วววววว ซี๊ดดดดดดดดดดด"

เธอแอ่นอกให้ผมหาความเพลิดเพลินกับเต้านมที่อวบใหญ่ของเธอ ส่วนด้านล่างนิ้วผมที่ไล่ผ่านขนหมอยที่ดกดำจนมามารูหีที่เริ่มจะชุ่มชื้น ผมใช้นิ้วล้วงเข้าไปในรูหีเธอพร้อมชักเข้าออก ส่วนปากนั้นกำลังโลมเล้าที่เต้านมทั้งสองเต้าสลับไปมา

"อู้วววโอ้วววว ซี๊ดดดดดอูยยย แบบนั้นดีคะดี"

เสียงครางที่ดังออกจากปากเธอ พร้อมกับการส่ายตัวไปมา จนเธอดันตัวผมให้ลงมานอนบนเตียงพร้อมพลิกตัวขึ้นมา แต้วก้มลงมาจูบกับผมอย่างดูดดื่มอีกครั้ง ก่อนจะหมุนตัวไปที่ปลายเตียง เธอใช้มือรูดควยผม2-3ครั้งก่อนจะก้มหน้าลงไปเอาปากอม ส่วนโคกหีขนาดใหญ่ของเธอนั้นลอยอยู่ตรงหน้าผมพอดี ผมผงกหัวขึ้นเอาลิ้นไปแตะตรงปากทางที่ชุ่มชื้นไปด้วยน้ำเงี่ยนของเธอ ก่อนจะเอาลิ้นเลียเข้าไปในรูหี ทำให้แต้วผวาเล็กน้อย แต่ยังใช้ปากปรนเปรอสร้างความเสียวให้ควยผมอย่างต่อต่อเนื่อง เช่นเดียวกับผมที่ใช้ทั้งปากทั้งนิ้วกับรูหีของแต้ว เราต่างทำรักด้วยปากให้กับอีกฝ่ายอย่างเต็มที่จนผมทนไม่ไหวหลั่งน้ำกามเข้าปากเธอ เหมือนกับเธอที่ตามผมไปถึงจุดหมาย เธอเกร็งไปทั้งตัวก่อนจะเงยหน้าจากควยผมแล้วครางออกมาสุดเสียง

"โอ้วยุทธ พอก่อนอูยยย ซี๊ดดด บอกว่าหยุดก่อนแต้วถึงแล้วอูยยยยยย"

เธอร้องห้ามผม หลังจากที่ผมยังไม่หยุดเลียหีเธอ ก้นเธอส่ายไปมาด้วยความเสียวแต่ผมไม่สนใจจนอารมณ์เธอลุกขึ้นมาอีกครั้ง จนเธอร้องบอกผมว่าเธอเมื่อยขา ผมจึงให้เธอเปลี่ยนไปนอนหงายแล้วผมขยับตัวลุกขึ้นมา ตาของเราประสานกันแววตาของแต้วนั้นฉ่ำไปทั้งสองข้าง แต่เธอไม่พูดอะไรเพียงแต่เอามือมาดึงหน้าผมให้ซบไปที่โคกหีอันชุ่มฉ่าเธอ แต้วแยกขาออกเล็กน้อย แล้วปล่อยให้ผมบรรเลงรักด้วยลิ้นให้เธออีกครั้ง คราวนี้เธอครางออกมาได้ตลอด เธอแอ่นตัวรับลิ้นของผมที่บรรเลงรักกับโคกหีเธออย่างต่อเนื่อง มือทั้ง2 ข้างจับบ่าผมแน่น พอเธอมีอาการเกร็งตัวอีกครั้ง แต่ผมไม่หยุดยังลงลิ้นต่อเนื่อง จนเผมลียหีเธอไปสักพักแต้วร้องบอกบออกมา

"ยุทธทำเถอะ ทนไม่ไหวแล้ว"

ผมเลียหีเธออีก2-3 ครั้งก่อนจะเลื่อนตัวขึ้นมา ปากของเธอยังมีคราบน้ำกามผมติดอยู่ ผมเลื่อนตัวสูงขึ้นไปอีกเพื่อจะเอาควยที่ยังแข็งตัวไม่เต็มที่ไปจ่อที่ปากเธอ แต้วผงกหัวอย่างรู้งาน เธอเอามือรูดควยผมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะใช้ลิ้นเลียไปที่หัวแล้วเอาปากครอบ จนควยผมแข็งตัวเต็มที่ด้วยฝีปากของเธอ แต้วดึงหน้าออกมาแล้วเอื้อมมือไปที่หัวเตียงก่อนจะหยิบถุงยางในกล่องมา เธอจัดการฉีกออกจากซองแล้วสวมถุงยางให้ผมอย่างคล่องแคล่วจนเรียบร้อย ผมจับตัวเธอให้นอนคว่ำ แต้วรีบยกก้นขึ้นมาทันที โคกหีที่ใหญ่และขนหมอยที่ชุ่มไปด้วยน้ำเงี่ยนอยู่ตรงหน้าผม ผมขยับตัวขึ้นแล้วเอาควยไปจ่อที่รูหี ผมเอามือจับที่เอวเธอแล้วดันควยเข้าไปจนสุดแล้วชักออกมาอย่างๆช้าๆ ก่อนจะดันเข้าไปอีกครั้งแต้วเด้งรับทันทีอย่างรู้จังหวะ ผมกระเด้าไปช้าๆไม่เร่งจังหวะเย็ด ซึ่งเธอเองก็เด้งรับเป็นจังหวะเสียงครางดังออกจากปากเราทั้งคู่ จนผมเลื่อนมือที่จับเอวข้างหนึ่งมาที่สะโพกที่ขาวและใหญ่ของเธอและขยำไปแรงๆจนเป็นรอยนิ้ว 

"อูยยย แบบนั้นละยุทธ แรงๆเลย"

เธอเด้งรับการเย็ดของผมแรงและเร็วขึ้นทำให้ผมต้องเร่งจังหวะตาม เสียงเนื้อของเราที่กระทบกันดังประสานกับเสียงคราง จนเราไปถึงจุดหมายอีกครั้ง แต้วนอนราบไปบนเตียงส่วนผมถอนควยออกมาแล้วโยนถุงยางทิ้งลงถังขยะก่อนจะนอนทาบไปบนตัวเธอ ผมเอาจมูกไซร้ไปที่ลำคอและแก้มของเธอ

"ยุทธพอแล้วนะ แต้วหมดแรงจริงๆ ถึงแล้วถึงอีก"

เธอบอกผมด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลีย เรานอนกอดก่ายกันบนเตียงเพื่อพักจากความเหนื่อยอ่อนอยูพักใหญ่ก่อนจะเดินประคองกันไปที่ห้องน้ำ ในห้องน้ำหลังจากนัวเนียกันในอ่างน้ำอยู่พักใหญ่ ผมนั้นแตกคาปากเธออีกหนทั้งๆที่เธอบอกว่าหมดแรง แต่ด้วยลีลาการใช้ปากของเธอทำให้ควยผมแข็งตัวขึ้นมาอีกครั้ง เราพากันออกจากโรงแรมในช่วงดึกของคืนนั้น  ผมขับรถมาส่งเธอแต้วที่คอนโดที่เธอพักอยู่  ผมจอดรถเลยประตูทางเข้าคอนโดไปเล็กน้อย แต้วหอมแก้มผมแรงๆพร้อมใช้มือขยำไปตรงเป้าผมก่อนจะลงจากรถ พร้อมเสียงกระซิบทิ้งท้ายที่ข้างหู

"ไว้มาสนุกกันใหม่"

ม่ายสาวเซลล์ขายยาคนนี้ร้อนแรงๆจริงๆ ถ้าผู้ชายไม่เก่งเรื่องบนเตียงคนเอาเธอไม่อยู่  ผมเจอเธอโดยบังเอิญที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง หมอที่เป็นเพื่อนกันเชิญผมมาบรรยายเรื่องการชันสูตรศพให้กับหมอประจำบ้านฟัง ขณะที่ผมกำลังกลับบ้านผมเจอแต้วที่กำลังจะกลับบ้านเหมือนกัน เธอกำลังเดินออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปเรียกแท็กซี่เพราะรถเธอนั้นเข้าอู่พอดี ผมจึงพาเธอไปส่งที่คอนโด เราแวะไปทานอาหารกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งมันทำให้เพลิงราคะของเราทั้งคู่ระอุกันขึ้นมาก่อนจะมาช่วยกันดับไฟสวาทที่โรงแรมแห่งหนึ่ง  ระหว่างที่ผมกำลังขับรถกลับบ้านด้วยความอิ่มเอมจากสิ่งที่ได้รับ ผมนึกถึงเรื่องตอนช่วงค่ำที่ลานจอดรถของร้านอาหาร แต้วนั้นเดินนำผมไปก่อนและผมได้เจอกับผู้กองอลิสาที่เดินสวนออกมา เธอทักผมก่อน

"มาทานมื้อเย็นที่ร้านนี้หรือคะหมอ""

"ครับ พาเพื่อนมาทานอาหารที่นี่"

"เหมือนกันคะสานัดเพื่อนๆมาทานที่นี่"

เราคุยกันอีก2-3คำก่อนที่เธอจะเดินไปที่ลานจอดรถ  ผมมองตามเธอด้วยความรู้สึกแปลกๆ เพราะช่วงเวลา2-3 เดือนที่ผ่านมา ผู้กองสาวคนนี้มีท่าทีแปลกๆกับผมมาตลอดนับตั้งแต่คดีที่มีคนถูกฆ่าตายยกบ้าน หลังจากนั้นผมรู้สึกว่าเธอมีอะไรในใจบางอย่างจากท่าทีที่เธอแสดงออกมาหลายๆครั้ง ทำให้ผมนึกย้อนไปในคืนนั้นคืนที่ผมกลับจากคอนโดหมอพลอยและเจอวิญญาณของกิ่งกาญจน์ที่มาหลบไอ้วิญญาณผีร้ายที่หน้าศาลเจ้าที่

ผมฟังจากที่เธอบอก ไอ้วิญญาณร้ายนี้มันคงไม่เลิกราง่ายๆ กิ่งกาณจน์บอกผมว่าเธอตั้งใจจะมาแหย่ผมเหมือนที่ผ่านๆมา แต่จู่ๆวิญญาณของทรงเดชมันก็โผล่มาและพุ่งเข้าหาเธอทันที มันรู้ว่าเธอเป็นวิญญาณที่อยู่ในบ้านผม ตอนนั้นเธอรู้ว่าหลบหนีมันไม่ทันเธอเลยขอท่านเจ้าที่คอนโดเข้าไปหลบอยู่ในรั้วคอนโด ซึ่งท่านเจ้าที่ก็ปราณีเธอให้เธอเข้ามาหลบ แต่พอผมเดินพ้นอาคารออกมา วิญญาณของมันที่วนเวียนอยู่หน้าคอนโดได้หายไปทันที

"แล้วคุณจะทำยังไงต่อดีละ ไอ้ส่งเดชมันอาฆาตคุณมากนะ มันทำอะไรคุณไม่ได้มันจะไปลงกับคนรอบข้างคุณ"

เธอบอกผมด้วยน้ำเสียงสั่นๆ คำพูดของเธอทำให้ผมพะวงไปถึงพลอย แต่นึกได้ว่าพลอยเองก็มีพระสวมที่คอเป็นพระเครื่องที่พ่อกับแม่เธอให้มา ทำให้ผมหมดห่วง ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะตอบกิ่งกาญจน์

"ก็ไม่ต้องทำอะไร คุณตาทวดท่านบอกไว้แล้วไง ของแบบนี้มันมีเวลาของมัน พอถึงเวลามันก็ไปของมันเอง ถึงจะให้ทำอะไรมันผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงปล่อยมันไป ทุกวันนี้ผมก็พยายามอุทิศส่วนกุศลให้มันตลอด แต่ผมรู้ว่ามันไม่ยอมรับก็แล้วแต่ตัวมันเอง"

กิ่งกาญจน์ดูจะเงียบไป ทำให้ผมได้ทีสั่งสอนเธอว่าให้อยู่แต่ในบ้าน เพราะไอ้วิญญาณร้ายมันทำอะไรเธอไม่ได้ ผมนึกว่าเธอไม่กล้าเถียงเพราะมันเป็นเรื่องจริง แต่ผมไม่รู้ว่าเธอเล่าให้ผมฟังไม่ตรงเท่าไหร่นัก ตอนนั้นเธอเองก็ตกใจมากและทำอะไรไม่ถูกพอเห็นวิญญาณร้ายมุ่งมาจะทำร้ายเธอ แต่มีอะไรบางอย่างบอกให้เธอหลบเข้ามาในคอนโด กำแพงไฟตรงหน้าที่เธอเห็นนั้นจู่ๆมีช่องว่างเปิดออก และเสียงนั้นบอกกับเธอให้หนีเข้าไปในช่องว่าง เธอรีบเข้าไปตรงช่องว่างนั้นทันที และทันทีที่เธอเข้าไปกำแพงไฟนั้นกลับมาประสานกันอีกครั้ง วิญญาณร้ายของทรงเดชตามเธอเข้ามาไม่ได้มันได้แต่ตะโกนด่าทอ สาปแช่งหมออินทรายุทธไม่หยุด จนท่านเจ้าที่ปรากฎร่างให้เธอเห็น ท่านไม่พูดอะไรกับวิญญาณร้ายดวงนั้นแค่ยกมือขึ้นชี้หน้า ทำให้มันหยุดด่าทอสาปแช่งและถอยห่างออกไป มันทำได้แค่วนเวียนไปมารอบๆคอนโดเท่านั้น

"จะทำอะไรมันก็ไม่ได้ ไม่ใช่หน้าที่ของเรา"

เสียงบ่นดังออกมาจากท่านเจ้าที่ของคอนโด ทำให้เธอรีบทรุดลงไปนั่งพับเพียบแล้วยกมือขึ้นมาพนม

"ขอบพระคุณท่านมากคะที่ช่วยหนู"

"ไม่ใช่ข้าหรอกที่ช่วยเจ้า มีคนมาขอร้องนะ ข้าเลยเปิดทางให้ หลบอยู่ในนี้ก่อนรอคุณหมอท่านลงมาแล้วเจ้าค่อยกลับไปด้วยกัน แต่ถ้าคุณหมอถามว่าเจ้าเข้ามาได้ยังไงเจ้าอย่าบอกเรื่องนี้เป็นอันขาด ให้บอกว่าเจ้าขอร้องข้าก็แล้วกัน แล้วอย่าซุกซนให้มากละ ครั้งนี้เจ้ารอดตัวครั้งหน้าเจ้าอาจไม่รอดก็ได้ วิญญาณนี้มันร้ายมากความอาฆาตมันสูง ข้าไปก่อนละ"

พอท่านเจ้าที่กล่าวจบตัวท่านค่อยๆเลือนหายไป กิ่งกาญจน์จึงก้มลงกราบท่านเจ้าที่และรอหมออินทรายุทธลงมา หลังจากนั้นผ่านไป2-3วัน ถึงภายนอกผมจะทำเฉยๆแต่ผมกังวลใจไม่เลิกกับความอาฆาตของวิญญาณร้ายดวงนี้ ถึงคุณตาทวดพระภูมิจะเคยบอกว่าถ้าถึงเวลาของมัน มันก็จะไปเอง ขอให้ผมอโหสิกรรมและแผ่เมตตาทำบุญให้มัน แต่ความกังวลของผมกลัวความอาฆาตของมันจะไปลงที่คนรอบข้าง ขนาดกิ่งกาญจน์ยังเกือบจะโดนมันทำร้ายแต่ผมเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี ได้แต่เก็บความกังวลไว้ในใจ จนช่วงบ่ายๆ ขณะที่ผมกำลังนั่งอ่านรายงานผลประกอบการของบริษัทที่ผมมีหุ้นอยู่ จู่ๆผมได้ยินเสียงของกิ่งกาญจน์

"คุณยังมีหุ้นอยู่ที่บริษัทนี้อีกหรือ ฉันนึกว่าคุณขายไปตั้งนานแล้ว"

"มันเป็นบริษัทที่คุณตาทวดกับคุณตาผมก่อตั้งขึ้นมานี่คุณ จะปล่อยไปหมดได้ยังไง"

ผมตอบเธอที่ปรากฏร่างขึ้นมาอยู่อีกด้านของโต๊ะทำงาน

"ก็จริงอยู่นะ แต่ฉันเห็นว่าคุณไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรกับที่นั่น คุณตาคุณคงจะปล่อยไปหลังจากที่คุณแม่คุณเสีย"

"ไม่หรอกคุณ ตอนนั้นคุณตาขายหุ้นไปตั้งแต่รู้ว่าคุณแม่ผมป่วยเพราะคุณแม่คงไปทำงานไม่ได้แล้ว และคุณตาเองก็ทำไม่ไหวแล้วหลังจากที่ปล่อยให้คุณแม่ขึ้นมาดูแลแทน ผมเองตอนนั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไร คุณตาตัดสินใจขายกิจการเพราะอยากให้บริษัทอยู่ต่อ แต่ยังถือหุ้นอยู่ 30 เปอร์เซ็นต์  และหุ้นก็ตกทอดมาถึงผมทุกวันนี้ไง แต่ผมไม่เข้าไปวุ่นวายอะไร นอกจากถือหุ้นรอรับเงินปันผลอย่างเดียว"

"มันก็ใช่เพราะคุณถือหุ้นน้อยกว่าเขา จะไปยุ่มย่ามก็ไม่ได้ ทางเจ้าของใหม่ถือหุ้นตั้ง 70 เปอร์เซ็นต์นี่"

"เขาถือ 40 เท่านั้นคุณ อีก 30 นะลุงอัสถือไว้ ผมมารู้ตอนโตว่าตอนที่คุณตาจะขายกิจการนะ ลุงอัสที่คุยกับแม่มาแล้วลุงอัสมาขอซื้อไว้ 30 เปอร์เซ็นต์ พอขายเรียบร้อยคนที่มาซื้อเขายังให้คุณตาผมเป็นประธานที่ปรึกษาของบริษัทอยู่ พอคุณตาเสียลุงอัสก็เข้าไปเป็นที่ปรึกษาแทน จนผมเรียนจบนะ หลังจากนั้นลุงอัสก็ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรแถมถอนตัวจากที่ปรึกษาอีก เป็นแค่คนถือหุ้นเท่านั้น ส่วนผมก็เหมือนกันไม่เข้าไปยุ่งอะไรอ่านแต่รายงานที่ทางนั้นส่งมาให้กับรับเงินปันผล แต่ตอนที่ผมกลับจากอเมริกาใหม่ๆ เขาก็มาเทียวไล้เทียวขื่อ ขอซื้อหุ้นจากผมนะ แต่ผมเฉยๆผมเข้าใจว่าเขาก็รอมานานแล้วละที่จะซื้อ แต่คงเกรงใจลุงอัส แต่พอรู้ว่าผมดูแลทรัพย์สินเองแล้วเขาเลยมาติดต่อขอซื้อ แต่ผมไม่ขายเขาก็ดูจะเคืองๆนะแต่ไม่พูดอะไรออกมา แต่มันตลกอยู่อย่างตอนนั้นเขาไม่เคยเอาชื่อผมมาเกี่ยวข้องกับบริษัทเลยเวลาจะไปโชว์ผลงาน มีแต่ส่งรายงานกับเงินปันผลให้เท่านั้น แต่พอคนเริ่มรู้จักผม เขารีบเอาชื่อผมมาโชว์ให้ใครๆรู้ว่าผมมีหุ้นอยู่ และมาขอให้มีชื่อเป็นที่ปรึกษาด้วยแต่ผมปฏิเสธไป"

"ถ้าอย่างนี้อนาคต คุณก็มีสิทธิ์ที่จะกลับมาเป็นเจ้าของบริษัทเหมือนเดิมนะสิ เพราะดูแล้วหุ้นที่ลุงคุณถืออยู่ก็คงมาถึงคุณในอนาคต"

"ไม่รู้สิ ผมไม่เคยคิดนะ เพราะเป็นเงินของลุงอัสและอีกอย่างลุงอัสใช้ชื่อมูลนิธิของลุงถือหุ้นนี้อยู่ มูลนิธิตั้งขึ้นหลังจากปู่กับย่าเสีย ผมหมายถึงพ่อกับแม่ของลุงอัสนะ ลุงอัสเลยตั้งมูลนิธิขึ้นมาเพื่อดูแลสิ่งที่ปู่กับย่าเคยทำไว้นะ อย่างค่าใช้จ่ายของวัดที่หลวงตาเคยเป็นเจ้าอาวาสอยู่มูลนิธิก็ดูแลให้อยู่ มันเป็นทรัพย์สินของลุงผมไม่อยากจะยุ่ง"

เธอพยักหน้าแล้วไม่ถามอะไรต่อ ช่วงวันสองวันนี้เวลามาโรงพยาบาลถ้าผมไม่มีงานที่เธอช่วยได้ เธอมักไม่ค่อยอยู่กับผมเท่าไหร่นักเธอบอกผมว่าท่านเจ้าที่ของโรงพยาบาลอนุญาตให้เธอไปนั่งสมาธิได้ที่ศาล ผมเองก็ไม่ได้ถามซักไซ้ว่าเพราะอะไรท่านเจ้าที่ถึงได้อนุญาตเธอ เพราะหลังจากคืนที่เธอต้องหลบวิญญาณร้ายของทรงเดชเข้ามาในคอนโด วันรุ่งขึ้นช่วงเย็นระหว่างที่ผมขับรถกลับบ้าน กิ่งกาญจน์ได้บอกกับผม

"นี่คุณหมอ ตอนนี้ช่วงที่อยู่โรงพยาบาลถ้าฉันหายไปนานๆคุณไม่ต้องตกใจนะ ฉันไม่ได้ไปไหนฉันไปนั่งสมาธิที่ศาลของโรงพยาบาล ท่านเจ้าที่ท่านอนุญาตให้ฉันไปนั่งสมาธิที่ศาลได้"

"อ้าวก็ดีนี่คุณ คุณจะได้ไม่ต้องมาบ่นว่าเบื่อ ไม่มีอะไรทำ"

ผมตอบเธอ เธอแค่พยักหน้าตอบรับเท่านั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมไม่มีวันรู้ มันมาจากที่เธอแอบไปด้อมๆมองๆที่หน้าโรงพยาบาล เพราะจะดูว่าวิญญาณไอ้ผีร้ายมันมาวนเวียนอยู่แถวหน้าโรงพยาบาลหรือเปล่า ทำให้เธอได้ยินเสียงเรียกจากบริเวณศาล

"กิ่งกาญจน์เจ้าไม่ต้องกลัวไปหรอก วิญญาณไอ้ทรงเดชมันไม่กล้ามาแถวนี้ มานี่มาเข้ามาในศาลมาหาข้าหน่อยสิ กิ่งกาญจน์"

เสียงที่กังวานแบบมีอำนาจทำให้เธอสะดุ้ง ก่อนที่วิญญาณของเธอจะเข้าไปในศาลพระภูมิตามคำเชิญ เธอเข้าในห้องที่กว้างใหญ่ เธอเห็นท่านเจ้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สีทองบนพื้นที่ยกสูง ท่านชี้ให้เธอไปนั่งเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างท่านออกไปเท่าไหร่ วิญญาณสาวยกมือไหว้ท่านก่อนจะไปนั่งบนเก้าอี้ที่ท่านชี้

"เจ้ากับข้าเองก็เห็นหน้าค่าตากันมาหลายวันแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกัน กังวลเรื่องไอ้ทรงเดชหรือยังไง"

"คะท่าน ดิฉันกลัวมันมาก"

"โอ๊ยไม่ต้องพิธีรีตอง คุยกันแบบธรรมดาเถอะ ข้าไม่ใช้คนเจ้ายศเจ้าอย่าง"

"คะคุณตา"

เธอรับคำทันทีพร้อมความโล่งใจที่ดูอีกฝ่ายไม่ดุอย่างที่คิด

"เออมันต้องแบบนี้ จะได้คุยกันสะดวก แล้วอย่างที่ข้าบอกนะเจ้าอยู่ที่บ้านคุณหมอยุทธ อยู่ที่โรงพยาบาลนี้ หรืออยู่ใกล้คุณหมอยุทธ เจ้าไม่ต้องไปกลัวอะไรมันทำอะไรไม่ได้ แต่เจ้าอย่าคึกคะนองซุกซนอย่างเมื่อคืนแล้วกันมันอันตราย เมื่อคืนนะมันตั้งใจจะจับเจ้าไปเป็นทาสรับใช้มันนะ ดีที่เจ้าหลบมันได้ ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อน"

สายตาที่มองเธออย่างปราณีพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มบอกมาที่เธออย่างผู้ใหญ่ที่มีความเมตตา ก่อนจะพูดกับเธอต่อ

"ข้าอนุญาตให้เจ้ามาที่นี่เพื่อมานั่งสมาธิได้ เจ้าจะได้ไม่เบื่อเวลาไม่มีอะไรทำ ตอนมีงานเจ้าก็ไปช่วยคุณหมอยุทธตามปกติ เจ้ามาที่นี่ทั้งปลอดภัยทั้งไม่กวนใจคุณหมอท่าน"

"ขอบพระคุณคุณตามากคะ ที่ให้ความเมตตา"

"ไม่เป็นไรหรอก เพราะตัวเจ้าเองก็มีภาระหน้าที่ช่วยงานคุณหมอยุทธอยู่ แต่อย่าลืมอย่างที่คุณหมอกับท่านกาษนติ ย้ำเตือนเจ้าว่าอย่าไปทำอะไรให้มันล้ำเส้น มันจะไม่ดีและมีผลร้ายตามมา ตัวอย่างเจ้าก็มีให้เห็นแล้ว"

"คะ แต่เอ่อท่านกาษนตินี่ใครคะ หนูไม่เคยได้ยิน"

"บ๊ะ พระภูมิเจ้าที่บ้านคุณหมอยุทธไง อะไรอยู่มาตั้งหลายวันยังไม่รู้จักชื่อท่านอีกหรือ"

ทำเอาเธอยิ้มแบบเขินๆพอได้ยินประโยคนี้

"หนูก็พึ่งรู้คะว่าคุณตาทวดท่านชื่อนี้ หนูไม่เคยถาม"

เสียงหัวเราะอย่างพอใจดังออกมา ทำให้เธอคลายความกลัวได้ไปมาก จึงกล้าที่จะคุยต่อ

"คุณตาคะถ้าอย่างนั้น หนูขอถามอะไรสักหน่อยได้ไหมคะ คือหนูสงสัย"

"ถามมา ตอบได้ข้าก็จะตอบ"

"อย่างคุณตากับคุณตาทวดนี่เป็นเทพหรือเปล่าคะ"

"เป็นสิ ถ้าไม่เป็นแล้วข้าจะดูแลโรงพยาบาลนี้ได้ยังไง โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลของหลวงต้องใช้เทพชั้นสูงพอสมควรมาดูแล"

"ถ้าอย่างนั้น หนูก็ต้องพูดราชาศัพท์ด้วยไหมคะ"

ท่านเจ้าที่รีบโบกมือห้าม

"ไม่ต้องๆเรียกอย่างนั้น ตัวข้าไม่ได้เป็นเชื้อพระวงศ์ มาข้าจะอธิบายให้เจ้าฟังเอาแบบเข้าใจง่ายๆ  การปกครองของพวกเทพหรือเทวดานี่ก็มีแบ่งกันออกไปมีชั้นยศศักดิ์ มีพวกเชื้อเจ้า ลองเทียบง่ายๆเจ้าจำได้หรือเปล่าเรื่องบรรดาศักดิ์ที่เรียกกันในสมัยก่อนนะ"

เธอนิ่งคิดไปสักครู่ก่อนจะตอบ

"พอจะนึกออกคะ ที่เรียกกันเป็นลำดับชั้น เริ่มจาก หมู่แล้วก็ไล่มาเป็น พัน,หมื่น,ขุน,หลวง,พระ,พระยา,และก็มาเจ้าพระยา และยังมีสมเด็จเจ้าพระยาอีกถูกไหมคะ"

ประโยคหลังเธอถามไปที่ท่านเจ้าที่

"บ๊ะ เก่งนี่ สมกับสมัยเป็นคนเจ้าก็เรียนเก่งอยู่แล้วนี่ ความจำเจ้าดีมาก ใช่เราลำดับขั้นกันแบบนี้ ส่วนเหนือไปกว่านั้นก็เทียบได้กับพวกเจ้า พวกเชื้อพระวงศ์ ที่อยู่ชั้นสูงสุดคือท่านมหาเทพแล้วก็ไล่ตามลำดับชั้นลงมา อย่างข้านี่ก็เทียบเท่ากับเจ้าพระยาสมัยนี้ก็ประมาณ รัฐมนตรีหรือนายกนั่นแหละ เจ้าถึงเห็นข้ามีบริวารคอยช่วยเหลืองานอยู่เยอะไง อย่างโรงพยาบาลนี้นอกเหนือจากเป็นเจ้าที่แล้วข้าก็ช่วยดูแลแทนพระพรหมท่านด้วย มีศาลของท่านอยู่ข้างๆ ศาลของข้าจะให้ท่านแบ่งภาคมาดูแลท่านก็คงไม่ไหว "

"อ๋อ หนูพอจะเข้าใจแล้วคะ ถ้าอย่างนั้นคุณตาทวดที่บ้านหมอยุทธคงประมาณคุณพระละมั้งคะ"

"โอ๊ยท่าน กาษนตินะหรือเมื่อก่อนท่านจัดอยู่ในพวกกึ่งเทพ แต่พอนานๆไปท่านก็บารมีมากขึ้นจนขึ้นเป็นเทพไปแล้ว ตอนนี้ท่านนะมีอาวุโสและมีบารมีมากกว่าข้า จะเรียกว่าชั้นยศของท่านนะเป็นสมเด็จเจ้าพระยาก็ได้ แต่ท่านรักสันโดษไม่ยอมไปไหน ท่านพอใจที่จะอยู่อย่างนี้ ตาทวดของคุณหมอยุทธท่านเก่งกล้ามีวิชาอาคมสูงมีคุณธรรมมีบารมี รวมทั้งพราหมณ์ที่ทำพิธีเชิญท่านมาดูแลบ้านด้วย  ไม่อย่างนั้นคงเชิญท่านมาดูแลบ้านไม่ได้ อีกอย่างตอนนี้ท่านมีภารกิจที่รับผิดชอบอันใหญ่หลวงนัก"

ประโยคหลังดูจะเป็นการเล่าความเป็นมาให้เธอฟัง ซึ่งหลังจากนั้นเธอได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าที่โรงพยาบาลซึ่งเธอรู้ดีว่าเธอไม่สามารถเล่าเรื่องพวกนี้ให้หมออินทรายุทธฟังได้ นอกจากนี้เธอยังได้ถามไปที่เจ้าที่ของโรงพยาบาลเพิ่มเติม

"คุณตาคะ แล้วเกี่ยวกับคุณหมอยุทธเอง คุณตาก็ไม่เคยไปแสดงตัวอะไรให้คุณหมอรับรู้ใช่ไหม"

"ใช่ ข้ากับหมอยุทธไม่จำเป็นต้องเจอกัน เราไม่ได้มีเรื่องที่จะข้องเกี่ยวกัน ตัวคุณหมอเองก็รู้ดีว่าไม่สมควรที่จะพูดคุยอะไรกับข้า ตอนนี้เขารู้แล้วว่าควรประพฤติตัวอย่างไรกับสิ่งพิเศษที่เขาได้มา"

กิ่งกาญจน์เองก็ยอมรับว่ามันมีอีกหลายอย่างที่เธอต้องเรียนรู้เพิ่มอีกมากแต่ยังดีที่มีผู้ใหญ่ให้ความเมตตาเธอ เธอยังอดนึกไม่ได้ว่าในคืนนั้นถ้าเธอไม่หลบเข้ามาในพื้นที่คอนโดมันจะเกิดอะไรกับดวงวิญญาณของเธอ ทั้งท่านพระภูมิที่บ้านและที่โรงพยาบาลต่างบอกเธอตรงกันว่าไอ้ดวงวิญญาณร้ายดวงนั้น มันจะจับเธอไปเป็นทาสรับใช้ ทำให้เธอกลัวอย่างมาก จนไม่กล้าซุกซนเหมือนเมื่อก่อน ท่านพระภูมิที่บ้านได้เตือนเธอเวลาออกไปข้างนอกให้อยู่ไม่ห่างหมอยุทธ ถ้าหมอจะไปไหน เธอต้องบอกหมอให้ขับรถมาแถวบ้านๆ เพราะไม่อย่างนั้นระหว่างทางดวงวิญญาณเธอที่ไม่มีอะไรคุ้มครองอาจถูกดวงวิญญาณร้ายนั้นดักจับก็เป็นได้ แต่สิ่งที่ยังเป็นปริศนาอยู่คือเสียงที่บอกให้เธอหลบและสิ่งที่ท่านเจ้าที่ของคอนโดบอกว่ามีคนมาขอร้องท่านให้เธอเข้ามาหลบ เธอนั้นมืดแปดด้านกับปริศนาเรื่องนี้อยู่ ระหว่างที่เธอกำลังครุ่นคิดกับเรื่องปริศนาที่เธอเจออยู่เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานของหมออินทรายุทธดังขึ้น

"กำลังมีศพที่ถูกไฟคลอกตายในบ้านเข้ามาให้ตรวจ"

ผมบอกเธอที่นั่งเงียบอยู่นานหลังจากผมวางสายโทรศัพท์

"เป็นคดีฆาตกรรมหรือเปล่าคุณ"

เธอถามด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น

"ไม่รู้เหมือนกัน ทางตำรวจกับพวกพิสูจน์หลักฐานยังไม่ชี้ชัด"

ผมตอบเธอก่อนจะไปเตรียมตัว ไม่นานนักศพถูกนำมาห้องชันสูตร คนตายนั้นเป็นผู้ชายสภาพศพอยู่ในร่างที่ไหม้เกรียมหงิกงอดูผิดรูปไปเล็กน้อยโดยเฉพาะตรงมือทั้ง 2 ข้าง และยังไม่รู้ว่าเป็นใครชื่ออะไร ผมเริ่มทำการพิสูจน์ศพตามขั้นตอนและระหว่างที่ผมกำลังเริ่มผ่าบริเวณลำคอ ผมได้ยินเสียงของกิ่งกาญจน์เรียกผม

"คุณๆๆ นั่นวิญญาณคนตายมาแล้ว"

ผมเงยหน้าขึ้นมามองเห็นวิญญาณคนตายยืนมองผมอยู่เป็นผู้ชายวับ 30 เศษๆที่ยืนอยู่อีกด้านของเตียงผ่าศพ วิญญาณนั้นมองมาที่ผมด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง ผมจึงถามไปทางกระแสจิตว่า

"คุณชื่ออะไร"

"คุณหมอเห็นผม และคุยกับผมได้"

วิญญาณดวงนั้นมีท่าทีประหลาดใจอย่างมากหลังจากได้ยินเสียงของผม

"ใช่ครับผมติดต่อกับคุณได้"

"แล้วผู้หญิงคนนั้น"

วิญญาณดวงนั้นถามผมพร้อมชี้ไปที่กิ่งกาญจน์

"เธอเป็นผู้ช่วยผมเอง"

"คุณหมอเลี้ยงผีได้ด้วย"

ผมหันไปมองเธอที่กำลังทำหน้าไม่พอใจ ทำเอาผมหัวเราะออกมาก่อนจะตอบ

"ไม่ใช่นะคุณเรื่องมันยาวแต่ว่าคุณชื่ออะไร"

"ผมชื่อวิชาญครับหมอ"

"เอาละอย่างนั้น คุณพอจะบอกผมได้หรือเปล่าว่าคุณตายเพราะอะไร"

"ได้ครับ"

วิญญาณคนตายเล่ารายละเอียดให้ผมฟังจนจบและทิ้งท้ายบอกกับผมและกิ่งกาญจน์ว่า

"ผมคงไม่เอาเรื่องเอาราวหรอกครับ มันเป็นกรรมของผมเอง ผมลาละครับ"

วิญญาณคนตายบอกทิ้งท้ายก่อนจะสลายร่างไปต่อหน้าผม

"ถ้าเรื่องที่เล่าเป็นความจริงมันเป็นฆาตกรรมนี่คุณ"

กิ่งกาญจน์รีบบอกผม

"ใช้ถ้าอย่างนั้นผมจะตรวจอย่างละเอียดหวังว่าจะเจอหลักฐานที่บ่งบอกว่าถูกฆ่าติดที่ศพบ้างนะถ้าไม่ถูกไฟเผาไปจนหมด"

ผมบอกกับกิ่งกาญจน์แล้วเริ่มทำการตรวจศพอย่างละเอียดจนเสร็จสิ้น หลังจากนั้นทางตำรวจเจ้าของคดีกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานคือผู้กองอลิสาได้มาพบกับผม ผมส่งรายงานให้ตำรวจดูประกอบกับภาพที่ผมถ่ายจากศพ

"รู้ชื่อคนตายหรือยังครับ"

ผมถามไปที่ตำรวจ

"ทราบแล้วครับคนตายชื่อวิชาญ อาศัยอยู่บ้านหลังนั้นคนเดียวครับ บ้านเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวอยู่ห่างจากชุมชนครับกว่าชาวบ้านจะรู้ก็ไหม้ไปเกือบครึ่งหลังแล้วครับหมอแถมทางเข้าก็แคบรถดับเพลิงเข้าไปไม่ถึงต้องลากสายเข้าไป ทำเอาไหม้ไปทั้งบ้าน พอไฟดับเราก็ซากศพของคนตายนอนอยู่กลางบ้านครับ ส่วนบ้านก็เหลือแต่ซากครับ"

ผมพยักหน้ารับทราบก่อนจะอธิบายรายละเอียดต่างๆที่ผมตรวจเจอในศพว่าในกระเพราะอาหารผมตรวจเจออาหารที่ยังไม่ย่อยสลายและน้ำในกระเพราะนั้นมีแอลกอฮอล์ผสมอยู่ด้วย ส่วนที่หลอดลมและปอดผมเจอคราบเขม่าของควัน

"เหมือนกับตายเพราะสำลักควัน"

ผู้กองสาวเปรยๆขึ้นมา

"บอกตรงๆผมยังไม่แน่ใจครับ เพราะดูจากสภาพศพแล้วดูผิดปกติเล็กน้อยที่ตรงมือทั้งสองข้างเหมือนกับถูกมัดแต่ไม่รอยให้เห็นชัดผมตัดส่วนชิ้นเนื้อตรงนั้นไปให้ทางแลปตรวจดูว่ามีสารตกค้างจากพวกเชือกหรือผ้าอยู่หรือเปล่าเพราะหาซากไม่เจอถ้ามีคงไหม้ไปหมดแล้ว ผมติดใจตรงนี้ครับ"

ผมบอกพร้อมกับชี้ให้ดูที่ข้อมือและสภาพของศพก่อนที่ผมจะผ่าบนหน้าจอ

"แล้วถ้าตรวจไม่เจออะไรละคะหมอ"

ผู้กองอลิสามองไปที่หน้าจอแล้วถามผมทันที 

"ถ้าไม่เจอก็อาจเป็นได้ว่า คนตายดื่มเหล้าจนเมาหลับไปแล้วมารู้สึกตัวตอนไฟเหล้าเลยเอามือมาปิดปากปิดจมูกก่อนสำลักควันตายครับ ทำให้ศพมีสภาพแบบนั้น"

ผมตอบเธอไปทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนตาย ก่อนจะบอกรายละเอียดส่วนอื่นๆ จนทั้งคู่ลากลับไปเสียงของกิ่งกาญจน์ดังขึ้นในดวงจิตของผม

"ตกลงงานนี้เราทำอะไรไม่ได้อีกใช่ไหมนี่ถ้านายวิชาญนั่นพูดความจริง"

 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

nowhereman

นายชาญไม่อาฆาต ไปสู่สุขติง่ายๆเลย แต่หมอคงต้องเรียกร้องความยุติธรรมแหละเนอะ

fufu22


เด็กสังน้อย

 ::Ahh::มึเรืองให้ต้องเจอผู้กองคนสวยอีกแล้วนะครับ

win69


thongdaeng_skk

วิญญาณ​ไอ้ส่งเดชจะไปเล่นงานหมอแต้วไหม

dawdom

จัดกันไวไปนิดนึงครับ น่าจะยาว ๆ กว่านี้อีกหน่อย

ชายชรา

หวังว่าวิญญาณของกิ่งกาญจน์จะไปโดนจับไปเป็นทาสรับใช้น่ะติดตามตอนต่อไปมาไวไวน่ะครับ

longman_44

ลึกลับซ่อนเงื่อนน่าติดตามว่าวิญญานสาวจะเสร็จคุณหมอเมื่อไร

kriangbaac

กิ่งกาญจน์ จะเสร็จหมอยุทธหรือปล่าวครับ

toooooom


x99

เคยมีแต่สืบจากศพ แต่เรื่องนี้สืบจากวิญญาณ เป็นทั้งหมอคน หมอผีในตัว

kopXIIII

สิ่งที่กิ่งกาญจน์ทำ ได้แค่บ่นเท่านั้น เพราะต่อให้รู้ความจริง คนอื่นไม่ได้รู้ตาม
มันจะเสียเพราะความใจร้อนเนี่ยแหละ

readder

สืบจากวิญญาณต้องจัดการเรียบเรียงให้ดีๆนะ

Taizen